Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม 6 คิดวิเคราะห์บทความ

เล่ม 6 คิดวิเคราะห์บทความ

Published by thanatchapron.2520, 2021-12-28 12:45:53

Description: เล่ม 6 คิดวิเคราะห์บทความ

Search

Read the Text Version

แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะการอา่ นคิดวเิ คราะห์ เลม่ ที่ ๑ คดิ วเิ คราะหจ์ ากบทความ 1

แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะการอา่ นคดิ วเิ คราะห์ เล่มท่ี ๑ คดิ วเิ คราะหจ์ ากบทความ 2 คำนำ การอ่านเป็นทักษะที่ใช้ในชีวิตประจาวัน ท้ังด้านการศึกษา การประกอบอาชีพ เป็นปัจจัยสาคัญในการ พัฒนาคนใหเ้ กิดความเจรญิ งอกงามทางสติปญั ญา โดยสะสมความรู้ที่เป็นประโยชน์จากการอ่าน เพ่ือใช้แก้ปัญหา ในชีวติ จริงโดยผ่านกระบวนการวเิ คราะห์ แบบฝึกทกั ษะการอา่ นวิเคราะหเ์ ลม่ นี้ จัดทาข้ึนเพ่ือเป็นเครื่องมือในการ พัฒนาทกั ษะการอา่ นวิเคราะห์ให้กับนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ เป็นนวัตกรรมทางการศึกษา ที่ช่วยให้นักเรียน เกิดทักษะในการอา่ นวิเคราะห์ มที ง้ั หมด ๘ เล่ม ดังนี้ เล่มที่ ๑ แบบฝกึ ทกั ษะการอ่านคิดวิเคราะหเ์ บื้องตน้ เล่มท่ี ๒ แบบฝึกทกั ษะการอา่ นคิดวิเคราะห์นิทาน เล่มท่ี ๓ แบบฝกึ ทกั ษะการอ่านคดิ วเิ คราะห์ข่าว เลม่ ที่ ๔ แบบฝึกทกั ษะการอ่านคิดวิเคราะห์โฆษณา เลม่ ที่ ๕ แบบฝึกทกั ษะการอา่ นคิดวิเคราะห์บทเพลง เลม่ ท่ี ๖ แบบฝึกทกั ษะการอา่ นคดิ วเิ คราะหบ์ ทความ เล่มที่ ๗ แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวเิ คราะห์สารคดี ผูจ้ ัดทาหวังอยา่ งย่ิงว่า แบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์เล่มนี้ จะช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจและ เกิดทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ท่ีสูงข้ึน เป็นแนวทางในการจัดกระบวนการอ่านวิเคราะห์ให้กับนักเรียนได้ตาม เจตนารมณข์ องหลักสูตรแบบฝึกเสรมิ ทกั ษะการอา่ นคิดวิเคราะหเ์ ล่มน้ีจะเป็นประโยชนต์ อ่ ผู้เรียนและครูผู้สอนวิชา ภาษาไทยเป็นอย่างมากทจ่ี ะได้พัฒนาทักษะการอ่านคดิ วเิ คราะห์ไดใ้ นระดับทดี่ ีขน้ึ และสูงขึ้นกว่าเดิม ธนชั พร ยนั ตะพันธ์

แบบฝึกเสรมิ ทกั ษะการอ่านคิดวิเคราะห์ เลม่ ที่ ๑ คดิ วิเคราะห์จากบทความ 3 สารบญั เรอื่ ง หน้า ก คานา ข สารบัญ 1 คาชแี้ จงการใช้เอกสารประกอบการเรียน ชุด การศึกษาคน้ คว้าโดยใช้ ห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้เพ่อื เสริมทักษะการอา่ น คิดวิเคราะห์ 2 คาแนะนาสาหรบั ครู 3 คาแนะนาสาหรบั นักเรยี น ๔ สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ๕ สมรรถนะสาคัญและคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ ๖ สาระสาคญั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๗ แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่อื ง คดิ วเิ คราะหจ์ ากบทความ ๑๑ ศึกษาเรยี นรู้กอ่ นอ่าน เรือ่ ง การอ่านคิดวเิ คราะห์ ๑๖ ใบความรู้ที่ ๑.๑ เรือ่ ง บทความ 1๙ แบบฝกึ เสริมทกั ษะการอา่ นท่ี ๑.๑ เรอ่ื ง การอา่ น ๒๑ จับใจความสาคัญ ๒๓ ใบความรทู้ ี่ ๑.๒ ตัวอย่างการคดิ วิเคราะห์บทความ แบบฝกึ เสริมทกั ษะการอ่านท่ี ๑.๒ เร่อื ง การอา่ นคิดวิเคราะห์ 2๖ จากบทความ ๒๙ แบบฝึกเสริมทักษะการอา่ นท่ี ๑.๓ เรอื่ ง การอา่ นคิดวิเคราะห์ ๓๕ จากบทความ ๓๙ แบบฝึกเสรมิ ทกั ษะการอา่ นท่ี ๑.๔ เรอื่ ง วิเคราะห์บทความ ๔๑ ดว้ ยแผนผังความคิด แบบทดสอบหลงั เรยี น เรอื่ ง คิดวิเคราะหจ์ ากบทความ บรรณานุกรม ประวัตผิ จู้ ัดทา

แบบฝกึ เสริมทกั ษะการอา่ นคดิ วเิ คราะห์ เล่มที่ ๑ คดิ วเิ คราะหจ์ ากบทความ 4 คาชี้แจงการใช้เอกสารประกอบการเรยี น ชดุ การศกึ ษานควา้ โดยใชห้ อ้ งสมดุ และแหล่งเรยี นรเู้ พ่อื เสรมิ ทักษะการอ่าน คดิ วิเคราะห์ ๑. เอกสารฉบับน้ีเป็นเอกสารประกอบการเรียน ชุด การศึกษาค้นคว้าโดยใช้ห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้ เพื่อเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ เล่มที่ ๑ คิดวิเคราะห์จากบทความ ใช้ประกอบ การจัดการเรียนรู้ในราย วิชา ท๒๐๒๐๖ ภาษาไทยเพือ่ การศกึ ษาคน้ ควา้ ๒ ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี อาเภอเมือง จงั หวดั อตุ รดิตถ์ สานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาพษิ ณโุ ลก อุตรดติ ถ์ 2. เอกสารประกอบการเรียน ชุด การศึกษาค้นคว้าโดยใช้ห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้เพื่อเสริมทักษะการ อา่ น คดิ วิเคราะห์ ประกอบด้วย -คาช้ีแจงการใช้เอกสารประกอบการเรียน ชดุ การศึกษาค้นคว้าโดยใชห้ อ้ งสมุดและ แหลง่ เรยี นรู้เพอื่ เสริมทักษะการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ -คาแนะนาสาหรบั ครู -คาแนะนาสาหรับนกั เรียน -สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั -สมรรถนะสาคญั /คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ -แบบทดสอบกอ่ นเรียน -สาระสาคญั และจดุ ประสงค์การเรียนรู้ -ใบความรู้ -แบบฝกึ เสริมทักษะการอา่ นคิดวเิ คราะห์ -เฉลย/แนวการตอบแบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะการอ่านคิดวิเคราะห์ -แบบทดสอบหลังเรียน -เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียนและแบบทดสอบหลังเรียน -แบบบันทึกคะแนน ๓. เอกสารประกอบการเรยี น ชดุ การศึกษาค้นคว้าโดยใชห้ อ้ งสมุดและแหลง่ เรยี นรู้เพอ่ื เสริมทักษะการ อ่าน คดิ วิเคราะห์ ใชเ้ วลาในการจดั กิจกรรมการเรยี นรรู้ วมท้ังสิ้น จานวน ๑๒ ชัว่ โมง แบ่งสาระการเรียนรอู้ อกเป็น ๕ เร่อื ง เรือ่ งละ ๑ เล่ม ดังนี้ เลม่ ที่ 1 คดิ วิเคราะหจ์ ากบทความ เล่มที่ 2 วเิ คราะห์ความงามจากรอ้ ยกรอง เล่มท่ี 3 วิเคราะห์คดั กรองขา่ วสาร เลม่ ท่ี 4 วิเคราะห์นิทานอย่างรู้คุณคา่ เล่มที่ 5 วิเคราะห์ PISA ระดับประเทศ

แบบฝกึ เสริมทักษะการอ่านคิดวเิ คราะห์ เล่มท่ี ๑ คิดวเิ คราะห์จากบทความ 5 คาแนะนาสาหรบั ครู 1. ครูจัดเตรยี มเอกสารประกอบการเรียน ชดุ การศกึ ษาคน้ ควา้ โดยใช้หอ้ งสมุดและแหล่งเรียนรู้เพ่ือเสริม ทกั ษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ วิชา ท๒๐๒๐๖ ภาษาไทย เพื่อการศึกษาค้นคว้า ๒ ระดับช้ันมัธยมศึกษา ปีท่ี ๒ ซึ่ง ประกอบด้วย แบบทดสอบก่อนเรียน สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สมรรถนะสาคัญ/คุณลักษณะท่ีพึง ประสงค์ สาระสาคัญและจุดประสงค์การเรียนรู้ ใบความรู้ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ แบบทดสอบ หลงั เรียน พร้อมเฉลย/แนวการตอบใหค้ รบถว้ น 2. ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ซ่ึงเปน็ แบบปรนัย 4 ตวั เลือก จานวน 10 ข้อ เพอื่ ประเมิน ความรเู้ ดิม 3. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรูใ้ หน้ ักเรยี นทราบก่อนการเรยี นรู้ 4. แจกแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ และแนะนาวธิ ใี ช้ 5. ดาเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยใชส้ อ่ื เอกสารประกอบการเรยี น ชดุ การศกึ ษาคน้ คว้าโดยใช้ หอ้ งสมดุ และแหลง่ เรียนรู้เพ่อื เสริมทกั ษะการอา่ น คิดวเิ คราะห์ ตามแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ไี ด้เขียนวางแผนไว้ 6. ในขณะปฏิบตั ิกจิ กรรมการเรยี นการสอน ครตู ้องสงั เกตการณ์ทางานของนักเรียนหากมีปญั หาควรให้ คาแนะนาทันที 7. หลงั จากดาเนินการจดั กจิ กรรมแลว้ ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น 8. ครูเฉลยแนวการตอบในแบบฝึกเสริมทักษะการอา่ นคดิ วิเคราะห์ เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและ แบบทดสอบหลังเรียน ๙. ครบู นั ทกึ คะแนนกิจกรรมการเรยี นรูท้ ง้ั หมดของนักเรยี นแตล่ ะคน เพอ่ื นาไปเป็นคะแนนระหวา่ งเรียน

แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคดิ วิเคราะห์ เล่มท่ี ๑ คิดวิเคราะหจ์ ากบทความ 6 คาแนะนาสาหรบั นกั เรยี น 1. อ่านคาช้ีแจงการใช้เอกสารประกอบการเรียน ชดุ การศกึ ษาค้นควา้ โดยใชห้ ้องสมุดและแหล่งเรียนรู้ เพ่อื เสรมิ ทักษะการอา่ น คิดวิเคราะห์ และคาแนะนาสาหรับนักเรียน ๒. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ซึง่ เป็นแบบปรนยั 4 ตวั เลอื ก จานวน 10 ขอ้ โดยให้ ทาลงใน กระดาษคาตอบท่ีแจกให้ ดว้ ยความมีวนิ ยั และซอื่ สัตย์สุจรติ ๓. ศกึ ษาสาระ/มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ดั สมรรถนะสาคญั /คณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์ ทาความ เข้าใจสาระสาคญั และจุดประสงค์การเรียนรู้ ๔. ศกึ ษาใบความรู้แต่ละชุดด้วยความต้งั ใจ ใฝุเรยี นใฝุรู้ และทาความเข้าใจในเน้ือหาให้ละเอยี ดชัดเจน ๕. ลงมือปฏิบัตกิ จิ กรรมในแบบฝึกเสรมิ ทักษะการอา่ นคดิ วเิ คราะหแ์ ต่ละชดุ ด้วยความตงั้ ใจ ใฝุเรยี นใฝุรู้ และมุ่งม่ันในการทางาน ๖. หากเนื้อหาในใบความรู้ชดุ ใดทีน่ กั เรยี นยังไมเ่ ขา้ ใจชัดเจน ใหก้ ลบั ไปศกึ ษาใหมห่ รอื หาความรู้เพ่ิมเติม หรือสอบถามจากครู แล้วกลบั มาทากจิ กรรมใหม่ ๗. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ซ่งึ เป็นแบบปรนัย 4 ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้ โดยให้ ทาลงใน กระดาษคาตอบท่ีแจกให้ ด้วยความมวี ินัยและซื่อสัตย์สุจรติ

แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ เลม่ ที่ ๑ คิดวิเคราะห์จากบทความ 7 สาระ/มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ดั กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ สาระที่ ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรูแ้ ละความคดิ เพอ่ื นาไปใช้ตดั สินใจแก้ปัญหาในการ ดาเนนิ ชีวติ และมนี สิ ัยรักการอา่ น ตัวชว้ี ัด ๔. อา่ นเรื่องตา่ ง ๆ แลว้ เขียนกรอบแนวคิด ผังความคดิ บนั ทกึ ยอ่ ความ และรายงาน ๖. ประเมนิ ความถกู ต้องของข้อมลู ท่ใี ชส้ นบั สนนุ ในเรือ่ งท่ีอา่ น ๙. ตีความและประเมินคุณค่าแนวคิดทไ่ี ด้จากงานเขยี นอย่างหลากหลาย ๑๐. มีมารยาทในการอา่ น สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นสอื่ สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตัวชว้ี ัด ๒. เขียนข้อความโดยใช้ถ้อยคาไดถ้ ูกตอ้ งตามระดับภาษา ๖. เขียนอธิบาย ช้ีแจง แสดงความคิดเหน็ และโต้แย้งอยา่ งมเี หตผุ ล ๗. เขียนวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ความคดิ เหน็ หรอื โต้แยง้ ในเร่อื งตา่ ง ๆ สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณค่าและ นามาประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ ตัวชี้วัด ๒. วิเคราะหว์ ิถีไทยและคณุ ค่าจากวรรณคดีและวรรณกรรมที่อา่ น

แบบฝกึ เสริมทักษะการอา่ นคดิ วเิ คราะห์ เลม่ ท่ี ๑ คดิ วเิ คราะห์จากบทความ 8 สมรรถนะสาคญั และคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ สมรรถนะสาคญั ๑. มีความสามารถในการสอื่ สาร ๒. มคี วามสามารถในการคดิ ๓. มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยี คุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ 1. ซ่อื สตั ยส์ ุจริต 2. มีวนิ ยั 3. ใฝุเรยี นรู้ ๔. มุ่งมั่นในการทางาน ทักษะกระบวนการ ๑. ทกั ษะการอา่ นอยา่ งมวี จิ ารณญาณ ๒. ทักษะการอา่ นคดิ วิเคราะห์ ๓. ทักษะกระบวนการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง

แบบฝกึ เสริมทักษะการอา่ นคดิ วิเคราะห์ เลม่ ที่ ๑ คิดวิเคราะหจ์ ากบทความ 9 สาระสาคญั การอ่านคดิ วเิ คราะห์ เป็นทกั ษะการอา่ นในระดับทส่ี ูงข้ึนกวา่ การอา่ นทั่วไปท่ีมิใช่ เป็นการอ่านเพื่อความรู้ และความเพลิดเพลินเท่าน้ัน แต่ยังต้องมีการวิเคราะห์ส่ิงที่ผู้เขียนได้เขียนออกมาในแง่ ต่าง ๆ แล้วคิดพิจารณา ไตร่ตรองด้วยเหตุผลว่า เนือ้ ความท่ีอา่ นน้นั สว่ นใดเป็นสาระหรอื ไมเ่ ปน็ สาระ ส่วนใดควรเชื่อถือหรือไม่ควรเช่ือถือ รวมทงั้ พิจารณาจุดประสงคแ์ ละทัศนะของผเู้ ขยี น ทงั้ น้เี พอื่ แยกแยะและเลอื กเฟูนสาระทดี่ ไี วใ้ ช้ประโยชน์ บทความ เป็นข้อเขียนความเรียงท่ีมีจุดประสงค์เพ่ือแสดงความรู้เสนอข้อเท็จจริง ความคิดเห็น ต้ังข้อสังเกต วิเคราะห์วิจารณ์ โดยมีหลักฐาน มีเหตุผลน่าเช่ือถือ หากมีข้อเสนอแนะใด ๆ ต้องเป็นในทาง สร้างสรรค์ ดังนน้ั การคิดวเิ คราะห์จากบทความ ผอู้ า่ นจะตอ้ งอา่ นอย่างมีวิจารณญาณ คิดไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล สามารถแสดงความคดิ เหน็ ต่อบทความนนั้ ได้อยา่ งตรงประเดน็ จดุ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. เพื่อให้นักเรยี นมีความรู้ ความเข้าใจหลกั การอ่านคดิ วเิ คราะห์ (K) 2. เพอ่ื ให้นกั เรยี นสามารถแยกแยะขอ้ มลู วิเคราะห์และสังเคราะห์ขอ้ มลู จากบทความทอ่ี า่ นได้ (K) ๓. นกั เรียนสามารถศกึ ษาเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองและใช้กระบวนการอ่านคิดวเิ คราะหบ์ ทความท่อี ่านได้ (P) ๔. เพอื่ ปลูกฝงั ให้นกั เรยี นเปน็ ผ้มู ีความซ่ือสัตยส์ ุจรติ มวี ินยั ใฝุเรยี นรู้ และมุง่ มัน่ ในการทางาน (A)

แบบฝกึ เสริมทักษะการอา่ นคิดวเิ คราะห์ เล่มท่ี ๑ คิดวิเคราะหจ์ ากบทความ 10 แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ือง คดิ วเิ คราะห์จากบทความ คาชีแ้ จง 1. แบบทดสอบมที ้งั หมด 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน 2. ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบทีถ่ กู ที่สดุ เพียงคาตอบเดียว แล้วทาเครื่องหมาย Xลงในกระดาษคาตอบ --------------------------------------------------------- ๑. การอา่ นคิดวิเคราะห์ หมายถงึ ข้อใด ก. การอ่านอย่างถกู ตอ้ งสามารถจบั ใจความสาคญั ได้ ข. การอา่ นอยา่ งเพลิดเพลนิ สามารถเข้าใจเรื่องได้อย่างรวดเรว็ ค. การอา่ นอยา่ งใคร่ครวญสามารถแยกแยะสรปุ เรอื่ งอย่างมีเหตุผล ง. การอ่านอยา่ งเปน็ ระบบทัง้ อา่ นในใจอา่ นออกเสียงถูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี 2. ข้อใดเป็นลักษณะของบทความ ก. งานเขยี นความเรยี งทีม่ ีจดุ ประสงค์เพื่อแสดงความรแู้ ละจนิ ตนาการของผ้เู ขยี นอยา่ งสร้างสรรค์ ข. งานเขยี นรอ้ ยกรองทีม่ จี ุดประสงคเ์ พอื่ แสดงความรู้ความคดิ เห็นตอ่ ส่งิ ต่าง ๆ อย่างมสี าระ สรา้ งสรรค์ และมเี หตผุ ลท่นี ่าเชอื่ ถอื ค. งานเขยี นร้อยแกว้ หรอื ร้อยกรองที่มจี ดุ ประสงค์เพื่อเสนอความคิดเหน็ ของผเู้ ขยี น ในรูปแบบตา่ ง ๆอย่างมีประโยชน์ ง. งานเขียนความเรยี งท่มี ีจุดประสงค์เพือ่ แสดงความรู้ เสนอข้อเท็จจริง ความคดิ เห็นโดยมีหลักฐานและ เหตผุ ลที่น่าเชื่อถือ ๓. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้องเก่ยี วกบั ลักษณะของการอา่ นคิดวิเคราะห์ ก. มะลอิ ่านนิทานแล้วเลา่ เรอ่ื งย่อใหเ้ พือ่ นฟังได้ ข. ราตรีอ่านเรอ่ื งสามคั คเี สวกแล้วบอกข้อคดิ ที่ได้รับจากเรื่องได้ ค. กหุ ลาบอา่ นโคลงสุภาษติ แล้วจบั ใจความสาคญั ได้ ง. พกิ ลุ อา่ นและท่องบทอาขยานไดถ้ กู ตอ้ งและไพเราะมาก อ่านขอ้ ความต่อไปนแี้ ลว้ ตอบคาถามข้อ 4-5 “ปัจจุบันมผี ู้ติดยาเสพติดเป็นจานวนมาก โดยเฉพาะกลมุ่ เยาวชนจะติดยาเสพติดมากกว่า กลุ่มคนกลุ่ม อื่น และท่นี ่าเป็นห่วงกาลังแพร่ระบาดสู่เด็กนักเรียนวัย ๙-๑๐ ปี สาเหตุอาจเป็นเพราะถูกเพ่ือนชักจูงให้ลองเสพ อยากรู้ อยากลอง ถูกลอ่ ลวง และสาเหตุสาคญั อีกประการหน่ึง คอื การขาดความอบอุ่นในครอบครัว ปัญหา พอ่ แม่หย่ารา้ งกนั ผใู้ หญไ่ มไ่ ด้สนใจดแู ลหรือเปน็ ทพ่ี ่งึ ของเดก็ ได้ เดก็ เกดิ ความวา้ เหวไ่ ม่รูจ้ ะปรึกษาใครเลยหันไปหา ยาเสพติด”

แบบฝกึ เสริมทกั ษะการอา่ นคดิ วเิ คราะห์ เล่มท่ี ๑ คิดวเิ คราะห์จากบทความ 11 4. ผ้ปู กครองควรปฏบิ ัติตอ่ เด็กอย่างไรท่เี ป็นวิธีดที ส่ี ุด เพ่ือไมใ่ หเ้ ดก็ ติดยาเสพติด ก. ให้ความรักความอบอุน่ และ ให้คาปรกึ ษาอย่างใกลช้ ดิ ข. สอดส่องติดตามทกุ ฝีกา้ วเม่อื เด็กนัดรวมกลุ่มกนั และแจ้งครู ค. สอนใหล้ ูกรจู้ กั เลือกคบเพ่อื นท่ดี ี มฐี านะ เพือ่ จะได้ไมม่ ปี ญั หาพงึ่ พายาเสพตดิ ง. เสนอกฎเกณฑใ์ นการเรยี นและความประพฤตอิ ย่างเข้มงวดทั้งท่บี า้ นและโรงเรยี น ๕. จดุ ม่งุ หมายของผู้เขยี นบทความน้ีคอื ข้อใด ก. บอกวัตถปุ ระสงค์ในการใช้ยาเสพติดในวยั รุ่น ข. เพือ่ ใหร้ ู้ถึงสาเหตทุ ่ีทาให้วยั รุ่นติดยาเสพติด ค. เพ่อื ให้รถู้ งึ โทษของยาเสพตดิ ง. เพอื่ แจ้งจานวนกลมุ่ ผู้ตดิ ยาเสพติด อ่านขอ้ ความต่อไปนแี้ ล้วตอบคาถามข้อ 6 “คุณครคู ะ วันนีต้ อนเดนิ มาโรงเรียนหนูเหน็ คนตาบอดเดินถือไม้เท้าคลาทางมาตรงทางม้าลายกาลงั จะขา้ มถนน เขาเดินเซไปเซมาเหมอื นจะลม้ ลงค่ะ หนูจึงเขา้ ไปประคองแลว้ จูงมอื เขา ช่วยพาเดินข้ามถนน เขาชมและขอบใจหนูดว้ ยค่ะ” 6. คุณธรรมขอ้ ใดสอดคลอ้ งกับความหมายของขอ้ ความน้ีมากทสี่ ดุ ก. ความโอบออ้ มอารี ข. ความเมตตากรณุ า ค. ความเอื้อเฟ้ือเผ่อื แผ่ ง. ความวิรยิ ะอตุ สาหะ อ่านข้อความต่อไปนแี้ ล้วตอบคาถามข้อ ๗-๘ “แฝกเปน็ หญ้าชนิดหนึ่ง ขึ้นเป็นกอ ใบแบนยาว ใชม้ ุงหลังคาและใช้ทายา เปน็ พืชท่มี รี ะบบรากลึก เม่ือปลูกแล้วจะช่วยรักษาหน้าดิน พระองค์จึงทรงแนะนาให้นาหญ้าชนิดน้ีไปปลูกเป็นข้ันบันได เพ่ือเป็นการ ปูองกันการพังทลายของหน้าดิน เพราะเมื่อฝนตกลงมาหญ้าแฝกจะช่วยดูดซึมน้าไว้ ไม่ทาให้ดินและน้าไหลไปสู่ ที่อื่น ทาใหเ้ ขตพ้นื ท่ี ในแถบนัน้ มีความชุม่ ชื้น...” ๗. พระองค์ ในทนี่ ห้ี มายถงึ ใคร ก. พระสงฆ์ ข. พระพุทธรูป ค´ นายกรัฐมนตรี ง. พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว

แบบฝึกเสรมิ ทักษะการอ่านคดิ วิเคราะห์ เล่มท่ี ๑ คดิ วเิ คราะหจ์ ากบทความ 12 อ่านข้อความต่อไปนแี้ ล้วตอบคาถามขอ้ 9-10 “ฝนพร่าตั้งแตเ่ มอ่ื วานเยน็ จนกระทัง่ เชา้ ก็ยงั ไมห่ ยดุ ใครจะบ่นอย่างไรก็หาฟังไม่ มนั คงตกเรื่อยไป หน้าน้ี ฤดฝู น มันทาหน้าท่ีของมันแล้วโดยชอบ หากฤดูฝน ฝนไม่ตกสิน่าประหลาด มันอยู่ห่างดินแต่มีทีท่ารักดิน รักน้า รกั พฤกษาลดาวลั ยเ์ สียเหลอื เกนิ อาจเปน็ เพราะมนั ข้นึ ไปจากนา้ กระมัง ทานองเดยี วกับมนุษย์ย่อมมีหน้าท่ีอย่างใด อย่างหน่ึง จึงควรทาหน้าท่ขี องตนให้สมบูรณ์ที่สดุ ตามกาลังความสามารถ มนุษย์ที่ทาหน้าท่ี ใครเล่าจะตาหนิหาก ถูกตาหนิกฟ็ งั เฉยเสียเหมอื นฝน” 9. ผู้เขยี นแนะนาให้ผู้อ่านทาตัวเช่นเดียวกับฝนในเร่อื งใด ก. มคี วามรบั ผิดชอบ ข. มีความซื่อสตั ย์ ค. มีความเสยี สละ ง. มคี วามเมตตา 10. สาระสาคัญของขอ้ ความนีค้ ืออะไร ก. ฝนควรภมู ิใจท่ไี ด้ทาหน้าท่ขี องมันอย่างสมบูรณ์ ข. มนุษย์ควรทาหน้าท่ีของตนให้สมบูรณ์ท่สี ุดตามความสามารถ ค. ฝนตกต้องตามฤดูกาล มนั คงทาหนา้ ที่อยา่ งครบถว้ น โดยไมห่ วงั อามิสสนิ จา้ งใด ๆ ง. คนท่คี ิดวา่ ตนไดก้ ระทาความดีแลว้ หากถูกตาหนิก็ไม่ควรหว่นั ไหวหรอื โกรธเคือง

แบบฝกึ เสริมทกั ษะการอ่านคิดวิเคราะห์ เล่มท่ี ๑ คดิ วเิ คราะห์จากบทความ 13 ศกึ ษาเรยี นอ่าน เรอ่ื ง การอา่ นคดิ วเิ คราะห์ ความหมาย ของการอ่านคิดวิเคราะห์ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๖ (ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๔๖ : ๒๕๑) ให้ความหมายของคาว่า “คิด” หมายถึง ทาให้ปรากฏเป็นรูป หรือประกอบให้เป็นรูปหรือเป็นเร่ืองขึ้นในใจ ใครค่ รวญไตร่ตรอง คาดคะเน คานวณ มุ่ง จงใจ ตัง้ ใจ คาว่า “วิเคราะห์” (ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๔๖ : ๑๐๗๑) ให้ความหมายว่าใคร่ครวญ แยกออกเป็น สว่ น ๆ เพ่อื ศึกษาใหถ้ อ่ งแท้ คาว่า “คิดวเิ คราะห”์ หมายความวา่ การคดิ ใคร่ครวญไตรต่ รอง แยกเรื่องราวออกเป็นส่วน ๆ เพ่ือศึกษา อยา่ งละเอียดรอบคอบ การอ่านคิดวิเคราะห์ เป็นการอ่านเพ่ือคิดพิจารณาและไตร่ตรองด้วยเหตุผลว่า เนื้อความท่ีอ่านน้ัน สว่ นใดเป็นสาระหรือไม่เป็นสาระ ส่วนใดเป็นข้อเท็จจริง ส่วนใดเป็นข้อคิดเห็น ส่วนใดควรเช่ือถือหรือไม่ รวมท้ัง พจิ ารณาจดุ ประสงคแ์ ละทศั นะของผู้เขียน ทงั้ น้เี พ่อื แยกแยะและเลือกเฟูนสาระทด่ี ไี ว้ใช้ประโยชน์ต่อไป การอ่านคิดวิเคราะห์เป็นทักษะการอ่านในระดับที่สูงขึ้นกว่าการอ่านท่ัว ๆ ไป ท่ีมิใช่เป็นการอ่าน เพ่อื ความรู้และความเพลดิ เพลนิ เท่าน้ัน แต่ยังต้องมีการวิเคราะห์พิจารณาไตร่ตรองในส่ิงท่ีผู้เขียนได้เขียนสื่อสาร ออกมาว่าถูกตอ้ งหรอื ไม่ เหน็ ด้วยหรอื ไม่ เพราะเหตุใด เรื่องน้ันให้ข้อคิดหรือคุณค่าอย่างไรบ้าง เราจะนาไปใช้ให้ เกิดประโยชน์ไดอ้ ยา่ งไร

แบบฝึกเสรมิ ทักษะการอา่ นคิดวเิ คราะห์ เลม่ ท่ี ๑ คดิ วเิ คราะห์จากบทความ 14 หลักการอ่านคดิ วเิ คราะห์เบื้องตน้ หลกั การอ่านคดิ วิเคราะห์ 1. ดูรปู แบบของงานประพนั ธ์ว่าใชร้ ปู แบบใด 2. แยกเนอื้ เรื่องออกเปน็ ส่วน ๆ ใหเ้ ห็นวา่ ใคร ทาอะไร ทไี่ หน อยา่ งไรเมอื่ ไร 3. แยกพิจารณาแต่ละส่วนใหล้ ะเอียดลงไปวา่ ประกอบกนั อย่างไร หรือประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง 4. พิจารณาใหเ้ ห็นว่าผเู้ ขียนใช้กลวิธีเสนอเร่อื งอย่างไร 5. ลาดบั เหตุการณ์ ตามเหตุผล 6. พจิ ารณาความคดิ ทีผ่ เู้ ขียนตอ้ งการสื่อใหผ้ อู้ ่านทราบ และความหมายทแ่ี ฝงอยู่ในเนอ้ื เร่ืองหรอื ข้อความนน้ั ๗. พิจารณาเพือ่ วิเคราะห์ ประเมนิ ค่าของเรื่องทอี่ า่ น และการนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ๘. เมื่ออ่านพิจารณา ขอ้ ความ บทความ เนื้อเรอ่ื งเสร็จแล้วจึงตอบคาถาม

แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ เล่มท่ี ๑ คิดวเิ คราะหจ์ ากบทความ 15 ประโยชน์ของการอา่ นคิดวเิ คราะห์ ประโยชนข์ องการอา่ นคดิ วเิ คราะห์ การอ่านคิดวิเคราะห์ นอกจากจะทา ให้ผอู้ า่ นไดร้ บั ความรู้ ความคดิ และความ เพลิดเพลิน เป็นเบือ้ งตน้ แล้ว ยงั กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์เฉพาะอกี หลายประการ คอื 1. ชว่ ยทาให้ผอู้ า่ นได้เหน็ ภาพของ งานเขยี นทกุ ส่วนวา่ ประกอบดว้ ยอะไร อย่ใู น ลักษณะใด พรอ้ มทัง้ มองเหน็ ความสัมพนั ธ์ ของขอ้ มูลทอี่ า่ นนน้ั 2. สามารถแยกแยะประเด็นขอ้ มูล ได้ว่า สว่ นใดเป็นขอ้ เท็จจรงิ และสว่ นใดเปน็ ขอ้ คดิ เหน็ 3. ทาให้เปน็ คนใฝุรู้ และเพ่ิมประสิทธิภาพการอ่าน ตลอดจนได้เลง็ เหน็ คุณคา่ ของงานเขียน 4. เปน็ การกระต้นุ ให้เกดิ ความคดิ มีทัศนะและวิสัยทศั น์ทกี่ ว้างไกล เป็นคนมีเหตุผล 5. ช่วยให้เกิดทักษะในการอา่ นสิ่งพมิ พ์ประเภทตา่ ง ๆ สามารถเลือกเฟูน ในส่ิงทีต่ นตอ้ งการอา่ นไดจ้ าก ข้อมลู ขอ้ เขยี นประเภทต่าง ๆ นั้น 6. ก่อให้เกดิ ความรู้ ความคิดกวา้ งขวาง ตามแนวทางประชาธิปไตย ยอมรับฟังความคดิ ของผู้อน่ื และรู้จกั ตดั สินใจในสง่ิ ท่ดี ที ี่สดุ ดว้ ยตนเอง 7. ช่วยให้รู้จักประเมนิ ค่าเร่อื งท่ไี ดอ้ ่านดว้ ยความรอบคอบและดว้ ยเหตุผลสามารถนาสิง่ ทไ่ี ด้รบั ไปใช้ ประโยชน์ในการดาเนนิ ชวี ิตและแกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ

แบบฝึกเสรมิ ทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ เลม่ ที่ ๑ คดิ วเิ คราะหจ์ ากบทความ 16 องคป์ ระกอบของการคดิ วิเคราะห์ ๑. ความสามารถในการตคี วาม การตีความ หมายถึง การพยายาม ท า ค ว า ม เ ข้ า ใ จ แ ล ะ ใ ห้ เ ห ตุ ผ ล แ ก่ สิ่ ง ท่ี เ ร า ต้ อ ง ก า ร จะวิเคราะห์ เพื่อแปลความหมายท่ีไม่ปรากฏโดยตรง ของสิ่งนั้น เป็นการสร้างความเข้าใจต่อสิ่งที่ต้องการ วิเคราะห์ โดยส่งิ นน้ั ไม่ไดป้ รากฏโดยตรง ๒. ความรูค้ วามเข้าใจในเร่อื งที่จะวิเคราะห์ การคิดวเิ คราะห์ได้ดีน้ันจาเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจพื้นฐานในเรื่องน้ัน ๆ เพราะความรู้จะช่วย ในการกาหนดขอบเขตของการคิดวิเคราะห์ แจกแจง แ ล ะ จ า แ น ก ไ ด้ ว่ า เ ร่ื อ ง น้ั น เ ก่ี ย ว ข้ อ ง กั บ อ ะ ไ ร มอี งค์ประกอบย่อย ๆ อะไรบ้าง มีกีห่ มวดหมู่ จัดลาดับความสาคัญอยา่ งไร และรวู้ ่าอะไรเป็นสาเหตกุ ่อให้เกิดอะไร ๓. ความช่างสังเกต ช่างสงสยั และชา่ งถาม ขอบเขตของคาถามเก่ียวข้องกับการคิดวิเคราะห์จะยึดหลักการตั้งคาถามโดยใช้หลัก 5w๑H คือ ใคร (Who) ทาอะไร (What) ทไ่ี หน (Where) เมือ่ ไร (When) เพราะเหตุใด (Why) อยา่ งไร (How) ๔. ความสามารถในการหาความสมั พนั ธ์เชิงเหตุผล เป็นการคิดเชงิ วเิ คราะห์ จะเกิดขึน้ เมื่อเกดิ ความไม่ชัดเจน เกดิ ข้อสงสัยและเกดิ คาถามท่ตี อ้ งการหา คาตอบวา่ อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดสง่ิ นน้ั เหตใุ ดจงึ เป็นเชน่ น้ัน เร่อื งนน้ั เชือ่ มกบั เรอ่ื งนี้ได้อยา่ งไร เร่ืองน้มี ใี คร เกย่ี วข้องบา้ ง เกี่ยวข้องอยา่ งไร เป็นตน้

แบบฝกึ เสริมทักษะการอา่ นคิดวเิ คราะห์ เล่มท่ี ๑ คิดวิเคราะห์จากบทความ 17 เอกสารประกอบการเรียน ชุด การศึกษาค้นคว้าโดยใชห้ ้องสมดุ และแหลง่ เรียนรู้เพอ่ื พฒั นาการอ่านคิดวิเคราะห์ เลม่ ที่ ๑ คดิ วิเคราะหจ์ ากบทความ

แบบฝกึ เสริมทักษะการอ่านคดิ วเิ คราะห์ เล่มท่ี ๑ คดิ วเิ คราะห์จากบทความ 18 ใบความรทู้ ่ี ๑.๑ เร่ือง บทความ ความหมายและลักษณะของบทความ บทความ หมายถึง ข้อเขียนซึ่งอาจจะเป็น รายงานหรือการแสดงความคิดเห็น มักตีพิมพ์ใน หนังสอื พิมพ์ วารสาร สารานุกรม เปน็ ต้น บทความจึงเป็นความเรียงประเภทหน่ึงซึ่งมี จุดประสงค์หลายลักษณะ เช่น เพ่ือแสดงความรู้ เสนอ ข้อเท็จจริง ความคิดเห็น ตั้งข้อสังเกต วิเคราะห์วิจารณ์ ฯลฯ โดยต้องเขียนอย่างมีหลักฐานมีเหตุผล น่าเช่ือถือ หากมีข้อเสนอแนะใด ๆ ตอ้ งเปน็ ในทางท่ีสรา้ งสรรค์ ประเภทของบทความ ประเภทของบทความแบ่งตามเนอื้ หาบทความไดเ้ ปน็ ๑๑ ประเภท ได้แก่ ๑. บทบรรณาธิการ เป็นบทความแสดงความคิดเห็นลักษณะหนึ่งที่เขียนข้ึน เพ่ือแสดงแนวคิดหลักของ หนังสือพิมพฉ์ บบั น้ัน ๆ ต่อเรอื่ งใดเร่ืองหนง่ึ ๒. บทความสัมภาษณ์ เป็นบทความท่ีเขียนขึ้นจากการสัมภาษณ์บุคคลเกี่ยวกับความคิดเห็นต่อเร่ืองใด เร่อื งหน่ึงหรือหลายเร่อื ง หรือเกยี่ วกับชีวติ ของบคุ คลนนั้ หรือจากการสัมภาษณ์บุคคลหลายคนในหวั ข้อเดียวกัน ๓. บทความแสดงความคิดเห็นท่ัว ๆ ไป มเี นือ้ หาหลายลักษณะ เชน่ หยิบยกปญั หา เหตุการณ์หรือเร่ืองที่ประชาชนสนใจมาแสดงความคิดเห็น หรือผู้เขียนเสนอ ความคิดเห็นสนับสนุนหรือคัดค้าน หรอื ท้งั สนบั สนนุ และคดั คา้ นความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งเดยี วกันของคนอน่ื ๆ เป็นตน้ ๔. บทความวิจารณ์ เขียนเพอื่ แสดงความคิดเห็นในเชงิ วิจารณ์เร่อื งราวทต่ี อ้ งการวิจารณ์ ด้วยเหตุผลและ หลักวชิ าเปน็ สาคญั ๕. บทความวิเคราะห์ เปน็ บทความแสดงความคิดเห็นอยา่ งหน่งึ ซงึ่ ผู้เขยี นจะพจิ ารณาเรื่องใดเร่ืองหน่ึงที่ เผยแพร่มาแล้วอย่างละเอียด โดยแยกแยะให้เห็นส่วนต่าง ๆของเรื่องน้ัน ผู้เขียนเสนอความคิดและวิเคราะห์ เหตุการณ์เรื่องราวน้ันอย่างละเอียด แสดงข้อเท็จจริงเหตุผลเพื่อให้ผู้อ่านได้ความรู้ ความคิดเห็นเพ่ิมเติม เกิด ความคิดทช่ี ดั เจนยิง่ ขึ้น แบง่ เปน็ บทความวิเคราะห์ข่าวและบทความวิเคราะห์ปญั หา

แบบฝึกเสรมิ ทกั ษะการอ่านคดิ วิเคราะห์ เล่มที่ ๑ คิดวิเคราะหจ์ ากบทความ 19 ๖. บทความสารคดีท่องเท่ียว มีเนื้อหาแนวบรรยายเล่าเรื่องเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่มีทศั นียภาพสวยงามหรอื มีความสาคัญในด้านต่าง ๆ เพ่ือแนะนาให้ผู้อ่านรู้จักสถานที่ท่องเที่ยว ชักชวนให้สนใจ ไปพบเหน็ สถานที่นัน้ ๆ ๗. บทความกงึ่ ชวี ประวัติ เปน็ การเขียนบางส่วนของชีวิตบุคคลเพื่อให้ผู้อ่านทราบ โดยเฉพาะคุณสมบัติ หรือผลงานเด่นท่ีทาให้บุคคลนั้นมีชื่อเสียง ประสบความสาเร็จในชีวิต เพื่อช่ืนชม ยกย่องเจ้าของประวัติและชี้ให้ ผู้อ่านไดแ้ งค่ ดิ เพอ่ื เป็นแนวทางในการดาเนินชวี ติ ๘. บทความรอบปี เป็นบทความที่มีเนื้อหาแนวบรรยาย เล่าเร่ืองเก่ียวกับเรื่องราว เหตุการณ์ พิธีการใน เทศกาลหรอื วันสาคญั เชน่ วนั สาคญั ทางศาสนา ทางประวัตศิ าสตร์ ทางวัฒนธรรม เกี่ยวกบั บุคคลสาคัญ เป็นต้น ๙. บทความใหค้ วามรทู้ ัว่ ไป ผู้เขียนจะอธิบายใหค้ วามรู้และคาแนะนาในเรือ่ ง ทว่ั ๆ ไปที่ใชใ้ นการดาเนิน ชีวิตประจาวนั เช่น มารยาทการเข้าสังคม การแตง่ กายให้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคลกิ ภาพ เคลด็ ลับการครอง ชีวติ คู่ เปน็ ต้น ๑๐. บทความเชิงธรรมะ จะอธิบายข้อธรรมะให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย หรือใหค้ ติ ในแนวทางการดาเนินชีวิต ตามแนวพระพุทธศาสนา เสนอหาทางแก้ปัญหาตามแนวพุทธปรชั ญา ๑๑. บทความวิชาการ มีเน้ือหาแสดงข้อเท็จจริง ข้อความรู้ทางวิชาการเรื่องใดเรื่องหน่ึงในสาขาวิชาใด วชิ าหนง่ึ โดยเฉพาะ

แบบฝกึ เสริมทกั ษะการอ่านคดิ วเิ คราะห์ เล่มท่ี ๑ คดิ วเิ คราะห์จากบทความ 20 ลักษณะของบทความท่ีดี ลกั ษณะของบทความทดี่ ี ควรมีลกั ษณะ ๔ ประการ ดังน้ี ๑. เอกภาพ กลา่ วคือ เนอื้ หาของบทความมีความเป็นอันหนึ่งอนั เดียวกัน มีทศิ ทางของเนือ้ หาไปในทาง เดียวกนั เพื่อมุ่งสปู่ ระเด็นหลกั ทตี่ ้องการนาเสนอ ๒. สารตั ถภาพ กลา่ วคอื ผเู้ ขยี นตอ้ งเนน้ ย้าประเดน็ สาคัญให้ชัดเจนว่า ตอ้ งการนาเสนอแนวคดิ สาคัญ อะไร ประโยคใจความสาคัญหรอื สาระสาคัญท่โี ดดเด่นคืออะไร ๓. สมั พันธภาพ กล่าวคือ มีความสัมพนั ธ์กันโดยตลอด ท้ังในดา้ นการเรียบเรยี งถอ้ ยคา ข้อความ และ การจัดลาดับเรื่องทุกประโยคในแต่ละยอ่ หน้า และยอ่ หนา้ ในแต่ละเรอ่ื งต้องเชอ่ื มโยงเข้าด้วยกนั ดว้ ยการใชค้ าเช่อื ม ขอ้ ความ ๔. ความสมบูรณ์ กล่าวคอื มีความสมบรู ณ์ในด้านเนื้อหา มีเนอื้ ความชดั เจนกระจ่างแจง้ อธบิ ายได้ ครอบคลุมความคิดหลกั ท่ีต้องการนาเสนอ ข้อมูลทน่ี าเสนอเป็นขอ้ เท็จจรงิ ทถ่ี กู ตอ้ ง หากเป็นความคดิ เห็นตอ้ งมี ความสมเหตสุ มผล องคป์ ระกอบของบทความ การเขียนบทความ ควรมีองค์ประกอบดงั ต่อไปน้ี ๑. ชอ่ื เรือ่ ง ต้องสือ่ ความหมายอยา่ งชัดเจนวา่ ผู้เขียนต้องการนาเสนอเรือ่ งอะไร ๒. ส่วนเกริ่นนา หรอื คานา เป็นการนาผอู้ า่ นเขา้ ส่เู ร่อื ง ๓. ส่วนเน้ือเรอ่ื ง เป็นสว่ นของการดาเนนิ เรือ่ งทั้งหมด ๔. สว่ นสรปุ เป็นสว่ นสรปุ จดุ ยืนของผเู้ ขียนทมี่ ีต่อเรื่องและวตั ถุประสงคใ์ นการเขียน Reading

แบบฝึกเสรมิ ทกั ษะการอา่ นคดิ วิเคราะห์ เลม่ ท่ี ๑ คดิ วเิ คราะหจ์ ากบทความ 21 แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะการอา่ นที่ ๑.๑ เรอื่ ง การอ่านจบั ใจความสาคญั คาช้ีแจง จากการอา่ นและศกึ ษาใบความรู้ที่ ๑.๑ จงสงั เคราะหอ์ งค์ความรแู้ ละ จับใจความสาคญั แล้ว ตอบคาถามต่อไปน้ี โดยเขียนลงในชอ่ งว่างท่กี าหนดใหถ้ กู ตอ้ ง ชัดเจน เขยี นตัวหนงั สอื ให้อ่านง่าย สะอาดเรยี บรอ้ ย (คะแนน ๑๐ คะแนน) ๑. นักเรยี นเขา้ ใจความหมายของคาว่า “บทความ” ว่าอยา่ งไรเขียนสรุปสั้น ๆ ไดใ้ จความ (๑ คะแนน) .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ๒. จงให้ความหมายของคาวา่ “บทความวิเคราะห์” มาให้ความเขา้ ใจ (๑ คะแนน) .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ๓. บทความเรอื่ ง “ดอยตุงแสนงาม” เปน็ บทความประเภทใด (๑ คะแนน) .................................................................................................................................................................................... ๔. บทความเร่ือง “รู้โลก ไมร่ ู้ธรรม ตกนรก” เปน็ บทความประเภทใด (๑ คะแนน) .................................................................................................................................................................................... ๕. ลักษณะของบทความสารัตถภาพ มีลักษณะอย่างไร (๑ คะแนน) .................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ๖. ลักษณะของบทความสมั พันธภาพ มีลกั ษณะอยา่ งไร (๑ คะแนน) ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ๗. ลกั ษณะของบทความท่ีเป็นเอกภาพ มีลักษณะอยา่ งไร (๑ คะแนน) ................................................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………….………. ๘. ลกั ษณะของบทความสมบูรณ์ มีลักษณะอย่างไร (๑ คะแนน) .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................... ๙. จงบอกองค์ประกอบของบทความทีด่ วี า่ ควรประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง อธบิ ายสน้ั ๆ (๒ คะแนน คาตอบละ ๐.๕ คะแนน) ................................................................................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….

แบบฝึกเสริมทักษะการอา่ นคิดวเิ คราะห์ เล่มที่ ๑ คิดวิเคราะหจ์ ากบทความ 22 ใบความรทู้ ี่ ๑.๒ ตัวอยา่ งการคดิ วเิ คราะหบ์ ทความ บทความ เรอื่ ง ความกตญั ญู คณุ ธรรมพนื้ ฐานเยาวชนไทย ความกตัญญู คือ ความรู้สึกสานึกในบุญคุณด้วยการแสดงความเคารพนับถือ เช่ือฟัง และช่วยเหลือใน กจิ การงานต่าง ๆ การกระทาเชน่ น้ยี อ่ มนามาซงึ่ ความสุข ความเจรญิ และสริ ิมงคลแก่ชีวติ และหนา้ ที่การงาน การที่ เยาวชนไทยไดร้ ับการปลกู ฝังคุณลักษณะท่ีดีในเร่อื งความกตัญญู ต่อผู้มีพระคุณ ถือเป็นเร่ืองที่ดี เป็นการ สร้างภูมิคุ้มกันให้สังคม การเลี้ยงดูของครอบครัวเป็นสิ่งสาคัญที่จะช่วยอบรมส่งเสริมพฤติกรรมให้มีคุณลักษณะ ของการเปน็ คนมคี วามกตัญญู ความตระหนักรู้ ในบุญคุณ ของบุคคล สัตว์ และส่ิงแวดล้อมท่ีมีผลต่อตนเองทั้ง โดยตรงและโดยอ้อม ซึ่งในปัจจุบัน กร ะแสความเจริญ ทาง เทคโน โลยี อย่างไ ร้ขีดจากัดและส่ิงยั่ว ยุให้เกิดการเบ่ียง เบน ของ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของเยาวชน การสร้างความเจริญ ทางวัตถุที่มากไป จนลืมคานึงถึงความเจริญทางด้าน จิตใจ เพอื่ มาสนองความตอ้ งการทางกาย ทางใจในการดาเนินชวี ิตประจาวัน ของสมาชิกในสังคม ทาให้เกิดการ แย่งชิงโอกาสในการประกอบการเล้ยี งชีพ โดยลมื คานึงถึงคุณธรรมและจริยธรรมในจิตใจ ลืมคานึงถึงวิถีชีวิตแบบ ดั้งเดิมของคนไทยท่ีมีความกตัญญู รู้จักตอบแทนบุญคุณ ซึ่งความกตัญญูเป็นคุณธรรมท่ีสาคัญอย่างยิ่งท่ีจะช่วย รักษาและพยุงสังคมไทย ผทู้ ีม่ คี วามกตัญญู คือ มจี ิตสานกึ ในคณุ ท่านและคดิ ตอบแทน สว่ นผู้ทไ่ี ม่มีความกตัญญูคือ คนอกตัญญู ไม่รู้คณุ ย่อมถูกประณามวา่ เปน็ คนไม่ดี ไม่น่าคบหา ความกตัญญูเป็นคุณธรรมพ้ืนฐานของมนุษย์ใน สังคม มนุษย์ต้องเก่ียวข้องสัมพันธ์กับผู้อ่ืนและสิ่งอ่ืน ชีวิตเราดารงอยู่ได้เพราะได้รับการอุปการะจากพ่อแม่ ครู อาจารย์ ญาติพ่นี อ้ ง ความกตัญญจู ึงเป็นคุณธรรมทมี่ นุษยค์ วรปฏบิ ตั ิ (ทพิ มาศ เศวตวรโชติ, http://taamkru.com/th/, ๒๕๕๘)

แบบฝึกเสริมทักษะการอา่ นคิดวิเคราะห์ เลม่ ท่ี ๑ คดิ วิเคราะหจ์ ากบทความ 23 ตัวอย่าง แนวการคดิ วเิ คราะห์ จากการอ่านเร่ือง ความกตญั ญู คุณธรรมพ้นื ฐานเยาวชนไทย เราอาจวเิ คราะห์เร่ืองไดด้ งั น้ี ๑. เรื่องน้ีเปน็ บทความความเรยี งรอ้ ยแกว้ ประเภทบทความเชงิ ธรรมะ ๒. สาระสาคญั ของเรอ่ื ง คือ ความกตัญญู หมายถึง ความรู้สึกสานึกในบุญคุณด้วยการแสดงความเคารพ นับถือ เชื่อฟัง และชว่ ยเหลือในกจิ การงานต่าง ๆ เปน็ คณุ ธรรมพนื้ ฐานทสี่ าคัญยงิ่ การปลูกฝงั ในเรือ่ งความกตัญญู ต่อผู้มีพระคุณ ถือเป็นหน้าท่ีและบทบาทของครอบครัวที่จะช่วยอบรมส่งเสริมพฤติกรรมเยาวชนไทยให้มี คุณลกั ษณะเป็นคนท่มี ีความกตัญญู เพราะชีวิตเราดารงอย่ไู ด้เพราะไดร้ ับการอุปการะจากพ่อแม่ ครูอาจารย์ ญาติ พน่ี อ้ ง ความกตญั ญจู ึงเปน็ คณุ ธรรมท่มี นุษย์ ควรปฏิบตั ิ ๓. เด็กจะได้รับประโยชน์จากความกตัญญู คือ ได้รับคาสรรเสริญจากสังคม ได้รับการยกย่องจากสังคม เปน็ คนทส่ี งั คมตอ้ งการและยอมรับ และทากิจการใด จะสาเรจ็ เนือ่ งจากได้รบั การชว่ ยเหลอื จากสงั คม ๔. พ่อแม่ ผปู้ กครองจะช่วยส่งเสริมความกตัญญูให้ลูกได้ โดยการเลี้ยงดูเอาใจใส่ และเป็นแบบอย่างที่ดี ใหก้ บั ลูก หรอื อาจจัดกิจกรรมท่ีช่วยปลูกฝังความกตัญญูให้ลูกได้ปฏิบัติ เช่น สอนให้ลูกช่วยยกน้าดื่มมาให้พ่อแม่ เมื่อกลับมาจากทางาน การช่วยถือของเล็ก ๆ น้อยๆ เม่ือต้องไปซ้ือของ หรือการที่ลูกช่วยงานบ้านง่าย ๆ การ ทาอาหารให้คุณปูุ คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือญาติผู้ใหญ่ท่ีมีพระคุณ ให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการมอบสิ่งของ ฯลฯ ซ่ึงพ่อแม่ควรช่นื ชมและเนน้ ถึงความสาคญั ของพฤตกิ รรมว่าลูกไดแ้ สดงออกถึงความกตญั ญูตอ่ ผมู้ พี ระคณุ

แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะการอ่านคิดวเิ คราะห์ เล่มท่ี ๑ คิดวเิ คราะห์จากบทความ 24 แบบฝกึ เสริมทกั ษะการอ่านที่ ๑.๒ เรื่อง การอ่านคดิ วเิ คราะห์จากบทความ คาช้ีแจง ให้นักเรยี นอ่านบทความท่กี าหนดให้ แล้วตอบคาถามลงในชอ่ งว่างให้ถูกตอ้ ง ชัดเจน โดยเขียนตวั หนงั สอื ให้อ่านงา่ ย สะอาดเรียบรอ้ ย (คะแนน ๑๐ คะแนน) อ่านข้อความตอ่ ไปนแี้ ลว้ ตอบคาถามขอ้ 1-๒ บทความ เรือ่ ง ขา่ วร้าย-ขา่ วดี ที่น่ไี มม่ ใี ครสวมรองเท้าเลย มบี ริษัทผลิตรองเทา้ บริษทั หนึ่งจะเปดิ ตลาดในทวปี แอฟริกาจงึ ส่งพนกั งานขายอนั ดบั ๑ ไปยงั แอฟริกาเพ่ือทาการศกึ ษาศักยภาพของตลาด เมือ่ ไปถึงไดส้ งั เกตว่าชาวแอฟริกนั สว่ นมาก เดนิ ดว้ ยเทา้ เปล่า เขาก็เลยสง่ ขา่ วกลับไปด้วยขอ้ ความท่ีวา่ “ขา่ วรา้ ย ทน่ี ี่ไมม่ ใี คร สวมรองเท้าเลย” และไม่มตี ลาดรองเท้าในทวปี แอฟรกิ าน้ี ฝาุ ยบรหิ ารก็พจิ ารณาวา่ ควรจะหาขอ้ มูลเปน็ คร้งั ที่ ๒ เพ่ือใหแ้ นใ่ จ จึงตดั สนิ ใจที่จะส่งพนกั งานขายอีกคนหนึง่ ไปเพือ่ ประเมนิ ตลาดแหง่ น้ี พนักงานขายคนที่ ๒ เมอ่ื ไปถึงแอฟริกากม็ ีความตน่ื เต้นมาก และส่งข่าวกลบั มาทันทดี ว้ ยขอ้ ความว่า “ขา่ วดี ไมม่ ใี ครที่นี่สวมรองเท้าเลย” เขารีบเดนิ ทางกลบั และรายงานแกฝ่ ุายบริหารวา่ “สุภาพบุรษุ ทัง้ หลาย เรากาลงั จะรวย เพราะมีตลาดใหญม่ ากในแอฟรกิ าและส่ิงสาคัญทเ่ี ราต้องรีบทา คอื ให้การศึกษาแกช่ าว แอฟรกิ ันวา่ ประโยชน์ของการใส่รองเทา้ คืออะไร” (ขา่ วร้าย-ข่าวดี ทน่ี ไี่ ม่มใี ครสวมรองเทา้ เลย, http://oknation.nationtv. tv/blog/print.php?id=๖๑๗๗๐๘, ๒๕๕๘

แบบฝกึ เสริมทักษะการอา่ นคิดวิเคราะห์ เลม่ ที่ ๑ คิดวิเคราะหจ์ ากบทความ 25 ๑. ทาไมพนกั งานคนที่ ๑ จึงบอกวา่ ขา่ วร้าย (๑ คะแนน) ตอบ .............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๒. ทาไมพนกั งานคนที่ ๒ จงึ บอกว่า ขา่ วดี (๑ คะแนน) ตอบ ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ๓. จากการอา่ นเรือ่ ง “ข่าวรา้ ย-ข่าวดี ท่นี ี่ไม่มใี ครสวมรองเทา้ เลย” (๒ คะแนน) ตอบ ข้อเท็จจรงิ คอื ..................................................................................................................... ข้อคดิ เหน็ คอื ....................................................................................................................... ๔. นกั เรียนเห็นด้วยกับคาพูดของพนักงานคนที่ ๑ หรือ คนท่ี ๒ เพราะเหตใุ ด คนที่ ๑ “ข่าวรา้ ยทนี่ ่ีไม่มีใครสวม รองเทา้ เลย”คนท่ี ๒ “ข่าวดไี ม่มใี ครทน่ี ี่สวมรองเท้าเลย” (๒ คะแนน) ตอบ ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... …………............................................................................................................................................. ...

แบบฝึกเสริมทกั ษะการอา่ นคดิ วิเคราะห์ เลม่ ท่ี ๑ คิดวิเคราะหจ์ ากบทความ 26 อา่ นข้อความต่อไปนแ้ี ล้วตอบคาถามขอ้ ๕-๖ บทความ เรอ่ื ง วธิ ีปฏบิ ัตเิ พ่ือชว่ ยคลายเครียด ในการทางาน เม่ือรู้สึกเครียดหลังเลิกงานแล้วควรทากิจกรรมอื่นเพ่ือเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ ทาอะไรก็ได้ที่ใจชอบ ทาแลว้ เพลดิ เพลนิ มคี วามสขุ การท่คี นเราพกั ผอ่ นหย่อนใจหลงั การทางาน ไม่ไดแ้ สดงวา่ เป็นคนเกียจคร้านหรือรัก สนุก แต่ถือว่าเป็นการพกั สมองและเติมพลังชีวิต ทาให้พร้อมท่ีจะกลับไปทางานอย่างสดช่ืนอีกครั้งหน่ึง กิจกรรม เพ่ือการพักผ่อนหย่อนใจมีมากมายหลายอย่าง ควรเลือกท่ีถูกใจ ทาแล้วรู้สึกผ่อนคลายและควรเลือกกิจกรรม ทีต่ รงกนั ข้ามกับงานประจาท่ีทาอยู่ ถ้างานประจาต้องให้บริการอานวยความสะดวกสบายแก่ผู้อ่ืน ยามว่างควรไป ให้ผอู้ ่นื บรกิ ารบา้ ง จะเปน็ การชดเชยทาให้ชวี ติ สมดลุ ขึน้ ยอมเสยี เวลา เสียเงินเสียทอง เพื่อแลกกับความสุขทางใจ จากการพักผ่อนหย่อนใจบ้าง เพราะมันจะได้ผลคุ้มค่า เมื่อกลับมาทางานใหม่จะทาให้รู้สึกสดชื่น มีความ กระตอื รือรน้ ในการทางานมากขน้ึ ความคดิ ปลอดโปร่งขน้ึ ทางานได้ดขี ึ้นและพรอ้ มจะเผชิญปญั หาต่าง ๆ ได้ดี ขึน้ อยา่ ลืมว่าเครือ่ งจกั รยงั ต้องมีเวลาหยดุ พัก ตอ้ งมีการดแู ลซอ่ มบารุง เพอื่ ไม่ใหส้ กึ หรอหรอื เส่อื มสภาพเร็วเกินไป คนเราก็เชน่ กนั หลังจากทางานหนักในแต่ละวัน ควรให้โอกาสตัวเองได้พักผ่อนหย่อนใจบ้าง ชีวิตจะได้ไม่เครียด จนเกินไป (กรมสขุ ภาพจติ , ๒๕๕๓ : ๑๒) ๕. การพักผอ่ นหยอ่ นใจ หมายถงึ อยา่ งไร (๑ คะแนน) ตอบ .................................................................................................................................................................... ๖. เหตุใดจึงต้องพักผอ่ นหย่อนใจ (๑ คะแนน) ตอบ .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ๗. กจิ กรรมใดบ้างทเี่ ปน็ การพกั ผ่อนหย่อนใจ บอกมา ๔ อยา่ ง (๑ คะแนน) ตอบ..................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ๘. บทความน้เี ปรยี บเทยี บการทางานของคนกบั ส่ิงใด นักเรียนเหน็ ด้วยหรอื ไม่เพราะเหตุใด (๑ คะแนน) ตอบ ..................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................

แบบฝกึ เสริมทักษะการอา่ นคิดวิเคราะห์ เลม่ ที่ ๑ คิดวิเคราะหจ์ ากบทความ 27 แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะการอ่านที่ ๑.๓ เรอ่ื ง การอ่านคดิ วิเคราะหจ์ ากบทความ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนอา่ นบทความทีก่ าหนดให้ แล้วตอบคาถามลงในชอ่ งวา่ งให้ถูกตอ้ ชัดเจน โดยเขยี นตวั หนังสอื ใหอ้ า่ นง่าย สะอาดเรียบร้อย (คะแนน ๑๐ คะแนน) บทความ เรอื่ ง การรกั ษากายและใจยามเจบ็ ป่วยดว้ ยกาลงั ใจของตนเอง เร่ืองเจ็บปุวยเป็นเรื่องปกติธรรมดาของทุกคน น้อยคนนักที่ไม่เคยเจ็บปุวยเลย ก็นับว่าเป็นความโชคดี ดังพระพุทธองคต์ รสั ว่า “อโรคยา ปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภ อันประเสริฐ” คากล่าวนี้คงไม่มีใครซาบซ้ึง ใจในคานเ้ี ทา่ กบั ตวั ของผปู้ ุวยเอง เมือ่ มคี วามเจบ็ ปุวยแล้วจะทาอย่างไรกับตัวเอง ชีวติ ของคนเราประกอบด้วยกาย และจิต กายกับจิตผูกพันกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อกายปุวย จิตใจก็จะแปรปรวนเจ็บปุวยไปด้วย จิตใจจะนึกคิด มากมาย สรา้ งจนิ ตนาการตา่ ง ๆ นานา วิตกกงั วลเกย่ี วกบั โรค ญาตพิ ่ีน้อง เพอ่ื นรว่ มงาน หน้าท่ีการงานและอื่น ๆ มากมาย หากหยุดยง้ั ไม่ไดก้ จ็ ะทาให้อาการเจบ็ ปวุ ยเปน็ มากขน้ึ “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” คากล่าวน้ีบ่งบอกให้รู้ว่า จิตเป็นสิ่งสาคัญท่ีสามารถควบคุมร่างกายได้ แม้ ร่างกายเจบ็ ปุวย ขอให้ปุวยเฉพาะร่างกาย จิตใจไม่ปุวยไปด้วย มีสติรับรู้ความเจ็บปวดของร่างกายอยู่ตลอดเวลา ไม่ฟงุู ซ่านแปรปรวนไปตามสภาพ ของร่างกาย เมื่อจิตใจมสี ติมนั่ คง รา่ งกายกจ็ ะคอ่ ย ๆ ลดความเจบ็ ปวดลง จากประสบการณ์ของผู้เขียน เมื่อปุวยหนัก ทาให้ได้ประสบการณ์พิเศษ ถือเป็น บททดสอบชีวิต ท่ีสาคัญ ทาให้ได้ข้อคิดสาคัญนามาสอนใจตนเองได้เป็นอย่างดีว่า เม่ือความเจ็บปุวยมาเยือน ผู้ปุวยต้องยอมรับ ความเปน็ จริงของความเจ็บปวดร่างกาย อยู่ตลอดเวลา เจ็บก็รู้ว่าเจ็บ ให้มีสติกากับอยู่เสมอ ตามดูความรู้สึกของ ตนเองด้วย ความอดทน อดกลั้น หากรู้สึกเจ็บปวดมาก ใช้จิตสัมผัสกับส่วนของร่างกายท่ีรู้สึกเจ็บ อาจจะช่วย คลายเจบ็ ปวดได้บา้ งชว่ั ขณะหนึง่ ส่ิงสาคัญอีกประการหนึ่งคือ ผู้ปุวยต้องการกาลังใจ “กาลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทาน ให้ฝันให้ใฝุ ให้ชีวติ ไดม้ แี รงใจ ใหด้ วงใจลุกโชนความหวัง...” กาลังใจซึ่งหลายคนมักจะคิดว่ากาลังใจจากญาติพี่น้องคนใกล้ชิด จากมติ รผู้หวังดี จะเปน็ สิ่งสาคัญช่วยผลักดันใหผ้ ู้ปวุ ย มพี ลงั ในการตอ่ สชู้ วี ติ ต่อไป กาลังใจที่สาคัญท่ีสุดคือกาลังใจของตนเองที่จะเติมเต็มให้เป็นพลังท่ียิ่งใหญ่ให้ต่อสู้ชีวิตต่อไปอย่างมี ความหวัง กาลังใจที่ประกอบด้วยความอดทน อดกล้ัน ความพยายามต่อสู้กับความเจ็บปวดอย่างมีสติ รู้เท่าทัน จิตใจของตนเองอยตู่ ลอดเวลา เจ็บก็รู้วา่ เจ็บ วุ่นวายก็รู้ว่าวุ่นวาย โกรธก็รู้ว่าโกรธ ฯลฯ จิตจะมีสติท่ีมั่นคง สั่งการ ให้รา่ งกายปรับเปล่ยี นอิริยาบถเพอื่ ผอ่ นคลายความเจ็บปวด เปล่ียนจากการนอนเป็นการเดนิ พนิ จิ พิจารณารับรู้ถึง ความเจบ็ ปวดอยตู่ ลอดเวลา อาการเจบ็ ปุวยหายไปชวั่ ขณะหน่ึง เม่ือรู้สึกเจ็บปวดอีก ก็เดินอีกเหมือน เดินจงกรม วันหนง่ึ ๆ เดนิ หลาย ๆ รอบ เมอื่ รู้สึกปวดกเ็ ดนิ เมอื่ หายก็กลบั ไปนอน สลบั กันครงั้ แล้วครั้งเล่า จนจิตใจไม่ทุกข์ไป กับร่างกาย จิตใจพร้อมท่ีจะรักษาร่างกายให้หายปุวยด้วยการรับประทานอาหารและยาได้ดี ส่งผลให้ร่างกาย แข็งแรง มีกาลงั และกลับไปอยู่ในสภาพทีป่ กตเิ หมอื นไม่เคยเจ็บปุวยมากอ่ น

แบบฝึกเสรมิ ทกั ษะการอา่ นคิดวเิ คราะห์ เล่มท่ี ๑ คดิ วิเคราะหจ์ ากบทความ 28 ความทรงจาทีเ่ กิดจากการให้กาลังใจตนเอง มีผลทาให้จิตใจเข้มแข็ง ทาให้มีความหวัง ท่ีจะต่อสู้ ฟันฝุา อุปสรรคในการดารงชีวิตอยู่ มีผลต่อความเช่ือมั่น ต่อการตัดสินปัญหาต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีด้วยกาลังใจ ของตนเอง และเร่ืองราวเหล่านี้ได้เรียนรู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวของตนเองท้ังหมด มิตรที่ดีท่ีสุดก็คือตนเอง ศัตรูทร่ี ้ายกาจท่สี ุดกค็ ือตนเอง ผู้ทีป่ ลอบใจตนเองไดด้ ที ส่ี ดุ ก็คือตนเอง ฯลฯ ประสบการณ์นี้ได้นาไปบอกเล่าให้ทุกคนท่ีรู้จักอยู่เสมอในยามที่ร่างกายเจ็บปุวย หรือท้อแท้สิ้นหวัง วุ่นวายใจ ฯลฯ โดยเฉพาะนักเรียนให้กาลงั ใจตนเองอยู่เสมอ โดยเร่ิมต้นตามดูความคิด ความรู้สึกของตนเอง เช่น ในยามโกรธ กร็ ู้ว่าโกรธ อาจจะบอกกบั ตนเองวา่ โกรธแล้วนะ บอกกับใจตนเองหลาย ๆ คร้ัง แล้วความโกรธก็จะ หายไปเองเม่ือตามดตู ามคดิ ความรูส้ ึกของตนเองได้ การให้กาลังตนเองก็สามารถ ทาไดเ้ ชน่ กนั อุษณยี ์ สัตยนนท์, ๒๕๕๒ (https://www.kroobannok.com/, ๒๕๕๘) ๑. “จติ เป็นนาย กายเป็นบ่าว” จากบทความขา้ งต้นมคี วามหมายวา่ อย่างไร (๒ คะแนน) ตอบ ................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ๒. “กาลงั ใจจากใครหนอ ขอเป็นทาน ใหฝ้ ันให้ใฝุ ให้ชีวติ ไดม้ ีแรงใจ ใหด้ วงใจลกุ โชน ความหวงั ...” จากขอ้ ความข้างต้น ผเู้ ขียนต้องการสอื่ ถงึ อะไร (๒ คะแนน) ตอบ .................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ๓. จากบทความนี้กาลงั ใจทสี่ าคัญท่สี ุดทีผ่ ู้เขยี นกลา่ วถงึ คอื กาลังใจจากใคร (๒ คะแนน) ตอบ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ๔. กาลงั ใจ ในบทความนปี้ ระกอบด้วยอะไรบา้ ง (๒ คะแนน) ตอบ .................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................. ๕. จากเรอ่ื งนีผ้ เู้ ขียนต้องการบอกอะไรแก่ผูอ้ ่าน (๒ คะแนน) ตอบ ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................

แบบฝกึ เสริมทักษะการอา่ นคิดวิเคราะห์ เล่มท่ี ๑ คิดวเิ คราะห์จากบทความ 29 แบบฝกึ เสริมทกั ษะการอา่ นท่ี ๑.๔ เรือ่ ง วเิ คราะหบ์ ทความด้วยแผนผงั ความคิด คาช้แี จง ให้นกั เรียนอ่านบทความทก่ี าหนดให้ แล้ววิเคราะห์เรอ่ื งเขียนเป็นแผนผงั ความคิด (Mind mapping) ตามหวั ข้อท่ีกาหนดให้ ให้มีความสมบรู ณ์ครบถว้ น ชดั เจน และตกแต่ง ผลงานให้สวยงามสรา้ งสรรค์ (คะแนน ๒๐ คะแนน) ๑. ความสาคญั และความเป็นเอกลักษณ์ ๒. ความเป็นมา ๓. ลกั ษณะ ๔. คุณค่าทางสงั คม ๕. การสร้างสรรคผ์ ลงาน บทความ เรือ่ ง ประเพณผี ีตาโขน ใครจะเช่อื ....แคห่ วดนึ่งขา้ วเหนยี วและกาบมะพร้าวไร้ค่าที่นามาแตม้ แตง่ สีสนั เข้าไปแล้วจะทาให้ดึงดูดใจ ชาวโลกไดข้ นาดนี้ หนา้ กากทีม่ ีลวดลายเป็นรูปหน้าผีท่ีน่าหวาดกลัวด้วยสีสันท่ีสดใสฉูดฉาดทาให้ดูน่าเข้าไปสัมผัส ใกล้ชิดถ่ายรูปด้วยความน่าช่ืนชมเป็นเอกลักษณ์ประจาท้องถิ่นที่ไม่มีท่ีไหนในโลกนี้ นอกจาก อาเภอด่านซ้าย จงั หวดั เลย ประเพณีผีตาโขน เปน็ การละเลน่ ทเี่ กย่ี วเนอื่ งกับพิธกี รรม เพอื่ บวงสรวงบูชาวิญญาณ ผบี รรพชนที่กลุ่มชน ชาตพิ ันธไ์ุ ท-ลาว เชอ่ื ถอื ร่วมกนั วา่ บรรพชน คือ ตน้ ตระกูลเผ่าพันธ์ุผู้ที่สร้างบ้านแปงเมืองบรรพชนเม่ือตายเป็นผี จึงเปน็ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่ีน่าเกรงขาม มีอานาจท่ีจะ ดลบันดาลให้ความอุดมสมบูรณ์หรือความหายนะแก่บ้านเมืองได้ เพ่ือเป็นการแสดง ความเคารพ เพ่ือความอุดมสมบูรณ์พูนสุขของบ้านเมือง เมื่อถึงงานบุญประเพณีสาคัญ ๆ ตามฮีตประเพณี จึงจะต้องทาการละเล่นเต้นฟูอนผีตาโขนเพ่ือเซ่นสรวงบูชาให้เป็นท่ีถูกอกถูกใจแก่ผีบรรพชน การละเลน่ ผตี าโขนจงึ เปน็ การละเล่นที่มีมาแต่โบราณและผ่านการสืบทอดทางพิธีกรรมเป็นสายยาวจากรุ่นต่อรุ่น มาจนถึงปจั จุบนั ผีตาโขน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวอาเภอด่านซ้าย ถือเป็นงานบุญใหญ่ประจาปีและประจาท้องถิ่น โดยรวมเอา “งานบญุ พระเวส” (ฮีตเดือนสี่) และ “งานบญุ บง้ั ไฟ” (ฮตี เดือนหก) เข้าเป็นงานบุญเดียวกัน งานบุญ พระเวส เป็นงานท่ีจัดขน้ึ เพอื่ ฟังเทศน์มหาชาติท้งั ๑๓ กัณฑ์ ซึ่งเช่ือว่าจะได้อานิสงส์แรงกล้าบันดาลให้พบพระศรี อรยิ เมตไตรยในชาตหิ น้า สว่ นงานบุญ บ้ังไฟ เป็นงานที่จัดข้ึนเพ่ือบูชาอารักษ์หลักเมืองถือเป็นประเพณีแห่ขอฝน ใหต้ กต้องตามฤดกู าล ด้วยเหตนุ ้ีเองทาให้งานประเพณผี ตี าโขนไดร้ ับความสนใจจากประชาชนท่วั สารทิศ เพราะได้ถูกขนานนาม เรอื่ งความสนกุ สนานและความสวยงามนา่ ประทบั ใจ ท้ังงานประเพณแี ละบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยทะเล ภูเขา ใหญน่ อ้ ยสลับซับซอ้ นสดุ ลูกหลู กู ตา เหมาะกับ การพักผ่อนหลังจากการทางานอยา่ งเหนอื่ ยหนกั จรงิ ๆ

แบบฝึกเสริมทกั ษะการอา่ นคดิ วเิ คราะห์ เลม่ ท่ี ๑ คิดวเิ คราะหจ์ ากบทความ 30 มารู้จักหนา้ กากแหง่ ความศรัทธาหรือหน้ากากผีตาโขนกันดีกว่า เพราะผู้อ่าน บางท่านยังไม่เคยเห็นของ จริง แม้อาจจะเคยเห็นในรูปภาพตามโปสการ์ด หรือตามนิตยสารท่องเที่ยวต่าง ๆ น้ัน อาจจะไม่ชัดเจนในเรื่อง รายละเอียด ความวจิ ิตรบรรจงของหนา้ กากทีบ่ างคร้งั อปุ กรณ์การทาดเู หมือนจะไรค้ ่าทั้งจิตใจและเพิม่ มูลคา่ ไดอ้ กี ด้วย ผตี าโขนแตง่ กายดว้ ยชุดทาจากเศษผา้ นามาเยบ็ ติดกนั มี “หมากกะแหล่ง” (ลักษณะคล้ายกระดิ่ง ใช้ แขวนคอกระบือ) หรอื กระด่ิง กระพรวน กระป๋องผกู ติดกบั บั้นเอว แขวนคอหรือเขยา่ เพอื่ ให้เกิดจังหวะและมีเสียง ดังเวลาเดินแบบขย่มตวั ส่ายสะโพก โขยกขาและขยบั เอว ผีตาโขนทุกตัวมีอาวุธประจากายเปน็ ดาบหรืองา้ วซงึ่ ทาจากไม้เนอื้ อ่อน สว่ นหวั ของหน้ากากผีตาโขน วัสดุ ทีน่ ามาของหวดนง่ึ ข้าวเหนียวนามาหักพับข้ึนให้มีลักษณะคล้ายหมวก ส่วนหน้าทาจากโคนก้านมะพร้าวถากเป็น รูปหนา้ กากแล้วเจาะชอ่ งตา สาหรับจมูกของผีตาโขนน้ันทามาจากไมเ้ น้ือออ่ น นามาแกะเปน็ รูปทรงต่างๆ ส่วนเขา ทามาจากปลมี ะพรา้ วแหง้ นามาตดั เปน็ ขนาดและรูปทรงตามตอ้ งการ การประกอบสว่ นต่าง ๆ ของหน้ากากน้ัน ส่วนหัว หน้า และเขา จะใช้เชือกเย็บ ติดเข้าด้วยกัน ส่วนจมูก จะยึดติดกับหน้ากาก โดยจะใช้ตะปูตียึดจากด้านใน การตกแต่งลวดลายต่างๆ ในปัจจุบันนิยมใช้สีน้ามัน ในสมัยก่อนท่ียังไม่มีสีน้ามันจะใช้สีจากธรรมชาติ เช่น ขม้ิน ปูนขาว ข้ีเถ้า ปูนแดง เขม่าไฟ เมื่อตกแต่งลวดลาย เสร็จแล้ว ด้านหลังจะใช้ เศษผา้ เยบ็ ตอ่ จากหนา้ กากและหวดใหค้ ลุมสว่ นคอจนถงึ ไหล่ การทาหน้ากากผีตาโขนเป็นงานศิลปะพื้นบ้านท่ีถูกถ่ายทอดสู่รุ่นลูกหลานรุ่นแล้ว รุ่นเล่า โดยมีรูปแบบ ทีห่ ลากหลายตามจนิ ตนาการของผทู้ าและตามอิทธิพลตา่ ง ๆ ท่ีได้รับ แตก่ ็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นผีตา โขนไวไ้ ด้เป็นอย่างดี ผตี าโขน จึงเป็นสอื่ ท่ีเรียกศรัทธาให้ผู้คนจากทั่วสารทิศเข้ามาเท่ียวและเป็น การกระจายรายได้ให้กับคน ในทอ้ งถ่ินไดเ้ ป็นอยา่ งดี สิง่ ท่ีสาคัญและถอื ว่าเปน็ ส่งิ ศักดิ์สิทธ์คิ ู่บา้ นคูเ่ มอื งด่านซ้ายมาตั้งแต่อดีตด้วยการเป็นคาม่ัน สัญญาว่าจะรักใคร่เป็นพ่ีน้องกันตลอดไปของท้ังสองแผ่นดินไทยและลาว คือ พระธาตุ ศรีสองรักเป็นส่ิงท่ียึด เหนย่ี วจติ ใจ ของชาวจงั หวดั เลยและคนทงั้ สองฝง่ั โขงไดเ้ ป็นอยา่ งดี นี่ก็เป็นเพยี งแคส่ ว่ นหน่ึงเทา่ นนั้ ท่ีนามาเล่าให้ฟัง บรรยากาศและความประทับใจ อกี มากมายท่ีไม่สามารถ นามาเขียนเล่าให้อ่านหมดได้ในทีเดียว ประเพณีผีตาโขนน้ียังรอการไปสัมผัสบรรยากาศแห่งวัฒนธรรมของชาว ดา่ นซา้ ย ท่านผู้อ่านอย่าพลาดก็แลว้ กัน ในปีต่อไปและต้องไปเที่ยวกันให้ได้ เพราะนอกจากจะเพลิดเพลินแล้วยัง เปน็ การสง่ เสรมิ การท่องเทีย่ วของเราอีกดว้ ย ไดท้ ัง้ ความสขุ และกอ็ ม่ิ บญุ ไปตาม ๆ กนั อย่าพลาดนะครับ ไปใหไ้ ดจ้ ะได้ไมผ่ ดิ หวงั (มงคล ถิ่นคาบง, ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ๒๘ มนี าคม ๒๕๕๔) (http://www.manager.co.th/home/,๒๕๕๘)

แบบฝกึ เสริมทักษะการอ่านคดิ วิเคราะห์ เลม่ ที่ ๑ คดิ วิเคราะห์จากบทความ 31 ผตี าโขน

แบบฝึกเสรมิ ทักษะการอา่ นคดิ วเิ คราะห์ เลม่ ที่ ๑ คิดวเิ คราะหจ์ ากบทความ 32 เกณฑ์การประเมนิ แผนผังความคดิ (Mind Mapping) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๑, ความสาคญั และ ความเป็นเอกลกั ษณ์ ๔ ๓ ๒๑ ๒. ความเป็นมา บอกความสาคัญของ บอกความสาคญั ของ บอกความสาคญั ของ บอกความสาคญั ๓. ลกั ษณะ/ ประเพณผี ีตาโขน ประเพณผี ีตาโขน ประเพณีผตี าโขน และความเป็น องค์ประกอบ และความเปน็ และความเป็น และความเป็น เอกลักษณข์ อง ๔. คณุ คา่ ทางสงั คม เอกลักษณไ์ ด้ถกู ตอ้ ง เอกลกั ษณ์ ได้ถูกต้อง เอกลักษณ์ได้ แต่ยัง ประเพณีผตี าโขน ๕. สรา้ งสรรคผ์ ลงาน ครบถว้ นชดั เจนดี ชดั เจน ดีมาก แตย่ ัง ไม่คอ่ ยชัดเจนและไม่ ไดถ้ ูกต้องเล็กนอ้ ย มาก ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น แสดงความเป็นมา แสดงความเป็นมา แสดงความเปน็ มา แสดงความ ของผตี าโขนได้ ของผีตาโขนได้ ของผตี าโขนได้ เปน็ มาของ ถกู ตอ้ งครบถ้วน ถกู ตอ้ งครบถ้วน ถูกตอ้ งชดั เจนดี ผตี าโขนได้ถูกตอ้ ง ชดั เจนดมี าก ชดั เจนดี เล็กนอ้ ย บอกลักษณะ บอกลักษณะ บอกลกั ษณะ บอกลักษณะ องค์ประกอบ วัสดุ องคป์ ระกอบ วสั ดุ องคป์ ระกอบ วสั ดุ องคป์ ระกอบ วธิ ีทาผตี าโขน วธิ ที าผีตาโขน วธิ ที าผีตาโขน วสั ดุ วธิ ีทา ได้ถูกต้องครบทกุ ไดถ้ กู ต้อง แตข่ าดไป ได้ถกู ต้องแตข่ าดไป ผีตาโขนได้ไม่ครบ สว่ นอยา่ งละเอยี ด ๑-๒ รายการ ๓-๔ รายการ ขาดไปมากกว่า ชัดเจนดีมาก ๕ รายการ บอกประโยชนแ์ ละ บอกประโยชนแ์ ละ บอกประโยชน์และ บอกประโยชน์ คุณค่าทเี่ กิดข้นึ ใน คณุ ค่าทีเ่ กิดขนึ้ ใน คณุ ค่าทีเ่ กิดขึ้นใน และคุณค่าที่ สงั คมและท้องถิ่น สังคมและท้องถ่ิน สงั คมและท้องถ่นิ เกดิ ข้ึนในสังคม บอกจุดประสงคข์ อง บอกจดุ ประสงคข์ อง บอกจดุ ประสงค์ของ และทอ้ งถิ่น ผู้เขยี นไดอ้ ย่าง ผเู้ ขยี นไดอ้ ยา่ ง ผ้เู ขยี นได แต่ไมไ่ ดบ้ อก ถูกต้องชดั เจน ถกู ตอ้ งชดั เจน จุดประสงค์ของ ดีมาก ผเู้ ขียน เขยี นแผนผังความคิด เขยี นแผนผงั ความคิด เขียนแผนผงั ความคิด เขยี นแผนผงั ไดเ้ ปน็ ลาดบั ขัน้ ตอน ได้เป็นลาดับข้ันตอน ไดเ้ ปน็ ลาดบั ขัน้ ตอน ความคดิ ได้ แยกหัวข้อเนื้อหา แยกหวั ขอ้ เน้อื หา แยกหัวข้อเน้ือหา แยกหวั ข้อเนื้อหา ได้ชดั เจน เขยี น ได้ชดั เจน เขียน ไดช้ ดั เจน เขียน ได้ แต่ไม่ครบถ้วน ตัวหนงั สืออ่านงา่ ย ตัวหนงั สืออา่ นง่าย ตวั หนังสืออ่านง่าย เขยี นตัวหนังสือ ตกแต่งผลงานได้ ตกแต่งผลงานได้ ตกแต่งผลงานได้ อา่ นยาก ตกแต่ง สวยงาม สะอาด สวยงามดี สวยงามพอใช้ ผลงานไม่สะอาด เรยี บร้อยดีมาก เรยี บรอ้ ย

แบบฝกึ เสริมทักษะการอา่ นคิดวิเคราะห์ เลม่ ท่ี ๑ คดิ วเิ คราะหจ์ ากบทความ 33 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง คดิ วิเคราะห์จากบทความ คาชี้แจง 1. แบบทดสอบมที ง้ั หมด 10 ขอ้ คะแนน 10 คะแนน 2. ให้นักเรียนเลอื กคาตอบทถี่ กู ท่ีสุดเพียงคาตอบเดยี ว แลว้ ทาเครอ่ื งหมาย X ลงในกระดาษคาตอบ ------------------------------------------------------------- ๑. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ งเกีย่ วกบั ลกั ษณะของการอ่านคิดวเิ คราะห์ ก. มะลิอ่านนิทานแล้วเลา่ เรอ่ื งย่อให้เพ่ือนฟงั ได้ ข. ราตรอี ่านเร่อื งสามคั คเี สวกแล้วบอกขอ้ คิดทีไ่ ด้รับจากเรือ่ งได้ ค. กหุ ลาบอา่ นโคลงสภุ าษิตแล้วจับใจความสาคัญได้ ง. พกิ ลุ อา่ นและทอ่ งบทอาขยานได้ถกู ต้องและไพเราะมาก อา่ นข้อความต่อไปนแ้ี ลว้ ตอบคาถามข้อ ๒ “คุณครคู ะ วันนตี้ อนเดนิ มาโรงเรยี นหนูเหน็ คนตาบอดเดินถอื ไมเ้ ท้าคลาทางมาตรงทางม้าลาย กาลังจะขา้ มถนน เขาเดนิ เซไปเซมาเหมือนจะลม้ ลงค่ะ หนจู ึงเขา้ ไปประคองแล้วจงู มอื เขาชว่ ยพาเดินข้ามถนน เขาชมและขอบใจหนูด้วยค่ะ” ๒. คณุ ธรรมข้อใดสอดคลอ้ งกบั ความหมายของขอ้ ความนีม้ ากท่สี ุด ก. ความโอบอ้อมอารี ข. ความเมตตากรุณา ค. ความเออื้ เฟือ้ เผอ่ื แผ่ ง. ความวิริยะอตุ สาหะ 3. การอา่ นคิดวิเคราะห์ หมายถงึ ข้อใด ก. การอ่านอย่างถกู ต้องสามารถจบั ใจความสาคญั ได้ ข. การอา่ นอยา่ งเพลดิ เพลนิ สามารถเข้าใจเรอ่ื งไดอ้ ย่างรวดเร็ว ค. การอา่ นอย่างใครค่ รวญสามารถแยกแยะสรปุ เรอื่ งอย่างมเี หตผุ ล ง. การอ่านอย่างเป็นระบบท้ังอ่านในใจอา่ นออกเสียงถกู ต้องตามอักขรวธิ ี อ่านขอ้ ความตอ่ ไปนแ้ี ล้วตอบคาถามขอ้ ๔-๕ “ฝนพร่าต้ังแต่เม่ือวานเย็นจนกระท่ังเช้าก็ยังไม่หยุด ใครจะบ่นอย่างไรก็หาฟังไม่ มันคงตกเร่ือยไป หน้านี้ฤดูฝน มันทาหน้าท่ีของมันแล้วโดยชอบ หากฤดูฝน ฝนไม่ตกสิน่าประหลาด มันอยู่ห่างดินแต่มีทีท่ารักดิน รกั น้า รกั พฤกษาลดาวลั ย์เสียเหลอื เกิน อาจเป็นเพราะมันข้ึนไปจากน้ากระมัง ทานองเดียวกับมนุษย์ย่อมมีหน้าท่ี อย่างใดอย่างหน่ึง จึงควรทาหน้าท่ีของตนให้สมบูรณ์ที่สุดตามกาลังความสามารถ มนุษย์ท่ีทาหน้าท่ี ใครเล่า จะตาหนิหากถูกตาหนิกฟ็ ังเฉยเสียเหมือนฝน”

แบบฝกึ เสริมทักษะการอ่านคดิ วิเคราะห์ เล่มที่ ๑ คิดวเิ คราะหจ์ ากบทความ 34 ๔. ผเู้ ขยี นแนะนาให้ผู้อ่านทาตัวเช่นเดียวกบั ฝนในเรอ่ื งใด ก. มีความรับผิดชอบ ข. มีความซอื่ สัตย์ ค. มีความเสยี สละ ง. มคี วามเมตตา ๕. สาระสาคัญของข้อความนคี้ ืออะไร ก. ฝนควรภมู ใิ จที่ได้ทาหนา้ ที่ของมันอย่างสมบรู ณ์ ข. มนุษย์ควรทาหน้าทีข่ องตนให้สมบูรณ์ท่ีสุดตามความสามารถ ค. ฝนตกตอ้ งตามฤดูกาล มนั คงทาหนา้ ทอ่ี ย่างครบถว้ น โดยไม่หวังอามสิ สินจา้ งใด ๆ ง. คนท่คี ิดวา่ ตนได้กระทาความดีแล้วหากถกู ตาหนกิ ไ็ มค่ วรหวั่นไหวหรือโกรธเคือง ๖. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะของบทความ ก. งานเขียนความเรียงที่มีจุดประสงคเ์ พือ่ แสดงความรแู้ ละจินตนาการของผู้เขียน อยา่ งสรา้ งสรรค์ ข. งานเขียนร้อยกรองที่มจี ุดประสงคเ์ พ่ือแสดงความร้คู วามคิดเหน็ ตอ่ สงิ่ ต่าง ๆ อยา่ งมีสาระ สร้างสรรค์ และมเี หตผุ ลทนี่ ่าเชื่อถือ ค. งานเขยี นรอ้ ยแก้วหรอื รอ้ ยกรองทม่ี จี ดุ ประสงคเ์ พื่อเสนอความคดิ เห็นของผ้เู ขยี น ในรปู แบบต่าง ๆอยา่ งมปี ระโยชน์ ง. งานเขียนความเรียงทมี่ จี ดุ ประสงคเ์ พอ่ื แสดงความรู้ เสนอขอ้ เท็จจรงิ ความคิดเหน็ โดยมหี ลักฐานและเหตผุ ลทนี่ า่ เชื่อถอื อา่ นขอ้ ความตอ่ ไปนแี้ ล้วตอบคาถามข้อ ๗-๘ “แฝกเป็นหญา้ ชนดิ หนงึ่ ขึ้นเปน็ กอ ใบแบนยาว ใชม้ งุ หลังคาและใช้ทายา เปน็ พืชทม่ี ี ระบบรากลึก เม่อื ปลกู แล้วจะช่วยรักษาหนา้ ดิน พระองค์จึงทรงแนะนาให้นาหญ้าชนิดน้ีไปปลูก เป็นข้ันบันได เพอ่ื เป็นการปอู งกนั การพงั ทลายของหน้าดิน เพราะเมื่อฝนตกลงมาหญ้าแฝกจะช่วยดูดซึมน้าไว้ ไม่ทาให้ดินและ นา้ ไหลไปสู่ทอี่ น่ื ทาใหเ้ ขตพื้นที่ ในแถบนั้นมคี วามชุม่ ช้ืน...” ๗. ขอ้ ความใดไม่ใช่จดุ ประสงคข์ องการปลูกหญ้าแฝก ก. ลดความแห้งแลง้ ข. ชว่ ยดูดซบั นา้ ในดิน ค. ชว่ ยเสริมรายไดใ้ หแ้ กเ่ กษตรกร ง. ลดการพังทลายของหน้าดนิ ๘. พระองค์ ในทน่ี หี้ มายถงึ ใคร ก. พระสงฆ์ ข. พระพทุ ธรปู ค´ นายกรฐั มนตรี ง. พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั

แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะการอา่ นคดิ วิเคราะห์ เล่มที่ ๑ คดิ วเิ คราะห์จากบทความ 35 อา่ นขอ้ ความต่อไปนแี้ ล้วตอบคาถามขอ้ ๙-๑๐ “ปัจจบุ นั มผี ตู้ ิดยาเสพติดเป็นจานวนมาก โดยเฉพาะกลุม่ เยาวชนจะติดยาเสพติดมากกวา่ กลุม่ คนกลุ่มอื่น และท่ีน่าเป็นห่วงกาลังแพร่ระบาดสู่เด็กนักเรียนวัย ๙-๑๐ ปี สาเหตุอาจเป็นเพราะถูกเพื่อนชักจูงให้ลองเสพ อยากรู้ อยากลอง ถูกล่อลวง และสาเหตุสาคัญอีกประการหน่ึง คือ การขาดความอบอุ่นในครอบครัว ปัญหา พ่อแม่หย่าร้างกัน ผู้ใหญ่ไม่ได้สนใจดูแลหรือเป็นท่ีพึ่งของเด็กได้ เด็กเกิดความว้าเหว่ไม่รู้จะปรึกษาใครเลยหัน ไปหายาเสพตดิ ” ๙. ผปู้ กครองควรปฏิบตั ิตอ่ เดก็ อย่างไรทเ่ี ป็นวธิ ดี ีทส่ี ดุ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ด็กตดิ ยาเสพติด ก. ให้ความรกั ความอบอุ่นและ ใหค้ าปรึกษาอยา่ งใกล้ชิด ข. สอดส่องติดตามทุกฝกี ้าวเมือ่ เดก็ นดั รวมกล่มุ กันและแจง้ ครู ค. สอนใหล้ กู ร้จู กั เลือกคบเพอ่ื นทด่ี ี มฐี านะ เพ่ือจะไดไ้ มม่ ีปัญหาพงึ่ พายาเสพติด ง. เสนอกฎเกณฑ์ในการเรยี นและความประพฤตอิ ยา่ งเข้มงวดทงั้ ที่บ้านและโรงเรยี น ๑๐. จดุ ม่งุ หมายของผเู้ ขยี นบทความนคี้ ือข้อใด ก. บอกวตั ถปุ ระสงคใ์ นการใช้ยาเสพติดในวัยรุน่ ข. เพือ่ ใหร้ ู้ถงึ สาเหตุที่ทาใหว้ ยั รุ่นตดิ ยาเสพติด ค. เพ่ือใหร้ ้ถู ึงโทษของยาเสพตดิ ง. เพ่อื แจง้ จานวนกลุ่มผู้ติดยาเสพติด

แบบฝึกเสริมทกั ษะการอา่ นคิดวเิ คราะห์ เล่มท่ี ๑ คิดวิเคราะหจ์ ากบทความ 36 บรรณานุกรม กรมวิชาการ. (๒๕๔๓). การเรียนรเู้ พอื่ พัฒนากระบวนการคดิ . กรงุ เทพฯ : กระทรวงศึกษาธกิ าร, กรมสขุ ภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (๒๕๕๓). วิธปี ฏบิ ตั เิ พอื่ ชว่ ยคลายเครียดในการทางาน.พิมพค์ ร้งั ที่ ๒. กรุงเทพฯ : รสพ, กติ ิวฒุ ิ เจรญิ ศิรวิ ัฒน.์ (๒๕๕๗). เฉลยขอ้ สอบENTRANCE ไทย+สังคม. กรงุ เทพฯ : ร่งุ เรืองสาสน์ การพมิ พ,์ เกรยี งศักดิ์ เจรญิ วงศศ์ ักดิ์. (๒๕๔๖). การคดิ เชิงวเิ คราะห์. กรงุ เทพฯ : ซคั เซสมิเดยี , ข่าวร้าย-ข่าวดี ที่น่ีไมม่ ีใครสวมรองเทา้ เลย, สืบคน้ เมือ่ วันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘, จาก http://oknation.nationtv. tv/blog/print.php?id=๖๑๗๗๐๘ ทพิ มาศ เศวตวรโชต. ความกตัญญู คณุ ธรรมพน้ื ฐาน. สืบค้นเม่ือวันท่ี ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘, จาก http://taamkru.com/th/ ธิตยิ า สญั ญขันธ.์ แบบฝึกเสริมทกั ษะ เรอ่ื ง การอา่ นคิดวเิ คราะห์เพ่ือพฒั นาทักษะการอ่าน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย สาหรบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓. ม.ป.ป. มงคล ถน่ิ คาบง. ประเพณีผตี าโขน. สบื ค้นเมอื่ วนั ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘, จาก ASTV.http://www.manager.co.th/home/ รัชนี คาบญุ ชู. ชดุ แบบฝกึ พฒั นาทักษะ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอา่ นจบั ใจความสาคญั . ม.ป.ป. ราชบัณฑติ ยสถาน. (๒๕๔๒). พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒. กรุงเทพฯ : นานมีบคุ๊ สพ์ ับลิเคช่นั , สมศกั ดิ์ อมั พรวิสทิ ธ์โิ สภา และธญั ลกั ษณ์ จุ้ยเรอื ง. (๒๕๕๔), วิวธิ ภาษาวรรณคดีวิจักษ์ ม.๓. กรุงเทพฯ : ภูมิบณั ฑติ การพมิ พ์, สอางค์ ดาเนนิ สวัสด์ิ และคณะ. (๒๕๔๖). หนงั สือเรยี นภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3. กรงุ เทพฯ : พัฒนาคุณภาพวชิ าการ, สวุ ิทย์ มลู คา. (๒๕๔๗). ครบเครอื่ งเรอื่ งการคดิ . กรงุ เทพฯ : ภาพพมิ พ์, อษุ ณยี ์ สัตยนนท์. การรักษากายและใจยามเจ็บปว่ ยด้วยกาลังใจของตนเอง. สืบคน้ เมอ่ื วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘, จาก https://www.kroobannok.com

แบบฝึกเสริมทักษะการอา่ นคดิ วิเคราะห์ เลม่ ที่ ๑ คิดวเิ คราะหจ์ ากบทความ 37 ประวัตผิ ้จู ดั ทา ชอ่ื สกลุ นางธนชั พร ยนั ตะพันธ์ วัน เดอื น ปีเกดิ ๑๓ มถิ นุ ายน ๒๕๒๐ อายุ ๔๔ ปี ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ โรงเรยี นอุตรดิตถด์ รุณี จังหวดั อตุ รดิตถ์ สังกัด สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาพิษณุโลก อตุ รดิตถ์ วุฒกิ ารศกึ ษา ปรญิ ญาตรี วชิ าเอก บรรณารกั ษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ สถาบัราชภฏั อุตรดติ ถ์ จงั หวดั อตุ รดติ ถ์ ปริญญาโท สาขาวชิ าบรหิ ารการศึกษา มหาวทิ ยาลัยกรุงเทพธนบรุ ี เกียรติประวัติและผลงาน .......................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook