ปณณวชิ ญ์ จิตไพศาลวัฒนา History ประวัติศาสตรย์ ุโรป
สารบญั 2 10 บทท1ี ยคุ คลาสสิก 15 บทท2ี ยุคกลาง 27 บทท3ี ยุคใหม่ 30 บทท4ี ยโุ รปในศตวรรษที21 34 บทที5 พฒั นาการดา้ นเศรษฐกจิ 39 บทที6 พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง บทท7ี พฒั นาการดา้ นศลิ ปะวฒั นธรรม 1
บทท1ี ยคุ คลาสสกิ 2
กรกี ภาพ 1.1 การจดั กองกาํ ลังแบบ phalanx ของกรกี ทีใช้ในการสูร้ บในยคุ โบราณ โดยจดั ทหารราบถอื หอกเปน แถวโดยมีเกราะกาํ บังอยูด่ ้านหน้า เคลือนทีช้าแตส่ ามารถทําลายกองกําลงั ศัตรูได้งา่ ย อารยธรรมกรกี เปนอารยธรรมของชาวอนิ โด-ยโู รเปยน (Indo-European) ทีอพยพเขา้ มาตังรกรากในเอเชียไมเบอร(์ Asia Minor) อารยธรรมกรกี เปนรากฐานของอารยธรรมโรมันและอารยธรรมโลกตะวนั ตกในเวลาต่อมา กรกี ประกอบด้วยนครรฐั หลายนครรฐั โดยมกี ษัตรยิ ห์ รอื ผทู้ ีได้ รบั การเลือกตงั ขนึ ปกครองแล้วแต่นครรฐั นครรฐั ใดทเี จรญิ รุง่ เรอื งใน เวลานันกจ็ ะเปนศนู ย์กลางของภูมิภาค เชน่ เมือเอเธนส์ (Athens) มี อํานาจทางการคา้ เอเธนส์ก็จะเปนผูน้ ําในการรบกับเปอรเ์ ซยี (Persia War) หรอื สปารต์ า (Spartar) รบชนะเอเธนส์ในสงครามเพโลพอนเน เซยี (Peloponnesian War) เอเธนสก์ ต็ กเปนเมืองขึนของสปารต์ า อารยธรรมกรกี นนั ให้ความสาํ คัญกบั งานเขยี นศลิ ปะ ปรชั ญา และ ศาสนา ทังสีอย่างนีไดต้ กทอดมานับพันปแมว้ า่ ช่วงเวลาอันรุง่ โรจนข์ อง กรกี จะไดจ้ บลงไปแลว้ หลังจากพ่ายแพแ้ ก่โรมใน สงครามไพรกิ (Phyrric War) 3
ศาสนากรกี ชาวกรกี บชู าเทพเจา้ หลายองค์ ในลักษณะของพหเุ ทวนยิ ม โดยเชือวา่ เทพเจ้าอาศยั อย่บู นเทือกเขาโอลิมปส (Olympus) เทพเจา้ ทชี าวกรกี บูชามีนบั รอ้ ยองค์ แตช่ าวกรกี เชอื วา่ เทพเจ้าทีสาํ คัญทีสุดมีอยู่ 12 องค์ เรยี กวา่ โอลิมเปยน (Olympians) ภาพ 1.2 รูปวาดของซสุ (Zeus) หรอื จปู เตอร์ (Jupiter) เทพทีชาวกรกี -โรมันเชอื ว่าเปนราชาแหง่ เทพ เทพตามความเชอื ของชาวกรกี นนั มีลักษณะความด-ี ชวั เหมอื นมนุษย์ กลา่ วคือ เทพของกรกี นันยงั คงสามารถทาํ ความผดิ และถกู ลงโทษไดช้ าวโรมันก็ นับถือเทพองคเ์ ดยี วกับชาวกรกี แต่เปลียนชอื จากภาษากรกี เปนภาษาละติน เช่น ซสุ (Zeus) เปน จปู เตอร์ (Jupiter) หรอื เฮรา่ (Hera) เปน จูโน่ (Juno) ชาวกรกี มีการสรา้ งวิหารเพอื สักการะเทพเจา้ วิหารเหล่านี ยงั คงเหลือรอดในปจจุบัน ทาํ ให้คนรุน่ หลงั ยงั ได้มีโอกาสเหน็ งานสถาปตยกรรมแบบกรกี อยู่ เชน่ วหิ ารพารเ์ ธนนอน (Parthenon) 4
ปรชั ญาและวทิ ยาศาสตรก์ รกี ชาวกรกี ไม่ใชค่ นกล่มุ แรกทตี ้องการคน้ หาความจรงิ เกียวกับโลก มนุษย์ และ ธรรมชาติ แตเ่ ปนคนกลุ่มแรกทไี ดจ้ ดั บันทึกแนวคิดไวอ้ ย่างเปนลายลักษณอ์ ักษร โสคราตสี (Socrates) ได้รบั การยกยอ่ งว่าเปนบดิ าแห่งปรชั ญา และเขากไ็ ดส้ ่งทอด ความรูใ้ ห้กับศิษยข์ องเขา เพลโต (Plato) และตอ่ ไปใหอ้ รสิ โตเตลิ (Aristotle) ผู้ก่อ ตังไลเซยี ม (Lycium) ทีเปนโรงเรยี นทสี อนเกยี วกับวิทยาศาสตรแ์ ละปรชั ญา นอกจากนี ชาวกรกี ยังค้นหาความจรงิ ผา่ นวิทยาศศาสตรอ์ กี ดว้ ย นัก วทิ ยาศาสตรท์ ีสาํ คัญในยคุ กรกี โบราณมีหลายคน เชน่ ธาลีส (Thales) พที าโกรสั (Pythagoras) ยคู ลิด (Euclid) ปโตเลมี (Ptolemy) อาคิมดี สิ (Archimedes) อีรา ทอสเธนีส (Eratosthenes) ภาพ1.3 (ซ้าย) หนงั สือ Elements ของยคู ลดิ เปนหนังสอื คณติ ศาสตรเ์ ล่มแรกๆ ของโลก ยู คลิดพสิ จู นท์ างคณิตศาสตรใ์ นเวลาตอ่ มา นอกจากนีหนังสือเล่มนียงั กล่าวถงึ หลักพนื ฐานของ เรขาคณิต ทาํ ใหเ้ รขาคณิตแบบทยี คู ลิดกลา่ วถงึ ถกู เรยี กวา่ เรขาคณิตแบบยคู ลิด (Euclidean Geometry) ภาพ1.4 (ขวา) หลักการในการหาควมยาวรอบโลกของอรี าทอสเธนสี โดยการวดั ความยาวของ เงาในเมืองสองเมอื งและใช้อัตราส่วนมาช่วย เขาคํานวณว่าโลกมีเสน้ รอบวง 40,000 กิโลเมตร ซึงห่างจากความเปนจรงิ เพียงไม่กีรอ้ ยกโิ ลเมตรเท่านัน 5
โรมัน โรมยคุ โบราณ (Ancient Rome) แบ่งออกเปนสามยคุ ได้แก่ 1. ยคุ อาณาจกั ร (Roman Kingdom) (753-509 ก่อน ค.ศ.) 2. ยุคสาธารณรฐั (Roman Republic) (509-27 กอ่ น ค.ศ.) 3. ยุคจกั รวรรดิ (Roman Empire) (27 กอ่ น ค.ศ.-ค.ศ.395) โรมยุคเรมิ ตน้ ตังอยบู่ นเทอื กเขาพาลาไทน์ (Palatine Hill) และได้ขยาย อาณาเขตออกไปจนครอบคลุมอิตลี (Italy) และเกาะซีซลิ ิ (Sicily) ในจุดสงู สุด อาณาเขตของโรมกวา้ งไกลจรดสเปน (Spain) ในทศิ ตะวนั ตก เกาะบรเิ ตน (Britain) ในทิศเหนือ อยี ปิ ต์ (Egypt) ในทศิ ใต้ และเอเชยี ไมเนอร์ (Asia Minor) ในทศิ ตะวนั ออก ชาวโรมันเปนชนต่างชาติกลุ่มแรกทีเขา้ ไปในเกาะบรเิ ตนโดยการล่องเรอื ของ จูเลียส ซซี าร์ (Julius Caesar) หนงึ รอ้ ยปหลังจากนนั ชาวโรมันก็เข้าไปตงั รกรากในเกาะบรเิ ตนรว่ มกับชนพนื เมือง ทาํ ใหภ้ าษาอังกฤษมคี ําทมี รี ากฐานมาจาก ภาษาละตนิ มาก ภาพ1.5 อาณาจักรโรมันในจุดสูงสดุ ใน ค.ศ. 117 6
ระบอบสาธารณรฐั ในโรม ภาพ1.6 ภาพวาดรฐั สภา (Senate) ของสาธารณรฐั โรมนั หลงั จากขบั ไล่กษัตรยิ ค์ นสดุ ท้ายทาควินอิ สุ (Tarquinius the Proud) ออก ไปจากเมอื ง ชาวโรมนั ก็ลม้ เลกิ ระบบกษัตรยิ ์และเปลียนมาเปนระบบสาธารณรฐั แทนโดยมีการเลอื กตังกงสลุ (Consul) ปละสองคนมาดํารงตําแหน่งผ้นู าํ ประเทศ โดยมวี าระ 1 ป และมีวฒุ สิ มาชกิ (Senate) ออกกฎหมายใหก้ บั สาธารณรฐั โดย แต่ละปจะมกี ารเลือกตงั วุฒสิ มาชิก (Senator) 20 คน เขา้ มาในวุฒสิ ภา ซงึ สามารถ เปนวุฒสิ มาชกิ ไดต้ ลอกชีพ ระบบสาธารณรฐั สนิ สุดลงใน 27 ปก่อน ค.ศ. เมือออตเตเวยี น (Octavian) บตุ รบญุ ธรรมของจเู ลยี ส ซีซาร์ (Julius Caesar) สภาปนาตนเองขึนเปนจักรพรรดิ ออกสุ ตุส (Augustus) ภาพ1.7 ชเิ คอโร (Cicero) กงสุล รฐั บรุ ุษ นกั กฎหมาย และนกั ปรชั ญา ผลงานทสี ําคญั คือการออกกฎอัยการ ศกึ (Senatus Consultum Ultimum) ใน 63 ปก่อน ค.ศ. เพือปองกนั สงครามกลางเมืองระหว่างรฐั สภาและ คาติลินา (Catilina) เขายังมงี านเขียน มากมายทีเลา่ เรอื งราวในยคุ สมัยของ เขา เขาได้รบั การยกย่องจากนกั ประวตั ศิ าสตรว์ า่ เปนนักการเมอื งที สาํ คญั ทีสุดของโรม 7
โรมยคุ จกั รวรรดิ ในยุคจักรวรรดิโรมมรี าชวงศอ์ ยสู่ ีราชวงศ์ โดยจักรพรรดขิ องโรมกม็ ีชือ เสียงทังในทางบวกและทางลบ เชน่ เนโร (Nero) ซงึ ไดช้ ือว่าเปนทรราชและทาํ ให้ ราชวงศข์ องตนสินสุดลง หรอื จัสติเนียนท1ี (Justinian I) ผ้ปู ระกาศใหศ้ าสนา ครสิ ตเ์ ปนศาสนาหลัก เปลยี นจากศาสนากรกี ทีอยมู่ ากวา่ หา้ รอ้ ยป ใน ค.ศ. 395 หลังการตายของทโี อดอซอิ สุ ท1ี (Theodosius I) จักรวรรดิได้ แบ่งแยกออกเปนอาณาจักรโรมันตะวนั ออกและตะวนั ตก อาณาจกั รตะวนั ออกมี ศนู ยก์ ลางอยู่ทไี บแซนเทียม (Byzantium) และคอนสแตนติโนเปล (Constantinople) ในเวลาต่อมา ส่วนอาณาจกั รตะวนั ตกทศี ูนย์กลางอยูท่ มี ลิ าน (Milan) และโรมไดล้ ดสถานะลงเปนเพียงแคศ่ นู ยก์ ลางทางศาสนาเท่านัน ภาพ1.8 ภาพวาดจกั รพรรดิเนโร ผสู้ ังเผากรุงโรม เขาอา้ งว่าเปนความรบั ผดิ ชอบ ของชาวครสิ ต์ ทําให้ชาวครสิ ตท์ งั หมดถูกกวาดล้างอย่างหนกั Historia Civilis เปนแชแนล Youtube ทีนําเสนอเกยี ว กับการเมอื งและสงคราม ในยคุ คลาสสิกผ่านแอนนเิ ม ชนั สีเหลยี มหลายสี https://www.youtube.com/channel/UCv_vLHiWVBh_FR9vbeuiY-A 8
อาณาจกั รไบแซนไทน์ ภาพ 1.9 อสิ ตันบลู (Istanbul) ประเทศตรุ กี ชอื ในอดตี คอื คอนสแตนตโิ นเปล ใจกลางเมอื งคือ มสั ยิดโซเฟย (Little Hagia Sophia) ทเี ปนอดีตมหาวิหารของอาณาจกั รไบแซนไทน์ ถกู เปลียน เปนมัสยดิ หลังจากไบแซนไทนเ์ สยี เมอื งให้กับออตโตมัน (Ottoman) ใน ค.ศ. 476 ชนเผ่าทางเยอรมนีไดต้ อ่ ต้านการปกครองของโรม โรมุลสุ ออกุ สตสุ (Romulus Augustus) จักรพรรดแิ หง่ อาณาจักรตะวนั ออกไม่สามารถต่อส้กู ับ ชนเผา่ ได้ ทําใหต้ ้องหนอี อกจากเมืองไป และเปนจดุ สนิ สดุ ของอาณาจกั รโรมนั ตะวนั ตก บรรดาเมอื งต่างๆ ทเี คยอย่ภู ายใตโ้ รมกลายเปนนครรฐั ทปี กครองตนเอง แต่อารยธรรมโรมนั ยงั คงอยตู่ ่อไปในอาณาจักรตะวันออก หรอื ไบแซนไทน์ (Byzantine) และยังคงอยไู่ ปตลอดยุคกลางถงึ แม้ในตอนท้ายเหลือความเปนโรมนั อยู่ เพยี งไม่กีอยา่ ง แมแ้ ตภ่ าษาละตนิ ทเี ปนภาษาหลกั ก็ถูกเปลียนเปนภาษากรกี ในรอ้ ย กว่าปตอ่ มา ภาพ1.10 ภาพโมเสกของจกั รพรรดิจสั ตเิ นียน ผ้ปู ระกาศใหศ้ าสนาครสิ ต์เปนศาสนาหลักของ อาณาจกั รโรมนั ตะวันออก และได้รบั การแตง่ ตงั เปนนกั บุญจากพระสนั ตะปาปา อนงึ โมเสกเปน หนึงในสถาปตยกรรมโรมันทีพบไดบ้ ่อยครงั ใน งานศลิ ปะปจจบุ ัน 9
บทท2ี ยุคกลาง 10
ยุคกลาง ยคุ กลางนันมีความสาํ คัญสัมพันธก์ ับอาณาจักรโรมนั ตะวันออกและตะวนั ตก โดยเรมิ ขนึ เมืออาณาจักรตะวันตกลม่ สลายใน ค.ศ. 476 และสนิ สุดลงเมอื อาณาจกั ร ตะวนั ออกลม่ สลายใน ค.ศ. 1453 ยคุ กลางเรยี กอีกอยา่ งหนงึ ว่ายคุ มืด เพราะเปนยุคทีปราศจากความเจรญิ ก้าวหนา้ ทางวิทยาศาสตรห์ รอื ศิลปะ เปนผลมาจากสงครามนบั ครงั ไม่ถว้ นและความ งมงายในศาสนา รวมไปถึงการลา่ แม่มด สงครามครูเสด ใน ค.ศ. 1095 พระสนั ตะปาปาเออรบ์ ันที 2 (Urban II) ประกาศให้ชาว ครสิ ตท์ ําสงครามกับชาวมสุ ลิมเพอื แยง่ ชงิ ดนิ แดนศกั ดิสิทธแิ หง่ เยรูซาเลม็ (Jerusalem) คืนมาจากการปกครองของมุสลิม”ตามประสงค์ของพระเจา้ ” (Deusvult) สงครามนสี นิ สดุ ลงใน ค.ศ. 1291 กินเวลาเกือบ 200 ป สงครามครูเสดแบ่งออกเปนสงครามยอ่ ยทังหมดแปดครงั นักรบครูเสด สามารถยึดเยรูซาเลม็ ได้ในสงครามครงั ที 1 ใน ค.ศ. 1099 ในสงครามครงั ที 3 ซาลา ดิน (Saladin) สุลตา่ นของชาวมุสลิมไดเ้ ขา้ ยดึ ครองเยรูซาเล็มใน ค.ศ. 1187 ชาว ครสิ ต์ก็ไมส่ ามารถยดึ เยรูซาเลม็ คืนได้เลยในสงครามอีกหา้ ครงั ตอ่ มา ภาพ2.1 ภาพวาดซาลาดิน สุลตา่ นแหง่ อยี ปิ ตแ์ ละซเี รยี เมอื เขา้ ยึดครองกรุงเยรูซาเลม็ หลังจาก บาเรยี นแหง่ ไอบรี นิ (Balian of iberin) ยอมแพใ้ นการศึกแหง่ เยรูซาเล็ม 11
การค้าในยุคกลาง ในขณะทกี ารเดินเรอื ยังไม่พัฒนา การคา้ ขายระหวา่ งยโุ รปกับเอเชียทาํ โดย การเดินทางทางบกผ่านเสน้ ทางสายไหม (Silk Road) หรอื ผ่านพอ่ คา้ คนกลางคือ ชาวอาหรบั การคา้ ขายเช่นนที ําให้เกิดการแลกเปลียนวัฒนธรรมระหว่างสองทวปี ตวั อยา่ งทีเหน็ ไดช้ ัดทสี ดุ คอื การรบั เลขฮินดู-อารบกิ มาใช้แทนเลขโรมนั ทาํ ให้ สามารถคํานวณไดง้ า่ ยขึน การแลกเปลียนวัฒนธรรมยิงงา่ ยดายขึนในสงครามครู เสด เพราะกองกําลงั ทงั สองฝายได้เดนิ ทางไปข้ามทวปี ทําใหเ้ ศรษฐกจิ ของเมืองใน ยโุ รปตะวนั ออก เชน่ คอนสแตนติโนเปล เฟองฟู ภาพ2.2 เส้นทางสายไหมทีนาํ สนิ ค้าจากเอเชยี เขา้ สูย่ ุโรปผา่ นตะวนั ออกกลาง การค้าขายนที ําให้พอ่ ค้าชาว อาหรบั ราํ รวย ส่งผลใหโ้ ลกตะวันออกกลางมคี วามเจรญิ ก้าวหน้าทางวทิ ยาศาสตรท์ ีสุดในโลกในยุคกลาง ภาพ2.3 โอมาร์ คัยยาม (Omar Khayyam) นักคณิตศาสตรแ์ ละกวชี าว อาหรบั ผู้คน้ พบสตู รสมการกําลงั สาม งาน เขียนของเขาสว่ นมากหายสาบสูญ แต่กวี นพิ นธ์อยา่ ง รุไบยาท (Rubaiyat) ทเี ปน งานเขียนปรชั ญาชินเอกของเขายงั มีตี พมิ พแ์ ละไดร้ บั การยกยอ่ งอยูใ่ นปจจบุ ัน 12
ระบบฟวดลั ระบบฟวดลั (Feudal system) เรยี กอีกอยา่ งวา่ ระบบศักดนิ าสวามภิ กั ดิ เปน ระบบทเี ปนเสาหลักทางการเมอื งของยคุ กลาง โดยแบง่ คนออกเปนชนชัน คอื กษัตรยิ ์ ขุนนาง อัศวนิ และสามญั ชน กษัตรยิ เ์ ปนผไู้ ดร้ บั เลือกจากพระเจ้า อา้ งองิ ตามคมั ภรี ไ์ บเบิล ทําใหม้ ี อาํ นาจอยู่เหนอื ความเปนตายของคนอืน ขนุ นางได้รบั ทีดินจากกษัตรยิ ์ แลกกับ การปกปองกษัตรยิ ์ใหอ้ ยใู่ นอาํ นาจ แลว้ ขนุ นางกน็ าํ ทีดนิ ไปมอบใหอ้ ัศวิน เพอื ตอบแทนทีเปนกองกาํ ลงั ของขุนนางคนนนั ๆ อัศวินนําทดี นิ ไปให้สามัยชนเช่า โดย สามญั ชนต้องจ่ายคา่ เชา่ เปนสนิ ค้าเพอื แลกมากบั ความคุ้มครองจากอศั วิน แทจ้ รงิ แลว้ ระบบฟวดัลเปนระบบทเี อาเปรยี บสามัญชนอย่างมากเพราะ สามัญชนนันแทบไมม่ ีสิทธิกาํ หนดชวี ติ ตนเอง เนืองจากไมม่ ีทดี ิน สดุ ทา้ ยก็ตอ้ ง เปลียนระบบให้ประชาชนถกู เกบ็ ภาษีโดยรฐั แตเ่ พยี งผูเ้ ดยี ว ภาพ2.4 พีระมิด ระบบฟวดลั 13
สงครามอนื ๆ ในยุคกลาง ภาพ2.5 โจนส์แหง่ อารค์ (Joan of Arc) วรี สตรชี าวฝรงั เศสในสงครามรอ้ ยป ผนู้ าํ ทพั ฝรงั เศสรบชนะทัพ อังกฤษสดุ ทา้ ยเธอถกู จบั ตวั และเผาทงั เปนด้วยข้อหาวา่ เปนแม่มด นอกจากสงครามครูเสดแลว้ ในยุคกลางยงั มีสงครามทีสําคัญอืนๆ อีก เช่น สงครามรอ้ ยป (Hundred Years’ War) (ค.ศ. 1337-1453) สงครามรอ้ ยปเปนสงครามระหวา่ งราชวงศแ์ พลนทาเจเนต (Plantagenet) ของ องั กฤษกับราชวงศ์วาลวั ร์ (Valois) ของฝรงั เศส ทังสองราชวงศ์แย่งชงิ บัลลังกข์ อง ฝรงั เศส ซึงจบลงดว้ ยชยั ชนะของราชวงศว์ าลัวร์ สงครามดอกกุหลาบ (War of the Roses) (ค.ศ. 1455-1487) สงครามดอกกหุ ลาบเปนสงครามแยง่ ชงิ บลั ลงั ก์องั กฤษของตระกูลแพลนทาเจเนต สองสาย คอื ราชวงศ์แลงคาสเตอร์ (Lancaster) และราชวงศ์ยอรก์ (York) ฝาย ยอรก์ เปนผูค้ รองบัลลังก์ในเวลาสว่ นใหญ่แตใ่ นทีสดุ แลงคาสเตอรก์ ส็ ามารถกลับมา ยดึ บัลลังก์คืนได้ เฮนรที วิ ดอร์ (Henry Tudor) สมรสกบั เอลซิ าเบทแห่งยอรก์ (Elizabeth of York) และปราบดาภเิ ษกขนึ เปนเฮนรที 7ี (Henry VII) ทําให้สินสดุ สงครามดอกกหุ ลาบและเปนจุดเรมิ ต้นของราชวงศ์ทวิ ดอร์ (Tudor) ภาพ2.6 ดอกกุหลาบสีแดง-ขาว สัญลกั ษณข์ องราชวงศท์ ิวดอรท์ เี กดิ จากการรวมกัน ของกุหลาบแดงของแลงคาสเตอร์ และกหุ ลาบขาวของยอรก์ 14
บทท3ี ยคุ ใหม่ 15
การฟนฟศู ลิ ปวทิ ยา ภาพ3.1 ภาพวาดพระกระยาหารมือสุดทา้ ย (The last Supper) ของลโี อนารโ์ ด ดา วนิ ชี (Leonardo da Vinci) ใน ค.ศ. 1498 การเรมิ ต้นของยคุ ฟนฟศู ลิ ปวิทยา (Renaissance) นันสมั พนั ธ์โดยตรงกบั การล่มสลายของกรุงคอนสแตนติโนเปล กลา่ วคือเมอื อาณาจกั รไบแซนไทน์ลม่ สลาย ปญญาชนจงึ หาสถานทที ีจะอพยพ ซึงคอื อิตาลี และนาํ ตําราและงานเขียนในยคุ คลาสสิกมาด้วย การเขา้ มาของคนกลุม่ นใี นอติ าลเี ปนการกระต้นุ ใหช้ าวอิตาลศี กึ ษา ภาษาละตนิ และกรกี เพือทจี ะมีโอกาสศกึ ษางานเขียนคลาสสกิ ยุคฟนฟศู ลิ ปวิทยาเปนจุดเรมิ ตน้ ของวฒั นธรรมยคุ ใหม่ กนิ เวลาตังแต่ครสิ ต์ ศตวรรษที 14 ถงึ 17 มกี ารเปลยี นแปลงทางวรรณกรรม วิทยาศาสตร์ ศลิ ปะศาสนา และการเมอื ง การพฒั นาจติ รกรรม และการปฏริ ูปการศึกษา ซึงการเปลยี นแปลงดงั กล่าวเกิดขนึ จากแนวคิดมนุษย์นยิ ม (Humanism) และปจเจกชนนิยม (Individualism) ศนู ย์กลางของการฟนฟศู ิลปวิทยาอยูท่ ีเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ถงึ แมว้ า่ จะมีแนวคิดมนษุ ยน์ ยิ ม แต่ในตอนต้นคนสว่ นใหญก่ ็ยังคงงมงายกบั ศาสนาอยู่ ศาสนจกั รพยายามเชือมโยงงานเขียนคลาสสิกเขา้ กับศาสนาครสิ ต์ และตัด สว่ นทีไม่ตรงกบั แนวคิดของศาสนาออกไป ภาพ3.2 ฟรานเชสโก เพตราก (Francesco Petrarch) ผไู้ ด้รบั การยกยอ่ งว่าเปนบดิ าแห่ง เรเนซองส์ เปนผรู้ เิ รมิ แนวคดิ มนุษย์นยิ มผ่าน การศกึ ษางานคลาสสิก และเรมิ เรยี กยคุ กลางว่า ยคุ มดื (Dark Age) 16
โปรเตสแตนต์ ใน ค.ศ. 1517 มารต์ ิน ลูเทอร์ (Martin Luther) ไดต้ ีพมิ พข์ อ้ ปญหา 95 ขอ้ (Ninety-Five Theses) และแปะประกาศไวห้ นา้ โบสถแ์ ห่งนักบุญทังปวง (All Saints’ Church) ทเี มืองวทิ เทนเบิรก์ (Wittenberg) ประเทศเยอรมนี เขากลา่ วหาว่า ศาสนจกั รคาทอลิกใช้ศาสนาเปนเครอื งมือในการหาผลประโยชนใ์ ห้ตนเอง เปนจดุ เรมิ ต้นของการปฏิรูปศาสนา (Reformation) มารต์ นิ ลเู ทอร์ ก่อตังนกิ ายโปรเตสแตนต์ (Protestant) โดยไม่ขึนตรงต่อพระ สนั ตะปาปา นิกายโปรเตสแตนต์ไมม่ นี ักบวช มีแต่ผู้เผยแพรศ่ าสนาและยดึ ถอื พระ คัมภีรอ์ ย่างเดียว เนอื งจากในสมยั นนั พระคัมภรี ล์ ้วนแตอ่ ย่ภู าษาละติน ทาํ ใหน้ กั บวช สามารถเปลยี นแปลงคาํ แปลไดต้ ามใจชอบ เขาจึงแปลพระคมั ภีรเ์ ปนภาษาเยอรมนี เพอื ใหท้ กุ คนสามารถเข้าหาเนอื หาได้ นกิ ายโปรเตสแตนต์เจรญิ เตบิ โตเรอื ยมาแม้ ลูเทอร์ จะเสียชีวิตใน ค.ศ. 1546 ผา่ นไปราว 70 ป จกั รพรรดิเฟอรด์ ินานท์ที 2 (Ferdinand II) แห่งจักรวรรดโิ รมันอนั ศกั ดสิ ทิ ธิ (Holy Roman Empire) ขนึ ครองราชยใ์ น ค.ศ. 1618 และบงั คับให้ ประชาชนทกุ คนเปลยี นศาสนาเปนโรมันคาทอลิก ทําให้เกดิ ความขดั แย้งและลุกลาม เปนสงครามศาสนาทังยุโรป เรยี กวา่ สงครามสามสบิ ป (Thirty Years’ War) สงคราม เปลยี นความขดั แยง้ ด้านศาสนาเปนการเมือง และจบลงดว้ ยสนธสิ ญั ญาสันตภิ าพ เวสต์ฟาเลยี (Peace of Westphalia) ใน ค.ศ. 1648 ทมี ีการแบ่งเขตแดนของประเทศ ในยุโรปอยา่ งชัดเจน และเปนจุดเรมิ ต้นของยุคทองของฮอลแลนด์ ภาพ3.3 ความนา่ สลดของสงคราม (Les Grandes Miseres de la guerre) โดยแจก็ ส์ แคลล็อต์ (Jacques Callot) ทวี าดในสงครามสามสิบป มีแนวคดิ มนุษยน์ ยิ มตามแบบเรเนอซองส์ปนอยู่ด้วย 17
ยุคแห่งการสาํ รวจ ยคุ แหง่ การสํารวจ (Age of Discovery) เปนยุคสมยั ทีชาวยุโรปออกเดนิ ทาง ไปสํารวจทวีปอืนของโลกผ่านการเดินเรอื ในยคุ กลาง ชาวยโุ รปนันรูจ้ กั แต่เพยี งดนิ แดนในแอฟโฟร-ยูเรเชยี (Afro-Eurasia) หรอื ทีเรยี กกันว่า โลกเก่า (Old World) สมยั นีเรมิ ต้นขึนในครสิ ต์ศตวรรษที 15 จากความตอ้ งการของอาณาจักรสเปนและ โปรตุเกสในการหาเส้นทางทางเรอื จากยุโรปไปยงั อนิ เดยี เพอื ทีจะไมต่ ้องเสียประโยชน์ จากพ่อค้าคนกลาง คอื ชาวอาหรบั ในขณะนัน ชาวยโุ รปยังไม่ทราบเกียวกับทวีปอเมรกิ าและโอเชียเนีย คนกลุ่ม หนงึ ทเี ชอื ว่าโลกกลมจึงคดิ ว่าจะสามารถเดินทางไปอนิ เดียในทิศตะวนั ตกด้วยวธิ ีทสี ัน กวา่ ได้ และครสิ โตเฟอร์ โคลมั บัส (Christopher Columbus) กม็ คี วามเชอื เช่นนนั เขา ออกเดนิ ทางไปทางตะวันตกด้วยการสนับสนุนของราชินสี เปน และคน้ พบดินแดนที เขาเชือวา่ เปนอนิ เดยี ใน ค.ศ. 1492 แท้จรงิ แล้ว ดินแดนนนั คอื แหลมบาฮามาสในทวีป อเมรกิ าเหนือ นอกจากนี เขายงั เรยี กชนพนื เมอื งทพี บวา่ ชาวอินเดียน (Indian) ดว้ ย ความเขา้ ใจผิด ซงึ ยงั ปนชือทีใชเ้ รยี กชนพนื เมืองอเมรกิ าอยใู่ นปจจุบนั วาสโก ดากามา (Vasco da Gama) เปนชาวยโุ ณปคนแรกทคี น้ พบเส้นทางเดิน เรอื จากยโุ รปไปอินเดียใน ค.ศ. 1498 เขาออกเดินทางจากโปรตุเกส ผ่านทวีป แอฟรกิ าตอนล่าง และมหาสมทุ รอินเดยี การคน้ พบนนั ทําใหช้ าวโปรตุเกสไดร้ บั ผล ประโยชนอ์ ย่างมากจากการขายเครอื งเทศทนี าํ เขา้ มาจากอนิ เดยี ใหช้ าตยิ โุ รปอืนการ คน้ พบเส้นทางไปยังอินเดียและอเมรกิ าทาํ ใหท้ ังสเปนและโปรตุเกสเปนมหาอาํ นาจจาก ทรพั ย์สมบัติในดินแดนนันๆ ภาพ3.4 ภาพวาดวาสโก ดากามา (Vasco da Gama) หัวหน้ากองเรอื สเปนทคี น้ พบเสน้ ทางไปอินเดยี เขา ราํ รวยจากการค้าขายเครอื งเทศที ซือมาจากชนพืนเมอื งอินเดยี 18
การปฏวิ ัตฝิ รงั เศส ชาวฝรงั เศสในทศวรรษที 1780 ไมพ่ อใจกษัตรยิ ห์ ลยุ ส์ที 16 (Louis XVI) และขนุ นางเนืองจากพวกเขาถกู ขูดรดี ผ่านการเกบ็ ภาษีทมี ากและซาํ ซ้อนฝรงั เศสได้ สนับสนุนสหรฐั อเมรกิ าในสงครามประกาศอสิ รภาพ (Independence War) เมือ ทศวรรษก่อน ประกอบกับเศรษฐกิจในขณะนันตกตํา ทําให้รฐั บาลต้องเกบ็ ภาษีมาก แตร่ ฐั บาลเลอื กเก็บภาษีกับสามญั ชน แตไ่ ม่เกบ็ กบั ขุนนางและนกั บวช ทําใหป้ ระชาชน โกรธแคน้ และการปฏิวัติไมอ่ าจหลีกเลยี งได้ หลุยสห์ วาดกลัวว่าสมาชิกสภาแห่งชาติ (National Assembly) ทีสามญั ชนตัง ขึนมากนั เองจะก่อการปฏิวัติ จงึ เรยี กทหารจากชายแดนกลบั เข้ากรุงปารสี สมาชกิ สภากห็ วาดกลัวว่าหลุยส์จะนาํ กําลงั ทหารมาจบั พวกตน จึงก่อการปฏวิ ตั ขิ นึ ใน ค.ศ. 1789 การทลายคกุ บาสตีย์ (Fall of Bastille) ในวนั ที 14 กรกฎาคม ถูกนับวา่ เปนจดุ เรมิ ต้นของการปฏิวัตฝิ รงั เศส หลุยสถ์ ูกกักขงั ไวใ้ นพระราชวงั หลุยส์พยายามหนไี ปยงั ออสเตรยี บา้ นเกดิ ของคู่สมรส มารี อ็องตวั เน็ต (Marie Antoinette) แต่ถกู จบั ไดบ้ รเิ วณชายแดนและสง่ ตวั กลับ ออสเตรยี ขู่ว่าจะ รุกรานฝรงั เศสหากหลยุ สถ์ กู ประหาร ฝรงั เศสจงึ รุกรานออสเตรยี และประหารหลุยส์ ใน ค.ศ. 1792 ดว้ ยกิโยติน ชนชนั ขุนนางและนกั บวชนบั หมืนถกู ประหารในสมยั แหง่ ความน่าสะพรงึ กลัว (Reign of Terror) สมัยนีจบลงใน ค.ศ. 1794 เมอื มักซีมีเลยี ง รอแบส็ ปแยร์ (Maximilian Robespierre) ผูน้ าํ เผด็จการ ถกู ประหาร นโปเลยี น โบนา ปารต์ (Napoleon Bonaparte) ทาํ การรฐั ประหารใน ค.ศ. 1799 ภาพ3.5 ภาพวาดการประหารชีวติ หลุยสท์ ี 16 ดว้ ยกโิ ยติน อนึง การประหารชีวติ ด้วยกิโยตินก็เปนหนงึ ใน สัญลักษณข์ องความเสมอภาค เปนความเสมอภาคในรูปแบบการตายทีคนทกุ ชนชนั ได้รบั เหมือนกนั อยา่ งไม่ ทรมาน ในอดีต โดยทัวไป ชนชันสูงจะถกู ประหารดว้ ยการตดั หวั แตช่ นชนั ล่างจะถูกแขวนคอ 19
การล่าอาณานิคมขององั กฤษ อังกฤษเรมิ การล่าอาณานิคมใน ค.ศ. 1607 แต่ในขณะนันการล่าอาณานิคมไม่ ไดเ้ ปนไปเพือทรพั ยากร แตเ่ ปนไปเพือการเนรเทศอาชญากรในประเทศออกไปและหา ทาส อาณานิคมแห่งแรกขององั กฤษอยู่ทเี จมสท์ าวน์ (Jamestown) สหรฐั อเมรกิ า และ เรมิ ยึดครองดนิ แดนอเมรกิ าจากคนอินเดยี แดง ทําให้คนพืนเมอื งตอ้ งอพยพไปทาง ตะวันตกของอเมรกิ า อังกฤษเรมิ ตงั อาณานคิ มในแอฟรกิ าใน ค.ศ. 1624 เพือนาํ ทาสไปขายใน อังกฤษและอเมรกิ าใน ค.ศ. 1707 องั กฤษผนวกกบั สกอตแลนดก์ ลายเปนอาณาจักร บรติ ิช (British Empire) บรษิ ัทอีสตอ์ ินเดยี (East India Company) เปนบรษิ ัททที าํ การคา้ ขายกบั ประเทศในภมู ภิ าคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ไดร้ บั การ อนุญาตจากรฐั บาลองั กฤษให้มีกองกาํ ลงั เปนของตนเองได้ ซึงบรษิ ัทกใ็ ช้กองกาํ ลังเขา้ ยึดอนิ เดียเปนอาณานิคมใน ค.ศ. 1757 และทาํ ให้อนิ เดยี กลายเปนแหลง่ ทรพั ยากรที สาํ คญั ตอ่ บรเิ ตนใน ค.ศ. 1770 บรเิ ตนเขา้ ยึดครองออสเตรเลยี การลา่ อาณานิคมของบรเิ ตนมาถึงจุดสงู สุดในรชั สมัยของพระนางวคิ ตอเรยี (Victoria) เรยี กว่า ยคุ วิคตอเรยี น (Victorian era) ในขณะนนั จักรวรรดคิ รอบครอง พนื ทแี ละประชากรหนึงในสีของโลก และรบชนะมหาอํานาจในยุคเก่าอย่างจีนใน สงครามฝน จงึ ไดร้ บั ฉายาว่า จักรวรรดทิ ดี วงอาทิตยไ์ ม่เคยตกดิน (The empire on which the sun never sets) ภาพ3.6 แผนทีจักรวรรดบิ รติ ชิ ในจดุ สูงสดุ สมยั พระราชนิ นี าถวิคตอเรยี 20
การลา่ อาณานิคมของชาตยิ โุ รปอนื นอกจากอังกฤษแล้ว ชาติยุโรปอนื ก็มีการลา่ อาณานคิ มในเอเชียแอฟรกิ า อเมรกิ าเหนือ และอเมรกิ าใต้ด้วย แตไ่ ม่มชี าตไิ หนทมี อี าณานคิ มขนาดเทียบเทา่ หรอื ใกลเ้ คยี งกับจักรวรรดิบรติ ิช ประเทศทีมีอาณานคิ มขนาดใหญ่ ไดแ้ ก่ฝรงั เศส สเปน โปรตเุ กส และฮอลแลนด์ ผรงั เศส จดุ สงู สดุ ของจกั รวรรดฝิ รงั เศสอย่ใู นยคุ นโปเลียน ใน ค.ศ. 1812 จกั รวรรดฝิ รงั เศสปกครองคนกว่า 90 ล้านคน ดินแดน 130 ดินแดน สเปน จุดสงู สุดของจักรวรรดิสเปนอยใู่ นศตวรรษที 16-18 เคยไดร้ บั ฉายาเชน่ เดียวกบั อังกฤษว่า จักรวรรดิทดี วงอาทิตย์ไมเ่ คยตกดนิ โปรตเุ กส จุดสูงสุดของจกั รวรรดิโปรตเุ กสอยู่ในตน้ ศตวรรษที 17 ทีได้ครอบครอง บราซลิ และดนิ แดนส่วนใหญใ่ นอเมรกิ าใต้ ฮอลแลนด์ จดุ สงู สุดของการลา่ อาณานิคมของชาวดัตซอ์ ยใู่ นต้นศตวรรษที 17 ทีได้ ครอบครองบราซลิ และดนิ แดนทีเปนท่าการคา้ ภาพ3.7 จุดสูงสุดของฝรงั เศส (ซา้ ยบน) สเปน (ขวาบน) โปรตเุ กส (ซา้ ยล่าง) และฮอลแลนด์ (ขวาลา่ ง) 21
การปฏิวัติอุตสาหกรรม ภาพ3.8 ภาพเครอื งจักรไอนาํ ของเจมส์ วัตต์ ทที าํ งานโดยเปลียนพลงั งานความรอ้ นเปน พลังงานกลให้เครอื งจักรอนื ๆ ในชว่ ง ค.ศ. 1763-1775 เจมส์ วตั ต์ (James Watt) ได้คิดคน้ เครอื งจักรไอนํา (Steam engine) ซึงเปนเครอื งจักรกลทีตอ่ มาใชใ้ นงานอุตสาหกรรม และเปนตัว กระต้นุ ใหม้ กี ารเปดโรงงานอุตสาหกรรมทีเรมิ มาตังแต่ ค.ศ. 1760 องั กฤษเปนชาติ แรกทีเข้าสู่การปฏวิ ัติอุตสาหกรรม มกี ารตงั โรงงานขนึ มากมาย และชาวชนบทอพยพ เขา้ สเู่ มืองใหญ่ การปฏิวัตอิ ตุ สาหกรรมทาํ ใหอ้ ังกฤษสามารถผลติ สินค้าได้มาก เปน มหาอาํ นาจทางดา้ นเศรษฐกจิ และการทหารของโลก จากเดิมทตี าํ แหนง่ เปนของสเปน จากความสามารถในการเดนิ เรอื และกองทพั เรอื อยา่ งไรกด็ ี องั กฤษไม่มที รพั ยากรเพียงพอในประเทศทีจะผลติ สนิ คา้ ได้ตาม ความต้องการ ทาํ ใหต้ อ้ งซอื ทรพั ยากรจากประเทศอืนด้วยราคาสูง อังกฤษต้องการ แหล่งทรพั ยากรทีราคาตําและมมี าก จงึ เปนตัวกระตนุ้ การล่าอาณานคิ มเพือหาแหล่ง ทรพั ยากรมาใชใ้ นงานอตุ สาหกรรม 22
สงครามโลกครงั ที 1 ในชว่ งตน้ ศตวรรษที 20 ชาตยิ ุโรปมีความขดั แยง้ กนั สูง สงครามเปนสงิ ทไี มอ่ าจ หลกี เลยี งได้ ขาดเพยี งแต่ ชนวนเทา่ นัน ชนวนนันคอื การลอบสงั หารอารค์ ดยกุ ฟ รานซ์ เฟอรด์ ินานด์ (Archduke Franz Ferdinand) รชั ทายาทแห่ง ออสเตรยี และพระชายา ใน ค.ศ. 1914 ออสเตรยี อ้างวา่ เซอรเ์ บยี อยู่เบืองหลังการตาย ของรชั ทายาท จงึ ประกาศ สงครามกบั เซอรเ์ บีย พนั ธมติ รและศัตรูของทงั สองชาติก็พากันประกาศสงครามกับอีกฝาย จนกลายเปน สงครามโลกทีมใี จกลางทยี โุ รป พันธมิตรของออสเตรยี รวมตวั กนั เปนฝายอกั ษะ ประกอบไปดว้ ย ออสเตรยี ฮังการี เยอรมนี ออตโตมนั และบัลแกเรยี ส่วนฝายต่อต้านออสเตรยี รวมตัวกันเปน ฝายสัมพนั ธมิตร นําโดยองั กฤษ ฝรงั เศส และรสั เซยี ฝรงั เศสเปนสถานทีทีการรบ สว่ นใหญเ่ กิดขึน คนประมาณ 20 ลา้ นคนสูญเสียชวี ติ ใหก้ บั สงครามโลกครงั ที 1 จึง ทาํ ให้สงครามนไี ดช้ ือวา่ สงครามทีจะยุติสงครามทังหมด (The War to end all Wars) อยา่ งไรก็ตาม คาํ กลา่ วนีไมเ่ ปนจรงิ ใน ค.ศ. 1918 องั กฤษยึดเรอื เยอรมนที สี ง่ สารไปยังเม็กซโิ กได้ และนาํ สารไป มอบให้สหรฐั อเมรกิ า ฝายอกั ษะขอใหเ้ มก็ ซโิ กโจมตอี เมรกิ า เพราะกลวั วา่ อเมรกิ าจะ เขา้ รว่ มกบั ฝายสมั พนั ธมิตร อเมรกิ าจงึ เขา้ รว่ มกบั ฝายสนั พนั ธมิตรและส่งทหารมายงั ยุโรป ทาํ ให้ฝายอักษะประกาศยอมแพ้ในปเดียวกนั ผลจากสงครามนีคือการลม่ สลาย ของอาณาจกั รออตโตมนั การปฏิวัตริ สั เซยี การกดขีเยอรมนี และทําให้อเมรกิ าขึน แทนทอี งั กฤษในการเปนมหาอํานาจโลกจากการคา้ อาวุธสงคราม 23
การปฏวิ ัตริ สั เซยี ในชว่ งสงครามโลกครงั ที 1 รสั เซียประสบปญหาข้าวยากหมากแพงนอกจาก รฐั บาลรสั เซียจะไม่สนใจประชาชนแลว้ ยังเกณฑท์ หารไปรบในยโุ รปตะวันตกอกี ดว้ ย ซารน์ โิ คลสั ที 2 (Nicholas II) และพระมเหสถี กู รสั ปตู ิน (Rasputin) พ่อมดเกลีย กล่อมใหค้ ิดว่าสถานการณ์เปนปกติ นอกจากนี นิโคลสั ยังสังประหารนกั การเมอื งที เรยี กรอ้ งสิทธแิ รงงานอกี นับพันคน ประชาชนตา่ งโกรธแคน้ และเฝารอการปฏวิ ตั ิ การปฏวิ ัติเรมิ ตน้ ขนึ เมอื แรงงานทีทาํ งานในเปโตรกราด (Petrograd:ปจจบุ ัน St. Petersburg) ออกมาประทว้ งในเดือนกุมภาพนั ธ์ ค.ศ. 1917 นโิ คลัสในขณะนัน กําลังอย่ใู นแนวหน้าของสงคราม จงึ รบี เดินทางกับเปโตรกราดและถกู คุมขังไวใ้ น พระราชวัง คณะปฏิวตั ิ นาํ โดยวลาดเิ มยี ร์ เลนนิ (Vladimir Lenin) ทาํ การรฐั ประหาร และปลดซารแ์ ละซารนี าออกจากตําแหน่งในเดือนมนี าคม ดมู า่ (Duma) รฐั สภาทซี าร์ ตังใจตงั ขึนมาเพือเปนห่นุ เชดิ มอี าํ นาจมากกว่าเขาเอง รสั เซยี จาํ เปนต้องถอนตวั จากฝายสมั พันธมติ ร เนอื งจากทหารปฏิเสธการสู้ รบและเข้ารว่ มกบั ประชาชนในการปฏวิ ตั ิรสั เซีย ในทสี ดุ นโิ คลัส ภรรยา และลกู 4 คน ถกู ประหารชีวิตอิปาเทียฟ (Ipatiev) ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1918 เลนิน หัวหนา้ พรรคบอลเชวิก (Bolshevik Party) เปนผู้นาํ ของรสั เซีย รสั เซียเปลยี นระบบการ ปกครองเปนคอมมิวนิสต์ เลนินเสียชวี ิตใน ค.ศ. 1924 ทําให้เกดิ การแยง่ ชงิ อาํ นาจใน พรรคระหว่างโจเซฟ สลาติน (Joseph Stalin) กับลอี อน ทรอตสกี (Leon Trotsky) ทสี ตาลนิ เปนฝายชนะ ทําให้เขาได้เปนผูน้ าํ ของรสั เซยี เปนเวลาราว 30 ป ภาพ3.9 เลนินกล่าว ปราศรยั กบั แรงงานทีมา ชุมนุมในเปโตรการดใน ชว่ งปฏวิ ตั ริ สั เซีย 24
สงครามโลกครงั ที 2 ภาพ3.10 ภาพซากปรกั หักพังของโรง ละครจากแรงระเบิดปรมาณทู ที งิ ลง มายังเมืองฮิโรชมิ า สง่ ผลใหม้ ผี เู้ สยี ชวี ติ กวา่ 70,000 คน อีก 70,000 คนได้รบั บาดเจ็บ และในเวลาต่อมาหลายพันคน เสยี ชีวติ จากรงั สี เยอรมนีแพส้ งครามโลกครงั ที 1 และลงสนามในสนธสิ ญั ญาแวรซ์ าย (Treaty of Versaille) ทีจํากดั กาํ ลงั ทหารและสิทธขิ องรฐั บาล เยอรมนีในชว่ ง ค.ศ. 1920 ต้องประสบกับความตกตําทงั ทางเศรษฐกจิ และการเมอื ง อดอลฟ์ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ชนะการเลือกตงั ใน ค.ศ. 1933 จากการกาํ จัดคแู่ ขง่ ทางการเมอื ง เขาดําเนนิ นโยบายกวาดลา้ งชาวยิว ผ่านโฆษณาชวนเชอื (Propaganda) วา่ ชาวอารยนั เปนชาติ ทสี ูงส่งทสี ดุ และชาวยวิ เปนชนชาติทสี กปรกและตําต้อย นโยบายฟาสซสิ ต์ (Fascist) ดังกลา่ ว ประกอบกับการแอบตงั กาํ ลงั ทหารอยา่ งลบั ๆ ทําให้ในชว่ งปลาย ค.ศ.1930 เยอรมนกี ลับมาเปนมหาอาํ นาจของยโุ รปอีกครงั เยอรมนีบุกรุกโปแลนดใ์ นวนั ที 1 กันยายน ค.ศ. 1939 และโปแลนดก์ ็ยอม จาํ นนไมน่ านหลังจากนนั องั กฤษประกาศสงครามกับเยอรมนีจากเหตุการณด์ ังกล่าว รสั เซยี สนบั สนนุ เยอรมนีเพราะรสั เซยี ไดร้ บั ผลประโยชนจ์ ากการแบ่งดินแดนโปแลนด์ ดว้ ย ใน ค.ศ. 1940 เยอรมนบี ุกฝรงั เศสและยดึ กรุงปารสี ได้ในเวลาเพยี ง 16 วัน ใน ค.ศ. 1941 เยอรมนีบกุ รสั เซยี แตไ่ มส่ ําเรจ็ ทาํ ใหร้ สั เซยี ไปเขา้ รว่ มฝายสมั พนั ธมติ ร เยอรมนเี ปนพันธมิตรกบั อติ าลแี ละญปี นุ ทีมีแนวคดิ ฟาสซสิ ต์เหมอื นกันโดยอติ าลเี ขา้ ยดึ ครองดินแดนในแอฟรกิ าและตะวนั ออกกลาง ส่วนญปี นุ ยดึ ครองดินแดนในเอเชีย ตะวนั ออก เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ และโอเชยี เนีย สหรฐั อเมรกิ าเขา้ รว่ มฝาย สัมพนั ธมิตรจากเหตุการณท์ เี พิรล์ ฮารเ์ บอร์ (Pearl Harbor) เยอรมนีถดถอยลงเปนลําดบั หลงั จากแพร้ สั เซีย เชน่ เดียวกบั อติ าลที แี พใ้ ห้กับ อังกฤษในแอฟรกิ า ทงั สองชาตยิ อมแพ้สงคราม ญปี นุ เปนชาติอักษะชาตสิ ดุ ทา้ ยที ยอมแพ้ หลงั จากอเมรกิ าทงิ ระเบดิ นวิ เคลยี รท์ ฮี โิ รชิมา่ และนางาซากิ สงครามโลกครงั ที 2 สินสดุ ลงในวันที 2 กันยายน ค.ศ. 1945 เมอื จักรพรรดิญปี นุ ประกาศยอมแพ้ 25
สงครามเยน็ ผลจากสงครามโลกครงั ที 2 ทําให้สหรฐั อเมรกิ าและสหภาพโซเวยี ตเปน มหาอาํ นาจของโลก เยอรมนีถูกแบ่งออกเปน 2 สว่ น คอื เยอรมนีตะวนั ออกและ เยอรมนตี ะวนั ตก เยอรมนีตะวันออกอยู่ใต้อํานาจของรสั เซีย ปกครองดว้ ยระบอบ คอมมวิ นิสต์ ส่วนเยอรมนีตะวันตกอยใู่ ตอ้ าํ นาจของสหรฐั อเมรกิ า ปกครองดว้ ย ระบอบประชาธิปไตย กรุงเบอรล์ ินตงั อย่ใู นเยอรมนีตะวนั ออก แต่ถูกแบ่งเปนสอง ส่วนเชนกนั เยอรมนีตะวนั ตกเจรญิ กวา่ เยอรมนตี ะวันออกมาก ทําให้คนฝงตะวัน ออกพากนั อพยพไปยงั ตะวันตก โซเวยี ตไมพ่ อใจ จึงสรา้ งกาํ แพงทีชายแดนและใน เบอรล์ นิ ใน ค.ศ. 1961 ความขดั แย้งในเยอรมนีกลายเปนความขัดแยง้ ของโลกใน เวลาต่อมา สหรฐั อเมรกิ าพยายามเผยแพรแ่ นวคิดเสรนี ยิ ม ส่วนสหภาพโซเวียตพยายาม เผยแพรแ่ นวคิดสงั คมนยิ ม ทงั สองชาติตระหนกั ถึงความเสียหายทีจะเกดิ ขึนจาก อาวุธนวิ เคลียรห์ ากรบกนั โดยตรง จงึ เกดิ สงครามตวั แทนขนึ ในประเทศอืนๆ มีบาง ส่วนทเี กิดขึนในทวปี ยโุ รป เชน่ สงครามกลางเมืองกรซี (Greek Civil War) ใน ค.ศ. 1946-1949 หรอื วิกฤตฟารณ์เบอรล์ ิน (Berlin Crisis) ใน ค.ศ. 1961 ทังอเมรกิ าและโซเวียตมพี นั ธมิตรทัวโลก พันธมติ รของอเมรกิ าและฝาย เสรนี ิยมรวมตัวกันเปนองค์การสนธสิ ัญญาแอตแลนติกเหนือ หรอื นาโต้ (NATO) ที ให้ความคุ้มครองกบั ชาติเล็กๆ ทเี สียงถกู โซเวยี ตผนวกเข้า โดยเฉพาะในยุโรปกลาง เช่น ออสเตรยี ฮงั การี สงครามเย็นจบลงเมอื สหภาพโซเวยี ตแยกตัวออกเปนประเทศย่อยๆ ใน ค.ศ. 1991 แต่ผลจากสงครามเย็นยงั คงอยมู่ าจนถงึ ปจจบุ นั ภาพ3.11 แผนทนี าโต้ (ฟา) และวอรซ์ อร์ (แดง) ในยโุ รป ช่วงทศวรรษที 1980 26
บทท4ี ยุโรปในศตวรรษที21 27
ภาพรวมยุโรปในศตวรรษที 21 ปจจุบนั ประเทศในยุโรปสว่ นมากเปนประเทศทีพฒั นาแลว้ และมสี ่วนน้อยที กาํ ลังพฒั นา เมอื งทใี หญ่ทีสุดในยโุ รปคืออิสตันบูล (Istanbul) ในตุรกี ซงึ เปนเมืองที ใหญท่ สี ดุ ในยุคกลางด้วยเชน่ กนั คุณภาพชีวิตโดยรวมของชาวยโุ รปตะวันตกดีกวา่ ชาวยุโรปตะวนั ออก เปนผลมาจากสงครามเยน็ อย่างไรกต็ าม คณุ ภาพชีวติ ของชาว ยโุ รปโดยทวั ไปถอื วา่ ดกี วา่ คนในทวีปอืนๆ มาก ภาพ4.1 (บน) กรุงปารสี ประเทศฝรงั เศส ภาพ4.2 (ล่างซ้าย) กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ ภาพ4.3 (ล่างขวา) กรุงเบอรล์ ิน ประเทศ เยอรมนี 28
สหภาพยุโรป สหภาพยุโรป (European Union) กอ่ ตังขนึ ใน ค.ศ. 1993 โดยมี วตั ถปุ ระสงคเ์ พอื พฒั นาความรว่ มมอื ทางด้านเศรษฐกจิ และการเมอื งของประเทศใน ยุโรป สมาชิกจะได้รบั ผลประโยชนต์ า่ งๆ เช่น การยกเว้นกําแพงภาษี อํานาจตอ่ รองใน ประชาคมโลก ปจจบุ ัน สหภาพยุโรปมสี มาชกิ 27 ประเทศ เชน่ เยอรมนี ฝรงั เศส อิตาลี สเปน เนเธอรแ์ ลนด์ มีบางประเทศทีอย่ใู นยโุ รปแตไ่ ม่อย่ใู นสหภาพยโุ รป เช่น สหราชอาณาจักร รสั เซีย สวิสเซอรแ์ ลนด์ โดยประเทศเหล่านมี ักไดร้ บั สทิ ธพิ ิเศษ ทางการคา้ กบั สหภาพยุโรปบางส่วนแตไ่ มท่ งั หมด สหภาพยุโรปมีสภาทีออกกฎหมายบังคบั ใชใ้ นทกุ ประเทศสมาชิก มีองคก์ ร ตํารวจระหว่างประเทศ และมอี าํ นาจในการเจรจาทางทตู ในฐานะทุกชาติสมาชกิ รวม ไปถงึ การใช้เงินสกลุ เดยี วกัน คือ ยูโร (Euro) สหภาพยุโรปทําใหช้ าตยิ ุโรปยังมี บทบาทสําคญั ในโลกแมจ้ ะมีมหาอาํ นาจอนื เช่น สหรฐั อเมรกิ า จีน รสั เซยี จดี พี ี (GDP) ของสหภาพยโุ รปเปนรอ้ ยละ 16.28 ของโลก (ค.ศ. 2018) หากนบั เปน ประเทศจะเปนอันดบั สามของโลก อย่างไรก็ตาม อํานาจของสหภาพยุโรปในเรอื งการเมืองภายในกท็ ําให้บางชาติ ไมพ่ อใจ เชน่ สหราชอาณาจักร ทีถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ใน ค.ศ. 2020 แตโ่ ดยรวม การมีอย่ขู องสหภาพยโุ รปนนั ให้ประโยชน์มากกวา่ โทษกับสมาชิก และเหตุการณเ์ บรก็ ซิตกถ็ ูกมองจากต่างชาติว่าเกิดขึนเพยี งเพราะการเคลอื นไหว ทางการเมืองของพรรคอนรุ กั ษ์นิยมเทา่ นนั ภาพ4.4 สภาสหภาพยุโรป (EU Parliament) เปนฝาย นติ บิ ัญญัติของสหภาพยุโรป สมาชกิ สภาได้รบั การเลือกตงั มาจากประชาชนในประเทศ ตนเอง ภาพ4.5 ธงสหภาพยโุ รป โดยจํานวนดาวไมเ่ กยี วข้องกบั จํานวนประเทศ 29
บทท5ี พัฒนาการดา้ นเศรษฐกจิ 30
เศรษฐกจิ ยุคกลาง ในยุคกลาง เศรษฐกจิ ในยโุ รปเปนแบบแมเนอร์ (Manor) โดยทีขุนนางให้ ราษฎรเช่าทีดิน และรบั ราย ได้เปนค่าเช่าจากผลผลิต เศรษฐกจิ แบบนีเปนผลมา จากระบบฟวดลั ทเี ปนการ ให้ทีดนิ ตอ่ กันเปนทอดๆ ของแตล่ ะชนชนั ในสังคม ขุนนางจะนาํ ผลผลติ ทีเก็บได้ ไปขายยังแมเนอรอ์ ืน ซึงส่วน มากเปนสินคา้ เกษตร ทําให้ ขนุ นางทีมีทดี นิ มากและมี ทีดินเหมาะกบั การเพาะปลูก มีเงนิ และมีอาํ นาจมาก ภาพ5.1 สว่ นประกอบตา่ งๆ ในแมเนอรย์ ุคกลาง เช่น ปราสาท หมูบ่ ้าน โรงสี ทีนา คอกสัตว์ เศรษฐกิจยคุ ใหม่ เศรษฐกิจในยุคกลางนนั ปราศจากความเจรญิ เพราะขาดทรพั ยากรและ ทรพั ยากรสว่ นมากหมดไปกบั สงคราม ปญหานีไดห้ มดไปเมือเข้าส่สู มยั แห่งการ สาํ รวจเพราะชาวยโุ รปคน้ พบดินแดนใหมท่ ีมีทรพั ยากรมากกว่า และการเมืองมี ความมันคงมากขึน ทําใหก้ ารคา้ ขายเจรญิ รุง่ เรอื ง ภาพ5.2 ทองคํา แรท่ ีพบมากในแอฟรกิ า ทําใหช้ าติทีมี อํานาจในแอฟรกิ า เชน่ ฝรงั เศส ราํ รวย 31
พาณิชยนยิ ม พาณชิ ยนยิ ม (Mercantilism) เปนระบบเศรษฐกิจทเี ปนผลมาจากการลา่ อาณานิคมและการรวมอํานาจเขา้ สูศ่ นู ยก์ ลาง โดยรฐั บาลเรมิ ใช้นโยบายภาษีเขา้ ควบคุมการนาํ เขา้ และสง่ ออก ลดการนําเข้าและเพมิ การสง่ ออกเพอื ความได้เปรยี บ ทางการคา้ ตัวอย่างทีเหน็ ได้ชัดทสี ดุ คือสงครามฝน ทีรฐั บาลองั กฤษต้องการลดความ เสยี เปรยี บดลุ การค้ากับจนี จีนไดเ้ ปรยี บจากการสง่ ออกชาไปยงั องั กฤษ อังกฤษจงึ ส่ง ฝนไปขายทจี นี แต่จนี ประกาศให้ฝนผดิ กฎหมาย ทาํ ให้เกิดสงครามในท้ายทสี ดุ ทุนนยิ ม ทุนนยิ ม (Capitalism) เปนระบบเศรษฐกจิ ทใี หค้ วามสําคัญกับการคา้ เสรี (Free Market) โดยลดบทบาททางการผลิตของรฐั บาล เพือเพมิ ให้กบั เอกชนระบบนี ถกู วิจารณ์ว่าทาํ ใหค้ วามเหลือมลําทางสังคมสูง เพราะคนรวยรวยขึน สว่ นคนจนก็จน ลง อยา่ งไรก็ตาม ระบบนีกระตุ้นให้เกิดการสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมใหมๆ่ เพอื ผล ประโยชน์ทางการค้า และนวตั กรรมนนั ก็พัฒนาคุณภาพชีวติ ของทกุ คน ประเทศทีใช้ ระบบนีในยุโรปมหี ลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจกั ร เยอรมนี ฝรงั เศส ภาพ5.3 พีระมิดแหง่ ระบบทนุ นยิ ม (\"Pyramid of Capitalist System\") การต์ นู ลอ้ เลยี น ระบบทุนนิยม แสดงถงึ ความไมเ่ ทา่ เทียมมางสังคม ทีนักการเมอื ง นักบวช ทหาร และคนรวย กดขแี รงงานคนจน 32
สงั คมนยิ ม ระบบเศรษฐกจิ สังคมนยิ ม (Socialism) มรี ากฐานมาจากแนวคิดของ คอมมิวนิสต์ (Communism) ของคารล์ มากรซ์ (Carl Marx) เปนระบบทเี นน้ ความ เทา่ เทยี มกันของคนทุกชนชัน ผา่ นการเพิมอํานาจรฐั ทแี ลกมากับรฐั สวัสดิการของ ประชาชนทกุ คน ถึงแมร้ ะบบจะมีรากฐานมาจากแนวคดิ คอมมวิ นิสต์ แตก่ ม็ ปี ระเทศ ประชาธปิ ไตยหลายประเทศทนี ําไปใช้ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย คอื สวีเดน นอรเ์ วย์ เดนมารก์ ฟนแลนด์ ทีเก็บภาษีสงู และลดการแขง่ ขนั ทางการค้า แต่ สรา้ งรฐั สวสั ดกิ ารใหก้ ับประชาชน ประเทศเหลา่ นีประสบความสาํ เรจ็ ในการพฒั นา คณุ ภาพชีวติ ของประชาชนผ่านนโยบายสังคมนยิ ม อย่างไรกต็ าม ยังมีหลายประเทศทไี ม่ประสบความสําเรจ็ กับระบบสงั คมนยิ ม ในยุโรป เชน่ ประเทศทแี ยกตวั ออกจากสหภาพโซเวียต เช่น ยเู ครน โครเอเชีย หรอื แม้ กระทังรสั เซียในศตวรรษที 20 เพราะระบบนเี ปนระบบทีง่ายแก่การคอรร์ ปั ชันของ รฐั บาลมาก ภาพ5.4 (ซ้าย) เมอื งสตอ็ กโฮล์ม ประเทศสวเี ดน ไดร้ บั การยกย่องว่าเปนหนึงในเมืองทีมกี าร จัดการดีทสี ุดในโลก สวีเดนเปนหนงึ ในประเทศทีเจรญิ ด้วยระบบสงั คมนยิ ม ภาพ5.5 (ขวา) ภาพโจเซฟ สตาลนิ ผ้นู ําของสหภาพโซเวยี ต รฐั บาลของสตาลนิ เปนหนึงใน รฐั บาลทีมีการคอรร์ ปั ชันมากทสี ุดในโลก มีการประมาณการวา่ มีคนอดตาย 6 ล้านคนใน เวลาเพียง 2 ป ใน ค.ศ. 1932-1933 33
บทท6ี พฒั นาการด้านการเมือง การปกครอง 34
ระบบกษัตรยิ ์ ระบบกษัตรยิ ์ (Monarchy) เปนระบบทเี กา่ แกท่ ีสดุ ของมนุษย์ โดยเปนการเลอื ก ผนู้ าํ จากวงศต์ ระกลู เดมิ เมือผนู้ ําคนเกา่ ตายไปแล้ว อาจเปน ลกู พีนอ้ ง หรอื ญาติ สืบทอดตําแหนง่ ผูน้ าํ ทางสายเลอื ด ในยคุ คลาสสิก มีหลายรฐั ทใี ชก้ ารสืบทอดตาํ แหนง่ แบบนี เช่น อาณาจักรโรมนั (โรมยุคต้น) อาณาจักรมาซิโดเนยี (Macedonian Kingdom) ระบบคณาธิปไตย ระบบคณาธปิ ไตย (Oligarchy) เปนระบบทชี นกลมุ่ นอ้ ยมอี าํ นาจสงู สดุ สามารถ แตง่ ตงั ผู้นําได้ เช่น วฒุ ิสภา (Senate) ทีปกครองสาธารฐั โรมัน หรอื ตระกูลเกา่ แก่ใน เอเธนสต์ อนตน้ ระบบประชาชนธปิ ไตยแบบเอเธนส์ ระบบประชาธปิ ไตยแบบเอเธนส์ (Athenian Democracy) เปนระบบ ประชาธปิ ไตยทใี ชใ้ นเอเธนสต์ อนกลางและตอนปลาย โดยประชาชนเปนผ้อู อกเสียงลง คะแนนโดยตรงในเรอื งตา่ งๆ ไม่จําเปนต้องมผี ูแ้ ทน เปนระบบประชาธปิ ไตยโดยตรง (Direct Democracy) อย่างไรกต็ าม เราไม่สามารถกลา่ วได้วา่ ระบบนเี ปน ประชาธปิ ไตยอยา่ งแท้จรงิ เพราะมเี พียงผชู้ ายทเี ปนพลเมืองเอเธนส์เท่านันทมี สี ทิ ธิลง คะแนน ซึงคนกลุม่ นีเปนเพยี งรอ้ ยละ 10 ของประชากรของเมือง ภาพ6.1 ชินส่วน ostraca ทชี าว เอเธนส์สลักชอื คนทีจะลงคะแนน เสียงขบั ไลอ่ อกจากเมือง ในชนิ สว่ นสลักชอื Themistocles 35
ระบบฟวดัล ระบบฟวดัล (Feudal system) หรอื ระบบศกั ดนิ าสวามภิ ักดิ เปนระบบการ ปกครองแบบกระจายอํานาจจากกษัตรยิ ไ์ ปยงั ขุนนาง ตอ่ ไปยังอัศวิน และลา่ งสุดคอื ชาวนา และข้าทาส ผ้ใู ต้ปกครองมหี นา้ ทที าํ นาและรบั ใช้เจ้านาย ในขณะเดียวกันเจา้ นายกใ็ ห้ความคมุ้ ครองปกปองผอู้ ยู่ใตอ้ ํานาจให้ปลอดภัย (สามารถอ่านเพิมเติมไดใ้ น หน้า 14) ระบบสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์ ระบบสมบรู ณาญาสิทธิราชย์ (Absolute Monarchy) เปนระบอบทใี ห้อํานาจ สิทธิขาดในการบรหิ ารประเทศทุกอย่างแก่กษัตรยิ ์ โดยไม่ต้องผ่านสภาหรอื คณะ กรรมการใดๆ ระบบนเี ปนระบบกษัตรยิ แ์ บบหนงึ ทมี ีการรวมอํานาจเข้าส่ศู ูนย์กลาง อย่างสูงสุด ตวั อย่างทสี าํ คัญของระบอบนคี ือฝรงั เศสภายใต้หลยุ ส์ที 14 (Louis XIV) ทีกล่าวไวว้ ่า L’etat,c’est moi (ฉันคอื รฐั ) ภาพ6.2 ภาพวาดพระเจา้ หลุยสท์ ี 14 36
ระบบประชาธิปไตย ระบบประชาธิปไตย (Democracy) เปนหนงึ ในสองรูปแบบการปกครองใหญๆ่ ทใี ชใ้ นยโุ รปปจจุบนั ระบบประชาธิปไตยใหค้ วามสําคญั กับการมีส่วนรว่ มของ ประชาชนในการเมอื งการปกครอง ระบบประชาธปิ ไตยผา่ นผูแ้ ทน (Representative Democracy) เกือบทกุ ประเทศใช้ระบบประชาธปิ ไตยลักษณะหลงั ระบบ ประชาธปิ ไตยยงั แบง่ ย่อยไดห้ ลายแบบ เช่น ระบบราชาธิปไตยภายใต้รฐั ธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) มีกษัตรยิ เ์ ปนประมุขและนายกรฐั มนตรเี ปนหวั หน้า รฐั บาล ทีใช้โดย อังกฤษ เนเธอรแ์ ลนด์ และไทยเปนต้น ระบบประชาธปิ ไตยแบบ ประธานาธิบดี (Presidential Democracy) มปี ระธานธบิ ดเี ปนทงั ประมุขและหัวหนา้ รฐั บาล ใช้โดย ไซปรสั ระบบประชาธิปไตยแบบกึงประธานาธบิ ดี (Semi- Presidential Democracy) มปี ระธานาธิบดีเปนประมุขและนายกรฐั มนตรเี ปน หัวหนา้ รฐั บาล ใช้โดย ฝรงั เศส เยอรมนี อติ าลี เปนตน้ ภาพ6.3 บอรสิ จอห์นสนั (Boris Johnson) นายกรฐั มนตรสี หราชอาณาจกั รและหัวหน้า รฐั บาล (Government) เข้าพบพระราชินีอลิซาเบธที 2 (EliZabeth II) ประมุขราชอาณาจกั ร บรเิ ตนใหญ่และไอซแ์ ลนด์เหนือ (Sovereign) หลงั จากเข้ารบั ตาํ แหน่งนายกรฐั มนตรี 37
ระบบเผดจ็ การ ระบบเผดจ็ การ (Dictatorship) เปนอกี รูปแบบการปกครองใหญๆ่ ทีใชใ้ น ยุโรปปจจุบนั เปนระบบทีประชาชนไมม่ สี ่วนรว่ มในการบรหิ ารประเทศทีแทจ้ รงิ โดย ผนู้ าํ อาจมาจากการสืบทอดทางสายเลอื ด การเลอื กจากคนกลมุ่ นอ้ ย หรอื การเลือก ตังทไี ม่เปนธรรมและไมส่ ะท้อนความตอ้ งการทแี ท้จรงิ ของประชาชน เบลารุส เปน ชาติยโุ รปเพียงชาติยุโรปเพยี งชาติเดยี วทนี านาชาติให้ความเห็นว่าปกครองดว้ ย ระบบเผดจ็ การ ภาพ6.4 (บน) อเลก็ ซานเดอร์ ลคู า เซนโก (Alexander Lukashenko) ประธานาธบิ ดีเบ ลารุส ผนู้ ําเผดจ็ การคนสุดทา้ ย ของยุโรป ทที าํ ให้เบลารุสถกู นานาชาติควําบาตร ภาพ6.5 (ซ้าย) การสวนสนามของ กองทพั เบลารุส เปนเรอื งปกตทิ ี ผู้นาํ เผด็จการให้ความสําคญั กบั กาํ ลังทหาร เพราะทาํ ใหเ้ ขา สามารถอยใู่ นอํานาจตอ่ ไปได้ 38
บทท7ี พัฒนาการดา้ นศลิ ปะ วฒั นธรรม 39
ศิลปะคลาสสิก ศิลปะคลาสสิก (Classical Art) ให้ความสําคัญกับศาสนาและความสมจรงิ ตาม อตั ราส่วน กวนี พิ นธ์ จติ รกรรม ประตมิ ากรรม และสถาปตยกรรมกรกี -โรมันลว้ นแต่ เกียวข้องกบั ศาสนาทงั สนิ ภาพ7.1 (ซ้าย) รูปปนเทพีอาธนี า (Athena) ในยุคกรกี โบราณ ภาพ7.2 (บนขวา) มหาวิหารพารเ์ ธนอน (Parthenon) ภาพ7.3 (ลา่ งขวา) หนงั สือ ความรบั รูแ้ ละการรบั รู้ (Sense and Sensibilia) ของอรสิ โตเตลิ ในภาษากรกี ทังนหี นงั สือกรกี ส่วนใหญ่อยูใ่ นภาษาอาหรบั เพราะต้นฉบบั ภาษากรกี สญู หายไปพรอ้ มกับสงคราม 40
ศลิ ปะกอธิก ภาพ7.4 มหาวหิ ารมลิ าน (Milan Cathedral) ในเมืองมลิ าน สรา้ งขนึ ด้วยสถาปตยกรรมกอธิก ศลิ ปะกอธิก (Gothic Art) เรมิ ตน้ จากฝรงั เศสในศตวรรษที 12 และแพรห่ ลาย ไปยงั ประเทศอนื ๆ และมีลักษณะตามภมู ภิ าคนันๆ ด้วย ลกั ษณะสาํ คญั ของ สถาปตยกรรมมผี นังเปดกวา้ ง มีสว่ นสงู เดน่ เปนพิเศษและมีแบบทีออกมาเปนลาย เสน้ อันซับซ้อน ทกุ สว่ นลว้ นประกอบเข้าดว้ ยกนั เปนสัญลกั ษณ์ทางศาสนาโครงสรา้ ง หลังคาเปนโคง้ แหลม ศลิ ปะเรเนซองส์ ภาพ7.5 มหาวิหารเซนต์ปเตอร์ (St.Peter's Basilica) ในนครรฐั วาติกัน สรา้ งขนึ ด้วยสถาปตยกรรมเรเนซองส์ ศิลปะเรเนซองส์ (Renaissance Art) เกดิ ขนึ ในอิตาลพี รอ้ มกับการฟนฟศู ิลปวทิ ยา เน้นความมีความสมมาตร สดั ส่วน รูปทรงเลขาคณติ และลักษณะในศิลปะคลาสสคิ การวางโครงสรา้ งจะเปนแบบแผนไม่วา่ จะเปนเสา หรอื คานรบั เสา และการใช้ซ้มุ โค้ง ครงึ วงกลม การใชโ้ ดม มุข ซงึ สงิ ต่างๆเหล่านีเขา้ มาแทนทีจะเปนแบบตรงกันข้ามกบั รูปทรงทีซับซ้อน และไม่เปนระเบียบ ทีเปนทนี ยิ มของสงิ กอ่ สรา้ งแบบกอธคิ 41
ศลิ ปะบารอก ภาพ7.6 การตกแตง่ ภายในพระราชวงั แวรซ์ ายสเ์ ปนแบบบาโรก มคี วามหรูหรา ศิลปะบารอก (Baroque) หรอื บาโรก เปนสมัยหนึงของศลิ ปะตะวนั ตกซึงเรมิ ประมาณตน้ ครสิ ตศ์ ตวรรษที 17 ทกี รุงโรม ประเทศอิตาลี เน้นความเปนนาฏกรรม แสดงความขดั แย้งและความหรูหรา โออ่ ่า ศิลปะสัจนยิ ม ศิลปะสจั นิยม (Realism) คอื ทัศนศลิ ป และ วรรณกรรมทีแสดงตัวแบบหรอื เรอื งราวตามทีปรากฏในชีวิตประจําวนั โดยปราศจากการสรา้ งเสรมิ หรอื การตีความ หมาย และหมายถึงงานศิลปะทีเผยให้เห็นถงึ ความเปนจรงิ ทอี าจจะเนน้ ความเปนอตั ลกั ษณ์ดว้ ย ศลิ ปะลักษณะนีเจรญิ สูงสดุ ในศตวรรษที 20 เพราะมกี ารถา่ ยภาพแบบ สัจนยิ ม ภาพ7.7 (ซ้าย) รูปปน นักคดิ (The Thinker) โดยออกสุ โรดนิ (Auguste Rodin) ภาพ7.8 (ขวา) ตะกรา้ ขนมปง (The Basket of Bread) โดยซลั วาดอร์ ดาลี (Salvador Dali) 42
สแกนQR code ดูแหลง่ อ้างองิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: