เอกสารประกอบการเรียนการสอน เรอื่ ง การสืบพนั ธุ์ของพชื ดอก โดย นางสาวอำภา กลองชยั กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ โรงเรียนสริ นิ ธร อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรนิ ทร์ สำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา มัธยมศกึ ษาเขต 33
เรือ่ ง การสบื พันธ์ุของพืชดอก ❖ โครงสรา้ งของดอกไม้ ดอกไม้ (flower) เป็นกง่ิ ทีเ่ ปล่ียนแปลงไปเพอื่ ใช้ในการสร้าง spore ของพชื ดอกมอี งคป์ ระกอบ 4 ส่วน บนฐานรองดอก (receptacle) เรียงลาดับโครงสรา้ ง นอก → ในดังน้ี กลีบเล้ยี ง (Sepal) →กลีบดอก (Petal) →เกสรเพศผู้ (Stamen) →เกสรเพศเมยี (Carpel) 1.กลีบเลยี้ ง (Sepal) ทำหนา้ ท่ีป้องกนั อันตรายดอกตูม 2.กลบี ดอก (Petal) มสี ีสนั สวยงามใชใ้ นการล่อแมลงมาช่วยในการถ่ายละอองเรณู 3.เกสรเพศผู้ (Stamen) สว่ นท่ีสร้างเซลลส์ ืบพันธุ์เพศผู้ 3.1 อับเรณู (Anther) - ถุงบรรจเุ รณู (pollen sac) สว่ นมาก มี 4 ชอ่ ง - บรรจเุ ซลล์ Microspore mother cell [2n] ไวส้ รา้ ง เรณู [pollen grain] [n] 3.2. กา้ นชอู บั เรณู (filament) – ชูอบั เรณู 4.เกสรเพศเมยี (Carpel) ส่วนทสี่ ร้างเซลลส์ บื พนั ธเุ์ พศเมยี 4.1. ยอดเกสรเพศเมยี (Stigma) - มียางเหนยี ว ดกั จบั เรณูไวเ้ พอื่ ให้ เรณู งอก 4.2. กา้ นชูเกสรเพศเมีย (Style) 4.3. รงั ไข่ (Overy) มี ovule ข้างใน ovule มีmegaspore mother cell [2n] ไว้สร้างถุงเอม็ บริโอ (embryo sac) [n] ประเภทของดอก แบ่งได้ 4 รูปแบบ • แบบที่ 1 : ประเภทของดอก ตามตำแหนง่ รังไขบ่ นฐานรองดอก 1) ดอกท่ีมรี งั ไข่อยู่เหนอื ฐานรองดอก เช่น มะเขอื จำปี บานบรุ ี พรกิ มะละกอ เป็นตน้ 2) ดอกท่ีมรี ังไขอ่ ย่ใู ต้ฐานรองดอก เช่น ดอกฟักทอง แตงกวา ฝรง่ั พลบั พลึง เปน็ ต้น • แบบที่ 2 : ประเภทของดอก ตามองคป์ ระกอบของดอก 1) ดอกครบสว่ น (complete flower) มอี งคป์ ระกอบครบ 4 ส่วนใน 1 ดอกเชน่ ชบา กุหลาบ ส้ม แกว้ มงั กร ขา้ ว 2) ดอกไมค่ รบสว่ น (incomplete flower) มอี งคป์ ระกอบไม่ครบอาจขาดส่วนใด ส่วนหนง่ึ ไปเชน่ แตง (แยกเพศ) ฟกั ทอง (แยกเพศ) มะละกอ (ไมม่ ีกลบี เล้ยี ง) ขา้ วโพด (ไมม่ กี ลบี ดอก) • แบบท่ี 3 : ประเภทของดอก ตามการมีเกสร 1) ดอกสมบูรณ์เพศ (Perfect flower) มีทง้ั เกสรเพศผู้ + เมยี ใน 1 ดอก 2) ดอกไม่สมบรู ณเ์ พศ (imperfect flower) มเี พียงเกสรชนดิ เดยี ว ในดอกเดียว เรยี กว่า ดอกแยกเพศ เช่น ดอกตำลึง ฟัก แตง
• แบบที่ 4 : ประเภทของดอก ตามจำนวนดอกบนก้านชูดอก 1) ดอกเดีย่ ว ดอกทมี่ ี1ดอกบนกา้ นชดู อก เชน่ มะเขอื จำปี กหุ ลาบชบา พรู่ ะหง เปน็ ต้น 2) ดอกช่อ ในหน่ึงก้านดอกมหี ลายดอก เช่น ทานตะวนั จามจรุ ี เขม็ ดาวเรือง เปน็ ต้น วฏั จกั รชีวิตแบบสลับ (Alternation of generation)พืชดอกมวี ัฏจกั รชวี ิตแบบสลบั ทำใหม้ รี ูปแบบของตน้ พืชท่ี ตา่ งกนั 2 แบบ 1.ระยะสปอโรไฟต์ (Sporophyte) [2n] o มจี ำนวนโครโมโซม 2 ชดุ (diploid , 2n) o เป็นต้นของพืชดอกที่โตเตม็ วยั อยู่ได้อสิ ระ o สรา้ งสปอร์ (sporogenesis) โดยแบง่ เซลล์ แบบ meiosis ได้ spore ท่มี ีโครโมโซมชุดเดียว (n) ในอบั สปอร์ (sporangium) 2. ระยะแกมีโทไฟต์ (Gametophyte) [n] o มีจานวนโครโมโซม 1 ชดุ (Haploid , n) o ไมส่ ามารถอย่ไู ด้อสิ ระ และขนาดเล็ก อยู่ใน ดอกของต้นพชื ภาพแสดง วฏั จักรชวี ติ แบบสลบั o เจรญิ มาจาก Spore [n] ไดเ้ ป็น Gametophyte o สรา้ งเซลล์สบื พันธุ์ โดยแบ่งเซลลแ์ บบ Mitosis เซลล์สืบพันธ์ุจะมาผสมกัน (fertilization) ได้ Zygote → embryo → เจริญไปเปน็ ต้นSporophyte ตอ่ ไป
❖ การสรา้ งเซลลส์ บื พนั ธข์ุ องพชื ดอก ระยะ Microsporogenesis Megasporogenesis Sporophyte [2n] Microsporocyte (2n) Megasporocyte (2n) Spore [n] Microspore (n) Megaspore (n) Gametophyte [n] Pollen grainประกอบด้วย Embryo sac - Tube cell 7 เซลล์ 8 นวิ เคลียส - Antipodal 3 เซลล์ - Generative cell - Polar nuclei 1 เซลล์ - Synergids 2 เซลล์ Gametes Sperm cell (n) egg cell 1 เซลล์ เกดิ ใน 2 เซลล์ anther ovary การถ่ายละอองเรณขู องพืชดอก การถา่ ยละอองเรณเู ปน็ การถ่ายละอองเรณู ออกจากอบั เรณู (anther) ไปบริเวณยอดเกสรตวั เมยี (stigma)โดยอาศยั ลม แมลง สตั ว์อน่ื ๆ ละอองเรณูทีม่ ายัง stigma จะดูดน้ำจากเซลลช์ ั้นผวิ ของยอดเกสรตวั เมีย tube cell ของเรณู เจรญิ เปน็ หลอดเรณู pollen tubeมี generative cell generative cell แบ่งตวั แบบ mitosis ไดs้ perm cell 2 เซลล์ pollen tube เจรญิ เขา้ สู่ embryo sac sperm cell ทง้ั 2 เซลล์ เข้าไปเกดิ การปฏิสนธิซอ้ น (Double fertilization) Nucleus ทไี่ มเ่ ก่ยี วข้องสลายทงั้ หมด เหลอื เพียง egg (n) และPolar nuclei (n+n)
การปฏิสนธซิ ้อน (double fertilization) เปน็ ลักษณะเฉพาะในพืชดอก แบง่ เป็น 2 ขั้นตอน คอื Sperm ที่ 1 (n) + egg cell (n) Zygote (2n) พฒั นาเป็น embryo Sperm ที่ 2 (n) + polar nuclei (n+n) endosperm (3n) ภาพแสดง การปฏสิ นธซิ ้อนในกล่มุ พืชมีดอก ❖ ผล และโครงสรา้ งผล ผล (fruit) เปน็ ส่วนของรงั ไข่ หรือ ฐานรองดอก ทเี่ จรญิ เปลี่ยนแปลงหลงั การปฏสิ นธิ ผลมี 3 แบบ ตามต้นกำเนดิ 1. ผลทเ่ี กดิ จากสว่ นของรังไข่ เรียกว่า ผลแท้ (true fruit) 2. ผลทเ่ี กดิ จากส่วนฐานรองดอก / กลบี เลีย้ ง เรยี กว่า ผลเทียม(accessory fruit) 3. ผลที่ไมไ่ ด้ปฏิสนธิ เรียกว่า ผลลม (Parthenocarpic fruit) ไรเ้ มลด็ ➢ ประเภทของผล จำแนกไดต้ ามจานวนรังไข่ทีโ่ ตเปน็ ผล ได้ 3 แบบ 1. ผลเดีย่ ว (Simple fruit) เกดิ จาก1ดอกเดย่ี ว 1รังไข่ อาจมี 1 หรอื หลายovule เชน่ มะเขือเทศ มะม่วง ถ่วั องุ่น ทุเรียน เปน็ ตน้ 2. ผลกลุ่ม (Aggregate fruit) เกิดจาก1 ดอกเดี่ยว หลายรังไข่ เช่น น้อยหน่า จาปี จำปา กระดังงา การเวก ฝกั บัว เป็นตน้ 3. ผลรวม (Multiple fruit) เกดิ จากดอกช่อ ดอกยอ่ ย จำนวนมากในชอ่ ดอก ผนังรังไขเ่ ช่ือมกนั เชน่ สาเก ขนุน หม่อน ยอ สบั ปะรด เปน็ ตน้ ❖ เมลด็ (seed) เมล็ด เป็นโครงสร้างทเี่ จรญิ มาจากออวุล (ovule) ของรงั ไข่ เจรญิ หลังfertilization ทำหนา้ ทขี่ ยายพันธุ์ ให้พืชชนิดนนั้ ๆ
❖ โครงสรา้ งเมลด็ โครงสรา้ งภายในเมลด็ พืชชนดิ ตา่ งๆ 1. เปลือกหมุ้ เมลด็ (seed coat)เปน็ เนอื้ เยอื่ พฒั นามา (เมลด็ ถั่ว เมล็ดละหงุ่ และเมลด็ ข้าวโพด) จากผนงั ออวุล (integument) หนา้ ทีป่ ้องกนั embryoและคมุ การดดู ซมึ น้ำ และอากาศผา่ น ชอ่ ง micropyle 2. Endosperm เน้ือเย่อื สะสมอาหารในเมล็ดขณะพัก ในเมลด็ พวกถ่ัว จะไมม่ ี endosperm แต่จะมใี บเลย้ี งใหญ่ สะสมอาหารแทน 3. Embryo เปน็ ต้นออ่ น เจริญไปเป็นต้นกล้า มี 5 สว่ นคือ - cotyledon : ใบเลี้ยง - Epicotyle : ส่วนเหนอื ใบเล้ียง - Plumule : ยอดแรกเกิด - Hypocotyle : สว่ นใต้ใบเลี้ยง - Radicle : รากแรกเกิด ➢ การงอกของเมลด็ (seed germination) มี 2 รูปแบบ 1. การงอกของเมล็ดแบบ Epigeal germination การงอกของเมล็ดที่ส่วนของ hypocotyl มีการเจริญ ทำให้สว่ นของใบเลยี้ งโผล่พน้ ข้ึนมาเหนือดนิ เช่น การงอกของเมลด็ ถั่วเขยี ว เปน็ ต้น 2. การงอกขอองเมล็ดแบบ hypogeal germination การงอกของเมล็ดที่ส่วนของ hypocotyl ไม่เจริญ ทำใหส้ ่วนของใบเลี้ยงอยใู่ ต้ดนิ เชน่ การงอกของเมลด็ ถ่ัวลนั เตา เป็นต้น การสบื พนั ธุแ์ บบอาศัยไมอ่ าศยั เพศของพืชดอกและการขยายพันธุ์พชื พืชนอกจากขยายพันธ์ดุ ว้ ยเมลด็ ซึง่ เป็นการสบื พนั ธ์ุแบบอาศัยเพศแลว้ ยังสามารถสบื พนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศ (asexual reproduction) เช่น 1.การขยายพนั ธด์ุ ้วยลำต้น 2. การขยายพันธุ์ด้วยกง่ิ โดยการปักชำ ตอน ตดิ ตา ทาบกิ่ง หรือเสียบยอด 3. การขยายพนั ธุ์ดว้ ยราก มักเปน็ รากชนดิ ท่ีสะสมอาหาร 4. การขยายพนั ธุ์ด้วยใบ
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: