Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่อง ความแตกต่างทางวัฒนธรรม

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่อง ความแตกต่างทางวัฒนธรรม

Published by muandej1, 2019-05-14 02:19:50

Description: สาระหน้าที่พลเมือง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

Search

Read the Text Version

วชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนาธรรม ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4

ความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม วฒั นธรรมทางภาษา คนไทยทกุ ภาคทกุ ทอ้ งถิ่น แมจ้ ะพูดภาษาไทย แตจ่ ะมสี าเนยี งท่ีแตกตา่ งกันในแต่ละ ภมู ิภาค เรยี กวา่ ภาษาถ่ิน ภาคเหนือ พอ่ แม่ = ป้อ แม่,พี่ชาย=อ้าย(เปรียบไทใหญ่ อ้าย “พี่ชายคน แรก”,พส่ี าว=ปี(้ เย้ย,เย,้ ใย)้ ,ฝรงั่ (ผลไม)้ = บะกว้ ยก๋า(จาก หมากกลว้ ยกา) ภาคกลางเปน็ ภาษาถน่ิ ภาคกลางทยี่ อมรบั กนั วา่ เปน็ ภาษามาตรฐานที่ กาหนดให้คนในชาตใิ ช้รว่ มกัน เพื่อสื่อสารให้ตรงกัน เชน่ พอ่ แม่ ชมพู่ มะมว่ ง ข้าวโพด ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื กินเขา้ แล้วบ่=กินขา้ วหรือยงั , ก่ซี ี้นงวั =เน้ือวัวย่าง,งามเติบ=สวยมาก, งึดแฮง, งดึ หลาย= ประหลาดใจเหลอื เกิน ประหลาดใจมาก, ภาคใต้ ถงุ พลาสติกแบบทมี่ ีหูห้ิว=ถงุ กรอบแกรบ,เละเทะ เละต้มุ เปะ=เนยี น แจก็ แจ๊ก,ย่งุ เรื่องของคนอ่ืน=ทาถ้าว,ไม่เอาไหน=เบลอ่ ,ดุร้าย=ดน้ ,กดั =ขบ

วัฒนธรรมทางด้านการกิน ในแต่ละทอ้ งถน่ิ จะมกี ารปรงุ อาหาร ซึ่งเปน็ วฒั นธรรมที่สบื ทอดกนั มานาน ใชว้ ตั ถดุ บิ ทหี่ าได้ในท้องถ่นิ แตแ่ ตกต่างกนั อาหารก็จะมรี สชาตแิ ตกตา่ งกันไปตามรสนิยมของแตล่ ะภาค ภาคเหนอื แกงโฮะ คาวา่ โฮะ แปลวา่ รวม แกงโฮะกค็ อื แกงท่นี าเอาอาหารหลายอย่างมา รวมกนั สมยั กอ่ นแกงโฮะมักจะทาจากอาหารหลายอยา่ งทเ่ี หลอื จากงานบุญ มาผัดรวมกนั แตป่ ัจจุบนั ใชเ้ คร่ืองปรุงใหมท่ าก็ไดห้ รอื จะเป็นของท่ีค้างคืน และนามาปรุงใหม่อีกคร้ังหนงึ่ แกงโฮะเป็นอาหารที่นิยมแพรห่ ลายมขี ายกนั แทบทกุ รา้ นอาหารพ้ืนเมืองในภาคเหนอื ข้าวซอย เป็นอาหารของไทล้อื ทน่ี ามาเผยแพร่ในล้านนาหรือ ภาคเหนอื ตามตารับเดิมจะใชพ้ ริกป่นผดั โรยหน้าดว้ ย นา้ มนั เมือ่ มาสู่ครวั ไทยภาคเหนอื กป็ ระยกุ ต์ใช้พรกิ แกงคว่ั ใส่กะทลิ งไปกลายเป็น เค่ยี วให้ขน้ ราดบนเสน้ บะหม่ี ใส่ เน้อื หรือไก่ กินกบั ผักกาดดอง หอมแดงเปน็ เคร่ืองเคยี ง แกงฮังเล เปน็ อาหารพน้ื บา้ นของชาวไทใหญอ่ ีกชนดิ หนง่ึ ซง่ึ อาจได้รบั อิทธิพลมา จากอาหารพม่าในอดีต เป็นแกงทที่ าได้งา่ ย ใส่พริกแหง้ ผงแกงฮังเล มะเขอื เทศ และเนื้อ แลว้ นามาผดั รวมกัน

ภาคกลาง ต้มยากงุ้ ตม้ ยานา้ ข้น ตม้ ยาน้าข้นถูกเขา้ ใจว่าเปน็ ต้นตารบั ของต้มยา แต่แท้ท่ีจริง แล้ว เป็นเพยี งการพัฒนามาจากต้มยานา้ ใสอกี ทีหน่งึ เพราะเริ่มในสมัย รชั กาลท่ี 6 ชว่ งทีท่ ่านเสดจ็ ประพาสไปเสวยเหลาแถวสามยา่ น สมยั น้ันมีเส หลาของคนจีนเข้ามาใหมร่ า้ นหนง่ึ เสหลาแหง่ น้ันทาตม้ ยากงุ้ ใส่นมเปน็ น้า ขน้ น้าพรกิ -ปลาทู น้าพรกิ มมี าตง้ั แต่สมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยา โดยคาว่า \"น้าพริก\" มคี วามหมายมาจาก การปรุงด้วยการนาสมนุ ไพร น้าพริกปลาทู เปน็ เมนอู าหารที่มีการตานา้ พริก และใส่ปลาทนู ่งึ เขา้ ไปตาร่วมด้วย ปรุงรสใหอ้ อกเผ็ด เปรี้ยว เค็ม รับประทาน กบั ผักสด ผกั ต้ม นานาชนดิ การปรงุ น้าพริกให้อร่อยควรใช้ครก แกงเขยี วหวาน ในสมัยกอ่ นน้ัน แกงไทยๆ จะเปน็ แกงเลียงซะส่วนใหญ่ และเปน็ แกงป่า ตามมาเพราะจะไมใ่ สก่ ะทิตอ่ มามีแกงใส่กะทเิ ข้ามาในครัว กจ็ ึงมีแกงเผด็ หรือที่หลายทอ้ งถน่ิ เขาเรยี กกันและคนไทยชา่ งคดิ เปล่ียนพรกิ แหง้ สแี ดง มาใช้พริกสดสีเขียวแทนและใส่ใบพรกิ สดลงไปตาด้วยในนา้ พรกิ แกง นั้นๆ เพอื่ ใหม้ สี เี ขียวที่เด่นชัดข้ึน

ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื สม้ ตา คาว่า \"สม้ ตา\" นัน้ เกิดจากคาสองคาทีน่ ามาผสมกนั ได้แก่คาว่า \"ส้ม\" ซง่ึ เป็นภาษาท้องถิ่นของภาคอีสานทีม่ ีความหมายว่า รสชาติเปรย้ี ว และคาว่า \"ตา\" น้ันกค็ อื การใช้อปุ กรณ์ เครือ่ งครวั ชนิดหน่ึงหรอื กค็ ือ สาก โดยเราจะใช้สากโขลกลงไป เพือ่ ให้วตั ถดุ ิบท้ังหมดเข้ากนั และเมือ่ นาท้ังสองคานี้มา รวมกันก็จะหมายความวา่ อาหารรสเปรยี้ วที่เกิดจากการโขลก หรือตาน่ันเอง อย่างไรก็ตามตาส้มของคนอีสานนนั้ มี ความหมายกวา้ งๆ คนทางภาคอสี านเรียกสม้ ตาว่า ตาบกั หงุ่ หรือตาหมากหุ่ง ม่มั คือไส้กรอกอสี าน ใชเ้ น้อื วัวสับหรอื ตับที่เรียกวา่ “มัม่ ตบั ” นามายดั ใสใ่ นกระเพาะปัสสาวะของววั คนอีสานนยิ มทอดหรอื ย่าง จ้มิ กบั น้าพรกิ หรือแจว่ รับประทานเสนห่ อ์ าหารพน้ื บ้าน อสี านอย่ทู ีร่ ูปแบบการปรุง วตั ถดุ บิ เครอ่ื งปรุงรสชาติ ปลารา้ ทน่ี ามาผสมผสานกัน อยา่ งกลมกลืน สะทอ้ นให้เห็นวฒั นธรรมอาหารของคนอีสานอนั เปน็ ลกั ษณะเฉพาะถิน่ เป็นสำรับอำหำรท่ีคนทวั่ ไปยอมรับในควำมอร่อยและอดุ มด้วยคณุ คำ่ ทำงโภชนำกำร คนภาคอสี าน

ภาคใต้ แกงไตปลา ข้าวยา ชวี ิตของคนภาคใต้เก่ียวข้องกับท้องทะเล อาหารการกินส่วนใหญม่ า ขา้ วยาของชาวใต้ จะอร่อยหรือไม่ก็ข้ึนอยกู่ บั นา้ บดู ูเปน็ สาคญั นา้ บดู มู ี จากทะเล ซงึ ถา้ มมี ากเกินรับประทานกจ็ ะนาอาหารทไี่ ดจ้ ากทะเล รสเคม็ แหลง่ ทม่ี กี ารทาน้าบดู มู ากคือจังหวัดยะลาและปตั ตานี เวลา นั้นมาทาการถนอมอาหาร ไตปลา หรือพุงปลาไดจ้ ากการนาพงุ ปลา นามาใสข่ า้ วยาตอ้ งเอานา้ บดู ูมาปรุงรสก่อน จะออกรสหวานเลก็ นอ้ ย ทูมารีดเอาไสใ้ นออก ลา้ งพุงปลาใหส้ ะอาดแล้วใส่เกลือหมักไว้ แลว้ แตค่ วามชอบ นา้ บดู ูของชาวใตม้ กี ลิ่นคาวของปลาเพราะทามาจาก ประมาณ 1 เดอื นขน้ึ ไป หลังจากนนั้ จงึ จะนามาปรุงอาหารได้ ปลา กลิ่นคลา้ ยของทางภาคอสี าน ลกู ปลาควั่ เกลอื แกงสม้ ออกดิบ (คูน) ลูกปลาคั่วเกลือเป็นอาหารปลาประเภทหนึ่งที่นิยมรับประทานกนั โดยใช้ แกงสม้ ออกดิบ มีสว่ นประกอบของเครื่องปรุงสว่ นใหญ่ออกไปทางรสเผด็ ลูกปลาเล็กปลานอ้ ยท่หี าได้จากทะเล นามาผสมเครือ่ งปรุงและคั่วเกลือ ร้อน เปรย้ี ว สรรพคุณชว่ ยในการขบั ลม ช่วยใหเ้ จริญอาหาร มะนาวและ จนแห้ง ลูกปลาท่นี ิยมนามาควั่ คอื ลกู ปลากะตักหรือลกู ปลาไสต้ นั สม้ แขกมรี สเปรี้ยว สรรพคุณช่วยแกไ้ อ ขับเสมหะและมีวิตามินซสี งู ลูกปลาค่ัวเกลอื เปน็ อาหารทใ่ี หแ้ คลเซยี มสงู มาก จากปลาเล็กปลานอ้ ย ผสมรวมกบั เครือ่ งปรงุ ก็จะชว่ ยเพมิ่ รสชาติ กระตุ้นให้เจริญอาหารได้ดี

วัฒนธรรมดา้ นการแต่งกาย คนไทยในแตล่ ะภาคมแี บบแผนการแต่งกายของตนเองมานาน มี การเปล่ียนแปลงใหด้ เู หมาะสมไปตามยคุ สมัย และการแตง่ กาย ตามแบบสากลนยิ มกไ็ ด้รบั การนยิ มอย่างแพร่หลาย ภาคเหนอื การแต่งกายของคนภาคเหนอื ทเี่ ป็นชาวบ้านทว่ั ไป ชายจะนุง่ กางเกงขายาวลักษณะแบบ กางเกงขายาวแบบ 3 ส่วน เรยี กติดปากว่า “เตีย่ ว” หรือ เต่ียวสะดอ ทาจากผ้าฝ้าย ย้อม สีน้าเงินหรอื สดี า ส่วนเสือ้ ก็นยิ มสวมเส้อื ผ้าฝ้ายคอกลม แขนสัน้ แบบผา่ อก กระดมุ 5 เม็ด สีนา้ เงนิ หรอื สดี า เช่นเดียวกัน เรียกวา่ เส้ือมอ่ ฮอ่ ม ชดุ นีใ้ ส่เวลาทางาน สาหรบั หญิงชาว เหนือจะน่งุ ผา้ ซิน่ (ผ้าถงุ )ยาวเกือบถึงตาตุ่ม นิยมนุ่งทัง้ สาวและคนแก่ ผา้ ถุงจะมีความ ประณตี งดงาม ตีนซิ่นจะมีลวดลายงดงาม ส่วนเสือ้ จะเปน็ เสื้อคอกลม มีสีสนั ลวดลาย สวยงามเช่นเดียวกัน เรือ่ งการแต่งกายนี้ หญิงชาวเหนอื จะแต่งตวั ให้สวยงามอยู่เสมอ ชาว เหนอื ถอื วา่ เป็นเรอ่ื งสาคัญ จนถึงกับมคี าสภุ าษติ ของชาวเหนอื สั่งสอนสบื ตอ่ กนั มาเลยวา่ ภาคกลาง ผชู้ าย สมัยกอ่ นการเปล่ียนแปลงระบอบการปกครอง นิยมสวมใสโ่ จงกระเบนสวม เสอื้ สขี าว ติดกระดมุ 5 เม็ด ที่เรยี กว่า “ราชประแตน” ไวผ้ มสนั้ ขา้ งๆตดั เกรยี นถงึ หนัง ศรี ษะข้างบนหวีแสกกลาง ผู้หญิง สมัยกอ่ นการเปลย่ี นแปลงระบอบการปกครอง นิยมสวมใส่ผ้าซน่ิ ยาวคร่ึงแข้ง ห่มสไบเฉียงตามสมยั อยุธยา ทรงผมเกล้าเป็นมวย และสวมใส่เครือ่ งประดบั เพือ่ ความ สวยงาม

ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ผชู้ าย สว่ นใหญน่ ิยมสวมเส้อื แขนส้นั สเี ขม้ ๆ ทเี่ ราเรียกวา่ “ม่อห่อม” สวม กางเกงสีเดยี วกบั เสอื้ จรดเข่า นิยมใช้ผ้าคาดเอวด้วยผ้าขาวม้า ผหู้ ญิง การแต่งกายส่วนใหญ่นิยมสวมใส่ผา้ ซน่ิ แบบทอทั้งตัว สวมเสอ้ื คอ เปิดเลน่ สสี ัน หม่ ผา้ สไบเฉียง สวมเครื่องประดบั ตามข้อมือ ขอ้ เท้าและคอ ภาคใต้ การแต่งกายภาคใต้ ภาคนี้มกี ารแต่งกายตา่ งกันตามเช้ือชาติ ถา้ เช้อื สาย จนี จะแตง่ แบบจีน ถ้าเป็นชาวมสุ ลมิ ก็จะแต่งคลา้ ยกับชาวมาเลเซยี ปจั จบุ ันแหลง่ ทาผ้าแบบดัง้ เดมิ น้ันเกอื บจะสญู หายไป คงพบได้เฉพาะ 4 แหล่งเทา่ น้ันคอื ท่ตี าบลพุมเรีย้ ง จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี , อาเภอเมอื ง จังหวดั นครศรีธรรมราช , เกาะยอ จงั หวัดสงขลา และตาบลนาหมน่ื ศรี จงั หวัดตรงั

ฟ้อนเลบ็ หมอลา ฟอ้ นเทยี น เซ้งิ ภาคเหนอื วฒั นธรรมดา้ นการแสดง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และการละเล่นพ้ืนเมอื ง ภาคกลาง ภาคใต้ ลิเก รามโนราห์ เตน้ การาเคยี ว หนังตะลุง

ประเพณีพนื้ เมือง ประเพณพี นื้ เมืองทีเ่ ดน่ ๆ ของแตล่ ะภมู ภิ าค ได้แก่ ภาคเหนือ เชน่ ประเพณสี ืบชะตา เป็นพธิ ตี ่ออายใุ ห้แก่ตนเอง ญาตพิ น่ี ้อง และบา้ นเมอื ง ใหม้ คี วาม เจรญิ รุ่งเรอื งและความเป็นสิรมิ งคล ภาคกลาง เชน่ ประเพณีตักบาตรนา้ ผึ้ง เปน็ การถวายเภสัชหรอื ยาแก่พระสงฆ์

ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เช่น ประเพณีบญุ บั้งไฟ จดั ขนึ้ เพ่ือขอฝนตกต้องตามฤดูกาล ภาคใต้ เช่น ประเพณีสารทเดอื นสิบ เป็นประเพณที ไ่ี ดร้ ับอทิ ธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นการ อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ลว่ งลับไปแล้ว

สมาชิก นางสาวฐาปนี คาเกษ รหสั นกั ศกึ ษา 59101205104 นายอภวิ ัฒน์ ฝา่ ยเทศ รหัสนักศึกษา 59101205117 นางสาวกิ่งกาญจน์ เหมือนเดช รหัสนกั ศกึ ษา 59101205122 นางสาวธันยพร กั้วมาลา รหสั นกั ศึกษา 59101205126 นางสาวภัคนนั ท์ ไชยนา รหัสนักศกึ ษา 59101205132 นางสาวพิยดา หตั ถสาร รหัสนักศึกษา 59101205133 คณะครุศาสตร์ สาขาสังคมศกึ ษา ชัน้ ปีท่ี 3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook