Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ของขวัญจากสมิหลา

ของขวัญจากสมิหลา

Published by kanokrada050241, 2022-10-14 17:02:29

Description: ของขวัญจากสมิหลา

Search

Read the Text Version

ของขวัญจาก สมิหลา ๑

ของขวัญจาก สมิหลา ๑

ก คำนำ หนังสือสาระการเรียนรู้พื้นฐานภาษาไทย ของขวัญจากสมิหลา ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๑ เป็นหนังสือที่คณะจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย กลุ่มสาระการ เรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ แนวทางการนำเสนอของหนังสือเรียน ของขวัญจากสมิหลา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ มุ่งเน้ นให้ผู้เรียนได้ศึกษาวรรณกรรมท้องถิ่นต่าง ๆ การอ่านจับใจความ และยังมี นิทานพื้นบ้านของจังหวัดสงขลา สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลา เพื่อให้นักเรียน ได้เห็นลักษณะของวรรณกรรมท้องถิ่นที่หลากหลาย แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์อัน โดดเด่น อีกทั้งยังปลูกฝังให้รักการอ่านค้นคว้าวรรณกรรมท้องถิ่นต่าง ๆ รวมทั้งนำ ความรู้ไปใช้ในในการดำเนินชีวิตต่อไป ขอบคุณอาจารย์อัจฉรา เทศขำ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำหนังสือเรียน นี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ด้วยดีไว้ ณ โอกาสนี้ และหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ ต่อการจัดการศึกษาและคนที่สนใจ คณะผู้จัดทำ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๕

ข แนวทางการใช้หนั งสือเรียน หนังสือสาระการเรียนรู้พื้นฐานภาษาไทย ของขวัญจากสมิหลา ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๑ เป็นผู้จัดทำหนังสือ จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนศึกษาความเป็นมาของนิทานพื้นบ้าน และยังได้เรียนรู้เรื่องสำนวน สุภาษิต คำพังเพย นอกจากนี้นักเรียนยังได้เรียนรู้ใน เรื่องการอ่านจับใจความอีกด้วย วิธีการศึกษาเริ่มจากการอ่านเรื่อง ซึ่งนำไปสู่กระบวนการคิด วิเคราะห์ ทำความ เข้าใจกับเนื้อหา การสังเกตลักษณะสำนวน สุภาษิต คำพังเพย การอ่านจับใจความ คำศัพท์ต่าง ๆ และกิจกรรมท้ายบท ที่สอดแทรกอยู่ในเนื้อเรื่อง วิธีการศึกษาดัง กล่าวมุ่งปลูกฝังให้รักการอ่าน รักการค้นคว้า สนใจสิ่งที่อยู่รอบตัวมากขึ้น ให้ความ สำคัญต่อสำนวนไทย สุภาษิต คำพังเพย และสามารถวิเคราะห์และแสดงความคิด เห็น เกี่ยวกับเนื้อหาตัวละครและเหตุการณ์ที่ปรากฎในเรื่องที่อ่าน เนื้อหาของหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ของขวัญจากสมิหลา ของชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๑ เป็นความรู้เกี่ยวกับสำนวน สุภาษิต คำพังเพย การอ่านจับใจ ความและนิทานพื้นบ้าน ประกอบไปด้วย เนื้อหาหลัก เนื้อหาเสริม ตัวอย่างสำนวน สุภาษิต คำพังเพย กิจกรรมท้ายบท ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้ผู้เรียนได้ทราบถึงสำนวน สุภาษิต คำพังเพย มีความหมายว่าอย่างไรและสามารถนำไปใช้อย่างไรได้บ้าง และ นิทานพื้นบ้านที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่นั้น หนังสือเรียนเล่มนี้จึง อธิบายเกี่ยวกับสำนวน สุภาษิต คำพังเพยและการอ่านจับใจความที่เป็นข้อสังเกตแก่ ผู้เรียนมากกว่าเป็นการสอนที่มุ่งให้ความรู้ สิ่งสำคัญเรื่องสำนวน สุภาษิต คำพังเพย และการอ่านจับใจความ คือ ความสามารถในการใช้วิจารณญาณตัดสินได้ว่าสิ่งที่ได้ อ่านไปนั้นสิ่งใดผิด สิ่งใดควรปฏิบัติตามสิ่งใดควรปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยง สำนวน สุภาษิต คำพังเพยและการอ่านจับใจความเป็นสมบัติของชาติไทยเป็น วัฒนธรรมเป็ นเครื่ องมือแสดงความเป็ นชาติและเป็ นสิ่งที่เชื่ อมใจคนไทยทุกคนให้ รวมกันเป็นชาติ จึงหวังว่าคนไทยทุกคนจะสนใจและใส่ใจเรียนรู้ให้ถ่องแท้และช่วย กันอนุรักษ์สำนวน สุภาษิต คำพังเพยไว้ให้เป็นสมบัติที่มีค่าของชาติต่อไป

สารบัญ หน้ า ก คำนำ ข แนวทางการใช้หนังสือ สารบัญ ๑-๓ ตอนที่ ๑ ๔-๘ สำนวน สุภาษิต คำพังเพย ตอนที่ ๒ ๙ - ๑๗ ๑๘ - ๑๙ การอ่านจับใจความสำคัญ ตอนที่ ๓ ๒๐ ๒๑ นิทานพื้นบ้าน แบบฝึ กหัด กิจกรรมท้ายบท อ้างอิง

ตอนที่ 1 สำนวน สุภาษิต คำพังเพย

๑ สำนวน สุภาษิต คำพังเพย สำนวน สุภาษิต คำพังเพย เป็นการใช้ภาษาไทยรูปแบบหนึ่งที่แสดงถึงภูมิปัญญา ทางภาษามีการใช้สืบต่อกันมานาน ลักษณะของสำนวน สุภาษิต และคำพังเพยเป็น ถ้อยคำที่มีความหมายไม่ตรงตัว ต้องอาศัยการตีความ สามารถจำแนกได้ดังนี้ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้ความหมายของสำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ไว้ดังนี้ ๑. สำนวน น. ถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้วมีความหมายไม่ ตรงตามตัว หรือมีความหมายอื่นแฝงอยู่ เช่น สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ รำไม่ดีโทษปีโทษ กลอง ๒. สุภาษิต น. ถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว มีความหมาย เป็นคติสอนใจ เช่น รักยาวให้บั่นรักสั้นให้ต่อ น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ คำพังเพย น. ถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว โดยกล่าวเป็น กลางๆ เพื่อให้ดีความเข้ากับเรื่อง เช่น กระต่ายตื่นตูม ๓. คำพังเพย น. ถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว โดยกล่าว เป็นกลางๆ เพื่อให้ดีความเข้ากับเรื่อง เช่น กระต่ายตื่นตูม จากความหมายของสำนวน คำพังเพย และสุภาษิต ในพจนานุกรม ฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้างตัน จะเห็นว่า ความหมายของสำนวน คำพังเพย และสุภาษิต มีความหมายที่คล้ายกันมาก จนบางครั้งไม่อาจแยกกันได้อย่างชัดเจน ซึ่งคำพังเพยและสุภาษิตต่างก็จัดเป็ นสำนวน อย่างไรก็ดีความแตกต่างของสำนวน คำพังเพย และสุภาษิต อาจพิจารณาได้ดังนี้ สำนวน เป็นถ้อยคำที่มีความหมายไม่ตรงตามตัวอักษร มีความหมายเป็นเชิง เปรียบเทียบ แฝงจุดประสงค์ไว้เป็นนัยให้ต้องตีความจึงจะเข้าใจ ถ้อยคำที่ใช้เป็นสำนวนมีทั้งคำพยางค์เดียว เช่น กรอบ (หมายถึง แทบดำรงตนไป ไม่รอด เช่นเดือนนี้ฉันจนกรอบจริงๆ) เทศน์ (หมายถึง ดุด่าว่ากล่าวอย่างยืดยาว เช่น วันนี้ถูกแม่เทศน์เสียหลาย กัณฑ์) และมีการประกอบด้วยคำตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไป เช่น คู่ ปรับ ปักหลัก บางสำนวนเป็นกลุ่มคำ เช่น น้ำผึ้งหยดเดียว แพะรับบาป บางสำนวน เป็นประโยด เช่น แมวเห็นปลาย่าง กบเลือกนาย ตัวอย่างสำนวน กินน้ำใต้ศอก หมายถึง จําต้องยอมเป็นรองเขา, ไม่เทียม หน้ าเทียมตาเท่า (มักหมายถึงเมียน้ อยที่ต้องยอมลง ให้แก่เมียหลวง)

๒ เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน หมายถึง เก็บเล็กผสมน้ อย, ทําอะไรที่ แกว่งเท้าหาเสี้ยน หมายถึง ใกล้เกลือกินด่าง ประกอบด้วยส่วนเล็กส่วนน้ อย กำขี้ดีกว่ากำตด โน่นบ้างนี่บ้าง จนสําเร็จเป็นรูป เป็ นร่างขึ้นมา คนที่เข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็น จนทำให้ตัวเองได้ รับความเดือนร้อน หมายถึง สิ่งที่หาได้ง่ายหรืออยู่ใกล้ตัวที่มี คุณค่ากว่า กลับไม่เอา แต่กลับไป เอาสิ่งที่อยู่ไกลหรือหายาก แต่มี คุณค่าด้อยกว่ามาใช้ หมายถึง ได้บ้างดีกว่าไม่ได้อะไรเลย สุภาษิต เป็นสำนวนที่มีเจตนาจะสั่งสอนหรือให้คติเตือนใจ ถ้อยคำสำนวนที่มีเนื้อความ มุ่งเน้ นไปในการสั่งสอน ตักเตือนให้จดจำ ส่วนตัวมีคำว่า จง อย่า ให้อยู่ สุภาษิตอาจมี ความหมายไปในเชิงเปรียบเทียบเช่นเดียวกับสำนวนหรือคำพังเพยหรืออาจเป็ นสุภาษิตใน พระพุทธศาสนาก็ได้ ตัวอย่างสุภาษิต คางคกขึ้นวอ หมายถึง คนจนพอได้ดีขึ้นมา ก็ลืมตัว คาหนังคาเขา หมายถึง จับได้ในขณะที่กำลังทำผิดหรือพร้อมกับ หมายถึง หลักฐาน ตีนถีบปากกัด / ปากกัดตีนถีบ มานะพยายามทำงานทุกอย่างเพื่อ ปากท้อง โดยไม่ห่วงคำนึงถึงความ ลำบาก

๓ กงเกวียนกำเกวียน หมายถึง ทำอะไรกับใครไว้ ย่อมได้รับผล กบในกะลาครอบ หมายถึง กรรมนั้น มีความรู้หรือประสบการณ์น้ อย แต่ นึกว่าตัวเองรู้มาก คำพังเพย มีความหมายลึกซึ้งกว่าสำนวน อาจมาจากตำนาน นิทาน วรรณคดี เหตุการณ์ต่างๆเป็นสำนวนที่มีลักษณะติชมหรือแสดงความเห็นอยู่ในตัว ที่ต้องตีให้ เข้ากับเรื่องหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวอย่างคำพังเพย วัวหายล้อมคอก หมายถึง คิดแก้ไขหลังจากเกิดเหตุการณ์ ดินพอกหางหมู หมายถึง หรือความสูญเสียขึ้นแล้วย่อมไม่ เกิดผล ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หมายถึง การปล่อยให้งานหรือธุระใดๆ เห็นกงจักรเป็ นดอกบัว หมายถึง คั่งค้าง พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ จน สะสาง ได้ไม่ทันเวลาทำให้เกิด ความเดือดร้อน การใช้จ่ายทรัพย์สินหรือการลงทุน ที่ใช้เงินจำนวนมากแต่เกิด ประโยชน์เพียงเล็กน้ อย การเห็นผิดเป็ นถูก

ตอนที่ 2 การอ่านจับใจความสำคัญ

๔ การอ่านจับใจความสำคัญ ความหมาย ใจความสำคัญ หมายถึง ใจความที่สำคัญ และเด่นที่สุดในย่อหน้ า เป็นแก่นของ ย่อหน้ าที่สามารถครอบคลุมเนื้อความในประโยคอื่น ๆ ในย่อหน้ านั้นหรือประโยคที่ สามารถเป็นหัวเรื่องของ ย่อหน้ านั้นได้ถ้าตัดเนื้อความของประโยคอื่นออกหมด หรือสามารถเป็นใจความหรือประโยคเดี่ยว ๆ ได้ โดยไม่ต้องมีประโยคอื่นประกอบ ซึ่งในแต่ละย่อหน้ าจะมีประโยคในความสำคัญเพียงประโยคเดียว หรือ อย่างมาก ไม่เกิน ๒ ประโยค ใจความรอง หรือพลความ (พน-ละ-ความ) หมายถึง ใจความ หรือประโยคที่ขยายความประโยค ใจความสำคัญ เป็นใจความสนับสนุนใจความสำคัญให้ชัดเจนขึ้น อาจเป็นการ อธิบายให้รายละเอียด ให้ คำจำกัดความ ยกตัวอย่าง เปรียบเทียบ หรือแสดง เหตุผลอย่างถี่ถ้วน เพื่อสนับสนุนความคิด ส่วนที่มิใช่ ใจความสำคัญ และมิใช่ ใจความรอง แต่ช่วยขยายความให้มากขึ้น คือ รายละเอียด การอ่านจับใจความสำคัญ หมายถึง การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิด สำคัญหลักของ ข้อความ หรือเรื่องที่อ่าน เป็นข้อความที่คลุมข้อความอื่น ๆ ใน ย่อหน้ าหนึ่ง ๆ ไว้ทั้งหมด ลักษณะของใจความ ๑. ใจความสำคัญเป็นข้อความที่ทำหน้ าที่คลุมใจความของข้อความอื่นๆ ในตอน นั้นๆได้หมด ข้อความนอกนั้นเป็นเพียงรายละเอียดหรือส่วนขยายใจความสำคัญ เท่านั้น ๒.ใจความสำคัญของข้อความหนึ่ง ๆ หรือย่อหน้ าหนึ่ง ๆ ส่วนมากจะมีเพียง ประการเดียว ๓.ใจความสำคัญส่วนมากมีลักษณะเป็นประโยค อาจจะเป็นประโยคเดียวหรือ ประโยคซ้อนก็ได้ แต่ในบางกรณีใจความสำคัญไม่ปรากฏเป็นประโยค เป็นเพียง ใจความที่แฝงอยู่ในข้อความตอนนั้นๆ ๔.ใจความสำคัญที่มีลักษณะเป็ นประโยคส่วนมากจะปรากฏอยู่ต้นข้อความใน การอ่านใดๆ ก็ตาม จุดมุ่งหมาย เพื่อจับใจความสำคัญของข้อความที่ได้อ่าน ดังนั้น ถ้ารู้จักสังเกตประโยคที่เป็นใจความสำคัญ ของข้อความแต่ละข้อความและรู้จัก แยกใจความหลักออก จากใจความรองได้ก็จะทำให้เราเข้าใจ ในสิ่ง ที่อ่านได้อย่าง ถูกต้องและรวดเร็ว

๕ หลักในการอ่านจับใจความสำคัญ การอ่านจับใจความสำคัญให้เข้าใจง่ายและรวดเร็วผู้อ่านควรมีแนวทางและพื้น ฐาน ดังนี้ ๑. สำรวจส่วนประกอบของหนังสือ เช่น ชื่อเรื่อง คำนำ สารบัญ ฯลฯ เพราะส่วน ประกอบของ หนังสือจะทำให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องหรือหนังสือที่อ่านได้ กว้างขวางและรวดเร็ว ๒. ตั้งจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อเป็นแนวทางใช้กำหนดวิธีอ่านให้เหมาะสมและ จับใจความ หรือหา คำตอบได้รวดเร็วขึ้น โดยจับใจความให้ได้ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่อย่างไร แล้ว นำมาสรุปเป็น ใจความสำคัญ ๓. มีทักษะในการใช้ภาษา สามารถเข้าใจความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ มี ประสบการณ์หรือ ภูมิหลังเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน มีความเข้าใจลักษณะของหนังสือ เพราะหนังสือแต่ละประเภทมีรูปแบบการแต่ง และเป้ าหมายของเรื่องที่แตกต่าง กัน ๔. ใช้ความสามารถในด้านการแปลความหมายของคำประโยค และข้อความ ต่าง ๆ อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ๕. ใช้ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่านมาประกอบจะช่วยให้เข้าใจและจับใจ ความได้ง่ายขึ้น สรุปการอ่านจับใจความ สรุปการอ่านจับใจความสำคัญ หมายถึง การอ่านที่ต้องการ แยกแยะเรื่องที่อ่านให้ได้ว่า ส่วนใดเป็นใจความหรือ ข้อความที่สำคัญที่สุด และส่วนใด เป็นข้อความประกอบ การจับใจความ จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าผู้เขียนต้องการสื่ออะไรอย่าง ถูกต้อง โดยผู้อ่าน ต้องใช้ความสามารถทางภาษา ประสบการณ์หรือภูมิหลังในด้านการแปล ความหมายของคำ ข้อความ เพื่อจับใจความได้รวดเร็วขึ้น นักเรียนเข้าใจ การอ่านจับใจความสำคัญไหมเอ่ย

๖ วิธีจับใจความสำคัญ วิธีจับใจความสำคัญมีหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความชอบอย่างไร เช่น การขีดเส้น ใต้ การใช้สีต่างกัน แสดงความสำคัญมากน้ อยของข้อความ การบันทึกย่อเป็นส่วน หนึ่ งของการอ่านจับใจความสำคัญที่ดีแต่ผู้ที่ย่อควรย่อด้วยสำนวนภาษาและสำนวน ของตนเอง ไม่ควรย่อโดยการตัดเอาข้อความสำคัญมาเรียงต่อกัน เพราะอาจทำให้ ผู้อ่านพลาดสาระสำคัญบางตอนไป อันเป็นเหตุให้การตีความผิดพลาดคลาดเคลื่อน ได้ วิธีจับใจความสำคัญมีดังนี้ ๑. พิจารณาทีละย่อหน้ า ๒. ตัดส่วนที่เป็นรายละเอียดออกได้ เช่น ตัวอย่าง สำนวนโวหาร อุปมา อุปไมย(การเปรียบเทียบ) ตัวเลข สถิติ ตลอดจนคำถามหรือคำพูดของผู้เขียนซึ่ง เป็ นส่วนขยายใจความสำคัญ ๓. สรุปใจความสำคัญด้วยสำนวนภาษาของตนเอง การพิจารณาตำแหน่ งใจความ ใจความสำคัญของข้อความในแต่ละย่อหน้ าจะปรากฎดังนี้ ๑. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนต้นของย่อหน้ า ๒. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนกลางของย่อหน้ า ๓. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนท้ายของย่อหน้ า ๔. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนต้นและตอนท้ายของย่อหน้ า ๕. ผู้อ่านสรุปขึ้นเอง จากการอ่านทั้งย่อหน้ า ในกรณีใจความสำคัญหรือความคิด สำคัญอาจ อยู่รวมในความคิดย่อย ๆ โดยไม่มีความคิดที่เป็นประโยคหลัก

๗ วิธีการฝึ กฝนเป็ นนักอ่านจับใจความสำคัญ ๑. สร้างนิสัยรักการอ่าน โดยพยายามฝึกอ่านข้อความทุกประเภท แม้แต่ ป้ ายประกาศ ต่าง ๆ ก็ควรอ่านการฝึกอ่านบ่อย ๆ จะทำให้เกิดนิสัยรักการอ่าน อ่าน หนังสือได้เร็วช่างสังเกต และจดจำ ข้อความต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ๒. หัดใช้พจนานุกรม เมื่ออ่านแล้วพบศัพท์ที่ไม่เข้าใจอย่าท้อถอยหรือปล่อย ผ่าน การใช้พจนานุกรมจะทำให้นักเรียนรู้คำศัพท์มากขึ้น ๓. จดบันทึกการอ่าน ขณะที่อ่านควรมีสมุดจดบันทึก เพื่อบันทึกถ้อยคำ ที่ น่าสนใจ แปลกใหม่ ไพเราะมีคติ ข้อคิด ความรู้ใหม่ ๆ หรือข้อความที่นักเรียน ประทับใจ โดยบันทึกชื่อ หนังสือและผู้เขียนไว้ด้วย และหากเป็นหนังสือที่นักเรียน ต้องอ่านบ่อย ๆ อาจใช้ปากกาขีดเน้ น ข้อความ หรือแปะกระดาษสีคั่นหน้ าที่มี ข้อความดังกล่าว ๔. ฝึกจับใจความสำคัญทีละย่อหน้ า การอ่านจับใจความสำคัญนั้น ควรเริ่ม ต้นจากการ จับใจความสำคัญในแต่ละย่อหน้ าให้ได้ถูกต้องแม่นยำ เสียก่อน เพราะ งานเขียนที่ดีนั้นแม้ใจความหลายอย่างแต่ใน ๑ ย่อหน้ า มีใจความสำคัญเพียง ๑ ใจความเท่านั้น หากเรื่องมีหลายย่อหน้ า แสดงว่า มีใจความสำคัญหลายใจความ เมื่อนำใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้ า มาพิจารณาร่วมกันก็จะทำให้สามารถจับใจ ความสำคัญของเรื่องได้ในที่สุด ไปดูตัวอย่างกัน

๘ ตัวอย่างการอ่านจับใจความ ในกิจกรรมที่มนุษย์ต้องกระทำการฟั งเป็ นกิจกรรมที่คนทำรองลงมาจาก การหายใจเท่านั้น การฟังมีความสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตส่วนตัว อาชีพ สังคมและครอบครัว ถ้าคนได้เรียนรู้ถึงการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีสรุปใจความสำคัญ ใคร กิจกรรมที่มนุษย์ต้องกระทำ ทำอะไร การฟัง เมื่อไร ขณะทำงาน อย่างไร มีความสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตส่วนตัว ผลเป็นอย่างไร การฟังอย่างมีคุณภาพ สรุปใจความ คนทำงานได้เรียนรู้ถึงการฟั งอย่างมีประสิทธิภาพ

ตอนที่ 3 นิ ทานพื้นบ้าน

๙ นิ ทาน นิทาน หมายถึง เรื่องเล่าต่อกัน มาโดยใช้วาจาหรือเล่าโดยแสดงภาพประกอบ หรือ การเล่าโดยวัสดุอุปกรณ์ ใช้ประเภทต่างๆประกอบก็ได้เช่น หนังสือภาพ หุ่นหรือการ ใช้คนแสดงบทบาทลีลาเป็นไปตามเนื้อเรื่องของนิทานนั้นๆ ซึ่งแต่เดิมนั้นนิทานถูก เล่ากันมาแบบปากต่อปาก เพื่อเป็นเครื่องบันเทิงใจในยามว่าง และเพื่อถ่ายทอดความ เชื่ อความศรัทธาเลื่ อมใสในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็ นที่ยึดถือของคนแต่ละกลุ่ม ประเภทของนิ ทาน นิทานแบ่งออกเป็น ๑๔ ประเภท ดังนี้ ๑.นิทานปรัมปราหรือนิทานทรงเครื่อง ลักษณะที่เห็นเด่นชัด คือเป็นเรื่อง ค่อนข้างยาว มีเหตุการณ์ที่เป็นจุดขัดแย้งประกอบอยู่หลายเหตุการณ์ หรือหลายอนุ ภาคม เนื้อเรื่องจะประกอบด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆซึ่งพ้นวิสัยมนุษย์ สถานที่ เกิดเหตุ ไม่แน่ชัดว่ามีอยู่ที่ใด ตัวเอกของเรื่องเป็นผู้มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น มีบุญ บารมี มีของวิเศษที่สามารถต่อสู้อุปสรรคขวากหนามทำให้ศัตรูพ่ายแพ้ไปในที่สุด และจบลงด้วยความสุข เช่น เรื่องโสนน้ อยเรือนงาม ปลาบู่ทอง นางสิบสอง สังข์ ทอง เป็นต้น ๒.นิทานท้องถิ่นหรือนิทานประจำท้องถิ่น นิทานประเภทนี้ผู้เล่าจะเล่าด้วย ความเชื่อว่า เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงและมักมีหลักฐาน อ้างอิงประกอบเรื่อง มีตัวบุคคลจริงๆมีสถานที่จริงๆกำหนดไว้แน่นอนกว่าในนิทาน ปรัมปรา เช่น พระร่วง เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ท้าวแสนปม เมืองลับแล พระยากง พระยาพาน เป็นต้น ๓.นิทานประเภทอธิบายหรือนิทานอธิบายเหตุ เป็นเรื่องที่ตอบคำถามว่า ทำไม เพื่ออธิบายความเป็นมาของบุคคล สัตว์ ปรากฏการณ์ต่างๆของธรรมชาติ อธิบายชื่อสถานที่ต่างๆสาเหตุของความเชื่อบางประการ รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับสมบัติ ที่ฝังไว้ นิทานประเภทนี้ของไทยได้แก่ เหตุใดกาจึงมีสีดำ ทำไมมดตะนอยจึงเอว คอด ทำไมจึงห้ามนำน้ำส้มสายชูเข้าเมืองลพบุรี ปู่โสมเฝ้ าทรัพย์ นิทานที่พบมากคือ เรื่องเกี่ยวกับสถานที่ เช่น เกาะหนู เกาะแมว ในจังหวัดสงขลา ถ้ำผานางคอย จังหวัดแพร่ เขาตาม่องล่าย เป็นต้น

๑๐ ๔.นิทานชีวิต เป็นเรื่องค่อนข้างยาว ประกอบด้วยหลายอนุภาค หลายตอน เนื้อหาของนิทานคล้ายชีวิตจริงมากขึ้น ตัวละครในนิทานประเภทนี้จะมีลักษณะ เป็นคนธรรมดามากกว่า ท้าวพระยามหากษัตริย์ มีบทบาท การใช้ชีวิตเหมือน มนุษย์ปุถุชนทั่วไป แก่นของเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ความโกรธ ความหลง ความกลัว การผจญภัย สะเทือนอารมณ์มากกว่านิทานปรัมปรา ตัวเอกของเรื่อง ต้องใช้ภูมิปัญญา และความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆซึ่งเป็นอุปสรรคของ ชีวิต ๕.นิทานเรื่องผี เป็นนิทานที่มีตัวละครเป็นผี วิญญาณ มีเหตุการณ์เกี่ยวกับ ผี ผีหลอก ผีสิง เนื้อเรื่องตื่นเต้นเขย่าขวัญ ทั้งผู้เล่าและผู้ฟังค่อนข้างเชื่อว่าเป็น เรื่องจริง นิทานเรื่องผีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของคนไทยในเรื่องวิญญาณ และ ภูติผีต่างๆ อย่างชัดเจน ผีหรือวิญญาณในนิทานจะมาปรากฏร่างหรือการกระทำก็ เพื่อให้ความ ช่วยเหลือ เพื่อแก้แค้นและเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ ๖.นิทานวีรบุรุษ เป็นนิทานที่กล่าวถึงคุณธรรม ความสามารถ ฉลาดเฉลียว ความกล้าหาญของบุคคล ส่วนมากเป็นวีรบุรุษของชาติหรือบ้านเมือง นิทาน ประเภทนี้คล้ายคลึงกับนิทานปรัมปรา คือ ตัวเอกเป็นวีรบุรุษเหมือนกัน แต่มีข้อ แตกต่างกันคือ นิทานวีรบุรุษมักกำหนดสถานที่ และเวลาในเรื่องแน่ชัดขึ้น แก่น เรื่องของนิทานวีรบุรุษเป็นเรื่อง วีรกรรมของตัวเอกซึ่งเกิดจากการต่อสู้เพื่อคนส่วน ใหญ่ การผจญภัยต่างๆที่เก่งกล้าเกินกว่า คนทั่วไป นิทานวีรบุรุษของภาคตะวันตก เช่น โรบินฮู้ด เฮอร์คิวลิส ของไทย เช่น ไกรทอง เจ้าสายน้ำผึ้ง พระร่วงวาจาสิทธิ์ เป็ นต้น ๗.นิทานคติสอนใจหรือนิทานประเภทคำสอน เป็นเรื่องสั้นๆ ไม่ สมจริง มีเนื้อหาในเชิงสอนใจ ให้แนวทางในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องทำนองคลองธรรม บางเรื่องสอนโดยวิธีบอกตรงๆ บางเรื่องให้เป็นแนวเปรียบเทียบเป็นอุทาหรณ์ ใน บางแห่งจึงเรียกนิทานประเภทนี้ว่า นิทานอุทาหรณ์บ้าง หรือนิทานสุภาษิตบ้าง ตัว ละครในเรื่องอาจจะเป็นคน สัตว์ หรือเทพยดา เป็นตัวดำเนินเรื่อง สมมติว่าเป็น เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น เรื่องหนู กัดเหล็ก ๘. นิทานศาสนา เป็นนิทานเกี่ยวกับศาสนา พระเจ้า นักบวชต่างๆ มีประวัติ อภินิหารหรืออิทธิฤทธิ์ เรื่องลักษณะนี้ของชาวตะวันตกมีมาก เช่น เรื่องพระเยซู และนักบุญต่างๆ ของไทยก็มีบ้างที่เกี่ยวกับอภินิหารของนักบวชที่เจริญภาวนามี ฌาณแก่กล้า มีอิทธิฤทธิ์พิเศษ เช่น เรื่องหลวงพ่อทวด สมเด็จเจ้าแตงโม เป็นต้น

๑๑ ๙.นิทานชาดก ชาดก หมายถึง เรื่องพระพุทธเจ้าที่มีมาในชาติก่อนๆ เนื้อ เรื่องจะกล่าวถึงประวัติและพระจริยวัตร ของพระพุทธเจ้าเมื่ อครั้งยังเป็ นพระ โพธิสัตว์เสวยพระชาติในภพภูมิต่างๆ เป็นคนบ้าง เป็น สัตว์บ้าง ไม่ว่าพระพุทธเจ้า จะไปเสวยพระชาติเป็นอะไรก็ตาม จะมีคุณสมบัติ แตกต่างจากผู้อื่นที่เห็นได้ชัดอยู่ 2 ประการ คือ รูปสมบัติ จะมีร่างกายสมบูรณ์ ถ้าเป็นสัตว์จะเป็นเพศผู้ ถ้าเป็นคนจะ เป็นเพศบุรุษ มีความสง่างามเป็นที่ประทับตาประทับใจแก่ผู้พบเห็น และมีน้ำเสียง ไพเราะ และธรรมสมบัติ คือ จะมีคุณธรรมสูง โดยเฉพาะทศบารมี ๑๐.ตำนานหรือเทพนิยาย เป็นนิทานที่มีตัวละครสำคัญเป็น เทพยดา นางฟ้ า หรือบุคคลในเรื่องต้องมีส่วนสัมพันธ์กับความเชื่อทางศาสนา และพิธีกรรม ต่างๆที่มนุษย์ปฏิบัติอยู่ เช่น เรื่องท้าวมหาสงกรานต์ เรื่องเกี่ยวกับพระอินทร์ เป็ นต้น ๑๑.นิทานสัตว์ เป็นนิทานที่มีตัวเอกเป็นสัตว์ แต่สมมติให้มี ความนึกคิด การกระทำและพูดได้เหมือนคน มีทั้งที่เป็นสัตว์ป่า และสัตว์บ้าน บางทีก็เป็นเรื่องที่ มีคนเกี่ยวข้องด้วยและพูดโต้ตอบ ปฏิบัติต่อกันเสมือนเป็นคนด้วยกัน บางเรื่องก็ แสดงถึงความเฉลียวฉลาด หรือความโง่เขลาของสัตว์ ๑๒.นิทานตลก ส่วนใหญ่เป็นนิทานสั้นๆซึ่งจุดสำคัญของเรื่องอยู่ที่ พฤติกรรม หรือเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ต่างๆ อาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับความโง่ การแสดงไหวพริบปฏิภาณ การแก้เผ็ดแก้ลำ การพนันขันต่อ การเดินทางผจญภัย ที่ก่อเรื่องผิดปกติในแง่ขบขันต่างๆ ตัวเอกของเรื่องอาจจะเป็นคนที่โง่เขลาที่สุด และทำเรื่องผิดปกติวิสัยมนุษย์ที่มีสติปัญญาธรรมดาเขาทำกัน เช่น เรื่องศรีธนนชัย หัวล้านนอกครู เป็นต้น ๑๓.นิทานเข้าแบบ เป็นนิทานที่มีแบบแผนในการเล่าเป็นพิเศษแตกต่าง จากนิทานประเภทอื่นๆ เช่น ที่เล่าซ้ำต่อเนื่องกันไป หรือมีตัวละครหลายๆตัว พฤติกรรมเกี่ยวข้องกันไปเป็ นทอดๆ ๑๔.นิทานปริศนา เป็นนิทานที่มีการผูกถ้อยคำเป็นเงื่อนงำให้ทายหรือให้คิด ไว้ในเนื้อเรื่อง อาจไว้ท้ายเรื่อง หรือตอนสำคัญๆของเนื้อเรื่องก็ได้เพื่อผู้ฟังได้มี ส่วนร่วมแสดงความรู้ความคิดเห็นเกี่ยวกับนิทานที่ได้ฟังหรืออ่าน นิทานปริศนาที่ พบมากในไทยได้แก่ นิทานปริศนาธรรม นิทานเวตาลที่เรารับเข้ามาก็จัดเป็น นิทานปริศนา อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นที่รู้จักคือเรื่องสงกรานต์

๑๒ องค์ประกอบของนิ ทาน นิทานประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ โดยผู้เรียบเรียงได้นำเอานิทานพื้นบ้าน และแนวคิดของนักสร้างสรรค์นิทานมาแบ่งเป็นข้อๆ ดังนี้ ๑.ชื่อเรื่อง นิทานทุกเรื่องก็ต้องมีชื่อเรื่องที่ดึงดูดความสนใจ การตั้งชื่อ เรื่องส่วนใหญ่ก็จะเอาตัวละคร พฤติกรรม หรือสถานการณ์เด่นในเรื่องมาตั้ง เป็ นชื่ อ ๒.โครงเรื่อง คือ องค์ประกอบเรื่องราวของเรื่องในนิทานตั้งแต่ต้นจนจบ โดยแบ่งออกเป็น จุดเริ่มต้นเรื่อง กลางเรื่อง ตอนจบ และบทสรุป นิทานที่มี บทสรุปนั้นเหมาะสำหรับเด็ก ๆ แต่นิทานบางอย่างที่ต้องการให้คนได้คิดจาก เนื้อหานิทาน ก็อาจไม่มีบทสรุปให้คนได้ตีความ แต่สำหรับเด็ก ๆ นั้นนิทาน ควรมีบทสรุป ๓.เนื้อหาคือ รายละเอียดของเรื่อง ซึ่งอธิบายเหตุการณ์ ตัวละคร ฉาก ข้อคิด และอื่น ๆ โดยเนื้อหาของเรื่องเป็นตัวสำคัญที่ทำให้นิทานมีคุณค่า ๔.ตัวละครคือ สิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องราว ตัวละครเป็นตัวเดินเรื่องตั้งแต่ต้น จนจบ ซึ่งนิทานแต่ละเรื่องอาจมีตัวละครมากน้ อยขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระและ ปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นเหตุผลทำให้เกิดตัวละครนั้น ๆ และตัวละครบางเรื่องอาจมี ตัวเอก ตัวร้าย ตัวประกอบ บางเรื่องอาจมีแต่ตัวเอกกับเหตุการณ์ บางเรื่อง อาจมีแค่ตัวเอกับตัวร้าย ๔.ฉากคือ พื้นหลังของเหตุการณ์ และเหตุการณ์ เช่น เรื่องเกิดในน้ำ เกิดในวัด เกิดที่ใต้ต้นไม้ หรือเกิดในที่ต่าง ๆ เพื่อให้คนฟังมโนภาพตาม และ รู้สุกมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครและเนื้ อหาของเรื่ อง

๑๓ ขั้นตอนการเขียนนิ ทาน การเขียนนิทานก็เหมือนกับการทำงานอย่างอื่นที่ต้องมีการวางแผนและทำ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน จึงจะทำให้การเขียนนิทานราบรื่นและประสบความสำเร็จ ขั้นตอนการเขียนนิทานมี ดังนี้ ๑. กำหนดจุดประสงค์ว่าต้องการนำเสนออะไรแก่ผู้อ่าน ๒. วางโครงเรื่องและตรวจสอบความเหมาะสม ๓. ลงมือเขียนตามโครงเรื่องที่วางไว้ ๔. ตรวจสอบความถูกต้องของภาษาและโครงเรื่อง ๕. แก้ไขปรับปรุง ๖. ตรวจงานเขียนทั้งหมดแล้วนำเสนอผลงาน นิ ทานพื้นบ้าน เป็นนิทานประเภทหนึ่ง เป็นเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาซึ่งอาจไม่มีบันทึก เป็นหลักฐาน เนื่องจากสมัยโบราณไม่มีความบันเทิงในรูปแบบอื่นในสังคมหลาย วัฒนธรรมใช้การเล่าเรื่ องสู่กันฟั งซึ่งมักเป็ นเรื่ องราวจากจินตนาการแสดงความ เชื่อของชาวบ้าน นิทานพื้นบ้านมักได้รับการบันทึกหรือตีพิมพ์ภายหลังและมัก หาต้นกำเนิดไม่ได้ และมีการแต่งแต้มเรื่องราวเพิ่มเติมตามจินตนาการของผู้ เล่า นิทานพื้นบ้านที่โด่งดัง อย่างเช่น ซินเดอเรลล่า เจ้าชายกบ แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ เจ้าหญิงนิทรา นิทานของไทยเช่น พิกุลทอง พญาคันคาก แก้วหน้ าม้า

ความสำคัญของนิ ทานพื้นบ้าน ๑๔ นิทานพื้นบ้านมีบทบาทสำคัญต่อการถ่ายทอดการเรียนรู้ เสริมสร้างบุคลิกภาพ มี พลังโน้ มน้ าวความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมของแต่ละบุคคล รวมทั้งมีความสำคัญ ต่อชีวิตมนุษย์และสังคมในหลายด้าน ได้เเ้ก่ ๑. นิทานพื้นบ้านเป็นเครื่องช่วยให้มนุษย์เข้าใจสภาพของมนุษย์โดยทั่วไปได้ดียิ่งขึ้น เพราะในนิทานพื้นบ้านเป็นที่ประมวลแห่งความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อ ความนิยม ความ กลัว ความบันเทิงใจ ระเบียบแบบแผน และอื่นๆ ๒.นิทานพื้ นบ้านเป็ นเสมือนกรอบล้อมชีวิตให้อยู่ในขอบเขตที่มนุษย์ในสังคมนั้นๆ นิยมว่าดีหรือถูกต้อง แม้กฎหมายบ้านเมืองก็ยังไม่สามารถบังคับจิตใจของมนุษย์ ได้เท่า เพราะมนุษย์ได้ฟัง ได้ซึมซับสั่งสมการอบรมนั้นๆไว้ในวิถีชีวิตตั้งแต่เด็ก ๓.นิทานพื้นบ้านทำให้มนุษย์รู้จักสภาพชีวิตท้องถิ่นโดยพิจารณาตามหลักที่ ว่า คติชาวบ้านเป็นพื้นฐานชีวิตของคนชาติหนึ่งๆหรือชนกลุ่มนั้นๆ ๔.นิทานพื้ นบ้านเป็ นมรดกของชาติในฐานะเป็ นวัฒนธรรมประจำชาติเป็ นเรื่ องราว เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์แต่ละชาติแต่ละภาษา มีการจดจำและถือปฏิบัติกันต่อๆมา ๕.นิทานพื้นบ้านเป็นทั้งศิลป์และศาสตร์ เป็นต้นเค้าแห่งศาสตร์ต่างๆ และช่วย ให้การศึกษาในสาขาวิชาอื่นกว้างขวางยิ่งขึ้น ๖.นิทานพื้นบ้านทำให้เกิดความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตน ช่วยให้คนแล เห็นสภาพของตนว่าคล้ายคลึงกับคนอื่นๆ ความคิดเช่นนี้ก่อให้เกิดความเป็นกลุ่ม ไม่เกิดการแบ่งแยก ๗.นิทานพื้ นบ้านเป็ นเครื่ องบันเทิงใจยามว่างของมนุษย์

นิ ทานพื้นบ้านไทยในแต่ละท้องถิ่น ๑๕ แต่ละท้องถิ่นมักจะมีนิทานที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและสังคมวัฒนธรรม ของท้องถิ่นนั้นๆ ในแต่ละท้องถิ่นจึงมีความแตกต่างกัน พอจำแนกได้ดังต่อไปนี้ ๑.นิ ทานภาคอีสาน ศิลปะวัฒนธรรมในภาคอีสาน นอกจากการฟ้ อนรำและเครื่องแต่งกายอันเป็น เอกลักษณ์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ถือว่ามีโดดเด่นเฉพาะด้าน คือ นิทานพื้นบ้านของภาคอีสาน ซึ่งเป็นการเล่าสืบต่อกันมา บ้างเป็นนิทานที่ให้คติสอนใจ บ้างเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ประเพณีและขนบธรรมเนียม บ้างก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาของสถานที่ต่าง ๆ จน ทำให้มีนิทานพื้นบ้านอีสานมากมายนับไม่ถ้วน เช่น ก่องข้าวน้ อยฆ่าแม่ พญาคันคาก ยายหมาขาว ๒.นิ ทานพื้นบ้านภาคเหนื อ เป็นนิทานที่มีการเล่าขาน ต่อๆกันมาตั้งแต่ในอดีต ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนชอบเล่า นิทานพื้นบ้านให้ลูกหลานฟัง ด้วยเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะชั้นดีที่เป็นเนื้อหาสาระ คติ สอนใจ แถมได้ความสนุกสนานเพลิดเพลินไปในเวลาเดียวกัน นิทานพื้นบ้านจากภาค เหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตำนานของสถานที่ต่าง ๆ หรือความเป็นมาและ สาเหตุของสถานที่เหล่านั้นเล่าสืบต่อกันมาอย่างช้านาน เพื่อทำให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และได้สาระที่เป็นคติสอนใจ อาทิ ความดี ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ รวม ถึงยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นภาคเหนืออีกด้วย เช่น ลานนางคอย เซี่ยงเมี่ยงค่ำพญา ๓.นิ ทานพื้นบ้านภาคกลาง มีเนื้อหามรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นสภาพของสังคม วิถีการดำเนินชีวิต ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี ตามสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของกลุ่มชน แต่ละท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ \"ภาคกลาง\" อีกทั้งยังถือเป็นการอนุรักษ์ และร่วมสืบสาน มรดกทางวัฒนธรรม \"นิทานพื้นบ้าน\" ไม่ให้สูญหายไปจากสังคมไทยอีกทางหนึ่งด้วย เช่น พระเจ้าสายน้ำผึ้ง พระนางสร้อยดอกหมาก เตาสามโคก เสาไห้ ๔.นิ ทานพื้นบ้านภาคใต้ มีเนื้อหามรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นสภาพของสังคม วิถีการดำเนินชีวิต ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี ตามสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของกลุ่มชน แต่ละท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ \"ภาคใต้\" อีกทั้งยังถือเป็นการอนุรักษ์ และร่วมสืบสานมรดก ทางวัฒนธรรม \"นิทานพื้นบ้าน\" ไม่ให้สูญหายไปจากสังคมไทยอีกทางหนึ่งด้วย เช่น นายดั้น ตากใบ

๑๖ นิ ทานพื้นบ้านภาคใต้ ปิดเทอมภาคฤดูร้อนในเดือนตุลาคม ขมิ้นและลูกหยี สองพี่น้ องที่อาศัยอยู่ กับพ่อและแม่ในเมืองใหญ่ พ่อและแม่ได้บอกขมิ้นกับลูกหยีว่าวันจันทร์นี้พ่อกับ แม่จะไปส่งขมิ้นและลูกหยีให้ไปอยู่กับคุณลุงไพโรจน์กับป้ าบัวที่ต่างจังหวัด เพราะพ่อกับแม่จะต้องไปดูงานที่จังหวัดตรังเป็นเวลา 2 อาทิตย์ ขมิ้นพูดขึ้นมาว่า แม่คะคุณลุงไพโรจน์ที่คุณพ่อชอบพูดให้ฟังว่าบ้านของแก อยู่ติดชายทะเลใช่ไหมคะ(ขมิ้น) ใช่จ้ะลูก (แม่) โอ้โหชายทะเลเหรอคะแม่ ลูกหยีตื่นเต้นจังเลยค่ะ ลูกหยีอยากให้ถึง วันจันทร์เร็วๆจังเลยค่ะ ถ้างั้นขมิ้นกับลูกหยีก็ต้องเตรียมตัวเก็บของไว้ได้เลยจ้ะเพราะคุณพ่อบอกว่า จะไปส่งขมิ้นกับลูกหยีวันพรุ่งนีี้ เช้าวันถัดมาขมิ้นกับลูกหยีตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวเก็บของไปจังหวัด สงขลาซึ่งเป็นบ้านของคุณลุงไพโรจน์และป้ าบัว เมื่อมาถึงจังหวัดสงขลาพ่อได้ขับรถพาลูกหยีไปยังหาดชลาทัศน์ เพื่อไปบ้าน ของลุงไพโรจน์กับป้ าบัว ลูกหยีและขมิ้นได้ไปถึงที่บ้านลุงไพโรจน์ก็ดีใจมากที่จะ ได้อยู่กับลุงไพโรจน์และป้ าบัว เมื่อถึงแล้วลูกหยีและขมิ้นพูดพร้อมกันว่า สวัสดีค่ะคุณ ลุงไพโรจน์และป้ าบัว ลุงไพโรจน์บอกกับขมิ้นและลูกหยีว่า เดี๋ยวป้ าบัวจะพาพวกหนูเอากระเป๋ าไป เก็บแล้วลุงจะพาไปเดินเล่นแถวชายหาดชลาทัศน์และพาไปกินอะไรอร่อยๆนะ ลูก ได้ค่ะลุงไพโรจน์ หลังจากนั้นลุงไพโรจน์ก็พาขมิ้นและลูกหยีไปเดินเล่นที่ริม ชายหาด

๑๗ เมื่อเดินมาสักพักขมิ้นกับลูกหยีก็ได้หยุดและทำหน้ าสงสัยอยู่หน้ ารูปปั้นรูป หนึ่ง คุณลุงไพโรจน์คะลูกหยี อยากรู้จังเลยค่ะว่ารูปปั้นแมวและหนูที่ตั้งอยู่มันมี ที่มาที่ไปอย่างไรเหรอคะ ทำไมเค้าต้องทำรูปปั้นแมวกับหนูมาตั้งไว้ที่ชายทะเล ลูกๆ อยากรู้ใช่ไหมจ๊ะ ว่าทำไมเค้าถึงได้ปั้นรูปปั้นหนูกับแมวมาตั้งไว้ งั้นมา นั่งที่ม้านั่งใกล้ๆ ลุงสิจ๊ะลุงจะเล่าให้ฟัง นานมาแล้ว มีพ่อค้าจีนคนหนึ่งคุมเรือสำเภา เดินทางค้าขายแถบชายทะเล จากเมืองจีนมาถึงเมืองสงขลา เมื่อขายสินค้าจนหมดแล้วก็จะซื้อสินค้าจาก สงขลาบรรทุกสำเภากลับไปขายเมืองจีน ปฏิบัติอยู่เช่นนี้เป็นเนืองนิจ วันหนึ่ง เมื่อขายสินค้าหมดแล้วก็เข้าเมืองสงขลา เพื่อซื้อสินค้ากลับไปขาย เมืองจีน ระหว่างที่เดินซื้อสินค้าอยู่นั้นพ่อค้าได้เห็นหมากับแมวคู่หนึ่งมีรูปร่าง หน้ าตาน่าเอ็นดู จึงขอซื้อหมากับแมวคู่นั้นเอาลงเรือไปด้วย ฝ่ายหมากับแมวเมื่อ ลงไปอยู่ในเรือนานๆ ก็เกิดความเบื่อหน่าย และอยากจะกลับไปอยู่ที่บ้านสงขลา จึงปรึกษากันหาวิธีการที่จะกลับบ้าน หมาได้บอกกับแมวว่าพ่อค้าเรือสำเภานั้นมี แก้ววิเศษสำหรับกันจมน้ำ หากใครได้ไว้จะว่ายน้ำไปไหนก็ไม่จม แมวจึงคิด อุบายที่จะได้แก้ววิเศษนั้น โดยไปข่มขู่หนูให้ขโมยแก้ววิเศษของพ่อค้ามาให้ โดยที่หนูขอหนีขึ้นฝั่งไปด้วย ครั้นเรือเดินทางมาถึงเมืองสงขลาอีกครั้งหนึ่ง หนูก็ลอบเข้าไปลักเอาดวงแก้วของพ่อค้ามา โดยอมเอาไว้ในปาก แล้วทั้งสามหนี ลงจากเรือว่ายน้ำจะไปขึ้นที่ฝั่งหน้ าเมืองสงขลา ขณะที่ว่ายน้ำมาด้วยกัน หนูซึ่งว่ายน้ำนำอยู่ข้างหน้ า ก็นึกขึ้นได้ว่าดวงแก้วที่ตนเอาไว้ในปากนั้นมีค่า มหาศาล เมื่อถึงฝั่งหมากับแมวก็คงจะแย่งกันเอาไป จึงคิดจะหนีหมากับแมวขึ้น ฝั่งไปตามลำพัง จะได้ครอบครองดวงแก้วเป็นสมบัติของตนตลอดไปแต่แมวซึ่ง ว่ายน้ำตามหลังหนูมาก็คิดอย่างเดียวกันกับที่หนูคิด ก็ว่ายน้ำตรงรี่เข้าไปหาหนู ฝ่ ายหนูเห็นแมวตรงเข้ามาก็ตกใจนึกว่าแมวเข้ามาจะตะปบจึงว่ายน้ำหนีสุดแรง และไม่ทันระวังตัวดวงแก้ววิเศษที่อมไว้ในปากก็ตกลงจมหายไปในน้ำ เมื่อดวง แก้วจมน้ำไปแล้วทั้งหนูและแมวต่างก็หมดแรงไม่อาจจะว่ายน้ำต่อไปได้ สัตว์ทั้ง สองจึงจมน้ำตายกลายเป็นเกาะหนู เกาะแมว อยู่ที่อ่าวหน้ าเมืองสงขลา ส่วน หมาก็ตะเกียกตะกายว่ายน้ำไปจนถึงฝั่ง ด้วยความเหน็ดเหนื่อยหมาถึงขาดใจ ตายกลายเป็นหินเรียกว่า เขาตังกวน อยู่ริมอ่าวสงขลา ส่วนดวงแก้ววิเศษที่ หล่นจากปากของหนู ก็แตกแหลกละเอียดเป็นหาดทรายเรียกกันว่า หาดทราย แก้ว อยู่ทางด้านเหนือของแหลมสนยื่นออกไปในอ่าวสงขลา จังหวัดสงขลา นี้แหละลูกคือที่มาที่ไปของรูปปั้นนี้ หายสงสัยกันแล้วใช่ไหม ถ้างั้นกลับบ้าน ไปกินข้าวกันคุณป้ าเตรียมมื้อเย็นรอไว้แล้ว แล้วลูกหยีกับขมิ้นก็ได้โทรไปเล่าให้ พ่อกับแม่ฟังว่าได้พบเจอเกาะหนูเกาะแมวที่มีรูปปั้นเป็นสัญลักษณ์ คุณลุงก็ได้ ถ่ายรูปให้หนูด้วยค่ะพ่อกับแม่ คราวหน้ าคุณพ่อกับคุณแม่ต้องพาพวกหนูมา เที่ยวที่คุณลุงกับคุณป้ าบ่อยๆนะคะ

๑๘ แบบฝึ กหัด ตอนที่ ๑ จงจำแนกสำนวนไทยต่อไปนี้ ว่าสำนวนใดเป็นสุภาษิต สำนวนใด เป็ นคำพังเพย ๑. บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น เป็น........................................................ ๒. มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท เป็น .................................................... ๓. มือถือสาก ปากถือศีล เป็น ........................................................ ๔. น้ำขึ้นให้รีบตัก เป็น .................................................................. ๕. กบเลือกนาย เป็น ..................................................................... ตอนที่ ๒ จงบอกความหมายของสำนวนต่อไปนี้ ๑. สู้จนยิบตา หมายถึง ............................................................................................................... ............................................................... ๒. งอมพระราม หมายถึง ............................................................................................................... .............................................................. ๓. เจ้าไม่มีศาล สมภารไม่มีวัด หมายถึง ............................................................................................................... ............................................................... ๔. ตีนแมว หมายถึง ............................................................................................................... ............................................................... ๕. เข้าตามตรอกออกตามประตู หมายถึง ............................................................................................................... ..............................................................

๑๙ ตอนที่ ๓ จงเติมสำนวนลงในช่องว่างให้ถูกต้องตรงความหมาย ๑. หาประโยชน์ใส่ตนโดยขูดรีดจากคนอื่น .................................................................................................... ๒. สร้างเรื่องไม่จริงให้เป็นเรื่องจริง .................................................................................................... ๓. คำพูดตรง แต่ไม่น่าฟัง .................................................................................................... ๔. เอาความลับไปบอกให้ใคร ๆ รู้ ................................................................................................... ๕. ชอบว่าคนอื่นไม่ดี แต่ตัวกับทำเสียเอง ................................................................................................... ตอนที่ ๔ จงขีดเส้นใต้ประโยคใจความสำคัญจากข้อความที่กำหนดให้ ๑. ความสมบูรณ์ของชีวิตมาจากความเข้าใจชีวิตเป็นพื้นฐาน คือเข้าใจ ธรรมชาติ เข้าใจความเป็นมนุษย์ และความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันระหว่างมนุษย์ กับมนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติ มีความรักความเมตตาต่อเพื่อน มนุษย์และ ธรรมชาติอย่างจริงใจ ๒. ศิลปะแห่งการฟังนั้นไม่ได้หมายถึงการนั่งปล่อยให้ผู้อื่นพูดฝ่ายเดียว การทำ เช่นนั้นง่ายเกินกว่าที่จะนับว่าเป็น ศิลปะ ศิลปะการฟังจึงหมายถึงความสามารถ ที่จะชักจูงผู้พูดให้หันเข้ามาหาเรื่องที่เขาถนัด คือแสดงให้เห็นว่าตน กำลังฟังคำ พูดของเขาด้วยความตั้งใจ ๓. ประเทศที่พัฒนาแล้วต่างตระหนักกันดีว่า การศึกษานั้นเป็นเครื่องมือในการ พัฒนาประเทศยอดเยี่ยมที่สุด การเร่งรัดพัฒนาทางวัตถุใด จักล้มเหลวสิ้น หาก ประชาชนยังด้อยการศึกษา ๔. ความเครียดทำให้เพิ่มฮอร์โมนอะดรีนาลีนในเลือด ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เส้นเลือดบีบตัว กล้ามเนื้อเขม็งตึง ระบบย่อยอาหารผิดปกติและเกิดอาการปวด หัว ปวดท้อง ใจสั่น แข้งขา อ่อนแรง ความเครียดจึงเป็นตัวการที่เร่ง ให้แก่เร็ว ๕. สารอาหารในข้าวกล้องจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและช่วยป้ องกันโรคอ้วน ข้าวกล้องมีสารเส้นใยมากกว่าข้าวขาว ๘ เท่า ข้าวกล้องจะช่วยดูดซับไขมันและ น้ำตาลในอาหาร แล้วขับออกมาเป็นกากอาหาร ทำให้ไขมันในและน้ำตาล ซึม เข้ากระแสเลือดน้ อยลง

๒๐ กิจกรรมท้ายบท ๑. ให้นักเรียนจับคู่แต่งนิทานโดยใช้สำนวน สุภาษิต คำพังเพย ตามหัวข้อที่ นักเรียนสนใจ พร้อมตั้งชื่อเรื่องและให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ๒. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ๕ คน ไปศึกษานิทานพื้นบ้านในท้องถิ่นของ ตนเองและนำมาแสดงบทบาทสมมุติ

อ้างอิง ๒๑ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, สำนักงานกระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๕๓). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑. กรุงเทพมหานคร: สกสค. ลาดพร้าว. . (๒๕๕๓). สำนวนไทย. กรุงเทพฯ: สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. โชติ ศรีสุวรรณ และคณะ. (๒๕๔๙). นิทานพื้นบ้านไทย ๔ ภาค. กรุงเทพฯ: สถาพรบุ๊คส์. วิเชียร ้เกษประทุม. (๒๕๔๒). นิทานพื้นบ้าน. กรุงเทพฯ: พัฒนาศึกษา สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว). ๑๒๕๖/๙. ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชนศรี. กรุงเทพฯ:

ของขวัญจาก สมิหลา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook