ป. 2วทิ ยาศาสตร์หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 ตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชีว้ ดั กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ผเู้ รยี บเรยี ง ชนกิ านต์ นุม่ มชี ยั กศ.บ., กศ.ม. นริสรา ศรีเคลือบ วท.บ., วท.ม. วารี โตพนั ธ์ วท.บ. รน่ื ฤดี ต่อชีวนั วท.บ. ผูต้ รวจ ผศ. ดร.เศรษฐวัชร ฉ่ำ�ศาสตร์ วท.บ., วท.ม., M.Sc., Ph.D. กุศล มสู ิแกว้ กศ.บ., ศษ.ม. สุนันท์ แกว้ มณี กศ.บ., กศ.ม. บรรณาธิการ อนุวัชร นามเชื้อ วท.บ. ผลิตและจดั จ�ำ หนา่ ยโดย บรษิ ทั ส�ำ นักพมิ พ์วฒั นาพานิช จ�ำ กัด 216-220 ถนนบ�ำ รุงเมอื ง แขวงสำ�ราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทร. 02 222 9394 • 02 222 5371-2 FAX 02 225 6556 • 02 225 6557 email: [email protected]
ข หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป. 2 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 2 ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 B สห้างมวลนะลเมขิ ิดสทิ ทธำ�ซิ์ต้ำา�มดกดั ฎแปหลมงายเผยแพร่ สว่ นหนงึ่ สว่ นใด เว้นแต่จะไดร้ ับอนุญาต ผู้เรียบเรยี ง ชนกิ านต์ นุ่มมชี ยั นริสรา ศรเี คลอื บ วารี โตพันธ์ ร่ืนฤดี ตอ่ ชีวนั ผู้ตรวจ ผศ. ดร.เศรษฐวัชร ฉ่ำ�ศาสตร์ กศุ ล มสู ิแก้ว สนุ ันท์ แก้วมณี บรรณาธกิ าร อนวุ ัชร นามเช้อื ออกแบบ/จัดรูปเล่ม ทีมงานประภาคารและพรเี พรส ปีทพ่ี มิ พ์ พ.ศ. 2562 พมิ พ์คร้ังที่ 1 จำ�นวน 30,000 เล่ม ISBN 978-974-18-7482-8 พิมพ์ท่ี บรษิ ัท โรงพิมพว์ ัฒนาพานิช จำ�กดั นายเรงิ ชัย จงพิพฒั นสขุ กรรมการผ้จู ดั การ
ค ค�ำ นำ� หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 เล่มน้ี จัดทำ�ขึ้นตาม มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัดชัน้ ปี และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมี เป้าหมายให้นักเรียนและครูใช้เป็นส่ือในการจัดการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพตาม มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ชนั้ ปที ห่ี ลกั สตู รกำ�หนด พฒั นานกั เรยี นใหม้ สี มรรถนะตามทต่ี อ้ งการ ทง้ั ดา้ นการสอ่ื สาร การคิด การแก้ปัญหา การใชท้ กั ษะชีวิต และการใชเ้ ทคโนโลยี ตลอดจนพัฒนา นกั เรยี นใหม้ คี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เพอื่ ใหส้ ามารถอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ ในสงั คมไทยและสงั คมโลก ได้อยา่ งมคี วามสุข ในการจัดทำ�หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานชุดนี้ คณะผู้จัดทำ�ซ่ึงเป็นผู้เช่ียวชาญในสาขาวิชา และการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ได้ศึกษาหลักสูตรอย่างลึกซ้ึง ท้ังด้านวิสัยทัศน์ หลักการ จุดหมาย สมรรถนะสำ�คัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ัดชัน้ ปี สาระการเรียนรู้แกนกลาง แนวทางการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ รวมท้ัง เอกสารหลกั สตู รอน่ื ๆ แลว้ จงึ ออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้ แตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรปู้ ระกอบดว้ ยคำ�ถาม สำ�คัญ ตัวชว้ี ดั ช้นั ปี คำ�ทค่ี วรรู้ นา่ รู้ กจิ กรรม ค้นหาคำ�ตอบ แหล่งสบื ค้นความรู้ ฝึกเพิ่มพูนทกั ษะ (กจิ กรรมสะเตม็ ศกึ ษา) ตรวจสอบความเขา้ ใจ ผงั มโนทศั น์ สนกุ ทำ�สนกุ คดิ กบั วทิ ยาศาสตร์ และ กิจกรรมประจำ�หน่วย และท้ายเล่มยังมีบรรณานุกรมและอภิธานศัพท์ ซึ่งองค์ประกอบของ หนงั สอื เรียนเหลา่ นีจ้ ะชว่ ยสง่ เสรมิ ให้นักเรียนเกดิ การเรียนรู้อย่างครบถว้ นตามหลกั สูตร การเสนอเน้ือหา กิจกรรม และองค์ประกอบอื่น ๆ ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานเล่มน้ี มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำ�คัญ โดยคำ�นึงถึงศักยภาพของนักเรียน เน้นการเรียนรู้แบบองค์รวม บนพนื้ ฐานของการบูรณาการแนวคดิ ทางการเรยี นรอู้ ย่างหลากหลาย จดั การเรยี นรู้แบบบรู ณาการ เนน้ ใหน้ กั เรยี นสรา้ งองคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเอง มงุ่ พฒั นาการคดิ และพฒั นาการเรยี นรทู้ ส่ี อดคลอ้ งกบั พัฒนาการทางสมองของนักเรียน อันจะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างสมบูรณ์และสามารถ นำ�ไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำ�วันได้ หวังเป็นอยา่ งย่ิงว่าหนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 2 เล่มนี้ จะชว่ ยพฒั นาการเรยี นร้ขู องนักเรยี นตามหลกั สตู รได้เป็นอยา่ งดี คณะผ้จู ัดทำ�
ง ค�ำ ช้ีแจง หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 2 ได้ออกแบบ หน่วยการเรียนรูใ้ ห้แตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรปู้ ระกอบด้วยองค์ประกอบที่สำ�คัญดงั นี้ องค์ประกอบทีส่ ำ�คญั ของหน่วยการเรยี นรู้ คำ�ถามสำ�คญั แหลง่ สบื คน้ ความรู้ คำ�ถามนำ�เพ่ือให้นักเรียนค้นหาองค์ความรู้เม่ือ แหลง่ การเรยี นรทู้ ป่ี ระกอบดว้ ยเวบ็ ไซตแ์ ละสอ่ื QR เรียนจบหน่วยการเรียนรู้ (Quick Response) ท่ีนักเรียนสามารถค้นคว้าเนื้อหา ท่สี อดคลอ้ งกับเร่ืองที่เรยี นรู้ เมนอื่ ักจบเรหยี นน่วจยะกสาารมเารรียถนรู้ ฝึกเพ่มิ พูนทักษะ เป้าหมายของการพัฒนานักเรียนแต่ละช้ันปี ซ่ึงสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้ คำ�ถามใหน้ กั เรยี นไดเ้ รยี นรู้ หรอื กจิ กรรมสะเตม็ ศึกษา ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติเพ่ือสร้างเสริมทักษะใน คำ�ท่คี วรรู้ ศตวรรษท่ี 21 คำ�ศัพท์วิทยาศาสตร์ท่ีควรจดจำ� ซ่ึงเป็นคำ�หลัก ตรวจสอบความเขา้ ใจ ในสาระที่เรียนรู้ซึ่งจะนำ�ไปสู่ความเข้าใจที่คงทนของ นักเรยี น คำ�ถามหลกั ทา้ ยหวั เรอ่ื งหลกั เพอ่ื ประเมนิ ความรู้ ความเขา้ ใจในสาระที่นกั เรยี นไดเ้ รยี นรู้ นา่ รู้ ผังมโนทัศน์ ความรทู้ างวิทยาศาสตร์ทนี่ า่ สนใจ ซง่ึ สอดคล้อง กบั ความคดิ รวบยอดและสาระทนี่ กั เรยี นเรยี นรใู้ นบทเรยี น บทสรปุ ความคิดหลกั ของแต่ละหนว่ ยการเรียนรู้ เพื่อตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียนและช่วยใน กิจกรรม การจดจำ�สิง่ ทเ่ี รียนรู้ ภาระงานท่ีนักเรียนฝึกปฏิบัติเพ่ือให้เกิดทักษะ สนุกทำ� สนุกคิด กบั วทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ท่ีนำ�ไปสู่ความเข้าใจท่ีคงทน ของนกั เรียน กจิ กรรมสรา้ งเสรมิ กระบวนการคดิ การบรู ณาการ ความรแู้ ละทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ค้นหาคำ�ตอบ กิจกรรมประจำ�หน่วย คำ�ถามหลักท้ายกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้เพ่ือ ช่วยสร้างเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของ กจิ กรรมสรปุ ความรู้ หลกั การ ความคดิ รวบยอด นกั เรียน คำ�ศพั ทท์ ไี่ ดเ้ รยี นรใู้ นแตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรู้ รวมทงั้ การนำ� ความรทู้ ี่ได้ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำ�วนั
สัญลักษณก์ ระบวนก�รเร�ยนรู จ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ท่ีกำหนดไว้ท่ีกิจกรรมน้ันมีจุดมุ่งหมายและจุดเน้นท่ีแตกต่างกันตามลักษณะของ กระบวนการเรียนรู้ที่ต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้ ซึ่งมีความสอดคล้องกับธรรมชาติของกลุ่มสาระการเรียนรู้ และจุดเน้นของหลักสูตร ดังน้ันสัญลักษณ์จึงเป็นแนวทางท่ีเอ้ือประโยชน์ต่อนักเรียนท่ีจะศึกษาหาความรู้ ตามรายละเอยี ดของกจิ กรรม ในหนงั สือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 ซง่ึ ไดก้ ำหนด สญั ลกั ษณไ์ วเ้ ปน็ 2 กลมุ่ ดงั น้ี สญั ลักษณ์หลกั ของกลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ การสงั เกต เปน็ กจิ กรรมทก่ี ำหนดใหน้ กั เรยี นสงั เกตปรากฏการณต์ า่ ง ๆ ตามความคดิ รวบยอดของ แต่ละหัวเรื่อง แล้วใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การจำแนก การลงสรุปข้อมูล เพ่ือ ใหเ้ กดิ องค์ความรู้ด้วยตนเอง การสำรวจ เป็นกิจกรรมที่กำหนดให้นักเรยี นสำรวจปรากฏการณต์ ่าง ๆ ตามความคดิ รวบยอดของ แต่ละหัวเรื่อง แล้วใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การสังเกต การจัดกระทำและ สอ่ื ความหมายขอ้ มลู การลงสรุปขอ้ มลู เพื่อให้เกดิ องค์ความรูด้ ว้ ยตนเอง การทดลอง เป็นกิจกรรมท่ีกำหนดให้นักเรียนได้ปฏิบัติการทดลองเพ่ือพิสูจน์ความคิดรวบยอด ที่เรียนรู้ โดยการออกแบบการทดลอง ดำเนินการทดลอง และสรุปผลการทดลอง แล้วใช้ทักษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เชน่ การสงั เกต การพยากรณ์ การจดั กระทำและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู การลงสรปุ ขอ้ มูล เพื่อใหเ้ กดิ องค์ความรู้ดว้ ยตนเอง การสบื ค้นขอ้ มลู เป็นกิจกรรมที่กำหนดใหน้ ักเรียนสืบค้นขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรู้ตา่ ง ๆ แล้วใช้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เชน่ การลงสรุปขอ้ มูล เพ่ือใหเ้ กดิ องคค์ วามรดู้ ้วยตนเอง สัญลกั ษณเ์ สริมของกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ การพัฒนากระบวนการคิด เป็นกิจกรรมที่กําหนดให้นักเรียนได้ใช้กระบวนการคิด เพ่ือเพ่ิมพูน ทักษะการคดิ ของตนเอง การปฏิบัติจริง/ฝึกทักษะ เป็นกิจกรรมท่ีกําหนดให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ เพื่อให้เกิดและเพิ่มพูน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั เปน็ กจิ กรรมทก่ี าํ หนดใหน้ กั เรยี นตอ้ งนาํ หลกั การและแนวคดิ ของ ความคดิ รวบยอดในหัวเรือ่ งที่เรยี นรมู้ าใชแ้ ก้ปญั หาในสถานการณ์จรงิ ของชีวติ ประจําวัน โครงงาน เป็นกิจกรรมโครงงานคัดสรรที่นําหลักการและแนวคิดของความคิดรวบยอดในหัวเรื่อง ท่เี รยี นรู้มาใชแ้ กป้ ัญหา การทําประโยชน์ให้สงั คม เปน็ กิจกรรมทกี่ ําหนดให้นกั เรียนนาํ ความร้ทู ่ไี ด้จากการเรยี นรไู้ ปปฏบิ ตั ิ เพ่อื ใหต้ ระหนกั ในการทําประโยชน์ให้สงั คม ความคดิ รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ เปน็ กิจกรรมทก่ี าํ หนดใหน้ ักเรียนได้ใช้ความคดิ สร้างสรรค์สรา้ งภาระงาน เพอ่ื เพม่ิ พนู ทักษะการคิดของตนเอง การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เปน็ กจิ กรรมทกี่ าํ หนดใหน้ กั เรยี นไดแ้ ยกแยะหาความสมั พนั ธ์ หรอื ความเปน็ เหตุ เปน็ ผลของข้อมลู จากปรากฏการณ์ท่สี นใจ เพอ่ื ใหเ้ กิดองคค์ วามรดู้ ้วยตนเอง
ฉ ค ง สารบญั 1 คำ�นำ� คำ�ช้ีแจง 2 16 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 วัสดุรอบตวั 22 24 สมบตั ิของวสั ดุ 29 การเลอื กใชว้ สั ด ุ 30 กจิ กรรมสะเต็มศกึ ษา 31 การนำ�วัสดุกลบั มาใชใ้ หม่ ผังมโนทศั น์ 35 สนกุ ทำ� สนุกคดิ กับวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมประจำ�หนว่ ย 36 44 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ลกั ษณะของแสง 49 56 แหล่งกำ�เนิดแสง 57 การเคลอื่ นทีข่ องแสง 58 การมองเห็น ผังมโนทศั น์ 61 สนุกทำ� สนกุ คดิ กับวทิ ยาศาสตร ์ กิจกรรมประจำ�หน่วย 62 70 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 สงิ่ มีชีวติ รอบตัว 79 85 สิ่งมีชวี ิตและสง่ิ ไม่มชี วี ิต 86 ปัจจยั ท่มี ผี ลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพชื 87 วัฏจักรชีวิตของพชื ดอก ผังมโนทัศน ์ 91 สนกุ ทำ� สนุกคดิ กับวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมประจำ�หนว่ ย 92 101 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ดนิ ในทอ้ งถิน่ 110 117 สว่ นประกอบของดนิ 118 สมบตั ขิ องดนิ 119 ประโยชนข์ องดนิ ผังมโนทศั น ์ 123 สนุกทำ� สนุกคิด กบั วทิ ยาศาสตร ์ 124 กิจกรรมประจำ�หน่วย 129 บรรณานุกรม ภาคผนวก อภธิ านศพั ท์
หน่วยการ วัสดรุ อบตัว 1เรยี นร้ทู ี่ • สมบตั ขิ องวัสด ุ • การเลือกใช้วัสดุ • การนำ�วัสดุกลับมาใช้ใหม่ ค�ำ ถามส�ำ คญั 1. วัตถทุ ีใ่ ชใ้ นชีวติ ประจำ�วันทำ�มาจากวัสดุชนดิ ใดบ้าง 2. การเลือกวสั ดมุ าทำ�เป็นวัตถุต้องพจิ ารณาจากส่งิ ใด 3. วสั ดชุ นิดใดสามารถนำ�กลบั มาใช้ใหม่ได้ เมอ่ื จบหนว่ ยการเรียนรู้ นักเรยี นจะสามารถ 1. เปรียบเทียบสมบัติการดูดซับนำ้ �ของวัสดุ และระบุการนำ�สมบัติ การดดู ซบั นำ้ �ของวสั ดไุ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทำ�วตั ถใุ นชวี ติ ประจำ�วนั 2. อธิบายสมบัติของวสั ดุทเี่ กิดจากการนำ�วัสดุมาผสมกัน 3. เปรยี บเทยี บสมบตั ขิ องวสั ดุ เพอ่ื นำ�มาทำ�เปน็ วตั ถใุ นการใชง้ านตาม วตั ถปุ ระสงค์ และอธิบายการนำ�วัสดทุ ีใ่ ชแ้ ลว้ กลบั มาใช้ใหม่ 4. ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องการนำ�วสั ดทุ ใ่ี ชแ้ ลว้ กลบั มาใชใ้ หม่ โดยการ นำ�วัสดุที่ใช้แลว้ กลบั มาใชใ้ หม่
สมบัตขิ องวสั ดุ วัสดุที่นำมาทำเป็นวัตถุ มหี ลายชนดิ เช่น ไม้ เหลก็ กระดาษ พลาสตกิ ผา้ และ ยาง ซ่ึงแตล่ ะชนิดมีสมบตั ทิ ี่ แตกตา่ งกนั คำ�ที่ควรรู้ วสั ดุ วตั ถุ
หนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป. 2 3 ไม้ ไมเ้ ปน็ วสั ดธุ รรมชาตทิ ไ่ี ดม้ าจากตน้ ไม้ เมอ่ื ตดั ตน้ ไมแ้ ลว้ นำมาเลอ่ื ย จะไดไ้ มเ้ ป็นท่อน ๆ เรียกวา่ ซุง จากนั้นเอาเปลือกไม้ออกแล้วนำไปทำ เป็นแผน่ ไม้ รปู ท่ี 1.1 ตัวอย่างวัตถุ ท่ีทำจากไม้ สมบตั ิ มีความแขง็ แรงทนทาน ไม่เปน็ สนิม สมั ผสั นำ้ เป็นเวลานานจะผุ
4 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1: วัสดุรอบตวั เหล็ก เหล็กเป็นวสั ดุธรรมชาติท่ีพบได้ในก้อนหนิ ทเี่ รียกวา่ สนิ แร่ เม่ือนำ สนิ แรม่ าเผาภายในเตาทร่ี อ้ นจดั จะได้เหลก็ หลอมเหลวออกมา รูปที่ 1.2 ตวั อย่างวตั ถุ ทท่ี ำจากเหล็ก สมบตั ิ มคี วามแขง็ แรงทนทาน นำมาดดั เปน็ รปู รา่ งตา่ ง ๆ ได้ นำความรอ้ นและไฟฟา้ เกดิ สนมิ และผกุ รอ่ นไดง้ า่ ย
หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 5 กระดาษ กระดาษเป็นวัสดสุ งั เคราะห์ วสั ดุท่ใี ชท้ ำกระดาษมีหลายอยา่ ง เชน่ ไมไ้ ผ่ เปลือกไม้ ฟางขา้ ว หญ้า และไม้เนื้อออ่ นบางชนิด รวมท้งั การนำ กระดาษท่ีใช้แลว้ กลบั มายอ่ ยใชใ้ หม่ รปู ท่ี 1.3 ตวั อย่างวัตถุ ทที่ ำจากกระดาษ สมบตั ิ พบั งอ และตดั ไดง้ า่ ย ทำเปน็ รปู รา่ งตา่ ง ๆ ได้ นำ้ หนกั เบา เปอ ยยยุ่ และฉกี ขาดงา่ ยเมอ่ื โดนนำ้
6 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1: วัสดรุ อบตวั พลาสตกิ พลาสติกเป็นวัสดุสังเคราะห์ท่ีมนุษย์ผลิตข้ึน พลาสติกท่ีนำมาใช้ ในชีวิตประจำวัน เชน่ แปรงสีฟนั กระติกน้ำ จาน ถุงพลาสติก และ ของเลน่ ต่าง ๆ รปู ท่ี 1.4 ตวั อยา่ งวตั ถุ ท่ที ำจากพลาสติก สมบตั ิ พลาสติกดูดซับนำ้ ได้หรอื ไม่ หลอมเปน็ รปู รา่ งตา่ ง ๆ ได้ ไมด่ ดู ซบั นำ้ ไมน่ ำความรอ้ นและไฟฟา้ นำ้ หนกั เบา
หนังสอื เรยี นรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 7 กจิ กรรมท่ี 1 ทดลองสมบตั ิของพลาสตกิ ขนั้ ตอนการทดลอง ทกั ษะสรา้ งเสริม ปัญหา: พลาสติกกันนำ้ หรือความช้ืนได้ ความเข้าใจที่คงทน หรอื ไม่ การสังเกต คำถามก่อนการทดลอง: นำ้ ผสมสีผสม การทำนาย อาหารจะซึมผ่านแผ่นพลาสติกไปยังสำลี การทดลอง แผน่ ท่ีอย่ดู า้ นบนไดห้ รือไม่ การสื่อความหมายขอ้ มลู อปุ กรณ์ 1. แผน่ พลาสติก 1 แผน่ 2. สำลแี ผ่น 1 ถุง 3. จาน 2 ใบ 4. สีผสมอาหาร 1 ขวด ท5.ดนล้ำอง 2 แกว้ 1. นำสำลแี ผ่นมาวางเรียงซอ้ นกันในจาน – จานใบที่ 1 เรียงสำลีแผ่นในแนวต้ัง แถวละ 6 แผ่น 4 แถว ดงั รูปที่ 1.5 (ก) – จานใบท่ี 2 เรียงสำลแี ผ่นในแนวต้ัง แถวละ 6 แผน่ 4 แถว แต่ ในแผ่นท่ี 3 วางแผ่นพลาสติกค่ันก่อน แล้วจึงเรียงแผ่นต่อไป ดังรูปท่ี 1.5 (ข) 2. เทนำ้ ผสมสีผสมอาหารลงด้านข้าง โดยให้ระดับน้ำสูงกว่าก้นจาน เลก็ น้อย 3. สังเกตการเปล่ยี นแปลงท่เี กิดขึ้นกับสำลีแผน่ ทงั้ 2 จาน
8 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1: วสั ดุรอบตวั (ก) สำาลแี ผ่น น้ำาผสมสผี สมอาหาร (ข) แผน่ พลาสตกิ บนั ทกึ ผล รปู ท่ี 1.5 การทดลองสมบัติของพลาสติก การทดลอง การเปลยี่ นแปลง จานใบท่ี 1 ควรบนั ทกึ ผลการทดลองในสมดุ จานใบท่ี 2 คน้ ห�คำ�ตอบ 1. ทำไมจึงใช้น้ำผสมสีผสมอาหารในการทดลอง 2. สำลแี ผน่ ในจานใบท่ี 1 และจานใบท่ี 2 มกี ารเปลย่ี นแปลงลกั ษณะใด จากการทดลองจะเห็นว่า พลาสติกมีสมบัติกันการซึมของน้ำ หรอื ความช้ืนได้
หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 9 ผ้า ผ้าเป็นวัสดุที่ได้จากเส้นใยท่ีนำมาทอเป็นผืน เส้นใยท่ีนำมาทอผ้า มี 2 ประเภท คอื เสน้ ใยธรรมชาตทิ ไ่ี ด้มาจากพืชและสัตว์ และเส้นใย สังเคราะหท์ ่ีผลติ จากสารเคมี รปู ที่ 1.6 ตัวอยา่ งวตั ถุ ที่ทำจากผ้า สมบตั ิ ดดู ซบั นำ้ ไดด้ ี ออ่ นนมุ่ ไมน่ ำความรอ้ นและไฟฟา้ วสั ดแุ ตล่ ะชนดิ มสี มบตั ใิ นการดดู ซบั นำ้ แตกตา่ งกนั หรอื ไม่
10 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1: วัสดุรอบตัว กจิ กรรมที่ 2 ทดลองเปรียบเทยี บการดดู ซับน้ำ�ของวสั ดุ ขน้ั ตอนการทดลอง ทกั ษะสรา้ งเสริม ปญั หา: วัสดุชนิดใดดูดซบั นำ้ �ไดด้ ที ีส่ ุด ความเข้าใจทค่ี งทน คำ� ถามกอ่ นการทดลอง: วสั ดแุ ตล่ ะชนดิ มี การสังเกต สมบัติในการดูดซับน้�ำแตกต่างกันใน การทำ�นาย ลักษณะใด การทดลอง การสื่อความหมายข้อมลู อปุ กรณ์ 1. ผ้าฝา้ ย 1 ผนื 2. กระดาษ 1 แผ่น 3. แผ่นพลาสติก 1 แผ่น 4. บกี เกอรข์ นาด 100 ลบ.ซม. 3 ใบ 5. สีผสมอาหาร 1 ขวด 6. น้ำ� 300 ลบ.ซม. 7. นาฬิกาจบั เวลา 1 เรือน ทดลอง นำ�นำ้ �ผสมสีผสมอาหารเทลง ในบกี เกอรข์ นาด 100 ลกู บาศก-์ เซนติเมตร 3 ใบ ใบละ 100 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร
หนงั สือเรียนรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 11 นำ� วสั ดแุ ตล่ ะชนดิ จมุ่ ลงในบกี เกอร์ ที่ มี น�้ ำ ผ ส ม สี ผ ส ม อ า ห า ร อ ยู ่ ชนดิ ละ 1 ใบ เป็นเวลา 1 นาที แลว้ นำ� วสั ดแุ ตล่ ะชนิดออก สงั เกตปรมิ าณนำ้ �ทเ่ี หลอื ในบกี เกอร์ แต่ละใบ และบนั ทกึ ผล รูปที่ 1.7 การทดลองเปรยี บเทียบการดูดซับนำ้ �ของวัสดุ บันทกึ ผล รูปวาดปริมาณนำ้ �ผสมสผี สมอาหารในภาชนะ กอ่ นจุ่มวัสดุ (ลบ.ซม.) หลงั จุม่ วัสดุ (ลบ.ซม.) วัสดุ ควรบนั ทกึ ผลการทดลองในสมดุ ผา้ ฝ้าย กระดาษ คน้ หาคำ�ตอบ แผน่ พลาสตกิ ค้นหาค�ำ ตอบ 1. วัสดชุ นดิ ใดดูดซบั นำ้ �ไดด้ ที ่ีสดุ สังเกตจากอะไร 2. ยกตัวอยา่ งประโยชนข์ องการดดู ซบั น้ำ�ของวัสดุในชีวติ ประจำ�วัน จากการทดลองพบว่า วัสดุต่างชนิดกันมีสมบัติในการดูดซับน้ำ� แตกต่างกนั ถา้ นกั เรียนทำ�นำ้ �หกบนพน้ื จะเลือกวัสดุชนดิ ใดมาเช็ด
12 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1: วัสดุรอบตัว กจิ กรรมท่ี 3 สังเกตวสั ดทุ ไ่ี ม่ดูดซบั นำ้ � ปัญหา:�วัสดุทไ่ี ม่ดูดซับนำ้ นำไปทำวตั ถุอะไรได้บ้าง ��อุปกรณ์ ทกั ษะสรา้ งเสรมิ ความเข้าใจทคี่ งทน 1. ผ้า 1 ผนื การสังเกต 2. แผน่ พลาสติก 1 แผ่น การจำแนกประเภท 3. น้ำ 40 ลบ.ซม. การส่อื ความหมายขอ้ มูล 4. บกี เกอรข์ นาด 100 ลบ.ซม. 2 ใบ 5. นาฬิกาจบั เวลา 1 เรอื น ��ขนั้ ตอน 1. วางผา้ และแผน่ พลาสติกลงบนโตะ๊ 2. เทนำ้ ลงบนผ้าและแผน่ พลาสตกิ อย่างละ 20 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร 3. สงั เกตการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ เมอ่ื เวลาผา่ นไป 5 นาที แลว้ บนั ทกึ ผล บนั ทกึ ผล วัสดุ ผลการสังเกต ผ้า ควรบนั ทกึ ผลการสงั เกตในสมดุ แผ่นพลาสตกิ ค้นห�ค�ำ ตอบ 1. จากการทำกิจกรรม วสั ดชุ นิดใดดูดซับนำ้ ได้ 2. จากการทำกจิ กรรม วสั ดชุ นดิ ใดไมด่ ูดซบั นำ้ จากการสังเกตจะเห็นได้ว่า ผ้าดูดซับน้ำได้ดี ส่วนพลาสติก ไมด่ ูดซบั นำ้ จึงนำไปทำวตั ถุเพ่อื ใช้ประโยชน์ไดแ้ ตกตา่ งกนั
หนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 13 ยาง ยางมี 2 ประเภท คอื ยางธรรมชาตหิ รอื ยางพาราทไี่ ดม้ าจากตน้ ยาง และยางทีม่ นษุ ยผ์ ลติ ขึ้น เรียกวา่ ยางสังเคราะห์ รูปที่ 1.8 ตัวอย่างวัตถุ ที่ทำจากยาง สมบตั ิ มคี วามยดื หยนุ่ ไมด่ ดู ซบั นำ้ ไมน่ ำความรอ้ นและไฟฟา้ ทบ่ี า้ นของนกั เรยี นมวี ตั ถชุ นดิ ใดบา้ ง แตล่ ะชนดิ ทำมาจากวสั ดชุ นดิ ใด
14 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1: วัสดุรอบตวั กิจกรรมท่ี 4 สำ�รวจวัตถใุ นบ้าน ปัญหา: วัตถุสว่ นใหญ่ในบา้ นทำ�มาจากวสั ดชุ นดิ ใด อุปกรณ์ ทกั ษะสร้างเสรมิ วตั ถชุ นิดต่าง ๆ ในบา้ น ความเขา้ ใจที่คงทน การสงั เกต ข้ันตอน การจำ�แนกประเภท สำ�รวจวัตถุต่าง ๆ ในบ้านของตัวเอง การส่อื ความหมายขอ้ มลู แลว้ สงั เกตวา่ ทำ�มาจากวสั ดอุ ะไร มสี มบตั ใิ ด และบนั ทกึ ผล บนั ทึกผล รูปที่ 1.9 สำ�รวจวัตถใุ นบ้าน วัตถุในบ้าน วัสดทุ ี่ใชท้ ำ� สมบัตขิ องวัสดุ ควรบนั ทกึ ผลการสำ�รวจในสมดุ
หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป. 2 15 คน้ ห�คำ�ตอบ 1. วัตถใุ นบา้ นของนักเรียนมอี ะไรบ้าง 2. วัตถใุ นบา้ นสว่ นใหญท่ ำมาจากวสั ดุชนดิ ใด จากกจิ กรรมจะเหน็ วา่ วตั ถใุ นบา้ น แตล่ ะชนดิ ทา� มาจากวสั ดทุ แี่ ตกตา่ งกนั บางชนิดท�ามาจากวัสดุหลายชนิด ประกอบกัน การท่ีวัสดุแต่ละชนิด มีสมบัติแตกต่างกัน จึงน�ามาใช้ ประโยชน์ไดแ้ ตกต่างกัน ตรวจสอบคว�มเข้�ใจ 1. วตั ถุกับวสั ดุแตกต่างกนั ในเรอ่ื งใด 2. เหตุใดจงึ นิยมใชไ้ มเ้ ปน็ วัสดุในการกอ่ สรา้ งบ้านเรือน 3. ผ้ามีสมบตั อิ ยา่ งไร 4. ยกตวั อย่างวัตถทุ ที่ ำมาจากพลาสตกิ แหล่งสบื คน้ คว�มรู้ https://sites.google.com/site/withyasastrp2/home/ hnwy-thi6
ก�รเลอื กใชว้ สั ดุ การน�าวัสดุมาท�าเป็น วตั ถุ ตอ้ งเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสม กบั วตั ถปุ ระสงคใ์ นการใชง้ าน ดังน้นั การจะน�าวัสดุใด ๆ มาใช้จึงต้องคำนึงถึงสมบัติ ของวัสดนุ นั้ ๆ
หนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 17 เลอื กวัสดุ มาทาำ เปนวัตถุ ว่าวทาำ มาจากกระดาษ เนอื่ งจากมนี ้ำหนกั เบา สามารถตดั หรอื ดดั แปลง เป็นรูปรา่ งต่าง ๆ ได้งา่ ย ถงุ มอื ยางทาำ มาจากยาง เนื่องจากมคี วามยดื หยุ่นและทนทาน หม้อทำามาจากโลหะ เนอ่ื งจากนำความรอ้ นไดด้ ี จงึ ทำใหอ้ าหารสกุ เรว็ สว่ นหหู มอ้ ทำมาจากพลาสตกิ เพราะไมน่ ำความรอ้ น เวลาจบั จงึ ไมร่ ้อนมอื วสั ดหุ มุ้ สายไฟฟา้ ทำามาจากพลาสตกิ เนอ่ื งจากไมน่ ำไฟฟา้ จงึ ปอ้ งกนั กระแสไฟฟา้ ไหล เข้าสู่ผใู้ ช้ได้ รูปท่ี 1.10 การเลือกวสั ดมุ าทำเปน็ วตั ถุ
18 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1: วสั ดุรอบตัว รปู ที่ 1.11 ตวั อยา่ งวตั ถทุ ถี่ กู นำ�มาใชง้ าน เหมอื นกัน แตท่ ำ�มาจากวัสดุ ตา่ งชนิดกัน วตั ถุบางชนิดถูกนำ� แต่ทำ�มาจากวัสดุต่างชนิดกัน เพ่ือ ความเหมาะสมในการใช้งาน เช่น มาใช้งานเหมอื นกัน หนังสือทำ�มาจากกระดาษ พลาสติก และผ้า รปู ที่ 1.12 ตวั อยา่ งวตั ถทุ ถี่ กู นำ�มาใชง้ าน ตา่ งกนั แตท่ ำ�มาจากวสั ดชุ นดิ เดยี วกัน วัตถบุ างชนดิ ถกู นำ� แต่ทำ�มาจากวัสดุชนิดเดียวกัน เช่น มาใชง้ านตา่ งกนั เสอ้ื หมอน ตกุ๊ ตาทำ�มาจากผา้ เพราะ มคี วามออ่ นนมุ่
หนังสอื เรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 19 วัสดุบางอย่างสามารถนำ�มาผสมกัน ซึ่งทำ�ให้ได้สมบัติที่เหมาะสม เพื่อนำ�ไปใช้ประโยชนไ์ ดต้ ามต้องการ เช่น แปง้ ขา้ วเจา้ ผสมน�้ำ ตาลทรายและกะทิใชท้ �ำ ขนมครก แปง้ ขา้ วเจา้ กะทิ แปง้ ขา้ วเจ้า น�ำ้ ตาลทราย กะทิ น้ำ�ตาลทราย ขนมครก ปูนปลาสเตอรผ์ สมเย่อื กระดาษใช้ทำ�กระปุกออมสนิ ปนู เยอื่ กระดาษ กระปุกออมสนิ ปลาสเตอร์ ปนู ปลาสเตอร์ ปูนผสมหนิ ทราย และน�้ำ ใชท้ �ำ คอนกรีต ปนู หนิ ปูน น�ำ้ ทราย คอนกรตี รูปท่ี 1.13 การนำ�วัสดมุ าผสมกัน นักเรียนเคยใช้วตั ถุท่ีเกิดจากการนำ�วัสดุมาผสมกนั หรอื ไม่
20 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1: วัสดรุ อบตวั กจิ กรรมที่ 5 สำ�รวจวตั ถทุ เี่ กดิ จากการนำ�วัสดมุ าผสมกนั ปญั หา: วตั ถชุ นดิ ใดทีเ่ กดิ จากการนำ�วัสดมุ าผสมกัน ทกั ษะสรา้ งเสริม อปุ กรณ์ ความเข้าใจท่คี งทน วตั ถชุ นิดต่าง ๆ ในโรงเรยี น การสงั เกต ขน้ั ตอน การจำ�แนกประเภท สำ�รวจวตั ถุตา่ ง ๆ ในโรงเรียนทเี่ กิด การส่อื ความหมายข้อมลู จากการนำ�วสั ดุมาผสมกัน แลว้ สังเกตว่า วัตถุน้ันประกอบด้วยวัสดุชนิดใดบ้าง นำ�ไปใช้ประโยชนอ์ ะไร และบนั ทึกผล บนั ทกึ ผล วสั ดุ ประโยชน์ วัตถุ ควรบนั ทกึ ผลการสำ�รวจในสมดุ ค้นหาค�ำ ตอบ 1. การนำ�วสั ดมุ าผสมกนั มปี ระโยชน์ในลกั ษณะใด 2. ยกตัวอย่างวัตถุ 3 ชนิดท่เี กดิ จากการนำ�วสั ดมุ าผสมกนั
หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 21 น่ารู้ อนั ตรายจากของเลน่ ของเลน่ ทีไ่ ม่ควรน�ำ มาเล่น มดี งั น้ี ของเลน่ ทมี่ ีเสียงดงั มาก เพราะเปน็ อันตรายตอ่ ประสาทหู ของเลน่ ทใ่ี ชไ้ ฟฟา้ ในการทำ�งาน เพราะอาจเกิดไฟฟา้ ดูดได้ ของเลน่ ที่มลี กั ษณะเป็นช้นิ เล็ก ๆ ของเลน่ ที่ทำ�จากสที ีเ่ ป็นอันตราย แยกออกจากกนั ได้ เพราะ ต่อรา่ งกาย เพราะอาจนำ�เขา้ ปาก เป็นอนั ตรายหากนำ�เข้าปาก แล้วกลนื ลงคอ ทำ�ให้สารเคมเี ขา้ สรู่ ่างกายได้ รปู ที่ 1.14 อนั ตรายจากของเลน่
22 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1: วัสดุรอบตัว ฝก เพม�ิ พนู ทกั ษะ กิจกรรมสะเตม็ ศกึ ษา การแกป้ ัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจา� วันโดยการบรู ณาการความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบ สิ่งประดิษฐ์ผ่านกิจกรรมสะเต็มศึกษา นักเรียนสามารถศึกษาข้ันตอน ต่าง ๆ ได้จากภาคผนวก เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาเก่ียวกับ สถานการณ์ต่อไปนี้ สมดุ ภาพแสนประหยดั มนี และแบงคต์ อ้ งการนา� เสนอโครงงานหนา้ หอ้ งเรยี น โดยไมต่ อ้ งถอื กระดาษประกอบการน�าเสนอ แต่ไม่มีอุปกรณ์ จึงช่วยกันคิดว่าจะท�า อย่างไร ท�าสมดุ ภาพกนั ดไี หม เราจะนา� วสั ดุทใ่ี ชแ้ ลว้ เพราะนา� เสนอขอ้ มลู มาท�าเป็นอุปกรณส์ า� หรบั ไดม้ ากและชดั เจน นา� เสนอโครงงานอยา่ งไรดนี ะ ถา้ เราน�าวสั ดุที่ใช้แล้ว ใช่ เรามาทา� มาผสมกันนา่ จะทา� ให้ สมดุ ภาพกันเถอะ สมดุ ภาพตง้ั ตรงอย่ไู ด้ มนี และแบงคไ์ ดส้ า� รวจความคดิ เหน็ ของเพอื่ น ๆ พบวา่ เพอ่ื น ๆ ทกุ คน มีความตอ้ งการจะแก้ปัญหานี้รว่ มกัน
หนงั สอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป. 2 23 จากเรือ่ งตวั อย่าง นกั เรียนสามารถแก้ปญั หา ผ่านกระบวนการออกแบบส่งิ ประดิษฐ์ 6 ข้ันตอน ไดอ้ ยา่ งไร จากการศึกษาตัวอย่างกิจกรรมสะเต็มศึกษา เพื่อให้นักเรียนเข้าใจ กระบวนการปฏิบตั ิกจิ กรรม ให้นักเรยี นแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3–4 คน แลว้ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตอ่ ไปนี้ กิจกรรมสะเตม็ ศึกษา ขนั้ ตอน 1. สำ� รวจความคิดเหน็ รว่ มกบั เพอ่ื น ๆ แล้วเลือกปัญหาทีต่ ้องการแก้ไข อยา่ งอสิ ระเพอ่ื กำ� หนดเปน็ ปญั หาเพยี ง 1 เรอื่ งทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั วสั ดรุ อบตวั 2. คน้ ควา้ ขอ้ มลู แลว้ ออกแบบชน้ิ งานตามกระบวนการออกแบบสง่ิ ประดษิ ฐ์ ตกแต่งชนิ้ งานใหส้ วยงาม 3. น�ำเสนอผลงานท่ไี ด้ 4. ตอบค�ำถามตามขั้นตอนของกระบวนการออกแบบสิง่ ประดษิ ฐ์ ตรวจสอบความเข้าใจ 1. ยกตัวอย่างวัตถุที่น�ำมาใช้งานเหมือนกัน แต่ท�ำมาจากวัสดุต่างชนิดกัน มา 2 ชนิด 2. ยกตัวอย่างวัตถุท่ีน�ำมาใช้งานต่างกัน แต่ท�ำมาจากวัสดุชนิดเดียวกัน มา 2 ชนิด 3. ยกตวั อยา่ งวตั ถุทเี่ กดิ จากการผสมของแป้ง น้�ำตาล และกะทิมา 2 ชนดิ
ก�รน�ำ วัสดกุ ลบั ม�ใช้ใหม่ วัสดุที่ใช้แล้วอาจน�า กลับมาใช้ใหม่ได้
น่ารู้ หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป. 2 25 กลอ่ งใส่ของ วทสีน่ั าำดกทุลบั่ีใมชาแ้ใชล้ใว้หม่ได้ ดอกไม้ประดิษฐ์ ถงุ ใสข่ อง จรวดกระดาษ รูปที่ 1.15 ตัวอยา่ งวัตถุท่ที ำจากกระดาษท่ีใช้แล้ว กระถางต้นไม้ กระปกุ ออมสิน กระเปา๋ สตางค์ ดอกไม้ประดษิ ฐ์ รปู ที่ 1.16 ตวั อย่างวตั ถุทท่ี ำจากพลาสตกิ ท่ใี ชแ้ ลว้
26 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1: วสั ดรุ อบตวั พวงกญุ แจ พรมเชด็ เทา้ ถุงใส่ของ กระเปา๋ รปู ที่ 1.17 ตัวอย่างวัตถุทท่ี ำ�จากผ้าที่ใช้แล้ว ของเล่น โต๊ะและเกา้ อี้ เกา้ อ้ี กระถางตน้ ไม้ รปู ที่ 1.18 ตัวอย่างวตั ถทุ ี่ทำ�จากยางทใ่ี ช้แลว้
หนังสอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 27 ประโยชน์ ขกอลงกบั ารมน�ำาวใสั ชดทุ ้ใ่ใี หชแ้ มลว้่ การน�ำ วสั ดทุ ่ใี ชแ้ ลว้ กลบั มาใช้ใหมท่ �ำ ใหเ้ ราไดร้ บั ประโยชน์ เชน่ ลดปรมิ าณ เพิม่ รายไดจ้ าก ขยะ การนำ�วสั ดไุ ปขาย ลดงบประมาณทใ่ี ช้ ช่วยรักษา ในการกำ�จดั ขยะ สงิ่ แวดล้อม รปู ที่ 1.19 ประโยชน์ของการนำ�วสั ดุทใ่ี ชแ้ ลว้ กลบั มาใช้ใหม่ นักเรียนเคยใช้วัตถทุ สี่ ร้างมาจากวสั ดุท่ีใช้แล้วหรอื ไม่
28 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1: วัสดุรอบตัว กิจกรรมที่ 6 สืบค้นข้อมูลการนำ�วัสดุ ท่ีใช้แล้วกลับมาใชใ้ หม่ ปัญหา: วสั ดชุ นดิ ใดสามารถนำ�กลับมาใช้ใหม่ได้อกี บ้าง ทกั ษะสร้างเสรมิ อุปกรณ/์ แหล่งการเรยี นรู้ 1 เล่ม ความเข้าใจท่ีคงทน 1. สมุด การสงั เกต 2. ดนิ สอ/ปากกา 1 แท่ง/ดา้ ม การจำ�แนกประเภท 3. ห้องสมุดและอนิ เทอรเ์ นต็ การส่อื ความหมายข้อมูล ขั้นตอน นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับวัตถุท่ีได้มาจากการนำ�วัสดุท่ีใช้แล้ว กลับมาใช้ใหม่ ได้แก่ ของเล่น ของใช้ บันทกึ ผล รายการบนั ทึกผลการสบื ค้นขอ้ มลู ควรบนั ทกึ ผลการสบื คน้ ขอ้ มลู ในสมดุ คน้ หาค�ำ ตอบ 1. การนำ�วสั ดทุ ี่ใชแ้ ล้วกลับมาใช้ใหมม่ ีประโยชนใ์ นลักษณะใด 2. ยกตวั อยา่ งวตั ถใุ นบา้ นของนกั เรยี นทไี่ ดม้ าจากการนำ�วสั ดกุ ลบั มาใชใ้ หม่ วสั ดทุ ใ่ี ชแ้ ลว้ บางชนดิ สามารถนำ�กลบั มาใชใ้ หมไ่ ด้ โดยนำ�มาทำ�เปน็ ของเลน่ และของใช้ เชน่ กระดาษทใี่ ชแ้ ลว้ นำ�มาทำ�เปน็ จรวดกระดาษและ ถงุ ใสข่ อง และผา้ ที่ใช้แล้วนำ�มาทำ�เปน็ พรมเช็ดเทา้ ตรวจสอบความเขา้ ใจ 1. ชมุ ชนของนกั เรยี นมกี ารนำ� วสั ดทุ ใี่ ชแ้ ลว้ กลบั มาใชใ้ หมห่ รอื ไม่ ลกั ษณะใด 2. นักเรียนสามารถน�ำความรู้เร่ืองการน�ำวัสดุกลับมาใช้ใหม่มาประยุกต์ ใช้ให้เกิดประโยชนใ์ นลักษณะใด
หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป. 2 29 ผังมโนทัศน์ วัสดุรอบตวั ไม้ พลาสติก ผา้ วัสดุ เชน่ เหล็ก ยาง กระดาษ เ ีรยน ้รูเ ่กียว ักบ การเลอื กใช้วสั ดุ โดยใชส้ มบตั ิ เช่น การดูดซับน้ำ� ใช้ผ้าทด่ี ูดซับนำ้ �ได้ดีทำ�ผ้าเชด็ ตวั ใชพ้ ลาสตกิ ท่ไี ม่ดดู ซับนำ้ �ทำ�รม่ ฯลฯ การนำ�วสั ดุ กระดาษนำ�มาทำ�จรวดกระดาษ กลบั มาใช้ใหม่ เชน่ พลาสติกนำ�มาทำ�กระถางต้นไม้ ฯลฯ
30 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1: วสั ดุรอบตัว วสั ดทุ ี่ใช้ 1. ลกู โปง่ 1 ลูก สนุกทำ� สนุกคิด กบั วิทยาศาสตร์ 2. ยางรัด 1 เสน้ 3. กระดาษส ี 2 แผ่น วธิ ที ำ� 4. ดา้ ย 1 หลอด 5. กาว 1 ขวด 1เปา่ ลกู โปง่ 6. กรรไกร 1 เล่ม 7. ปากกาสีเมจกิ 3 แทง่ ให้มขี นาดใหญพ่ อประมาณ (ระวงั ลกู โปง่ แตก) รัดดว้ ยยางรัด 2 แลว้ ผกู ด้วยดา้ ย ตดั กระดาษสี 3 เปน็ แผน่ ยาว 2 แผน่ และตัดขอบด้านล่างใหเ้ ปน็ เสน้ ริว้ ตกแต่งใหส้ วยงาม ทากาวขอบดา้ นบนของกระดาษ ใช้ปากกาสีเมจิกวาดรูปตา 2 ขา้ ง แลว้ นำ�ไปติดรอบลูกโปง่ จมกู และปากให้สวยงาม นตกำ�แลตูกง่ โหปอ้ ่งงใไหป้สปวรยะงาดมับ
หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 31 กิจกรรมประจำ�หน่วย ทบทวนคำ�ศพั ท์และหลักการทางวิทยาศาสตร์ คำ�ชี้แจง ลากเส้นโยงสถานการณ์ทางซ้ายมือกับวัตถุที่นำ�มาใช้ให้มี ความสมั พันธ์กนั
32 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1: วสั ดรุ อบตวั ทกั ษะสรา้ งเสรมิ ความเข้าใจทีค่ งทน 1. วัตถุจากภาพที่กำ�หนดให้ทำ�มาจากวัสดุชนิดใด 2. จากรูป จำ�แนกวัตถุเหล่านี้ว่าวัตถุใดทำ�มาจากวัสดุธรรมชาติและ วัตถุใดทำ�มาจากวัสดุสังเคราะห์
หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 2 33 การประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจำ�วัน 1. เขียนช่ือวัตถุท่ีนักเรียนใช้ในชีวิตประจำ�วันมา 3 ชนิด พร้อมท้ัง ระบุวา่ แตล่ ะชนดิ ทำ�มาจากวสั ดุชนิดใด 2. ถ้านักเรียนต้องการประดิษฐ์ของเล่น 1 ชนิด จะทำ�อะไร และใช้ วสั ดุชนิดใด เพราะเหตุใดจงึ เลือกวสั ดุชนดิ นัน้ 3. เราควรนำ�ถว้ ยพลาสติกมาใสอ่ าหารทร่ี ้อนจดั หรอื ไม่ เพราะอะไร บทความชวนคิด คำ�ชี้แจง อ่านบทความต่อไปนี้แล้วตอบคำ�ถาม กิจกรรมฤดูร้อน ว่าวเป็นของเล่นท่ีต้องการแรงลมเพื่อทำ�ให้ลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ การประดิษฐ์ว่าวของแต่ละประเทศจะใช้วัสดุและรูปร่างที่แตกต่างกัน สำ�หรับว่าวไทยจะใช้ไม้ไผ่ทำ�เป็นโครงและใช้กระดาษสีต่าง ๆ ทำ�เป็น ตวั วา่ ว อาจมกี ารผกู พกู่ ระดาษหรอื ผา้ เสน้ ยาว ๆ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสวยงาม ขณะทว่ี า่ วลอยอยู่บนทอ้ งฟ้า
34 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1: วสั ดุรอบตัว คำ�ถามที่ 1: กจิ กรรมฤดรู อ้ น จุดประสงค์หลักของการนำ�กระดาษมา ทำ�วา่ วคอื อะไร 1. กระดาษมีน้ำ�หนักเบา 2. กระดาษมหี ลากหลายสี 3. กระดาษเปน็ วัสดธุ รรมชาติ 4. กระดาษไมน่ ำ�ไฟฟ้าและความรอ้ น คำ�ถามที่ 2: กิจกรรมฤดรู อ้ น แบงค์ออกแบบว่าวโดยใช้วัสดุท่ีมี ภายในบา้ น แบงคต์ ้องคำ�นึงถงึ เร่อื งใด 1. วสั ดมุ รี าคาเทา่ ใด 2. วสั ดุสวยงามหรือไม่ 3. วสั ดุเป็นของใหม่หรือของเกา่ 4. วัสดลุ อยอย่บู นทอ้ งฟา้ ไดห้ รอื ไม่ คำ�ถามที่ 3: กิจกรรมฤดูร้อน การประดษิ ฐว์ า่ วของแต่ละประเทศจะใชว้ ัสดุและรปู ร่างที่แตกตา่ งกนั คำ�ถามเกี่ยวกับเรื่องใดใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตอบได้ จงเขียน วงกลมลอ้ มรอบคำ�วา่ “ได”้ หรือ “ไมไ่ ด้” ในแตล่ ะข้อ คำ�ถามเกย่ี วกับเรอ่ื งตอ่ ไปน้ีใชก้ ระบวนการทาง ได้ หรอื ไมไ่ ด้ วทิ ยาศาสตรต์ อบไดห้ รอื ไม่ ได้/ไมไ่ ด้ วสั ดชุ นิดใดทป่ี ระดษิ ฐ์วา่ วได้สวยงามท่สี ุด ได/้ ไม่ได้ ว่าวทป่ี ระดิษฐ์จากวสั ดุชนดิ ใดลอยไดน้ านท่สี ุด ได/้ ไมไ่ ด้ วสั ดชุ นดิ ใดคมุ้ คา่ กับการลงทนุ มากที่สดุ
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: