4.4.3.4 สาเนาแสดงหลักฐาน เอกสารสิทธ์ิหรือสิทธ์ิในการทาประโยชน์ ท้ังนี้ อาจสามารถทดแทนด้วยเอกสารการรับรองสิทธ์ิอ่ืนของทางราชการ เช่ น สมุดทะเบียนเกษตรกรได้ (โดยหลักฐานดังกล่าวควรออกก่อนวันท่ี 31 ธ.ค. 2553 กรณีออกหลังวันท่ี 1 ธันวาคม 2553 หากไม่มีเหตุผลท่ีเหมาะสม เพียงพอจะไม่สามารถรับเข้ามาเปน็ สมาชิกได)้ 4.4.3.5 หลักฐานการจ่ายค่าภาษีท่ีดิน (ถ้ามี) สาหรับเกษตรกรท่ัวไป ท่ีมีท่ีดินมูลค่า ไม่เกิน 50 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษี (อ้างอิงจากพระราชบัญญัติภาษีท่ีดิน และส่งิ ปลูกสรา้ งปี 2562) 4.4.4 การพ้นสภาพการเป็นสมาชิกกลมุ่ การรับรอง 4.4.4.1 หากสมาชิกไม่ปฏิบตั ติ ามแนวทางการดาเนนิ งานของสหกรณ์ฯ ไมเ่ ข้าร่วมการอบรมเกิน 3 ครั้ง ไม่ให้ความร่วมมอื ในการตรวจติดตาม ครงั้ ท่ี 1 ไมใ่ ห้ความร่วมมือในการตรวจจาก CB หากสหกรณ์ฯ มีการแจ้งเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว 3 ครั้ง และสมาชิก ยงั ไมป่ ฏิบตั ติ าม สหกรณฯ์ สามารถใหส้ มาชิกพ้นสภาพไดโ้ ดยอตั โนมัติ 4.4.4.2 ไม่ให้ความร่วมมือในการดาเนินการปรับปรุงแก้ไขความไม่สอดคล้องตาม มาตรฐาน มอก.14061 ในระยะเวลาท่ีกาหนดทั้งจากการตรวจติดตามภายใน และการตรวจประเมนิ จากหน่วยงานภายนอก 4.4.4.3 มีการขายท่ีดินหรือเปล่ียนแปลงสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของใหม่และเจ้าของ ใหม่ไมส่ นใจเขา้ ร่วมโครงการ 4.4.4.4 สมาชิกมกี ารตดั โคน่ สวนยางและไม่มกี ารปลูกยางใหมภ่ ายในระยะเวลา 2 ปี 4.4.4.5 สมาชิกประสงค์ลาออกโดยสมคั รใจ 5. การดาเนนิ งานการจดั การสวนยางพาราอย่างยั่งยืนดา้ นเศรษฐกจิ 4.3.2.3, 4.3.7.1, 5.1 ป ิบัติการทางวนวัฒนวิทยา (การปลก การบารุงรักษา การเก็บเก่ียวน้ายาง ละทา ไม้ ละการปลกทด ทน)4.2.8.2, 4.2.9.1, 4.2.9.2, 4.3.1.1, 4.3.1.3, 4.4.1.2, 4.6.3.2 ความหมาย: “วนวัฒนวิทยา” (silviculture) มาจากคาว่า silvi (ป่ า + ต้นไม้) + culture (ปลูก) เป็นสาขาหน่ึงของวิชาวนศาสตร์ท่ีว่าด้วยการประยุกต์ศิลปและวิทยาศาสตร์เพ่ือ ควบคุมการเกิด การเติบโต องค์ประกอบ สุขภาพ และคุณภาพของหมู่ไม้เพ่ือตอบสนอง ความต้องการ และความพึงพอใจอันหลากหลายของสังคมอย่างย่ังยืน โดยแบ่งออกเป็น 2 สาขาหลัก คือ “รากฐานวนวัฒนวิทยา” (foundations of silviculture) หรือ “วนวัฒน์” (silvics) ท่ีว่าด้วยพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ และ “ปฏิบัติการทางวนวัฒน วิทยา” (practices of silviculture) ซ่ึงปฏิบัติการทางวนวัฒนวิทยา” (practices of silviculture) นี้ ถอื เปน็ กิจกรรมการดาเนินการส่วนใหญ่ในสวนป่ า ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 47
ชนิดพืชท่ีปลก4.5.5.1, 4.5.5.2, :4.7.13 ยางพารา (Hevea brasiliensis) เป็นพืชอุ ตสาหกรรมท่ี สาคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยปลูกยางพาราใน หลายภูมิภาคท่ัวประเทศ การท่ีจะได้น้ายางสดท่ีสะอาด มีคุณภาพ และคุ้มค่าต่อการ ลงทนุ จาเปน็ ตอ้ งจัดการสวนยางพาราท่ีดีต้งั แต่ปลูกจนถึงการจัดการหลังการเก็บเก่ียว ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการปลูกยางโดยเฉพาะอย่าง ย่ิงทางภาคใต้และบางจังหวัดของภาคตะวันออกซ่ึ งเป็นแหล่งปลูกยางเดิมซ่ึ งต่อมาได้มี การขยายพ้นื ท่ีปลูกยางไปแหลง่ ปลกู ยางใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือซ่ึงมี สภาพแวดล้อมไม่เอ้ืออานวยต่อการปลูกยางพารามากนัก เช่น ขาดความช้ืน อุณหภูมิ ต่า ลมแรงมีสภาพพ้ืนท่ีเป็นท่ีสูง ลาดชัน ความลึกของดิน โครงสร้างเนื้อดิน การ ระบายน้า ตน้ ยางท่ปี ลูกในภาคใต้สามารถเปิดกรดี ได้เร็วมากว่าต้นยางท่ีปลูกในภาคเหนือ และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ประมาณ 6 เดือน ซ่ึงภาคเหนือและภาคะวันออกเฉียงเหนือ กรีดได้เม่ืออายุ 7 ½ ปี ให้ผลผลิต 143 กิโลกรัมต่อไร่ 185 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลาดับ และในภาคใต้ผลผลิตเฉล่ีย 245 กิโลกรัมต่อไร่(อ้างอิงจากสานักงานเศรษฐกิจ การเกษตรปี 2559) การให้ผลผลิตของต้นยางไม่ว่าผลผลิตน้ายางหรือเนื้อไม้ ข้ึนอยู่กับ ปัจจยั 3 ประการ คือ พนั ธุย์ าง ความเหมาะสมของพืน้ ท่ี และการจดั การสวนยาง10 ขนั้ ตอนการดาเนนิ งานตามป ิบตั ิการทางวนวฒั นวทิ ยา 5.1.1. ตัว ทนกลมุ่ ชี้ จงปัจจยั ท่ีพิจารณาเพ่อื สารวจพ้ืนท่ีปลก ละการรวบรวม ขอ้ มลเพ่ือจัดทาบนั ทกลักษณะของพ้ืนท่ี ละการเลือกชนดิ พันธุ์ยาง ช่ือเอกสาร: ลกั ษณะพนื้ ท่ี กไ้ ขครงั้ ท่:ี วนั ท่ีออกเอกสาร: วันท่ีบงั คับใช้: รหสั เอกสาร: ผอ้ นมุ ัติ: ปัจจยั ท่ีพจิ ารณา ลักษณะ 1) สภาพภมอิ ากาศ 1) ปรมิ าณน้าฝนไมต่ ่ากวา่ 1,250 มิลลิเมตรตอ่ ปี 2) มจี านวนวนั ฝนตกประมาณ 120-150 วัน อุณหภูมเิ หมาะสมระหวา่ ง 26 oC ถึง 30 oC 1) พ้นื ท่ปี ลูกยางพาราตอ้ งเป็นไปตามข้อกาหนดของกฎหมายท่ีเก่ียวข้อง โดยมีหลักฐานแสดงสิทธ์ิใน 2) ลักษณะ การใช้ท่ดี นิ เป็นพ้ืนท่ที ่ีมีความลาดชันไม่เกิน 35 o หากในพ้นื ท่ีท่ีต้องการปลูกมีความลาดชันเกิน 15 ภมิประเทศ/สภาพพ้ืนท่ี o ตอ้ งทาขั้นบนั ได เพ่อื อนุรักษ์ดินและน้า 3) ดิน 1) เปน็ ดนิ ร่วนเหนยี วถงึ ดินร่วนทราย ไมเ่ ป็นดนิ เกลือ หรอื ดินเคม็ 2) หน้าดนิ ลกึ ไม่นอ้ ยกวา่ 1 เมตร ไม่มีช้ันหินแข็ง หรอื หนิ ดนิ ดาน 3) ระดับน้าใตด้ ินต่ากว่า 1 เมตร 4) การระบายน้าและการถ่ายเทอากาศดี 5) มีความเป็นกรด-ด่าง (pH) ประมาณ 4.5-5.5 6) ไม่เป็นพ้ืนท่ีนาหรือพ้ืนท่ีลุ่มน้าขัง สีของดินควรมีสีสม่าเสมอตลอดหน้าตัดดิน ดินไม่มีชั้นกรวดอัด แน่นหรือแผ่นหินสงู ในระดับสูงกว่า 1 เมตร เพราะจะทาให้ต้นยางไม่สามารถใช้น้าในระดับรากแขนง ในฤดูแลง้ ได้ หากช่วงแลง้ ยาวนานจะทาให้ตน้ ยางตายจากยอด 4) หล่งน้า 1) น้าฝนตามธรรมชาติ 10 อา้ งอิงบางส่วนจาก มาตรฐานสนิ ค้าเกษตร เร่อื ง การปฏบิ ัตทิ างการเกษตรท่ีดสี าหรับยางพารา เล่ม 1: การผลิตน้ายางสด, Good Agriculture Practices for Para Rubber Part1: Field Latex Production ค่มู อื กำรรับรองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 48
ช่ือเอกสาร: การคดั เลอื กชนิดพนั ธุ์ยาง ละวตั ถุประสงคก์ ารปลก ก้ไขครงั้ ท่:ี วนั ท่ีออกเอกสาร: วันท่บี งั คับใช้: รหสั เอกสาร: ผอ้ นุมัติ: 1) วัตถปุ ระสงค์ 1) เพ่ือควบคมุ การคดั เลอื กสายพนั ธุ์ยางพาราใหเ้ หมาะสมกับพน้ื ท่ีท่ีปลูกยางพารา 2) เพ่ือประโยชน์ทางเศรษฐกิจและผลผลิตท่ีสูง โดยการเลือกใช้พันธุ์ท่ีดีนั้นส่งผลให้ได้ผลผลิตสูง ต้น 2) ขนั้ ตอนการ ดาเนนิ งาน ยางพาราเจริญเติบโตดี เหมาะสมกับสภาพพ้นื ท่ี และสภาพอากาศ ตา้ นทานโรคและแมลงในพน้ื ท่ีได้ 1) วธิ กี ารคดั เลอื กพนั ธุย์ างพารา 1. พันธุ์ยางท่ีแนะนาให้ปลูกในพื้นท่ีภาคใต้และภาคตะวันออกตามหนังสือคาแนะนาพันธุ์ยางปี 2559 โดยสถาบันวิจยั ยาง การยางแห่งประเทศไทยมีรายละเอียดดังนี้ พันธุ์ยางชั้น 1 เป็นยางพันธุ์ดีท่ีผ่านการทดลองและศึกษาลักษณะต่าง ๆ อย่างละเอียดแนะนาให้ปลูก โดยไม่จากัด เนอ้ื ท่ีปลูก แบง่ เปน็ 3 กลุม่ ดังน้ี กลุ่ม 1 เป็นพันธุ์ยางเพ่ือผลผลิตน้ายาง ได้แก่ สถาบันวิจัยยาง 226, สถาบันวิจัยยาง 251, BPM24, RRIM 600 กลุ่ม 2 เป็นพันธุ์ยางเพ่อื ผลผลติ น้ายางและเนอ้ื ไม้ ได้แก่ PB 235 และ PB 260 กล่มุ 3 เป็นพนั ธุย์ างเพ่อื ผลผลติ เน้อื ไม้ ไดแ้ ก่ AVROS 2037 และ BPM 1 พันธุ์ยางช้ัน 2 เป็นยางพันธุ์ดีท่ีอยู่ระหว่างการทดลองและศึกษาลักษณะบางประการเพ่ิมเติมแนะนาให้ ปลูกได้ไมเ่ กินร้อยละ 50 ของเนื้อท่ปี ลูกยางท่ถี ือครองหรือปลกู ร่วมกัน พันธุ์ยางช้ัน 3 ได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของเนื้อท่ีปลูกยางท่ีถือครอง ได้แก่ สถาบันวิจัยยาง 403, สถาบันวิจัยยาง 406, สถาบันวิจัยยาง 408, สถาบันวิจัยยาง 3702, สถาบันวิจัยยาง 3801, สถาบันวิจัย ยาง 3802 พันธุ์ยางช้ัน 3 เป็นยางพันธุ์ดีท่ีอยู่ระหว่างการทดลองและข้อมูล จากัด แนะนาให้ปลูกได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของเนอื้ ท่ีปลูกยางท่ีถอื ครองหรือปลกู รว่ มกับพันธุ์ยางช้ัน 2 ได้แก่ สถาบันวิจัยยาง 3902, สถาบันวิจัยยาง 3903, สถาบันวิจัยยาง 3904, สถาบันวิจัยยาง 3905, สถาบันวิจัยยาง 3908, สถาบันวิจัยยาง 3909, IRCA 825, IRCA 871 2) ในการคัดเลอื กพันธุ์ยางต้องคานึงถึงปัจจยั ดังต่อไปนี้ 2.1 ความตอ้ งการของสมาชิกจะเลอื กพันธุย์ างปลกู วา่ ต้องการผลติ น้ายางหรอื เนอื้ ไม้ซ่ึงสมาชิกสามารถ ใช้ข้อมู ลจากคาแนะนาพันธุ ์ยางเป็นหลักในการพิจารณาเบ้ืองต้นได้เน่ืองจากข้อมู ลของพันธุ ์ยางแต่ละ พนั ธุม์ าจากผลการทดลองในพื้นท่ีและระยะเวลาท่ีแตกต่างกันและแต่ละสายพันธุม์ ีลักษณะการให้ผลผลิต ท่ีแตกตา่ งกัน เช่น บางพันธุ์ให้ผลผลิตสูงในระยะเร่ิมเปิดกรีดบางพันธุ์ให้ผลผลิตน้อยหรือปานกลางใน ระยะเร่ิมเปิดกรดี และเพ่ิมขนึ้ ในระยะตอ่ มา ดังนน้ั ในการพิจารณาข้อมูลผลผลิตจึงควรคานึงระยะปีกรีด ด้วย 2.2 การระบาดของโรคใหเ้ กษตรกรหลีกเล่ยี งการปลกู พันธุย์ างท่ีอ่อนแอต่อโรคท่ีระบาดในเขตพ้ืนท่ีท่ปี ลกู 2.3 พ้ืนท่ีท่ีมคี วามลาดชันสูงความลกึ ของหนา้ ดนิ ต้นื ระดบั น้าใตด้ นิ สูงให้พจิ ารณาตามข้อจากัดของพันธุ์ ท่ีระบุไว้ในแตล่ ะพนั ธุ์ 2.4 ในพ้นื ท่ปี ลูกท่มี ลี มแรงควรเลอื กใช้พันธุ์ยางท่ีตา้ นทานลม อา้ งองิ คู่มือการปลกู ยางพาราการยางแหง่ ประเทศไทย 5.1.2. การปลก 49 5.1.2.1 การเตรียมพ้ืนท่ี ค่มู ือกำรรับรองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline)
ช่ือเอกสาร: การเตรยี มพื้นท่ี กไ้ ขครัง้ ท่:ี วันท่อี อกเอกสาร: วนั ท่ีบงั คบั ใช้: รหัสเอกสาร: ผอ้ นุมตั ิ: 1) วตั ถุประสงค์ เพ่ือใช้ในการเตรียมพน้ื ท่ีของสมาชิก 2) วิธกี ารเตรียมพืน้ ท่ี 1) การเตรียมพืน้ ท่ีปลูกยาง 1. การทาความสะอาดพื้นท่ี กาจัดวัชพืช (ถาง เก็บ ริบ) ท้ังนี้ มีการปรับพื้นท่ีให้เหมาะสมและทาลาย เศษเหลือของพืชใหเ้ หลอื นอ้ ยท่ีสดุ โดยอาจเหลอื เศษซากพืชคลุมดนิ เพ่อื ลดสูญเสยี ธาตอุ าหาร4.4.6.2 2. ทาแนวกนั ไฟ ควรทาแนวป้องกนั ไฟกว้าง 8-10 เมตรให้รอบแปลง4.3.6.1 3. จัดทาขอบเขตป้าย สัญลกั ษณ์ แสดงแนวเขตท่ชี ัดเจน4.1.2.2 (ภาพท่ี 17) 3) การปลกซ่อม ภาพท่ี 17 ท่มี า: https://www.thairath.co.th/news/local/south/1053567 4. ควรพิจารณาเว้นระยะห่างจากพ้ืนท่ีกันชน (Buffer zone) พื้นท่ีกันออก (set-aside area) และ การจัดเขต (zoning) ตามความเหมาะสมของพนื้ ท่ี4.3.3.2. 2) การวางแนวและขุดหลมุ ปลูกยาง ควรคานงึ ถงึ : 1. ความลาดเอียงของพืน้ ท่ี: ถ้าพืน้ ท่ีลาดชันควรวางแถวขวางทางน้าไหล 2. ทศิ ทางลม: ในเขตท่ลี มแรงด้านเหนือลมควรปลกู ไมโ้ ตเร็วเป็นแนวตลอดแปลงกอ่ น 3. แนวตะวนั ออก-ตก: ถา้ ต้องการปลูกพืชแซมยางให้ปลูกแนวตะวันออก-ตก 3) ระยะปลูก 1. 3 x 7 เมตร (76 ตน้ /ไร)่ สาหรับท่ีราบ 2. 3 x 8 เมตร (67 ต้น/ไร่) สาหรบั ท่ลี าดเอยี ง 1) หลังจากการปลูกแล้วมีต้นยางพาราบางต้นตายไปเน่ืองจากสภาพอากาศ ถูกโรคและแมลงทาลาย ถูกไฟ ไหม้ หรือกล้าพันธุ์ท่ีปลูกไม่สมบูรณ์ จาเป็นต้องปลูกซ่อม ดังน้ัน ควรทาให้เสร็จภายในฤดูฝนต้นพันธุ์ท่ี เหมาะสมสาหรับปลูกซ่อมคอื ยางชาถงุ เพราะทาให้ต้นยางท่ีปลูกในแปลงมีขนาดไล่เล่ียกัน ส่วนต้นยางท่ีมีอายุ เกิน 1 ปีข้นึ ไปแล้วไม่ควรปลูกซ่อมเพราะอาจถกู บงั รม่ ไมส่ ามารถเจริญเติบโตทันตน้ อ่ืนได้ 2) การปลูกซ่อมเน้นใช้วัสดุท่ีต้องมีขนาดความเจริญเติบโตเหมาะกับวัสดุปลูกเดิมและง่ายต่อการปลูกและเม่ือ ปลกู ตอ้ งตรงตามฤดูกาลและคนท่ีปลกู ซ่อมทนั ทหี ากพบวา่ มีต้นกล้าตายรวม ทั้งต้องมีการวางแผนล่วงหน้า และปลกู ให้เสรจ็ สน้ิ ภายในปีแรกของการปลกู สร้างสวนยาง 5.1.2.2 การปลูก ช่ือเอกสาร: การปลก รหัสเอกสาร: กไ้ ขครงั้ ท่:ี วนั ท่ีบังคบั ใช้: ผ้อนุมัติ: วนั ท่อี อกเอกสาร: ค่มู ือกำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline) 50
1) วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือควบคุมการปลูกยางพาราให้มปี ระสิทธภิ าพอย่างถูกต้องและเหมาะสม 2) ขนั้ ตอนการ 1) ขุดหลุมขนาด 50 x 50 x 50 ซม. รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหินฟอสเฟต หลุมละ 170 กรัม หรือ ผสมร็อค ดาเนนิ งาน ฟอสเฟตกับปุ๋ยอินทรีย์จานวน 25 กก. ต่อร็อคฟอสเฟต 1 กระสอบ (50 กก.) ผสมโดยใช้เสียมหรือพล่ัว คลุกเคล้าใหเ้ ขา้ กนั แล้วนาดนิ ชั้นบนท่แี ยกไว้ตอนขุดหลุมทุ่มท่ีก้นหลุม หลังจากนั้นนาดินชั้นล่างท่ีแยกไว้ตอน ขุดหลุมกลบหลุมส่วนท่ีเหลือ พร้อมกับตวงสารรองก้นหลุมท่ีผสมไว้จานวน 170 กรัมคลุกเคล้า กับดินช้ัน ลา่ ง ท้ังนี้ มีข้อควรระวัง เร่ืองการใช้ปุ๋ยสูตรหรือปุ๋ยคอกรองก้นหลุมอาจทาให้เกิดเชื้อราได้เพราะอาจมีเช้ือ รา ทาลายกลา้ ยางพาราได้ 2) ควรปลกู ในช่วงต้นฝน 3) การติดตาในแปลง โดยการเพาะเมลด็ ในหลุมปลูกแล้วนาตาพนั ธุ์ดีไปตดิ บนต้นตอเม่ือได้ขนาด 4) การปลูกด้วยยางชาถุง โดยการนายางชาถุง 1-2 ฉัตร ท่ีสมบูรณ์แข็งแรง ผ่านการเตรียมความพร้อมแล้ว ลงปลกู ในแปลง ใหร้ อยตอ่ ระหว่างรากกับตาอยูร่ ะดับปากหลุม 5) สวนป่ าต้องมีการป้องกันไม้อนุรักษ์ในพ้ืนท่ีตั้งแต่ก่อนปลูกและส่งเสริมการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ท่ียืนต้นตายหรือไม้ล้ม ต้นไม้ท่ีเป็นโครงไม้พุ่มและพันธุ์ไม้หายากเป็นพิเศษโดยต้องติดตามและ ประเมนิ ผลความหลากหลายของตน้ ไม้เหลา่ นใี้ นทุกปี4.5.12.3 5.1.3. การบารุงรักษา4.5.9.1, 4.5.9.2, 4.5.9.3 5.1.3.1 การใส่ปุ๋ ย4.3.10.1, 4.3.10.2, 4.3.10.3, 4.5.9.1, 4.5.9.2, 4.5.9.3 ช่ือเอกสาร: การใส่ป๋ ุย ก้ไขครงั้ ท่:ี วนั ท่อี อกเอกสาร: วนั ท่บี งั คบั ใช้: รหสั เอกสาร: ผอ้ นุมตั ิ: 1) วัตถุประสงค์ เพ่อื ควบคุมการใช้ปุ๋ยให้มปี ระสิทธิภาพอย่างถูกตอ้ งเหมาะสม 2) ขนั้ ตอนการ 1) การใส่ปุ๋ยตน้ ยางกอ่ นเปิดกรีด บารุงสูตร 20-8-20 ใส่ปีละ 2 คร้ัง และควรใส่ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ ดาเนนิ งาน อายุยาง อัตราสว่ นป๋ ุย (กรมั ต่อตน้ ) (ปี ) ดนิ รว่ นเหนยี ว ดนิ ร่วนทราย 1 100 140 2 150 210 3 230 320 4 240 330 5 260 360 6 270 370 2) การใสป่ ุ๋ยยางพาราหลังเปิดกรีด 1. ปุ๋ยสตู ร 30-5-18 2. แบ่งใส่ 2 ครงั้ ๆ ละ 500 กรัมต่อต้น 3. คร้ังแรกตน้ ฤดูฝน เดอื นเมษายนถงึ พฤษภาคม 4. ครัง้ ท่ี 2 เดือนสงิ หาคมถงึ กันยายน 5. หว่านหา่ งจากโคนตน้ ยาง ประมาณ 3 เมตร ค่มู ือกำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline) 51
5.1.3.2 การปลกู พืชคลุมดิน4.6.4.2 ช่ือเอกสาร: การปลกพชื คลมุ ดิน กไ้ ขครงั้ ท่:ี วนั ท่ีออกเอกสาร: วนั ท่ีบงั คบั ใช้: รหัสเอกสาร: ผอ้ นมุ ัติ: 1) วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือรกั ษาความชุ่มชื้นในดนิ 2) ชนิดของพชื ชนิดของพชื คลมุ ดนิ ตระกลู ถ่วั ท่ีใช้ปลกู ในสวนยางท่สี าคญั มี 4 ชนิด คือ คลมุ ดนิ 1) คาโลโปโกเนียม (Calopogonium mucunoides) เป็นพืชคลุมท่ีเจริญเติบโตได้รวดเร็วสามารถคลุมพื้นท่ี 3) วิธีการปลก ละ ทั้งหมดภายหลงั ปลกู ภายใน 2-3 เดอื น แตจ่ ะตายภายใน 18-24 เดือน มีเมล็ดเล็ก แบน สีน้าตาลอ่อนเกือบ ข้อเสนอ นะ เหลือง มเี มลด็ ประมาณ 65,000 เมล็ด/กโิ ลกรัม 2) เพอราเรยี (Pueraria phaseoloides) เป็นพืชคลมุ ท่เี จริญเติบโตค่อนข้างเร็ว สามารถคลุมพ้ืนท่ีท้ังหมดหลัง ปลูกภายใน 5-6 เดอื น คลุมดินได้ดเี ม่ืออายุเกนิ 2 ปี ควบคุมวัชพืชได้ดีกว่าพืชคลุมอ่ืนอยู่ภายใต้ร่มเงาได้ดี ใบใหญ่หนา เมลด็ เล็กค่อนขา้ งกลม ยาว สนี ้าตาลแก่ มเี มลด็ ประมาณ 76,000 เมลด็ /กิโลกรมั 3) เซนโตรซีมา (Centrosema pubescens) เป็นพืชคลุมท่ีเจริญเติบโตช้า แต่หนาทึบและอยู่ได้นาน ขึ้นได้ดี ภายใต้ร่มเงา ใบเล็ก เมล็ดเลก็ แบน มีลาย และมีเมล็ดประมาณ 40,000 เมล็ด/กโิ ลกรมั 4) ซีรูเลียม (Calopogonium caeruleaum) เป็นพืชคลุมท่ีเจริญเติบโตในระยะแรกช้า สามารถคลุมพื้นท่ีได้ หนาแน่นภายใน 4-6 เดือน ทนทานต่อร่มเงาได้ดี ไม่ตายในหน้าแล้งใบสีเขียวเข้มค่อนข้างหนาและเป็นมัน แผ่นใบมีขน เมล็ดมีสีเขียวอ่อนจนถึงน้าตาลแก่ ผิวเมล็ดเรียบเป็นมันวาว มีเมล็ดประมาณ 26,200 เมล็ด/ กโิ ลกรมั 1) เมล็ดพืชคลุมชนิดน้ีในระยะแรกจะเจริญ เติบโตค่อนข้างช้า อาจจะเจริญเติบโตสู้วัชพืชไม่ได้จึงจาเป็นต้อง เตรียมพื้นท่ีใหด้ ี ควรจะไถพรวนและฉดี ยาและคุมวชั พืชดว้ ยก่อนการปลูกพืชคลุม 2) แช่เมล็ดพืชคลุมด้วยน้าอุ่นอุณหภูมิประมาณ 75 องศาเซลเซียส เวลา 12- 24 ช่ัวโมง เทน้าท่ีแช่ท้ิงแล้วห่อ ผ้าให้เมล็ดหมาด จึงคลุกกับปุ๋ยหินฟอสเฟต(0-3-0) นาไปปลูกต้นฤดูฝน และควรปลูกให้หมดในแต่ละคร้ัง แต่ถ้าใช้วิธีเพาะชาในถุงเพาะชาขนาด 2x4 นิ้ว ไว้ก่อนนาไปปลูกสามารถคัดเลือกเฉพาะเมล็ดท่ีอมน้าและ เปลือกน่ิมแล้ว โดยสังเกตได้จากเมล็ดมีขนาดพองโตข้ึนมาก นาไปหยอดในถุงชา ถุงละ 2-3 เมล็ด ส่วน เมล็ดท่ยี งั แขง็ อยู่ ใหน้ าไปแช่น้าอุน่ ซ้าโดยวิธีเดมิ อกี รอบ จะได้เมลด็ พรอ้ มปลูกเพ่มิ ข้ึน 3) ควรปลูกพชื คลมุ ห่างจากแถวยาง 2 เมตร ขึ้นไป และปลูกพืชคลุมเพียง 2-3 แถวโดยการปลูกเป็นหลุมห่าง กนั หลมุ ละ 50-75 เซนติเมตร ลึก 1-2 นว้ิ ใช้เมล็ดซีรูเลียม 2-3 เมล็ด/หลุม การปลูกตามวิธีนี้เมล็ดพืชคลุม 1 กิโลกรมั สามารถปลูกในสวนยางไดป้ ระมาณ 4-5 ไร่ อา้ งองิ : https://km.raot.co.th/km-knowledge/detail/157 เน่ืองจากพืชคลุมแต่ละชนิดมีการเจริญเติบโตและสมบัติท่ีดีแตกต่างกัน ดังนั้น เพ่ือให้การปลูกพืชคลุมมี ประสทิ ธภิ าพ คลุมพืน้ ท่ดี ินไดร้ วดเร็ว ทนตอ่ สภาพร่มเงา และความแห้งแลง้ และมปี ริมาณเศษซากท่ีจะสลายตัว ใหธ้ าตอุ าหารในดินไดม้ าก จึงควรผสมเมล็ดพชื คลมุ หลายชนิดเขา้ ดว้ ยกัน ค่มู ือกำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline) 52
5.1.3.3 การตดั แต่งก่ิง ช่ือเอกสาร: การตดั ตง่ ก่งิ กไ้ ขครัง้ ท่:ี วนั ท่ีออกเอกสาร: วันท่ีบงั คับใช้: รหัสเอกสาร: ผ้อนุมตั ิ: 1) วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือสร้างทรงพุ่มให้เหมาะสมและเพ่ือช่วยให้ต้นยางมีทรงพุ่มแข็งแรง เจริญเติบโตเร็ว ลดปัญหาความ เสียหายท่ีเกิดจากลมและโรคยาง ตลอดจนเป็นการเตรียมพ้ืนท่ีบริเวณลาต้นให้เหมาะสมต่อการกรีดยาง 2) วสั ดุ ละอุปกรณท์ ่ใี ช้ ตน้ ยางมีความสมบูรณ์สามารถเกบ็ เก่ยี วผลผลิตได้สงู อยา่ งตอ่ เน่อื งยาวนาน ในช่วงหลังเปิดกรีด ตัด ตง่ ก่งิ 1) กรรไกรตัดแตง่ ก่ิง 3) ระยะเวลาท่ีเหมาะสม 2) มีด/ เล่อื ยแตง่ ก่ิง ต่อการตดั ต่งก่งิ 3) ปูนแดง หรือปูนขาว หรอื สนี ้ามนั พรอ้ มแปรง 4) การเลือกใช้วธิ ี ตดั ตง่ ก่งิ ช่วงเวลาท่ีเหมาะสมต่อการตัดแต่งก่ิงยาง คือ ช่วงปลายฤดูฝน ก่อนเข้าสู่ฤดูแล้ง ซ่ึงมีสภาพอากาศและ 5) วิธกี ารตดั ตง่ ก่ิง สภาพดินช้ืนอยู่บา้ ง ต้นยาง ขนึ้ อยู่กับอายุยาง สภาพทรงพุม่ และจุดมุง่ หมายของการ ตดั แตง่ ซ่ึงแบง่ เป็น 4 ลกั ษณะใหญ่ ๆ ได้แก่ 1) การตัดแตง่ ก่งิ ยางออ่ น 2) การตดั แตง่ เพ่อื ควบคุมทรงพุม่ ให้มพี น้ื ท่ีใบเหมาะสม 3) การตัดแต่งก่ิงเพ่อื ป้องกันความเสียหายจากลม 4) การตัดแตง่ ก่งิ ต้นยางท่ีเกดิ ความเสียหายจากลม ตัดแตง่ ก่ิงยางอ่อนปีท่ี 1 ช่วงปลายฝน ตัดริดลาต้นเหลือยอดไว้ใช้สีน้ามันหรือปูนขาวทาแผลท่ีจุ ดตัด ให้ ตัดก่งิ แขนงเหลอื ก่งิ กระโดงก่งิ เดยี วยอดยางสงู ไมย่ อมแตกก่ิง ห้ามตัดยอดเด็ดขาดเพราะต้องการเล้ียงต้น ใหส้ งู ตรงระยะกรีดมาก 5.1.3.4 การป้องกันภยั และภยั พิบตั ติ ่าง ๆ ก้ไขครัง้ ท่:ี ช่ือเอกสาร: การป้ องกันภยั ละภยั พิบัติต่าง ๆ ผ้อนมุ ตั ิ: วนั ท่อี อก วันท่บี ังคบั ใช้: รหัสเอกสาร: xxx เอกสาร: วว/ดด/ปป xxx วว/ดด/ปป เพ่อื ป้องกันภัยและภยั พบิ ัตติ ่าง ๆ 1) วัตถปุ ระสงค์ 2) ภยั ละภยั พิบัตติ ่าง ๆ 2.1 ไฟไหม้ในสวนยาง4.3.4.1, 4.3.4.2, 4.3.5.1,4.3.5.2, 4.3.6.1 สาเหตุ การป้ องกัน มาตรการ/การ กไ้ ขเม่ือต้นยางถกไฟ 1. เกิดจากก้นบุ หร่ีท่ีมีผู้ท้ิงไว้ หรือเกิด 1. ทาแนวกันไฟ เพ่ือป้ องกันไฟท่ีลุกลามมา ไหม้ จากสวนข้างเคียงเกิดไฟไหม้แล้ว จากบริเวณข้างเคียง โดยการขุด ถาก ในกรณีท่ีถูกไฟไหม้ไม่รุนแรงนัก ควรใช้ ปู นขาวผสมน้าอัตรา 1:1 ท้ิงไว้ค้างคืน ลุกลามเข้ามาในสวนยาง วัชพืช และเก็บเศษซากพืช หรือไถบริเวณ แล้วทาลาต้น เพ่ือป้องกันความร้อนจาก แสงแดด และป้ องกันต้นยางสูญเสียน้า 2. ไฟป่ าตามธรรมชาติ ประกอบกับ รอบสวนยาง ออกเป็นแนวกว้างประมาณ รวมทั้งโรคและแมลง อาจเข้าทาลาย ในช่ วงหน้าแล้งมีเชื้อไฟจากวัชพืชท่ี 3-5 เมตร สาหรับ สวนยางขนาดใหญ่ หากเปลือกต้นยางบริเวณท่ีถูกไฟไหม้แตก ออก ใหใ้ ช้มดี คม ๆ ปาดเอาส่วนท่เี สียหาย แห้งตาย วัสดุคลุมโคนต้นยางและใบ ควรทาแนวกับไฟภายในสวนระหว่างแถว ออก แล้วใช้สีน้ามันทาปิ ดทับ เพ่ือช่วยให้ รอยแผลหายได้เร็วข้ึน หากต้นยางได้รับ ยางร่วง ทาให้ไฟไหม้ขยายตัวได้ ยางทกุ ๆ 100 เมตร ความเสียหายมากจนไม่อาจรักษาหน้ายาง อย่างรวดเรว็ 2. การกาจัดวัชพืช ควรกาจัดวัชพืชบริเวณ ได้เกนิ ร้อยละ 40 ของทงั้ สวน ควรทาการ แถวยางออกให้หมดข้างละ 1 เมตร ใช้วิธี ปลกู ใหม่ ถาก หรือตัดออก แล้วนาเศษมาคลุมโคน ต้น ควรหลีกเล่ียงการใช้สารเคมีกาจัด วชั พืชในหนา้ แล้ง เพราะวชั พชื ท่ียืนแห้งตาย อาจเป็นเช้ือไฟได้อย่างดี ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline) 53
วันท่ีออก ช่ือเอกสาร: การป้ องกนั ภยั ละภยั พิบตั ติ ่าง ๆ กไ้ ขครัง้ ท่:ี เอกสาร: วันท่ีบังคบั ใช้: ผ้อนุมัติ: วว/ดด/ปป รหสั เอกสาร: xxx วว/ดด/ปป xxx ภาพ 2.2โรคยางพารา4.3.4.1, 4.3.4.2, 4.3.5.1,4.3.5.2, การป้ องกนั ละกาจัด โรค-ลักษณะอาการ - ปลูกยางพนั ธุ์ตา้ นทาน คือ RRIT 251, BPM 24, PB 260, PR โรครา ป้ ง สาเหต:ุ เกิดจากเช้ือรา 255, RRIC 110 และ RRIM 600 ลักษณะอาการ: ใบอ่อนรว่ ง ใบท่ี ไม่ร่วง แผน่ ใบจะมีแผลขนาดไม่ - ใช้สารป้องกนั กาจัดโรค คือ เบโนมิล 50% WP อัตรา 20 แน่นอน มีปุยเช้ือรา สีขาวเทา กรมั ต่อน้า 20 ลิตร วิธีใช้ ต้นยางอายุน้อย กวา่ 2 ปี ให้พน่ โรคใบรว่ ง ละฝักเน่า พุ่มใบ ตั้งแต่เร่มิ ผลิใบอ่อนทุก 7 วัน สาเหตุ: เกิดจากเชื้อรา ลักษณะอาการ: ใบร่วง ก้านใบช้า - ปลูกยางพนั ธุต์ า้ นทาน คอื RRIT 251, พนั ธุส์ งขลา 36, BPM สีดามีน้ายางเกาะติดอยู่ ฝักยางจะ เนา่ ดา และไมแ่ ตกรว่ ง 24, PB 260, PR 255 และ RRIC 110 ตดั แตง่ ก่ิงและกาจัด จากตน้ วัชพืชในสวนยางใหโ้ ลง่ เตยี น เพ่ือลดความชื้นและความรุนแรง โรคใบจุดกา้ งปลา ของโรค สาเหตุ: เกดิ จากเชื้อรา ลักษณะอาการ: แผลบนใบมีสอง - ใช้สารป้องกนั กาจดั โรค คอื เมทาแลกซิล 35 SD ลักษณะ เป็นจุ ดกลมทึบ สีน้าตาล ดา ขอบแผลสีเหลืองและแผลลาย หรือฟอสอีทิล ก้างปลาต่อมาใบจะร่วง สาหรับ แผลบนก่ิงก้านเป็นรูปยาวรี ตาม - อะลมู ิเนยี ม 80% WP อตั รา 40 กรัม ต่อน้า 20 ลิตร วิธีใช้ ความยาวของก่งิ ก้าน กลางแผลจะ ช้า ต่อมาก่งิ ก้าน จะแหง้ ตาย ตน้ ยางอายุน้อยกว่า 2 ปี ใหพ้ ่นพุ่มใบยางก่อนฤดูกาลโรค โรคราสีชมพ ระบาด สาเหตุ: เกดิ จากเชื้อรา ลักษณะอาการ: บริเวณท่ีถูก - ปลกู ยางพันธุ์ตา้ นทานโรค คอื RRIT 251 ทาลายจะเป็นรอยปริมนี ้ายางไหลซึม - ตดั แตง่ ก่ิงกา้ นและกาจดั วัชพชื ในสวนยางให้โลง่ เตยี น เพ่อื ลด เปน็ ทางยาว และมีเสน้ ใยสขี าวคล้าย ใยแมงมุมปกคลุม เม่ือเช้ือราเจริญ ความชื้นและความรุนแรงของโรค ลกุ ลามเข้าถงึ เนอ้ื ไม้จะเหน็ ผวิ เปลือก เป็นแผ่นสีชมพู และมีก่ิงใหม่แตก - ไมค่ วรปลูกงา ถ่วั เหลอื ง และมะละกอ ในพื้นท่ีท่ีมกี ารระบาด ออกบริเวณใตร้ อยแผล ของโรค เน่ืองจากเปน็ พืชอาศยั ของโรค โรคเส้นดา สาเหตุ: เกิดจากเช้ือรา - ใช้สารป้องกนั กาจดั โรคคอื ไตรดมี อร์ฟ 75% EC อตั รา 10 มลิ ลลิ ติ ร ตอ่ น้า 20 ลติ ร หรือบีโนมลิ 50% WP อตั รา 40 กรมั ต่อน้า 20 ลิตร วธิ ใี ช้ ตน้ ยางอายุน้อยกวา่ 2 ปี ให้ พ่นพุม่ ใบตงั้ แต่เร่ิมผลิใบออ่ น ทุก 7 วัน - ปลูกยางพันธุ์ตา้ นทาน คือ RRIT 251, BPM 24, PB 260, PR 255 และ RRIC 110 - ตัดแตง่ ก่งิ ก้าน และกาจดั วัชพชื ในสวนยางใหโ้ ล่งเตยี น เพ่อื ลด ความช้ืนและความรุนแรงลง - ตน้ ท่เี ปน็ โรค ใหต้ ัดสว่ นท่โี รคต่ากว่ารอยแผล 2-3 นิว้ เผาส่วน ท่ีเปน็ โรค ทาสารป้องกนั โรคเคลือบรอยแผลท่ีตดั - ใช้สารเคมปี ้องกนั กาจัดโรค คือ เบโนมิล 50% WP อตั รา 2-4 กก. ต่อน้า 20 ลติ ร หรอื ไตรดีมอร์ฟ 75% WP อตั รา 1200- 2400 มิลลิลิตร ต่อน้า 20 ลติ ร วิธใี ช้ ขูดเปลือกบริเวณแผล ออกแล้วทาสารเคมีทุกวนั - ปลูกยางพันธุ์ตา้ นทาน คอื RRIT 251, พันธุส์ งขลา 36, BPM 24, PB 260, PR 255 และ RRIC 110 ค่มู ือกำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline) 54
วันท่ีออก ช่ือเอกสาร: การป้ องกันภยั ละภยั พิบตั ิตา่ ง ๆ กไ้ ขครัง้ ท่:ี วันท่บี ังคบั ใช้: ผ้อนมุ ตั ิ: รหสั เอกสาร: xxx เอกสาร: วว/ดด/ปป xxx ก้ไขครงั้ ท่:ี วว/ดด/ปป ผ้อนุมตั ิ: ลกั ษณะอาการ: บริเวณเหนือรอย - ตดั แต่งก่ิงและกาจัดวชั พชื ในสวนยางใหโ้ ลง่ เตยี น เพ่ือลด กรีดเป็นรอยช้า ต่อมาเป็นรอยบุ๋ม ความช้ืนและความรุนแรงของโรค ขยายตัวตามแนวขนานกับลาต้น - ไม่ควรเปิดกรดี ยางในช่วงฤดูฝน เพ่อื ป้องกันการเกดิ โรคเส้น เม่ือเฉือนเปลือกออกให้ลึกถึงเน้ือไม้ จะเห็นลายเสน้ สีดาบนเนอ้ื ไม้ ดา - ใช้สารป้องกนั กาจัดโรค คือ เมทาแลกซิล 35% SD อัตรา 280 กรัม ต่อน้า 20 ลิตร หรือ ออกซาดกิ ซิล+แมนโคเซบ (10%+56% WP) อตั รา 20 มลิ ลลิ ิตร ต่อน้า 20 ลติ ร โรครากขาว - พน้ื ท่ีท่ีมกี ารระบาดของโรค ไมค่ วรปลูกพริกขีห้ นู มะเขอื เปราะ สาเหตุ: เกิดจากเชื้อรา มันเทศ มันสาปะหลัง น้อยหน่า ลองกอง สะตอ จาปาดะ ลักษณะอาการ: พุ่มใบมีสีเหลือง สะเดาเทียม ทัง และทเุ รียน เพราะเป็นพืชอาศยั ของโรค บางสว่ นหรือทั้งต้น เม่ือขุดดูรากจะ พบเส้นใยสีขาวปลาย แบน เกาะติด - ขุดคลู ้อมรอบต้นยางท่ีเป็นโรค ไม่ให้รากยางท่ีเปน็ โรคสมั ผัสกับ อยูบ่ นผวิ ราก เม่อื เส้นใยแก่ จะกลม นูนสีเหลืองซี ด มีดอกเห็ดเกิด รากท่ีไมเ่ ป็นโรค บริเวณโคนต้น ลักษณะเป็น แผ่น แข็งคร่ึงวงกลมแผ่นเดียวหรือซ้อน - ใช้สารป้องกนั กาจัดโรค คอื ไซโพรโคนาโซล 10% SL หรือ กันเป็นช้ัน ๆ ผิวด้านบนของดอก เห็นเป็นสีเหลืองส้ม โดยมีสีเข้มและ ไตรดีมอรฟ์ 75% EC อตั รา 100-200 มล. ตอ่ น้า 20 ลิตร อ่ อ น เ รี ย ง ส ลั บ กั น เ ป็ น ว ง ผิ ว หรอื โพรพิโคนาโซล 25% EC อัตรา 200 มล. ตอ่ น้า 20 ลติ ร ด้านล่างเป็นสีส้มแดงหรือน้าตาล หรอื เฟนพิโคลนิล 40% FS อตั รา 66-100 กรมั ต่อน้า 20 ลติ ร วิธีใช้ ขุดดินรอบโคนต้นเป็นร่องกว้างและลกึ ประมาณ 10-15 ซม. ราดสารเคมลี งในร่อง ตน้ ละ 2-3 ลติ ร ทุก 6 เดือน (อา้ งองิ ข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยยางสรุ าษฎรธ์ านี) ขอบดอกเปน็ สีขาว 5.1.3.5 การกาจดั วชั พืช ช่ือเอกสาร: การกาจัดวชั พชื วนั ท่ีออกเอกสาร: วันท่ีบงั คับใช้: รหสั เอกสาร: 1) วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือกาจดั วชั พชื หรือพืชท่ีไม่ต้องการออกจากพื้นท่ี 2) วิธกี ารกาจดั 1) ใช้จอบถากหรือแทรกเตอร์ไถ วัชพชื 2) ใช้วิธีปลูกพืชคลุมดนิ 3) การใช้สารเคมี ค่มู ือกำรรับรองกำรจัดกำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุม่ (Group Certification Guideline) 55
5.1.1 การเก็บเก่ียวน้ายาง4.4.5.1, 4.4.5,2 ช่ือเอกสาร: การกรดี ยาง ก้ไขครัง้ ท่:ี วันท่ีออกเอกสาร: วันท่บี งั คบั ใช้: รหสั เอกสาร: ผ้อนมุ ตั ิ: 1) วตั ถุประสงค์ เพ่ือให้การเก็บเก่ียวน้ายางไดผ้ ลผลติ สงู สดุ เหมาะสมตามหลักวิชาการ 2) ขนั้ ตอน รายละเอียด การเปิดกรดี หน้ายาง: 1) ขนาดของตน้ ยาง วดั ท่ีระดบั ความสูงจากพน้ื ดนิ 150 ซม.ต้องมขี นาดรอบลาตน้ 50 ซม.ข้นึ ไป 2) เปิดกรดี ได้ท่ีระดับความสงู 150 ซม. ขอ้ ควรพิจารณาในการเปิดกรดี 3) ใช้ระบบกรดี คร่ึงตน้ วันเว้นวัน 4) การกรดี หนา้ ท่ี 2 จะต้องเปิดกรีดท่ีระดับความสูง 150 ซม. 5) ความลาดเอยี งของรอยกรีด ทามุม 30 องศากับแนวระดับ หลักในการกรีดยางและ 1) กรีดได้น้ายางมากท่ีสดุ ระบบกรีดท่ีดี 2) ตน้ ยางเสยี หายน้อยท่สี ุด 3) กรดี ได้นานท่สี ดุ 4) สนิ้ เปลืองคา่ ใช้จ่ายน้อยท่ีสุด ข้อควรจาในการกรดี ยาง 1) ไม่กรีดยางขณะต้นเปียก 2) กอ่ นกรดี ยางควรทาความสะอาดถ้วยยางเสมอ 3) มดี กรีดยางควรลับใหค้ มเสมอ 4) ควรกรีดในตอนเช้า 5) ไมก่ รดี ถงึ เย่ือเจรญิ และกรดี เปลอื กหนา 2.5 มม.ต่อทุกครั้งกรีด 6) เม่อื เกบ็ น้ายางแล้วควรคว่าถ้วย 7) หยุดกรดี ในฤดูยางผลดั ใบ 5.1.2 การทาไมย้ างพารา4.2.1, 4.3.2.2, 4.4.5.2, 4.6.3.1, 4.6.3.2, 4.6.3.3 ช่ือเอกสาร: การทาไม้ยางพารา กไ้ ขครัง้ ท่:ี วนั ท่ีออกเอกสาร: วนั ท่ีบงั คบั ใช้: รหัสเอกสาร: ผ้อนุมตั ิ: 1) วัตถุประสงค์ เพ่อื ใหก้ ารตัดโคน่ ไมย้ างพาราถกู ตอ้ งและเพ่ิมความระมัดระวังระหว่างการปฏิบัติงาน ช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและลด อาการบาดเจบ็ และลดความเส่ียงท่จี ะเกิดอุบตั เิ หตุระหวา่ งการปฏิบัติงาน 2) อุปกรณ์ งานตดั ไม้ เคร่อื งมือ 1. เล่ือยยนต์ 2. รถบรรทกุ 3) ข้อควรระวงั 1) เคร่ืองมือและอุปกรณท์ ่ีใช้ต้องอยูใ่ นบรเิ วณท่ีเข้าถึงงา่ ยและไม่ไดร้ ับผลกระทบจากการทาไม้ ละข้อควร 2) พน้ื ท่ใี นการทาไม้จะตอ้ งมีความกวา้ ง-ยาว เพียงพอสาหรบั วางเคร่อื งจกั รและเข้าถงึ ไดง้ า่ ยกรณีท่เี กดิ เหตฉุ กุ เฉิน พจิ ารณา 3) เทคนิคการตัดฟันจะต้องออกแบบเพ่ือลดความเสียหายต่อการแตกหักของไม้ท่อน การลดคุณภาพไม้ท่อนและความ เสียหายตอ่ ไม้ท่ปี ลกู ไว้ 4) ต้นไม้ท่ียืนต้นตายและมีความเส่ียงท่ีจะเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติงานจะต้องทาการตัดฟันโดยผู้มีทักษะและคานึงถึง ความปลอดภยั ของผู้ปฏิบัตงิ านเป็นหลกั 4.5.12.3 5) ในกรณที ่มี ีแผนการล้มไม้ในบรเิ วณท่ีมไี มย้ นื ตน้ ตายจาเป็นต้องดาเนินงานกับต้นไม้ท่ีเป็นอันตรายและนาออกไปก่อนการ ปฏิบัติงาน4.5.12.3 6) ของเสียท่ีเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการทาไม้ควรมีน้อยท่ีสุดและต้องเหลือซากอินทรียวัตถุท่ีพอเหมาะบนพื้นป่ าเพ่ือการ อนุรักษ์ดนิ และน้า เช่น เศษใบไม้ เป็นต้น4.4.6.2 7) มกี ารคานึงถงึ การลดผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดล้อมจากการทาไม้ เช่น ผลกระทบต่อดิน การพังทลายหน้าดิน การอัดแน่น ของดนิ มลพิษแหล่งน้าและการร่วั ไหลของน้ามัน และสารเคมี4.6.1.1] 8) หากน้ามันร่ัวไหลใหก้ าจดั น้ามนั ด้วยวิธกี ารดูดซับน้ามัน หรอื อาจนาขเี้ ล่ือย ทราย และแกลบ มากลบ ทั้งน้ี ให้บันทึกลง ค่มู อื กำรรับรองกำรจัดกำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 56
ช่ือเอกสาร: การทาไม้ยางพารา กไ้ ขครงั้ ท่:ี ผ้อนมุ ตั ิ: วนั ท่ีออกเอกสาร: วันท่บี ังคบั ใช้: รหสั เอกสาร: ในสมุดบันทึกของสมาชิกดว้ ย4.3.7.1, 4.3.7.3 9) การดาเนนิ งานควรสอดคล้องตามหลกั การของ ILO 10)กอ่ นการตัดควรคานงึ ถงึ ลักษณะภูมปิ ระเทศและความลาดชันของพืน้ ท่ีก่อน 11) ค่าใช้จา่ ยและคุ้มค่าในการตดั ฟัน 12)กรณีมกี ารจ้างเหมาสวน (outsource) ใหร้ ะบุในเอกสารหรือสญั ญา เพ่ือการควบคมุ ขน้ั ตอนการดาเนินงาน 4) กระบวนการ 1) วางแผนการตัดฟันตามรอบตดั ฟัน ทาไม้ 2) การลม้ ไม:้ โดยท่วั ไปจะทาโดยการบากหนา้ และลัดหลัง 3) การทอนไม้: เป็นการตัดไมท้ ่ีลม้ แล้วให้เปน็ ทอ่ นซุงขนาดท่สี น้ั ลงขนึ้ อยู่กบั ความตอ้ งการของตลาดปลายทาง 4) การลิดก่ิง: เปน็ การลิดก่งิ ไม้ท่ียังยนื ต้นอยู่เพ่อื กาจัดก่งิ กา้ นสาขาให้หลดุ ออกจากตน้ เพ่ือให้งา่ ยต่อการขนส่ง 5) การขนสง่ : เป็นการนาไมเ้ คล่อื นท่จี ากจุดท่มี กี ารทาไม้ไปยังสถานท่ีปลายทาง 5) การทาไม้ 1) การกาหนดรอบตดั ฟั นของการทาไม้ยางพารา การยาง ห่งประเทศไทย กาหนดรอบตัดฟั น (Rotation) ของ ไม้ยางพาราท่ปี ลกออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี้4.5.4.1 1.1 กลมุ่ รอบตัดฟันสั้น เป็นการปลูกสวนยางพาราท่ีกาหนดอายุการตัดฟันไว้ท่ีอายุต่ากว่า 20 ปี โดยมีเป้าหมายหลักเพ่ือนาไม้ท่อนท่ีมี ขนาดความโตเพียงพอต่อการนามาใช้เป็นวัตถุดิบสาหรับการแปรรูป และผลิตเฟอร์นิเจอร์ เป็นด้านหลัก ทั้งนี้ จะไม่ คานึงถึงเป้าหมายดา้ นรายได้จากการกรีดน้ายางแต่อยา่ งใด การคดั เลอื กพันธุ์ จะคดั เลือกชนิดพนั ธุ์ จะคดั เลือกชนิดพนั ธุไ์ ม้ยางพารา ท่ีเจริญเติบโตเร็วและให้ผลผลิตเนื้อไม้สูง นามาปลูกทดแทนหลงั การโค่นลม้ ทาไม้ออก เม่อื ครบอายุรอบการตัดฟันฯ โดยการปลูกทดแทนจะดาเนินการภายหลังการ ตัด 1-2 ปี 1.2 กลุ่มรอบตัดฟันยาว เป็นการกาหนดอายุการตัดฟันไม้ยางพาราท่ีปลูก ไว้ท่ี 20-25 ปี โดยมีเป้าหมายรายได้หลักจากการกรีดน้ายาง ในช่วงอายุระหวา่ ง 7-25 ปี หลังการปลูก และรายได้รองจากการโค่นล้ม ตัดฟันไม้ยางพารา ท่ีครบรอบอายุการตัดฟัน หรือไมส่ ามารถกรดี น้ายางไดอ้ ีกต่อไป เม่ืออายุระหวา่ ง 20-25 ปี การคัดเลือกพันธุ์ จะคัดเลือกพันธุ์ท่ีให้น้ายางดีเป็นหลัก มาปลูกทดแทนหลังจากการโค่นล้มล้มทาไม้ออกเม่ือครบ อายุรอบการตัดฟัน โดยการปลูกทดแทนจะดาเนนิ การภายหลังการตัด 1-2 ปี 2) ปัจจยั ท่ใี ช้ในการกาหนดรอบตดั ไม้ยางพาราของกลมุ่ 2.1 ยางพารามีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไปหรือสวนยางพาราได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติต่าง ๆ แต่เน้ือไม้ สามารถนามาใช้ประโยชนใ์ นอุตสาหกรรมไม้ได้ 2.2 ปริมาณน้ายางพาราลดลงไมค่ ุม้ คา่ จา้ งแรงงานในการกรีดเอาน้ายางพารา คา่ ปุ๋ย คา่ บารุงรักษา อ่นื ๆ 2.3 หน้ากรีดเสียหายมากเกินไปหรือมีอายุกรีดมากเกินไปหรือมีอายุกรีดมากกว่า 25 ปี ไม่มีหน้ากรีดท่ีสามารถกรีด เอาน้ายางไดอ้ กี ต่อไปไม่คุ้มกับคา่ จ้างกรีดยางพารา 2.4 สภาวะเศรษฐกจิ หรือตอ้ งการเปล่ยี นชนิดไมท้ ่ีปลูกและเหตผุ ลตา่ ง ๆ 3) การทาไม้ยางพารา เกณฑ์การพิจารณาในการตดั ฟั นหรือการล้มไม้ การล้มไมด้ ว้ ยเคร่อื งมอื พ้นื เมืองหรือเล่อื ยยนต์ มหี ลักเกณฑท์ ่ีต้องพจิ ารณา 5 ประการ คอื 1. ความเอนเอียงของต้นไม้ท่ีจะล้ม (Leaning of the tree) ถ้าต้นไม้เอนมากไม่อาจฝืนได้ จาเป็นต้องล้มไม้ไปตาม ทศิ ทางท่ีตน้ ไม้เอน 2. ลักษณะของเรือนยอดของต้นไม้ท่ีจะล้ม (Shape of crown) เรือนยอดของต้นไม้ค่อนไปทางใดมากโอกาสท่ีไม้จะล้ม ไปทางนัน้ ก็มีมาก 3. ทศิ ทางลม (Wind) ไม่ควรล้มไม้ในขณะท่มี ลี มพดั จัดเพราะไม่สามารถควบคุมทิศทางไมท้ ่ลี ้มได้ 4. จัดทางหลบภัย (Clear the escape way) ต้องถางทางหลบภัยไว้ให้พร้อมเพ่ือความปลอดภัยของผู้ล้มไม้ ทางปลอดภัยของผู้ล้มไม้คือทิศทาง 45o ทางด้านหลังของตอไม้ อย่ายืนตรงข้ามกับทิศทางของไม้ล้มเพราะต้นไม้ ค่มู ือกำรรับรองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 57
ช่ือเอกสาร: การทาไม้ยางพารา ก้ไขครงั้ ท่:ี วนั ท่ีออกเอกสาร: วนั ท่ีบังคับใช้: รหสั เอกสาร: ผ้อนมุ ัติ: อาจพุ่งถอยหลังทาให้เกดิ อันตรายได้ 5. ความลาดซันของพ้ืนท่ี การตดั ฟั นหรือการลม้ ไม้ 1. ผูท้ าไม้ต้องเลือกไมย้ างพาราท่มี ีอายุ 20-25 ปีข้ึนไป หรือไมส่ ามารถใหผ้ ลผลิตน้ายางไดอ้ ีก 2. ในกรณีท่ีพื้นท่ีสวนยางท่ีตอ้ งการตดั โคน่ มบี ริเวณมากกว่า 100 ไร่ ให้ศึกษาพื้นท่ีเพ่ือแบ่งพ้ืนท่ีท่ีจะทาการตัดฟันแต่ ละสว่ นก่อนเพ่อื ให้เกดิ ผลกระทบน้อยท่ีสุดและสามารถนาไมท้ ่อนออกมาได้สะดวก ผู้ทาไม้จะตัดโค่นต้นยางในพ้ืนท่ีแล้ว ทาการทอนลาตน้ และก่งิ ออกมาทยอยส่งตามโรงงานก่อนเพ่ือป้องกันไม่ให้เน้ือไม้แห้งเกินไป แล้วจึงการตัดโค่นต่อไป จนหมดแปลง 3. ก่อนโคน่ ตน้ ยางตอ้ งทาลายวัชพชื ทกุ ชนดิ เช่น หญา้ คา 4. การตัดฟันไม้ยางพาราหรือการโค่นเป็นแบบ Clear Cut ซ่ึงผู้ทาไม้จะใช้รถไถดันต้นยางให้ล้มท้ังต้นหรือใช้เล่ือยยนต์ ตัดใหเ้ หลอื สว่ นของตอไม้นอ้ ยท่สี ดุ เท่าท่จี ะทาได้ 4.1 การบากหน้า (Under cut or Notch) จะต้องบากหน้าเป็นรูปล่ิมท่ีโคนในทิศทางท่ีต้องการให้ไม้ล้มโดยบากลึก เขา้ ไปประมาณ ¼ ของเสน้ ผ่านศนู ย์กลางของตน้ ไม้ท่จี ะลม้ 4.2 การลัดหลงั (Back cut or Falling cut) ตรงระดับท่ีสงู กวา่ บากหน้าประมาณ 2-3 ซม. หรอื 1 นิว้ คร่ึง การลม้ ละการตดั ทอนไมบ้ นท่ลี าดซันเกินกวา่ 35o โดยหลักการส่วนใหญ่จะคล้ายกับการทาไม้ในท่ีราบ แต่จะมีส่วนท่ีแตกต่างกันตรงลักษณะพ้ืนท่ีท่ีมีความเส่ียงต่อการเกิด ผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม ความเสียหายท่เี กดิ กบั ไม้ หรือแม้แตอ่ นั ตรายท่ีอาจเกิดกับผูท้ าไมห้ รือผู้ตัดไม้เอง ดังนั้น การล้ม ไม้หรือการทอนไม้บนท่ีลาดเขาหรือพ้ืนท่ีลาดชันเกินกว่า 35o จึงต้องเพ่ิมความระมัดระวังเก่ียวกับความปลอดภัยมากข้ึน เปน็ พิเศษ ดังน้ี 1. มกี ารกาหนดเขตอันตราย หรอื อาจมีเคร่อื งหมายแสดงเขตอันตรายท่ีชัดเจน 2. ในการล้มไม้ ต้นไมท้ ุกต้นควรลม้ ลงเขา เพ่ือลดความเสียหายท่ีจะเกิดขน้ึ กบั ไม้ 3. ต้นไมท้ ่จี ะลม้ ต้นใดอยู่บนลาดเขา ซ่ึงเหน็ วา่ มีอันตรายมากหรืออาจจะส่งผลให้เกิดการพังทลายของดินหรือผลกระทบ ดา้ นอ่นื และไม่อาจหลกี เส่ียงได้ ควรเว้น 4. การล้มไม้หรอื ทอนไมเ้ ปน็ กลุม่ บนลาดเขา ไม่ควรให้คนงานคนหน่ึงคนใดลม้ ไม้หรือทอนไม้อยู่ทางต้นบนเขาและควรทาท่ี กันไม้ไหล่ไว้ โดยใช้ไม้ท่ีตัดตันแรก ๆ ผู กติดกับตอไม้หรือต้นไม้อ่ืนไว้ด้วยโซ่หรือเชือก เพ่ือกันไม่ให้ไม้ท่ีล้มหรือทอน ต้นตอ่ ไป ไหลลงมาทาอันตรายแกค่ นขา้ งลา่ ง 5. กรณีการชักลากไม้ออกจากพื้นท่ีลาดเขา แล้วอาจจะต้องใช้ช้างช่ วยในการชักลากลงมาจนถึงจุ ดท่ียานพาหนะ สามารถเข้าไปได้ โดยช้างท่นี ามาใช้รวมถึงผู้ควบคุมช้างควรไดร้ ับการฝึกหดั และมปี ระสบการณเ์ ป็นอยา่ งดีมาแล้ว 6. ในการตัดฟันหรือสม้ ไม้ในพน้ื ท่ที ่ีจัดเปน็ Restoration Zone ควรแจ้งให้ผูเ้ ก่ยี วข้องในพน้ื ท่ที ราบ การล้มไม้ ละการทอนไม้ในพื้นท่ีท่ีติด หล่งน้าลาธาร หรือในเขต Buffer Zone ละพ้ืนท่ีกันออก (set aside area)4.2.1.2, 4.3.1.4, 4.3.3.2, 4.4.3.3. ในกรณีท่ีเกษตรกรมีความประสงค์ท่ีจะตัดฟั นไม้ยางพาราออกจากพื้นท่ีท่ีติดแหล่งน้าลาธาร หรือ Buffer Zone และ พน้ื ท่ีกันออก (set aside area) ใหป้ ฏิบตั ิดงั น้ี 1. พน้ื ท่ีท่จี ะตดั ฟันมีการทดแทนของพันธุ์ไม้ชนิดอ่ืนจนถึงระดับท่ีม่ันใจว่า เม่ือทาการตัดฟันไม้ยางพาราออกจากพื้นท่ี แลว้ จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ หรือเกิดผลกระทบน้อยท่สี ดุ แตถ่ ้าเล่ยี งไดก้ ็ไม่ควรตดั ฟันไมย้ างพาราบรเิ วณนั้นออก 2. ในการปลูกทดแทนจะตอ้ งเว้นพื้นท่ดี ังกลา่ วไว้ โดยไม่ปลูกยางพาราลงไปอีก การตดั ฟั นหรือลม้ ไม้ท่ีอย่ตดิ ถนน หรอื สายไฟฟ้ า ใหป้ บิ ัติ ดังน้ี 1. ผูท้ าไมต้ ้องเลอื กตดั ต้นท่อี ยูด่ า้ นในก่อน โดยเวน้ ส่วนท่อี ยู่รมิ ถนนหรอื ติดสายไฟฟ้าไว้ 2. เม่ือจะโคน่ ให้ใช้เชือกผูกและดงึ รั้งใหเ้ อนเข้ามาในพื้นท่ีโดยให้ลม้ ตรงข้ามกบั ถนนหรือสายไฟฟ้า 3. ผู้ทาหน้าท่เี ล่ือยต้องทาการบากหน้าดา้ นตรงข้ามกบั สายไฟ จากนน้ั เล่อื ยอกี ด้านหน่ึง การทอนไม้ ละทอนก่ิง 1. เม่ือโค่นตน้ ยางพาราลงแล้ว คนงานจะใช้เล่ือยยนต์ตัดลาตน้ และก่งึ ใหไ้ ดข้ นาดตามท่ีต้องการ โดยแบง่ ดังน้ี ค่มู ือกำรรับรองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 58
ช่ือเอกสาร: การทาไมย้ างพารา กไ้ ขครัง้ ท่:ี ผ้อนมุ ตั ิ: วนั ท่อี อกเอกสาร: วันท่บี งั คบั ใช้: รหสั เอกสาร: 1.1 สว่ นท่เี ปน็ ลาต้นท่เี รียก “ไม้น้อง” จะถูกตดั ขนาดความยาวท่อนประมาณท่อนละ 1.5-2.5 เมตร 2. วิธีการทอนไม้มดี งั น้ี 2.1 การทอนไม้ท่ใี ช้ดน้ ลา่ งของใบเล่ือยท่ีโซ่หมุนเข้าหาตัวผู้ตัด (Backward-running part of chain) ในการทอนไม้ ซ่ึง เป็นวิธีท่ีปลอดภัยท่ีสุดและสูญเสียกาลังน้อยท่ีสุด น้าหนักของเล่ือยยนต์จะช่วยให้มีกาลังตัดไม้สูงข้ึนเหมาะสาหรับ การทอนไมท้ ่ีวางอยูใ่ นลักษณะปกติ การทอนวธิ นี ีเ้ ม่อื ทอ่ นไมจ้ ะขาดจากันเนื้อไม้มกั จะฉกี 2.2 การทอนไม้ท่ใี ช้ส่วนบนของใบเล่ือยยนตท์ ่โี ซ่เล่ือยว่ิงออกจากตัวผู้ตัดไม้ (Forward-running) จะควบคุมเคร่ืองเล่ือย ได้ยากและเส่ียงต่อการดีดกลับของเล่อื ย เหมาะสาหรบั การทอนไม้ท่วี างพาดอยู่บนรอ่ งหรือพาดอยู่บนก้อนหิน ไม้ท่ี ทอนจะไม่หนีบเล่ือยยนต์ และป้องกนั ไมใ่ ห้ไม้ฉีก 2.3 ในกรณีท่ีปลายข้างหน่ึงของต้นท่ีจะทอนลอยตัวอยู่ ควรหาหมอนไม้รองส่วนท่ีลอยตัวไว้ แล้วใช้เล่ือยตัดจาก ขา้ งลา่ งข้นึ ราว ¼ ของต้นแล้วจงึ ใช้เล่ือยตดั จากขา้ งบนลงมาให้รอยตัดตรงกนั จะช่วยใหไ้ มท้ ่ีตดั ทอนไม่ฉกี ออก 3. ผู้รับเหมาทาไม้ต้องอธิบายวิธีการตัดฟันและทอนก่ิงอย่างปลอดภัยให้แก่คนงานทาไม้พร้อม ท้ังแจกอุปกรณ์ป้องกัน อันตรายส่วนบุคคลตามความจาเป็นของงาน เช่น ถุงมือ, ท่อี ุดห,ู แวน่ ใส เปน็ ต้น ความปลอดภัยในการลม้ ไม้ 1. ตวั แทนกลมุ่ หรอื ผู้ทาไมต้ ้องจดั เตรยี มอุปกรณค์ ้มุ ครองความปลอดภัยขณะปฏิบัติงาน ดงั นี้ 2. ต้องจัดให้มีการอบรมเร่ืองความปลอดภัยในการทางานและการใช้เคร่ืองมืออย่างปลอดภัยแก่คนงานตัดไม้และ ผูเ้ ก่ยี วข้อง ทุกครัง้ ท่ีมีการขออนมุ ตั ิตดั ไมแ้ ตล่ ะรอบ โดยแจง้ มายงั ตวั แทนกลุ่ม 3. คนงานและผู้เก่ยี วข้องในการทางานตดั ไม้ ต้องปฏิบตั ิตามขั้นตอนการทางานอย่างเคร่งครัดเพ่ือความปลอดภัย การล้มไม้ดว้ ยรถ ทรกเตอร์ ใหป้ ิบตั ิดังนี้ 1. นับแถวตน้ ยางพารามา 3 หรือ 4 แถว จึงเร่ิมใช้รถแทรกเตอร์ดันต้นท่ี 1 ให้ล้มไปทางช่องว่างระหว่างต้นยาง และดัน ตน้ ตอ่ ไปในทางเดียวกนั โดยใหถ้ อนรากขนึ้ มาดว้ ยจนหมดแถว 2. ดนั ต้นยางท่ลี ม้ แล้วเรียงให้เป็นแถว เพ่อื ใหง้ า่ ยต่อการเข้าทอนเปน็ ทอ่ น 3. มอื เล่ือยเขา้ ตัดต้นท่ีล้มแลว้ โดยท้งิ ระยะห่างจากรถแทรกเตอร์ดนั ไมไ้ มน่ อ้ ยกว่า 60 เมตร 4. ตัดเป็นท่อนไม้ใหญ่-เล็ก ตามความต้องการใช้ท่ีใช้ประโยชน์ได้ออกจากแปลง ตอและรากไม้เก็บส่งขายโรงงานทา เชื้อเพลิง 4) การขนส่ง (Transport) 1. นาไมท้ ่ีตัดทอนขึ้นมาจดั เรยี งบนรถแล้วนาไปสง่ ยังจุ ดหมายปลายทาง พร้อมแสดงแผนท่แี สดงเส้นทางการขนสง่ 4.4.8.2 2. การควบคุมการเคล่ือนย้ายไม้ท่ีมีการขายพร้อมการอ้างสิทธิการรับรองของสหกรณ์ต้นไม้ จะต้องมีการออกเอกสาร กากบั เพ่ือควบคุมไมย้ างพาราออกจากแปลงพร้อมระบุการอ้างสิทธ์กิ ารรับรองโดยระบุ ช่ือผู้ซ้ือ ปรมิ าณการจัดสง่ ช่ือผูข้ าย วันท่จี ัดสง่ ข้อความอ้างสิทธ์ิ “ได้การรับรอง TFCC 100%” หรือ “ได้การรับรอง TFCC/PEFC 100%” หมายเลขการรบั รองท่อี อกใหโ้ ดยหน่วยรับรอง ชนดิ สินคา้ ค่มู ือกำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 59
5.1.5.1 การสารวจและการเพ่ิมพูนวิธีการสารวจอัตราการเจริญเตบิ โต และความ เพ่มิ พูนรายปีของไม้ยางพารา และกาลังผลิตน้ายางพารา ช่ือเอกสาร: วธิ ีการสารวจอตั ราการเจริ เตบิ โต ละความเพ่ิมพนรายปี ของไม้ยาง กไ้ ขครัง้ ท่:ี ละกาลงั การผลิตน้ายาง วันท่อี อกเอกสาร: วันท่บี ังคับใช้: รหัสเอกสาร: ผ้อนุมตั ิ: 1. วัตถุประสง เพ่อื สารวจอัตราการเจริญเติบโตไมย้ างพาราและความเพ่ิมพูนรายปีของไม้ยางพาราและกาลงั การผลิตน้ายางพารา ค์ 2. ขนั้ ตอนการ 1) อุปกรณท์ ่ใี ช้ในการสารวจ ดาเนนิ งาน 1. เทปวดั ระยะหรือเทปวดั ตัว (ใช้วัดความโต) 2) วธิ กี ารสารวจการเจริ เติบโตของไม้ยางพารา 1. การส่มุ นบั ตน้ ยางพารา คดิ เปอรเ์ ซน็ ต์การสารวจท่ี 1.25 % ของพื้นท่ีทั้งแปลง ตรวจนับจานวนต้นยางและ วัดการเจรญิ เติบโตของต้นยางพารา (ขนาดรอบลาต้น) โดยวัดขนาดรอบลาต้น ความสูงจากพื้นดินข้ึนไป ประมาณ 150 ชม. โดยสารวจ 1.25% เช่น - พน้ื ท่ีสวนป่ า นอ้ ยกวา่ หรือเทา่ กบั 1 ไร่ ใหส้ ารวจทกุ ต้น - พื้นท่ีสวนป่ า มากกว่า 1 ไร่ ถึง 80 ไร่ สุ่มสารวจ 1 ไร่ (ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถเลือกสุ่มอย่างอิสระ หรือสมุ่ อยา่ งเป็นระบบ เช่น การนบั จากขอบแปลงเขา้ มาข้างละ 15 เมตร เปน็ ตน้ ) - พน้ื ท่ีสวนป่ า 81-160 ไร่ ส่มุ สารวจ 2 ไร่ - พน้ื ท่ีสวนป่ ามากกว่า 160 ไร่ ขึน้ ไป สมุ่ สารวจ 3 ไร่ 2. นาข้อมูลการเจรญิ เติบโตท่ีวัดได้ (ขนาดรอบลาต้น) มาหาคา่ เฉล่ยี 3. นาตวั เลขการเจริญเตบิ โตท่วี ัดได้ (ขนาดรอบลาต้น) จากข้อ 2 มาใช้คานวณหาน้าหนักสดของตันยางจาก สมการ (สูตร) y = 11.34 (x) – 344.6 X : ขนาดรอบลาตน้ ท่รี ะดับความสูงจากพ้นื ดินขนึ้ ไป 150 ชม. Y : น้าหนักสดของตน้ ยางพาราตอ่ ต้น (กโิ ลกรัม) 4. นาตัวเลขน้าหนกั ของตันยางท่ีได้ ข้อ 1 มาคูณกับจานวนตน้ ยางพาราท่ีรอดตายเฉล่ยี ต่อไร่ (การคานวณอัตราการรอดตาย = จานวนต้นเป็น/จานวนต้นทั้งหมด X100 จะมีหน่วยเป็น %) จะได้น้าหนัก ยางพาราต่อไร่ 5. คดิ เป็นตนั ต่อไร่ โดยนาตวั เลขจาก ข้อ 4 มาหารดว้ ย 1,000 เพ่อื ใหไ้ ด้น้าหนกั เปน็ ตนั 6. การคานวณน้าหนกั ไมฟ้ ันมสี ดั ส่วนประมาณ 35 % จากน้าหนกั ไม้รวมทัง้ หมด 7. คดิ เปน็ ตันต่อสวน นาตัวเลขน้าหนักรวม ข้อ 5 ต่อไร่ มาคูณกับพื้นท่ีท้ังหมดของแปลง จะได้น้าหนักของ ไมย้ างพาราทง้ั สวน เช่น สมมุติ 1 สวน มี 2 ไร่ จะได้ 25 x 2 = 50 ตนั 8. การสารวจอัตราการเจรญิ เติบโตและความเพ่มิ พูนรายปี ของไมย้ างพาราดาเนินการสารวจเม่อื ; 8.1 ยางพาราอายุ 7 ปี 8.2 หรือทกุ ๆ 5 ปี 8.3 ก่อนการทาไม้ 3) การคานวณความเพ่มิ พนของไมย้ างพารา (AYI) ละกาลังผลติ ไมย้ างพารา การคานวณน้าหนกั / ปรมิ าตรไ์ มย้ างพารา (คา่ เฉล่ยี ทุกสายพนั ธุ)์ ค่าความหนาแน่น น้าหนกั ตอ่ ปรมิ าตร มีคา่ เฉล่ีย 0.68 กรมั ตอ่ 1 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตรหรือ ไมย้ างพารา ปริมาตร 1 ลูกบาศก์เมตร หนัก 680 กโิ ลกรมั หรือ ไม้ยางพารา หนัก 1,000 กิโลกรมั (1 ตัน) ปรมิ าตร 1.47 ลูกบาศก์เมตร อ้างอิง : หนังสือกรมป่ าไม้ ด่วนท่ีสุด ทส 1602.4/8037 ลงวันท่ี 11 มิถุนายน 2553 เร่ือง การดาเนินการตามมติ คณะรฐั มนตรี 25 มถิ ุนายน 2553 เพ่ือพิจารณาแก้ไขปัญหาเก่ียวกับพระราชบัญญัติป่ าไม้พุทธศักราช และส่งเสริม อุ ตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา 4) การคานวณค่า AYI ต่ละ ปลงสมาชิกสวนป่ า ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 60
ช่ือเอกสาร: วธิ กี ารสารวจอัตราการเจริ เตบิ โต ละความเพ่ิมพนรายปี ของไมย้ าง ก้ไขครงั้ ท่:ี ละกาลงั การผลติ น้ายาง วนั ท่ีออกเอกสาร: วันท่ีบงั คบั ใช้: รหัสเอกสาร: ผอ้ นุมตั ิ: 4.1 จากการสารวจการเจริญเติบโตของไม้ยางพารา และความเพ่ิมพูนรายปี ได้น้าหนักไม้ยางพารา รวมทั้ง แปลง (ตนั ) 4.2 นาน้าหนกั ไมท้ อ่ นกบั ไม้ฟัน มารวมกนั ปริมาณไมท้ ้ังแปลง = ปริมาณไม้ทอ่ น + ไมฝ้ ืน (ตนั ) 4.3 จากข้อ 6.2 นามาคานวณหา AYI ไม้ยางพารา ของแตล่ ะแปลงสมาชิกสวนป่ า 4.4 AYI ปริมาณ (ตนั /ไร่/ปี) = ปรมิ าณทัง้ แปลง (ตนั ) / อายุไม้ยางพารา / พืน้ ท่ที งั้ หมด การสารวจกาลงั ผลติ ยางพารากาลงั ผลิตน้ายางพารา 1.) เคร่อื งช่ังน้าหนัก 2.) สถิติการเก็บเก่ยี วผลผลิตของปีแล้วนามาหาค่าเฉล่ียท้ังแปลง ตาราง สดงสถติ กิ ารเกบ็ เก่ยี วผลผลิตของปี ปี กลุ่ม พันธุ์ จานวน อายุ (ปี ) ผลผลติ (ก.ก./ไร่/ หมาย (ไร่) ปี ) เหตุ 2562 1 PRIM 600, BPM24 310.00 11 210.95 2 PRIM 600 714.59 19 311.65 3 PRIM 600 754.51 26 257.10 .. ... .. ... รวม x,xxx (อายุเฉล่ยี ) (ผลผลติ เฉล่ีย) 4.5 จากสถติ กิ ารเก็บเก่ียวผลผลติ ให้นามาหาค่าเฉล่ยี เพ่อื ประเมนิ กาลังผลติ น้ายางพารา ยกตัวอยา่ ง : น้าหนักแหง้ 277.21 ก.ก./ไร่ /ปี ปัดขนึ้ 280 คานวณหากาลงั ผลิตน้ายางพารา น้าหนัก หง้ (น้าหนักแห้ง) เฉล่ีย ก.ก.ไร/่ ปี = 280 X 620.14 = 173,639.20 ก.ก./ปี คานวณหากาลงั ผลติ น้ายางพารา น้าหนกั สด (น้าหนักสด) เฉล่ีย/ปี = 173,639.20 X3 = 520,917.60 นาข้อมูลเปรียบเทียบขอ้ มูลกบั คา่ เฉล่ียของ กยท. แต่ละสายพันธุ์ เอกสารอา้ งอิง ข้อมูลกับค่าเฉล่ียของการยางแหง่ ประเทศไทยแต่ละสายพนั ธุ์ ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline) 61
5.1.5.2 แผนการสารวจปรมิ าณผลผลิตท่สี ามารถเก็บเก่ียว4.2.2.1, 4.4.4.1, 4.4.6.1, 4.5.7.1 1) ตวั แทนกลุ่มช้ีแจงใหส้ มาชิกบันทึกปริมาณการเกบ็ เก่ียวน้ายาง (หน่วยกิโลกรัมแหง้ ) ปี /เดือน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 รวม 2) ตัวแทนกลุ่มชี้แจงให้สมาชิกบันทึกปริมาณการเจริญเติบโตของต้นยางพารา วัดเส้นรอบวง (GBH) ต้นยางท่ีความสูงระดับอก ในหน่วยเซนติเมตร และความสูง(H) ของต้นยางในหน่วยเมตร) วัดปี เวน้ ปี วันท่ี GBH (cm) DBH* (cm) H (m) **เน้ือไม้ตอ่ ต้น จานวนต้นท่ีมี ***รวมเน้ือไม้ (m3) (1) (2) (1)x(2) 3) ตัวแทนกลุ่มสรุปบันทกึ ปริมาณการเก็บเก่ยี วน้ายาง ในภาพรวม รวมเนื้อ รวมน้ายาง (กก. ไม้ หง้ ) ท่ี เลขท่ีสมาชิก ปลงท่ี ชนิดพันธุ์ จานวนเนอ้ื ท่ี อายุ (ไร่) (ปี ) 4) การคานวณความเพ่ิมพูนของไม้ยางพารา (AYI) และกาลังผลติ ไม้ยางพารา หมายเหตุ ตวั อย่าง ปี หม/่ กลุ่ม พนั ธุ์ จานวน(ไร)่ อายุ (ปี ) ผลผลติ (ก.ก./ไร่/ปี ) 2562 1 PRIM 600, BPM24 310.00 11 210.95 2 PRIM 600 714.59 19 311.65 3 PRIM 600 754.51 26 257.10 . . . . . . . . รวม x,xxx . . (อายุเฉล่ยี ) (ผลผลติ เฉล่ยี ) ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline) 62
5) คาดการปริมาณผลผลติ ไม้ยางและน้ายางและปริมาณผลผลิตท่ีสามารถใช้ประโยชน์ไดร้ ายปี จานวน ผลผลิต เป้ าหมาย เป้ าหมาย เป้ าหมาย เป้ าหมาย เป้ าหมาย เป้ าหมาย กลุม่ พืน้ ท่ี พนั ธุย์ าง ปลกู ปี อายุ ต้นยาง เฉล่ียตอ่ ผลผลติ ผลผลิต ผลผลติ ผลผลิต ผลผลติ ผลผลติ ท่ี (พ.ศ.) ยาง (ต้น) ไร่ 25xx 25xx 25xx 25xx 25xx 25xx 1 310 RRIM 600 2551 11 17,214 210.95 2 718.19 RRIM 600 2546 16 42,160 393.59 3 669.2 RRIM 600 2546 16 44,987 430.1 4 893 RRIM 600, 2560 2 67,868 PB 235 รวม 2590.4 172,229 1034.64 ปีท่ี 1 ปีท่ี 2 ปีท่ี 3 . . . . . . ปีท่ี 24 ปีท่ี 25 หมายเหตุ เป้าหมายการโค่นยางเม่ืออายุเกิน 25 ปี แต่หากต้นยางยังสามารถให้ผลผลิตได้ดีจะพิจารณาการโค่นยังเล่ือนออกไปและจาก ขอ้ มูลการผลิตยางของสถาบนั วจิ ัยยาง 7-10 ปี ให้ผลผลิตอยู่ท่ี 250 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี อายุ 11-15 ปี ให้ผลผลิต 320 กิโลกรัมต่อไร่ต่อ ปี และอายุ 16-30 ปีใหผ้ ลผลิตกโิ ลกรมั 296 กโิ ลกรัมต่อไรต่ ่อปี 6) รายงานผลการตัดไมใ้ นรอบปีและแผนการโคน่ 4.5.4.2 แปลงท่ี พ้ืนท่ี (ไร)่ พันธุย์ าง ปีท่ปี ลกู จานวนตน้ ยาง (ตน้ ) เปอรเ์ ซน็ รอดตายตอ่ น้าหนกั เฉล่ยี /ตน้ น้าหนกั เฉลย่ี /ตน้ ปรมิ าตรไม/้ แปลง ปรมิ าตรไม/้ ไร่ AYI ความเพ่ิมพู น/ AYI ความเพ่ิมพู น/ เป้าหมายในการปลกู เป้าหมายในการปลกู เป้าหมายในการปลกู เป้ าหมายในการปลกู เป้ าหมายในการปลกู เป้ าหมายในการปลกู ไร่ (ตนั ) (ตนั ) ไร/่ ปี (ตนั ) แปลง/ปี (ตนั ) ปรมิ าณไม้ (ตนั ) ปี ปรมิ าณไม้ (ตนั ) ปี ปรมิ าณไม้ (ตนั ) ปี ปรมิ าณไม้ (ตนั ) ปี ปรมิ าณไม้ (ตนั ) ปี ปรมิ าณไม้ (ตนั ) ปี 25xx 25xx 25xx 25xx 25xx 25xx 1 620.14 RRIM 600 2535 36,096 76.59 503.54 0.5 18,175.61 29.31 1.09 673.17 19,521.96 ปลกู ยางใหม่ 2 651.24 RRIM 600 2533 36,528 73.80 521.28 0.52 18,041.40 3 754.53 RRIM 600 2536 34,540 55.00 467.58 0.45 14,115.63 29.24 1.08 709.24 21,157.12 ปลกู ยางใหม่ . .. . . . . . . . .. . . . . . . 18.71 0.72 542.91 16,287.26 ปลกู ยางใหม่ . . . .. . . . . . . รวมทงั้ สน้ิ 3,000 xx xx xx xx xx ......... ......... ......... xx xx ปีท่ี 1 ปีท่ี 2 ปีท่ี 3 . . . . ปีท่ี 24 ปีท่ี 25 หมายเหตุ *ข้อมูล ณ วนั ท่ี….. **การคานวณหาน้าหนักเฉล่ยี ต่อตน้ = (คา่ เฉล่ียรอบต้น x 11.34)-344.5 จะไดน้ ้าหนกั เปน็ กโิ ลกรมั ***คา่ AYI = ((น้าหนกั เฉล่ียต่อต้น* จานวนตน้ ท้งั หมดในแปลง)/ จานวนไร)่ / อายุยาง) ****แผนการโคน่ ตามระบบวนวฒั น์เม่ืออายุ 25 ปีหรอื ให้ผลผลิตไมค่ ้มุ ทนุ และมกี ารปลูกทดแทนทกุ แปลง **** ปรมิ าณไมท้ ่ที าออกในแต่ละปีตอ้ งไมเ่ กินปริมาณผลผลิตไมท้ ่สี ามารถใช้ประโยชนไ์ ด้ (annual allowable cut) 7) ตรวจสอบและประเมินแผนการเกบ็ เก่ียวและการปลูกทดแทนเพ่ือรักษาสมดุลของอัตราเพ่ิมพูน ผลผลติ กรณตี ดั หมดต้องมีแผนปลกู ทดแทนโดยคานึงถึงขนาด ความเข้มข้น และความเส่ยี ง 8) ตัวแทนกลุม่ ต้องกาหนดตัวช้ีวัดด้านผลผลติ ของสวนป่ าท่ีเหมาะสมทั้งผลผลิตเนอื้ ไม้และผลผลติ ท่ไี ม่ใช่เน้ือไม้ แผนการจดั การสวนป่ าและงบประมาณในการดาเนินการวางแผนเพ่อื บารุงรักษาการ ปรับปรุงโครงสร้างพ้นื ฐานในแตล่ ะปี 4.4.8.1, 4.4.8.3, 4.5.10.1, 4.6.5.1 ค่มู ือกำรรับรองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline) 63
ช่ือเอกสาร: การปรบั ปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ก้ไขครงั้ ท่:ี ผ้อนมุ ัติ: วนั ท่ีออกเอกสาร: วนั ท่บี งั คบั ใช้: รหสั เอกสาร: 1) วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื บารุงรกั ษาการปรับปรุงโครงสรา้ งพ้นื ฐาน 2) งบประมาณ xx,xxx บาท 3) วธิ ีการ 1) ใหส้ มาชิกสารวจโครงสร้างพื้นฐานในสวนยาง เช่น ถนน ท่อระบายน้า สะพาน ในพ้ืนท่สี วนยางของตน 2) บันทึกลงในสมุดบนั ทึกของสมาชิกเพ่อื เกบ็ หลกั ฐาน 3) หากมีแผนการก่อสรา้ งตอ้ งระบุถงึ เหตผุ ล ท่มี าและความสาคัญ โดยแจ้งกลบั มายงั สหกรณ์ฯ 4) ประเมนิ ผลกระทบดา้ นต่าง ๆ เช่น ผลกระทบต่อดนิ ในบริเวณท่มี ีการวางท่อระบายน้า ผลกระทบต่อทางน้าไหล ในกรณีท่ีมถี นน ลงในสมุดบนั ทึกของสมาชิก หมายเหตุ สหกรณ์ฯ สามารถต้ังงบประมาณเพ่ือสนับสนนุ การบารุงรกั ษาโครงสรา้ งพ้ืนฐานในสวนยางได้ สรุปข้อป ิบตั สิ าหรับสมาชิกดา้ นเศรษฐกิจ การคัดเลือกพันธุ์ท่ีเหมาะสมต่อพื้นท่ี ท่ีมีผลการวิจัยและพัฒนาจากหน่วยงานท่ีเช่ือถือได้ว่า มคี วามเหมาะสมในพ้นื ท่ีท่ีปลกู และให้ผลตอบแทนตามวัตถุประสงคข์ องการทาสวนยางพารา การบารุงรักษาตามแนวทางของการยางแห่งประเทศไทย หรือการเลือกดาเนินการตามการ ปฏิบัติทางการเกษตรท่ดี ี (Good Agricultural Practice: GAP) รวมถึงข้ันตอนการใส่ปุ๋ย การ ปลูกพืชคลุมดิน การตัดแต่งก่ิง การป้องกันภัยพิบัติจากไฟไหม้ โรคและแมลง การปลูกซ่อม รวมท้งั การควบคมุ วชั พชื ด้วย การเก็บเก่ียวน้ายางและไม้ยาง ตามแนวทางของการยางแห่งประเทศไทย หรือการเลือก ดาเนินการตามการปฏบิ ัติทางการเกษตรท่ดี ี (Good Agricultural Practice :GAP) ดังน1้ี 1 o การเก็บเก่ียวทั้งน้ายาง และไม้ยางให้เลือกวิธีการและช่ วงเวลาท่ีเหมาะสมท่ีจะให้ ผลตอบแทนเชิงเศรษฐกจิ สงู สุด ควรกรีดยางหลงั เท่ียงคืนการกรีดยางหลังเท่ียงคืนจะทา ให้ได้น้ายางท่ีสด และลดปัญหาการบูดเน่าของน้ายางก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตท่ีเป็น สาเหตใุ หย้ างแผ่นเกิดฟองอากาศ จุ ดดา่ งดาและรอยตาหนิบนแผ่นยาง o คว่าถ้วยรองรับน้ายางควรคว่าถ้วยรองรับน้ายางหลังท่ีเทน้ายางสดลงในถังหรือภาชนะ ทุกคร้ัง เพ่ือป้องกันน้าฝนหรือส่ิงเจือปนท่ีอาจตกในถ้วยท่ีเป็นสาเหตุให้น้ายางสดท่ีกรีด ไดเ้ สยี สภาพเรว็ กวา่ ปกติ o กรองน้ายางสดจากสวนก่อนส่งโรงผลิตขณะท่ีรวบรวมน้ายางสดอาจมีส่ิงปะปนหล่นไป ผสมกับน้ายาง การกรองโดยใช้ตะแกรงกรองหยาบขนาด 40 mesh จะช่วยให้น้ายาง สะอาดและคงความสด ไม่ควรใช้หญา้ เป็นตัวกรองน้ายาง เพราะทาให้เกิดแบคทีเรียปะปน ไปกบั น้ายางเพ่ิมมากขนึ้ น้ายางจะบูดเร็วข้ึน o ไม่เติมน้าหรือส่ิงปลอมปนใด ๆ ลงในน้ายางสดการเติมน้า นอกจากจะทาให้ปริมาณ 11 อ้างองิ จาก ปรีด์ิเปรม ทัศนกลุ ฝ่ ายวจิ ยั และพัฒนาอุตสาหกรรมยาง การยางแหง่ ประเทศไทย ค่มู ือกำรรับรองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 64
เนื้อยางแห้งลดลงแล้ว ยังส่งผลให้น้ายางจับตัวเป็นเม็ดได้เร็วขึ้น เน่ืองจากน้าจะมีความ หนาแน่นมากกว่าน้ายาง จะเกิดปฏิกิริยาออสโมซิสโดยการแพร่ของน้าผ่านเย่ือหุ้มเซลล์ อนุภาคยางท่ีมีน้าน้อยกว่า ทาให้เย่ือหุ้มอนุภาคลูทอยด์ในน้ายางบวมและหากเกิดการ กระแทกแรง ๆ ในระหว่างการขนส่งมายังโรงผลิตทาให้อนุภาคลูทอยด์แตกได้ สารท่ีอยู่ ในอนุภาคลูทอยดท์ ่ปี ระกอบไปด้วยโปรตีนจะทาปฏิกิริยากับแบคทีเรียในน้ายางจะเกิดการ เสียสภาพเร็วข้ึน นอกจากน้ีการใส่ส่ิงปลอมปนลงในน้ายางย่ิงทาให้น้ายางสดเสียสภาพ เรว็ อีกท้งั ยางแผ่นท่ีผลิตได้จะเกดิ เป็นรอยตาหนิ เกิดของเสยี และทาใหต้ น้ ทุนการผลติ สูง o ใสส่ ารรกั ษาสภาพน้ายางสดเทา่ ท่จี าเปน็ ในการผลิตยางแผ่นรมควันควรเล่ียงการใช้สาร รักษาสภาพน้ายางสด นอกจากจะสิ้นเปลืองสารเคมีแล้ว ยังทาให้ยางจับตัวช้า ดังน้ัน ในช่วงฤดูกาลปกติไม่ควรใช้สารรักษาสภาพใด ๆ ยกเว้นมีการรวบรวมน้ายางสดจาก สวนครั้งละปริมาณมาก ๆ ผลิตในคราวเดียวกันหรือใช้ระยะเวลาต้ังแต่กรีดจนถึงโรง ผลิตนานกว่า 8 ช่ัวโมงข้ึนไป หรือช่วงฤดูฝนท่ีมีน้าฝนปะปนกับน้ายางในขณะกรีด โดย มีข้อแนะนาการใช้สารดงั น้ี ใช้โซเดียมซัลไฟต์ (Na2SO3) 0.05% ต่อน้าหนักน้ายางสด เตรียมโดย ช่ังโซเดียมซัลไฟต์ 50 กรัม ละลายในน้าสะอาด 1 กิโลกรัม วิธีการใช้หยอด ในถ้วยรองรับน้ายางขณะกรีดประมาณ 2 ซีซี หรือใส่รองก้นภาชนะก่อน รวบรวมน้ายางสดในอัตราสารละลายโซเดียมซัลไฟต์ 1 ลิตร ต่อน้ายางสด 100 กโิ ลกรัม หมายเหตุ สารชนิดน้ี ควรเตรียมวันต่อวัน เพ่ือป้ องกันการระเหยของ กามะถันท่ีอาจทาให้ความเข้มข้นของสารลดลงได้ ใช้สารละลายแอมโมเนียอัตรา 0.03% ต่อน้าหนักน้ายางสด เตรียมโดย ปลอ่ ยก๊าซแอมโมเนียลงในน้าสะอาด 940 กิโลกรัม จนได้น้าหนักครบ 1,000 กิโลกรัม จะได้ stock สารละลายแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ท่ีมีความเข้มข้น 6% จากน้นั ใช้สารละลายแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ในอัตรา 5 ลิตร ต่อน้ายาง สด 1,000 กิโลกรัมการใช้สารละลายแอมโมเนียเหมาะกับสวนขนาดใหญ่หรือ จุ ดรวบรวมน้ายางสดท่ีส่งน้ายางสดยังโรงผลิตท่ีมีกาลังการผลิตยางแผ่น รมควันมากกวา่ 2 ตันตอ่ วัน o การรวบรวมน้ายางสดจากสวน จากหลักปฏิบัติของเกษตรกรทั้ง 5 ขั้นตอนดังกล่าว ขา้ งต้น ทาการรวบรวมน้ายางสดในภาชนะบรรจุ ท่สี ะอาด มีฝาปิดอย่างมิดชิด และส่งน้า ยางไปยังโรงผลิตให้เร็วท่ีสุดและหากเป็นไปได้ไม่ควรเกิน 11.00 น. ท่ีสาคัญขนส่งน้ายาง ด้วยความระมัดระวังอย่าให้น้ายางถูกกระแทกแรงๆ ระหว่างการขนส่ง และอย่านา ภาชนะท่บี รรจุ น้ายางสดใหส้ ัมผสั กบั แสงแดด เพราะจะทาให้น้ายางเสียสภาพเรว็ ข้ึน ค่มู ือกำรรบั รองกำรจัดกำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 65
6. การดาเนินงานการจดั การสวนยางพาราอยา่ งยง่ั ยนื ดา้ นส่ิง วดลอ้ ม4.3.2.3, 4.3.7.1, 4.5.9.1, 4.5.9.2, 4.5.9.3 6.1 ขอ้ มลดา้ นท่ีตัง้ 6.1.1 ตัวแทนกลุ่มรวบรวมขอ้ มูลดา้ นท่ีต้ังจากแหล่งต่าง ๆ พร้อมตรวจสอบข้อมูลบน อินเทอรเ์ นต็ ตง้ั อยูต่ าบลxxx อาเภอxxx จงั หวัดxxx มเี นือ้ ท่ที งั้ หมด 3,000 ไร่ ทิศเหนือ ติดต่อกับตาบลxxx และตาบลxxx อาเภอxxx ทิศใต้ ติดตอ่ กับตาบลxxx อาเภอxxx ทิศตะวนั ออก ตดิ ต่อกบั ตาบลxxx อาเภอxxx ทิศตะวนั ตก ติดตอ่ กับตาบลxxxอาเภอxxx 6.1.2 แผนท่ีทรัพยากร พร้อมพื้นท่ีกันชนหรือกันออก พ้ืนท่ีป้องกันเพ่ือสังคมสาหรับ พนื้ ท่ีท่ีมีความสาคญั ทางระบบนิเวศ4.2.1.2, 4.3.1.4, 4.3.3.2, 4.4.3.3. 4.5.1.2, 4.5.2.1, 4.6.2.1, 4.6.2.2 ภาพท่ี 1812 หมายเหตุ พืน้ ท่ีท่แี ตกต่างกนั อาจแสดงให้เห็นถงึ พื้นท่ที ่ีใช้ประโยชน์ทางดา้ นเน้ือไม้และ ผลผลิตท่ีไม่ใช่เน้ือ ไมแ้ ละการบริการในเชิงพาณชิ ย์และไมเ่ ป็นเชิงพาณิชย์ รวมถงึ พ้นื ท่ีป้องกนั เพ่ือสังคม 12 http://www.fio.co.th/south/FSC/FSC2563/ทา่ แซะ/แผนการบรหิ ารจดั การ%20ระยะ%205%20ปี%20(พ.ศ.2563%20-%202567).pdf ค่มู ือกำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 66
6.2 ข้อมลด้านความหลากหลายทางชี วภาพ4.5.1.1, 4.5.1.3, 4.5.2.2, 4.5.2.4, 4.5.3.2, 4.5.7.1, 4.5.7.2, 4.5.7. 6.2.1 ตัวแทนกลุ่มรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ สารวจและตรวจสอบข้อมูล บนอินเทอรเ์ น็ต และจากสมุดบันทึกของสมาชิกท่ีพบเห็นสตั ว์ป่ าและพันธุ์พืช 6.2.2 เตรียมความพรอ้ มในการปรึกษาหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง หรือหน่วยงานท่ีมีความรู้ ความเช่ียวชาญในการแยกประเภท พืชหรือสัตว์ท่ีพบกรณีท่ีไม่สามารถจัด จาแนกได้ดว้ ยตนเอง โดยเฉพาะชนดิ พนั ธุ์ RTE 6.2.3 สรุปผลการตรวจสอบข้อมูล 6.2.4 บนั ทึกลงในเอกสาร 6.2.5 ประชาสัมพันธ์ผลการสารวจชนิดพันธุ์ท่ีได้ให้ชุมชนในท้องถ่ินได้รับทราบ เช่น ป้ายประกาศ แผ่นพับ หรอื เว็บไซต์ กไ้ ขครงั้ ท่:ี ช่ือเอกสาร: บันทกขอ้ มลดา้ นความหลากหลายทางชีวภาพ ผ้อนมุ ตั ิ: วันท่ีออกเอกสาร: วนั ท่บี ังคับใช้: รหสั เอกสาร: 1) วัตถปุ ระสงค์ เพ่อื ใช้สารวจความหลากหลายทางชีวภาพของชนดิ พชื และสัตว์ในสวนป่ า 2) วธิ กี ารสารวจ: 1) สืบค้นข้อมูลทางอนิ เทอร์เนต็ (Internet) จากหน่วยงานท่นี า่ เช่ือถอื 2) สมาชิกการสารวจความหลากหลายทางชีวภาพในแปลงของตน 3) สมั ภาษณเ์ จ้าของแปลง หมายเหตุ สหกรณ์ต้นไม้เลือกใช้วิธีการในการสารวจความหลากหลายทางชีวภาพในรูปแบบอย่าง ง่ายเบื้องต้นท่ีสามารถดาเนินการได้ด้วยตนเอง เน่ืองจากลักษณะของพ้ืนท่ีท่ีเป็นการทาเกษตร เชิงเด่ียว และขนาดพ้ืนท่ีท่ีค่อนข้างน้อย (น้อยกว่า 1,000 ไร่) ความเข้มข้น และความเส่ียง (Scale, 3) ผลการ Intensity and Risk: SIR) ค่อนขา้ งนอ้ ย สหกรณฯ์ จึงเลอื กใช้วิธกี ารดงั กลา่ ว สารวจ: ผล ก า รต รวจสอบส ถ านภ า พของพรรณ พืชพันธุ ์สัต ว์ท่ีส า รวจไม่พบชนิด พันธุ ์ท่ีจัด อยู ่ในก ลุ่ม สถานภาพท่ีถูกคุกคาม (Threatened status) ตามการจัดของ สานักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม (ONEP,2006) และ IUCN (2010) ตามผลการสารวจความ หลากหลายทางชีวภาพในพน้ื ท่สี วนยางพารา (สารวจโดยคณะการจัดการส่ิงแวดล้อม, 2562) และ พันธุ์สตั ว์ป่ าสงวนและสตั ว์ป่ าคมุ้ ครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ า 4) ขอ้ ป บิ ัติ 1) ห้ามมใิ หผ้ ู้ใดล่าสตั ว์ป่ าสงวนหรือสตั วป์ ่ าคุ้มครอง เก่ยี วกับสัตว์ 2) ผู้ใดล่าสัตว์ป่ าท่ีเป็นการฝ่ าฝื นต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติน้ี ด้วยความจาเป็นและ ภายใตเ้ ง่ือนไขดงั ต่อไปน้ี ผูน้ ้นั ไม่ต้องรับโทษ ป่ าสงวน ละ 3) เพ่อื ให้ตนเองหรือผูอ้ ่นื พน้ จากอนั ตราย หรือเพ่อื สงวนหรือรักษาไว้ซ่ึงทรัพย์สินของตนเองหรือ สัตว์ป่ า ผู้อ่ืน และ การลา่ นั้นไดก้ ระทาพอสมควรแกเ่ หตุ คุ้มครองตาม พรบ. สงวน 4) ห้ามมิให้ผู้ใดเก็บ ทาอันตราย หรือมีไว้ในครอบครองซ่ึงรังของสัตว์ป่ าสงวนและ สัตว์ป่ า คุ้มครอง เว้นแต่เป็นกรณีของผู้ท่ีมีสัตว์ป่ าสงวนไว้ในครอบครองโดยถูกต้องตาม ละคุ้มครอง พระราชบัญญตั ิและไดร้ ับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าท่ีหรือเป็นกรณีผู้ท่ีมีสัตว์ป่ าคุ้มครอง สตั วป์ ่ า ไวใ้ นครอบครองโดยถูกต้องตามพระราชบญั ญตั ิ ตามลาดบั 5) ห้ามมิใหผ้ ูใ้ ดมไี วใ้ นครอบครองซ่ึงสตั วป์ ่ าสงวน สัตว์ป่ าคุ้มครอง หรือซากสตั ว์ป่ าดงั กล่าว ค่มู ือกำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 67
6.3 การจัดการสารเคม4ี .3.8.1, 4.3.8.2, 4.3.9.1, 4.3.9.2, 4.3.9.3 (Onsite), 4.3.9.4, 4.3.10.1 6.3.1 ตวั แทนกลุม่ เตรียมคู่มือ/วิธีการส่ือสารวิธกี ารใช้สารเคมี การทาลาย การเกบ็ รักษา แกส่ มาชิกถึงการใช้ สารเคมแี ละกิจกรรมสวนป่ า 6.3.2 ตวั แทนกลมุ่ จัดทาบันทึกการใช้สารเคมี ดังน้ี4.6.4.1 1.ค.2.1 บัญชีรายช่ือสารเคมที ่ีมีการใช้ในสวนยางของสมาชิก ช่ือเอกสาร: บั ชีรายช่ือสารเคมที ่ีใช้ในสวนป่ า กไ้ ขครงั้ ท่:ี วันท่ีออกเอกสาร: วนั ท่ีบงั คบั ใช้: ผ้อนุมตั ิ:: รหัสเอกสาร: 1) วัตถปุ ระสง เพ่อื ควบคมุ การใช้สารเคมีในสวนป่ า ค์ 2) การใช้ 1) อ่านฉลากกอ่ นใช้งาน และปฏิบัติตามวิธีใช้อย่างเครง่ ครดั สารเคมี 2) สวมอุปกรณป์ ้องกันอนั ตรายส่วนบุคคลทกุ คร้ังทกุ ครั้งท่สี ัมผัสกับผลิตภัณฑ์ท่ีทาให้เกิดอันตรายต่อผิวหนัง หรือต่อ ระบบทางเดนิ หายใจ 3) ควรใช้ในบริเวณท่ีอากาศถ่ายเทสะดวก จะช่วยป้องกันการสูดดมสารพษิ เขา้ สู่ร่างกาย 4) ระหว่างการใช้สารเคมีควรพจิ ารณาถึงทิศทางลม 5) ในช่วงท่ีมีการฉีดพน่ สารเคมีควรมกี ารแจ้งพ้ืนท่ีรอบขา้ งใหร้ ับทราบก่อนลว่ งหน้า เพ่ือหลีกเล่ยี งการเข้ามาในพื้นท่ี 6) หา้ มทาให้เกิดประกายไฟหรอื สบู บุหร่ีในขณะใช้ผลติ ภณั ฑท์ ่ีตดิ ไฟงา่ ยหลังใช้งานผลติ ภัณฑ์ท่มี ีสารเคมีแลว้ 7) ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนและหลังใช้งาน กรณี หากมีการสัมผัสสารเคมีแบบท่ัวทั้งร่างกายให้ชาระร่างกาย ดว้ ยน้าสะอาดทนั ทหี ลังการใช้สารเคมี 8) เขา้ อบรมวิธกี ารปฏบิ ัติและปฐมพยาบาล หากได้รบั สารพษิ หากได้รับสารพิษเขา้ สูร่ า่ งกาย4.7.11.8 3)การทาลาย/ 1) การทาลายหา้ มทงิ้ ผลิตภัณฑท์ ่ีมีสว่ นผสมของสารเคมลี งดนิ ทอ่ ระบายน้าหรือโถสว้ มอย่างเดด็ ขาด การกาจดั 2) ควรแยกทง้ิ ในถงั ขยะมีพิษแยกจากขยะท่ัวไป โดยกาจัดใหถ้ ูกตอ้ งกบั ประเภทของผลติ ภณั ฑ์ และคาแนะนาของผูผ้ ลติ 4)การเกบ็ 1) จัดเกบ็ ในท่ีแห้งและเย็นห่างจากแหลง่ ความร้อน โดยจดั วางไว้ในท่แี ห้งและเย็น ห่างจากแหล่งความรอ้ น โดยจัดวาง รักษา บนพน้ื หรือช้ันวางท่มี ่นั คงรวมทัง้ แยกเกบ็ ผลิตภัณฑท์ ่ีมีฤทธ์กิ ดั กร่อนตดิ ไฟงา่ ยทาปฏกิ ิรยิ ารุนแรงไว้ในท่มี ิดชิดห่าง จากมือเด็ก 2) ไม่จัดเกบ็ ปะปนกับอาหารเพราะสารเคมีอาจหกหรือมไี อระเหยปนเป้ือนกับอาหาร 3) หา้ มเก็บ ถงั น้ามันเชื้อเพลิงหรือถงั บรรจุกา๊ ซไวไฟไว้ใกลแ้ หลง่ ความร้อนหรือเปลวไฟเพราะจะติดไฟง่าย 4) ห้ามนาผลิตภัณฑท์ ่ีมีส่วนผสมของสารเคมเี ปล่ยี นถ่ายลงในภาชนะบรรจุอาหารเพ่ือป้องกนั เดก็ หรอื ผูใ้ หญท่ ่ไี ม่รู้นาไป รบั ประทาน ซ่ึงอาจทาให้เสยี ชีวิตได้ ภาพท่ี 19 68 ค่มู อื กำรรับรองกำรจัดกำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline)
ช่ือเอกสาร: บั ชีรายช่ือสารเคมีท่ใี ช้ในสวนป่ า กไ้ ขครัง้ ท่:ี วนั ท่ีออกเอกสาร: วันท่ีบงั คบั ใช้: ผอ้ นมุ ตั ิ:: รหสั เอกสาร: ท่มี า: https://www.tosh.or.th/index.php/media-relations/infographic/item/142-2017-01-10-06-35-15 1. รายช่ือสารเคมกี าจัดวชั พชื อตั ราการใช้ ละวธิ ีการใช้ในสวนยางพารา วัชพืชท่ีควบคมุ ได้ ช่ือสารกาจดั ห้ามใช้ใน อัตราการใช้ กาหนดการใช้ หมายเหตุ วัชพืช เอกสาร WHO กรมั สารออก ฤทธ์/ิ ไร่ ไกลโฟเซต N/A 120-150ml/น้า50 พน่ ระหวา่ งแถวยาง วัชพชื ท่ีงอกจากเมล็ด ขณะพ่นระวงั ไมใ่ ห้ละออง (glyphosate) ลติ ร หลงั วัชพืชงอก หรอื ประเภทใบแคบ เช่น หญา้ สารสมั ผัสต้นและใบยาง สงู ไมเ่ กนิ 30 ซม. ตนี ติด หญ้าตนี กา หญ้า ปากควายหญ้าขจรจบ อา้ งองิ : http://www.chemtrack.org/Chem-Detail.asp?ID=01621&Name=ไกลโฟเซต%20(glyphosate) 750-1,000mlน้า พน่ ระหว่างแถวยาง หญ้าคาและวัชพชื ท่ีงอก หญ้าคาข้นึ ในท่ีร่มเงาและ ไกลโฟเซต (glyphosate) 100 ลิตร หลังวัชพชื งอก จากเมลด็ ประเภทใบแคบ ขึ้นไม่หนาแนน่ มาก ขณะ และประเภทใบกว้าง พน่ ระวงั ไม่ใหล้ ะอองสาร 2. รายช่ือสารเคมปี ้ องกนั โรค ละ มลง อตั ราการใช้ วธิ ีการใช้ในสวนยางพารา สัมผัสต้นและใบยาง ช่ื อสารเคมี วัชพืชท่คี วบคมุ ได้ หมายเหตุ หา้ มใช้ใน อตั ราการใช้ กรัม กาหนดการใช้ โรคเสน้ ดา เอกสาร WHO สารออกฤทธ์ิ/ไร่ ปลวกและหนอนทราย ฟอสเอทธลิ อลมู ิน่ัม N/A 100กรมั ต่อน้า 20 พน่ หรือทาหน้ายางทกุ 7 (fosethyl-AL) 80% ลติ ร วนั (อาลเี อท) 20-40 ml /น้า 20 ราดรอบต้นยางท่ีถูกปลวก คาร์โบซัลแฟน 20% N/A ลิตร กัดทาลายและ ตน้ ขา้ งเคยี ง 1-2 ลติ รตอ่ ตน้ หญ้าคาและวัชพชื ท่ี งอกจากเมลด็ ประเภท ไดยูรอน 80% N/A 400-600 g/น้า60-80 400-600 g/น้า60-80 ใบแคบ ใช้ในแปลง และประเภทใบกวา้ ง ปลกู ลิตร ลติ ร สบั ปะรด ฉีดพ่นในพ้ืนท่ี 1 ไร่ 3. รายช่ือสารเคมที ่ใี ช้ในการทา ผน่ ตวั อย่างเพ่อื หาคา่ DRC ในสวนยางพารา ช่ื อสารเคมี หา้ มใช้ใน อัตราการใช้ กรมั กาหนดการใช้ เอกสาร WHO สารออกฤทธ์/ิ ไร่ กรดฟอร์มกิ (Formic N/A 15-20 cc จานวน 15-20 cc acid) (ความเข้มขน้ 2%) ในตัวอยา่ งน้ายาง 10 g เพ่ือให้น้ายางจับตัว กรดแอซีตกิ (acetic N/A 15-20 cc จานวน 15-20 cc acid) (ความเข้มข้น 2%) ในตัวอยา่ งน้ายาง 10 g เพ่ือให้น้ายางจบั ตวั แอมโมเนยี N/A 10-15 cc ต่อน้ายาง 1 จานวน 10-15 cc ต่อน้ายางพารา 1 kg (Ammonia) kg เพ่อื ป้องกนั น้ายางจบั ตัวระหว่างขนส่งจาหนา่ ย อ้างองิ : http://www.chemtrack.org/MSDSSG/Trf/msdst/msdst7664-41-7.html http://www.chemtrack.org/MSDSSG/Trf/msdst/msdst64-18-6.html http://www.chemtrack.org/MSDSSG/Trf/msdst/msdst64-19-7.html ค่มู ือกำรรบั รองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 69
6.3.2.1 มีการปรับปรุงรายช่ือสารเคมีกาจัดศัตรูพืชทั้งหมดท่ีใช้ในสหกรณ์ฯ ให้ทันสมยั อยูเ่ สมอ 6.3.2.2 แนะนาสมาชิกใหม้ ีบันทกึ การใช้สารเคมที ่ใี ช้ลงในสมุดบันทกึ ของสมาชิก 6.3.2.3 เตรียมการอบรมสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบการใช้งานสารเคมี ในระยะยาวและแจง้ แนวทางลดปรมิ าณการใช้ในระยะยาวตอ่ สมาชิก4.3.7.2 6.4 การจดั การของเสีย4.3.7.1, 4.3.7.4 6.4.1 ตัวแทนกลมุ่ จัดทาแนวทางการรวบรวมและจัดการของเสียโดยแยกประเภทของ เสียรวบรวมของเสีย การจัดการของเสียและการกาจัดของเสียอนินทรีย์และขยะ ในพืน้ ท่สี วนป่ า 6.4.2 ตัวแทนกลมุ่ อาจมีการอานวยความสะดวกในการเก็บรวบรวมและกาจัดของเสีย โดยอาจติดต่อกับหน่วยงานสถานท่ีราชการหรือบริษัทเอกชนเพ่ือจัดหาแหล่งทิ้ง ท่ีเปน็ มติ รตอ่ ส่งิ แวดล้อม 6.4.3 เกษตรกรต้องบันทึกปริมาณน้ามันท่ีร่ัวไหล หรือท่ีใช้แล้วฯ ลงในสมุดบันทึกของ สมาชิก4.3.7.3 ช่ือเอกสาร: นวทางการรวบรวม ละการจัดการของเสีย กไ้ ขครงั้ ท่:ี ผ้อนมุ ัติ: วันท่ีออกเอกสาร: วันท่ีบงั คบั ใช้: รหสั เอกสาร: 1) วตั ถุประสงค์ เพ่ือควบคุมการใช้สารเคมีและการจัดการขยะให้มีประสทิ ธิภาพ ถกู ต้องเหมาะสม 2) ประเภทของเสยี 3)ขยะ นวทางการรวบรวม ละการจดั การ หมายเหตุ 1) จัดให้มีจุ ดคัดแยกขยะโดยแยกเป็นขยะท่ัวไป ขยะรีไซเคลิ ขยะอนิ ทรีย์และขยะอันตราย 2) รวบรวมจัดเก็บในพื้นท่ีกันออกก่อนนาไปท้ิง ตามจุดท่จี ดั ไว้ 3) การกาจัดต้องทาโดยรักษาส่ิงแวดล้อม เช่ น หากเป็นขยะอันตรายให้ติดต่อสถานท่ีราชการ หรือบริษทั เอกชนเพ่อื จดั หาแหล่งทงิ้ ภาพท่ี 20 ท่มี า: https://home.maefahluang.org/17412906/ การคัดแยกขยะมูลฝอย 4)บรรจุภณั ฑ์ของ 1) รวบรวมจัดเก็บในพื้นท่ีกันออกก่อนนาไปทิ้ง ห้ามทงิ้ บรรจุภณั ฑข์ องสารเคมีลงดิน แหล่งน้า ท่อ ตามจุดท่จี ัดไว้ สารเคมี ระบายน้าหรือโถสว้ มอยา่ งเดด็ ขาด 5)น้ามันท่ใี ช้ ลว้ 1) เทน้ามันท่ีใช้แลว้ ใสแ่ กลลอน ณ พ้ืนท่กี นั ออก ห้ามเก็บ ถังน้ามันเชื้อเพลิงหรือถังบรรจุ ก๊าซไวไฟ น้ามนั เชื้อเพลิง 2) เก็บรวบรวมกอ่ นนาไปทง้ิ ตามจุดท่จี ดั ไว้ ไว้ใกล้แหล่งความร้อนหรือเปลวไฟเพราะจะติดไฟ ละสารหล่อล่ืน ง่าย หากเกิดการร่ัวไหลใหก้ าจดั น้ามนั ด้วยวิธีการดูดซับ น้ามัน หรืออาจนาข้ีเล่ือย ทราย และแกลบ มากลบ หากเป็นในแหล่งน้า ให้ทาการประเมิน ความรุนแรง หากมีผลกระทบในวงกว้างให้แจ้งต่อ เจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้อง แต่หากไม่มีผลกระทบในวง กว้างสามารถดาเนินการไดด้ งั น้ี 1. การปล่อยให้สลายตัวตามธรรมชาติ (ปริมาณ ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 70
ช่ือเอกสาร: นวทางการรวบรวม ละการจัดการของเสีย กไ้ ขครงั้ ท่:ี วันท่อี อกเอกสาร: วนั ท่บี ังคบั ใช้: รหสั เอกสาร: ผ้อนุมัติ: น้อย และชนิดของน้ามันท่ีร่ัวไหลสามารถ สลายตัวเองไดด้ ีในธรรมชาติ เช่น น้ามันดเี ซล) 2. การกักและเก็บ (ทาได้โดยใช้ทุ่นน้ามัน (Boom) จากัดขอบเขตการแพร่กระจาย หรือใช้วัสดุดูด ซับคราบน้ามันอ่ืน ๆ เช่น ลาไม้ไผ่ มัดฟางข้าว เป็นต้นท้ังนี้ ให้บันทึกลงในสมุดบันทึกเกษตรกร ดว้ ย 3. ใช้สารเคมขี จัดคราบน้ามนั 6.5 ผนการติดตามการเปล่ยี น ปลงสภาพดนิ ละน้า4.6.1.1, 4.6.1.2, 4.6.2.3 6.5.1 ตวั แทนกล่มุ จดั เตรียมเอกสารเพ่ือสารวจสภาพดินและน้า 6.5.2 ตัวแทนกลุ่มจัดเตรยี มอุปกรณแ์ ละชุด Kit เพ่อื ตรวจดนิ 6.5.3 ตวั แทนกลุ่มเตรียมจัดเกบ็ น้าเพ่ือส่งตรวจ 6.5.4 บันทกึ ผลการสารวจและตรวจสอบ 6.5.5 จัดทาการตรวจติดตามเป็นประจาทุกปี และนาผลมาเปรียบเทียบเพ่ือพิจารณา ความแตกตา่ งของสภาพดินและน้าในแตล่ ะปี ช่ือเอกสาร: การสารวจทรพั ยากรดนิ ละทรพั ยากรน้า ก้ไขครงั้ ท่:ี วันท่ีออกเอกสาร: วนั ท่ีบังคับใช้: รหัสเอกสาร: ผ้อนมุ ตั ิ: 1) วัตถุประสงค์ เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการสารวจทรัพยากรดิน และทรพั ยากรน้า 2) การสารวจทรพั ยากรดนิ ขนั้ ตอน 1. คน้ หาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตของกรมพฒั นาท่ีดินเพ่ือระบุชุดดิน 2. วางแผน คดั เลอื กพน้ื ท่ีตวั แทน 30 แหง่ (1% ของพนื้ ท่ีท้งั หมด) (วธิ ีการเกบ็ ตัวอยา่ งดินตามภาพ 21) 3. ขุดหลุม 1x1x1 เมตร ในแปลงเพ่ือตรวจสอบชนิดดนิ โดยสามารถอา้ งอิงสีและลักษณะดินไดจ้ าก http://r02.ldd.go.th/KMLDD/soil.pdf รวมทั้งสามารถเกบ็ ตัวอย่างดนิ ไดจ้ าก ภาพท่ี 21 ท่มี า: http://iddindee.ldd.go.th/web/SoilData/3/exdin/pdf/021วธิ เี ก็บดิน_04_new.pdf ค่มู อื กำรรบั รองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 71
ช่ือเอกสาร: การสารวจทรัพยากรดนิ ละทรพั ยากรน้า ก้ไขครงั้ ท่:ี วันท่อี อกเอกสาร: วันท่บี งั คบั ใช้: รหสั เอกสาร: ผอ้ นุมตั ิ: 4. ใช้ชุด kit ตรวจหา pH, ปริมาณสารอาหาร NPK และใช้ปรอทวัดอุณหภูมิของดิน 5. บันทกึ ผลเพ่อื เก็บข้อมูลตัวอยา่ งในแต่ละปี และทาซ้าปีละครง้ั [หมายเหตุ วธิ กี ารตามคู่มือนเี้ ป็นเพยี งคาแนะนาสาหรับพ้นื ท่ีสวนป่ าขนาดเล็กและมีกิจกรรมการดาเนินการไม่ซับซ้อน หรือไม่สง่ ผลกระทบต่อดนิ และน้าในวงกว้างจากการสงั เกตในเบื้องตน้ ท้ังน้ี เพ่ือความแม่นยาในการบง่ บอกถึง คุณสมบตั ิเฉพาะของดิน ควรสง่ ตรวจผ่านห้องปฏิบัตกิ าร (Lab) แต่เน่ืองจากสวนป่ ามงี บประมาณและระยะเวลาท่จี ากัด และสว่ นใหญ่ประกอบด้วยเกษตรกรรายยอ่ ยจงึ ดาเนินการโดยวิธกี ารดังกลา่ ว] ผลการสารวจ 1) ลกั ษณะของกลมุ่ ชุดดินบรเิ วณหมู่ x เป็นกลมุ่ ชุดดินท่ี 34 กลุม่ ขุดดนิ ท่ี 26 และกลุม่ ชุดดินท่ี 53 ละตรวจสอบ 2) คุณสมบัติของดิน 1. สขี องดนิ จะเปน็ สีเหลอื ง สีดา และสนี ้าตาล 2. ค่าความเป็นกรด-ดา่ ง มีคา่ ความเปน็ กรด-ด่าง 6 3. คา่ อุณหภูมิดินสงู สดุ 28.0oC และมคี ่าต่าสุด 26.5oC 3) ปรมิ าณธาตุไนโตรเจน (N) อยู่ในช่วงระดบั ต่ามาก-ปานกลาง 4) ปรมิ าณธาตฟุ อสฟอรสั (P) อยูใ่ นช่วงระดบั ต่า-สงู มาก 5) ปรมิ าณธาตโุ พแทสเชียม (K) อยู่ในช่วงระดบั ต่า-ปานกลาง 3) การสารวจทรพั ยากรน้า ขนั้ ตอน 1. วดั ขนาดความลึกของบอ่ โดยเฉล่ีย 2. เกบ็ ตัวอย่างน้า 3. ส่งตรวจ ผลการสารวจ คณุ สมบตั ขิ องน้าทางกายภาพและทางเคมี ละตรวจสอบ 1) แหล่งน้ามคี า่ ความลึกเฉล่ยี อยูใ่ นช่วง 32-300 เซนติเมตร ค่าความโปร่งใสเฉล่ียอยู่ในช่วง 17-92 เซนติเมตร ค่า อุณหภมู เิ ฉล่ียอยูใ่ นช่วง 26.7-30.5oC มคี ่าความเป็นกรด-ด่างเฉล่ียอยู่ในช่วง 5.58-6.80 มีค่าปริมาณออกซิเจน ท่ีละลายเฉล่ียอยู่ในช่วง 5.98-8.96 mg/I มีค่าความนาไฟฟ้าเฉล่ียอยู่ในช่วง 0.029-0.088 m5/cm มีปริมาณ ของแข็งท่ีละลายน้าท้ังหมดเฉล่ียอยู่ในช่วง15-44 mg/l ปริมาณสารแขวนลอยเฉล่ียอยู่ในช่วง 2-21 mg/l และมี คา่ ความแตกต่างของศักย์ไฟฟ้าเฉล่ยี อยูใ่ นช่วง-15.5-67.5 mV ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 72
สรุปสาระสาคั ในการดาเนนิ งานของสมาชิกดา้ นส่ิง วดลอ้ ม ไม่ล่า หรือทาอันตรายสัตว์ท่ีใกล้สูญพันธุ์ ถูกคุกคาม และอนุรักษ์ และต้องแจ้งต่อตัวแทน กลุ่มหากพบเหน็ ไมใ่ ช้สารเคมที ่ีถูกแบนจากองคก์ ารอนามัยโลก และกฎหมายของประเทศไทย การใช้สารเคมีควรปฏิบัติตามคาแนะนาท่ีปรากฏบนฉลาก รวมถึงหลีกเล่ียงการหกร่ัวไหล หรอื ปนเปื้อนของสารเคมีลงสู่แหลง่ น้า การทาสวนยางพาราต้องมุ่งอนุรักษ์ดินและน้า โดยการหลีกเล่ียงการพังทลายของหน้าดิน จากกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในสวนยาง และกจิ กรรมท่ีจะทาใหด้ ินเส่ือมโทรม ทาแนวกันไฟ เพ่ือป้องกันไฟท่ีลุกลามมาจากบริเวณข้างเคียง โดยการขุด ถางวัชพืช และ เกบ็ เศษซากพชื หรอื ไถบริเวณรอบสวนยาง ออกเป็นแนวกว้างประมาณ 3-5 เมตร สาหรับ สวนยางพาราขนาดใหญ่ ควรทาแนวกันไฟภายในสวนระหว่างแถวยางทุก ๆ 100 เมตร การมีมาตรการในการจดั การขยะและของเสีย การดาเนินการตรวจตดิ ตามการเปล่ยี นแปลงสภาพดินและน้า มาตรการในการสร้างความสมดุลประชากรสัตว์กับการเจริญทดแทนและการเจริญเติบโต ของสวนยางรวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ (หากม)ี ค่มู ือกำรรับรองกำรจัดกำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 73
7. การดาเนินงานการจดั การสวนยางพาราอยา่ งยัง่ ยนื ด้านสงั คม4.3.2.3, 4.3.7.2 7.1 การการวเิ คราะหผ์ ้มสี ว่ นได้ส่วนเสยี รอบสวนป่ า4.7.2.1, 4.7.2.2, 4.7.2.3, 4.7.2.4, 4.7.10.1, 4.7.10.2, 4.7.10.3, 4.7.10.4, 4.7.10.5 7.1.1.1 ตวั แทนกลุ่มกาหนดรายละเอียดแผนงาน ท่ี กจิ กรรม ผ้รบั ผดิ ชอบ เป้ าหมาย (ปี ) ระยะเวลา 1 2345 ดาเนินการ 1 จัดประชุมกลุ่มเพ่ือเตรียมแผนการวิเคราะหผ์ ู้มีสว่ นไดส้ ่วนเสยี รอบ ตวั แทนกลมุ่ ม.ค. สวนป่ า 2 จดั ทาแผนท่ผี ู้มสี ่วนได้ส่วนเสียรอบสวนป่ า ตวั แทนกลมุ่ รายช่ือผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียรอบสวนป่ า 3 จดั ทาแผนประชาสมั พันธ์ ตัวแทนกลุม่ ก.พ.-ม.ี ค. 4 วิเคราะหผ์ ูม้ ีส่วนได้ส่วนเสยี ตัวแทนกลุ่ม ก.พ.-ม.ี ค. 5 รายงานผลการดาเนินงาน ตัวแทนกลมุ่ 6 ทบทวนการบริหารจัดการผู้มสี ่วนได้สว่ นเสยี (ถ้ามี) ตัวแทนกลุ่ม ธ.ค. 7 การติดตามประเมนิ ผล ตวั แทนกลุ่ม ม.ิ ย.-ก.ค. ม.ค.-ธ.ค. 7.1.1.2 ตัวแทนกลุ่มจัดทาแผนท่ผี ู้มีส่วนได้สว่ นเสยี สารวจชุมชนรอบสวนป่ า4.4.7.1, 4.4.7.2 ภาพท่ี 22 13 หมายเหตุ ควรระบุ กลุ่มบุ คคลท่ีเก็บหาผลผลิตเน้ือไม้และผลผลิตท่ีไม่ใช่ เน้ือไม้ เช่ น ชาวบ้านพื้นท่ี ใกล้เคียง แรงงาน เพ่ือความชัดเจนในการพิจารณากลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและเพ่ือนามากาหนด มาตรการ และแนวทางการตรวจตดิ ตามและการควบคมุ ท่ีเหมาะสม 13 แผนท่ีผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสียสารวจชุมชนรอบสวนป่ า ท่มี า: สวนป่ ากาญจนดิษฐ์ 74 ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline)
7.1.1.3 ตัวแทนกลมุ่ จัดทาแผนการประชาสมั พันธ์ ช่องทางการส่ือสารและความถ่ีในการ ส่ือสารท่ีเป็นปัจจุ บันของการจัดการสวนป่ า เพ่ือเชิญชวนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ เข้าร่วมประชุมรับรู้และรับทราบถึงผลกระทบ ผลการดาเนินงานท่ีผ่านมารวมถึง การหาแนวทางร่วมกนั 4.2.4.3 ผนการประชาสัมพันธ์ วตั ถปุ ระสงค์ ตวั ชี้วัด จานวน ความถ่ี ผลผลติ ผ้รับผิดชอบ 1. เพ่ือเชิญเข้าร่วมประชุม - รายช่ื อ ไมน่ ้อยกวา่ xx คน 1 ครัง้ /ปี - รายงานผลการวิเคราะห์ ตัวแทนกลมุ่ ผู ้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้มสี ว่ นได้ส่วนเสยี ผู ้เข้าร่วม 2. เพ่ือประชาสัมพันธ์ - จานวนผู้รับรู้ ไม่น้อยกวา่ xx คน ไม่น้อยกว่า - สมาชิกเข้าใจ รับรู้ และ ตัวแทนกลุ่ม แผนการดาเนินการต่าง รับทราบ 1 คร้ัง/เดอื น รบั ทราบแผนการดาเนินงาน ๆ ตา่ ง ๆ อย่างต่อเน่ือง *ระยะเวลาดาเนินงานอาจเปล่ียนแปลงได้ตามความเหมาะสม ช่ องทางการประชาสัมพันธ์ ผ่านบอรด์ โปสเตอรป์ ระชาสมั พันธ์ ประกาศเสยี งตามสายผูใ้ หญ่บา้ น ผา่ นส่ือออนไลน์ Line Group 7.1.1.4 จัดประชุมวเิ คราะห์ผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย 7.1.1.5 ตัวแทนกลุม่ จดั ทาใบเซน็ ช่ือ 7.1.1.6 ตวั แทนกลุ่มเตรียมจดประเด็นและสรุปตารางวิเคราะห์ผูม้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสีย พร้อมจะ ทาเป็นรายงานเกบ็ ไว้เป็นหลักฐาน รายละเอยี ดตามภาพท่ี 23 8 ภาพท่ี 2314 14 https://www.forest.go.th/foreign/wp-content/uploads/sites/34/2019/03/Iessons-Learned_ITTO_-22-April-2019_SY_22April19.pdf ค่มู ือกำรรับรองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 75
ตารางวเิ คราะห์ผม้ ีสว่ นได้ส่วนเสยี กลุ่มผ้มีส่วนไดส้ ่วนเสยี ผลกระทบ รบั ฟั งผลกระทบตอ่ สุขภาพ นวทางการลด นวทางการมีส่วนรว่ มกับ ละความเป็นอยข่ องคน ผลกระทบจาก ผม้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสีย สมาชิกของกลุ่มการ -มาตรการการดาเนนิ งานท่ี ในชุมชน จัดการสวนยางพารา เข้มงวดเกนิ ไป กจิ กรรม การประชุมปรึกษาหารอื เพ่ือ -ต้องดาเนนิ การดา้ นเอกสาร +สภาพแวดล้อมดีข้นึ แลกเปล่ยี นความคิดเห็น สุขภาพดีขนึ้ เน่อื งจากใช้ พยายามบนั ทึกข้อมูล สารเคมนี ้อยลง ผา่ นออนไลน์ มากข้ึน -ฝุ่ นจากรถบรรทุกในระยะ -กล่ินของสารเคมขี ณะฉีดพ่น ยาวอาจจะส่งผลตอ่ ปอด คนงานกรดี ยาง ฆ่าวชั พชื และแมลง +อุบตั เิ หตลุ ดน้อยลง ปรบั ตัวให้เข้ากับ การปรึกษาหารือแลกเปล่ียน -มาตรการการดาเนนิ งานท่ี เน่ืองจากมีการอบรมการใช้ มาตรการของสหกรณ์ฯ ความคดิ เห็น เพ่ิมเตมิ จากการทางานเดิมท่ี สารเคมีท่ีถกู ตอ้ ง และเรียนรู้ เขม้ ข้นข้นึ ผูร้ ับจ้าง/รบั เหมาตดั ไม้ มาตรการการดาเนินงานท่ี วธิ กี ารกรดี ยาง : ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กับ การปรกึ ษาหารือแลกเปล่ียน 1. นายดา ดินดี เพ่ิมเติมจากการทางานเดมิ ท่ี +อุบตั ิเหตลุ ดนอ้ ยลงเป็น อย่างมาก เน่ืองจากมีชุด มาตรการของสหกรณ์ฯ ความคดิ เหน็ 2. นายไหว ปารพ เข้มข้นขึ้น อุปกรณ์ป้องภยั ความ ปลอดภยั สว่ นบุคคลแล้ว ชุมชนรอบพ้นื ท่สี วนยาง -ถนนชารุดเสยี หายจากการ ขณะปฏบิ ตั ิงาน : แจง้ ขอความร่วมมือไป การประชาสมั พันธ์ เคล่ือนยา้ ยไมย้ าง -บางคร้ังเกิดอุบตั ิเหตจุ าก ยงั ผู้ขนส่งไม้ ไม่ให้ 3. ร้าน ก ถนนชารุด บรรทกุ น้าหนกั เกนิ 4. ร้านขายอุปกรณ์ -การสัญจรเดินทางลาบาก กอ่ สร้างไทยเจรญิ : แจ้งไปยงั หนว่ ยงาน 5. ชาวบา้ นรอบสวนป่ า ราชการขอใหป้ รบั ปรุง เจา้ หน้าท่ีปกครองส่วน -ภาระในการกาจดั ขยะสารเคมี -ฝุ่นจากรถบรรทกุ ในระยะ ซ่อมแซมถนน ทาจดหมายถึงหน่วยงาน ท้องถ่ิน -ต้องมกี ารซ่อมแซมถนน ยาวอาจจะสง่ ผลตอ่ ปอด หรือเขา้ พบเพ่อื ปรึกษาหารือ 1. กานัน -ขุดลอกคลองเน่ืองจากแหลง่ : ตดิ ตอ่ ประสานงานไป รบั ฟังความคิดเห็น 2. ผูใ้ หญ่บ้าน น้าต้นื เขิน ยังหน่วยงานท่เี ก่ียวข้อง : แจ้งไปยังหน่วยงาน ราชการขอใหป้ รบั ปรุง 3. ประธานหมู่บ้าน -การปลกู สร้างสวนป่ าทาให้ ซ่อมแซมถนน เกิดตะกอนในแหล่งน้า การยางแหง่ ประเทศไทย -มาตรการในการจัดการสวน - - ทาจดหมายถึงหน่วยงาน สาขา......(ท่ใี กล้ท่ีสุด) ยางอยา่ งย่ังยืนอาจไม่ หรอื เข้าพบเพ่ือปรึกษาหารอื สอดคล้องกับแนวทางการ รบั ฟังความคิดเห็น สง่ เสริมของหน่วยงาน สานกั งานเกษตรอาเภอ -มาตรการในการจดั การสวน +สภาพแวดลอ้ มดขี ึน้ - ทาจดหมายถึงหน่วยงาน สาขา......(ท่ใี กล้ท่ีสุด) ยางอย่างย่ังยืนอาจไม่ หรือเข้าพบเพ่ือปรกึ ษาหารือ สขุ ภาพดีขนึ้ สอดคลอ้ งกับแนวทางการ -ฝุ่นจากรถบรรทกุ ในระยะ รบั ฟังความคิดเห็น สานักงาน ส่งเสรมิ ของหน่วยงาน ยาวอาจจะสง่ ผลตอ่ ปอด - ทาจดหมายถึงหน่วยงาน ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ -การบุกรุกพ้ืนท่ปี ่ าเพ่ือปลูก - - หรอื เขา้ พบเพ่ือปรึกษาหารอื ส่ิงแวดล้อมจังหวัดตรงั สรา้ งสวนยาง รับฟั งความคิดเห็น บรษิ ัทเอกชนท่ีรับซ้ือ - 1. บจก. A +บริษัทมีแหล่งวัตถุดิบมากขึ้น ทาจดหมายถึงหน่วยงาน หรอื เข้าพบเพ่อื ปรกึ ษาหารือ 2. บจก. B รบั ฟังความคิดเห็น หมายเหตุ: อกั ษรสีแดง คือ ลกั ษณะความสัมพนั ธเ์ ชิงลบ, สญั ลักษณ์ + หมายถงึ มผี ลกระทบเชิงบวก, สญั ลักษณ์ - หมายถงึ มี ผลกระทบเชิงลบ ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุม่ (Group Certification Guideline) 76
8.1.1.1 จัดทาเป็นรูปเล่มเพ่ือเก็บเป็นหลักฐานการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อ กิจกรรมการจัดการสวนยางพาราอย่างย่ังยืน เช่ น ใบเซน็ ช่ือ ภาพถ่ายบันทึก การเข้าร่วมการประชุม ตารางการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและเอกสารท่ี เก่ยี วขอ้ ง เปน็ ต้น สาหรับแนวทางการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถศึกษาเพ่ิมเติมได้ท่ี คู่มือการวิเคราะห์ผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder analysis) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนการขับเคล่ือน ยุทธศาสตร์ และนโยบายรฐั บาลในการสง่ เสริม และสร้างความเขม้ แข็งเศรษฐกจิ ภายในประเทศ 15 8.2 จัดทากระบวนการ ก้ไขข้อร้องเรียน ละข้อเสนอ นะของชุมชนท่ีเก่ียวข้องกับการ จัดการสวนป่ า4.2.2.1 8.2.1 ตัวแทนกลุ่มจัดทากระบวนการรับข้อร้องเรียน และข้อเสนอแนะของชุมชนท่ีเก่ียวข้อง กบั การจดั การสวนป่ า โดยมรี ูปแบบดงั น้ี 8.2.1.1 กาหนดช่ องทางรับคารอ้ งเรยี น สหกรณ์ฯ เปิดช่องทางรับข้อคิดเห็นไว้หลายช่องทางเพ่ือรับข้อร้องเรียน เช่น โทรศัพท์ อีเมล หรือส่ือออนไลน์ใด ๆ หรือแจ้งเม่ือพบตัวแทนกลุ่ม ระหว่างการประชุมกับผู้มีสว่ นไดส้ ่วนเสีย และ/หรอื กล่องหนา้ สานักงาน 8.2.1.2 ตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริง ประเมินข้อรอ้ งเรยี น ละ กป้ ั หาเบอ้ื งตน้ ตรวจสอบข้อเท็จจริงทง้ั การสอบถามและสัมภาษณ์ผู้ได้รับผลกระทบ และ ประเมินผลเบ้ืองต้น โดยสามารถพิจารณาว่าเร่ืองดังกล่าวส่งผลกระทบ ต่อชุมชนหรือกลุ่มการรับรองการจัดการป่ าไม้หรือไม่ ซ่ึ งหากส่ง ผลกระทบในวงกว้างให้เสนอเข้าท่ีประชุมเพ่ือพิจารณาหารือแนวทางการ แก้ไขต่อไป แต่หากเป็นเร่ืองท่ีส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยหรือมีความเส่ียง น้อยสามารถพิจารณา ลงพ้ืนท่ีตรวจสอบแก้ไขปัญหาในเบ้ืองต้นก่อนได้ แล้วนาแจ้งในท่ปี ระชุมตอ่ ไป 8.2.1.3 เสนอท่ีประชุม เพ่อื หา นวทาง ก้ไข เม่ือสหกรณ์ฯ ประเมินข้อร้องเรียนแล้ว ให้ตัวแทนกลุ่มหรือประธาน สหกรณ์ฯ ร่วมหารือ พิจารณา และผู้ตัดสินใจโดยพิจารณาจากกรณี ปัญหาและการแกไ้ ข 8.2.1.4 ช้ี จงหรือส่งรายละเอยี ดข้อรอ้ งเรียนเพ่อื ก้ปั หา ละข้อเสนอ นะ สหกรณ์ฯ ต้องส่งหรือช้ีแจงแนวทางการแก้ไขข้อร้องเรียน พร้อมลง พ้ืนท่ีเพ่ือไปดาเนินการแก้ไขตามท่ีกาหนดไว้เพ่ือดาเนินการปรับปรุงแก้ไข สถานการณ์ให้ส่งผลกระทบน้อยลงหรือบรรเทาผลกระทบท้ังทางตรงและ ทางอ้อม 15 http://innovation.forest.ku.ac.th/Certification/Docs/stakeholders.pdf ค่มู ือกำรรบั รองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline) 77
8.2.1.5 ปิ ดคาร้องเรียน ตัวแทนกลุ่มสามารถปิ ดข้อร้องเรียนนั้นเม่ือได้ปฏิบัติตามขั้นตอนท่ี 4 เสร็จสนิ้ แลว้ และจัดเก็บบันทึกคารอ้ งเรียนทัง้ ในคอมพวิ เตอรห์ รือเอกสาร 8.2.1.6 กระบวนการรบั ขอ้ ร้องเรยี น ช่ือเอกสาร: การรับข้อรอ้ งเรยี น กไ้ ขครัง้ ท่:ี ผ้อนมุ ัติ: วันท่อี อกเอกสาร: วนั ท่บี ังคบั ใช้: รหสั เอกสาร: 1) วัตถปุ ระสงค์ - เพ่อื ใช้ในการจดั การรับข้อรอ้ งเรยี น - เพ่อื ให้ม่ันใจไดว้ า่ มกี ารปฏบิ ัติ - เพ่ือให้ความคดิ เหน็ / คารอ้ งเรยี นของผูร้ ับบรกิ ารได้รับ ท่ี กระบวนการ รายละเอยี ดงาน ผ้รบั ผดิ ชอบ ตวั แทนกลมุ่ 1 รับข้อรอ้ งเรยี น - รบั และบันทึกคาร้องเรยี นทง้ั ในคอมพิวเตอร์หรอื เอกสาร เจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวขอ้ ง (เอกสารประกอบ: บันทึกข้อร้องเรียน) และตวั แทนกลุม่ 2 ตรวจสอบขอ้ เท็จจรงิ ประเมนิ - ตรวจสอบขอ้ เท็จจริง ประธานสหกรณ์ ข้อร้องเรียนและแก้ปัญหา - ประเมินผลเบื้องต้น พร้อมพิจารณาใหค้ าแนะนาแนวทางการแก้ไขใน เบื้องต้น เบื้องตน้ ได้ 3 เสนอท่ปี ระชุม เพ่ือหาแนว - ท่ปี ระชุมรว่ มพิจารณาหารือแนวทางแก้ไข พรอ้ มพจิ ารณา ทางแกไ้ ข มาตรการแกไ้ ข ป้องกันเพ่อื ไมใ่ ห้เกดิ ซ้า หรอื หาแนวทางการบรรเทา ผลกระทบ - ลงพนื้ ท่แี กไ้ ขสถานการณ์ บบบันทกข้อร้องเรียน วนั ท่ี................เดอื น..................พ.ศ. ............... เร่ือง ...................................................................................................................... เรยี น ประธานสหกรณส์ วนป่ าต้นไม้ จากัด และผู้ท่ีเก่ยี วข้อง ขา้ พเจ้า (นาย/นาง/นางสาว)..................................................................................อายุ..................ปี อยู่บ้านเลขท่ี........หมู่ท่.ี .........บ้าน............................ตาบล...................................อาเภอ.....................................จังหวัด........................................โทรศัพท์ .......................................เลขท่ีสมาชิก (ถา้ มี)....................................... มคี วามประสงค์ o ร้องเรียน o ร้องทุกข์ เหตขุ องเร่ือง (ระบุ)............................................................................................................................................... (ลงช่ือ)...................................................................ผู้ร้องเรยี น/ร้องทกุ ข์ (..............................................................................) ค่มู ือกำรรับรองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกลุม่ (Group Certification Guideline) 78
8.3 การดาเนนิ การด้าน รงงาน4.7.11 8.3.1 จัดเตรียมชุดอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไวส้ ว่ นกลาง 8.3.1.1 การจัดเตรียมชุดอุ ปกรณ์ปฐมพยาบาลไว้ส่วนกลาง โดยจัดให้มี ณ สหกรณฯ์ 8.3.1.2 จัดให้มีชุดปฐมพยาบาลในพ้ืนท่ีปฏิบัติงานท่ีเกิดอุบัติเหตุได้บ่อยคร้ัง เช่น การโค่นไม้ ประกอบด้วยชุดอุ ปกรณ์ทาแผล และยารักษาโรคเบื้องต้น พร้อมตรวจสอบอุ ปกรณ์ปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นให้มีความพร้อมใช้งาน ในสถานการณ์ฉกุ เฉนิ เสมอ อาท1ิ 6 4.7.11.9 ถุงมือ - สาหรับผู้ช่วยเหลือ เพ่ือป้องกันมิให้ผู้ช่วยเหลือสัมผัสถูก เลือด อาเจยี น สารคดั หล่ังต่าง ๆ ยาล้างแผล เช่น แอลกอฮอล์ ยาฆา่ เชื้อ ผ้าทาแผล (ผ้าก๊อซ) โดยหากแผลมีเลือดออกมากให้ปิดทับหลาย ๆ แผน่ เพ่ือหา้ มเลอื ด พลาสเตอร์เทปปิ ดแผล ใช้สาหรับปิ ดแผลหลังจากล้างทาความ สะอาด กรรไกร ใช้ตัดผ้าก็อซ หรอื ตดั ผ้า หรือขากางเกง เทปติดแผล ผ้าปิ ดตาใช้สาหรับการบาดเจ็บท่ีนัยน์ตา เช่ น กระจกตาถูกบาด ฝุ่นละอองเข้าตา เปน็ ต้น เข็มกลดั ใช้ตดิ ผา้ สามเหล่ยี ม ผา้ คลอ้ งคอ ผ้ายดื สาลี ไม้พนั สาลี ใช้สาหรบั ทายาล้างแผลรอบ ๆ แผล ผ้ายืด (อีลาสติกแบนเอด) ใช้สาหรับพันเม่ือเกิดการบาดเจ็บ กล้ามเนื้อ ข้อ เพ่ือลดการบวม ลดการเคล่ือนไหว หรือใช้พันยึด กับอุปกรณ์อ่ืน ๆ เพ่ือดามกระดูก ผ้ายืดยังสามารถนามาพันทับ ผ้าก๊อซหรือพลาสเตอร์ติดแผลเพ่ือห้ามเลือด แต่ห้ามพันแน่น จนเกินไปเพราะทาให้อวัยวะส่วนปลายเกิดการบวมและขาดเลือดมา เลย้ี งได้ ผ้าสามเหล่ียมคล้องแขน ปัจจุ บันใช้ผ้าคล้องแขนแทนเพราะสะดวก และงา่ ยต่อการใช้งาน ถุงพลาสติก 1 ใบ สาหรบั ใสเ่ ศษขยะ เช่น ผ้าเป้ือนเลอื ด เปน็ ตน้ ยาฉุกเฉินสาหรับรับประทาน โดยกล่องบรรจุ ยานี้ต้องปิ ดมิดชิด และ มีข้อความระบุข้างกล่องชัดเจนว่า เป็นยาสาหรับรับประทาน 16 อา้ งองิ จาก สถาบนั การแพทยฉ์ ุกเฉนิ แห่งชาติ ค่มู ือกำรรบั รองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกลุม่ (Group Certification Guideline) 79
ควรมียาเฉพาะท่ีจาเป็นเท่าน้ัน อาทิ ยาลดไข้แก้ปวด ผงเกลือแร่ สาหรับการบาดเจ็บท่ีมีการเสียเลือดมาก หรือบาดแผลพุพองจาก ความร้อนท่ีมีบริเวณกว้าง หรือผูท้ ่ีมอี าการอาเจียนและท้องเสยี 8.3.2 ภาพท่ี 2417 ตัว ทนกลุ่มจัดเตรียมส่ือ ละส่ือสารให้สมาชิกมีความเข้าใจในการจ้างงาน อวัยวะท่ีพงป้ องกัน รูปตัวอยา่ งอุปกรณ์ PPE กฎ ข้อห้าม ความปลอดภัย รวมทัง้ เน้นส่งเสริมสมาชิกให้จ้างงานของคนใน ชุมชนท้องถ่ิน ผ่านช่ องทางการประชาสัมพันธ์ของสหกรณ์หรือระหว่างการ อบรมประจาปี 4.7.12.1 8.3.2.1 อุปกรณป์ ้องกันอันตรายส่วนบุคคลท่ตี ้องสวมใส่ขณะปฏิบตั งิ าน4.3.9.5 เท้า ขา ลาตวั / มอื ศีรษะ ดวงตา หนา้ หู แขน/ขา ลักษณะงาน ปลูก X บน X (เคร่ืองจักร) กาจดั วชั พชื /ตัดหญ้า XX บน X X ฉีดยาฆา่ หญา้ XX ลา่ ง X บน ตดั แตง่ ก่ิง/ ลดิ ก่ิง X บน X X โคน่ ไมด้ ว้ ยเล่อื ยโซ่ยนต์ X X X บน X X ลา่ ง X ลาเลียงไม้ X บน X การสวมใส่อุ ปกรณ์ป้ องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) ดังตารางเป็นเพียงข้อแนะนา ท้ังน้ี หลักการเลือกสวมใส่ PPE คือต้องประเมินลกั ษณะงานวา่ มีความเส่ียงและอาจเป็นอันตรายต่ออวัยวะส่วน ใดส่วนหน่ึงของร่างกายจึงเลือกสวมใส่ตามความเหมาะสม โดยสมาชิกจะต้องบันทึกลงในสมุดบันทึกของ สมาชิก พรอ้ มตรวจสอบอุปกรณ์เคร่ืองมือกอ่ นการใช้งานทกุ ครั้งดว้ ย4.7.11.2, 4.7.11.5, 4.7.11.7 8.3.3 กฎ ละข้อห้ามเก่ยี วกับการจา้ งงาน ของสหกรณต์ ้นไม้ 17 http://www.siammedicalcare.com/category/311/ปฐมพยาบาล-ทาแผล-first-aid/ชดุ ปฐมพยาบาล-first-aid-kit ค่มู ือกำรรับรองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 80
หากมีการจ้าง ต้องจ่ายค่าจ้างไม่ต่ากว่าค่าจ้างขั้นต่ าตามท่ี กฎหมายกาหนด ซ่ึงหากเป็นงานเหมา ให้คานวณเปรียบเทียบเม่ือมี การจ้างงานเตม็ วนั การทางานต้องอยู่ในสภาวะแวดล้อมท่ีปลอดภัย โดยต้องมีการ จัดเตรียมและสวมใส่อุ ปกรณ์ป้ องกันอันตรายส่วนบุ คคลท่ีเหมาะสม ในการทางานของผู้ปฏิบัติงาน เช่น การกรีดยาง การใส่ปุ๋ย การ ฉดี ยากาจดั ศตั รูพชื /วชั พชื การตดั หญา้ และการตดั ไม้ การจัดให้มีสาธารณสุขขั้นพ้ืนฐาน เช่น น้าด่ืมท่ีเพียงพอ ชุดปฐม พยาบาล เป็นต้น ต้องแนะนาสมาชิ กไม่กีดกันเร่ืองเผ่าพันธุ์ สีผิว ประเพณี วัฒนธรรม เพศ อายุศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง การกีด กันทางเช้ือชาติฯ หา้ มใช้แรงงานเดก็ ท่มี ีอายุต่ากว่า 18 ปี กรณีมีแรงงานต่างด้าว จะต้องได้รับการรับรองสิทธิมีใบอนุญาต ทางานและไดร้ บั การปฏิบัติเท่าเทียมกับแรงงานในท้องถ่นิ แล้วงานประจาหรือช่ัวคราวจะต้องมีสัญญาหรือข้อตกลงโดยระบุ ค่าจา้ งและผลประโยชนต์ ามกฎหมายกาหนด เน้นส่งเสริมสมาชิกให้จ้างงานของคนในชุมชนท้องถ่ินโดยหากมีการ จ้างงาน สมาชิกต้องจดบันทึกช่ือคนงานและผู้รับเหมาท้องถ่ินลง สมุดบันทึกสมาชิก (หากไม่มีการจ้างงานคนในท้องถ่ิน ต้องบันทึก เหตุผลลงสมุดบันทกึ ) 8.3.4 จัดทาการประเมินความเส่ียงท่ีอาจเกิดต่อสุขภาพ ละความปลอดภัยสาหรับ ผ้ป ิบตั ิงาน ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 81
ช่ือเอกสาร: บนั ทกความเส่ยี งท่อี าจเกิดต่อสุขภาพ ก้ไขครัง้ ท่:ี วันท่ีออกเอกสาร: วันท่บี ังคบั ใช้: รหสั เอกสาร: ผ้รับผดิ ชอบ: หมายเหตุ 1) วัตถปุ ระสงค์ เพ่อื จัดเกบ็ ละบนั ทกความเส่ยี งท่อี าจกจะเกิดผลตอ่ สุขภาพ 2) ลักษณะความเส่ยี งท่ีพจิ ารณา ท่ี วนวัฒน์วธิ ี กิจกรรม ลกั ษณะความเส่ยี งท่พี จิ ารณา 1 การปลกู การขุดหลมุ ปลูก - การความชานาญใช้จอบหรอื เสียม 2 การ การกาจัดวชั พืช/ตัดหญา้ - การความชานาญใช้จอบหรือเสียม บารุงรกั ษา การฉดี ยาฆ่าหญา้ - ความรูค้ วามเขา้ ใจ ข้ันตอนการฉีดพน่ ยาฆ่าหญา้ ท่ีถูกวิธี - ความชานาญในการใช้สารเคมี - การสวมใส่ PPE การตัดแต่งก่งิ / ลิดก่งิ - การความชานาญใช้กรรไกร - ระยะเวลาในการตัดแตง่ ก่งิ 3 การตัดโค่น การโคน่ ไม้ดว้ ยเล่อื ยโซ่ยนต์ - ความชานาญในการใช้เล่อื ย - การสวมใส่ PPE การโคน่ ไม้ดว้ ยเคร่อื งจกั ร - ความชานาญในการใช้เคร่อื งจกั ร - ความรูค้ วามเขา้ ใจการจดั การหากเกดิ น้ามนั ร่ัวไหล การกรีดยาง - การความชานาญในการกรดี - การสวมใส่ชุดท่ีเหมาะสมเพ่ือป้องกันสัตว์มพี ิษ 4 การขนส่ง การลาเลียงไม้ - การความชานาญในการจัดวางไม้ - อายุการใช้งานของรถ/รุ่นเกา่ 8.3.5 จัดทาบันทกอุบัติเหตุจากการทางานรวมถงผลการสอบสวนอุบัติเหตุเพ่ือ นาไปสก่ ารป้ องกนั ไมใ่ ห้เกดิ ซ้ า 8.3.5.1 สมาชิ กควรบันทึกสถิติอุ บัติเหตุจากการทางาน รวมถึงผลการ สอบสวนอุบัตเิ หตเุ พ่อื นาไปสู่การป้องกันไม่ให้เกิดซ้า ท้ังน้ี หากสมาชิก มีการทาประกันภัยหมู่หรือมาตรการชดเชยค่ารักษา ควรเลือกท่ี เหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน (ภาคสมคั รใจ) 4.7.11.10, 4.7.11.11 บบบันทกการเกิดอุบตั ิเหตุ วันท่ี ครงั้ ท่ี เหตกุ ารณ์ ผลการสอบสวน มาตรการ X ก.ค. 1 คนตดั ไมถ้ กู ล่ือยโซ่ยนตต์ กี ลับ เน่ืองจากคนตดั ไม้ไม่ -ป้องกันด้วยการใส่อุปกรณ์ป้องกนั ภัยสว่ น (Kickback) บรเิ วณหนา้ สวมใสอ่ ุปกรณป์ ้องกนั บุคคล -เพ่ิมความถ่กี ารอบรมเร่ืองความปลอดภัย ภยั ส่วนบุคคล -เพ่ิมความถ่ีในส่อื สารและสรา้ งความตระหนกั รู้ รับรู้รบั ทราบเร่ืองความปลอดภัยในการทางาน 8.3.6 ตวั ทนกลมุ่ จัดทา ผนการฝกอบรมรายปี หรอื การบรรยายให้ความร้ เก่ียวกับ การใช้เคร่อื งมอื ละอุปกรณก์ ารทางานอยา่ งปลอดภัย ละ ผนการฝกอบรม ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 82
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้สมาชิก ละคนงาน หรือผ้ป ิบัติงานทุกระดับท่ี เก่ยี วขอ้ ง4.7.1.5, 4.7.1.6, 4.7.8.1, 4.7.8.2, 4.7.11.3, 4.7.11.4, 4.7.11.6, 4.7.11.8, 4.7.12.2, 4.7.12.2 ท่ี หัวข้อการอบรม จานว งบประมา ตวั ช้ีวดั เป้ าหมาย เป้ าหมาย (ปี ท่)ี ระยะเวลา นณ 1 2 3 4 5 ดาเนินการ (คน) (บาท) 1 การใช้เคร่ืองมือ 50 คา่ อาหาร 1. จานวน 1. สมาชิกเขา้ ใจเกิด ก.พ.-ม.ี ค. อุปกรณก์ าร x,xxx ผูเ้ ขา้ ร่วม ความตระหนักรู้เร่ือง จานวน 1 วนั ค่าสถานท่ี 2. แบบทดสอบ ความปลอดภัยระหวา่ ง ทางานอย่าง ปลอดภัยในการ x,xxx ความเขา้ ใจ การปฏิบตั ิงาน ทาไมแ้ ละ ค่าวทิ ยากร 3. ส่มุ ตรวจสวน 2. สมาชิกสวมชุด กิจกรรมท่มี ี x,xxx ป่ าช่วงท่ีมกี าร อุปกรณ์ป้องกันความ ความเส่ยี ง ดาเนนิ งาน ปลอดภยั ระหว่างการ 2 การปฐม ทางานมากขึ้น พยาบาลเบ้ืองต้น ตวั อย่าง กาหนดการอบรม การจัดการสวนยางพาราอยา่ งยัง่ ยนื ตาม มอก.14061 วัน xxx ท่ี xx xxxxx 256x เวลา 09.00-15.30 น. ณ หอ้ งประชุม 1 สหกรณ์ตน้ ไม้ เวลา หัวขอ้ ผบ้ รรยาย หมาย เหตุ 09.00-11.00 น. การจัดการดูแลสวนยางพาราอยา่ งเหมาะสม ตามหลัก GAP ตัวแทนกลุ่ม สานกั งานการรับรองไมเ้ ศรษฐกจิ ไทย การจัดการสวนยางพาราในมติ ดิ ้านส่ิงแวดลอ้ ม 11.15-12.00 น. - ส่ิงแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ 12.00-13.00 น. พกั รับประทานอาหารกลางวัน การจดั การสวนยางพาราในมิตดิ า้ นส่ิงแวดล้อม (ต่อ) สานักงานการรับรองไม้เศรษฐกิจไทย - การใช้สารเคมแี ละปุ๋ย อาสาสมัครหมูบ่ ้าน (อสม.) 13.00-14.15 น. - การจัดการขยะ ผูเ้ ช่ียวชาญ/ท่ีปรกึ ษา การจดั การสวนยางพาราในมิตดิ า้ นสังคม 14.30-15.00 น. - การปฐมพยาบาลเบื้องต้น 15.00-15.30 น. การจดั การสวนยางพาราในมติ ดิ า้ นสังคม (ต่อ) - การใช้เคร่อื งมอื อุปกรณ์การทางานอย่างปลอดภยั ในการทา ไมแ้ ละกจิ กรรมท่มี คี วามเส่ยี ง *พักรบั ประทานอาหารว่าง 2 คร้ัง เวลา 11.00-11.15 น. และ 14.15-14.30 น. 8.4 รายการกฎหมายท่ีเก่ยี วขอ้ ง4.1.1.5, 4.1.1.6, 4.1.1.8 83 8.4.1 จดั ทาและรวบรวมกฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ งในสวนป่ า ค่มู อื กำรรบั รองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline)
8.4.2 ชี้แจงใหเ้ กษตรกรบันทกึ ว่ารับทราบเร่ืองกฎหมายในสมุดบันทึกของสมาชิก 8.4.3 ติดตามกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องให้เป็นปัจจุ บันโดยอาจกาหนด ระยะเวลาในการติดตามปรับปรุงท่ีแน่นอนทุก ๆ 6 เดือน 1 ปี หรือเม่ือมีการ เปล่ียนแปลง กฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ท้ังน้ี อาจติดตามได้จากการจัดอบรม สัมมนาการเป็นสมาชิกราชกิจจานุเบกษา หรือการทาข้อตกลงร่วมกันระหว่าง องคก์ ร ช่ือเอกสาร: ทะเบียนกฎหมาย ก้ไขครัง้ ท่:ี ผร้ บั ผดิ ชอบ: วนั ท่อี อกเอกสาร: ผร้ ับผดิ ชอบ: รหัสเอกสาร: 1) วตั ถุประสงค์ เพ่ือรวบรวมและจดั เกบ็ กฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งในสวนป่ า กฎหมาย รายการกฎหมายท่เี ก่ยี วข้อง 1) กฎหมายหลัก พ.ร.บ.ป่ าไม้ พุทธศกั ราช 2584 เก่ียวกับป่ าไม้ พ.ร.บ.ป่ าสงวนแหง่ ชาติ พ.ศ.2507 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสตั ว์ป่ า พ.ศ.2562 พ.ร.บ.สวนป่ า พ.ศ. 2558 พ.ร.บ.เล่อื ยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ.2558 พ.ร.บ.ส่งเสรมิ การบริหารจัดการทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง พ.ศ.2558 พ.ร.บ.ป่ าชุมชน พ.ศ.2562 พ.ร.บ.ใหใ้ ช้ประมวลท่ีดนิ เพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ.2497 พ.ร.บ.การเช่าท่ีดนิ เพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ.2524 กฎหมายอ่ืน ๆ ทั้งระดับพระราชบัญญัตแิ ละอนบุ ัญญัติ 2) กฎหมายการทาไม้ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 กฎหมายอ่นื ๆ ทงั้ ระดับพระราชบญั ญตั ิและอนบุ ัญญัติ 3) กฎหมายเก่ยี วกบั พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุพ์ ชื พ.ศ.2542 การจดั การพืน้ ท่ี กฎหมายอ่ืน ๆ ทงั้ ระดับพระราชบัญญัติและอนุบญั ญัติ ค้มุ ครอง และชนิด พชื หรือสตั ว์ คุม้ ครอง พ.ร.บ.ส่งเสรมิ และรักษาคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มแห่งชาติ พ.ศ.2535 พ.ร.บ.วตั ถุอนั ตราย พ.ศ.2535 แกไ้ ข พ.ศ.2551 4) กฎหมายหลัก มติ ค.ร.ม. จาแนกช้ันลุ่มน้า พ.ศ.2525 เก่ียวกบั การ กฎหมายอ่ืน ๆ ทั้งระดับพระราชบัญญตั ิและอนบุ ญั ญตั ิ คมุ้ ครอง พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน พ.ศ.2554 ส่ิงแวดลอ้ ม 5) กฎหมายเก่ยี วกบั ความปลอดภัยและ พ.ร.บ.สขุ ภาพแห่งชาติ พ.ศ.2535 แก้ไข พ.ศ.2550 สุขภาพ พ.ร.บ.ความปลอดภยั พ.ศ.2535 แก้ไข พ.ศ.2554 กฎหมายอ่ืน ๆ ท้ังระดับพระราชบญั ญตั แิ ละอนุบัญญตั ิ 6) กฎหมายแรงงาน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 แกไ้ ข พ.ศ.2554 พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 แก้ไข พ.ศ.2558 พ.ร.บ.แรงงานสมั พันธ์ พ.ศ.2518 แก้ไข พ.ศ.2554 พ.ร.บ.การศกึ ษาภาคบงั คับ พ.ศ.2545 พ.ร.บ.การทางานของคนต่างดา้ ว พ.ศ.2551 ค่มู ือกำรรับรองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 84
ช่ือเอกสาร: ทะเบยี นกฎหมาย ก้ไขครัง้ ท่:ี ผร้ บั ผิดชอบ: วันท่ีออกเอกสาร: ผ้รับผิดชอบ: รหสั เอกสาร: 1) วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื รวบรวมและจัดเก็บกฎหมายท่เี ก่ียวข้องในสวนป่ า กฎหมาย รายการกฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ ง กฎหมายอ่นื ๆ ท้งั ระดับพระราชบญั ญตั ิและอนบุ ัญญตั ิ 7) อนสุ ญั ญาและ Convention on Biological Diversity (CBD) ข้อตกลงระหว่าง Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora (CITES) ประเทศหลัก International Labour Organization (ILO) convention International Tropical Timber Agreement (ITTA) อ่ืน ๆ 8) กฎหมายท่ดี นิ ประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ.2497 พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลท่ดี นิ เพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ.2497 พ.ร.บ.การเช่าท่ดี ินเพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ.2524 กฎหมายอ่ืน ๆ ทง้ั ระดบั พระราชบัญญตั แิ ละอนุบญั ญตั ิ สถานท่ีเก็บไฟล์ บบั เต็ม: xxxx อา้ งอิง: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/RKJ/announce/search.jsp 8. การตดิ ตามตรวจสอบ 8.1 การดาเนนิ การ 8.1.1 ตัวแทนกลุ่มกาหนดกลุ่มตัวอย่างตามแผนการตรวจติดตามภายในประจาปี อยา่ งนอ้ ยตามหลักการสุ่ม รากท่ีสองของ n โดยท่ี n คือจานวนผู้เข้าร่วมกลุ่ม ทั้งหมด (ปัดเศษตามหลักทศนิยม < 0.5 ปัดลง 0.5 ขึ้นไป ปัดขึ้น) จากนั้น เลือกจานวนตัวอย่างให้มีการกระจายของพื้นท่ีท่ีต้ังสวน และในครั้งถัดไปควรให้ เกดิ การสุม่ ผูเ้ ข้ารว่ มกลุ่มรายใหมด่ ้วย 8.1.2 ตัวแทนกลุ่มต้องจัดให้มีการตรวจติดตามภายในท่ีดาเนินการโดยบุ คคลท่ีมี ความรู้ ความสามารถ และความเช่ียวชาญ ในการตรวจประเมินสาหรับ ผูเ้ ข้าร่วมกลุ่ม 8.1.3 ตัวแทนกลุ่มต้องประเมินความสอดคล้องของผู้เข้าร่วมกลุ่ม และสรุปผลการ ประเมิน ตาม มอก.14061 จากแหล่งข้อมูลท่ีได้รับภายนอกหรือจากผู้มีส่วนได้ สว่ นเสียท่ีเก่ยี วข้อง ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 85
8.2 ผนการตรวจติดตาม [Plan-Do-Check-Act]4.1.2.5, 4.2.2.3, 4.2.5.1, 4.3.7.2, 4.3.7.4, 4.5.2.3, 4.5.3.3, 4.5.5.2, 4.5.7.6, 4.5.9.4, 4.5.12.4, 4.6.1.3, 4.2.8.1 8.2.1 ตัว ทนกลุ่มจะทา ผนการตรวจตดิ ตาม ช่ือเอกสาร: ผนการตรวจติดตาม ก้ไขครงั้ ท่:ี วนั ท่ีออกเอกสาร: วันท่บี งั คบั ใช้: รหัสเอกสาร: ผ้รับผดิ ชอบ: 1) วัตถปุ ระสงค์ เพ่อื การเฝ้าระวัง ละการตรวจติดตามคนงาน/ผ้รบั จ้างเหมา 2) ขนั้ ตอนการ ทางาน แบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ - แบบไมเ่ ปน็ ทางการ (ตรวจตดิ ตาม 100%) - แบบเป็นทางการ 1) แบบไม่เป็นทางการ 1.1 เป็นการตรวจติดตามโดยอาจไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า หรือมีการนัดหมายล่วงหน้าก็ได้ โดยใช้รายการ ตรวจสอบ (checklist) ทุกครงั้ 1.2 ทกุ ครั้งท่ีมกี ารตรวจเย่ยี ม ผู้รบั ผิดชอบ/ผู้ท่ีได้รบั มอบหมาย ตอ้ งลงบนั ทึกหรอื ถา่ ยรูปไว้เปน็ หลกั ฐาน 2) แบบเป็นทางการ ตัวแทนกลุ่ม ต้องกาหนดให้มีการเฝ้าระวังและการตรวจติดตามทุกกิจกรรมอย่างน้อยปีละครั้ง โดยมีแนวทางใน การปฏบิ ตั ดิ งั นี้ 2.1 จัดทาแผนการเฝ้าระวังและการตรวจติดตาม 2.2 ผูท้ ่ที าการเฝ้าระวงั และตรวจติดตามต้องมคี วามรูใ้ นเร่ือง - การจัดการป่ าไมอ้ ย่างย่งั ยนื ตามแนวทาง มอก.14061 - การอนุรักษธ์ รรมชาตแิ ละผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม หรอื ผา่ นการฝึกอบรมหลกั สตู ร มอก.14061 - การตรวจตดิ ตามภายในระบบ 2.3 หลังจากท่ีทาการเฝ้ าระวังและตรวจติดตามแล้วต้องบันทึกผลในรายการเฝ้าระวังและการตรวจติดตามทุก กจิ กรรม 3) ในการเฝ้าระวังและการตรวจตดิ ตามใหท้ าการสุม่ ตรวจตามกิจกรรม ดงั น้ี 3.1 กจิ กรรมท่มี คี วามเส่ียงสูงใหต้ รวจ 100 % ของกจิ กรรมนัน้ ๆ 3.2 กจิ กรรมท่ีไมม่ คี วามเส่ยี งหรือมีความเส่ียงต่าให้ใช้การสุ่มตรวจ 10 % 3.3 ในกรณีท่ีทาการเฝ้าระวังและการตรวจติดตามแล้วพบว่ามีข้อบกพร่องหรือความไม่เป็นไปตาม ข้อกาหนด (Non-conformity/NC) ผู้ตรวจตดิ ตามต้องออกคาขอให้แก้ไขปรบั ปรุง และทาการเฝ้าระวังและการตรวจติดตาม ซ้ า 4) การเฝ้าระวงั และการตรวจติดตามต้องครอบคลมุ หัวข้อดังต่อไปน้ี 4.1 แผนการดาเนินงานด้านเศรษฐกิจ 4.2 แผนดาเนินงานดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม 4.3 แผนดาเนนิ งานด้านสังคม (รายละเอยี ดเพ่มิ เติมตามตารางขอ้ 8.2.2-8.2.4) 4.4 การตรวจประเมินและตรวจติดตามผู้ทาไม้: ตัวแทนกลุ่ม ต้องกาหนดให้มีการตรวจประเมินและตรวจติดตาม การตดั ฟันของผูท้ าไม้ ดังนี้ 4.4.1 การตรวจประเมนิ กอ่ นการตัดฟัน เพ่ือกาหนดทาแผนการตัดฟัน และประเมินผลกระทบอันอาจเกดิ ขน้ึ ได้ 4.4.2 ตรวจติดตามระหวา่ งการตัดฟัน เพ่ือตรวจสอบการตัดฟันเป็นไปตามแผนการตัดฟันท่ี กาหนดไว้ รวมท้ัง ติดตามผลกระทบต่อส่งิ แวดล้อมอนั อาจเกดิ จากการตัดฟัน 4.4.3 เขา้ ตรวจตดิ ตามหลงั จากการตดั ฟันเสรจ็ สิ้นแล้ว เพ่ือทวนสอบผลกระทบต่อส่งิ แวดลอ้ ม 5) เกณฑก์ ารพิจารณาในการตรวจติดตาม มี 3 ระดับ ดงั น้ี 5.1 ระดับรุนแรง หมายถึง ผลการเฝ้าระวังและการตรวจติดตามท่ีพบว่ามีข้อบกพร่อง หรือ ความไม่เป็นไปตาม ข้อกาหนดในการดาเนนิ กิจกรรมและทาให้สูญเสยี การควบคุมการจดั การระบบได้ ค่มู ือกำรรบั รองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 86
ช่ือเอกสาร: ผนการตรวจตดิ ตาม ก้ไขครัง้ ท่:ี วันท่อี อกเอกสาร: วันท่ีบงั คับใช้: รหสั เอกสาร: ผร้ บั ผิดชอบ: 1) วตั ถุประสงค์ เพ่อื การเฝ้าระวงั ละการตรวจตดิ ตามคนงาน/ผ้รับจ้างเหมา - ผดิ กฎหมายระดับประเทศ หรือกฎหมายท้องถ่ินผิดหลกั การและหลักเกณฑ์ของมอก.14061 - ผิดระเบยี บปฏบิ ัตกิ ารจัดการสวนยางพาราของโครงการจัดการสวนยางพาราอย่างย่งั ยืน - เกิดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมอย่างรุนแรง 5.2 ระดับปานกลาง หมายถึง ผลการเฝ้าระวังและการตรวจติดตามท่ีพบว่ามีการเกิดข้อบกพร่องหรือความไม่ เป็นไปตามข้อกาหนดท่ีไม่ส่งผลให้สูญเสียการควบคุมการจัดการสวนยางพาราหรือไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ ส่งิ แวดลอ้ ม - มกี ารปฏบิ ตั ิท่ีชัดต่อตามกฎหมาย และ/หรือ ระเบยี บปฏิบตั กิ ารจัดการสวนยางพาราบา้ ง 5.3 ขอ้ สังเกต หมายถงึ ข้อคดิ เหน็ ท่เี กิดขนึ้ จากการเฝ้าระวังและการตรวจตดิ ตามและควรปรบั ปรุงแก้ไขเพ่ือให้เกิด การปรบั ปรุงพฒั นา 6) บทลงโทษในกรณีท่ีทาการเฝ้ าระวังและการตรวจติดตามแล้วพบว่ามีคนงาน/ผู้รับจ้างเหมา ไม่ปฏิบัติตาม หลกั การ มอก. 14061 ให้ดาเนินการดงั ต่อไปน้ี 6.1 ถ้าละเมิดข้อปฏบิ ัตหิ รอื ไม่ปฏิบัติตามหลกั การหรอื ขอ้ บงั คบั ครง้ั ท่ี 1 ให้ผู้รับผิดชอบ/ผู้ท่ีได้รับหมอบหมาย ให้มี การตักเตือนดว้ ยวาจา 6.2 ถา้ ละเมิดข้อปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามหลักการหรือข้อบังคับของกลุ่มคร้ังท่ี 2 ให้ผู้รับผิดชอบ/ผู้ท่ีได้รับหมอบ หมาย ให้มีการตักเตือนด้วยวาจาและทาการบันทึกในประวัติของบุคคลน้ันโดยให้ลงรายละเอียดข้อกระทาผิด วัน เดอื น ปี สถานท่ี พร้อมรายงานผู้บังคับบญั ชา/ผู้จดั การป่ าไม้ฯ เพ่ือทราบ 6.3 ถ้าละเมิดข้อปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามหลักการหรือข้อบังคับของกลุ่มคร้ังท่ี 3 ให้ผู้รับผิดชอบ/ผู้ท่ีได้รับ มอบหมายให้มีการทาบันทึกรายงานต่อ ตัวแทนกลุ่มพร้อมพิจารณาบทลงโทษตามดุลยพินิจ รวมทั้งอาจ พิจารณายกเลิกเพกิ ถอนให้พ้นสภาพสมาชิกได้ 7) ตัวแทนกลุ่มต้องเก็บรวบรวมเอกสาร ข้อมูลต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการจัดการสวนยางพาราไว้เป็นหลักฐาน เพ่ือผู้ให้สามารถตรวจติดตามและสอบกลับได้จนถึงกระบวนการห่วงโซ่การควบคุมผลิตภัณฑ์จากป่ าไม้ (Chain of Custody) 8) ตัวแทนกลมุ่ ตอ้ งรวบรวมผลการเฝ้าระวงั และการตรวจติดตามการนาระบบไปใช้และพิจารณา ปรับปรุงแก้ไข ให้สอดคลอ้ งกับแผนการจดั การสวนยางพารารวมทัง้ จัดทาเป็นรายงานสรุป 9) ต้องเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบและตรวจติดตามท่ีเช่ือถือได้ต่อสาธารณชน และแจ้งผู้เก่ียวข้อง ยกเว้น ข้อมูลท่ีจดั เปน็ ความลับ หรือขอ้ มูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลท่ีออ่ นไหว ค่มู ือกำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุม่ (Group Certification Guideline) 87
8.2.2 การตรวจติดตามดา้ นเศรษฐกิจ หัวข้อ ตัวช้ี วดั วิธกี าร หลักฐาน ผ้รับผิดชอบ 1.ผลผลิต 1.น้าหนกั ยางท่ีขายได้ต่อปี 1.สอบถามข้อมูลน้าหนักยางท่ี -สมุ ดบั นทึ กข อ ง ตั ว แ ท น ก ลุ่ ม แ ล ะ 2.น้าหนักไมท้ ่ีขายได้ สมาชิก สมาชิก 2.รายได้ 3.จานวนต้นท่กี รดี ได้ ขายได้ -เอกสารระเบียบ 3.ค่าใช้จา่ ย 2.ประเมินน้าหนักไม้ท่ที าออก ปฏบิ ัติ ตวั แทนกล่มุ 4.สารวจกาลังผลติ ไมย้ าง 3.สอบถาม/สารวจ -สมุ ดบั นทึ กข อ ง ตัวแทนกลมุ่ สมาชิก 4.สารวจ 10% -ใบเสร็จรับเงิน -สมุ ดบั นทึ กข อ ง 1.รายไดจ้ ากการขายยางต่อปี/ไร่ 1.ตรวจเช็คจากสมุ ดบันทึก สมาชิก 2.รายได้จากการขายไมเ้ ม่ือตดั ฟัน หรอื ข้อมูลจากสหกรณ์ 2.สอบถามราคาไมท้ ่ขี าย ค่าใช้จา่ ยในการดูแลสวนทงั้ ปี ตรวจเชค็ จากสมุดบันทึกหรือ สอบถาม 4.ก า ร จั ด ก า ร -ไมก่ รีดยางขณะต้นเปียก สอบถาม -สังเกตจากพื้นท่ี ตัวแทนกลมุ่ ตามค่มือ -ก่อนกรีดยางควรทาความสะอาด ปฏบิ ตั ิงาน ถ้วยยางเสมอ -มีดกรดี ยางควรลบั ใหค้ มเสมอ -ควรกรีดในตอนเช้า -ไม่กรีดถึงเย่ือเจริญ และกรีด เปลือกหนา 2.5 มม.ต่อทุกคร้ัง กรีด -เม่ือเก็บน้ายางแลว้ ควรคว่าถ้วย -หยุดกรดี ในฤดยู างผลัดใบ 8.2.3 การตรวจตดิ ตามดา้ นส่ิงแวดล้อม หัวขอ้ ตวั ช้ีวดั วธิ ีการ หลกั ฐาน ผร้ บั ผดิ ชอบ 1.การตรวจสอบ สภาพดินและน้าคงเดมิ สอบถามวา่ มีการสารวจพ้ืนท่ี บันทกึ การ ตวั แทนกลุม่ และ ผลกระทบจาก ตรวจสอบดนิ และ สมาชิก การดาเนนิ กอ่ นและหลังการดาเนิน น้า กิจกรรม ตวั แทนกล่มุ และ 2.การตรวจสอบ กิจกรรมตา่ ง ๆ -สมุ ดบันทึกของ สมาชิก พชื ละสัตว์ สมาชิก 1.รายช่ือชนิดพันธุพ์ ืชและสตั วท์ ่ี สอบถามจากสมาชิกและคน ตัวแทนกลุ่มและ 3.พ้นื ท่ีอนรุ กั ษ์ กรดี สังเกตมาตรการท่ี สมาชิก เปน็ ปัจจุบัน สมาชิกใช้ 4.ก า ร จั ด ก า ร 2.ความเข้าใจเก่ยี วกบั ขอ้ ปฏบิ ัตติ อ่ สอบถามจากสมาชิ กและคน ดาเนินการ ตัวแทนกลุ่มและ ตามค่มอื กรีด สงั เกตจากพ้นื ท่ี สมาชิก พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์สงวนและ ปฏบิ ตั ิงาน สอบถามจากสมาชิ กและคน คมุ้ ครอง กรีด จานวนพ้นื ท่ี ความเข้าใจเก่ียวกับข้อปฏิบัติต่อ พน้ื ท่อี นุรักษ์ ความเขา้ ใจเก่ียวกับ 1. การจดั การขยะในสวนยาง 2. มาตรการป้องกันไฟ 3. การใช้สารเคมอี ย่างถกู วธิ ี 4. การใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม ค่มู ือกำรรับรองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 88
หวั ขอ้ ตวั ชี้วดั วธิ กี าร หลักฐาน ผร้ ับผิดชอบ 5.ตน้ ไม้ท่ียืนตน้ 1. ต้นไม้ท่ียืนต้นตายหรือไม้ล้ม สอบถามสมาชิก -สังเกตจากพนื้ ท่ี ตัวแทนกลุ่ม ตายหรือไม้ล้ม ต้นไม้ท่ีเป็นโครงไม้พุ ่มและพันธุ ์ไม้ ต้นไมท้ ่ีเป็นโครง หายากเป็นพเิ ศษในพน้ื ท่ยี งั คงเดิม ปฏิบัตงิ าน ตัวแทนกลุ่มและ ไม้พุ ่ม ละพนั ธุ์ สมาชิก ไมห้ ายากเป็น 1.โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เช่น สังเกตจากพ้ืนท่ีปฏิบัติงานและ -สงั เกตจากพนื้ ท่ี พิเศษ ถนน สะพาน ท่อระบายน้าใน สอบถามสมาชิก ปฏบิ ัติงาน พน้ื ท่ี -สมุดบนั ทึกของ 6.โครงสร้าง สมาชิก พ้นื ฐาน 8.2.4 การตรวจติดตามด้านสังคม หวั ขอ้ ตวั ชี้วดั วิธกี าร หลกั ฐาน ผ้รับผดิ ชอบ 1.รายช่ือผ้มสี ่วน รายช่ือผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสยี ท่เี ป็น สอบถามและขอดูเอกสารจาก รายงานการประชุม ตัวแทนกลุ่มและ ได้ส่วนเสยี ผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสยี สมาชิก 2.การรบั ร้ ละ ปัจจุ บัน ผู้จดั เกบ็ หลกั ฐานในการ ตัวแทนกลุ่มและ การมีสว่ นรว่ ม มีการติดตอ่ ส่ือสาร สอบถามและขอดูหลกั ฐานใน ติดต่อส่ือสารกับผูม้ ี สมาชิก ของผม้ สี ่วนได้ การติดตอ่ ส่อื สารกับผู้มสี ่วน สว่ นไดส้ ว่ นเสีย ส่วนเสีย ตวั แทนกลุ่มและ 3.อุบัติเหตจุ าก ได้ส่วนเสยี -สมุดบนั ทึกของ สมาชิก การป บิ ตั งิ าน สมาชิก ช่องทางในการรับขอ้ คดิ เห็น -บนั ทึก ตวั แทนกลุ่ม 4.กฎหมายท่ี เอกสารท่จี ดั เกบ็ เก่ยี วขอ้ ง จานวนครั้ง สอบถามจากสมาชิก รายการกฎหมายท่ี ตวั แทนกลุ่มและ เก่ียวข้อง สมาชิก 5.การใช้ประโยชน์ ความรุนแรง -สังเกตจากพืน้ ท่ี จากสวนยาง ปฏิบตั งิ าน ตัวแทนกลมุ่ และ ด้านสงั คม สาเหตุ สมาชิก 6.การจดั การกับ มีกฎหมายท่เี ก่ยี วข้องอะไรบา้ งและ ตรวจสอบรายการกฎหมาย -แบบบันทกึ ขอ้ ขอ้ รอ้ งเรยี น รอ้ งเรยี น เปน็ ปัจจุบันหรอื ไม่ และการปรับปรุงให้เปน็ -หลักฐานจาก โทรศัพท์ เช่น ไลน์ ปัจจุ บนั มีชุมชนเข้ามาใช้ประโยชนจ์ ากใน สอบถามจากสมาชิก การเก็บหาของพชื สตั ว์ ในสวน ยางหรือไม่ มีขอ้ พึงระวังอะไร มีวธิ ีการในการจดั การกบั ขอ้ สอบถามจากผู้แทนกลุม่ และ ร้องเรยี นอยา่ งไร ตรวจสอบเอกสาร จานวนข้อร้องเรยี นหรือไม่ การจดั การกบั ข้อรอ้ งเรียน ดงั กล่าว ค่มู ือกำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 89
9. ผก้ ารดาเนนิ การตามข้อกาหนดตามมาตรฐาน มอก.14061 9.1 ข้อกาหนดท่ี 1 การป ิบัตติ ามขอ้ กาหนดกฎหมายรายการสรุปของสมาชิกท่ี ประกอบด้วย - รายการสรุปของสมาชิกท่ีประกอบด้วยข้อมล เอกสารสิทธ์ิ พิกัดท่ีตัง้ ปลง ขนาดพ้ืนท่ี ชนิด พนั ธุ์ท่ีปลก จานวนปรมิ าณ - ข้อมล ตล่ ะราย ผนท่พี อสงั เขปท่ี สดงขอบเขตของ ปลง - ปักหมุด ป้ ายหรอื สั ลักษณ์ท่ี สดง นวเขตสวนยาง - รายการกฎหมายท่ีเก่ยี วขอ้ ง - ค่มอื บันทกกิจกรรมต่าง ๆ ในการทาสวนยาง รวมถงการตรวจตดิ ตามสวนโดยสมาชิก 1. กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับกิจกรรมการทาสวนยางพารา ท้ังกฎหมายไทย และ ข้อตกลงระหวา่ งประเทศท่ีประเทศไทยไดล้ งนาม พ.ร.บ.ป่ าไม้ พ.ร.บ.คมุ้ ครองแรงงาน และกฎกระทรวงคุม้ ครองแรงงานในงานเกษตรกรรม พ.ร.บ.การทางานของคนต่างดา้ ว พ.ร.บ.พันธุพ์ ืช พ.ร.บ.สง่ เสริมและรกั ษาคณุ ภาพส่งิ แวดล้อมแห่งชาติ สนธิสญั ญา CITES, ILO พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เร่อื ง บญั ชีรายช่ือวตั ถุอันตราย (ฉบับท่ี 6) พ.ร.บ.เล่ือยโซ่ยนต์ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน พ.ร.บ.การปฏริ ูปท่ดี นิ เพ่อื การเกษตรกรรม พ.ร.บ.การจดั ท่ดี นิ เพ่อื การครองชีพ 2. ตัวแทนกลุ่มทาหน้าท่ีในการรวบรวมกฎหมายท่ีเก่ียวข้องและจัดเก็บในไฟล์ XX และ ทาการทบทวนความเป็นปัจจุ บันปีละครั้ง โดยทาการตรวจสอบในเว็ปไซต์ราชกิจจา นเุ บกษา http://www.ratchakitcha.soc.go.th/RKJ/announce/search.jsp 3. สมาชิกทาการตรวจสวนยางของตนว่าไม่มีกิจกรรมท่ีผิดกฎหมายเกิดขึ้นอย่างน้อย ทุกไตรมาศ เช่น การลักขโมยตัดไม้ การเผา และบนั ทกึ ลงในสมุดคูม่ ือสมาชิกกลุม่ ค่มู ือกำรรับรองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 90
9.2 ขอ้ กาหนดท่ี 2 การบารุงรกั ษาสวนป่ าอย่างเหมาะสม เพ่อื เป็น หล่งกกั เก็บคาร์บอน - ผนการจัดการสวนป่ าท่ปี ระกอบด้วย - คาอธบิ ายถงสภาวะของหนว่ ยการจดั การสวนยางท่ีเป็นปัจจุบนั - วตั ถปุ ระสงคใ์ นระยะยาว - ผนการเกบ็ เก่ียว ละ ผนการปลกสร้าง - พื้นท่กี นั ชน พืน้ ท่ีกนั ออก - ปรมิ าณผลผลิตไม้ ละน้ายางรายปี ของกลุ่ม พร้อม ผนการเกบ็ เก่ียว - ผนท่ีจากขอ้ 1 ระบุเพ่ิมเตมิ ทรัพยากรสวนยาง เช่ น ตน้ เทยี ม - สหกรณ์ฯ เผย พร่ ผนการจดั การสวนยาง - ผลการตรวจสวนของหวั หนา้ ทมี เพ่ือตดิ ตามทรัพยากรสวนยาง ละประเมนิ ผลการจดั การ - คา นะนาในการปลกสร้างสวนยางอ้างอิงจากคม่ ือของการยาง ห่งประเทศไทย 1. ตัวแทนกลุ่มจัดทาแผนการจัดการสวนยางพาราของท้ังกลุ่มท่ีประกอบด้วยข้อมูล ดังนี้ พร้อมเผยแพร่ คาอธบิ ายถึงสภาวะของหน่วยการจัดการสวนยางท่ีเปน็ ปัจจุ บัน วตั ถปุ ระสงค์ในระยะยาว แผนการเก็บเก่ียว และแผนการปลกู สรา้ ง แสดงพ้ืนท่กี ันชนและพื้นท่กี ันออก 2. สมาชิกสารวจปริมาณผลผลิตไม้ โดยการสุ่มวัดด้วยหลักการสุ่มสแควรู๊ท n โดยท่ี n คอื จานวนต้นยางท้ังหมด (ปัดเศษตามหลักทศนิยม < 0.5 ปัดลง 0.5 ขึ้นไป ปัด ขึ้น) จากนั้นเลือกจานวนตัวอย่างให้มีการกระจายของต้นไม้ในสวน วัดค่าความโต ของไม้คือวัดขนาดเส้นรอบวงในหน่วยเซน็ ติเมตรท่ีระดับความสูง 1.30 เมตร (หรือ ประมาณระดับอก) แล้วจดบันทึกในหน่วยเซน็ ติเมตร (GBH) แล้วคานวนเพ่ือหาค่า เส้นผ่านศูนย์กลางระดับอก (DBH) โดยใช้สูตร DBH=GBH/π (π=3.1416) การวัด ค่าความสูงของต้นไม้ให้กะประมาณความสูงจากพื้นถึงระดับช่ วงปางแรกของลาต้น บันทึกในหน่วยเมตร (H) (หมายเหตุ การวัดจะวัดเม่ือต้นยางมีเส้นรอบวงขนาด 12 เซน็ ติเมตรขึ้นไป) ใช้ข้อมูลทางสถติ ิท่กี ารยางแห่งประเทศไทย มาช่วยในการคานวน 3. ตัวแทนกลุ่มทาการตรวจติดตามการดาเนินงานของสมาชิกปีละ 1 คร้ังและระบุผล การตรวจตดิ ตาม ค่มู ือกำรรับรองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 91
9.3 ข้อกาหนดท่ี 3 การรักษาความสมบรณ์ ละระบบนเิ วศของสวนป่ า - ผนการจัดการสวนยางท่ีระบุพ้ืนท่กี นั ชน หรือกันออกเพ่อื การรักษาระบบนเิ วศ - นโยบายท่ีสนับสนุนกิจกรรมเพ่อื ลดความเส่ียงในการทาลายระบบนเิ วศ - สารวจความเส่ียงท่ีจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศ ละ นวทางการจัดการสวนท่ีจะ ช่ วยลดความเส่ียง - นวทางหรือมาตรการทางธรรมชาตเิ พ่อื สนับสนุนส่งเสริมความหลากหลายทางพันธุกรรม - สมุดค่มือเพ่ือส่วนการบันทกโรค ละศัตรพืช ไฟไหม้ หรือความเสียหายจากสภาพภมิอากาศ ระบุมาตรการการ ก้ไขผลกระทบท่ีเกิดข้น - ป้ ายห้ามจุดไฟ - มาตรการในการป้ องกันน้ามันหกร่ัวไหล ละการจัดการหากมีการหกร่ัวไหล รวมถงการ จัดการกบั ของเสียอนนิ ทรีย์ ละขยะ - บั ชี รายช่ื อสารเคมีท่ีมีการใช้ในสวนยางของสมาชิ ก ละเปรียบเทียบสารเคมีต้องห้ามกับ เอกสาร WHO - บันทกการใช้สารเคมีของสมาชิก 1. ในข้อมูลรายแปลงหากพบพื้นท่ีท่ีมคี วามสาคญั ต่อระบบนิเวศสมาชิกทาการแจ้งต่อ ตัวแทนกลุ่มและเพ่ือทาการระบุพ้นื ท่แี ละกันออก พร้อมการกาหนดมาตรการท่ี เหมาะสมเพ่อื การอนรุ ักษ์ เช่น แหล่งน้า 18,19 2. ตัวแทนกลุ่มระบุความเส่ียงของกิจกรรมท่ีอาจก่อให้เกิดการทาลายระบบนิเวศ และ กาหนดแนวทางการป้องกันพร้อมส่ือสารใหส้ มาชิกรับทราบและนาไปปฏิบัติ 3. องค์กรกลุ่มสนับสนุนการเลือกใช้แนวทางของกระบวนการทางธรรมชาติและ มาตรการทางชีวภาพเพ่ือรักษาและเพ่ิมความสมบูรณ์ของสวนป่ า เช่น การเลือกใช้ ปุ๋ ยชีวภาพ การใช้สารเคมีตามความเหมาะสม เพ่ือรักษาความหลากหลายทาง ชีวภาพในสงั คมพืชและสตั ว์ 4. การป้องกันไฟไหม้ในสวนยาง หากพ้ืนท่ีมีความเส่ียงท่ีจะก่อให้เกิดไฟไหม้ หรือเคย เกิดประวัติมีไฟไหม้ทั้งในสวนยางของสมาชิกและบริเวณใกล้เคียง ให้สมาชิกทาการ กาจัดวัชพืชก่อนถึงหน้าแล้ง และทาแนวกันไฟกับสวนข้างเคียงโดยไถบริเวณรอบ สวนยางเป็นหนา้ กว้าง 3-5 เมตร 18http://www.sdfthai.org/aticle/a-010.html 19http://www2.tsu.ac.th/icofis/main/files_menu/120620142727klbank%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A 1%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9 E%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2.pdf ค่มู ือกำรรับรองกำรจัดกำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 92
5. สมาชิกดาเนินการตามมาตรการในการป้องกันการหกร่ัวไหลของน้ามันหรือการท้ิง ของเสียในพ้ืนท่ีสวนยางตามเอกสารคู่มือฉบับน้ี หรือศึกษาเพ่ิมเติมในสมุดบันทึกของ สมาชิก 6. สมาชิกบันทึกรายจัดทารายการบัญชีสารเคมีท่ีมีการใช้ในสวนยางพารา รวมถึงข้อ ปฏิบัติเก่ียวกบั การใช้สารเคมีแตล่ ะชนดิ พรอ้ มอบรมให้ความรูก้ บั สมาชิก 7. ตัวแทนกลุ่มจัดทาบญั ชีรายช่ือปุ๋ยอนิ ทรยี ์ และปุ๋ยเคมีท่ีมีการใช้ในสวนยาง รวมถึงข้อ ปฏบิ ตั ิเก่ยี วกบั การใช้ปุ๋ยพร้อมอบรมให้ความรู้กบั สมาชิก 9.4 ขอ้ กาหนดท่ี 4 การรกั ษาสภาพ ละการสนบั สนุนการทาหน้าท่ีดา้ นผลผลิตของสวน ป่ า (ผลผลิตเนอื้ ไม้ ละผลผลิตท่ีไม่ใช่ เนื้อไม้) - รายงานผลผลติ ของสวนยาง กาหนดตวั ช้ีวดั ดา้ นผลผลติ ท่เี หมาะสม ทงั้ น้ายาง ละไมย้ าง - ขอ้ มลดา้ นการตลาดพรอ้ มประเภทสนิ คา้ ท่สี ่งขายพร้อมวเิ คราะห์ตลาดเพ่อื การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในระยะยาว - ผนการจดั การท่สี อดคล้องกบั ผนการตลาด - นโยบายการจัดการสวนยางอย่างย่ังยืนท่ีสนับสนุนการผลิตเชิงพาณิชย์ ละไม่ใช่ เชิงพาณิชย์ (ถา้ ม)ี - การประเมินผลกระทบ ละมาตรการป้ องกันต่อผลผลิตจากกิจกรรมการเจริ ทด ทน การ บารุงรกั ษา ละการเก็บเก่ียว 1. ตัวแทนกลุ่มจัดทารายงานผลผลิตของสวนป่ ารายปี พร้อมเปรียบเทียบตัวชี้วัดด้าน ผลผลติ 2. สมาชิกทาการประเมินผลกระทบและกาหนดมาตรการป้ องกันต่อผลผลิตจาก กจิ กรรมการเจริญทดแทน การบารุงรกั ษา และการเก็บเก่ียว 3. หากสมาชิกต้องมีการก่อสร้างถนน หรือสะพานในสวนยาง ต้องใช้เทคนิคเพ่ือให้ เกดิ ผลกระทบตอ่ ส่งิ แวดล้อมให้น้อยท่สี ุด ค่มู ือกำรรับรองกำรจัดกำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 93
9.5 ข้อกาหนดท่ี 5 การรักษาสภาพ การอนรุ กั ษ์ ละการสง่ เสริมความหลากหลายทาง ชีวภาพของระบบนเิ วศสวนป่ า - รายงานผลการสารวจความหลากหลายทางชีวภาพทงั้ ชนิดพันธุ์พืช ละสัตว์ในสวนยาง - ผนการจัดการสวนยางต้องระบุพ้ืนท่ีท่ีมีความสาคั ทางด้านระบบนิเวศ ละกาหนดพ้ืนท่ีกัน ชน กนั ออก รวมถงการจดั เขต เพ่อื ป้ องกันผลกระทบตอ่ ความหลากหลายของระบบนเิ วศ - การสารวจการเปล่ียนความหลากหลายทางชีวภาพ - นโยบายท่ี สดงถงการห้ามเก็บ ล่า ชนิดพันธุ์พืช ละพันธุ์สัตว์คุ้มครอง ละท่ีใกล้ส พันธุ์ใน พนื้ ท่สี วนป่ า โดยมวี ัตถุประสงคเ์ พ่อื การคา้ - ผนการจัดการท่ี สดงรอบการตดั ฟั นไม้รายปี ละการเจริ ทด ทน - บนั ทกของสมาชิกในการตัดไม้ ละการปลกทด ทน เพ่ือนามาสรุปเป็นรายงานผลการตัดไม้ ละ การปลกทด ทน - บันทกของสมาชิกเก่ียวกบั จานวนต้นไมท้ ่ีเป็นโพรง ละพนั ธุ์ไมห้ ายาก 1. ตัวแทนกลุ่มรวบรวมข้อมูลพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์จากสมาชิกและจัดทารายการบัญชี ความหลากหลายทางชีวภาพท้ังพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ในสวนยาง พร้อมระบุจานวน และสรุปการเปล่ยี นแปลงในแต่ละปี 2. ตัวแทนกลุ่มระบุ พื้นท่ีท่ีมีความสาคัญทางด้านระบบนิเวศ และกาหนดพื้นท่ีกันชน กันออก รวมถึงการจัดเขต เพ่ือป้องกันผลกระทบต่อความหลากหลายของระบบ นเิ วศ พ้ืนท่ที ่มี ีความสาคญั ทางด้านระบบนเิ วศหมายถึง (ก) ระบบนิเวศป่ าไมท้ ่ีหายาก และเปราะบาง หรือพืน้ ท่ที ่ีเปน็ ตวั แทนของระบบนิเวศ (ข) พืน้ ท่ที ่ีมีชนดิ พันธุป์ ระจาถ่ินอยูอ่ าศัย และท่อี ยู่อาศยั ของชนิดพันธุ์ ท่ีถูกคกุ คาม (ค) พ้นื ท่ีท่ีมชี นิดพนั ธุ์ใกลส้ ญู พันธุ์และชนดิ พันธุส์ งวน (ง) พื้นท่ีภูมิทศั นข์ นาดใหญท่ ่มี ีความสาคัญในระดับภมู ภิ าค ประเทศ และระหวา่ งประเทศ 3. ตัวแทนกลุ่มกาหนดมาตรการในการไม่เก็บหาหรือล่าชนิดพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ คุม้ ครองและท่ใี กลส้ ญู พนั ธุ์เพ่อื การคา้ หรือเพ่ือวัตถุประสงค์อ่ืนใด พร้อมส่ือสารให้ สมาชิกปฏิบตั ิ 4. สมาชิกทาการแจ้งตอ่ ตวั แทนกลมุ่ หากประสงคจ์ ะตดั ไม้ และเม่ือตัดแล้วให้แจ้งจานวน ท่ที าไม้ออก 5. องคก์ รกล่มุ สนับสนุนการทาสวนยางตามภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน20 6. สง่ เสรมิ ให้สมาชิกการท้ิงรา้ งตน้ ไมท้ ่ีเป็นโพรงเพ่ือใหเ้ ป็นแหล่งท่อี ยูอ่ าศัยของสตั ว์ ตามความเหมาะสม 20http://ploudroud2537.blogspot.com/2012/10/blog-post_9.html ค่มู อื กำรรบั รองกำรจดั กำรป่ ำไมร้ ูปแบบกลมุ่ (Group Certification Guideline) 94
9.6 ข้อกาหนดท่ี 6 การรกั ษาสภาพ ละการสง่ เสรมิ การทาหน้าท่ีด้านการป้ องกนั ของ การจดั การสวนป่ า (เพ่อื การอนุรักษด์ ิน ละน้า) - การสารวจ ละประเมินพ้นื ท่ีท่มี ีความเส่ยี งต่อการพังทลายของดิน ละการปนเปื้ อนมลภาวะทาง น้า - มาตรการป้ องกนั ละ กไ้ ขผลกระทบ - ผนการติดตามการเปล่ียน ปลงสภาพดิน ละสภาพน้า - ขอ้ มลพน้ื ฐานเก่ียวกับสภาพดิน - การประเมนิ ผลกระทบตอ่ ดิน ละน้า 1. ตัวแทนกลุ่มจัดทาแผนการจัดการสวนป่ าท่ีคานึงถึงการป้องกันการพังทลายของ หนา้ ดนิ เช่น การก่อสรา้ ง การเกดิ น้าท่วม น้าหลาก (หากม)ี 2. ตัวแทนกลุ่มจัดทามาตรการในการป้องกันการพังทลายของดินลงสู่แหล่งน้ารวมถึง การใช้เคร่ืองจักรท่ีไม่เหมาะสม สาหรับพื้นท่ีดินมีความเปราะบาง พื้นท่ีลาดชัน พร้อมส่ือสารใหส้ มาชิกปฏบิ ัติตาม 3. หากสมาชิกต้องมีการก่อสร้างถนน หรือสะพานในสวนยางพาราจะต้องมีการ ประเมินผลกระทบด้านทรัพยากรดินและน้า 9.7 ข้อกาหนดท่ี 7 การรกั ษาสภาพการทาหน้าท่ีดา้ นเศรษฐกจิ สงั คมของสวนป่ า - การวิเคราะห์ผม้ สี ่วนไดส้ ว่ นเสียในชุมชน ละบั ชีรายช่ือชุมชนท่อี ย่รอบสวนยาง - นโยบายการจัดการสวนยางท่สี ่งเสรมิ การจา้ งงานของคนในชุมชน - ผลการฝกอบรมคนงาน - การเปิ ดรับฟั งความคดิ เห็นของชุมชนรอบ ๆ สวนป่ า - เอกสารท่ี สดงถงสทิ ธิครอบครองหรือสทิ ธ์ใิ นการทาประโยชน์ในพน้ื ท่ีสวนยาง - นโยบายเร่ือง FPIC ันทานุมัติท่ีได้รับการรับร้บอก จ้งล่วงหน้า ละเป็นอิสระของผ้มีสิทธินัน้ สทิ ธทิ างกฎหมาย วฒั นธรรม ละประเพณี - การฝกอบรมเจา้ หน้าท่เี ก่ียวกบั คม่ อื การดาเนนิ งานสวนยางอย่างยั่งยืน - ช่ องทางในการตอิ ต่อส่ือสารกบั ชุมชน Line Group กล่องรบั ข้อคดิ เหน็ สายดว่ นผ้จดั การ - หลกั ฐานการฝกอบรมการทางานท่ีปลอดภยั 1. หากตอ้ งจา้ งงานใหส้ มาชิกส่งเสรมิ การจ้างงานคนในชุมชนเป็นลาดับแรก 2. การดาเนนิ กจิ กรรมของสมาชิกสวนยางต้องไม่ก่อให้เกิดผลประทบต่อสุขอนามัยและความเป็นอยู่ ท่ีดีในระยะยาวของชุมชนรอบ ๆ ค่มู อื กำรรบั รองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกล่มุ (Group Certification Guideline) 95
3. องค์กรกลุ่มต้องไม่ทาการใด ๆ ท่ีกระทบต่อสิทธิทางกฎหมาย วัฒนธรรม และประเพณีของ ชุมชนรอบ ๆ โดยปราศจากการแจ้งล่วงหน้าและการยอมรับอย่างอิสระของผู้มีสิทธินั้นรวมถึง การให้การชดเชยการใช้ประโยชน์ในพื้นท่ี 4. ตัวแทนกลุ่มจัดทาแผนและการฝึกอบรมแก่เจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้องในการสวนยางอย่างย่ังยืนตาม มาตรฐาน 5. ตวั แทนกลุม่ จัดทาแผนและการฝึกอบรมเก่ยี วกบั ผู้ปฏบิ ตั ิงานในสวนยางใหม้ คี วามปลอดภยั 6. องค์กรกลุ่มมีความยินดีสนับสนุนกิจกรรมการวิจัยท่ีจะก่อให้เกิดประโยชน์ด้านวิทยาศาสตร์ หากมกี ารรอ้ งขอ ค่มู อื กำรรบั รองกำรจัดกำรป่ ำไม้รูปแบบกลุ่ม (Group Certification Guideline) 96
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120