หนงั สือดอกไม้อาเซยี นเลม่ นีเ้ป็นสว่ นหน่งึ ของวชิ า การสร้างหนงั สอื อเิ ลก็ ทอนิกส์ ซง่ึ ข้าพเจ้าได้รับหมอบหมาย จากคณุ ครูให้จดั ทาหนงั สือเรื่องนีข้ นึ ้ ตามความสมใจโดยบรู ณาการกบั วิชา อาเซียน เนือ้ หา ในหนงั สอื เลม่ นีจ้ ะประกอบไปด้วยเรื่องดอกไม้อาเซียน เช่น ดอกไม้ลาว คือ จาปาลาว ดอกไม้เวียดนาม คอื ดอกบวั ซงึ่ ข้าพจ้าได้รวบรวมไว้ในหนงั สือเลม่ นี ้ ขอขอบคณุ ครู ปภสั สร ก๋าเขียว ที่ให้คาแนะนา ปรึกษา และเพี่อนๆ ที่ชว่ ยให้ คาแนะนาตลอดจนหนงั สือ เลม่ นีเ้สร็จลลุ ว่ งไปด้วยดีหากผิดพลาดประการใดก็ขออาภยั มา ณ ทีน่ ีด้ ้วย จดั ทาโดย ด.ญ. สดุ ารัตน์ กาวนิ ชยั ด.ช. ภวู นตั ถ์ มีมาก
คานา 2 สารบญั 3 ดอกราชพฤษ ดอกบวั 4 ดอกลาดวน 5 ดอกประดู่ 6 ดอกล้านชวา 7 ดอกพดุ แก้ว 8 ดอกจาปาลาว 9 10 กล้วยไม้ราตรี 11 กล้วยไม้แวนด้า 12 ชบาแดง 13
ดอกราชพฤษ การปลกู ในช่วงแรก ๆ ต้นราชพฤกษ์จะเจริญเติบโตได้ช้าในระยะเวลาประมาณ 1–3 ปี แรก หลงั จากนนั้ ต้นราชพฤกษ์จะ เจริญเติบโตเร็วขนึ ้ เปลอื กจะเป็ นสีนา้ ตาลเรียบ มีรากแก้วยาวสีเหลือง และ มีรากแขนงเป็นจานวนมาก เม่ือต้นราพฤกษ์มี อายุ 4–5 ปี จึงออกดอกและเมลด็ และเจริญเติบโตตอ่ ไป การดแู ลรักษา แสง ต้นราชพฤกษ์ต้องการแสงแดดจดั หรือกลางแจ้ง นา้ ต้นราชพฤกษ์ต้องการปริมาณนา้ น้อย ควรให้นา้ 7–10 วนั /ครัง้ อายปุ ระมาณ 4 ปี สามารถทนตอ่ สภาพธรรมชาตไิ ด้ ดิน ต้นราชพฤกษ์เจริยเตบิ โตได้ดีดนิ ร่วนซยุ ดนิ ร่วนปนทราย ดินร่วนเหนียว ป๋ ยุ ต้นราชพฤกษ์นิยมใช้ป๋ ยุ คอกหรือป๋ ยุ หมกั ในการบารุงรักษา อตั รา 2–3 กิโลกรัม/ต้น ควรใสป่ ี ละ 3–4 ครัง้ การขยายพนั ธ์ุ ต้นราชพฤกษ์นิยมขยายพนั ธ์ุด้วยการตอนกิ่ง การเพาะเมลด็ วิธีที่นิยมและได้ผลดี คือ การเพาะเมลด็ โรค ต้นราชพฤกษ์ไมค่ อ่ ยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะเป็นไม้ท่ีทนทานตอ่ สภาพธรรมชาติพอสมควร ศตั รู ต้นราชพฤกษ์มีศตั รูหนอนเจาะลาต้น (Stem boring caterpillars) จะมีอาการลาต้นหรือยอดเป็ นรู เป็ นรอยเจาะทา ให้ก่ิงหกั งอ การป้ องกนั ต้นราชพฤกษ์ควรปลกู โดยรักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลกู หรือกาจดั แมลงพาหะ ใช้ยาเชน่ เดียวกบั การ กาจดั การกาจดั ต้นราชพฤกษ์นิยมใช้ยาไดเมทโธเอท หรือ เมโธมิล อตั ราและคาแนะนาระบไุ ว้ตามฉลาก
ดอกบัว ความเป็ นมาของบวั บวั เป็นหนง่ึ ในบรรดาดอกไม้ทีผ่ ้คู นนิยมกนั ทว่ั โลก ทงั้ ในการปลกู เป็นไม้ดอก และไม้ประดบั ใน สมยั โบราณชาวอียิปต์นิยมนบั ถือบวั เป็นดอกไม้ประจาชาติ และเป็นสญั ลกั ษณ์ของความอดุ ม สมบรู ณ์ ภาพเขียนท่ีปรากฏตามผนงั ของพีระมิด หลมุ ฝังศพ และอาคารปรักหกั พงั ตา่ งก็แสดง ให้เรารู้วา่ เมอื่ 4,000 ปี ก่อนนี ้ตามลมุ่ แมน่ า้ ไนล์มีบวั ชนิดตา่ ง ๆ ขนึ ้ อยมู่ ากมาย เพราะภาพ ของสระนา้ มภี าพของกอบวั ปรากฏให้เหน็ เป็นหยอ่ ม ๆ แม้กระทงั่ ตามหวั เสาสงู ของโบสถ์ วิหาร ก็มีลายสลกั เป็นรูปดอกบวั Herodotus นกั ประวตั ศิ าสตร์ชาติกรีกได้เคยบนั ทกึ ไว้วา่ เม่ือถึง ยามที่นา้ ในแม่นา้ ไนล์เออ่ ทว่ มฝั่ง เขาได้เห็นบวั ชดู อกมากมาย โดยบวั เหลา่ นีจ้ ะบานในเวลาฟ้ า สาง และหบุ ดอกเม่ือถึงเวลากลางคืน การแย้มบานและหบุ กลีบท่เี กิดขนึ ้ พร้อมกบั การขนึ ้ และ ตกของดวงอาทิตย์นีเ้อง ที่ทาให้ชาวอยี ิปต์โบราณถือกาหนดให้ดอกบวั เป็นสญั ลกั ษณ์ของเทพ เจ้า Horus แหง่ ดวงอาทิตย์ โดยถือให้พระองค์ทรงกาเนิดจากดอกบวั บวั ได้รับการขนานนามให้เป็น \"ราชินีแหง่ ไม้นา้ \" เป็นพืชนา้ ล้มลกุ ที่มีทงั้ ลกั ษณะลาต้นท่ีเป็นหวั เหง้า หรือไหล ใบเป็นใบ เดี่ยวเจริญขนึ ้ จากลาต้นโดยมีก้านใบสง่ ขนึ ้ มาเจริญที่ใต้นา้ ผิวนา้ หรือเหนือนา้ รูปร่างของใบสว่ นใหญ่กลมมีหลายแบบ บางชนดิ มีก้านใบบวั บวั ถือเป็นสญั ลกั ษณ์ของคณุ งามความดี ความเชื่อมีมาตงั้ แต่ สมยั พทุ ธกาล ซง่ึ มีตานานกลา่ ววา่ หมอชีวกโกมารภจั จ์ได้ ปรุงยาจากดอกบวั ถวายแด่ องค์สมเด็จพระพทุ ธเจ้า แก้อาการออ่ นเพลีย ถือวา่ ดอกบวั เป็น ดอกไม้ประจาศาสนาพทุ ธ ตามพทุ ธประวตั ิพบวา่ บวั มีสว่ นเก่ียวข้องตงั้ แต่ เม่อื พระพทุ ธเจ้าประสตู ิ ตรัสรู้ และปรินิพพาน เม่ือครัง้ ที่พระพทุ ธเจ้าเม่ือ ได้ทรงตรัสรู้แล้ว แตเ่ น่ืองจากพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลนุ นั้ มีความละเอียดออ่ น สขุ มุ คมั ภีรภาพ ยากตอ่ บคุ คลจะรู้ เข้าใจและปฏิบตั ไิ ด้ ทรงพิจารณาอยา่ งลกึ ซงึ ้ แล้วทรงเหน็ วา่ บคุ คลในโลกนีม้ ีหลายจาพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอน ไมไ่ ด้ เปรียบเสมือนบวั ส่เี หลา่ [1]
กล้วยไม้ราตรี กล้วยไม้ราตรี ดอกกล้วยไม้ราตรี เป็ นดอกไม้ประจาชาตอิ ินโดนีเซีย ช่ือสามญั คือ Moon Orchid ลกั ษณะทว่ั ไปของกล้วยไม้ชนิดนี ้ สงั เกตได้จากเปลือกเนือ้ ในเสมอกนั ลาต้นแท้มีข้อและปล้องเหมือนพืชใบเลีย้ งเดี่ยวทว่ั ไป เจริญเติบโตทางยอด ใบเลยี ้ งเดี่ยวมีลกั ษณะตา่ งกนั ออกไป รูปร่างลกั ษณะใบเป็นแถบยาวหรือกลมยาว แผน่ ใบคล้ายใบหมาก หนาและอวบนา้ กลีบดอกสีขาวอมมว่ ง พรรณไม้ชนิดนีช้ อบอากาศชืน้ จงึ พบเหน็ ได้ไมย่ ากบริเวณพืน้ ท่ีราบต่าของอนิ โดนีเซีย จดั เป็นดอกกล้วยไม้ท่ีบานอยไู่ ด้นาน ที่สดุ ช่อดอกนนั้ สามารถแตกกิ่งและอยไู่ ด้นาน 2-6 เดือน จะบานแคป่ ี ละ 2-3 ครัง้ เทา่ นนั้ อาทิตย์ละต้น แมนวดี, ขา่ วสดออนไลน์ CR : วทิ ยาศาสตร์ธรรมชาติและคณิตศาสตร์
ดอกพดุ แก้ว วา่ Tabernaemontana divaricata ชื่อพืน้ เมืองอน่ื คือ พดุ ป่ า (ลาปาง) พดุ จีบ พดุ ซ้อน พดุ สวน พดุ สา (ภาคกลาง) ใบ รูปไขห่ รือกลมสเี ขียวเป็นมนั ออกดอกเด่ียวและเป็นช่อ บานตลอดทงั้ ปี ดอกสขี าวลกั ษณะเป็นแฉกคล้ายดาว มกั บานใน เวลากลางคืนและบานได้เพียงชว่ั ครู่ในตอนกลางวนั มีกล่นิ หอมแรงคล้ายดอกมะลิ สามารถนามาผลิตเป็นนา้ มนั หอม ระเหย สรรพคณุ ทางยา ราก บารุงร่างกาย ระงบั อาการปวด แก้ปวดฟัน ขบั พยาธิ ลาต้น คนั้ เอานา้ ดื่มใช้ขับพยาธิ เนือ้ ไม้เป็นยา เยน็ ใช้ลดไข้ ใบโขลกแล้วคนั้ เอาแตน่ า้ ทาแก้โรคผิวหนงั สาหรับชาวฟิลปิ ปิ นส์ดอกไม้ชนิดนีเ้ป็นสญั ลกั ษณ์ของความบริสทุ ธิ์ เรียบงา่ ย ออ่ นน้อมถ่อมตน และเข้มแข็ง การผลบิ าน ของดอกพดุ แก้วถกู นามาเฉลมิ ฉลองในตานานเรื่องเลา่ และบทเพลงของฟิลิปปิ นส์ และมีความเช่ือวา่ ดอกไม้ ดอกพดุ แก้ว หรือดอก Sampaguita Jasmine เป็ นดอกไม้ประจาชาตฟิ ิ ลปิ ปิ นส์ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ ดอกปรนะ
ดอกประดู่ สาหรับประดบู่ ้าน มีความสงู ราว 20-25 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นทรงพมุ่ กว้างกวา่ ประดปู่ ่ า และปลายก่ิงห้อยลง เปลือกสเี ทา เป็นร่องไมม่ ีนา้ ยางสีแดง ใบขนาดเลก็ กวา่ นิดหน่อย ดอกชอ่ เลก็ กวา่ ออกตามซอกใบใกล้ปลายก่ิง ออกดอกดกกวา่ สี เหลอื งและกล่ินหอมแรงเชน่ เดียวกนั บานและร่วงพร้อมกนั ทงั้ ต้นเหมือนกนั ประดบู่ ้านนนั้ คนไทยนิยมนามาปลกู ทว่ั ไป มี ช่ือเรียกแตกตา่ งกนั ไปทงั้ ประด่บู ้าน ประดกู่ ่ิงออ่ น ประดลู่ าย (ภาคกลาง) ดบู่ ้าน (ภาคเหนือ) สะโน (มลายู-นาราธิวาส) ภาษาองั กฤษเรียก Angsana Norra และ Malay Padauk ดอกา
ดอกล้านชวา ดอกไม้ประจาชาติบรูไน ก็คือ ดอกซมิ ปอร์ (Simpor) หรือที่ รู้จกั กนั ในช่อื ดอกส้านชะวา (Dillenia) ดอกไม้ประจาท้องถ่ิน บรูไน ที่มกี ลีบขนาดใหญ่สเี หลือง หากบานเตม็ ท่ีแล้วกลีบดอกจะ มีลกั ษณะคล้ายร่ม พบเหน็ ได้ตามแมน่ า้ ทวั่ ไปของบรูไน มี สรรพคณุ ชว่ ยรักษาบาดแผล หากใครแวะไปเยือนบรูไน จะพบ เหน็ ได้จากธนบตั รใบละ 1 ดอลลาร์ ของประเทศบรูไน และในงาน ศิลปะ
ลีลาวดี ดอกไม้ประจาชาติประเทศเพอื่ นบ้านของไทยอยา่ งประเทศ ลาว คอื ดอกจาปาลาว (Dok Champa) คนไทยรู้จกั กนั ดใี นช่ือ ดอกลีลาวดี หรือ ดอกลน่ั ทม โดยดอกจาปาลาวมกั มี สีสนั หลากหลาย ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นเพียงสขี าว เท่านนั้ เชน่ สีชมพู สีเหลอื ง สี
ระวตั ิดอกชบา ความเช่ือของคนโบราณในบ้า และร้อยดอกชบาแดงเป็นมาลยั ใสศ่ รี ษะและใส่ คอ ด้วยเหตนุ ีจ้ งึ ทาให้คนโบราณไมน่ ิยมใช้และ มีอคติกบั ดอกชบานน่ั เอง ดอกพรู่ ะหง ดอกชบา
ดอกลาดวน ลาดวน เป็นไม้ดอกหอมโบราณอีกต้นหนงึ่ ความหอมของมนั โดง่ ดงั เข้าตาจนขนาดท่ีคนเอามาตงั้ เป็นช่ือลกู สาวตวั เองกนั เลย ทีเดยี ว ป่ ยู ่าตายายเช่ือกนั วา่ บ้านไหนปลกู ลาดวนไว้ที่ บ้านจะมีแตค่ นคิดถงึ คนในบ้านก็จะสดช่ืน อารมณ์แจ่มใส ในทางยา ดอกแห้ง ใช้ทายาบารุงกาลงั บารุงหวั ใจ บารุง เลือด แก้ลม แก้ไข้ แตต่ ้องทาใจวา่ ลาดวนเป็นไม้หอมท่ีโตช้า มาก
กล้วยไม้แวนด้า แวนด้า เป็นกล้วยไม้สกลุ หนง่ึ ในวงศ์กล้วยไม้ (Orchidaceae) ซง่ึ เป็นสกลุ ไมใ่ หญ่นกั (ประมาณ 50สาย พนั ธ์)ุ แตเ่ ป็นไม้ดอกสาคญั ท่ีใช้ในการจดั ดอกไม้ กล้วยไม้สกลุ และกลมุ่ นีไ้ ด้รับการพฒั นามากที่สดุ ในกลมุ่ กล้วยไม้ทงั้ หมดใน วงศ์ Orchidaceae กล้วยไม้สกลุ นีร้ าคาแพงมาก ในการจดั สวนดอกไม้เนื่องจากเป็นกล้วยไม้ท่ีรูปสวย หอม อยทู่ น และ สสี รรท่ีจดั จ้าน[2] การปลกู แวนด้าแพร่หลายทวั่ เอเชียตะวนั ออก เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ และเกาะนิวกินี และบางสายพนั ธ์ุ ก็ แพร่หลายในรัฐควีนส์แลนด์ และบางเกาะในแปซิฟิกตะวนั ตก
แหลง่ อ้างองิ https://www.google.com/sear ch?q=%EBBADCBEBEBAEBEBA D%EBBEBEB%EBBEBAEB&rlz=1 C1RLNS_thTHTH&oq=%EBEBA D%EBEBEBAEBEBAD%BB&aqs =chrome.ijl&sourceid=chrome &ie=UTF-8
จดั ทาโดย ด.ญ.สดุ ารัตน์ กาวนิ ชยั เลขที่34 ม.1/2 ด.ช.ภวู นตั ถ์ มีมาก เลขที่ 12 ม.1/2
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: