Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แบบฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เล่มที่ 3 การเขียนเรื่องสั้น

แบบฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เล่มที่ 3 การเขียนเรื่องสั้น

Published by thanatchapron.2520, 2023-08-15 05:01:48

Description: แบบฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เล่มที่ 3 การเขียนเรื่องสั้น

Search

Read the Text Version

คำแนะการใชแ้ บบฝกึ เสรมิ ทักษะสำหรบั ครู แบบฝึกเสรมิ ทักษะการเขยี นเชิงสร้างสรรค์ เลม่ ที่ ๓ เรือ่ ง การเขียนเร่ืองสน้ั กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/13 เพื่อให้การใช้แบบฝึก เสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เล่มที่ ๓ เรื่อง การเขียนเร่ืองสน้ั ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพ และเกดิ ประสทิ ธิผลครผู ู้สอนควรดำเนนิ การดังนี้ ๑. เตรียมและศึกษาแผนการจัดการเรียนรู้และแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เรื่อง การเขียน เรือ่ งสน้ั กอ่ นทจ่ี ะให้นกั เรยี นไดป้ ฏิบัติกจิ กรรมในแบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะ ๒. อธิบายให้นักเรยี นทราบจุดประสงค์ของการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เล่มที่ ๓ เร่ือง การเขยี นเร่ืองส้ัน เพอื่ ใหน้ กั เรยี นได้ประโยชน์สูงสุด จากการทำแบบฝกึ เสริมทกั ษะ ๓. ตระหนกั อยเู่ สมอว่าในการทำกจิ กรรมในแบบฝกึ เสริมทกั ษะให้นกั เรียนมสี ่วนรว่ มมากที่สุด ๔. ให้นักเรียนอ่านและปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้แบบฝึกเสริมทักษะสำหรับนักเรียนในหน้าถัดไปโดยครู เปน็ ผูใ้ ห้คำปรกึ ษา

คำแนะนำการใชแ้ บบฝกึ เสรมิ ทักษสำหรบั นักเรียน ให้นักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอนในแบบฝึกเสรมิ ทกั ษะการเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ ชุดที่ ๓ เรื่อง การเขียนเร่ืองสน้ั กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย สำหรบั นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4/13 ดงั น้ี ๑. นักเรียนศึกษาคำชี้แจง คำแนะนำสำหรับนักเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และผลการเรียนรู้ ทค่ี าดหวงั ๒. นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน จำนวน ๑๐ ขอ้ เวลา ๑๐ นาที เพอ่ื วัดพืน้ ความรู้ ความเขา้ ใจ ของ นกั เรียนในเรื่องท่ีกำลงั จะเรยี นว่าอยู่ในเกณฑ์ใด ๓. นกั เรยี นศกึ ษาเน้อื หาในใบความร้ตู วั อย่างใหเ้ ขา้ ใจก่อนทำแบบฝกึ เสริมทกั ษะ ๔. นักเรียนทำแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เล่มที่ ๓ เรื่อง การเขียนเรื่องสั้น กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/13 เสร็จแล้วส่งครูตรวจสอบแล้ว บันทึกคะแนนลงใน แบบบันทกึ คะแนนท้ายเล่ม ๕. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น จำนวน ๑๐ ขอ้ เวลา ๑๐ นาที เพื่อวดั ความรู้ความเข้าใจของนักเรียนว่า เพมิ่ มากข้ึนกว่าก่อนเรียนหรือไม่ แลว้ บันทกึ คะแนนลงในแบบบันทกึ คะแนนทา้ ยเล่ม ๖. นักเรยี นปฏิบตั กิ ิจกรรมในแบบฝกึ เสริมทกั ษะดว้ ยความต้ังใจ มีความรับผดิ ชอบ มคี วามซ่ือสัตย์ต่อตนเอง ไม่เปิดดูเฉลยก่อน เมื่อเกิดปัญหาให้สอบถามครูผู้สอนและหากทำคะแนน ไม่ผ่านเกณฑ์ให้กลับไปทบทวนเนื้อหาใน ใบความรูแ้ ละตัวอยา่ ง แลว้ ทำแบบฝึกเสรมิ ทักษะใหม่จนจบและผา่ นเกณฑ์

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วัด สาระท่ี ๒ การเขียน มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นส่อื สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรอื่ งราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลขา่ วสารสารสนเทศ และรายงานการศึกษา คน้ ควา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ ตวั ชว้ี ัด ขอ้ ที่ ๑ เขียนส่อื สารในรูปแบต่างๆไดต้ รงตามวัตถุประสงค์โดยใช้ภาษาเรียบเรียงถูกต้องมขี อ้ มลู และ สาระสำคัญชัดเจน ข้อท่ี 4 ผลิตงานเขยี นของตนเองในรูปแบบตา่ งๆ เช่น บันเทิงคดี ข้อที่ 8 มมี ารยาทในการเขียน

ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวัง ๑. นกั เรยี นมคี วามร้คู วามเข้าใจเก่ยี วกบั พ้นื ฐานการเขยี นเรือ่ งส้ัน ๒. นักเรียนสามารถเขยี นเรอ่ื งสั้นได้ ๓. นกั เรยี นมีมารยาทในการเขยี น

แบบทดสอบก่อนเรียน คำชีแ้ จง ขอ้ สอบมีจำนวน ๑๐ ข้อ ชนิดเลือกตอบ จำนวน ๔ ตัวเลอื ก นกั เรยี นอ่านโจทยแ์ ลว้ ตอบคำถามโดยเลอื ก คำตอบถกู ต้องท่ีสดุ เพียงคำตอบเดยี ว โดยทำเคร่อื งหมายกากบาท (x) ลงในกระดาษคำตอบ ๑. เรื่องส้ันของไทยไดร้ ับอิทธิพลมาจากเร่ืองใด ก. วรรณกรรมของชนชาติตะวันตก ข. วรรณกรรมของชนชาติตะวันออก ค. ลัทธทิ างการเมอื งและความเชอ่ื ทางศาสนา ง. กวที ี่ทรงอิทธพิ ลและมีความสำคัญในอดีต ๒. เร่อื งส้ันจัดเปน็ งานเขยี นประเภทใด ก. สารคดี ข. วรรณคดี ค. บนั เทิงคดี ง. งานเขยี นเชงิ วิชาการ ๓. ข้อใดไม่ใช่ลกั ษณะของเรอ่ื งส้ัน ก. มฉี ากในเรอ่ื งน้อย ข. มแี กน่ เรื่องมากกวา่ หนึง่ ประเดน็ ค. มคี วามยาวประมาณ ๓ – ๔ หนา้ กระดาษ ง. มกี ารดำเนนิ เร่ืองท่ีรวดเรว็ กระชับ รัดกุม ๔. เรอื่ งสั้นทีจ่ ดั เปน็ เรื่องส้นั ทีแ่ ท้จริงของไทยไดแ้ กเ่ ร่ืองใด ก. สนุกน์ินึก ของ กรมหลวงพชิ ติ ปรชี ากร ข. คุณย่าเพ้ิง ของ เขียวหวาน ค. สญั ชาตญาณมดื ของ อ.อดุ ากร ง. เขยี ดขาคำ ของ ลาว คำหอม ๕. เร่อื งสั้นไทยมีพฒั นาการมาจากข้อใด ก. นวนยิ าย ข. รอ้ ยกรอง ค. บทความ ง. นทิ านนยิ าย ๖. องคป์ ระกอบใดของเร่ืองส้ันที่หมายถงึ ขอ้ คดิ สำคัญหรือข้อคิดหลกั ของเรอ่ื ง ก. แกน่ เร่ือง ข. โครงเรือ่ ง ค. กลวธิ กี ารแต่ง ง. บทสนทนา

๗. การสรา้ งเรอื่ งราวหรอื เหตกุ ารณ์อยา่ งครา่ ว ๆ ให้ต่อเนอ่ื งเปน็ เหตุเป็นผลต่อกัน สรา้ งความขดั แย้ง หรอื ปมปญั หา เพ่อื ให้เร่อื งดำเนนิ ไปได้ คือองค์ประกอบใดของเรื่องสน้ั ก. แก่นเรอ่ื ง ข. โครงเรอื่ ง ค. ตวั ละคร ง. กลวธิ ีการแตง่ ๘. ข้อใดไมใ่ ช่องค์ประกอบสำคัญของเรื่องส้ัน ก. ตวั ละคร ข. แก่นเรอ่ื ง ค. โครงเร่อื ง ง. คตขิ อ้ คดิ ๙. ในการเขียนเรอ่ื งส้นั ผเู้ ขียนควรคำนงึ ถึงเรอ่ื งใดมากท่สี ุด ก. ขนาดความยาวของเรอ่ื ง ข. ความรอบรู้ในเรอ่ื งที่จะเขยี น ค. การเลอื กตัวละคร ง. การต้ังช่อื เรอ่ื ง ๑๐. เรื่องส้ันมลี กั ษณะท่ีคล้ายกบั นวนยิ ายตามข้อใด ก. จำนวนตัวละคร ข. ความซบั ซ้อนของเรือ่ ง ค. เปน็ เรื่องสมมติหรือเรื่องจรงิ ง. ฉากและบรรยากาศทห่ี ลากหลาย

กระดาษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น เล่มที่ ๓ เรอ่ื ง การเขียนเรอ่ื งส้นั ชื่อ......................................................................................ชน้ั ............................เลขที่................................ ขอ้ ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 คะแนนเต็ม 10 คะแนนได้

ใบความรทู้ ี่ 1 เรือ่ งสัน้ เรอ่ื งสน้ั มีลกั ษณะคล้ายนทิ าน คอื เนื้อเรื่องและตัวละครสมมุตขิ นึ้ แต่การดำเนินเรื่องไม่เหมือนกัน เรื่องสั้นกล่าวถึงนิสัย กิริยาอาการ และ คำพูดตัวละครละเอียดชดั แจ้งกวา่ นิทานและเปน็ ไปตามปกตวิ ิสัยท่ีอาจเกิด ได้จริง ส่วนนิทานอาจกล่าวถงึ เรื่องที่พ้นวิสัยหรืออิทธิฤทธิ์ปาฏิหารยิ ์กไ็ ด้ เรื่องส้ันมลี ักษณะคล้ายนิทานอย่างสั้นเป็นอันมาก แต่อย่างไรก็ดี เรื่องสนั้ มลี ักษณะสำคญั ของตนเองโดยเอกเทศ องคป์ ระกอบของเรื่องสั้น เรอื่ งสน้ั มีองค์ประกอบสำคัญ ดงั นี้ ๑. เคา้ เรือ่ ง เนน้ จุดประสงคจ์ ุดใดจดุ หน่งึ เพียงอย่างเดยี ว ๒. ตัวละคร ควรมีน้อยที่สุด มีเฉพาะตัวที่สำคัญเท่าน้ัน ตัวประกอบไมม่ เี ลยก็ได้ ๓. บทเจรจารวบรดั ดำเนนิ ไปสจู่ ุดประสงคโ์ ดยเร็วท่ีสุด ๔. ฉาก มเี ฉพาะเท่าท่จี ำเปน็ แก่เหตกุ ารณแ์ ละช่วงเวลาท่เี กิดขน้ึ ๕. การดำเนินเรือ่ ง มีการผูกปมเพ่ือสร้างความคาดคะเนข้ึนในใจ ของผู้อ่านการดำเนินเรื่องเพื่อคลี่คลายปมนั้นเป็นไปทีละน้อยจนถึงจุด สุดยอด ซง่ึ เปน็ ตอนไขปมทั้งหมดและเป็นตอนสำคัญของเรอ่ื ง ตัวอย่างเรื่องสั้น ได้แก่ เรื่อง เศรษฐศาสตร์ในห้องแถว ของ หยก บูรพา เรื่อง ศิลปินเอก อง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และเรื่อง นดิ ๆ หนอ่ ยๆ ของ ดอกไมส้ ด

การพิจารณานวนยิ ายและเรอ่ื งส้นั มสี ิ่งควรพจิ ารณาดงั นี้ คือ ๑. โครงเรื่องและเนื้อเรื่อง ลักษณะของโครงเรื่องที่ดีจะต้อง มีความสัมพันธ์ระหว่าง เหตุการณ์และระหว่างบุคคลในเรื่องเกี่ยวเนื่องกัน ตลอดไปจากเรอ่ื งเลก็ ไปสเู่ ร่อื งใหญ่ โครงเรอ่ื งทส่ี รา้ งความสนใจใคร่รูแ้ ก่ผอู้ ่านต้อง มีปมหรือข้อขัดแย้งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ นอกจากนี้โครงเรื่องต้องมี ความสมจรงิ เร่อื งราวที่เกดิ ข้ึนเป็นไปอย่างสมเหตุสมผลมใิ ชเ่ พราะเหตบุ งั เอญิ ๒. กลวิธีในการดำเนินเรื่อง มีส่วนสำคัญในการช่วยให้เรื่องน่าสนใจ ชวนติดตาม กลวิธี ในการดำเนินเรื่อง อาจดำเนินตามปฏิทิน คือ ดำเนินเรื่อง ตั้งแต่ตัวละครเกิด เติบโต จนถึงแก่ กรรม หรืออาจด าเนินเรื่องย้อนกลับ คือ กลา่ วถึงเหตกุ ารณ์ในตอนท้ายเสยี ก่อน แลว้ ยอ้ นกลบั ไป เลา่ ตง้ั แต่ต้นจนจบ หรือ บางครงั้ อาจด าเนนิ เรอ่ื งสลับไปมาก็ไดแ้ ลว้ แต่ความเหมาะสม ๓. ตัวละคร ผู้อ่านสามารถพจิ ารณาตัวละครในนวนิยายและเร่ืองส้นั ได้ คือ พิจารณาลักษณะนิสัยตัวของละคร โดยดูจากพฤติกรรมและบทสนทนา ของตวั ละครนั้น ๆ ๔. แนวคดิ ของเรอื่ ง หมายถึง ทศั นะหรือเจตนารมณ์อย่างใดอย่างหนึง่ ของผแู้ ตง่ ที่ต้องการสื่อสารมาถึงผู้อ่าน ผู้แต่งอาจบอกผู้อ่านตรง ๆ หรือไม่บอกก็ได้ ผู้อ่านต้องค้นหาเอาเอง โดยตั้งคำถามว่าจุดมุ่งหมายที่สำคัญของเรื่อง ท่ีเราอ่านนั้นคืออะไร ผูแ้ ตง่ ตอ้ งการแสดงทัศนะวา่ อย่างไร ๕. ฉาก ฉากหมายถึง สถานที่และเวลาที่เรื่องน้ัน ๆ เกิดขึ้น ลักษณะของฉากจะต้อง สอดคล้องกับเนื้อเรือ่ ง และช่วยสรา้ งบรรยากาศ รวมทั้งถกู ต้องตามสภาพความเป็นจรงิ ๖.สำนวนภาษา ภาษามสี ว่ นสรา้ งความนิยมชมชอบให้แก่ผูอ้ ่านสำนวนภาษาในนวนิยายและเร่อื งสั้นจะต้อง เหมาะสมกบั ตวั ละคร และบทบาทของตัวละครแต่ละตัว

กจิ กรรมที่ ๑ คำชีแ้ จง ให้นักเรียนเขยี นเคร่อื งหมาย  หน้าข้อความทีถ่ ูก และเขยี นเคร่ืองหมาย  หนา้ ขอ้ ความที่ผิด ...........๑) เรื่องสั้นมีลักษณะที่คล้ายกับนวนิยาย . ...........๒) เรื่องสั้นมีวิวัฒนาการจากการเล่านิทานของคนในอดีต ...........๓) เรื่องสั้นคืองานเขียนในรูปของสารคดีที่เสนอความคิดสำคัญเพยี งความคิดเดียว ...........๔) เรื่องสั้นเป็นงานเขียนที่จำกดั ความยาวของเน้ือเรอ่ื ง ...........๕) เรื่องสั้นเริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อคนไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ...........๖) เรื่องสั้นดำเนินเรอ่ื งในช่วงระยะเวลาสนั้ มตี วั ละครเดน่ ท่หี ลากหลาย . ..........๗) เรื่องสั้นชนิดที่แสดงลักษณะตัวละคร มงุ่ แสดงบุคลิกของตัวละครเปน็ หลัก ...........๘) ละครที่ออกอากาศทางโทรทัศน์มีลักษณะเช่นเดียวกับเรื่องสั้น ...........๙) เรื่องสั้นที่เน้นการพรรณนาฉาก จัดเป็นเรื่องสั้นชนิดแสดงแนวความคิดของเรื่อง .... .....๑๐) เรือ่ งสน้ั เปน็ งานเขียนท่มี ีเคา้ โครงเรอ่ื งจากเร่ืองจรงิ หรอื สมมติขึน้ มา ..... ....๑๑) การวางโครงเรอ่ื งเปน็ ขน้ั สดุ ทา้ ยในการเขยี นเรื่องสนั้ ..........๑๒) การวางเค้าโครงเรื่องจะประกอบด้วยการเปิดเรื่อง การดำเนินเรื่องและการปดิ เรือ่ ง ........ .๑๓) แก่นเรื่องคือสาระหลักหรือข้อคิดที่ได้จากเรื่องสั้นเรื่องนั้นๆ ..........๑๔) ตัวละครในการเขยี นเรื่องส้ันจะต้องเปน็ คนเท่าน้ัน ..........๑๕) การเขียนเรื่องสั้นจำเป็นตอ้ งมีบทสนทนา ..........๑๖) การเขียนเรื่องสั้นมักจะมีฉากในเรื่องนอ้ ย ..........๑๗) ฉากในเรื่องสั้นต้องเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้คือต้องเป็นรูปธรรมมากกว่านามธรรม ..........๑๘) องค์ประกอบสำคญั ท่ีสดุ ในการเขยี นเร่อื งสน้ั คอื แก่นเร่ือง ..........๑๙) เรื่องสั้นมีปมปัญหาที่ซับซ้อนกว่านวนยิ าย ..........๒๐) ประสบการณ์ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งในการลงมือเขยี นเร่อื งส้ัน

ใบความรูท้ ่ี ๒ วิวฒั นาการของเร่อื งสั้น กำเนดิ ของเรอื่ งสนั้ และนวนิยายสมัยใหมใ่ นประเทศไทยเกิดพร้อมๆ กบั การรับอิทธพิ ล ดา้ นวัฒนธรรมอ่ืน ๆ จากชาติตะวันตก ในปี พศ. 2378 คณะมิชชันนารีอเมริกันได้นำเทคนิค วิทยาการการพิมพ์เข้ามาใน ประเทศไทย หนังสือพิมพ์ฉบับแรกของไทยเกิดเมื่อ ปี พศ. 2400 ชื่อ \"ราชกิจจานุเบกษา\" และทำให้เกิดหนงั สือพิมพ์ตามมาอกี หลายฉบับ สำหรับการแต่งนวนิยายเป็นเรื่องแรกน้ัน ผู้รู้หลายท่านมักจะกล่าวว่าเรื่อง \"สนุกนิน์ กึ \" ซึ่งแต่งโดยกรมหลวง พิชิตปรีชาการ ซึ่งตีพิมพ์หนังสือวชิรญาณวิเสศ (แผ่น 28 วันที่ 6 เดือน 8 ปีจอ อัฐศก 1248) เป็นเรื่องแต่งที่มี แนวโน้มจะเป็นวนิยายเรื่องแรกของไทยที่แต่งเลียนแบบ นวนิยายตะวันตก อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็แต่ง ได้เพียง ตอนเดียวก็ถูกระงับ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า มีเนื้อหากระทบกระเทียบต่อศาสนาในสมัยนั้น นวนิยายเต็มเรื่อง เรื่องแรกของไทยเป็นนวนิยาย แปลเรื่อง \"ความพยาบาท\" ที่แม่วัน แปลมาจากหนังสือชื่อ vandetta ของ marie corelli ซึ่งตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในหนังสือลักวิทยา ในช่วงปี พ.ศ. 2445 และหลังจากนั้น ก็สร้างแรงจูงใจ ให้ \"ครูเหลี่ยม\" เขียนนวนิยายไทยที่เป็นเนื่องเรื่องแบบไทยแท้ล้อเลียนเรื่องแปลของแม่วัน โดยใช้ชื่อว่า \"ความไมพ่ ยาบาท\" ในปี พศ. 2458 งานเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายมีวิวัฒนาการเรือ่ ยมา จนกระท่ังช่วง พศ. 2471-2472 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลา ทส่ี ำคัญอีกช่วงหนงึ่ ของประวัตวิ รรณคดไี ทย เนอ่ื งจากเปน็ ชว่ งเวลาท่ีเกิด นักเขยี นซง่ึ ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้มี การเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายในยุคต่อมา คือ ในปี พ.ศ. 2471 กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ ศรีบูรพา แต่ง \"ลกู ผชู้ าย\" ซ่งึ ได้รบั ความนยิ มมาก พศ. 2472 ดอกไม้สด แต่ง \"ศตรูของเจา้ หลอ่ น\" และ หมอ่ มเจา้ อากาศ ดำเกิง รพีพัฒน์ แต่ง \"ละครแห่งชวี ิต\" นักเขียนทั้งสามทา่ นเขียนเรื่องราวออกมาจากโดยใช้พลอต หรือแนวเรื่องแตกต่างจาก นวนิยายต่างประเทศ ในสมัยนัน้ ทำให้นักเขยี นทัง้ สามท่านได้รับการยอมรบั ว่าเป็นผรู้ ิเร่ิมให้เกดิ การเขียนซึ่งวางโครงเรื่องเป็นแบบไทย และ เป็นต้นแบบการเขยี นนวนยิ ายมาจนถึงปัจจุบัน ถงึ แมเ้ ร่ืองสัน้ และนวนยิ ายถกู นบั วา่ เป็นบนั เทิงคดี คอื เรอื่ งท่ีแต่งขึ้นมาจากจินตนากรของผเู้ ขยี นเป็นสว่ นใหญ่ แต่นวนิยายก็มีประโยน์และมีคุณค่าในตัวของมันเอง เรื่องสั้นและ นวนิยายสามารถบอกเรื่องราว และความนึกคิด ของคนในสมัยต่าง ๆ ได้ เช่น เรื่องส่ีแผ่นดิน ของ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่สะท้อนเรื่องราวของชีวิตไทยในอดีต เรอ่ื งราวของสงครามโลก ครงั้ ที่สองใน ค่กู รรม เป็นตน้ เรอ่ื งสัน้ และนวนยิ ายไทยมกี ารปรบั ปรงุ เปลี่ยนแปลงเน้ือหาไปตามกาลเวลา ปจั จุบันการศกึ ษาของประชาชน ในประเทศไทยโดยเฉลี่ยสูงขึ้น ทำให้ความต้องการบริโภคอาหารสมอง และเรื่องราวบันเทงิ คดตี ่าง ๆ มากขึ้นตามไป ด้วยวิวัฒนาการของนวนิยายไทย จึงน่าจะมีพัฒนาการต่อไปอีกนาน และนกจากให้ความบันเทิงแล้ว นวนิยายยัง สามารถบอกเล่าเรือ่ งราวชีวติ และประวตั ศิ าสตร์ชาตไิ ทยใหค้ นร่นุ ต่อไปได้นำมาศกึ ษาอีกทางหนึ่ง

กิจกรรมท่ี ๒ คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นแผนผงั ความคดิ (Mind Mapping) สรุปวิวัฒนาการของเรอ่ื งสน้ั วิวฒั นาการ ของเรื่องสน้ั

ใบความรู้ที่ ๓ แนวทางการพจิ ารณาเรอื่ งสั้น นกั เขยี นเร่ืองสั้นท้งั ภายในประเทศและตา่ งประเทศได้ให้ความหมายของคำว่า เรื่องสน้ั ไวม้ ากมาย พอสรุป ได้ว่า เร่ืองสน้ั คอื เรื่องที่แต่งขึน้ โดยมศี ิลปะในการแต่งให้ไดใ้ จความมากท่ีสุด ใช้เวลานอ้ ย มีความยาวพอประมาณ และมีความคิดหลักเพียงอยา่ งเดยี วแตใ่ ห้อรรถรสแกผ่ ู้อ่านอยา่ งมาก ลกั ษณะของเรือ่ งสั้น ๑. มีโครงเรื่อง คือ มีกลวิธีในการแสดงพฤติกรรมของตัวละครซึ่งอาจเป็น คน สัตว์ สิ่งของ โดยทั่วไป มักใช้ โครงเรือ่ งของความขดั แยง้ เพ่อื เร้าใจใหผ้ อู้ า่ นคิดตาม ๒. มีจดุ มุ่งหมายของเรอ่ื งเพียงอย่างเดียว โดยมีแกนเรื่อง (Theme) เพียงหน่งึ เดยี ว ซึง่ อาจเปน็ ความคิดหรือ ทศั นะแง่ใดแง่หนึ่งเท่าน้นั เช่น การผจญภยั การดิ้นรนตอ่ สคู้ วามไมแ่ น่นอนของชีวติ มนุษย์ ๓. มตี ัวละครนอ้ ย โดยปกตไิ มเ่ กนิ ๕ ตัว ๔. ใชเ้ วลาน้อย โดยทัว่ ไปเรอื่ งสัน้ สามารถอ่านจบภายใน ๑๕ นาที ถึง ๕๐นาที ๕. มขี นาดสัน้ การบรรยายตามท้องเร่อื งนั้นไมย่ ืดยาด การน าเสนอด้วยค าประมาณ ๔๐๐๐ ถึง ๕๐๐๐ คำ (๔ ตวั อักษรคดิ เป็น ๑ คำ) เปน็ การเสนอทีพ่ อเหมาะ อย่างไรกต็ ามการกำหนดคำนัน้ ไม่มีการจำกัดลงไปแน่นอน ดังนน้ั จึงมีเรื่องสั้น - สั้น (Short-Short Story) และเรื่องสั้นที่มีขนาดยาวกว่าธรรมดาเรียกว่า เรื่องสั้นขนาดยาว (Long Short Story) ๖. มคี วามกระชับรดั กมุ ทุกดา้ น ใชค้ ำน้อย แต่ใหไ้ ดค้ วามมากทสี่ ุด เพียบพร้อม ด้วยอรรถรสอนั เขม้ ขน้ องค์ประกอบของเรื่องสัน้ ๑. การวางโครงเรื่อง (Plot) ต้องมีปมเรื่องหรือปัญหาเมื่อเปิดเรื่อง ซึ่งจะแสดงความดีเด่นของเรื่องสั้นนัน้ การสรา้ งปมเร่ืองมีหลายชนิด เช่น ๑.๑ ความขัดแยง้ กบั ตัวเอง ๑.๒ ความขัดแยง้ กับคนอ่ืน ๑.๓ ความขัดแย้งกับสังคม ๑.๔ ความขัดแย้งกบั ธรรมชาติ ๒. ตัวละคร (Character) ในเรอ่ื งสน้ั จะต้องมีตัวละครตัวเอกเพียงตัวเดียว และแสดง บทบาทสำคัญทสี่ ดุ ส่วนตัวอ่นื ๆ เปน็ ตวั ประกอบ หรอื อาจจะมตี ัวละครเพียงตวั เดียวทั้งเรือ่ งก็ได้ ซ่ึงตวั ละครอาจเป็น คน สัตว์ สง่ิ ของ ตน้ ไม้ ส่งิ ไมม่ ีชีวติ ก็ไดแ้ ตต่ ้องมีพฤตกิ รรมเพอื่ ทำใหเ้ ร่ือง ดำเนินตงั้ แต่ต้นจนจบเรอ่ื ง ตัวละครควรมีลกั ษณะเดน่ ๆ ดังน้ี ๒.๑ มีลกั ษณะสมจริง ๒.๒ ลักษณะนิสัย และพฤติกรรมสอดคล้องกัน ๒.๓ ลักษณะเด่นและแปลก ๓. ฉาก (Setting) เป็นเร่อื งสำคญั ที่จะทำใหผ้ ้อู ่านเขา้ ใจเรื่องไดด้ ขี ้นึ ทง้ั เหตกุ ารณ์ ระยะเวลา สถานท่ีต้อง เหมาะสมกลมกลืนกนั การบรรยายฉากน้ันต้องคำนงึ ถงึ รปู รส กลน่ิ เสยี ง และสัมผัสด้วย

๔. บทสนทนำ (Dialogue) คือคำพูดของตัวละครที่โต้ตอบกันทำให้เรื่องสั้นน่าอ่าน น่าสนใจข้ึน กวา่ การบรรยายตลอดเรื่องซ้ำ ๆ ซาก ๆ บทสนทนาทด่ี ีควรมีลกั ษณะดังน้ี ๔.๑ มลี กั ษณะสมจรงิ เหมอื นคนธรรมดาเขาพดู กัน โดยปกตคิ นเราพดู จากนั ใชค้ ำในวรรคหนึง่ ประมาณ ๑๓ คำ อยา่ งสูงไมเ่ กิน ๑๕ คำ ๔.๒ ช่วยใหเ้ น้ือเรือ่ งดำเนินไปดว้ ยดี ๔.๓ ชว่ ยบอกลกั ษณะนสิ ัยของตวั ละคร ๔.๔ เหมาะสมกบั ระดบั ฐานะของตัวละคร ๔.๕ ชว่ ยยน่ ยอ่ เรอื่ งท่ไี ม่จ าเปน็ ให้เหลอื นอ้ ยลง ๕. กลวิธี (Technique) เป็นเทคนิควธิ กี ารทีใ่ ชด้ าเนนิ เรื่องราวมีส่วนสำคญั ๆ ดังน้ี ๕.๑ การเปิดเรือ่ ง (The Opening) เนอ่ื งจากการเขยี นเรอ่ื งส้นั เปน็ ท้งั ศาสตรแ์ ละศลิ ปะ ดังนน้ั นกั เขียนจงึ ต้องพิถีพิถันในการขน้ึ ต้นเรือ่ ง หรือการเปดิ เรอื่ งอย่างยิง่ ด้วยการ กล่าวน าสั้น ๆ พรอ้ มเสนอปัญหา หรือประเด็นทนั ทเี พอื่ ผอู้ า่ นจะได้รเู้ รอ่ื ง สถานที่ และ เหตุการณ์ จดุ สำคญั ของการเปิดเรอื่ ง ควรคำนงึ ดังน้ี ๕.๑.๑ เปดิ เร่อื งใหใ้ กล้ตอนจบเทา่ ทจี่ ะทำได้ ๕.๑.๒ เรม่ิ ที่จุดเวลาใกล้แก่นเรอื่ ง ๕.๑.๓ ผูกใจ เร้าใจใหผ้ ู้อา่ นตดิ ตามตลอดจนจบ ๕.๑.๔ มฉี ากทแ่ี ปลกใหมไ่ ม่ซ้ำแบบใคร ๕.๒ การปดิ เรอ่ื ง (Conclusion) การปิดเร่อื งทด่ี ี ควรทำให้ผู้อ่านประทับใจมอี ะไรค้างอยูใ่ นความคดิ หรือจินตนาการทำให้อยากอา่ นซ้ำไม่ร้สู กึ เบ่ือ การปดิ เรอ่ื งอาจปดิ ดว้ ยประเด็นตา่ ง ๆ ดังนี้ ๕.๒.๑ ปิดเรื่องแบบมคี วามสุข สามารถเอาชนะอปุ สรรคและประสบผลสำเร็จตามความ ต้องการ ๕.๒.๒ ปดิ เรื่องแบบเศรา้ ซึ่งประสบความลม้ เหลว ผิดหวงั ล้มละลายสญู หายหรอื พลัดพรากจากกนั ๕.๒.๓ ปดิ เรือ่ ง ในลกั ษณะความสมจริง โดยยึดเหตุและผลตามสามัญสำนึกและลำดับข้นั ของเหตุการณ์ตามสภาพความจรงิ ลักษณะนไ้ี มจ่ ำเปน็ ต้องปดิ เรอื่ งสามารถจบเรือ่ งไดท้ นั ที ๖. รปู แบบการเขยี นเรื่อง (Form) การเขียนเรือ่ งมีรปู แบบทนี่ ิยมกันดังน้ี ๖.๑ รูปแบบที่นกั เขยี นวางตนเปน็ ผู้รอบรูท้ กุ สิง่ ทกุ อย่าง รู้จกั ตวั ละครและหยั่งรภู้ ายในจิตใจตัวละคร อยา่ งแจ่มแจง้ ๖.๒ รูปแบบทน่ี กั เขยี นวางตนเป็นผูส้ ังเกตการณ์ นำเรอื่ งทีพ่ บเห็นมาเล่าให้ผ้อู ่านทราบ ตวั ละคร จะเปิดเผยตนเอง โดยการพดู และกระทำซึง่ ผู้อา่ นจะไดพ้ บดว้ ยตนเอง ๖.๓ รปู แบบที่ตวั ละครตัวใดตวั หนง่ึ มบี ทบาทเป็นหลกั ผู้อา่ นจะไดพ้ บเรือ่ งราวทบ่ี รรยายออกมา จากปากของตัวละครน้ี โดยใช้บุรุษสรรพนามที่ ๑ ตลอดเรอ่ื ง 7.สารัตถะ (Theme) เป็นสารที่ผู้เขียนต้องการส่งให้ผู้อ่านได้ทราบ จะบอกโดยตรงหรือด้วยการสนทนา ของตัวละคร ส่วนมากนักเขียนมักให้ผู้อ่านได้ค้นหาสารที่แฝงมากับเรื่อง จะทำให้ผู้อ่านได้รับความสนุกสนาน เพลิดเพลนิ สารอาจเปน็ แนวคดิ คติพจน์ ปรชั ญาหรอื ข้อเตือนใจตา่ ง ๆ การอา่ นใหไ้ ด้สารที่ถูกตอ้ ง ผู้อ่านควรตงั้ คำถาม ตลอดเวลา เช่น เรื่องนี้มจี ดุ มงุ่ หมายสำคัญอะไร มเี จตคตขิ องชวี ิตแง่ใด เป็นต้น

เรื่องสน้ั ทน่ี ิยมเขยี นมีอยู่ ๔ ชนดิ คือ ๑. ชนิดผูกเรือ่ ง (Plot Story) มกี ารผกู เปน็ ปมปัญหา สร้างความฉงน และซับซ้อน อาจจบลงด้วยความคาด ไม่ถึง หรือนึกไม่ถึง ๒. ชนิดเน้นการแสดงของตัวละคร (Character Story) มีการเสนอลักษณะเด่นของ ตัวละครเป็นหลัก เชน่ ความรกั ความเอ้ือเฟ้อื เผื่อแผ่หรอื ความพกิ ารทางร่างกาย ๓. ชนิดที่ถือฉากเป็นสำคัญ (Atmosphere Story) มกี ารสรา้ งบรรยากาศและฉาก ของเรื่องให้เห็นเป็นจริง เป็นจัง พฤติกรรมของตัวละครจะเกี่ยวพันอยู่กับฉาก ชนิดนี้ต้องใช้ศิลปะ การเขียนสูง จึงจะสามารถชักจูงโน้มน้าว จติ ใจของผอู้ ่านใหเ้ กิดความรสู้ กึ ท่ีต้องการได้ ๔. ชนดิ ทแ่ี สดงแนวความคิดเหน็ (Theme Story) มีการเน้นใหเ้ หน็ ถงึ ความจริงของชีวิต ทสี่ ามารถนำไปใช้ ในชีวติ ประจำวนั ได้ในการเขียนเรื่องสน้ั นั้น นักเขียนมักยดึ ถอื ข้นั ตอน ที่เรยี กว่า POWER คือ P = Planning คือ การวางแผนเคา้ โครงเรอื่ ง O = Organizing คือ จดั แนวความคดิ รปู เรื่อง W = Write คอื เขียน E = Evaluate คอื ประเมินผล อ่านทบทวนแก้ไข ตดั ทอนหรอื เพ่มิ เติม R = Rewrite คือ เขียนใหม่เพ่อื ใหส้ มบรู ณ์

กจิ กรรมที่ ๓ คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นแผนผงั ความคิด (Mind Mapping) สรปุ องค์ประกอบของเร่ืองส้นั องค์ประกอบ ของเร่ืองสั้น

ใบความรูท้ ่ี 4 การเขยี นเรือ่ งสนั้ เบอ้ื งตน้ การแตง่ เรอ่ื ง ชนิดผูกเรื่อง เป็นการแต่งโดยใช้โครงเรื่องเป็นตัวเดินเรื่อง ใช้ความซับซ้อน น่าสงสัยของเหตุการณ์ ต่าง ๆ ให้คนอ่านสนใจติดตามว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นต่อไป และมักจะจบลงในลักษณะที่คนอ่านคาดไม่ถึง (แนวคิด สำหรบั การแต่งเร่อื งมักจะมาจาก เหตุการณ์ สถานการณเ์ กร็ดประวัติ เรอ่ื งเลา่ พ้นื เมือง หรอื แมก้ ระท่ังขา่ วคราวต่าง ๆ นักเขียนจะเอาสิ่งที่รู้เหล่านี้มาผูกเป็นเรื่อง สร้างเหตุการณ์ขึ้นมา เพื่อให้เกิดอีกเหตุการณ์หนึ่ง เพื่อจะน ำไปสู่ อกี เหตุการณห์ นง่ึ เสมอ จนกว่าเร่ืองราวจะยุต)ิ ชนิดเพ่งไปที่ตัวละคร เป็นการน าเสนอเรื่องราวของตัวละครในเรื่อง โดยมากมักจะเกี่ยวข้องกับ ความต้องการ ความขัดแย้ง อุปสรรค และการตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือ ต่อเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งของ ตวั ละคร คนอา่ นจะสนใจในตัวละคร อยากรู้ว่าเขาจะทำอะไร และเขาจะไดร้ ับผลจากการกระทำนน้ั อย่างไรในตอนจบ เนน้ ฉากสถานท่ี เป็นเรื่องท่ีเน้นถงึ บรรยากาศของสถานที่ และเวลา ท่ีตา่ งออกไปจากปกติ ท่ีตัวละครเคยอยู่ หรือพบเห็นเป็นที่แปลกใหม่สำหรับตัวละคร และสถานที่นั้นได้สร้างความรู้สึกนึกคิดและมีผลกระทบต่อตัวละคร โดยมากมกั จะเห็นในเรอื่ งระทึกขวญั แสดงแนวคดิ นักเขียนแต่งเรื่องขึน้ มาเพือ่ นำเสนอแนวคิดของตวั เองในรูปแบบของเรื่องสัน้ แทนการวิจารณ์ แนะนำตรง ๆ เรอ่ื งจะน่าสนใจ ถ้าเปน็ หัวข้อทก่ี ำลงั อยใู่ นการวิพากษว์ ิจารณ์ ในสงั คมหรือเปน็ เรื่องที่สรา้ งความขัดแย้ง อยใู่ นสงั คมขณะนัน้ เช่นประเด็นการทำแท้งเสรี ตง้ั บอ่ นเสรี นกั ศึกษาขายตัว ศลี ธรรมก าลงั เสือ่ ม ฯลฯ กุ อ่ นจะเขียนเร่ืองสัน้ ผเู้ ขียนควรจะมขี อ้ มลู เป็นแนวความคิดอยู่พอสมควร จากนั้นก็ขดั เกลาให้อย่ใู น๘ องคป์ ระกอบดังน้ี ๑. Theme หมายถงึ สง่ิ ที่ผู้เขยี นต้องการจะบอกบางส่ิงบางอยา่ งแกผ่ ู้อา่ น อาจให้แง่คดิ หรือ แสดงความเห็น ของคนเขยี น ผ้เู ขียนไมจ่ าเปน็ ตอ้ งเทศน์ หรือสอน อธิบายให้กับคนอ่านว่าเร่อื งนี้มีคุณธรรมเพียงใด คนอ่านจะเรียนรู้ จากเรื่องที่ผเู้ ขียนเขยี นเอง ๒. Plot เพื่อให้คนอ่านคงความสนใจ ผู้เขียนต้องมีโครงเรื่องเรื่อง ความขัดแย้งหรือการต่อสู้ดิ้นรนของตัว ละครเอกที่เขาต้องเอาชนะ ไม่ว่าการตอ่ สูน้ ้ันจะเปน็ ระหวา่ งคนกับคน หรอื เป็นการ ตอ่ สู้ของจติ ใจตวั เอง ตัวละครเอก จะต้องชนะหรือสูญเสยี ด้วยตัวของเขาเอง ไมใ่ ชจ่ ากความ ช่วยเหลอื ของคนอ่นื ความขัดแยง้ จะเป็นสง่ิ น าเรื่องให้เดิน ต่อถึงจุดสำคัญ จนจบเรื่อง (เคล็ดลับ ในการจัดเรียงเหตกุ ารณ์ก็คือ เริ่มจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีผลกระทบต่อตัวละครเอก ทีใ่ ชช้ วี ิตอยูต่ ามปกติ แล้วสถานการณ์ก็เลวรา้ ย จากนนั้ ตวั ละครกเ็ อาชนะได้ในท่สี ดุ )

๓. โครงสร้างของเรื่อง คำแนะนำทดี่ ีที่สุดคือ นำตัวเองเขา้ ไปอยู่ในเรื่อง ว่าใครคือใคร เปน็ เร่ืองของใคร ซึ่ง ตอนนี้ผู้เขียนก็ต้องทราบแล้วว่าจะใช้มุมมองแบบบุคคลที่ ๑ หรือบุคคลที่ ๓ (แบบบุคคลที่ ๑ เล่าแบบคนเล่าอยู่ใน เหตุการณห์ รอื เป็นเรือ่ งท่ีเกดิ ขึน้ กบั เขาเองใช้คำแทนตัวว่า ฉนั ผม ขา้ พเจา้ แบบบุคคลทีส่ าม ถ้าเลือกแบบนี้ ควรจะใช้ มมุ มองของตวั ละครสำคญั เป็นคนเลา่ ๔. สร้างตัวละคร ที่เหมาะสม และน่าสนใจ ทำให้คนอ่านอยากรเู้ รือ่ งของเขา ๕. เลือกว่าจะใหเ้ รอ่ื งเกิดขน้ึ ท่ีไหน และเม่อื ใด ๖. ใชบ้ ทพูดใหเ้ ร้าใจ กนิ ใจ แสดงตัวตนของตวั ละครได้อย่างเหมาะสม ๗. กำรเล่าเร่ืองและกำรบรรยาย ใหบ้ อกแตส่ ิง่ ทจ่ี ำเป็นใช้เปน็ ประโยชน์ในเร่ือง ไม่เยิน่ เยอ่ เพราะเร่อื งสั้น จะ จำกดั ความยาวของเร่ือง (วธิ ที ีจ่ ะทราบวา่ มีขอ้ ความน้ันจำเป็นหรือไม่ ให้ลองตดั ท้ิงค าหรอื ประโยคนั้นๆ ออกไป แล้วดู ว่ายังทำใหผ้ อู้ า่ นอา่ นเข้าใจหรือไม่ ถ้ายังเขา้ ใจและ สามารถจนิ ตนาการไดก้ ็ควรตัดทงิ้ ) ๘. เร่อื งส้นั ควรจะมุง่ ไปท่ี จดุ ขัดแย้ง เพยี งอยำ่ งเดยี ว ท่ตี ัวละครสำคัญจะต้องเอาชนะใหไ้ ด้ การเริ่มต้นสรา้ งเร่ืองอย่างง่าย ๆ ๑. สร้างตัวละคร ๒. ใสค่ วามตอ้ งการบางอย่างให้แก่ตัวละคร (พอใจหรอื ไมพ่ อใจในสถานภาพของตวั เอง) ๓. เติมอปุ สรรค หรอื ปญั หา ท่ขี ัดขวางไม่ให้ตัวละครไปถึงความตอ้ งการน้นั ๔. บบี ค้นั ตัวละครดว้ ยความยากล าบากหรือความผิดพลาดทม่ี ากขึน้ ๕. พาตวั ละครออกมาจากสถานการณน์ ัน้ ๆ ด้วยความสามารถของเขาเอง ๖. จบเรือ่ ง ตวั อย่าง ๑. สรา้ งตวั ละคร ก ให้น่าสนใจดว้ ยบุคลิกลกั ษณะ การกระทำนสิ ยั หรอื อ่นื ๆ ๒. ทำใหส้ ถานภาพเขาเปลย่ี นไป ไม่วา่ จะจากอะไรกไ็ ด้ ฝนตก รถติด หย่าร้างความสูญเสีย ตกงาน (โดยมาก มักจะเป็นเร่ืองร้าย ๆ) ๓. ต้องมีเวลาจำกัดในการที่จะแก้ไขเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นเพื่อบีบให้เรื่องเข้มข้น เช่น ภรรยาจะคลอดลูก แตร่ ถตดิ ,ต้องปลดชนวนระเบดิ ใหไ้ ดภ้ ายใน ๒๐ นาที ต้องบอกเรื่องสำคัญตอ่ ตำรวจภายในคืนน้ี ฯลฯ ๔. สถานการณ์นั้นต้องมผี ลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของตวั ละคร ก อยา่ งใหญ่หลวงท่ีจะทำใหเ้ ขาเป็นตาย หรอื ระเบดิ อารมณ์ออกมาไดพ้ อกัน ๕. สร้างตัวละคร ข พรอ้ มทง้ั บุคลิกลกั ษณะ นิสัย หรืออืน่ ๆ ๖. จุดชนวนความลึกลับ หรือความสงสัยให้กับผู้อ่าน ในขณะที่ตัวละครพอจะเข้าใจเหตุการณ์บางอย่าง ในเร่ืองแลว้ แต่ผอู้ า่ นยงั ไมร่ โู้ ดยตรง ๗. สร้างความตอ้ งการทีแ่ ตกต่างกันระหว่างตวั ละคร เชน่ ก ต้องการไปตอ่ แต่ ข ให้หยดุ รอ ๘. ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ ง ก และ ข ทีแ่ สดงออกมา ไมใ่ ช่ใครคนเดยี ว ๙. ก พยายามหาทางแก้ไขในปญั หา ๑๐. สถานการณ์บดิ เบอื น ไม่เปน็ อยา่ งทีค่ าดหมาย ๑๑. เรอื่ งราวเรม่ิ เลวร้ายลง และเวลาก็กระช้นั มากขึ้นทุกที ๑๒. จดุ วิกฤต ตอ้ งเลอื กตัดสินใจอยา่ งใดอย่างหนง่ึ ๑๓. สรุปผลสดุ ท้าย

คำแนะนำ ๑. เกาะติดกับขนาดที่จำกัดของแบบในการเขียนเรื่องสั้น โดยทั่วไปจะมีความจำกัดของกรอบ และตัวละคร บทพูดมพี ลังจงู ใจ ฉากสถานทต่ี อ้ งการ แต่ไม่จำเป็นตอ้ งอธบิ ายรายละเอียดมากหลีกเลย่ี งโครงเรื่องย่อย ๒. การเปิดเร่ืองไมแ่ นน่ อนตายตัววา่ เปน็ การบรรยาย และการสงั เกตประจำ ยกเว้นการบรรยายนัน้ จะแสดงถงึ สิ่งทถ่ี ูกรบกวนในขณะนี้ ก่อนทก่ี ารกระทำจะเข้มขน้ ข้ึน แตไ่ มต่ อ้ งใหร้ ายละเอยี ดมากนกั ๓. เริ่มเรื่องสั้นด้วยกระตุ้นเหตุการณ์เพื่อชักจูงไปสู่ความเข้มข้น เหตุการณ์ที่ระเบิดขึ้นมักจะเกี่ยวพันกับ การถกู ขเู่ ข็ญ ทำใหส้ ถานภาพของตวั ละครเอกเปล่ียนแปลง ๔. ตัวละครเอกทีต่ ่อสโู้ ดยลำพงั มีผลกระทบตอ่ ผูอ้ ่าน ๕. เรื่องสัน้ จำเป็นตอ้ งเสนอบางสิ่งบางอย่างที่สร้างความรู้สึกให้กับผู้อ่านให้รว่ มความรู้สกึ ร่วมเห็นอกเห็นใจ ไปกบั ตัวละคร ๖. เรอื่ งสน้ั ควรจะถกู เล่าจากมุมมองของคนๆ คนเดยี ว นอกจากผู้เขียนจะมปี ระสบการณ์ในการเขยี น มากกวา่ นี้ ๗. หลีกเลย่ี งความเกินพอดี ทุกรายละเอยี ดจะตอ้ งเป็นประเด็นส่โู ครงเร่อื ง ๘. เหมือนเรื่องแต่งประเภทอื่นที่ต้องให้ตวั ละครดิน้ รนที่หรือลอยคอท่ามกลางความเลวร้ายหรือมีทางเลือก ทยี่ ่ำแย่พอกนั ๙. ให้ตวั ละคร มขี ้อบกพร่อง ออ่ นแอ และมุง่ ไปยังขอ้ สรปุ ที่คาดไม่ถึง ๑๐. ขัดเกลาแนวคิดของผู้เขียนเกี่ยวกับชุดของเหตุการณ์ที่ตัวละครแสดงหรือพูดออกมาและเหตุการณ์น้ัน ต้องเผยใหผ้ อู้ า่ นรใู้ นเวลาตามความเปน็ จรงิ ๑๑. สรา้ งตอนจบให้กระชับ ๑๒. โดยทั่วไปเร่ืองสั้นมักจะเกี่ยวกับความขดั แย้ง การตัดสินใน หรือการค้นพบ ต้องมีสิ่งสำคัญเป็นประเดน็ หลักสำหรับตัวละครเอก โครงเรื่องขัดแย้งต้องถูกวางเพ่ือให้ตัวละครอื่นเป็นตัวขัดขวางและเผชิญหน้าในตอนสำคัญ ทส่ี ุดของเรื่อง ถ้าเร่อื งสนั้ มตี วั ละครเอกก าลงั ตัดสนิ ใจ การตดั สินใจนี้ต้องท้ิงช่วงจากผลท่ีจะตามมาภายหลัง ถา้ เร่อื งจบ ลงด้วยตวั ละครค้นพบความจรงิ บางอยา่ ง ความจรงิ น้คี วรจะเปน็ ส่ิงท่ีท่ีทำใหช้ ีวติ ของตวั ละครเปลย่ี นไป เคล็ดลบั เมื่อจะเขยี นเรื่องส้นั ๑. ให้มีตัวละครในเร่อื งนอ้ ยทส่ี ดุ รา่ งรายการถงึ ตวั ละคร และส่งิ ทีผ่ ้เู ขียนอยากจะใหเ้ กดิ ในเร่ืองสั้น ๆ ๒. ในแผนการเขยี นของผ้เู ขียน ต้องเตรยี มย่อหน้าที่จะเสนอฉากสถานทแี่ ละการแนะนำตัวละครให้ผูอ้ า่ น รู้จักการเปดิ เร่ืองของผู้เขียนตอ้ งมผี ลกระทบใจผูอ้ า่ น ๓. หัวใจสำคัญต้องรูว้ า่ เรอ่ื งของผ้เู ขยี นเกิดท่ไี หน เก่ียวกบั อะไร และมุ่งไปสู่ประเด็นนั้นไมค่ วรออกนอกเรื่อง ในสง่ิ ไม่จำเปน็ ๔. บทสรปุ เรือ่ งในสองสามยอ่ หนา้ สดุ ทา้ ยตอ้ งขมวดทกุ อย่างเขา้ ดว้ ยกัน และต้องตอบขอ้ สงสยั ที่ผู้เขยี น เปดิ ประเด็นเอาไว้ เขียนให้ตรงประเด็นและเรยี บง่ายท่สี ดุ ๕. ผู้เขยี นอาจจะหกั มมุ ในตอนจบ เพอ่ื สรา้ งสิ่งท่ีคาดไม่ถงึ ให้กบั คนอา่ น

กจิ กรรมท่ี ๔ คำชี้แจง ให้นกั เรียนอา่ นเร่ืองสน้ั เร่ือง “หนา้ กาก” ที่กำหนดใหแ้ ล้วเขียนสรุปเก่ยี วกบั เร่ืองดงั กลา่ ว เร่ืองสน้ั หน้ากาก ถนอมรัก เดอื นเตม็ ดวง ขจรฤทธิ์รีบขับรถยนต์จากตัวเมืองมุ่งสู่อำเภอเชียงดาว เพื่อเข้าประชุมใหญ่ประจ าปี อากาศตอนเช้า เย็นสบาย เขาจึงเปิดกระจกด้านคนขบั ลงเกือบทั้งบาน ถนนโล่งปลอดโปร่ง นานๆ จะมีรถวิ่งไปมาสักคัน เขาทำงาน ต่างอำเภอมาหลายปีจึงชินเส้นทาง ถนนเริ่มขึ้นดอยแม้จะคดเคี้ยว แต่ความชำนาญเส้นทางช่วยเขาทำความเร็วได้ดี พอสมควร บางตอนเป็นถนนตัดผ่านตีนดอย ด้านฝั่งตะวันออกถนนเป็นเหวลึกพอประมาณ เห็นน้ ำปิงไหลช้าๆ เบอ้ื งล่าง ทแี่ ห่งนถ้ี กู กำหนดเปน็ เขตอนุรกั ษต์ ้นน้ำปงิ พอรถว่งิ เข้าเขตอำเภอ ขจรฤทธ์ริ ้สู กึ อากาศเยน็ กวา่ เดิม ชำเลอื งมองเห็นดอยสูงดา้ นฝั่งตะวันตก ต้นไม้ยืนต้น มากมายเหยยี ดตวั สงู เปน็ เขตต่อระหว่างอากาศร้อนกับอากาศเย็น พอพ้นดอย ถนนลดความคดเค้ียวเป็นทางตรงมาก ขึน้ รถกำลังวิ่งเขา้ หมูบ่ า้ นแก่งปันเต้า พลนั ขา้ งหลังปรากฏกระบะวง่ิ เรว็ เสียงรถวง่ิ ผ่านดา้ นขา้ งดังจนขจรฤทธิ์ตระหนก เป็นกระบะสีเทาใหม่วิ่งปาดซ้ายปาดขวา จากเลนซ้ายไปเลนขวา กลับมาซ้ายอีกทีเกือบตกขอบถนน ขจรฤทธิ์กลืน น้ำลายทเี่ รม่ิ เหนียว ที่โคง้ หนา้ เห็นรถหกลอ้ ห้อสู่ทางตรง รถกระบะเทาเอยี งเข้าไปหาเหมือนแม่เหล็กดูดต่อหน้าต่อตา ทำให้เขาต้องกลั้นหายใจ ไม่อยากมองก็ต้องมอง รถสองคันวิ่งเฉียดกันน่าหวาดเสียว หูได้ยินเสียงอะไรกระทบกัน เสียงเสียดสีบาดหูบาดใจ ประสาทแทบขาดผึง เสียงรถเบรกเอี๊ยดยางครูดถนน รถกระบะวิ่งไปแฉลบวูบเข้า ข้างทางซ้าย แลว้ เอียงไปขวาเบียดเขา้ ข้างทาง วิ่งเฉ่ียวชนต้นไม้ขนาดเลก็ มนั ยงั ดันทรุ งั ใช้ยางบดดนิ ครืนๆ ข้างทางต่อ เสยี งโครมดงั ข้ึนเมอ่ื ลอ้ รถวิ่งตกรอ่ งขา้ งทางไถลพลิกคว่ำ 1 รอบ แลว้ กลบั มาจอดนง่ิ ขจรฤทธิ์หายใจลึกยาว กัดฟันข่มความเครียดเกร็ง ชะลอรถเข้าจอดขา้ งทาง รีบวิ่งไปจุดรถ ประสบอุบัติเหตุ เหน็ ผู้ชายหนา้ ซบพวงมาลยั แนน่ ิง่ เขากวาดตารวดเรว็ ดใู นรถมีเพยี งชายคนขบั เทา่ น้ัน “คณุ ๆ เปน็ ไงบา้ ง” เขาเรยี กหลายครงั้ คนเจ็บจงึ ขยบั ตวั เห็นเลือดไหลผา่ นขมบั ขวา ปากบวม หน้าตาบอกวัย 50 ปีเศษ “เจบ็ ท่ีไหนบ้างครับ” คนขับขยับจะเปิดประตูแต่สูดปากเปิดไม่ได้ ขจรฤทธิ์ช่วยดึงเปิดประตูบุบผิดรูป คนขับแสดงอาการเจ็บอก ขาซ้ายคงหัก ขจรฤทธิ์ประคองคนเจ็บให้ใช้แขนโอบคอขจรฤทธิ์ค่อยประคองพามานั่งพักพิงต้นไม้ข้างทาง มือซ้าย คนเจบ็ กุมอะไรบางอย่างที่หนา้ อก ปากกพ็ ึมพำ “ถา้ ไม่มีหลวงปูล่ ูกชา้ งตายแน”่ “นง่ั พกั ทนี่ ่ีกอ่ นนะครับ ผมจะโทร.แจ้งรถมลู นิธแิ ละตำรวจมาชว่ ยด่วนแข็งใจไว้นะครับ” ขจรฤทธน์ิ ั่งลงมองขมบั คนเจ็บท่ีเลือดไหล จับขาซ้ายเบาๆ “เจบ็ ทห่ี ัว ขาซ้าย ท่ีอ่ืนเจบ็ ไหม” คนเจ็บยกฝา่ มอื ทาบอกขวากดลงไปเบาๆ ทำหนา้ ยน่ เล็กนอ้ ย “ท่ีหน้าอก แต่เจบ็ ไม่มากนกั ”

“ไม่เกนิ 3 นาทจี ะมคี นมาช่วย คงไม่เป็นไรมาก ผมตอ้ งรีบไปก่อน เพราะมปี ระชุมใหญท่ ี่อำเภอ” คนเจบ็ ไม่พดู อะไรตอ่ ยงั มอี าการมนึ ๆ ซมึ ๆ ขจรฤทธอ์ิ อกรถรวดเร็ว รถว่ิงผ่านแผงขายส้ม โอปลกู เปน็ แนวยาว ริมถนนทิศตะวันออก อึดใจเดียวรถเขาวิ่งสวนรถ 2 คัน คันหลังเป็นรถตำรวจสีเลือดหมู ในเวลาเดียวกันได้มีรถตู้ คันหน่ึงจอดอยู่ขา้ งถนน ขา้ งรถเขียนวา่ บริษัทสนิ ประกันชวี ิต คนขับสวมเสอื้ แจก๊ เก็ตสีเทา ท่หี นา้ อกซา้ ยมีแถบผ้าโลโก้ บรษิ ัท เขากา้ วเทา้ เรว็ ๆ ไปยังคนเจบ็ เพ่อื ช่วยเหลอื ในเวลาต่อมารถมลู นธิ ิและรถตำรวจได้วิ่งมาอย่างรวดเรว็ และจอดกกึ ฉับพลนั หน้ารถตู้ เจ้าหน้าท่ีมูลนธิ ริ ีบวง่ิ ไปยงั คนเจ็บพรอ้ มอปุ กรณ์ชว่ ยเหลือฉุกเฉนิ เจา้ หนา้ ที่ตำรวจ 3 นาย เดินอาดๆ ไปจุดเดยี วกัน คนขับรถตู้เล่าเร่ืองราว แกเ่ จา้ หนา้ ทต่ี ำรวจ “ผมขับรถมาถงึ จุดเกดิ เหตุ ได้รีบจอดรถลงไปช่วยคนเจ็บออกจากรถ พามานั่งพักใต้ต้นไม้ คนเจ็บเปน็ กำนัน บาดเจบ็ มากท่ีหัวและขาครบั ผม” เจ้าหนา้ ทม่ี ลู นิธปิ ระคองคนเจ็บนอนบนเปลอย่างเร่งรีบและระมดั ระวัง บ่งึ รถนำคนเจบ็ สง่ โรงพยาบาลอำเภอ อยา่ งรีบร้อน คนขับรถตขู้ อตัวขับรถเข้าตัวเมอื ง เจา้ หน้าทีต่ ำรวจนดั หมายเรียกสอบปากคำเพิ่มเตมิ อกี ครั้ง คนเจบ็ ถูกส่งตัว เข้าโรงพยาบาลอำเภอไม่กี่ชั่วโมง ต้องรีบส่งตัวคนเจ็บไปโรงพยาบาลจังหวัด บุรุษพยาบาลพาคนเจ็บนอนบนเตียง ลอ้ เข็นเขา้ หอ้ งฉกุ เฉิน ไมส่ ามารถให้ปากคำแกเ่ จ้าหน้าท่ตี ำรวจได้ หนงั สอื พมิ พ์พาดหวั ขา่ วตัวใหญ่หน้า 1 ครึกโครม กำนันดังเมืองเหนือรถคว่ำ เมื่อเวลา 06.32 น. วันท่ี 23 มีนาคมที่ผ่านมา ร.ต.อ.ธีระศักดิ์ เรืองฤทธ์ิ รอง สว.สภ.เชียงดาว รบั แจ้งเหตุ รถกระบะโตโยตา้ สีบรอนซ์ ทะเบียน กม 5657 เชียงราย ชนต้นไม้ข้างทางพลิกคว่ำ กิโลเมตรที่ 65 สภาพรถเสียหายยับเยิน สอบถามผู้เข้ามาช่วยเหลือ ผู้ประสบอุบตั ิเหตเุ ล่าว่า ขณะขับรถตู้ของบริษัทสินประกันชีวิต จากอำเภอไชยปราการ มุ่งเข้าสู่ตัวเมือง เห็นรถพลกิ คว่ำข้างทาง จึงจอดรถลงไปช่วยเหลือคนเจ็บออกจากรถ คนขับบาดเจ็บที่ศีรษะ ขาซ้ายเจ็บ ต้องประคองมาพัก ใต้ต้นไม้ริมทาง คนเจ็บไอเป็นพักๆ มือกุมพระที่หน้าอกตลอดเวลา ท่าทางตกใจมาก ได้สอบถาม ทราบเพียงว่าเป็น กำนันอยู่อำเภอเหนอื สุด พอดีรถมูลนิธิและรถตำรวจมาถงึ ตนจึงเลา่ เหตกุ ารณใ์ ห้ฟัง จากนั้นได้ขอตัวขบั รถเขา้ ตัวเมือง เพือ่ ทำงานต่อไป โลกโซเชยี ลได้เสนอข่าวแพร่หลาย ส่วนใหญ่ยกย่องชายคนขบั รถบริษัทสนิ ประกันชวี ิตซึ่ง ลงไปช่วยเหลือคน เจ็บ ชื่นชมน้ าใจ ยกให้เปน็ วีรบุรุษ หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้ท าสกู๊ปข่าวเจาะในเรื่องนี้ โดยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ สอบถามชาวบ้าน ใกล้สถานที่ เกดิ เหตุ สอบถามแมค่ า้ ส้มโอ ได้ขอ้ เท็จจรงิ เพิม่ เติมวา่ ผู้เข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บออกจากรถน้ัน คนแรกไม่ใช่คนขับรถตู้ บริษัทสินประกันชีวิต แตเ่ ปน็ ชายหน่มุ เสือ้ ขาวผูกไทเ้ กิดการสับสนโต้แย้งทางโลกออนไลน์ต่างอา้ งเหตุผลชวนน่าเชื่อถือ กำนันคนดังออกจากห้องฉุกเฉินมานอนห้องผู้ป่วยพักฟื้น เขาพ้นขีดอันตราย เจ้าหน้าที่ตำรวจรุดเข้า สอบปากคำถึงข้างเตียงโรงพยาบาล “ในท่ีเกิดเหตมุ ีรอยเบรก ลอ้ รถครูดเปน็ ทางยาว คงขับรถเรว็ มาก” “ก็ไม่เร็วเทา่ ไร แค่ 80, 90 กิโลเมตร” “แนใ่ จนะ” “ครบั ” ตอบออ้ มแอ้มไมเ่ ตม็ เสียง “ทำไมขบั รถส่ายไปมา ปาดซ้ายปาดขวาดว้ ย” “ผมเบรกไมอ่ ยู่ เหมอื นเบรกมันจม กดลงไปมนั เบาเทา้ ตกใจจึงขบั รถสา่ ยไปมานะครับ”

“ผมจะตรวจดูหลักฐานพยานบุคคลอีกครั้ง เพื่อดูว่าเข้าข่ายขับรถผิดกฎจราจรข้อไหน ขับรถขณะดื่มสุรา ขับรถเรว็ เกนิ กฎหมายกำหนด เข้าขา่ ยประมาท” นายตำรวจกล่าวเสียงราบเรียบแต่จรงิ จงั ผหู้ ญิงสองวยั หนา้ ตาดยี ืนข้างเตียง สหี นา้ คอ่ นข้างเครง่ เครียด หญิงกลางคนทา่ ทางจรงิ จัง จ้องตาดูกำนันสามี ดว้ ยแววตาขุน่ เคือง “บอกแล้วให้ไอ้เรืองขับรถให้ก็ไม่ฟัง อายุมากแล้วมันเพลีย มันง่วงได้” ผู้หญิงกลางคนยก มือขึ้นกอดอก กำนนั นั่งกม้ หน้าข้างเตยี งอย่างอบั จนคำพดู “เออ อีกนิดที่เข้าใจกันไปคนละทาง ใครคนแรกเข้าไปช่วยกำนันออกจากรถ” นายตำรวจ ยิงคำถามสำคัญ คาใจ “เป็นคนผิวขาวหน้าตาดี สวมเส้ือขาวผกู ไท้ แกถามอาการผมแลว้ ประคองให้มาน่งั พกั โคนต้นไม้ บอกจะโทร. แจง้ คนมาชว่ ย” “เดย๋ี วๆ ไม่ใชค่ นสวมแจก๊ เก็ตสีเทาเหรอ” “ไมใ่ ช่ๆ คนสวมเสอ้ื แจก๊ เกต็ เปน็ คนท่สี อง ทเ่ี ดนิ เข้ามาชว่ ยเหลอื ทโี่ คนต้นไม”้ “ฮือ ผมเขา้ ใจแลว้ อะไรจริง อะไรเสรมิ แตง่ ” “คนสวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีเทาเลยกลายเป็นฮีโร่ไปเลย” ดาบตำรวจข้างนายตำรวจผงกศีรษะให้ผู้บังคับบัญชา เล็กน้อยเชิงขออภัยทสี่ อดแทรก “วา่ แตก่ ำนนั รู้จกั ชายทชี่ ว่ ยออกมาจากรถไหม” นายตำรวจหยุดบนั ทกึ เงยหน้าถามตอ่ “ผมไม่รู้จักชื่อนะ แต่หน้าคุ้นๆ เหมือนคนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง ราว 2 – 3 ครั้ง เห็นแวบๆ นะครับ ไม่ได้ คุยด้วย ผมพยายามนึกนึกยังไงก็ไม่ออก…แต่ผมจะพยายามสืบหาจนพบ ยังไม่ไดข้ อบคณุ อะไรเลย” ทางบรษิ ัทสนิ ประกันชีวติ ไมท่ ราบผลการสอบปากคำกำนนั คนดงั ของตำรวจ ใครช่วยชีวติ กำนันคนดังเป็นคน แรกจึงได้กำหนดจะจัดงานมอบรางวัลแก่คนขับรถผู้มีจิตสาธารณะ ควรเป็นตัวอย่างได้ช่วยสร้างชื่อเสียงและ ภาพลักษณ์ที่ดีเยี่ยมแก่บริษทั กำหนดจัดงานตอนเยน็ วนั ศุกร์ หลังหนังสือพมิ พล์ งข่าวได้ 2 วนั กอ่ นวันจัดงานเชดิ ชูเกียรติวีรบุรุษของบริษัทสินประกันชวี ิต 1 วนั หนงั สอื พิมพ์ได้ลงขา่ ว กำนันคนดังรถคว่ำ เพิ่มเติม สาระสำคัญว่าผูช้ ายหนุ่มหนา้ ตาดี สวมเส้ือขาวผกู ไท้ได้เข้ามา ช่วยเหลือนำกำนันออกจากรถแล้วโทร.แจ้งคน มาช่วย สว่ นคนขบั รถบรษิ ทั สินประกันชวี ติ เปน็ คนทส่ี องท่ีเข้ามาช่วยเหลือ กำนันคนดังได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว พร้อมนำเรื่องราวชายนิรนามติดตัวไปด้วย เขาเป็นคนหนุ่ม กำนัน ทบทวนในสมองลงไปช่วยชีวิตเราจากรถคว่ำ หน้าตาคุ้นๆ เขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน แม้ชื่อยังไม่รู้จัก ต้องตามให้พบ คนอยา่ งกำนนั ไม่เคยลมื คุณคน หลังบริษัทสินประกันชีวิตทราบขอ้ มูลใหม่วา่ วีรบรุ ุษตัวจรงิ ทชี่ ่วยชีวติ กำนัน เปน็ หนมุ่ หน้าตาดี สวมเสื้อขาว ไม่ใช่สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีเทาซ่ึงเปน็ คนขับรถของบริษัท ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของบุคลากรในบริษัท ถึงความ เหมาะสมถูกต้องในการจดั งาน แตผ่ ้จู ดั การมีคำสั่งใหจ้ ดั งานท่ีโรงแรมตอ่ ไป หนังสือพิมพ์ฉบับทำสกู๊ปข่าวมาก่อน ได้ส่งผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หาข้อมูลจนรู้ความจริงใครคือ วีรบุรุษตัวจริง หวงั เพ่มิ ยอดจำหนา่ ยการเสนอข่าวได้ลกึ และรวดเร็วกว่าฉบบั อ่ืน ผ้สู อ่ื ขา่ วไดเ้ ขา้ ไปสัมภาษณ์ “ทำไมคุณไม่บอกว่าเป็นคนลงไปช่วยเหลือกำนันดังเป็นคนแรก ไม่บอกชื่อ ไม่บอกสถานที่ทำงาน รวมทั้ง เร่ืองราวของตน” “…เอาเป็นว่า ผมไม่อยากดังอยากเด่น เป็นจุดสนใจ อะไรถูกต้องดีงามก็ทำไป ไม่ต้องการประกาศชือ่ รับโล่ รางวลั หรือออกส่อื ก็เท่าน้นั แหละครับ” “ปดิ ทองหลงั พระ เป็นวีรบุรุษนริ นาม อยา่ งนัน้ หรือครับ”

เสียงผ้สู ่อื ขา่ วคลา้ ยเสยี ดสีเลก็ น้อย วีรบุรษุ ตัวจรงิ ยังคงอารมณเ์ ยน็ ไม่ตอบคำถาม ขยบั ตวั เปลีย่ นท่าน่ังพูดตอ่ “เปล่า เปล่าเลย ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ขอพูดถึงรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่มีคนดูทั่วประเทศมากที่สุด คณุ อาจเคยดู เขาเชญิ คนเดน่ ดังหลายอาชพี มาสวมหน้ากาก รอ้ งเพลงใหค้ ณะกรรมการและคนดูในห้องส่งฟงั ฟังเสียง อย่างเดียวโดยไม่เห็นหน้าตาว่าเป็นใคร มีอาชีพการงานอะไร ตัดสินผลงานด้วยเสียงอย่างเดียว ใครร้องดีประทับใจ คนดกู ป็ รบมือให้กระหึม่ ห้องสง่ … ผมขอเปน็ นักรอ้ งที่สวมหนา้ กากอยา่ งพวกเขา…แค่นน้ั ครบั ”

สรปุ เร่ืองสัน้ โครงเรอื่ ง .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... ตัวละคร แก่นเร่ือง .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... ................................................................... .................................................................... ฉาก .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... ขอ้ คดิ ท่ีได้จากเรอื่ ง ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................

แบบทดสอบหลังเรียน คำชี้แจง ขอ้ สอบมีจำนวน ๑๐ ขอ้ ชนิดเลอื กตอบ จำนวน ๔ ตวั เลือก นกั เรียนอ่านโจทย์แลว้ ตอบคำถาม โดยเลือกคำตอบถกู ตอ้ งทสี่ ุดเพยี งค าตอบเดียว โดยทำเคร่ืองหมายกากบาท (x) ลงในกระดาษคำตอบ ๑. เรือ่ งสั้นไทยมีพัฒนาการมาจากข้อใด ก. นวนยิ าย ข. ร้อยกรอง ค. บทความ ง. นิทานนยิ าย ๒. เรอื่ งสนั้ ท่ีจดั เปน็ เร่ืองสั้นท่แี ท้จรงิ ของไทยได้แกเ่ รือ่ งใด ก. สนกุ นนิ์ ึก ของ กรมหลวงพิชติ ปรชี ากร ข. คุณย่าเพ้งิ ของ เขยี วหวาน ค. สัญชาตญาณมดื ของ อ.อดุ ากร ง. เขียดขาค า ของ ลาว คำหอม ๓. องคป์ ระกอบใดของเรอ่ื งส้ันที่หมายถึงข้อคดิ สำคัญหรอื ข้อคิดหลกั ของเรือ่ ง ก. แกน่ เร่อื ง ข. โครงเรื่อง ค. กลวิธีการแตง่ ง. บทสนทนา ๖. เรื่องสั้นจัดเป็นงานเขียนประเภทใด ก. สารคดี ข. วรรณคดี ค. บนั เทิงคดี ง. งานเขียนเชิงวชิ าการ ๗. ในการเขียนเรื่องสั้น ผ้เู ขยี นควรคำนงึ ถงึ เร่อื งใดมากท่สี ุด ก. ขนาดความยาวของเรอ่ื ง ข. ความรอบรู้ในเร่อื งที่จะเขียน ค. การเลือกตวั ละคร ง. การต้ังชอ่ื เร่อื ง ๘. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ กั ษณะของเรื่องสน้ั ก. มฉี ากในเรือ่ งน้อย ข. มแี ก่นเรอื่ งมากกว่าหนง่ึ ประเด็น ค. มีความยาวประมาณ ๓ – ๔ หนา้ กระดาษ ง. มกี ารด าเนนิ เรอื่ งทร่ี วดเร็ว กระชับ รัดกุม

๙. เร่อื งส้ันมลี ักษณะทค่ี ล้ายกบั นวนิยายตามขอ้ ใด ก. จำนวนตวั ละคร ข. ความซับซ้อนของเรอื่ ง ค. เป็นเร่อื งสมมติหรอื เรอื่ งจรงิ ง. ฉากและบรรยากาศทห่ี ลากหลาย 10.การสรา้ งเรอื่ งราวหรอื เหตกุ ารณ์อยา่ งครา่ ว ๆ ใหต้ อ่ เนือ่ งเปน็ เหตุเปน็ ผลตอ่ กนั สร้างความขดั แย้ง หรือปมปญั หา เพ่อื ใหเ้ รอื่ งดำเนนิ ไปได้ คือองค์ประกอบใดของเร่อื งสั้น ก. แกน่ เรือ่ ง ข. โครงเรื่อง ค. ตวั ละคร ง. กลวิธีการแต่ง

กระดาษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น เลม่ ท่ี ๓ เรื่อง การเขยี นเรื่องสั้น ช่อื ......................................................................................ชั้น............................เลขท.่ี ............................... ขอ้ ก ข ค ง 1 2 3 4 6 7 8 9 10 คะแนนเต็ม 10 คะแนนได้

บรรณานุกรม ดวงใจ ไทยอุบุญ. (๒๕๕๖). ทกั ษะการเขียนภาษาไทย. (พิมพ์ครั้งท่ี ๘). กรุงเทพฯ : ดา่ นสุทธาการพมิ พ์. ถวลั ย์ มาศจรัส. (๒๕๕๗). เคล็ดลับการเขยี นเร่อื งสนั้ . (พิมพค์ รง้ั ท่ี ๕). กรงุ เทพฯ : มติ ิใหม่. เถกิง พันธ์เถกิงอมร. (๒๕๔๑). นวนิยายและเร่ืองสน้ั กำรศึกษาเชิงวิเคราะห์.คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร.์ สงขลา : สถาบันราชภฎั สงขลา. นติ ยา วรรณกติ ร์. (๒๕๕๙). วรรณกรรมสำหรบั เด็ก. กรงุ เทพฯ : อินทนิล. พมิ าน แจ่มจรัส. (๒๕๕๖). เขยี น. (พมิ พค์ รง้ั ที่ ๒). กรุงเทพฯ : แสงดาว. วภิ า กงกะนนั ท.์ (๒๕๔๐). กำเนิดนวนยิ ายในประเทศไทย. กรงุ เทพฯ : ส านกั พมิ พด์ อกหญ้า.