E-Book การเขียนรายงานการค้นคว้า จดั ทาโดย นางธนชั พร ยันตะพนั ธ์ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นอตุ รดติ ถด์ รณุ ี สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาพษิ ณโุ ลก อตุ รดติ ถ์ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คา นา หนังสือ e – book เล่มน้ีเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทย เพื่อการศึกษาค้นคว้า 2 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โดยมีจุดประสงค์เพ่ือ การศึกษาความรู้ที่ได้จากเรื่องการเขียนรายงานค้นคว้าและบรรณานุกรม ได้นาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวันตอ่ ไป ผู้จัดทาได้เลือกหัวข้อนี้ในการทา e-book เน่ืองมาจากเป็นเรื่อง ท่ีน่าสนใจ รวมถึงเป็นการท่ีข้าพเจ้าต้องการอยากให้ผู้เรียนได้ศึกษา ในการจัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ในช่วงสถานการณ์การแพร่ ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid – 19) ผู้จัดทาหวังว่า e-book เลม่ น้ีจะใหค้ วามรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุก ๆ ทา่ น
ส า ร บั ญ การเขียน เรือ่ ง หนา้ รายงานค้นคว้า ความหมายการเขยี นรายงานคน้ คว้า 4 จุดมุ่งหมายการเขยี นรายงานคน้ คว้า 7 กระบวนการศึกษาคน้ ควา้ 10 ประเภทของรายงาน 14 ประเภทของรายงานทางวชิ าการ 17 ลักษณะสาคัญของรายงานทางวิชาการ 19 ข้นั ตอนการทารายงาน 21 ส่วนประกอบของรางาน 23 รปู แบบและองคป์ ระกอบของรายงาน 25
3 ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า การเขียน รายงานการคน้ ควา้
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 4 การเขียนรายงานคน้ ควา้ การเขยี นรางาน ค้นควา้ 5 หมู่ การเขยี นรายงานค้นควา้ การศึกษาค้นคว้า คือ การแสวงหาความรู้ โดย การศึกษาหาความรู้เป็นสิ่งจาเป็นสาหรับทุกคน ทุกวัย ความรู้มีอยู่รอบตัวเรา มิได้มีเพียงในตารา หรือจากคา บรรยายของครใู นหอ้ งเรยี นเทา่ นน้ั การแสวงหาความรู้ หรือ การเรยี นรู้ เป็นพ้นื ฐานของการดาเนินชีวิต
5 ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า จุดมงุ่ หมายการคน้ ควา้ 1.เพ่ือฝึกให้ผู้เรียนรู้จักวิธีศึกษาค้นคว้า ดว้ ยตนเอง
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 6 จุดมุ่งหมายการคน้ ควา้ 2. เพือ่ ส่งเสริมผู้เรยี นใหศ้ ึกษาหาความรู้ เพ่มิ เตมิ ใหก้ ว้างขวางและลกึ ซ้ึงกว่าท่ีเรียน ในชัน้ เรียน
7 ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า จุดมงุ่ หมายการคน้ ควา้ 3. เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสามารถ ในการค้นคว้าหาความร้จู ากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 8 จดุ มุ่งหมายการคน้ ควา้ 4. เพือ่ สง่ เสริมให้ผู้เรียนคิดอย่างมีเหตุผล และเป็นระบบ
9 ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า จดุ ม่งุ หมายการคน้ ควา้ 5. เพ่ือส่งเสริมผเู้ รียนให้มคี วามสามารถ ในการใช้ภาษาเพื่อสื่อความรู้ ความคิดอย่างเป็นลาดับ ข้ันตอนและมรี ะบบ
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 10 กระบวนการ ศึกษาคน้ ควา้
11 ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า กระบวนการศึกษาค้นคว้า มี 6 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ 1. ความรู้ (Knowledge) เกิดข้ึนจากการได้รับ ข้อมูลข่าวสาร (Information) แล้วประมวลสาระท่ีได้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์หลังจากท่ีแต่ละคนได้เรียนรู้ จึงเกิด เปน็ ความร้ตู ดิ ตวั ผู้เรียนโดยวดั จากการจาไดห้ รือปฏบิ ตั ิได้ 2. ความเข้าใจ (Comprehension) คือ การ ท่ีบุคคลสามารถแปลความหมาย หรืออธิบายความหมาย ของสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้วในขั้นที่ 1 จนเกิดเป็น ความเขา้ ใจ
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 12 3. การนาไปใช้ (Application) เมื่อได้เรียนรู้จนมี ความรู้และความเข้าใจแล้ว สามารถนาไปใช้ได้หรือนาไป ปฏิบัติงานได้อย่างดี เช่น เรียนรู้การหาพื้นท่ีของรูป สี่เหลี่ยมโดยใช้สตู ร ด้านกว้างคูณดา้ นยาว 4. การวเิ คราะห์ (Analysis) เมอ่ื ได้เรยี นรถู้ งึ ข้ันท่ี 3 แล้ว มีความสามารถในการวิเคราะห์ ท่ีมา ของสูตรได้
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 13 5. การสังเคราะห์ (Synthesis) เช่น มีความสามารถในการสังเคราะห์ หรือสร้างสตู รข้ึนมาใหม่ ได้ 6. การประเมินผล (Evaluation) เมื่อได้เรียนรู้ ถึงขั้นท่ี 5 แล้ว สามารถตัดสนิ หรือประเมินส่ิงท่ีพบเห็น ไดว้ า่ ถูกต้องดีงามและเหมาะสมหรอื ไม่ (นา้ ทพิ ย์ วิภาวนิ . 2547 : 6-11)
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง ว า น ค้ น ค ว้ า 14 ประเภท ของรายงาน
15 ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 1. รายงานท่ัวไป คอื รายงานท่ีเสนอข้อเท็จจริงในเรื่อง ต่าง ๆ ที่เก่ียวกับองค์การ สถาบัน หรือข้อคิดเห็นของบุคคล ความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ สถานการณอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ซึ่งได้ดาเนินการไปแล้ว หรือกาลังดาเนินการอยู่หรือจะดาเนินการ ต่อไปเพอื่ ให้ผเู้ กย่ี วขอ้ งทราบ ได้แก่ รายงานทางราชการ รายงาน การประชุม รายงานขา่ ว รายงานเหตุการณ์
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 16 2. รายงานทางวชิ าการ คอื รายงานผล ของการศึกษาค้นคว้าวจิ ัยเก่ยี วกบั เร่อื งใดเรอื่ งหนงึ่ มุ่งเสนอผลทีไ่ ด้ ตามความเป็นจริงซ่ึงต้องทาตามขั้นตอน มีระบบ มีระเบียบ แบบแผนที่เป็นสากล โดยมีหลักฐานและการอ้างอิงประกอบ แล้วเขียนหรือพิมพ์ให้ถูกต้องตามรูปแบบท่ีสถาบันน้ัน ๆ กาหนด และถือว่ารายงานเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลการ เรียนการสอนของวชิ าน้นั ๆ ด้วย
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง ง า น ค้ น ค ว้ า 17 ประเภทของรายงาน ทางวชิ าการ
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 18 4.1 รายงาน (Report) คือ รายงานที่ได้จากการศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการรวบรวมข้อมูลจากหนังสือและเอกสารต่างๆเป็นกิจกรรม ประกอบการเรียนการสอนที่ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า เพื่อให้มีความรู้ เพ่ิมเตมิ จากเนือ้ หาทีเ่ รียนในห้องเรียน และใช้เป็นส่วนหน่ึงในการประเมินผลของแต่ละ รายวิชา ในหน่ึงรายวิชาอาจมีผู้รายงานได้หลายเรื่อง การนาเสนออาจเป็นลายลักษณ์ อกั ษรหรอื รายงานปากเปลา่ ก็ได้ แล้วแต่ผสู้ อนกาหนด 4.2 ภาคนิพนธ์ หรือรายงานประจาภาค (Term Paper) มีลักษณะ เชน่ เดยี วกับรายงาน เพยี งแต่เรื่องที่ใช้ทาภาคนพิ นธจ์ ะมขี อบเขตกวา้ งและลกึ ซงึ้ กวา่ ใช้เวลาค้นคว้ามากกว่า ความยาวของเนื้อหามากกว่า ดังน้ันผู้เรียนจึงมักจะได้รับ มอบหมายให้ทาเพยี งเร่ืองเดียว ในแต่ละรายวชิ าตอ่ ภาคการศึกษา 4.3 ปริญญานิพนธ์ เป็นรายงานผลการวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ตามหลกั สตู รปริญญามหาบณั ฑิต เรียกว่า “วทิ ยานิพนธ์” (Thesis) และ ตามหลักสูตรปริญญาดุษฎบี ณั ฑิตเรยี กวา่ “ดุษฎีนิพนธ์” (Dissertation) หัวข้อ ท่ีจะทาปริญญานิพนธ์จะต้องมีคุณลักษณะเข้มงวด ท้ังในด้านคุณภาพและปริมาณ จะต้องเป็นหวั ข้อท่แี สดงถึงความคิดริเร่ิมและมีขอบเขตกว้างขวางลึกซึ้ง ศึกษาตามลาดับ ขั้นตอนของการทาวิจัยอย่างมีระเบียบแบบแผน ประกอบด้วยข้อเท็จจริงและ ขอ้ เสนอแนะ
19 ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า ลกั ษณะสาคญั ของรายงานทางวชิ าการ
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 20 1. เนอื้ หาสาระถกู ตอ้ งตรงความเปน็ จรงิ เชงิ วชิ าการ แบง่ เป็นบทหรอื ตอน เป็นไปโดยลาดบั อย่างตอ่ เนอ่ื งสมั พนั ธก์ นั ตลอดทง้ั เลม่ 2. มีรูปแบบการเขยี นหรอื พมิ พ์สว่ นประกอบถกู ตอ้ ง และครบถว้ นตามขอ้ กาหนดของรายงานแตล่ ะประเภท 3. มกี ารอา้ งองิ คอื การบอกแหลง่ ทม่ี าของขอ้ มลู ไวอ้ ยา่ งชดั เจน เพอื่ ใหเ้ นอื้ หามคี วามนา่ เชอ่ื ถอื และผอู้ า่ นสามารถ ค้นคว้าเพมิ่ เตมิ หรอื ตรวจสอบได้ และมรี ปู แบบการอา้ งองิ เป็นระบบเดยี วกนั ตลอดทงั้ เลม่ 4. ภาษาทใี่ ชต้ อ้ งเป็นภาษาทางการ คอื เป็นภาษาทมี่ ลี กั ษณะถกู ตอ้ งตามระเบยี บแบบแผนของภาษา สื่อ ความหมายตรงไปตรงมา ส้ันกะทดั รดั เขา้ ใจงา่ ยโดยไมต่ อ้ งแปลอกี ครง้ั ได้ใจความครบถว้ น ผ้เู ขยี นจงึ ควรคานงึ ถงึ หลกั เกณฑก์ ารใชภ้ าษาดงั ตอ่ ไปนี้ 4.1 การใชค้ าในภาษาไทย ใหย้ ดึ หลกั ดังนี้ 4.1.1 ไม่ใชค้ าในภาษาพดู หรอื ภาษาปาก ภาษาตลาด ภาษาคะนอง ภาษาสแลง เพราะเปน็ ภาษา ท่ีไมส่ ภุ าพ 4.1.2 คาในภาษาถนิ่ หรอื ภาษาเฉพาะทอ้ งถนิ่ เฉพาะกลมุ่ หากจาเปน็ ตอ้ งใชค้ วรมคี าอธบิ ายกากบั ไวด้ ว้ ย 4.1.3 เลือกใชค้ าใหต้ รงตามความหมายทต่ี อ้ งการจะสอ่ื ไมใ่ ชค่ าทม่ี คี วามหมายกากวม คลมุ เครอื ไมช่ ดั เจน ซึง่ อาจทาใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจไมต่ รงตามทต่ี อ้ งการจะสอื่ 4.1.4 เลือกใชค้ าทสี่ ามารถเขา้ ใจไดง้ า่ ยโดยไมต่ อ้ งแปลความอกี ครง้ั 4.1.5 งดใชค้ าฟมุ่ เฟอื ยไมส่ อ่ื ความหมาย เพราะการเขยี นเชงิ วชิ าการตอ้ งใชภ้ าษาสนั้ ตรงไปตรงมา 4.1.6 ไม่ใชค้ ายอ่ ในภาษาเขยี น เพราะอาจทาใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจผดิ หรือเกดิ ความสบั สนได้ เพราะสว่ นมาก แล้วคายอ่ จะเปน็ คาทใ่ี ชก้ นั เฉพาะวงการ จึงควรเขยี นคาเตม็ 4.1.7 ไม่ใชเ้ ครอื่ งหมายแทนคาพดู เพราะไมเ่ ปน็ ทนี่ ยิ มในภาษาเขยี น เชน่ % ควรเขยี นเปน็ ร้อยละ 4.1.8 ในการเขยี นศพั ทท์ างวชิ าการควรเลอื กใชศ้ พั ทบ์ ญั ญตั ขิ องราชบณั ฑติ ยสถานเลม่ ใหมล่ า่ สดุ เชน่ คาวา่ คลินกิ ใหเ้ ขยี นเป็น คลนิ กิ 4.1.9 เลขหลกั เกนิ รอ้ ยตอ้ งใสเ่ ครอื่ งหมายจลุ ภาคกากบั เช่น 9,925,579 4.1.10 ไม่ใชภ้ าษาสอ่ื มวลชน ภาษาในวงการโฆษณา หรอื ภาษาในหนงั สอื พมิ พ์ เพราะภาษาเหลา่ นน้ั มงุ่ ใชค้ าทเ่ี รา้ ความสนใจ สะดดุ ตาผอู้ า่ นจะไมค่ านงึ ถงึ แบบแผนในการเขยี น 4.1.11 ไม่ใชค้ าเชอื่ มหรอื คาซา้ กนั บอ่ ย ๆ เพราะจะทาใหร้ ายงานไมน่ า่ อา่ นควรหาคาหรอื สานวนอน่ื ใช้แทนจะชว่ ยใหข้ อ้ เขยี นไดใ้ จความสละสลวย
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 21 ขนั้ ตอน การทารายงาน
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 23 การเขยี นรายงานทางวชิ าการนน้ั ไม่ว่าจะเปน็ รายงานประเภทใด เนน้ ใน เรอ่ื งสว่ นประกอบและการจดั รูปเลม่ มาก ดังนนั้ ผทู้ จ่ี ะเขยี นรายงานจงึ จาเปน็ ตอ้ งทราบถงึ รปู แบบ ส่วนประกอบตา่ งๆ ทเี่ ปน็ มาตรฐาน เพ่อื จะได้ เขยี นรายงานไดถ้ ูกตอ้ งตามแบบแผน ในการเขยี นรายงานจะตอ้ งปฏบิ ตั ใิ ห้ ถกู ต้องและเปน็ ไปตามลาดบั ขน้ั ตอนตอ่ ไปน้ี 1 การเลอื กหวั ขอ้ เรอื่ งรายงาน ทีต่ นเองสนใจ และมสี ารประโยชน์ 2 การรวบรวมสารสนเทศผเู้ ขยี นรายงานจาเปน็ ตอ้ งรแู้ หลง่ ในการเขา้ ถงึ สารสนเทศ ทุกประเภท เพ่อื จะไดเ้ นอื้ หาวชิ ามาประกอบการเขยี นรายงาน 3 การวางโครงเรอื่ ง กอ่ นการวางโครงเรอ่ื ง ผ้เู ขยี นรายงานควรดาเนนิ การ ตามขน้ั ตอน 4 การรวบรวมและการบนั ทกึ ขอ้ มลู การรวบรวมและจดบนั ทกึ ขอ้ มลู 5 การเรยี บเรยี งเนอื้ หา เมื่อรวบรวมและตอ้ งจดบนั ทกึ ขอ้ มลู ไดค้ รบถว้ น 6 การเขยี นรายการอา้ งองิ การอา้ งองิ คอื วิธีการบอกรายละเอยี ดของทมี่ า ของแหลง่ สารสนเทศทนี่ ามาใชใ้ นการศกึ ษาคน้ ควา้
23 ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า ส่วนประกอบ ของรายงานค้นควา้
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 24 24 1 สว่ นประกอบตอนตน้ ประกอบดว้ ย 1) ปกนอก 2) ช่ือเรอ่ื งของรายงาน 3) ชือ่ ผเู้ ขียนรายงาน - บรรทดั ลา่ งสดุ ของสว่ นล่างปกควรหา่ งจากขอบลา่ ง ประกอบด้วย 1) หน้าปกใน 2) หนา้ อนุมตั ิ 3) หน้าบทคดั ย่อ 4) หน้าประกาศคุณูปการ 5) คา่ นิยม 6) คานา 7) สารบัญ 8) สารบญั ตาราง หรือบญั ชีตาราง 9) สารบญั ภาพประกอบ หรอื บญั ชีภาพประกอบการตอบสนองตอ่ อณุ หภูมิ 2.สว่ นประกอบตอนกลางหรือส่วนเนื้อหาประกอบด้วย 1) บทนา 2) ตัวเนื้อหา 3) ภาพประกอบ 4) ตาราง 5) บทสรุป 3 สว่ นประกอบตอนทา้ ย ประกอบด้วย 1) หนา้ บอกตอน 2) บรรณานกุ รม 3) ภาคผนวก 4) อภธิ านศพั ท์ 5) ดรรชนี หรือหัวขอ้ ยอ่ ย ๆ 6) ประวตั ิผเู้ ขียน 7) ใบรองปก 8) ปกหลงั
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 25 รปู แบบและองคป์ ระกอบ ของรายงานค้นควา้
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 26
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 27
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 28
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 29
ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า 30
E-Book ก า ร เ ขี ย น ร า ย ง า น ค้ น ค ว้ า
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: