หลกั สูตร แผน Unit 1 Introductions
แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ า ทักษะพัฒนาเพอื่ การส่อื สารภาษาองั กฤษ รหัสวชิ า อ ๓๐๒๔๔ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕/๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ื่ ๑ เวลาเรยี น ๗ ช่ัวโมง เรอ่ื ง Introductions เวลาเรยี น ๗ ช่ัวโมง _____________________________________________________________________ สาระสำคญั ๑. คำศพั ท์และสำนวนภาษาทใ่ี ช้ในการทกั ทายและการแนะนำ ๒. การพดู คุยหลงั จากการทกั ทาย ๓. โครงสร้าง “Present Simple” ๔. บทความเพอ่ื เก็บใจความสำคญั ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั ๑. ผ้เู รียนสามารถใช้คำศัพท์ สำนวนทีใ่ ชใ้ นการทกั ทาย การแนะนำไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ๒. ผเู้ รยี นสามารถเขียนบทสนทนาเกยี่ วกับการทกั ทายและการแนะนำไดถ้ ูกต้องเหมาะสม ๓. ผเู้ รียนสามารถแสดงบทบาทสมมติในการทกั ทายและการแนะนำได้ ๔. ผู้เรยี นสามารถมคี วารคู้ วามเขา้ ใจโครงสร้างประโยค Present simple ทง้ั ประโยคบอกเล่า คำถาม และปฏเิ สธ ๕. ผู้เรียนสามารถบอกสาระสำคัญจากบทความท่อี า่ นได้ ๖. ผ้เู รียนมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ ความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ การมีส่วนรว่ มในช้นั เรียน ความสามัคคีและความ เปน็ ประชาธิปไตย เพ่ือบรู ณาการการเรียนรวู้ ิชาภาษาอังกฤษ สาระการเรยี นรู้ ระดับการใชภ้ าษาของแต่ละสงั คมและบุคคลมคี วามแตกต่างกนั ไป ทัง้ ที่เป็นแบบทางการและไมเ่ ป็น ทางการ และความแตกต่างทางวฒั นธรรมทำใหค้ ู่สนทนาตอ้ งมีความตระหนักในการใชภ้ าษาเพอ่ื ทักทาย Greeting และการแนะนำตัว Introductions อันเปน็ ส่วนหน่งึ ของการเขา้ ร่วมสังคม รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรแู้ บบผเู้ รยี นเป็นศูนย์กลาง (Learner-center Approach) การจัดการเรยี นรแู้ บบ PPP (Presentation, Practice, & Production) การจดั การเรียนรูแ้ บบร่วมมือ (Cooperative Learning) การจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนรว่ ม (Participatory Learning)
กระบวนการจดั การเรยี นรู้ กจิ กรรม Warm Up ๑. ผู้เรียนฟังบทสนทนาแล้วตอบคำถาม ๒. ผเู้ รียนฟงั บทสนทนาแลว้ เติมคำทห่ี ายไปลงในชอ่ งว่าง ๓. ผู้เรยี นจบั คคู่ ำหรือกลมุ่ คำที่มีความสัมพนั ธ์กนั ในประโยค กจิ กรรม Language File ๑. ผ้เู รียนศกึ ษาสำนวนการแนะนำตัว การทักทาย การแนะนำผู้อืน่ การใหข้ อ้ มูลเก่ียวกับ ตนเอง การสอบถาม เพ่อื เพ่ิมความรู้จกั คุน้ เคย ๒. ผู้เรยี นทำกิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ โดยการเติมคำทีห่ ายไปลงในช่องวา่ งในประโยค ๓. ผู้เรียนสร้างประโยคจากคำท่ีกำหนดใหม้ าโดยเขียนลงในช่องวา่ งที่กำหนดให้ ๔. ผู้เรียนเรยี งลำดับคำเพ่อื สร้างประโยค ทีม่ ีใจความสมบูรณ์จากนน้ั ใหผ้ ู้เรียนอภิปรายกับ เพือ่ นร่วมช้นั ๕. ผเู้ รียนเขา้ กลมุ่ ๆ ละ 3 คน เพ่ือฝึกการสนทนากับเพื่อน โดยใช้ข้อมลู ท่กี ำหนดให้ ให้ ผเู้ รียนใช้ข้อมลู ของตนเองบางสว่ นเพอื่ เติมเต็มบทสนทนา กจิ กรรม Reading and Writing ๑. ผเู้ รียนอ่านขอ้ ความ 1 ย่อหน้า แล้วตอบคำถามส้นั ๆ จากนน้ั ใหอ้ ภปิ รายรว่ มกันในชั้นเรยี น ๒. ผเู้ รียนเขียนขอ้ มูลจำนวน 1 ยอ่ หน้า โดยใช้ขอ้ มูลทก่ี ำหนดใหม้ า จากนัน้ อภิปรายรว่ มกันใน ชนั้ เรียน ๓. ผู้เรยี นอา่ นอเี มล์ 1 ฉบับ แลว้ ทำการแกไ้ ข โดยการใส่เคร่อื งหมายเวน้ วรรคตอนแล้วหาคำ หรอื กลมุ่ คำมาแทนวลีท่กี ำหนดขึน้ โดยเขียนเติมลงในชอ่ งวา่ ง จากน้ันอภิปรายรว่ มกนั ในชัน้ เรียน ๔. ผเู้ รียนเขียนอีเมล์ 1 ฉบับ ถึงเพือ่ นคนใดคนหนง่ึ ในช้ันเรยี น แนะนำตนเอง เชน่ ชื่อ สกลุ ที่ อยู่ งานท่ที ำ และหมายเลขโทรศัพท์รวมทั้งการนดั เจอเพ่ือนในโอกาสถดั ไป กจิ กรรม Grammar Focus ๑. ผู้เรยี นศึกษาการใช้ Present Simple Tense จากตวั อย่างประโยคท่ีเกี่ยวกบั การแนะนำตัว โดยการอภปิ รายร่วมกันในชน้ั เรยี น เพ่ือศึกษาโครงสร้างและการใช้จากตวั อยา่ งประโยค ทงั้ ทเ่ี ปน็ ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม และประโยคปฏิเสธ ๒. ผเู้ รียนอา่ นข้อความแล้วเติมกริยาทอี่ ยูใ่ นวงเล็บ ใหอ้ ยู่ในรูปของ Present Simple Tense จากน้นั อภิปรายร่วมกันในชน้ั เรียน ๓. ผเู้ รยี นเตมิ สว่ นท่ีหายไปในประโยคคำถามแลว้ ตอบคำถาม จากนน้ั อภปิ รายร่วมกนั ในชน้ั เรียน
กจิ กรรมทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจ ๑. ผู้เรียนอ่านบทสนทนาท่ีเกย่ี วกบั การแนะนำตวั แล้วเตมิ คำทห่ี ายไปลงในชอ่ งว่าง จากน้ัน อภิปรายรว่ มกนั ในชนั้ เรยี น ๒. ผู้เรยี นอ่านบทความเก่ียวกบั ขอ้ มลู บคุ คลแล้วหาคำกริยาในรูป Present Simple Tense ท่ี ซอ่ นอย่ใู นประโยค จากนนั้ อภิปรายรว่ มกันในชนั้ เรียน ๓. ผเู้ รยี นเขียนประโยคจากบอกเลา่ เป็นปฏเิ สธและปฏิเสธเปน็ บอกเลา่ จากน้นั อภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรยี น ๔. ผเู้ รยี นเขียนขอ้ มลู เกี่ยวกับตนเองโดยศกึ ษาจากตัวอยา่ งในตอนกอ่ นหนา้ นี้ จากน้นั อภปิ ราย ร่วมกันในช้นั เรียน สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ ◼ หนังสือเรยี นทักษะพัฒนาเพื่อการสือ่ สารภาษาองั กฤษ ๑ ◼ เอกสารประกอบการเรียนการสอน ◼ ศนู ย์การเรยี นรู้ด้วยตนเอง Self-access Learning Center ◼ Website: http://vocelt.vec.go.th และเว็บเพื่อการเรยี นการสอนภาษาองั กฤษอนื่ ๆ ◼ Audio CD ◼ Power Point ◼ Video ◼ รปู ภาพ การวดั และประเมนิ ผล วธิ วี ดั ผล ๑. วัดทกั ษะการพูด: บทบาทสมมติ ๒. วัดทักษะการเขียน ๓. วัดความรู้ความเข้าใจ ๔. การสังเกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอื่ งมอื วดั ผล ๑. แบบประเมินทักษะการพดู ๒. แบบประเมินทักษะการเขียน ๓. แบบทดสอบผลสัมฤทธิท์ างการเรียน เพ่อื วัดความร้คู วามเข้าใจ ๔. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ โดยอาจารยแ์ ละ นกั ศึกษารว่ มกนั ประเมิน
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๑. เกณฑ์การพูดของผู้เรียน ต้องอยู่ในระดับ ๖๐% ขน้ึ ไป ๒. เกณฑ์การพูดของผู้เรียน ต้องอยู่ในระดับ ๖๐% ขึ้นไป ๓. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนผ้เู รียนต้องได้ระดับ ๖๐% ข้นึ ไป ๔. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ตามสภาพจริง บันทกึ หลงั การสอน
Unit 2 Occupations แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ า ทกั ษะพัฒนาเพอื่ การสอื่ สารภาษาองั กฤษ รหสั วชิ า อ ๓๐๒๔๔ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๕/๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ื่ ๒ เวลาเรยี น ๗ ชั่วโมง เรอื่ ง Occupations เวลาเรยี น ๗ ชั่วโมง _____________________________________________________________________ ________ สาระสำคญั ๗. คำศพั ท์และสำนวนเกย่ี วกบั อาชีพต่าง ๆ ๘. การสอบถามและตอบเกย่ี วกบั อาชพี และทักษะในการทำงาน ๙. บทสนทนาสอบถามเกี่ยวกบั อาชีพ ๑๐. บทความเพอื่ เก็บใจความสำคัญ ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั ๑. ผู้เรยี นสามารถบอกความหมายของคำศัพท์ สำนวนท่ใี ช้เกย่ี วกบั อาชพี ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ๒. ผู้เรียนสามารถสนทนา พดู คุยเกยี่ วกบั อาชีพ และทักษะในการทำงานได้ถูกต้องเหมาะสม ๓. ผเู้ รยี นสามารถมคี วารคู้ วามเข้าใจโครงสร้าง “Wh- Questions” และตอบคำถาม ๔. ผเู้ รียนสามารถเขยี นเรื่องจากคำที่กำหนดได้ ๕. ผเู้ รยี นมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต การมีส่วนร่วมในช้ันเรยี น ความสามัคคแี ละความ เปน็ ประชาธปิ ไตย เพ่อื บรู ณาการการเรยี นรูว้ ิชาภาษาองั กฤษ สาระการเรยี นรู้ ผ้สู ำเร็จการศกึ ษาท่กี ำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน Labor Market และวิชาชีพ จำเป็นต้องมคี วามรู้ Knowledge และทกั ษะภาษาอังกฤษ English skill อันเปน็ ทักษะขัน้ พื้นฐานของแรงงานอาชพี ในปจั จุบนั
รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรู้แบบผู้เรยี นเป็นศูนย์กลาง (Learner-center Approach) การจดั การเรียนรแู้ บบ PPP (Presentation, Practice, & Production) การจดั การเรยี นรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) การจัดการเรยี นรู้แบบมสี ่วนร่วม (Participatory Learning) กระบวนการจดั การเรยี นรู้ กจิ กรรม Warm Up ๑. ผเู้ รยี นบอกอาชีพจากคำทใ่ี ห้ไว้ โดยเขียนพยญั ชนะทีห่ ายไปลงในชอ่ งว่าง จากนัน้ อภิปรายร่วมกนั ในชั้นเรียน ๒. ผ้เู รียนฟังการสนทนาเกี่ยวกับการทำงานของบคุ คลตามรปู ภาพ แล้วให้บอกอาชพี ของบคุ คล เหล่าน้ัน จากนน้ั ฟังอกี คร้งั หนึ่งเพือ่ ตรวจสอบคำตอบ ๓. ผู้เรยี นศกึ ษาคำศพั ท์เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ จากนน้ั แบง่ กลุ่มตามประเภทของงานตามท่กี ำหนดไว้ แลว้ อภิปรายร่วมกนั ในชน้ั เรียน กจิ กรรม Language File ๑. ผเู้ รยี นศึกษาตัวอย่างประโยคคำถามทีใ่ ชส้ อบถามการทำงานของบคุ คล แล้วหาคำตอบของแต่ละ คำถาม โดยเลือกคำตอบจากท่กี ำหนดให้ จากนนั้ อภปิ รายร่วมกนั ในชัน้ เรยี น ๒. ผู้เรียนศกึ ษาตวั อยา่ งประโยค ท่เี ป็นการให้ข้อมูลเกยี่ วกับการทำงานของตนเอง โดยศกึ ษา รว่ มกันกบั เพอ่ื นในชน้ั เรียน ๓. ผู้เรียนเขียนบทสนทนาส้ัน ๆ ตามตัวอยา่ งท่กี ำหนดให้ จากน้ันให้ฝกึ การสนทนารว่ มกันกับเพอื่ น ๔. ผู้เรียนศึกษาตัวอยา่ งประโยคที่เกย่ี วข้องกบั การใหข้ อ้ มูลในการทำงาน จากนัน้ อ่านบทสนทนา แลว้ เติมคำท่หี ายไปลงในช่องว่าง โดยใช้คำท่กี ำหนดให้ จากนนั้ อภิปรายรว่ มกันในช้ันเรียน ๕. ผเู้ รียนศกึ ษาคำถามเกีย่ วกบั ทกั ษะในการทำงานร่วมกนั กับเพือ่ นในชน้ั เรยี น ๖. ผเู้ รยี นเรยี งลำดับการสนทนาใหม่ โดยเขยี นลงในกระดาษและฝึกการสนทนากบั เพ่ือน กจิ กรรม Reading and Writing ๑. ผเู้ รียนอ่านบทความ 1 ย่อหนา้ แล้วตอบคำถามสั้น ๆ จากนั้นอภปิ รายรว่ มกนั ในช้นั เรยี น ๒. ผ้เู รยี นสร้างประโยคคำถามและหาคำตอบจากคำทก่ี ำหนดให้ จากนน้ั อภปิ รายร่วมกันในชนั้ เรยี น
๓. ผูเ้ รียนเขียนเร่อื งราวเก่ียวกับรายละเอียดการทำงานจากคำที่กำหนดให้ จากน้ันอภปิ รายรว่ มกนั ในชั้นเรียน ๔. ผเู้ รยี นเขยี นข้อมูลเกี่ยวกบั ตนเองหรือตามจินตการของตนเองลงในชอ่ งว่าง จากนัน้ อภปิ ราย ร่วมกันในชั้นเรียน กจิ กรรม Grammar Focus ๑. ผูเ้ รียนศึกษาตวั อย่างประโยคคำถาม พรอ้ มหาคำตอบจากทีก่ ำหนดให้ จากนั้นอภิปรายร่วมกนั ในช้นั เรียน ๒. ผเู้ รยี นศกึ ษาโครงสรา้ งประโยคคำถาม Wh-Question โดยอภิปรายร่วมกันกบั กลุ่มเพือ่ นในชั้น เรียน ๓. ผเู้ รยี นสรา้ งประโยคคำถามจากคำหรอื กลุ่มคำทกี่ ำหนดให้ โดยผ้เู รยี นสามารถกำหนดข้อมลู ที่ จำเป็นอื่น ๆ ในการเขียนประโยคคำถาม จากนั้นอภปิ รายรว่ มกนั ในชน้ั เรียน ๔. ผเู้ รียนใช้คำจากกจิ กรรมก่อนหนา้ น้มี าเขยี นบทความ จากนน้ั อภิปรายรว่ มกนั ในช้นั เรียน กจิ กรรมทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจ ๑. ผูเ้ รยี นอ่านบทสนทนาแล้วเติมคำถามที่กำหนดให้ลงในช่องวา่ ง จากน้ันอภิปรายร่วมกันในชน้ั เรียน ๒. ผู้เรียนจบั คชู่ อ่ื อาชพี ตามท่ีกำหนดให้กบั ลักษณะการทำงาน โดยให้เขียนคำตอบลงในชอ่ งว่าง จากนัน้ อภิปรายร่วมกนั ในชั้นเรยี น สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ ◼ หนงั สือเรยี นทักษะพฒั นาเพื่อการสอ่ื สารภาษาองั กฤษ ๑ ◼ เอกสารประกอบการเรียนการสอน ◼ ศูนยก์ ารเรียนรู้ดว้ ยตนเอง Self-access Learning Center ◼ Website: http://vocelt.vec.go.th และเวบ็ เพื่อการเรียนการสอนภาษาองั กฤษอื่นๆ ◼ Audio CD ◼ Power Point ◼ Video ◼ รูปภาพ การวดั และประเมนิ ผล วธิ วี ดั ผล
๕. วัดทักษะการพดู : บทบาทสมมติ ๖. วัดทักษะการเขียน ๗. วัดความรู้ความเข้าใจ ๘. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล ๕. แบบประเมนิ ทกั ษะการพูด ๖. แบบประเมนิ ทกั ษะการเขยี น ๗. แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น เพื่อวดั ความรู้ความเขา้ ใจ ๘. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยอาจารยแ์ ละ นกั ศกึ ษาร่วมกนั ประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๕. เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รยี น ตอ้ งอยู่ในระดับ ๖๐% ขึน้ ไป ๖. เกณฑก์ ารพูดของผ้เู รียน ต้องอยู่ในระดับ ๖๐% ขน้ึ ไป ๗. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ้เู รียนตอ้ งได้ระดบั ๖๐% ขนึ้ ไป ๘. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ตามสภาพจริง บนั ทกึ หลงั การสอน
Unit 3 Your house แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ า ทักษะพฒั นาเพือ่ การส่อื สารภาษาองั กฤษ รหสั วชิ า อ ๓๐๒๔๔ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๓ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๕/๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ื ๓ เวลาเรยี น ๘ ชั่วโมง เรอื่ ง Your House เวลาเรยี น ๘ ช่วั โมง _____________________________________________________________________ สาระสำคญั ๑. คำศพั ท์และสำนวนเกยี่ วกับบา้ นเรือน ท่อี ยอู่ าศยั ๒. การสนทนาเก่ียวกบั บา้ น ที่อยู่อาศยั และสมาชิกในบ้าน ๓. ศพั ท์และโครงสรา้ งไวยาการณ์ทใี่ ชใ้ นการถามทางและบอกทศิ ทาง ๔. การใชภ้ าษาในการถามและบอกทาง ๕. บทความเพื่อเกบ็ ใจความสำคญั ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั ๖. ผูเ้ รียนสามารถบอกความหมายของคำศพั ท์ สำนวนทีใ่ ช้เกีย่ วกับบา้ นเรือน และการบอกทศิ ทางได้ อยา่ งถูกตอ้ ง ๗. ผู้เรียนสามารถสนทนาโตต้ อบ สอบถามและใหข้ ้อมูลเก่ียวกบั การเดินทางได้ ๘. ผู้เรยี นสามารถเขยี นประโยคทีข่ ้ึนต้นดว้ ย There is / There are ได้ ๙. ผเู้ รยี นสามารถใช้บรุ พบท บอกทศิ ทางได้ ๑๐. ผเู้ รียนสามารถเขียนและอ่านแผนที่บอกทิศทางได้ ๑๑. ผู้เรียนสามารถบอกสาระสำคญั จากบทความท่อี ่าน ๑๒.ผู้เรยี นมีความคิดสร้างสรรค์ ความซ่อื สัตย์สจุ ริต การมีส่วนรว่ มในชน้ั เรยี น ความสามัคคแี ละความ เป็นประชาธิปไตย เพอื่ บูรณาการการเรียนรู้วชิ าภาษาอังกฤษ
สาระการเรยี นรู้ การบอกทิศทางไปยงั สถานทต่ี ่างๆ รวมท้งั การบอกทำเลท่ีตง้ั ของสถานที่ โดยใชค้ ำศพั ทส์ ำนวนที่ ถูกตอ้ งเหมาะสม สามารถนำพาผู้มาเยือนไปสจู่ ดุ หมายปลายทางได้อยา่ งปลอดภัย รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรแู้ บบผู้เรยี นเปน็ ศนู ย์กลาง (Learner-center Approach) การจัดการเรยี นรู้แบบ PPP (Presentation, Practice, & Production) การจัดการเรียนรู้แบบรว่ มมือ (Cooperative Learning) การจดั การเรียนร้แู บบมสี ่วนรว่ ม (Participatory Learning) กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรม Warm Up ๑. ผ้เู รยี นดูรูปภาพแลว้ ตอบคำถาม จากนั้นอภิปรายร่วมกนั กบั เพ่ือนในช้นั เรียน ๒. ผู้เรียนให้ข้อมูลเกย่ี วกบั ท่ีพกั อาศยั ของตนเอง โดยตอบคำถามท่กี ำหนดให้ แลว้ อภิปราย รว่ มกนั ในชนั้ เรยี น ๓. ผเู้ รยี นฟังบทสนทนาเกี่ยวกับการวางสงิ่ ของภายในบ้าน แลว้ ตอบคำถามวา่ ส่งิ ของต่าง ๆ ถกู วางไวส้ ่วนไหนของบ้าน จากนน้ั อภปิ รายร่วมกนั กบั เพือ่ นในชัน้ เรยี น ๔. ผู้เรยี นศกึ ษาคำศพั ทเ์ กี่ยวกับหอ้ งประเภทตา่ ง ๆ และเครอื่ งใชภ้ ายในบา้ น แล้วจบั คูก่ นั วา่ เครอ่ื งใชเ้ หล่าน้นั จะถกู วางไวใ้ นห้องไหนในบ้าน จากน้ันอภปิ รายรว่ มกันกับเพื่อนในช้ันเรยี น กจิ กรรม Language File ๑. ผู้เรยี นศกึ ษาวรแี ละสำนวนทเี่ ก่ียวกบั การถามและให้ข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางต่าง ๆ โดยการ อภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรียน ๒. ผู้เรียนดแู ผนท่ีแล้วเตมิ คำลงในบทสนทนา โดยใช้ขอ้ มูลจากแผนที่ จากนนั้ อภปิ รายร่วมกนั กบั เพื่อนในชั้นเรียน ๓. ผู้เรยี นทำงานกับเพ่ือนรว่ มช้ันเพ่อื บอกทศิ ทางไปยงั ซปุ เปอรม์ ารเ์ กต็ และคลีนิค จากน้ัน อภปิ รายรว่ มกันกับเพอ่ื นในช้ันเรียน ๔. ผู้เรียนสร้างประโยคคำถามและตอบคำถามสั้น ๆ โดยใช้ข้อมูลท่ีกำหนดให้ จากน้นั อภิปราย รว่ มกันกบั เพอ่ื นในชนั้ เรียน
๕. ผู้เรียนเตมิ ประโยคใหส้ มบูรณ์ โดยใช้ There is / There are จากนัน้ อภิปรายร่วมกันกบั เพ่อื นในช้นั เรยี น ๖. ผู้เรยี นศึกษาคำถามแลว้ ตอบคำถาม โดยใช้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ช้นั เรยี นของตนเอง จากน้ัน อภปิ รายร่วมกนั กับเพ่ือนในชั้นเรยี น ๗. ผู้เรยี นถามและตอบคำถามเก่ียวกบั ที่พกั อาศยั ของเพ่ือน จากน้นั อภิปรายรว่ มกันกับเพอื่ นใน ช้ันเรียน ๘. ผู้เรียนเขียนคำบรรยายเกยี่ วกับบา้ นของตนเองหรอื บ้านท่ตี นเองใฝ่ฝนั เอาไว้ โดยใชข้ ้อมลู จาก Part D กจิ กรรม Reading and Writing ๑. ผู้เรียนดรู ูปภาพแลว้ จับคู่กับคำบรรยายใหถ้ ูกต้อง จากนั้นอภปิ รายร่วมกนั กับเพ่ือนในชัน้ เรยี น ๒. ผเู้ รยี นอา่ นจดหมายแนะนำทต่ี ง้ั ของบ้านบคุ คลในจดหมาย แล้วหาทำเลทต่ี ั้งจริงบนแผนท่ี จากนน้ั อภปิ รายร่วมกนั กับเพือ่ นในชัน้ เรยี น ๓. ผู้เรียนใช้ข้อมูลจากในแผนที่เพอ่ื บอกทศิ ทางไปยงั สถานท่ตี ่าง ๆ ตามที่กำหนดให้ จากนน้ั อภิปรายรว่ มกันกบั เพอ่ื นในชั้นเรยี น ๔. ผู้เรยี นเขยี นบรรยายทิศทางจากบ้านไปยงั โรงเรียนของตน แล้วนำข้อมูลท่ีได้มาเปรียบเทียบ กับเพอื่ นในช้นั เรียน กจิ กรรม Grammar Focus ๑. ผเู้ รียนศึกษาการใช้ There is / There are จากตวั อย่างประโยคทั้งที่เปน็ บอกเลา่ ปฏิเสธ และคำถาม รวมทงั้ การตอบคำถาม โดยศึกษาร่วมกันกบั เพอื่ นในช้ันเรยี น ๒. ผู้เรยี นศกึ ษาการใช้ Preposition of Place จากตวั อย่าง โดยศกึ ษารว่ มกนั กบั เพอื่ นในชัน้ เรยี น ๓. ผู้เรยี นดูรปู ภาพแล้วเติมคำบุรพบทลงในช่องว่างให้ถูกต้องตามขอ้ มูลบนแผนที่ จากนนั้ อภปิ รายรว่ มกันกับเพอ่ื นในช้ันเรยี น กจิ กรรมทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจ ๑. ผู้เรียนศึกษาข้อมูลจากรปู ภาพแลว้ เขียนสำนวนท่ีมีความหมายตรงกบั รปู ภาพ โดยเลือกจาก สำนวนทกี่ ำหนดให้ จากนั้นอภิปรายรว่ มกนั กับเพื่อนในช้ันเรียน
๒. ผู้เรียนใช้แผนท่ใี นหนา้ 39 เพ่อื บรรยายทิศทางไปยงั สปา จากนัน้ อภิปรายร่วมกันกับเพ่ือน ในชั้นเรียน สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ ◼ หนงั สือเรยี นทกั ษะพฒั นาเพ่ือการสอ่ื สารภาษาอังกฤษ ๑ ◼ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน ◼ ศนู ยก์ ารเรียนรู้ด้วยตนเอง Self-access Learning Center ◼ Website: http://vocelt.vec.go.th และเว็บเพือ่ การเรียนการสอนภาษาองั กฤษอน่ื ๆ ◼ Audio CD ◼ Power Point ◼ Video ◼ รูปภาพ การวดั และประเมนิ ผล วธิ วี ดั ผล ๙. วดั ทักษะการพูด: บทบาทสมมติ ๑๐. วัดทักษะการเขยี น ๑๑. วดั ความรู้ความเขา้ ใจ ๑๒.การสังเกตและประเมนิ ผลพฤติกรรมดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พึง ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล ๙. แบบประเมนิ ทักษะการพดู ๑๐. แบบประเมินทกั ษะการเขยี น ๑๑. แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เพ่ือวัดความรู้ความเขา้ ใจ ๑๒.แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ โดยอาจารย์และ นกั ศึกษาร่วมกันประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๙. เกณฑก์ ารพูดของผเู้ รียน ต้องอยใู่ นระดบั ๖๐% ข้นึ ไป
๑๐. เกณฑ์การพดู ของผ้เู รยี น ตอ้ งอยู่ในระดับ ๖๐% ขน้ึ ไป ๑๑. ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนผู้เรยี นตอ้ งได้ระดับ ๖๐% ขนึ้ ไป ๑๒.แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามสภาพจริง บันทกึ หลงั การสอน
Unit 4 Food and Health แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ า ทักษะพัฒนาเพอ่ื การส่ือสารภาษาองั กฤษ รหสั วชิ า อ ๓๐๒๔๔ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๔ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕/๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ื ๔ เวลาเรยี น ๘ ชว่ั โมง เรอื่ ง Food & Health เวลาเรยี น ๘ ช่วั โมง _____________________________________________________________________ ________ สาระสำคญั ๑. คำศพั ท์และสำนวนเกยี่ วกับอาหารและสุขภาพ ๒. คำนามทนี่ ับได้ (Countable nouns) และคำนามทนี่ ับไม่ได้ (Uncountable nouns) ๓. การใช้ some, any ๔. การใชภ้ าษาในการขอรอ้ ง และการเสนอให้ความชว่ ยเหลือ (Requesting / Offering) ๕. การอ่านบทความเพื่อเกบ็ ใจความสำคัญเกย่ี วกับอาหารและสุขภาพ ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวงั ๑๓. ผู้เรียนสามารถบอกคำศัพท์และสำนวนเกย่ี วกับอาหารและสขุ ภาพไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ๑๔. ผเู้ รียนสามารถสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกบั การขอรอ้ งและการให้บรกิ ารได้ ๑๕.ผู้เรียนสามารถแยกคำนามทนี่ บั ได้และนามที่นบั ไมไ่ ด้ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ๑๖.ผูเ้ รยี นมีความรู้ความเข้าใจโครงสร้างไวยากรณ์ some และ any / How much และ many ๑๗. ผ้เู รียนสามารถกรอกขอ้ มูลและรายละเอียดในบทความเกี่ยวกับอาหารและสุขภาพได้ ๑๘.ผเู้ รยี นมีความคิดสร้างสรรค์ ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต การมีส่วนรว่ มในชัน้ เรียน ความสามัคคีและความ เปน็ ประชาธปิ ไตย เพื่อบูรณาการการเรียนรวู้ ิชาภาษาอังกฤษ
สาระการเรยี นรู้ การบอกทศิ ทางไปยังสถานทีต่ า่ งๆ รวมทง้ั การบอกทำเลทีต่ ้งั ของสถานที่ โดยใช้คำศพั ท์สำนวนท่ี ถูกตอ้ งเหมาะสม สามารถนำพาผู้มาเยอื นไปสู่จดุ หมายปลายทางได้อยา่ งปลอดภัย รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรยี นรู้แบบผูเ้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง (Learner-center Approach) การจัดการเรยี นรู้แบบ PPP (Presentation, Practice, & Production) การจดั การเรียนรูแ้ บบรว่ มมือ (Cooperative Learning) การจดั การเรียนรแู้ บบมสี ่วนร่วม (Participatory Learning) กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรม Warm Up ๕. ผเู้ รียนศึกษาคำศัพทเ์ กย่ี วกับอาหารชนดิ ตา่ ง ๆ จากนนั้ ใหจ้ ัดหมวดหม่ตู ามท่กี ำหนดให้ จากนัน้ นำคำตอบไปเขยี นลงในชอ่ งวา่ ง แลว้ อภปิ รายรว่ มกันในชั้นเรยี น ๖. ผู้เรยี นบอกชนดิ ของอาหารท่ตี นเองรจู้ กั เพิ่มเตมิ จากนน้ั อภปิ รายรว่ มกนั กบั เพ่อื นในช้ันเรียน ๗. ผเู้ รยี นฟังบทสนทนาเกยี่ วกับการสงั่ อาหารในรา้ นอาหาร โดยใช้ขอ้ มูลจากเมนอู าหารท่ี กำหนดให้ จากนัน้ ใหผ้ ้เู รียนเชค็ ว่าแต่ละบคุ คลส่งั อาหารอะไรจากเมนู จากน้ันอภปิ ราย ร่วมกันกับเพ่อื นในชนั้ เรียน ๘. ผ้เู รยี นศกึ ษาคำศพั ท์เก่ียวกับอาหารและเคร่ืองดืม่ แล้วใหบ้ อกว่าคำศัพท์ท่ีกำหนดใหเ้ ปน็ นาม นับไดห้ รอื นบั ไม่ได้ โดยเขยี นคำตอบลงหน้าคำศัพท์แต่ละข้อ จากน้ันอภิปรายรว่ มกันกบั เพอ่ื นในชั้นเรียน กจิ กรรม Language File ๑. ผเู้ รียนศกึ ษาวรแี ละสำนวนการยืน่ เสนอและการตอบรับจากตัวอย่างทกี่ ำหนดให้ โดย อภิปรายรว่ มกันกบั เพือ่ นในช้ันเรียน ๒. ผเู้ รยี นอ่านสำนวนการยื่นเสนอแลว้ เตมิ คำทีห่ ายไปลงในช่องว่าง จากน้ันอภิปรายรว่ มกนั กบั เพอ่ื นในช้นั เรียน ๓. ผู้เรยี นฝึกการสนทนาจากบทสนทนาทกี่ ำหนดใหโ้ ดยการฝกึ กบั เพือ่ นในชั้นเรียน แล้ว เปลีย่ นแปลงบทบาท ๔. ผเู้ รยี นจบั กลุ่มกนั กลุ่มละ 3 คน เขยี นบทสนทนาสัน้ ๆ เก่ียวกับการยนื่ เสนอและการตอบ รบั โดยใช้ขอ้ มูลท่กี ำหนดให้ แล้วฝึกการสนทนา
กจิ กรรม Reading and Writing ๑. ผู้เรียนอา่ นข้อมลู ความรเู้ ก่ียวกบั สารอารหารประเภทตา่ ง ๆ และ Food Pyramid จากนั้น อภิปรายร่วมกันกบั เพอ่ื นในชั้นเรยี น ๒. จากบทความทอ่ี ่านให้ผเู้ รียนค้นหาคำศพั ท์ที่เกี่ยวกบั อาหารและเครอ่ื งด่มื จากน้ันแยก ประเภทเป็นนามนับไดแ้ ละนามนับไม่ได้ แล้วอภิปรายร่วมกันในช้นั เรยี น ๓. ผ้เู รียนยกตวั อยา่ งช่ืออาหารท่ีมีสารอาหารประเภทตา่ ง ๆ เป็นองคป์ ระกอบ จากน้ันอภปิ ราย ร่วมกนั กับเพื่อนในชนั้ เรยี น ๔. ผู้เรยี นหาความหมายคำศัพท์ โดยการจบั คกู่ ับคำจำกัดความท่ีให้ จากน้นั อภปิ รายร่วมกนั กับ เพื่อนในชนั้ เรยี น ๕. ผู้เรยี นศึกษาตารางขอ้ มูลเกยี่ วกับชนดิ ของอาหาร คุณคา่ ทางโภชนาการท่ไี ด้ จำนวนทค่ี วร ทานในแต่ละวัน ตัวอย่างแหล่งอาหาร จากนน้ั อภิปรายร่วมกันกับเพ่อื นในชนั้ เรยี น ๖. ผเู้ รียนศกึ ษาประโยคและเติมคำท่หี ายไปลงในชอ่ งว่าง จากนั้นอภิปรายรว่ มกันกบั เพื่อนในช้ัน เรยี น ๗. ผเู้ รยี นศึกษารายช่ืออาหารของหวานและเครอ่ื งดืม่ ชนิดตา่ ง ๆ จากนน้ั ใหผ้ ้เู รียนบอกว่า อาหารเหลา่ นนั้ จะไปอย่สู ่วนไหนของ Pyramid อาหาร จากนั้นอภปิ รายรว่ มกันกับเพอ่ื นใน ช้นั เรียน กจิ กรรม Grammar Focus ๑. ผู้เรยี นศึกษาคำนามนับไดแ้ ละนบั ไม่ได้จากตัวอยา่ งท่กี ำหนดให้ โดยการศกึ ษาร่วมกนั กบั เพื่อน ๒. ผู้เรียนศกึ ษาการใช้ some / any จากตัวอย่างทีก่ ำหนดใหร้ ่วมกันกับเพอ่ื น ๓. ผู้เรียนศกึ ษาคำศพั ทแ์ ล้วให้บอกวา่ คำศพั ทต์ ัวไหนเปน็ นามท่นี ับได้ จากน้ันอภปิ รายร่วมกัน กบั เพ่อื นในชัน้ เรยี น ๔. ผู้เรยี นศึกษาประโยคแล้วเติมคำลงในชอ่ งวา่ ง โดยใช้ some / any จากนน้ั อภิปรายรว่ มกนั กับเพอ่ื นในชนั้ เรียน ๕. ผเู้ รียนฝึกเขียนคำถาม โดยใช้ How much / How many จากขอ้ มูลท่กี ำหนดให้ จากนน้ั อภปิ รายร่วมกนั กับเพื่อนในช้ันเรยี น
กจิ กรรมทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจ ๑. ผเู้ รยี นอ่านบทความเก่ียวกับการทานผลไมแ้ ละผกั เพ่อื ต้านโรค จากนั้นอภิปรายรว่ มกนั กับ เพอื่ นในชนั้ เรยี น ๒. ผเู้ รียนเตมิ ขอ้ มูลอาหารทีช่ ว่ ยป้องกนั โรคชนดิ ตา่ ง ๆ ลงในตาราง จากนั้นอภิปรายรว่ มกนั กับ เพือ่ นในชัน้ เรียน ๓. ผู้เรยี นคน้ หาคำนามทั้งท่ีนบั ไดแ้ ละนบั ไมไ่ ด้ จากบทความทอ่ี า่ น จากน้ันอภิปรายร่วมกันกับ เพอ่ื นในชัน้ เรียน สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ ◼ หนงั สือเรยี นทักษะพัฒนาเพื่อการส่อื สารภาษาอังกฤษ ๑ ◼ เอกสารประกอบการเรียนการสอน ◼ ศนู ย์การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง Self-access Learning Center ◼ Website: http://vocelt.vec.go.th และเว็บเพ่ือการเรียนการสอนภาษาองั กฤษอื่นๆ ◼ Audio CD ◼ Power Point ◼ Video ◼ รปู ภาพ การวดั และประเมนิ ผล วิธวี ดั ผล ๑๓. วัดทักษะการพูด: บทบาทสมมติ ๑๔. วัดทักษะการเขียน ๑๕.วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ ๑๖.การสังเกตและประเมนิ ผลพฤติกรรมดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล ๑๓. แบบประเมินทกั ษะการพูด ๑๔. แบบประเมนิ ทกั ษะการเขียน ๑๕.แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน เพอ่ื วัดความรคู้ วามเข้าใจ
๑๖.แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยอาจารย์และ นักศึกษารว่ มกันประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๑๓. เกณฑ์การพูดของผเู้ รียน ตอ้ งอย่ใู นระดับ ๖๐% ขน้ึ ไป ๑๔. เกณฑ์การพดู ของผู้เรียน ต้องอย่ใู นระดบั ๖๐% ขน้ึ ไป ๑๕.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ ะดับ ๖๐% ข้นึ ไป ๑๖.แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ตามสภาพจรงิ บนั ทกึ หลงั การสอน
Unit 5 Shopping แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ า ทักษะพฒั นาเพื่อการส่ือสารภาษาอังกฤษ รหสั วชิ า อ ๓๐๒๔๔ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๕ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕/๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เวลาเรยี น ๘ ชว่ั โมง เรอ่ื ง Shopping เวลาเรยี น ๘ ชว่ั โมง _____________________________________________________________________ สาระสำคญั ๑. คำศัพท์และสำนวนเก่ียวกบั การซื้อสนิ คา้ ๒. การใช้ quantity lf cloth และ would + v1 ๓. การใชภ้ าษาในการซ้ือของ ต่อรองราคาสินคา้ ๔. การอา่ นบทความเพอื่ เก็บใจความสำคัญเกี่ยวกับการซ้ือสนิ คา้ ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั ๑๙.ผเู้ รยี นสามารถบอกคำศัพท์และสำนวนเกีย่ วกับการซื้อสินค้าได้ ๒๐.ผเู้ รยี นสามารถสนทนาโต้ตอบเก่ียวกับการซือ้ สินคา้ ได้ ๒๑.ผู้เรียนมีความรคึ วามเข้าใจโครงสรา้ งไวยากรณ์ quantity of cloth และ would ๒๒. ผ้เู รียนสามารถสรุปสาระสำคัญจากบทความเกีย่ วกบั การซอ้ื สินค้าได้ ๒๓.ผู้เรียนมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต การมีส่วนรว่ มในชั้นเรยี น ความสามัคคแี ละความ เป็นประชาธปิ ไตย เพ่ือบรู ณาการการเรียนรวู้ ชิ าภาษาอังกฤษ สาระการเรยี นรู้ การเลอื กจับจ่ายซื้อของ Shopping ผูบ้ ริโภค Consumer มีลกั ษณะแตกตา่ งกนั ไป ทงั้ เลอื กบริโภค ตามราคาสนิ ค้า Price และตราสนิ คา้ Brand Name เป็นตน้
รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรยี นร้แู บบผู้เรยี นเป็นศูนยก์ ลาง (Learner-center Approach) การจัดการเรยี นรูแ้ บบ PPP (Presentation, Practice, & Production) การจดั การเรียนรแู้ บบรว่ มมือ (Cooperative Learning) การจัดการเรียนรูแ้ บบมีส่วนรว่ ม (Participatory Learning) กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรม Warm Up ๑. ผู้เรียนตอบข้อมูลเกีย่ วกับพฤติกรรมการ shopping ของตน จากนั้นอภปิ รายรว่ มกันกับ เพ่ือนในชั้นเรยี น ๒. ผเู้ รยี นฟังการสนทนาระหว่างลูกค้ากบั พนักงานขายสินค้าในร้าน จากนน้ั ใหต้ อบคำถามว่ามี การซอ้ื ขายสินคา้ กนั หรือไม่ จากนนั้ อภปิ รายรว่ มกันกบั เพ่อื นในชนั้ เรียน ๓. ผู้เรียนศกึ ษาคำศัพท์แล้วบอกความหมาย โดยการจับคู่กับคำจำกดั ความทกี่ ำหนดให้ ท้ังที่ เปน็ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ จากนน้ั อภิปรายรว่ มกนั กับเพื่อนในชน้ั เรียน ๔. ผู้เรยี นเติมคำลงในประโยค โดยใช้คำศัพทจ์ ากที่ได้ศกึ ษามาเตมิ ลงในประโยคให้ได้ใจความท่ี สมบรู ณ์ จากนั้นอภปิ รายร่วมกันกับเพือ่ นในชน้ั เรยี น กจิ กรรม Language File a. ผเู้ รยี นศกึ ษาวรแี ละสำนวนเกี่ยวกบั การสอบถามและการให้ข้อมูล เช่น การถามข้อมูล เกีย่ วกบั ราคาสินคา้ การชำระเงนิ การตอ่ รองราคา และรายละเอียดอื่น ๆ เกยี่ วกบั สินคา้ รวมท้ังการตัดสนิ ใจ โดยศกึ ษาจากตวั อยา่ ง จากนน้ั อภปิ รายร่วมกันกบั เพอื่ นในชนั้ เรียน b. ผเู้ รียนอา่ นบทสนทนาแล้วเติมวรีหรอื สำนวนที่กำหนดใหล้ งในชอ่ งวา่ ง จากนน้ั อภิปราย รว่ มกันกบั เพอ่ื นในช้ันเรียน c. ผูเ้ รียนอ่านสำนวนประโยคเกย่ี วกบั การจับจา่ ยซื้อสนิ ค้า จากนนั้ นำสำนวนเหล่านัน้ มา เรยี งลำดับเป็นบทสนทนา แลว้ ฝกึ การสนทนากับเพ่อื นรว่ มชน้ั d. ผ้เู รยี นสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับการจบั จา่ ยซือ้ สินคา้ แล้วแสดงบทบาทสมมตกิ ับเพ่ือน กจิ กรรม Reading and Writing ๑. ผูเ้ รยี นอ่านบทความเกีย่ วกับการจับจา่ ยซื้อสินคา้ และศกึ ษาคำศัพท์ในบทความ จากนน้ั อภปิ รายรว่ มกนั กบั เพ่อื นในช้ันเรยี น
๒. ผ้เู รยี นสรุปความจากเรื่องทอ่ี า่ น โดยการเรยี งลำดับประโยคท่ีกำหนดให้ แล้วอภปิ ราย ร่วมกนั กับเพ่ือนในชนั้ เรียน ๓. ผเู้ รยี นเขียนคำแนะนำเกี่ยวกบั การจับจา่ ยซือ้ สนิ ค้า โดยการเตมิ คำลงในช่องวา่ ง และใช้ ข้อมลู จากบทความทีไ่ ดอ้ ่าน กจิ กรรม Grammar Focus ๑. ผเู้ รยี นศึกษาคำศพั ทท์ ม่ี กั จะอยู่ในรปู พหพู จ จากตัวอยา่ ง แล้วอภปิ รายรว่ มกนั กบั เพอ่ื นในช้นั เรยี น ๒. ผู้เรยี นอ่านประโยคและสำนวนในบทสนทนา จากนน้ั ให้แกไขคำผดิ แล้วอภิปรายรว่ มกนั กบั เพอ่ื นในช้ันเรียน ๓. ผู้เรียนศกึ ษาการให้คำแนะนำทง้ั ท่ีเปน็ รปู ประโยคบอกเลา่ และปฏเิ สธ จากตัวอยา่ ง จากนั้น อภปิ รายรว่ มกนั กบั เพอื่ นในชั้นเรียน ๔. ผู้เรยี นอ่านประโยคคำสง่ั แลว้ เติมคำกรยิ าลงในประโยคใหส้ มบูรณ์ จากนั้นอภปิ รายร่วมกัน กับเพอื่ นในช้นั เรยี น ๕. ผู้เรยี นศึกษาคำทใ่ี ช้บอกลำดับข้ันตอนจากตวั อย่าง จากน้ันอภปิ รายรว่ มกันกบั เพอื่ นในช้ัน เรยี น ๖. ผเู้ รยี นเรยี งลำดับการใหค้ ำแนะนำเก่ียวกบั วธิ ีการสง่ อเี มล์ โดยใช้ Sequence Markers จากน้นั อภิปรายรว่ มกันกับเพือ่ นในชั้นเรียน ๗. ผเู้ รยี นเขียนคำแนะนำต่าง ๆ ออกเปน็ ย่อหนา้ โดยใช้ Sequence Markers และศกึ ษาจาก ตวั อย่าง จากนน้ั อภิปรายร่วมกนั กบั เพ่ือนในชน้ั เรยี น กจิ กรรมทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจ ๑. ผเู้ รียนอา่ นบทสนทนาเกี่ยวกบั การจับจา่ ยซอื้ สินคา้ จากน้นั สรปุ ข้อมูลทไี่ ดล้ งในตาราง เพื่อ ตอบคำถามท่กี ำหนดให้ จากนั้นอภปิ รายร่วมกนั กบั เพื่อนในชั้นเรียน สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ ◼ หนังสอื เรียนทักษะพัฒนาเพื่อการสอื่ สารภาษาอังกฤษ ๑ ◼ เอกสารประกอบการเรียนการสอน ◼ ศูนยก์ ารเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง Self-access Learning Center ◼ Website: http://vocelt.vec.go.th และเวบ็ เพอ่ื การเรียนการสอนภาษาอังกฤษอ่นื ๆ ◼ Audio CD
◼ Power Point ◼ Video ◼ รปู ภาพ การวดั และประเมนิ ผล วิธวี ดั ผล ๑๗. วดั ทักษะการพูด: บทบาทสมมติ ๑๘.วดั ทกั ษะการเขียน ๑๙.วดั ความรู้ความเขา้ ใจ ๒๐.การสังเกตและประเมนิ ผลพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พึง ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล ๑๗. แบบประเมนิ ทักษะการพดู ๑๘.แบบประเมินทักษะการเขยี น ๑๙.แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน เพื่อวัดความรู้ความเข้าใจ ๒๐.แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ โดยอาจารยแ์ ละ นักศึกษารว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๑๗. เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รยี น ต้องอยูใ่ นระดับ ๖๐% ขึ้นไป ๑๘.เกณฑ์การพูดของผ้เู รยี น ตอ้ งอยู่ในระดบั ๖๐% ข้ึนไป ๑๙.ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นผเู้ รยี นต้องได้ระดบั ๖๐% ขน้ึ ไป ๒๐.แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ตามสภาพจริง บนั ทกึ หลงั การสอน
Unit 6 Sports and Hobbies แผนการจดั การเรียนรู้ วชิ า ทกั ษะพัฒนาเพ่ือการส่ือสารภาษาอังกฤษ รหสั วชิ า อ ๓๐๒๔๔ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๖ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๕/๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ื่ ๖ เวลาเรยี น ๘ ชว่ั โมง เรอื่ ง Sports & Hobbies เวลาเรยี น ๘ ช่วั โมง _____________________________________________________________________ ________ สาระสำคญั ๑. คำศัพท์และสำนวนภาษาเก่ยี วกับกฬี าและงานอดิเรก ๒. การสนทนาเก่ียวกับกีฬาและงานอดเิ รก ๓. คำกรยิ าท่ีใชก้ บั กีฬาและงานอดิเรก ๔. คำคณุ ศัพท์ท่ีเปรยี บเทยี บ (Comparatives and Superlatives) ๕. บทความเกีย่ วกบั กฬี าและงานอดเิ รก ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวงั ๒๔.ผเู้ รียนสามารถใช้คำศัพท์ สำนวนเกีย่ วกับกฬี าและงานอดิเรกได้อยา่ งถกู ต้อง ๒๕. ผู้เรยี นสามารถสนทนาและโต้ตอบเก่ียวกับความชอบ ไม่ชอบ กีฬาและงานอดิเรกได้ ๒๖. ผู้เรยี นสามารถใชก้ ริยากบั กีฬาและงานอดิเรกได้ถูกต้อง ๒๗. ผู้เรยี นสามารถเขียนประโยคทใี่ ช้คำคณุ ศพั ท์เปรยี บเทียบได้ ๒๘. ผเู้ รียนสามารถบอกสาระสำคัญจากบทความทอ่ี า่ นได้ ๒๙. ผู้เรยี นมีความคดิ สร้างสรรค์ ความซ่ือสัตยส์ ุจริต การมสี ่วนร่วมในชั้นเรียน ความสามัคคี และความเปน็ ประชาธิปไตย เพือ่ บรู ณาการการเรยี นรู้วชิ าภาษาองั กฤษ สาระการเรยี นรู้
การออกกำลงั โดยการเล่นกีฬาประเภทตา่ งๆ Sports และการทำงานอดิเรก Hobbies ทำให้ รา่ งกายแข็งแรง Healthy และมีสขุ ภาพจติ ท่ีแจ่มใส รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรยี นรู้แบบผเู้ รยี นเป็นศนู ยก์ ลาง (Learner-center Approach) การจดั การเรยี นร้แู บบ PPP (Presentation, Practice, & Production) การจัดการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ (Cooperative Learning) การจดั การเรยี นร้แู บบมสี ่วนร่วม (Participatory Learning) กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรม Warm Up ๕. ผเู้ รยี นศึกษาขอ้ มูลจากรูปภาพและคำศัพทเ์ กยี่ วกับเกมส์กีฬา แลว้ จับคคู่ วามหมายใหต้ รงกัน และใหแ้ ยกประเภทของกฬี าตามเกณฑ์ท่กี ำหนด แล้วให้ข้อมลู เก่ียวกับกีฬาทต่ี นเองชื่นชอบ จากนนั้ อภิปรายรว่ มกนั กับเพ่ือนในชนั้ เรยี น ๖. ผู้เรยี นฟงั บทสนทนาเกย่ี วกฬี าและกจิ กรรมต่างๆ แล้วให้ผ้เู รยี นบอกวา่ กฬี าทผี่ พู้ ูดชื่นชอบ คืออะไร โดยเลอื กจากคำตอบท่กี ำหนดให้ จากน้นั อภปิ รายรว่ มกันกบั เพื่อนในช้นั เรียน ๗. ผู้เรียนศึกษาคำศพั ท์และคำจำกดั ความท่กี ำหนดให้ แล้วจับคู่ความหมายเข้าดว้ ยกัน จากนั้น อภิปรายร่วมกันกบั เพื่อนในชั้นเรียน ๘. ผเู้ รียนใช้คำศพั ท์จากท่ีไดศ้ กึ ษามาเตมิ คำลงในประโยคเพื่อให้มีใจความท่ีสมบรู ณ์ จากน้ัน อภิปรายร่วมกนั กับเพอื่ นในช้ันเรยี น กจิ กรรม Language File ๑. ผู้เรียนศึกษาคำศพั ทแ์ ละสำนวนที่ใช้กบั การกีฬาและงานอดเิ รก จากตัวอย่างโดยอภปิ ราย รว่ มกันกับเพ่ือนในชน้ั เรยี น ๒. ผู้เรียนเลือกใชค้ ำกริยากับกีฬาชนิดต่าง ๆ และงานอดเิ รก จากนนั้ อภิปรายรว่ มกนั กบั เพอื่ น ในชนั้ เรียน ๓. ผู้เรียนศึกษาวรีและสำนวนประโยคเก่ยี วกบั การแสดงความรู้สกึ และการตอบรับทั้งท่เี หน็ ดว้ ยและไมเ่ หน็ ด้วย จากตวั อย่างประโยค โดยการอภิปรายร่วมกันกับเพ่ือนในช้ันเรียน ๔. ผเู้ รยี นศกึ ษาสำนวนเกย่ี วกบั การทำกิจกรรมตา่ ง ๆ จากนน้ั ให้บอกวา่ สง่ิ เปน็ สง่ิ ท่ตี นชอบและ ไมช่ อบ จากนั้นอภปิ รายรว่ มกนั กับเพื่อนในชนั้ เรียน
๕. ผเู้ รียนจับคู่กับเพอื่ นสร้างบทสนทนาสนั้ ๆ โดยใช้วรแี ละสำนวนจากข้อ 3.2 ในหน้า 80 จากน้นั กรอกขอ้ มลู ของบคุ คลลงในตาราง ว่าสง่ิ ท่ีบคุ คล คนนั้นชอบและไมช่ อบคืออะไร กจิ กรรม Reading and Writing ๑. ผเู้ รยี นอ่านขอ้ มลู เกี่ยวกับบคุ คลจากนนั้ ตอบคำถาม โดยใช้ข้อมลู จากบทความแล้วอภปิ ราย ร่วมกันกับเพ่ือนในช้นั เรียน ๒. ผ้เู รยี นศึกษาคำศัพท์แล้วตอบคำถาม จากนน้ั อภิปรายรว่ มกันกบั เพือ่ นในชัน้ เรียน ๓. ผู้เรยี นอ่านบทความเกย่ี วกบั คณุ ลกั ษณะของบุคคลแล้วอภปิ รายร่วมกันในชนั้ เรียน ๔. (ตอ่ จากข้อที่ 1) ผู้เรยี นอ่านบทความสว่ นทีเ่ หลอื แล้วตอบคำถาม จากน้ันอภปิ รายร่วมกันกบั เพอื่ นในชั้นเรยี น กจิ กรรม Grammar Focus ๑. ผ้เู รยี นศกึ ษาคำศพั ท์ท่ใี ชใ้ นการเปรียบเทียบในข้นั กว่าและขน้ั สงู สดุ จากตวั อย่างท่กี ำหนดให้ รวมถึงวธิ กี ารใช้ตา่ ง ๆ จากน้นั อภิปรายร่วมกนั กับเพ่ือนในชั้นเรียน ๒. ผเู้ รียนเขียนคำคณุ ศัพท์ในข้ันกวา่ และข้นั สงู สดุ จากคำคุณศพั ทท์ ี่กำหนดให้ จากน้นั อภิปราย รว่ มกันกบั เพอื่ นในชั้นเรยี น ๓. ผู้เรยี นเขียนประโยคคำถาม โดยใชข้ ้อมูลทก่ี ำหนดให้และคำคณุ ศัพทใ์ นขน้ั กว่า จากน้ัน อภิปรายร่วมกันกับเพอื่ นในชั้นเรยี น กจิ กรรมทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจ ๑. ผเู้ รยี นอ่านบทความเกย่ี วกบั Tiger Wood จากน้ันหาคำศพั ท์ท่เี กยี่ วขอ้ งกับการกฬี า โดย การขีดเส้นใตห้ รือวงกลม ล้อมรอบคำน้นั ๆ จากนัน้ อภิปรายร่วมกันกับเพ่อื นในชน้ั เรยี น ๒. ผู้เรยี นบอกว่าบคุ คลที่มใี นรายชือ่ เป็นผใู้ ด จากนัน้ อภปิ รายร่วมกนั กบั เพอื่ นในช้ันเรยี น สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ ◼ หนังสอื เรยี นทกั ษะพฒั นาเพื่อการสื่อสารภาษาอังกฤษ ๑ ◼ เอกสารประกอบการเรียนการสอน ◼ ศูนย์การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง Self-access Learning Center ◼ Website: http://vocelt.vec.go.th และเวบ็ เพ่ือการเรยี นการสอนภาษาองั กฤษอน่ื ๆ ◼ Audio CD ◼ Power Point
◼ Video ◼ รูปภาพ การวดั และประเมนิ ผล วธิ วี ดั ผล ๒๑.วัดทกั ษะการพดู : บทบาทสมมติ ๒๒. วัดทกั ษะการเขยี น ๒๓.วดั ความรูค้ วามเข้าใจ ๒๔.การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล ๒๑.แบบประเมินทักษะการพดู ๒๒. แบบประเมนิ ทักษะการเขยี น ๒๓.แบบทดสอบผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน เพื่อวัดความรคู้ วามเข้าใจ ๒๔.แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยอาจารย์และ นกั ศกึ ษารว่ มกันประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๒๑.เกณฑ์การพดู ของผเู้ รียน ต้องอยใู่ นระดบั ๖๐% ข้นึ ไป ๒๒. เกณฑ์การพูดของผเู้ รียน ตอ้ งอยูใ่ นระดับ ๖๐% ขึน้ ไป ๒๓.ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นผู้เรียนต้องได้ระดบั ๖๐% ขน้ึ ไป ๒๔.แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ตามสภาพจรงิ บันทกึ หลงั การสอน
Unit 7 Forms & Letters แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ า ทักษะพัฒนาเพอ่ื การสอื่ สารภาษาอังกฤษ รหสั วชิ า อ ๓๗๒๔๔ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๗ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕/๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ื่ ๗ เวลาเรยี น ๘ ชัว่ โมง เรอื่ ง Forms & Letters เวลาเรยี น ๘ ชัว่ โมง _____________________________________________________________________ สาระสำคญั ๑. แบบฟอรม์ : เปิดบญั ชีธนาคาร, สมคั รบัตรเครดิต, สมัครงาน, สมัครสมาชกิ ๒. รปู แบบและวธิ กี ารเขยี นจดหมายส่วนตวั และจดหมายเพ่ือธรุ กจิ ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวงั ๓๐. ผเู้ รยี นสามารถใช้คำศัพท์ สำนวนทีใ่ ชใ้ นแบบฟอร์ม : เปิดบญั ชีธนาคาร, สมัครบตั รเครดิต, สมคั ร งาน, สมคั รสมาชิก ได้ ๓๑. ผู้เรยี นสามารถกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ได้ ๓๒.ผู้เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจโครงสรา้ งจดหมายส่วนตัวและแบบฟอรม์ เปิดบญั ชธี นาคาร, สมัครบัตร เครดิต, สมัครงาน, สมัครสมาชิก ๓๓.ผเุ้ รยี นสามารถแยกประโยค Formal และ Informal ได้ ๓๔.ผ้เุ รยี นสามารถเขียนจดหมายแนะนำตนเองได้ ๓๕.ผเู้ รยี นมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ความซื่อสัตยส์ จุ ริต การมสี ่วนรว่ มในชัน้ เรยี น ความสามัคคีและความ เปน็ ประชาธปิ ไตย เพ่ือบรู ณาการการเรียนรู้วชิ าภาษาองั กฤษ สาระการเรยี นรู้ การกรอกแบบฟอร์มเอกสารประเภทต่าง ๆ Forms ทำใหผ้ เู้ ขียนได้รบั ประโยชน์อย่างสูงสุด รวมท้งั การเขียนจดหมายต่าง ๆ Letters ให้ถกู ตอ้ ง เหมาะสม
รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรู้แบบผู้เรยี นเป็นศูนย์กลาง (Learner-center Approach) การจัดการเรยี นรู้แบบ PPP (Presentation, Practice, & Production) การจัดการเรยี นรูแ้ บบรว่ มมือ (Cooperative Learning) การจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนรว่ ม (Participatory Learning) กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรม Warm Up ๙. ผูเ้ รยี นศกึ ษาคำศพั ท์และรายละเอียดขอ้ มูลท่ีกำหนดให้ จากนัน้ จับคู่ กลุ่มคำที่มี ความสัมพนั ธ์กนั จากนนั้ อภิปรายรว่ มกันกับเพ่อื นในชั้นเรียน ๑๐. ผู้เรยี นเขียนให้ขอ้ มลู เกี่ยวกับตนเองตามหวั ขอ้ ท่ีกำหนดให้ เชน่ ช่อื สกุล วนั เกดิ ทอ่ี ยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ฯลฯ จากนน้ั อภปิ รายรว่ มกนั กับเพอ่ื นในชน้ั เรียน ๑๑. ผเู้ รียนศกึ ษาคำศพั ทแ์ ละสำนวนที่มักพบในแบบฟอร์ม จากน้นั อภิปรายรว่ มกันกบั เพื่อนใน ชัน้ เรยี น ๑๒. ผ้เู รยี นกรอกข้อมลู ของตนลงในแบบฟอรม์ จากน้นั อภปิ รายร่วมกนั กับเพ่อื นในช้ัน เรียน กจิ กรรม Language File a. ผู้เรยี นศกึ ษาวรีหรือสำนวนท่เี กย่ี วกับการสอบถามข้อมูลจากตัวอยา่ ง จากนน้ั อภิปราย รว่ มกันกับเพอ่ื นในช้ันเรียน b. ผู้เรยี นอ่านประโยคและปฏิบตั ิตามคำส่ังในแต่ละข้อ จากนั้นอภิปรายร่วมกนั กบั เพอ่ื นในชั้น เรียน c. ผเู้ รยี นศึกษาตัวอย่างการกรอกแบบฟอร์มในสมคั ร จากน้ันอภปิ รายร่วมกันกบั เพือ่ นในชน้ั เรยี น d. จากตัวอย่างการกรอกแบบฟอรม์ ใหผ้ ู้เรียนกรอกข้อมลู ของตนเองลงในแบบฟอร์ม โดย ผ้เู รยี นสามารถเติมข้อมลู ที่จำเปน็ ลงในแบบฟอร์มได้ จากนั้นอภิปรายรว่ มกันกับเพ่อื นในชน้ั เรียน กจิ กรรม Reading and Writing ๑. ผูเ้ รียนอา่ นจดหมายจำนวน 2 ฉบับ จากนั้นให้บอกว่าฉบับไหนเป็นจดหมายทเี่ ปน็ ทางการ ฉบับเปน็ จดหมายท่ไี ม่เป็นทางการ จากนัน้ อภปิ รายร่วมกนั กบั เพอื่ นในช้ันเรยี น
๒. ผู้เรยี นศกึ ษาสำนวนแบบไม่ทางการในจดหมาย แล้วเติมสำนวนทเ่ี ป็นทางการ ทใ่ี ห้ ความหมายลักษณะคลา้ ยกนั ลงในชอ่ งวา่ ง จากนั้นอภิปรายรว่ มกันกบั เพ่อื นในชั้นเรยี น ๓. ผู้เรียนเขยี นจดหมายตอบรับการเข้ารว่ มประชุมนานาชาติ ทั้งท่เี ปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ จากน้ันอภปิ รายร่วมกนั กบั เพื่อนในช้นั เรยี น ๔. ผู้เรยี นศกึ ษาสว่ นประกอบและรปู แบบต่าง ๆ ของจดหมาย จากตวั อยา่ ง ทั้งทเ่ี ป็นจดหมาย ทางการและไมเ่ ป็นทางการ จากนนั้ อภปิ รายรว่ มกันกับเพอื่ นในช้ันเรียน ๑๓.ผูเ้ รยี นศึกษาวธิ ีการเขียนคำขนึ้ ตน้ และคำลงท้ายจดหมาย ทง้ั ทเี่ ปน็ ทางการและไม่เป็น ทางการ จากตวั อยา่ ง จากน้ันอภิปรายรว่ มกนั กับเพือ่ นในชนั้ เรยี น ๑๔.ผเู้ รยี นศกึ ษาสำนวนในจดหมาย จากนั้นใหบ้ อกวา่ เปน็ สำนวนในจดหมายทางการหรือไมเ่ ป็น ทางการ จากนั้นอภิปรายรว่ มกันกับเพือ่ นในชน้ั เรียน ๑๕.ผู้เรียนกรอกข้อมูลของตนลงในแบบฟอร์ม จากน้นั อภปิ รายรว่ มกนั กับเพื่อนในช้ันเรียน กจิ กรรมทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจ ๑. ผเู้ รยี นศึกษาคำศพั ท์และรายละเอียดขอ้ มูล จากนนั้ จับคู่กลุ่มคำที่มคี วามสัมพันธ์กนั แล้ว อภิปรายร่วมกันในช้ันเรียน ๒. ผเู้ รยี นอา่ นคำสั่งทีก่ ำหนดให้ในแตล่ ะข้อ แล้วเขยี นขอ้ มูลของตนลงในชอ่ งว่าง จากนั้น อภิปรายร่วมกนั กบั เพ่ือนในชั้นเรียน ๓. ผู้เรียนศกึ ษาตวั อยา่ งจดหมายท่ี Paul เขียนขน้ึ จากน้นั เขยี นจดหมายแนะนำตนเองกบั เพ่อื น ใหม่ จากนน้ั อภิปรายร่วมกันกบั เพ่อื นในช้นั เรยี น สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ ◼ หนงั สอื เรียนทักษะพฒั นาเพื่อการส่อื สารภาษาองั กฤษ ๑ ◼ เอกสารประกอบการเรียนการสอน ◼ ศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง Self-access Learning Center ◼ Website: http://vocelt.vec.go.th และเวบ็ เพือ่ การเรียนการสอนภาษาองั กฤษอนื่ ๆ ◼ Audio CD ◼ Power Point ◼ Video ◼ รูปภาพ การวดั และประเมนิ ผล
วิธวี ดั ผล ๒๕. วัดทกั ษะการพูด: บทบาทสมมติ ๒๖. วัดทักษะการเขียน ๒๗. วดั ความรู้ความเขา้ ใจ ๒๘. การสังเกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล ๒๕. แบบประเมินทกั ษะการพูด ๒๖. แบบประเมินทกั ษะการเขียน ๒๗. แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น เพื่อวดั ความรู้ความเข้าใจ ๒๘. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยอาจารย์และ นักศกึ ษารว่ มกันประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๒๕. เกณฑ์การพดู ของผู้เรยี น ตอ้ งอยู่ในระดับ ๖๐% ขึ้นไป ๒๖. เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รียน ตอ้ งอยใู่ นระดบั ๖๐% ขนึ้ ไป ๒๗. ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนผ้เู รียนตอ้ งไดร้ ะดับ ๖๐% ข้นึ ไป ๒๘. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ตามสภาพจริง บนั ทกึ หลงั การสอน
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: