การปลูกพชื โดยไม่ใช้ดนิ ระดบั ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ สาขาวชิ าเกษตรศาสตร์ โดย ครูวาสนา สงฆนาม
บททื่ 1 ความหมาย ความสาคัญ ของการปลูกพืชไม่ใช้ดนิ ความหมายของการปลูกพชื โดยไม่ใช้ดนิ การผลิตพืชผกั แบงํ ออกไดเ๎ ปน็ หลายรูปแบบตามเงอ่ื นไขทีใ่ ชใ๎ นการจาแนก โดยท่วั ไปแล๎ว การปลูก พชื สวํ นใหญํมกั นิยมการผลิตโดยใชด๎ นิ เปน็ แหลงํ ผลิตสาหรบั เป็นที่ยดึ เหนยี่ วของรากพชื เป็นแหลงํ นา้ อาหาร และอากาศ ในปัจจุบันไดม๎ ีการพัฒนารูปแบบการปลูกพชื ทม่ี ีความก๎าวหน๎าโดยการปลูกท่ีไมํต๎องอาศยั ตัวกลาง คอื ดินเหมอื นการผลิตโดยทั่วๆไป เรยี กรูปแบบการผลิตแบบนวี้ ํา การปลูกพชื โดยไมํใช๎ดิน ( Soilless Culture ) ดิเรก ทองอราํ ม (2547) ได๎ให๎ความหมายของการปลูกพชื โดยไมใํ ช๎ดินไวว๎ ํา“การปลูกพืชโดยไมํใชด๎ ิน” มาจากภาษาอังกฤษวํา “ซอยเลส คลั เจอร์”(soilless Culture) มชี อ่ื เรยี กในภาษาไทยหลายอยําง เชํน การปลกู พชื ไรด๎ นิ การปลกู พืชในนา้ ที่มีแรํธาตอุ าหารพชื การปลูกพชื ในสารอาหารพืช การปลูกพืชในวสั ดปุ ลูก ทไ่ี มํใชด๎ ินท่ีมีธาตอุ าหารพืช การปลกู พืชโดยให๎รากพชื สัมผัสสารอาหารโดยตรงทีไ่ มํมีดินเป็นเครอื่ งปลกู เปน็ ตน๎ การปลกู พืชโดยไมํใช๎ดนิ อาจจาแนก อธบิ ายไดต๎ ามลกั ษณะของระบบหรอื วธิ ีการปลกู และตาม ความหมายของคาทแ่ี ปลมาจากภาษาองั กฤษสองคา คอื คาวํา “ซบั สเตรท คลั เจอร์ (substrate Culture)” และคาวํา“ไฮโดรโปนกิ ส์ (Hydroponics)” 1. ความหมายของ การปลกู พืชไมใํ ช๎ดิน จากคาวํา “ซบั สเตรท คลั เจอร์ ” มาจากภาษาอังกฤษวาํ substrate Culture เปน็ วิธีการปลูกพืชเลียนแบบการปลูกพชื บนดิน โดยไมใํ ชด๎ นิ เปน็ วสั ดุในการปลูกแตเํ ป็น การปลกู พืชลงบนวัสดปุ ลกู ชนดิ ตํางๆ ซงึ่ วสั ดปุ ลกู แทนดนิ น้ีมหี ลายชนิด คือ วัสดุปลูกท่ีเปน็ อนนิ ทรียส์ าร และ วัสดุปลกู ท่ีเปน็ นินทรีย์สาร โดยพชื สามารถเจริญเติบโตบนวสั ดุปลกู จากการไดร๎ บั สารละลายธาตอุ าหารพืช (หรอื สารอาหารพืช) ท่มี นี ้าผสมกบั ปยุ๋ หรอื สารเคมีที่มธี าตุตํางๆที่พืชต๎องการ (Nutrient solution) จากทาง รากพืช 2. ความหมายของ การปลูกพชื ไมใํ ชด๎ นิ จากคาวํา “ไฮโดรโปนิกส์ ”มาจากภาษาองั กฤษคือ “Hydroponics” เป็นการปลกู พชื ทไี่ มํใช๎วสั ดปุ ลกู กลาํ วคอื จะทาการปลกู พชื โดยใหร๎ ากสมั ผัสกับสารละลาย ธาตุอาหารโดยตรงนัน่ เอง คาวาํ Hydroponics มาจากการรวมคาในภาษากรีกสองคา คอื คาวาํ Hydro หมายถงึ น้า และ Pronos หมายถึง งาน เมอ่ื รวมคาสองคาเขา๎ ดว๎ ยกนั แล๎วความหมายกค็ ือ “Water Working”หรอื หมายถงึ การทางานของนา้ ท่ีมสี ารละลายธาตุอาหารผํานรากพืช ศนู ย์เกษตรกรรมบางไทร (2548) ไดใ๎ ห๎ความหมายไวว๎ าํ “การปลูกพชื ไร๎ดิน” หรือ “การปลกู พชื โดย ไมํใชด๎ นิ ” หมายถึง การปลกู พืชทเ่ี ลียนแบบการปลูกพืชบนดิน โดยใช๎วสั ดตุ ํางๆในการปลูก เชนํ น้า ทราย กรวด ดินเผา หรอื วสั ดุอน่ื ทไี่ มใํ ช๎ดนิ ซ่งึ พืชสามารถเจรญิ เตบิ โตบนวสั ดุปลูกได๎ จากการไดร๎ ับสารละลายธาตุ อาหารพืชท่มี นี า้ กับปยุ๋ หรอื ธาตุอาหารตํางๆที่พืชตอ๎ งการผาํ นทางรากพชื สรปุ การปลกู พืชโดยไมใํ ช๎ดิน หมายถึง วิธกี ารปลูกพืชเลียนแบบการปลูกพชื บนดนิ โดยการปลกู พืช ลงบนวัสดปุ ลกู หรือไมตํ อ๎ งมีวสั ดปุ ลูกกไ็ ด๎ เพอ่ื ให๎พืชได๎รบั ธาตุอาหารหรอื สารละลายธาตอุ าหารพชื ทม่ี ีน้ากับ ปุ๋ยท่ีมีธาตอุ าหารพืชทพี่ ืชต๎องการทางรากพชื จนครบวงจรการผลิต ขอ้ ดี ข้อเสยี ของการการปลกู พืชโดยไมใ่ ชด้ ิน
การปลูกพชื โดยไมํใช๎ดนิ เป็นการปลกู พืชโดยใชห๎ ลกั วชิ าการแบบวิทยาศาสตร์สมยั ใหมํ โดยเลยี นแบบ การปลกู พชื บนดนิ แตํไมนํ าดินมาใช๎เป็นวสั ดุปลูก พชื สามารถเจรญิ เตบิ โตไดโ๎ ดยอาศยั ธาตอุ าหารตาํ งๆ ที่ ละลายลงในน้าเพอ่ื ทดแทนธาตอุ าหารทม่ี อี ยํใู นดิน ซง่ึ วิธกี ารนม้ี ขี อ๎ ดหี ลายประการเชํน 1. สามารถปลูกพืชได๎ตํอเน่อื งตลอดปี กลําวคอื เมื่อเกบ็ ผลผลิตผกั แล๎วสามารถปลูกพืชผกั รํนุ ใหมตํ ํอ ไดท๎ นั ที เนื่องจากไมไํ ด๎ปลกู พืชลงดนิ จึงไมํตอ๎ งทิ้งระยะเวลาเพ่อื ทาการพักดิน ตากดิน กาจัดวัชพชื และเตรยี ม แปลงปลกู ใหมํ เหมือนกบั การปลูกพืชบนดนิ 2. สามารถปลกู พชื ได๎แม๎อยใูํ นพน้ื ที่จากดั โดยเฉพาะคนท่ีอยูํในชมุ ชนเมอื ง เชํน ตกึ แถว ทาวน์เฮาส์ อาคารชุด และหอพัก สามารถปลูกพชื ผกั สวนครัว สมุนไพร หรือไมด๎ อกไมป๎ ระดบั ไดโ๎ ดยใชร๎ ะบบปลูกพืชโดย ไมใํ ช๎ดินขนาดเล็กวางบนบริเวณพนื้ ทวี่ าํ งทมี่ ีอยํเู ล็กนอ๎ ย เชนํ รมิ หนา๎ ตําง ทางเดนิ ดาดฟา้ พ้ืนที่เล็กๆหลงั คา บ๎าน เป็นต๎น 3. สามารถปลูกพืชไดใ๎ นดนิ ที่ไมํเหมาะสม เชํน ดินขาดความอุดมสมบรู ณ์ ดินทะเลทราย พืน้ ท่ที ี่เป็น หิน พ้ืนทภี่ เู ขา ดินเค็ม ดนิ กรด ดินดาํ ง พืน้ ท่ีอยใูํ นเขตแหง๎ แล๎ง หรือขาดแคลนนา้ ชลประทาน ซ่งึ การแก๎ปัญหา เหลาํ นท้ี าไดย๎ าก ตอ๎ งใช๎เวลานาน และใช๎งบประมาณมาก ดังนัน้ สามารถใช๎พ้นื ที่ทม่ี อี ยํูปลูกพชื โดยไมํใช๎ดนิ ได๎ เพราะนอกจากไมตํ อ๎ งใช๎ดินเปน็ แหลํงใหอ๎ าหารสาหรับพืชแลว๎ ยงั เปน็ วธิ ที ี่ใช๎นา้ น๎อยและใชอ๎ ยํางมปี ระสิทธภิ าพ 4. พืชเจริญเตบิ โตได๎เรว็ และใหผ๎ ลผลิตสูง การปลูกพืชโดยไมใํ ชด๎ ิน สามารถควบคมุ ปริมาณสารอาหาร ไดด๎ ีกวาํ การปลูกในดิน สามารถกาหนดปรมิ าณธาตอุ าหารให๎ตรงกับความตอ๎ งการของพืช พชื ได๎รับสารอาหาร ในรปู อนนิ ทรียโ์ ดยตรง ทาให๎การใชป๎ ๋ยุ เป็นไปอยํางมปี ระสิทธิภาพ ไมํมปี ัญหาเร่ืองการแยํงธาตอุ าหารโดย วัชพืช จึงทาให๎เจรญิ เตบิ โตเรว็ และให๎ผลผลิตสงู และถ๎าคานงึ ถงึ ผลผลติ ตํอปีผลผลติ จากการปลกู พชื โดยไมํใช๎ ดิน ก็จะสูงกวําวิธดี ้งั เดมิ เนอ่ื งจากการเก็บเกย่ี วได๎เร็ว และปลูกตํอเน่ืองได๎ตลอดปีไมขํ นึ้ กับฤดกู าล ทาให๎ สามารถปลูกไดม๎ ากครั้งกวาํ ในเวลาเทํากนั 5. ผลผลติ มีความสม่าเสมอ สะอาดและมคี ุณภาพดี เนื่องจากมีการควบคุมปรมิ าณธาตอุ าหารตามที่ พชื ตอ๎ งการ ตลอดจนควบคมุ ปัจจยั ทางด๎านสิ่งแวดล๎อมไดท๎ ั่วถึง ทาให๎ผลผลติ มีความสม่าเสมอ รูปรํางสี ขนาด ใกล๎เคียงกัน ผลผลติ ไมไํ ด๎สมั ผัสกบั ดิน จงึ สะอาดและนํารับประทาน 6. ใชแ๎ รงงานน๎อยลง เนอ่ื งจากการปลูกพืชโดยไมํใช๎ดิน ไมํจาเป็นต๎องมีการเตรยี มดนิ ไมํจาเป็นต๎องมี การเขตกรรม เชํนใสํปุย๋ ให๎นา กาจัดวัชพืช ศัตรูพืช การเพาะเมล็ด การย๎ายปลูก การเตรยี มแปลงปลกู และ การเกบ็ เก่ียว ทาได๎งาํ ยกวําจงึ ใช๎แรงงานนอ๎ ยกวาํ 7. ลดการใชส๎ ารเคมี เนื่องจากมีการควบคุมสภาพแวดล๎อมควบคุมศตั รพู ชื ไดง๎ ําย เพราะการไมใํ ช๎ดนิ ในการปลูกพืช ทาใหไ๎ มมํ ปี ญั หาโรค แมลง ทอ่ี ยํูในดิน ตลอดจนไมมํ ีปัญหาวัชพชื สวํ นโรคแมลงท่รี ะบาดทาง อากาศก็สามารถลดการใช๎สารเคมีได๎โดยการใช๎โรงเรือนตาขาํ ย 8. ปลูกพชื ไดท๎ ุกฤดกู าลและทุกสภาพอากาศ เนอื่ งจากมกี ารควบคุมปริมาณธาตอุ าหารให๎พอดกี ับ ความต๎องการของพชื และมีการควบคุมสภาพแวดลอ๎ มอ่ืนๆ ใหเ๎ หมาะสมตอํ การเจรญิ เติบโตของพชื การปลกู พืชไมขํ ้ึนกับฤดกู าล ทาให๎สามารถควบคุมราคาได๎โดยไมขํ น้ึ ตามฤดูกาล ขอ้ จากดั ของการปลกู พชื แบบไม่ใชด้ ิน 1. คาํ ใช๎จาํ ยในการลงทุนครง้ั แรกคํอนข๎างสงู เน่ืองจากต๎องใชว๎ ัสดุอปุ กรณ์ตํางๆในการสรา๎ งโรงเรอื น และปรบั ปรุงสภาพแวดลอ๎ มใหเ๎ หมาะสมกับการเจรญิ เตบิ โตของพืช ทาใหผ๎ ลผลิตท่ไี ด๎มรี าคาแพง ดังนั้นต๎อง เลอื กปลกู พืชทม่ี ีราคาสูง การลงทนุ ในระยะแรกอาจจะไมคํ ม๎ุ แตํจะใหผ๎ ลคุ๎มคาํ ในระยะยาว และต๎อง ดาเนนิ การในพน้ื ท่ีมากจะคม๎ุ คาํ กวาํ พน้ื ทีน่ ๎อย
2. ตอ๎ งใชเ๎ ทคนิคข้นั สงู ผู๎ปลกู ตอ๎ งมีความรู๎ ความชานาญ และมปี ระสบการณ์พอสมควรในการ ดาเนินงาน เชนํ ความรู๎ในเรื่องธาตุอาหารพชื นา้ สรีรวิทยาของพืช สารละลาย และเครอ่ื งมอื ควบคุมระบบ ตํางๆอีกดว๎ ย 3. ต๎องการการดแู ลรกั ษาอยํางใกล๎ชดิ 4. วสั ดุปลกู บางชนิดสลายตวั หรอื เนาํ เสียไดย๎ าก มีผลกระทบตํอสภาพแวดลอ๎ ม ถา๎ ไมํมีการควบคุม หรอื จดั การอยาํ งถกู ต๎อง 5. มีโอกาสเกดิ โรคทมี่ าจากน้าไดง๎ ํายและยากตํอการควบคมุ โดยเฉพาะอยาํ งยิง่ การปลูกใน สารละลาย ไมวํ ําจะเปน็ ระบบหมนุ เวียนหรือไมํหมนุ เวียน ถา๎ มีการเกิดโรคเกีย่ วกับระบบรากจะแพรกํ ระจาย อยาํ งรวดเรว็ และยากตํอการป้องกันกาจดั เพราะพืชแตลํ ะต๎นใช๎สารละลายในแหลงํ เดียวกัน เชื้อจะระบาดไป ทวั่ ระบบในเวลาอันสน้ั โดยติดไปกับสารละลาย ประโยชน์ของการปลกู พชื โดยไมใ่ ชด้ นิ 1. การปลูกพืชโดยไมํใช๎ดนิ กับสภาพท่ีเป็นอยํู การปลกู พชื โดยไมใํ ชด๎ ินเปน็ ทงั้ ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ สามารถทาไดท๎ ้ังขนาดใหญํและขนาดเล็ก ใชพ๎ นื้ ที่มากหรอื พ้ืนท่ีน๎อยก็ได๎ ผลติ เพอื่ การค๎าหรือใช๎บริโภคใน ครอบครวั กไ็ ด๎ 2. การปลูกพืชโดยไมใํ ช๎ดนิ กบั นนั ทนาการในครอบครวั การผลิตโดยใช๎พืน้ ที่ไมมํ ากหรือทาขนาดเล็ก เปน็ การสรา๎ งความรกั ความสามคั คใี หเ๎ กิดขึน้ ในครอบครวั ผลิตเพ่อื เปน็ อาหารและแจกจํายเพื่อนบ๎าน ผสู๎ ูงอายุก็สามารถดแู ลรกั ษาได๎ ไมยํ งุํ ยากในการจดั การ ทาให๎ผู๎สงู อายุได๎มีโอกาสออกกาลัง ไมํเหงาเนื่องจาก การไมํมงี านทา 3. การปลูกพืชโดยไมํใช๎ดนิ กบั การศึกษา การผลิตในขนาดเล็กสามารถเกิดขนึ้ ไดใ๎ นสถานศกึ ษา เปน็ แหลํงศกึ ษาเรียนร๎วู ิชาวทิ ยาศาสตรข์ องนกั เรยี น นกั ศึกษาหรอื ผู๎สนใจทั่วไปได๎ 4. การปลูกพืชโดยไมํใช๎ดินกบั สขุ อนามยั และการบรโิ ภคพชื ผกั ทม่ี ีคณุ คาํ ทางโภชนาการสูง จดุ แข็งของการปลูกพชื โดยไมใํ ช๎ดนิ คือ ได๎ผลผลิตทม่ี ีความสะอาด ปลอดภยั จากสารเคมี เชํน สารเคมีกาจดั โรคและแมลงซ่งึ มกั พบมากในพืชผักทผ่ี าํ นการผลิตโดยระบบปกติของเกษตรกรท่วั ๆไป นอกจากได๎ผลผลติ ท่ี สะอาดแล๎ว ยงั มคี ุณภาพและความสวยงาม สามารถเลือกปลูกพชื ผักทม่ี ีคุณคําทางอาหารสูงได๎ดว๎ ย 5. สามารถผลิตพืชได๎มากมายหลากหลายชนดิ ตัวอยํางของพชื ที่สามารถปลกู ได๎โดยไมใํ ชด๎ นิ เชํน ตารางท่ี 1 แสดงตวั อยาํ งของพืชที่สามารถปลูกได๎โดยไมใํ ช๎ พืชผัก พืชผักรบั ประทาน ไมด้ อก / ไม้ พืชสมุนไพร พืชอาหารสัตว์ รบั ประทานใบ ผกั สลัดชนิดตํางๆ ผล ประดบั ผกั กาดขาว คื่นฉาํ ย ถ่วั ฝกั ยาว กหุ ลาบ วํานหางจระเข๎ หญา๎ ผกั ชี ผักบงุ๎ พรกิ คารเ์ นช่ัน พืชสวนครัว บาร์เลํย์ ปวยเหลง็ ตารางท่ี 1(ต่อ) มะเขอื เบญจมาศ พืชสมุนไพรตาํ งๆ ข๎าวโพดเล้ยี งสตั ว์ พืชผกั มะเขือเทศ หน๎าวัว แตงกวา แกลดโิ อลัส พชื ผักรับประทาน ไมด้ อก / ไม้ พชื สมุนไพร พชื อาหารสัตว์
รับประทานใบ ผล ประดับ เยอบรี าํ แคนตาลูป กลว๎ ยไม๎ พืชพรรณไม๎นา้ สตรอเบอรี่ ส๎ม กล๎วย แรดิช ที่มา ดิเรก ทองอรําม ตารางที่ 2 แสดงตัวอยาํ งของพืชผกั จาแนกตามสํวนทใ่ี ช๎ประโยชนท์ สี่ ามารถปลูกไดโ๎ ดยไมใํ ช๎ดิน ผักใบ ผกั ผล ผกั ดอกและ ผกั รากและ ผกั เมล็ดและ ลาต้น หวั ถั่วสด ผักสลัดชนิด ปวยเหล็ง มะเขือเทศ แคนตาลปู กะหลา่ ดอก มนั เทศ ถว่ั ฝักยาว ตํางๆ คะน๎าฮอํ งกง คะนา๎ แตงกวา สตรอเบอรี่ ผกั กาดหัว มันฝร่งั ถว่ั พู คะน๎าเห็ดหอม ผักกาด พรกิ หวาน แฟง บรอ็ คโคล่ี เผือก ถว่ั ลนั เตา ฮํองเต๎ กะหล่าปลีสีมวํ ง ผกั ต้ังโอ๋ พริก แตงโม หนํอไม๎ แครอท กระเทียมตน๎ ผกั บ๎ุง บวบ แตงร๎าน กะหล่าปม ผักกาดขาวปลี ผกั ชี มะเขอื เปราะ ผกั กาดหอม ขึน้ ฉําย มะระ ผักกาดญี่ปุ่น ผกั หวาน ฟักทอง ผักโขมขาว ผักน้า ผกั โขมแดง ใบบัวบก พชื สมุนไพร พรรณไม๎นา้ ตํางๆ ที่มา : ดิเรก ทองอรําม 6. การปลูกพืชโดยไมํใช๎ดินในการสํงเสรมิ การทํองเทีย่ ว เน่อื งจากการปลกู พชื โดยไมใํ ชด๎ นิ สามารถ จัดการธาตุอาหารไดด๎ ี จงึ ทาให๎เพิ่มศักยภาพในการผลิตผกั รองรบั นกั ทํองเทย่ี วชาวตาํ งชาติทีม่ าอยํใู นประเทศ ไทยไดบ๎ รโิ ภคผักทีต่ นเองคน๎ุ เคย จึงสามารถอยูํในประเทศไทยไดน๎ านข้นึ สาหรับประชาชนคนไทยการปลูกพชื โดยไมํใช๎ดนิ เปน็ สงิ่ ใหมํ เป็นของแปลกทป่ี ระทบั ใจจึงสามารถใชเ๎ ป็นสถานทที่ อํ งเท่ียวและศกึ ษาดูงาน สร๎าง รายได๎ใหก๎ ับชมุ ชนไดอ๎ ีกทางหน่งึ ด๎วย 7. การปลกู พืชโดยไมํใช๎ดนิ สามารถเป็นอาชีพ สร๎างงาน สรา๎ งรายได๎ ซง่ึ ยึดอาชีพเปน็ ผ๎ูผลิตพืชโดยไมํ ใช๎ดนิ เชํน พืชผกั จาหนํายให๎ผู๎บริโภคโดยทวั่ ไปโดยเฉพาะกลํมุ ลูกค๎าทมี่ ีรายได๎สงู และคานึงถึงความปลอดภยั ของพืชผักทใ่ี ช๎บรโิ ภคในชวี ติ ประจาวัน นอกจากน้ียงั สร๎างอาชพี ใหก๎ ับกลํมุ คนท่ีทาหน๎าทใี่ นการสรา๎ งโรงเรอื น ปยุ๋ เคมี ธาตุอาหารพืชและระบบการจัดการผลติ อ่ืนๆอีกมาก
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: