lesson 1

1 เอกสารประกอบการสอน DIGITAL MEDIA PRODUCTION รายวชิ าการผลติ ส่ือระบบดจิ ิทัล 1031502 ฟิ สิกส์ ฌอณ บวั กนก การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

2 บทท่ี 1 ความรพู้ ้ืนฐานเกย่ี วกบั ผลิตสอื่ ดิจิทลั และกระบวนการผลิต ปจั จบุ ันความการรบั ส่งข้อมูลข่าวสารมีเพมิ่ มากทงั้ ดา้ นปริมาณและดา้ นรูปแบบหรอื ชนิดของข้อมูล จึง ทาใหม้ กี ารพฒั นาและขยายตัวของระบบส่ือสารข้อมูลเกิดข้ึน ซ่ึงโครงข่ายข้อมูลแบบดิจิทัลก็เป็นแนวทางหนึ่ง ที่พัฒนาข้ึนเพ่ือตอบสนองการขยายตัวในเร่ืองน้ี ในยุคเร่ิมแรกการรับส่งข้อมูลทางานแบบแอนะล็อกท้ังหมด เมื่อเวลาเปลี่ยนไปเทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลได้เข้ามามีบทบามแทนที่ระบบเดิม ด้วยประสิทธิภาพการรับส่ง ข้อมลู ท่รี วดเร็วแม่นยา และการจัดเก็บทีค่ งทน ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงได้สะดวก ซึ่งการเข้ามาแทนที่ของดิจิทัล น้นั กม็ ที ั้งเข้ามาแทนทที่ ัง้ หมด เชน่ สร้างโครงข่ายชนดิ ใหม่ หรอื เขา้ มาแทนท่ีเพียงบางส่วน เชน่ โมเดม กระบวนการส่อื สารในระบบดิจิทัล มีลักษณะคล้ายคลึงกับกระบวนการสื่อสารท่ัวไป ประกอบด้วย ผู้ ส่งสาร, สาร, สื่อ, และผู้รับสาร เป็นการลาเลียงข้อมูลหรือสารจากผู้ส่งสาร ไปยังผู้รับสาร ส่วนตัวกลางท่ีทา หน้าที่ลาเลียงสารก็คือสื่อ ความแตกต่างก็อยู่ตรงที่ “สื่อ” ของกระบวนการสื่อสารระบบดิจิทัลจะจัดเก็บและ ลาเลียงเฉพาะข้อมูลที่ถูกบันทึกในรูปของรหัสดิจิทัลเท่าน้ัน(ดารา ทีปะปาล, 2553) ดังน้ันในข้ันตอนการส่ง สารจงึ จาเป็นต้องแปลงสารให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลท่ีพร้อมจัดเก็บไว้ในส่ือได้เสียก่อน และเม่ือส่ือลาเสียง สารดจิ ิทลั ไปถงึ ผรู้ บั สาร กต็ ้องมกี ารเปลี่ยนสารดิจทิ ลั ให้เป็นรปู แบบธรรมชาติอกี ครงั้ เพือ่ ผรู้ ับสารเข้าใจได้ สือ่ และสอ่ื ดิจทิ ลั \"สื่อ\" หรือ \"media\" ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้ให้ ความหมายว่า คนหรือ ส่ิงท่ีติดต่อให้ข้อมูลถึงกันหรือชักนาให้รู้จักกัน เช่น เขาใช้จดหมายเป็นส่ือติดต่อกัน, เรียกคนท่ีทาหน้าท่ีชักนา ให้ชายหญิงได้แต่งงานกันว่า พ่อส่ือ หรือ แม่สื่อ ศาสตราจารย์ Heinich นักเทคโนโลยีภาควิชาเทคโนโลยี ระบบการเรียนการสอน ของมหาวิทยาลัยอินเดียน่า (Indiana University) ได้ให้คาจากัดความของ “สื่อ” ว่า \"Media is a channel of communication หรอื ส่ือ คือช่องทางในการติดต่อสื่อสาร\" media มีรากศัพท์มา จากภาษาลาติน มีความหมายว่า ระหวา่ ง (between) หมายถงึ อะไรก็ตามที่ทาหน้าที่บรรทุกนาพาข้อมูลหรือ สารสนเทศ จากแหล่งกาเนิดสารไปยังผู้รับสาร\"(Heinich,1996). สอดคล้องกับศาสตราจารย์Romiszowski ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบ การพัฒนา และการประเมินผลส่ือการเรียนการสอน ของมหาวิทยาลัยซีรา คิวส์ (Syracuse University) กล่าวว่า “สื่อ” เป็นตัวนาสารจากแหล่งกาเนิดของการสื่อสาร (ซึ่งอาจจะเป็น มนุษย์ หรือวัตถุที่ไม่มีชีวิต) ไปยังผู้รับสาร \" media is the carriers of messages, from some transmitting source (which may be a human being or an inanimate object) to the receiver of the message (which in our case is the learner)\" (A. J. Romiszowski, 1992). สรุปได้ว่า ส่ือ หมายถึง ส่ิงใดๆ ก็ตามท่ีเป็นตัวกลางระหว่างแหล่งกาเนิดของสารกับผู้รับสาร มีหน้าที่นาพาสารจากแหล่งกาเนิดไปยัง ผรู้ บั สาร เพื่อใหเ้ กิดผลใดๆ ตามวัตถปุ ระสงคข์ องการสอื่ สาร การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

3 ในสว่ นของ “สอื่ ดิจิทลั ” หากจะนิยามความหมายคงต้องทาความเข้าใจคาว่า “ดิจิทัล” เสียก่อน เพ่ือ เช่ือมโยงความหมายส่ือดิจิทัลได้ง่ายขึ้น \"ดิจิทัล\" หรือ \"Digital\" มาจากภาษาละตินว่า digit มีความหมายว่า นิ้ว ดจิ ิทัลเป็นระบบที่ใชค้ ่าตัวเลขฐาน2 สาหรับการสง่ ผา่ น ประมวลผล จัดเก็บหรือแสดงผลของข้อมูล ซ่ึงต่าง จากระบบแอนะลอ็ กที่ใช้ค่าต่อเนอ่ื งของขอ้ มลู ในการทางาน เห็นได้ว่าข้อแตกต่างที่ชัดเจนของท้ังสองระบบคือ การส่งผ่านข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูล โดยท่ัวไปเลขฐานสองมักใช้ในเชิงคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการนาค่าใดๆเก็บเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรืออิเล็กทรอนิกส์(ความสัมพันธ์ของระบบเลขฐานสอง กบั ระบบคอมพิวเตอร์, 2553). จงึ พอสรปุ ไดว้ า่ สอ่ื ดิจิทัล หมายถึง อะไรก็ตามท่ีเป็นตัวกลางถ่ายทอดข้อมูลเลข ฐาน2 คือ ตัวเลข 1 และ 0 สาหรับประมวลผล จัดเก็บหรือแสดงผลของข้อมูล เพื่อใช้ประโยชน์ในการส่งต่อ ขอ้ มลู สารสนเทศ จากแหลง่ กาเหนิดสารหรือผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร ตัวอย่างส่ือดิจิทัลท่ีพบเห็นอยู่เป็นประจา แสดงไวใ้ นตารางท่ี 1.1 ตารางท1่ี .1 แสดงตัวอย่างของสอื่ ระบบดจิ ิทัล ส่อื ตัวกลาง Digital สัญญาณธรรมชาติ รปู แบบทถี่ กู จัดเกบ็ และบันทึกบนส่อื ข้อความใน E-mail ตวั อักษร ข้อมูลเลขฐาน2(0,1) กลอ้ งถ่ายน่งิ ดจิ ิทลั ภาพ ข้อมลู เลขฐาน2(0,1) CD-DVD เพลง, Mp3 เสียง ขอ้ มลู เลขฐาน2(0,1) ขอ้ มูลเลขฐาน2(0,1) VDO, Mp4 ภาพ เสยี ง ท่มี า : ฟสิ กิ ส์ ฌอณ บัวกนก (2555) จากตารางจะพบวา่ ถึงแม้สัญญาณธรรมชาติจะอยู่ในลกั ษณะใดกต็ าม แตร่ ปู แบบการจัดเก็บของดิจิทัล จะเปน็ คา่ ระหวา่ ง ค่า 1 และ ค่า 0 และในหลายโอกาสท่ีคาว่า ดิจิทัล จะถูกเรียกแทนที่ด้วยคาว่า \"อี\" (e-) ซ่ึง ย่อมาจาก อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เชน่ อีเมล (ไปรษณีย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์) อีบกุ๊ (หนงั สืออิเล็กทรอนิกส์) ฯลฯ ในการส่ือสารด้วยระบบดิจิทัลเม่ือสัญญาณธรรมชาติถูกบันทึกไว้บนส่ือในรูปแบบดิจิทัล และเมื่อสื่อ ไดเ้ ดินทางถงึ ผูร้ บั สารจะมีการทาให้ข้อมูลดิจิทัลกลบั มาเป็นสญั ญาณธรรมชาตอิ ีกครั้งเพื่อท่ีผู้รับสารจะเข้าใจได้ แสดงว่าในการทางานของระบบดิจิทัลท่ัวไป จะประกอบด้วยการเข้ารหัส(Encode) คือ สัญญาณธรรมชาติถูก เปลี่ยนเป็นข้อมูลดิจิทัล และถอดรหัส(Decode) คือ ข้อมูลดิจิทัลกลับมาเป็นสัญญาณธรรมชาติ เป็นเช่นน้ีอยู่ เสมอ (วศนิ เพิม่ ทรพั ย์ และ วิโรจน์ ชยั มูล, 2548) กลา่ วคือเมื่อระบบดจิ ิทลั รบั ขอ้ มูลสัญญาณธรรมชาติเข้ามา ทางด้านอินพุต (Input) ซึ่งเป็นรหัสใดรหัสหน่ึง ระบบดิจิทัลจะทาการเปลี่ยนรูปแบบข้อมูลนั้นไปเป็นเลขฐาน ฐานสอง ซง่ึ การเปล่ียนรหัสดงั กล่าวเรียกว่า การเข้ารหัส ซ่ึงสามารถทาความเข้าใจการเข้ารหัสในระบบดิจิทัล ไดด้ ังต่อไปนี้ การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

4 2. การเข้ารหัสแบบดจิ ิทัล การเข้ารหสั แบบดจิ ิทลั คอื การทาให้ขอ้ มลู และคาสั่งต่างๆ ถูกแทนในรูปของสัญญาณไฟฟ้า โดยมี 2 สถานะ คือ ปิด – เปิด (ทางไฟฟ้า) ซ่ึงเปรียบเสมือน ระบบเลขฐาน 2 (คือเลข 0 และ 1) สถานะปิด คือ 0 และ เปดิ คอื 1 ขอ้ มลู 1 หลกั ซง่ึ อาจจะเป็น 0 หรอื 1 กไ็ ด้ เรียกว่า บิต (bit) โดยปกติการเข้ารหัสเลขฐานสิบ (0-9ท่เี ราใช้กนั ทั่วไป) จะใชส้ ถานะปิด-เปิดไฟฟา้ เปน็ ชุดข้อมลู ประกอบด้วย 4 บติ (ถวิล กิ่งทอง, 2535) ดังนี้ เลขฐานสิบ สถานะปิด-เปิด (ระบบเลขฐาน 2) 0 0000 1 0001 2 0010 3 0011 4 0100 5 0101 6 0110 7 0111 8 1000 9 1001 Amos Lapidoth, (2009). อธิบายว่า ในระบบดิจิทัล ข้อมูลฐาน 2 หรือเรียกว่าข้อมูลไบนาร่ี จะ แทนดว้ ยระดบั แรงดนั ไฟฟ้า(หรือกระแส) โดยทัว่ ไป “0” หรือ “1” แทนด้วยแรงดันสองระดับ ยกตัวอย่างเช่น ระดับแรงดัน 0 โวลต์อาจจะใช้แทนลอจิก (Logic) “0” และ ลอจิก “1” อาจจะแทนด้วย +5 โวลต์ ในทาง กลับกนั หากเราให้ 0 โวลต์แทน ลอจิก “1” และให้ +5 โวลต์แทนลอจกิ “0” กไ็ ด้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของค่าอุปกรณ์ ดังน้ัน “0” หรือ “1” อาจแทนด้วยช่วงแรงดันหนึ่งๆ เช่น แรงดัน 0 ถึง 0.8 โวลต์ แทน “0” ในขณะที่แรงดัน 2 ถึง 5โวลต์แทน “1” ดังน้ันอินพุตหรือเอาต์พุตท่ีปกติ ของระบบจะต้องอยู่ในช่วงแรงดันดังกลา่ ว ภาพท1ี่ .1 แสดงระดบั แรงดนั ทส่ี มั พันธก์ ับลอจิกในระบบดจิ ิทลั ภาพท่ี1.1 แสดงระดบั แรงดันทีส่ มั พันธก์ บั ลอจิกในระบบดิจิทลั การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502 ทีม่ า : Steven E. Schoenherr, (2004)

5 จากภาพสังเกตไดว้ า่ ลกั ษณะของสัญญาณดจิ ิทัลจะแตกต่างจากสัญญาณแอนะล็อก ในระบบดิจิทัลค่า ของแรงดันไม่สาคัญ ตัวอย่างเช่นในภาพท่ี 1.1(a) แรงดัน 3.6 โวลต์มีความหมายเช่นเดียวกันกับ แรงดัน 4.3 โวลต์ แต่ในระบบแอนะล็อกค่าของแรงดันมีความสาคัญอย่างย่ิง เช่น แรงดันไฟฟ้าจากเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ 3.6 โวลต์จะแทนอณุ หภูมิค่าหนง่ึ ในขณะทแี่ รงดันจากเซ็นเซอร์เดียวกนั 4.3 โวลต์ก็แทนคา่ อณุ หภมู ิอีกคา่ หนง่ึ สาหรับการเข้ารหัสเลขฐาน2 ท่ใี ช้ทัว่ ไป มอี ยดู่ ้วยกนั 3 รูปแบบ (ววิ ัฒน์ กิรานนท์, 2539) คอื – เอบซีดกิ (EBCDIC: Extended Binary Coded Decimal Interchange Code) – แอสกี (ASCII : American Standard Code for Information Exchange) – ยูนิโค้ด (Unicode) ในแบบ เอบซีดิก (EBCDIC: Extended Binary Coded Decimal Interchange Code) เป็นการ เข้ารหสั เลขฐาน2 ทไ่ี ดร้ บั ความนิยมหรือเรียกส้ันๆว่า Binary-coded decimal : BCD เป็นระบบท่ีใช้เลขฐาน 2 จานวนอย่างน้อย 4บิต แทนเลขฐานสิบ 0 ถึง 9 ในแต่ละหลัก เพ่ือความสะดวกในการแสดงผลจากการ คานวณด้วยคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่าง เลขฐานสิบ 127 จะสามารถแปลงเป็นบีซีดี (BCD) ได้เป็น 0001 0010 0111 เป็นต้น ซ่ึงสามารถเปรียบเทียบได้ตามชุดข้อมูล 4บิต ด้านบน โดยพื้นฐาน แล้วบซี ดี ี(BCD) จะตอ้ งมบี ติ อยา่ งนอ้ ย 4บิต จึงจะแสดงผลออกมาได้ครบทั้ง 0-9 แต่ในทางปฏิบัติแล้วเม่ือนาบี ซีดี(BCD) ไปคานวณ เช่น การบวกหรือการลบ อาจจะต้องมีบิตอ่ืนเพิ่ม เพื่อใช้ในการทดเลขหรือการกาหนด เคร่ืองหมาย และเนือ่ งจากบซี ีดี(BCD)เป็นระบบเลขท่สี รา้ งขึน้ เพื่อใชง้ านในคอมพวิ เตอร์และอิเล็กทรอนิกส์เป็น หลัก เลขในแต่ละบิตจงึ สามารถเก็บอยู่ในหน่วยความจาได้ ส่อื คอมพวิ เตอรไ์ ดก้ าหนดหน่วยของความจไุ ว้ว่า 1ไบต์(Byte) เท่ากับ 8บิต หมายความว่าเราสามารถ เก็บบีซีดี(BCD) ได้ 1-2 หลักต่อ 1 ไบต์ ถ้าเก็บ 2 หลักจะเรียกว่า \"packed BCD\" และถ้าเก็บเพียงหลักเดียว จะเรียกว่า \"unpacked BCD\" ซ่ึงสามารถดึงค่าออกมาคานวณได้ง่ายกว่า แต่ก็กินเนื้อที่มากกว่าแบบแรกเป็น เท่าตัว ตัวอย่างเช่น เลขฐานสิบ 2653 เมื่อแปลงเป็นรูปแบบ packed BCD จะได้เป็น 0010 0110 0101 0011 (ใช้หลักละ 4 บิต) ในขณะที่รูปแบบ unpacked จะเป็น 00000010 00000110 00000101 00000011 (เติม 0 ในบิตที่เหลือจนครบ 8 บิต) (Jack Quinn, 1995). การเข้ารหัสในรูปแบบของ BCD จะ เรียกว่า Encode ซ่ึงอุปกรณ์ท่ีทาหน้าที่เข้ารหัสจะเรียกว่า Encoder ส่วน“การถอดรหัส” ให้ผู้รับสื่อได้เข้าใจ สาร เรียกว่า Decode ซง่ึ อปุ กรณ์ถอดรหัสเรียกวา่ Decoder ระบบการเข้ารหสั -ถอดรหัสแสดงได้ตามภาพ ภาพท่ี 1.2 แสดงระบบดิจทิ ัลทป่ี ระกอบไปดว้ ยการเขา้ รหสั และการถอดรหสั ทีม่ า: http://imrannazar.com การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

6 จากภาพเมื่อสัญญาณธรรมชาติที่อยู่ในระบบเลขฐานสิบ ถูกป้อนเข้าไปในคอมพิวเตอร์ผ่านแป้นพิมพ์ (Input) หน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์(Encoder) จะทาการเข้ารหัสและทาการบันทึกไว้ (Processing unit and memory) ให้อยู่ในรูปของเลขฐาน2 (Digital data) ส่วนเมื่อจะแสดงผลให้ผู้รับสารเข้าใจ(Output display) คอมพิวเตอร์จะทาการถอดรหัส(Decode) โดยจอภาพท่ีเป็นส่วนแสดงผลการถอดรหัส(Decoder) จะแสดงผลออกมาเปน็ สญั ญาณหรอื สัญลกั ษณธ์ รรมชาติทม่ี นุษย์สามารถเขา้ ใจ คาศัพทท์ เ่ี ก่ยี วข้องกับสื่อและส่ือดจิ ิทัล ทค่ี วรจะรจู้ ักเพ่ิมเติม คือ A/D และ D/A ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ คาว่า Encode และ Decode เนื่องจากสัญญาณดิจิทัลมีพ้ืนฐานมาจากตัวเลข 1 และ 0 “ส่ือดิจิทัล” ท่ีทา หน้าทเี่ ป็นตัวกลางถา่ ยทอดข้อมูลก็มีการจัดเก็บข้อมูลด้วยเลข 1 และ 0 ข้อมูลแอนะล๊อกจากต้นกาเหนิดหรือ จากผู้ส่งสารก็ต้องมีการเข้ารหัส(Encode) 1และ 0 เพ่ือจัดเก็บในสื่อ (วีระศักดิ์ สุวรรณเพชร, 2551) เห็นได้ ว่าเป็นกระบวนการแปลงข้อมูลให้อยใู่ นรปู แบบของตวั เลขฐานสอง(0,1) โดยกระบวนการแปลงสัญญาณน้ีต้อง อาศัยวงจรที่เรียกว่า A To D (A/D) หรือ Analog To Digital converter วงจร A/D นี้เกิดจากแรงดันของ ไฟฟ้า 2 ค่าคือ 0 = Min และ 1 = Max โดยค่า Min จะมีแรงดันไฟฟ้าอินพุต อยู่ที่ประมาน 0 โวลต์ และค่า Max จะมแี รงดันไฟฟา้ อินพุต อยู่ที่ประมาน 5 โวลต์ สัญญาณชนิดนี้มนุษย์เราไม่สามารถสัมผัสหรือรับรู้ได้เลย เช่นเดียวกันเม่ือข้อมูลที่ผ่านการเข้ารหัสมาถึงผู้รับหรือปลายทางก็จะต้องมีการถอดรหัส(Decode) โดยแปลง สัญญาณจาก Digital ให้กลับมาเป็น Analog อีกครั้ง ผ่านตัวแปลงหรือวงจรที่เรียกว่า D To A (D/A) หรือ Digital To Analog converter ซง่ึ คอมพวิ เตอร์จะทาหน้าที่ตรงนี้อีกเชน่ เคย แล้วจึงแสดงและประมวลผลเพ่ือ ส่ือสารกบั ผรู้ ับสารทงั้ เน้อื หาทเี่ ป็นข้อความ ภาพ เสยี ง หรือวิดโี อ กระบวนการเปล่ียนสัญญาณ A To D (A/D), D To A (D/A) และกระบวนการการเปลีย่ นสัญญาณในสื่อดจิ ิทัล แสดงไดจ้ ากภาพที่ 1.3 – 1.5 ตามลาดบั ภาพที่ 1.3 แสดง A/D (Analog to Digital Convertor หรอื ENCODE ที่มา: ฟสิ ิกส์ ฌอณ บัวกนก (2555) การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

7 ภาพท่ี 1.4 แสดงD/A Convertor (Digital to Analog Convertor)หรือ Decode ทม่ี า: ฟสิ ิกส์ ฌอณ บวั กนก (2555) ภาพที่ 1.5 แสดงการกระบวนการการเปลีย่ นสัญญาณในสื่อดิจทิ ลั ท่มี า: ฟิสิกส์ ฌอณ บวั กนก (2555) 3. ประเภทของสอ่ื ดิจิทลั ดว้ ยความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีทาให้ส่ือดิจิทัลในการจัดแก็บข้อมูลดิจิทัลเกิดข้ึนมากมายในปัจจุบัน และประสิทธภิ าพส่ือแตล่ ะประเภทกแ็ ตกตา่ งกันดว้ ย ซึง่ สรุปสอื่ ดิจทิ ลั ทนี่ ิยมใชแ้ ละพบเห็นบ่อยคือ 3.1 CD Training 3.2 CD Presentation 3.3 VCD/DVD 3.4 E-book และ E-document ซึ่งมีรายละเอียดต่างๆ ดงั น้ี การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

8 3.1 CD Training คอื การสร้าง สอื่ ดจิ ิทัลในลักษณะที่เป็น CD ที่ใช้ในการสอนการใช้งาน จะเป็นการ สอนการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น สอนการใช้โปรแกรม Microsoft Word เป็นต้น นอกจากน้ัน CD Training ยังครอบคลุมไปถึงเรื่องการสอนการทางานของโปรแกรมต่างๆ จะใช้เป็นการสาธิตการ ทางานของโปรแกรมเปน็ ต้น ภาพท่ี 1.6 แสดงภาพประกอบ CD Training ทมี่ า : http://www.actaddons.com 3.2 CD Presentation คอื การสรา้ งเป็นสอ่ื ดจิ ิทัลในลกั ษณะที่เป็น CD ที่ใช้สาหรับในการนาเสนอใน สถานทต่ี ่าง ๆ เชน่ นาเสนอข้อมูลในท่ีประชุม นาเสนอข้อมูลบรษิ ัท ท่ีเรยี กว่า Company Profile ภาพที่ 1.7 แสดงภาพประกอบ CD Presentation ท่ีมา : http://www. kidscd.weebly.com 3.3 VCD /DVD คอื การสร้างส่ือดจิ ิทัลในลกั ษณะท่ีเป็น CD ภาพยนตร์ ท่ีมีการตัดต่อภาพยนตร์ต่างๆ ในลักษณะทีเ่ ป็น Movie Clip แล้วนามาจัดเรียงต่อกนั เปน็ ภาพยนตร์ 1 เรื่อง เปน็ ต้น ภาพท่ี 1.8 แสดงภาพประกอบ VCD/DVD ทม่ี า : http://www. bangkok.olxthailand.com การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

9 3.4 E-book และ E-document คือ การสร้างสื่อดิจิทัลในลักษณะหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถ สร้างง่ายๆโดยการแปลงไฟล์เอกสารต่าง ๆ ให้เป็น Webpage หรือเป็น PDF และยังสามารถสร้าง โดยใช้ โปรแกรม software อาทิ Desktop Author, Flip album, I love Library เปน็ ตน้ ภาพท่ี 1.9 แสดงภาพประกอบ E-book และ E-document. ทีม่ า : http://www.icij.org จากอดีตถงึ ปจั จุบนั มีการออกแบบและพัฒนาส่ือดิจิทัลต่างๆมากมาย เพื่ออานวยความสะดวกต่อมนุษย์ในการ ดาเนนิ ชีวิต ดังภาพที่ 1.10 – 1.12 แสดงการปฏิวัติเคร่อื งมอื เครอื่ งใช้ใหเ้ ปน็ เทคโนโลยีดิจทิ ัล ภาพท่ี 1.10. แสดงตวั อย่างสอื่ ท่เี กดิ จากการปฏวิ ตั ิสู่เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั เครอื่ งพมิ พ์ดีด พฒั นาเปน็ คอมพิวเตอร์ ทมี่ า: http://www.morgan-oa.com, http://photos.pcpro.co.uk ภาพท่ี 1.11 แสดงตวั อย่างสื่อทเ่ี กดิ จากการปฏวิ ตั ิสูเ่ ทคโนโลยดี ิจิทัล หนงั สอื พฒั นาเป็นแอพลิเคช่ันหนงั สอื ทม่ี า : http://www.elsdongolf.com, http://www.iphone3gsystem.fr การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

10 ภาพที่ 1.12 แสดงตัวอย่างสือ่ ทเ่ี กดิ จากการปฏิวัตสิ ่เู ทคโนโลยีดจิ ิทัล เทปคาสเสต พฒั นาเปน็ MP3 ท่มี า : http://www.thinkgeek.com, http://i.telegraph.co.uk สื่อดจิ ิทลั สร้างประโยชน์ให้กบั การดาเนนิ ชิวิตมนษุ ย์ในหลายเรอื่ งและความต้องการในการใช้ส่ือดิจิทัล ก็เพิม่ ขน้ึ เรือ่ ยๆเช่นกนั ด้วยประสิทธิภาพการจัดเก็บและการถ่ายโอนข้อมูลที่เหนือกว่าแอนะล๊อก ทาให้ระบบ ดิจิทัลสามารถรองรับความต้องการของมนุษย์ได้มากกว่า ส่วนในเชิงของธุรกิจส่ือดิจิทัลยังสนับสนุนการผลิต เครือ่ งอานวยความสะดวกไดม้ ากกว่า อย่างไรก็ตามส่อื ดจิ ิทลั มีทง้ั ข้อดีและขอ้ เสียจาแนกเปน็ ประเดน็ ต่างๆดังนี้ 4. ข้อด/ี ข้อเสีย ของส่ือดจิ ทิ ัล สื่อดิจิทัลมีท้ังข้อดีและข้อเสีย ผู้ทาการผลิตสื่อดิจิทัลและผู้ใช้งานสื่อดิจิทัลควรทาความเข้าใจเพ่ือ สามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ให้เกดิ ประโยชน์ 4.1 ข้อดีของส่อื ดจิ ิทัล 4.1.1 ความคงทน คุณภาพของส่ิงท่ีอยู่ใน “Digital Media” การเส่ือมสภาพจะใช้เวลานาน กวา่ เพราะรปู แบบของข้อมูลทจี่ ดั เกบ็ แบบสองระดบั (0 กบั 1) โอกาสที่จะผิดเพ้ียนจะเกิดขึ้นได้ยากกว่าข้อมูล แบบต่อเน่ือง เช่น การบันทึกภาพลงในวีดิทัศน์แบบแอนะล๊อก กับการบันทึกภาพลงวีดิทัศน์ในระบบดิจิทัล สาหรับอนาลอก เม่ือเสน้ เทปยืดจะใหค้ ุณภาพของภาพลดลงโดยทันที สว่ นการอ่านข้อมูลกลับมาในแบบดิจิทัล นัน้ จะทาได้งา่ ยกวา่ และข้อมูลทไ่ี ด้กลบั มาจะเหมอื นเดิม 4.1.2 รูปแบบของการนาไปใช้งานทาได้หลากหลายวิธี ข้อมูลที่จัดเก็บในแบบดิจิทัลถือว่า เป็นข้อมูลกลาง ที่สามารถแปลงไปสู่รูปแบบอื่นได้ง่ายเช่น ถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิทัล เม่ือได้เป็นข้อมูลภาพออก มาแล้ว สามารถพิมพ์ภาพลงบนกระดาษหรือการแสดงภาพบนจอคอมพิวเตอร์ หรือแสดงภาพบนจอทีวี ก็ได้ เช่นกัน 4.1.3 สามารถผสมผสานกบั สอ่ื รูปแบบอืน่ เช่น ภาพถ่าย เสียง แสดงผลแบบ Multi-Media 4.1.4 การปรับแต่ง (Edit) เป็นการปรับแต่งสื่อท่ีเป็นภาพถ่าย วิดีโอ เสียงนกร้อง … นามา ปรับแต่งให้ดีขึน้ กว่าเดมิ การสอดแทรก สง่ิ เหลา่ นี้ทาใหน้ ่าดู นา่ ฟงั มากกวา่ ปกติ มคี วามวิจิตรพสิ ดาร 4.1.5 เท่ียงตรง (Accuracy) และแม่นยา (Precision) เนื่องจากถ้าเป็นส่ือระบบแอนะล๊อก จะมีความแม่นยาไม่เกินตัวเลขสามถึงส่ีหลัก เพราะ ค่าแรงดันหรือกระแสไฟฟ้าในระบบอนาลอกข้ึนอยู่กับค่า การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

11 อปุ กรณ์ในวงจรและถกู รบกวนได้จากการแกว่งแบบซุ่ม หรือสัญญาณรบกวน (Noise) ในขณะที่ดิจิทัลสามารถ เพิ่มความแม่นยาไดต้ ามจานวนหลกั ตวั เลขทตี่ อ้ งการโดยการเพิ่มจานวนวงจรเข้าไป 4.1.6 การดาเนนิ การส่ือทางดจิ ทิ ลั สามารถโปรแกรมได้ ระบบดิจิทัลสามารถออกแบบได้ง่าย กว่า โดยการเกบ็ ชดุ คาสงั่ ทเ่ี รยี กวา่ โปรแกรม 4.2 ข้อเสียของส่ือดจิ ิทลั เป็นสิ่งท่งี ่ายตอ่ การกระทาผดิ ศิลธรรม การละเมดิ ในสิทธขิ องผู้อื่น เช่น การนาเอาภาพของบุคคลหนึ่ง มาตัดต่อกับภาพเปลือยกายของอีกคนหนึ่ง หรือ การทาซ้า (Copy) กับ งานส่ือ ท่ีมีลิขสิทธิ์ถูกต้อง เป็นต้น ถึง อย่างไรก็ตาม จากข้อดี ที่มีคุณสมบัติเด่นมากมายเหล่านี้ ทาให้แนวโน้มของอุปกรณ์สื่อในอนาคต สามารถ พัฒนาขน้ึ เปน็ ส่ือดิจิทัล (Digital Media) และมีแนวทางของการพัฒนา ใหม้ ีคุณภาพดีข้ึนทุกขณะ และราคาถูก ลงอย่างเหลือเชอ่ื (บปุ ผชาติ ทัฬหิกรณ์, 2551). 5. ขอบเขตกระบวนการผลติ ส่ือดิจิทัล ในการดาเนินงานใดๆ ผู้ดาเนินงานจาเป็นต้องทราบขอบเขตการทางานเพ่ือสามารถใช้ประกอบการ วางแผน และการจัดการของนั้นๆ ขอบเขตกระบวนการผลิตส่ือดิจิทัลประกอบไปด้วยข้ันตอนหลัก 4 ข้ัน มี รายละเอยี ด ดงั นี้ 5.1 ขนั้ กอ่ นการผลิต (Pre - Production) ขั้นก่อนการผลติ เป็นขนั้ ตอนกาหนดแนวทางในการผลิตส่อื ทั้งหมด แบง่ ได้ 3 ขั้นตอน คอื 5.1.1 การกาหนดกลุม่ เป้าหมาย รูปแบบรายการ 5.1.2 การเขียนบท 5.1.3 การวางแผนการถา่ ยทา 5.2 ข้ันการผลิต (Production) ขน้ั การผลิตเป็นขั้นตอนการถ่ายทาจรงิ ซ่ึงได้แก่ การแสดง การกากบั รายการ การบันทึกภาพ และเสียง ตามสถานท่ที ป่ี รากฎในบททเ่ี ขียนข้ึน เปน็ ต้น 5.3 ขั้นหลังการผลติ (Pro-production) ข้นั หลงั การผลิตเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการผลิต วิดีทัศน์ ขั้นตอนน้ีจะเป็นการตัดต่อภาพและ เสียง การลงเสียงบรรยายเพิ่มเติม การใส่เทคนิคพิเศษด้านภาพ (special effect) เทคนิคพิเศษด้านเสียง (sound effect) รวมท้งั การเผยแพรส่ ู่มวลชน (distribution) และการประเมินผล (evaluation) ที่เกิดข้ึนจาก การเผยแพร่สื่อวิดีทศั น์ดว้ ย 5.4 ข้ันนาเผยแพร่ (Distribution) ข้ันนาเผยแพร่หรือขั้นการนาสู่สาธารณะชน จาแนกออกเป็น 2 ประเภทคือ 1. Offline 2.Online ออนไลน์แสดงถึงสถานะของการเชื่อมต่อกับเครือข่าย และออฟไลน์แสดงถึงสถานะของการไม่ เชื่อมต่อ ในความหมายปกติท่ัวไป ออนไลน์อาจหมายถึงการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ฉะน้ันการเผยแพร่แบ บ การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

12 ออฟไลน์คือการนาเสนอส่ือดิจิทัลโดยไม่ได้มีการเชื่อต่ออินเทอร์เน็ต เช่น CD VCD เป็นต้น ดการเผยแพร่ส่ือ ดจิ ิทลั แบบออนไลนจ์ ึงเป็นการนาเสนอสอ่ื ผานชอ่ งทางการเช่ือมต่อกับอนิ เทอรเ์ น็ตหรือเวิลด์ไวด์เวบ็ นน่ั เอง 6. สรปุ ส่ือดิจิทัล หมายถึงอะไรก็ตามที่เป็นตัวกลางถ่ายทอดข้อมูลเลขฐาน2 คือ ตัวเลข 1 และ 0 สาหรับ ประมวลผล จัดเกบ็ หรอื แสดงผลของขอ้ มลู เพ่ือใชป้ ระโยชน์ในการส่งต่อข้อมูล สารสนเทศ จากแหล่งกาเหนิด สารหรอื ผูส้ ่งสารไปยงั ผรู้ ับสาร ตัวอยา่ งส่อื ดิจิทัลทพี่ บเหน็ อยเู ป็นประจา อาทิ CD-DVD เพลง, Mp3 โดยมีการเข้ารหัสแปลงสัญญาณหรือสัญลักษณ์ต่างๆให้อยู่ในสภาพ Binary Coded Decimal (BCD) ซง่ึ เป็นระบบเลขที่มสี ญั ลกั ษณ์เพียงสองตวั คือ 0 (ศนู ย์) กบั 1 (หน่งึ ) โดยนาเอาหลักการของเลขฐาน2 (สถานะ ไม่มีไฟฟ้า และ สถานะมีไฟฟ้า) มาใช้ในการสร้างไมโครโปรเซสเซอร์ที่มีหน่วยประมวลผล ซ่ึงสามารถเรียกได้ ว่าเปน็ การประมวลผลแบบดิจิทลั เพ่ือแปลงสัญญาณแอนะล็อกเป็นดิจิทัล โดยกระบวนการที่เรียกว่า Analog to Digital Convertor หรือ Encoder จากนั้นภาพเสียงเหล่าน้ันจะถูกเก็บเป็นข้อมูลตัวเลข 0,1 โดยอาจอยู่ ในรูปของ CD DVD เป็นตน้ ซึ่งเรียกส่อื เหลา่ นีว้ า่ ส่ือดจิ ิทลั (Digital Media) และเมือ่ ตอ้ งการชมภาพและเสียง ที่อยู่ใน Digital Media ก็นาไปเล่นในเคร่ือง CD หรือ DVD ซ่ึงเป็นเปล่ียนสัญญาณตัวเลข0 (ศูนย์) กับ 1 (หน่ึง) เป็นสัญญาณภาพ เสียง เรียกว่าขบวนการ Digital to Analog Convertor หรือ Decoder เพ่ือให้ได้ สัญญาณธรรมชาติที่มนุษย์สัมผัสได้เข้าใจ โดยประเภทของส่ือดิจิทัลที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มีอยู่ 4 ประเภท ประกอบด้วย 1) CD Training 2) CD Presentation 3) VCD/DVD 4) E-book และ E-document ส่วน จะมีการเลือกใชป้ ระเภทใดน้ันก็ขน้ึ อยู่กบั จดุ ประสงค์ของผูล้ ติ หรือผู้ใช้ส่ือระบบดิจิทัล อย่างไรก็ตามสื่อดิจิทัลก็ มีท้ัง ข้อดี และข้อเสีย ในด้านข้อดีคือ มีความคงทน สามารถแปลงไปสู่รูปแบบอื่นได้ง่ายเช่น หากถ่ายรูปด้วย กล้องดิจิทัล เม่ือได้เป็น ข้อมูลภาพออกมาแล้ว สามารพิมพ์ภาพลงบนกระดาษหรือการแสดงภาพบน จอคอมพิวเตอร์ หรือแสดงภาพบนจอทีวี ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถผสมผสานกับส่ือรูปแบบอื่น เช่น ภาพถ่าย นามารวมกับเสียง แสดงแบบ Multi-Media งา่ ยตอ่ การปรับแต่ง(Edit) มีความเท่ียงตรง (Accuracy) และแม่นยา (Precision) ท่ีสาคัญ ระบบดิจิทัลสามารถทางานโดยการเก็บชุดคาสั่งที่เรียกว่า โปรแกรม ส่วน ข้อเสียของสอ่ื ดิจิทลั จะเปน็ เร่ืองการใชง้ านที่ผดิ ศิลธรรมของมนษุ ย์ การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502

13 7. แบบฝกึ หัดทา้ ยบท 1. จงอธบิ ายความหมาย และลักษณะของสือ่ ดจิ ิทัลท่ีไดเ้ รยี นรู้ในเนื้อหาบทเรยี น 2. จงเขา้ รหัสสญั ญาณเลขฐานสบิ ต่อไปน้ีให้อยูใ่ นระบบ BCD เลขฐานสิบ BCD 34 126 8763 77652 890534 1879635 40000098 987654932 3. จงอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างสัญญาณ Analog และ Digital พร้อมวาดผังการ แปลงสัญญาณ Encoder, Decoder 4. รปู แบบพ้ืนฐานขอ้ มลู ดจิ ิทัลมกี ่รี ปู แบบ 5. สือ่ ดจิ ิทลั มีกป่ี ระเภท อะไรบา้ ง 6. จงบอกความข้อด/ี ขอ้ เสียของส่ือระบบดจิ ิทัลตามความคิดของนักศีกษา ให้มากทส่ี ดุ 7. กระบวนการผลิตสื่อดิจิทัลมีกี่ข้ันตอน อะไรบ้าง และนักศึกษาคิดว่าขั้นตอนใดมีความสาคัญที่สุด เพราะเหตใุ ด 8. นักศึกษามีความคิดเห็นอย่างไรกับการเปล่ียนแปลงจากเทคโนโลยีแอนะล๊อกมาเป็นดิจิทัล ส่งผล กระทบกับนักศึกษาอย่างไร 9. สือ่ ดจิ ทิ ลั ประเภทใดทมี่ ีความสมั พนั ธ์กบั ชีวิตประจาวันของนักศกึ ษามากทีส่ ุด (dairy life) เพราะอะไร 10. ตามความคิดเห็นของนักศึกษาหากจะผลิตสื่อดิจิทัล ผู้ผลิตต้องมีความเข้าใจและเตรียมความพร้อม เรอื่ งใดบา้ ง การผลิตสือ่ ระบบดิจิทลั 1031502