ท่มี าและความสาํ คญั ปรางค์สองพี่น้อง ต้ังอยู่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ตั้งอยู่ท่ีเลขที่ 208 หมู่ 13 ตําบลศรีเทพ อําเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นสถาปัตยกรรมใน วัฒนธรรมเขมร พบว่ามีปรางค์ ๒ องค์ตั้งอยู่เคียงกัน องคห์ น่ึงใหญ่ องค์หน่งึ เล็ก จึง เรียกว่าปรางค์สองพ่ีน้อง มีลักษณะเป็นปราสาทท่ีก่อด้วยอิฐสององค์ ต้ังอยู่บนฐาน ศิลาแลงเดียวกัน อยู่ในรูปสี่เหล่ียมจตุรัสเพ่ิมมุมด้านนอกทั้ง 4 ด้าน องค์ปราสาท ค่อนข้างสูง เท่าทเ่ี หลืออยสู่ ูงประมาณ 7 เมตรปรางค์สองพี่น้องน้ีคงสรา้ งขึ้นเพอื่ เป็น เทวาลยั เนื่องในศาสนาฮินด(ู พราหมณ)์ ลทั ธิไศวนิกายในราวพทุ ธศตวรรษท่ี 17 แล้ว ต่อมาจึงได้ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นศาสนสถานเนื่องในพุทธศาสนาลัทธิมหายานในรัช สมยั ของพระเจ้าชยั วรมนั ที่ 7 จดุ ประสงค์ 1. เพ่อื ศึกษาองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของปรางค์สองพนี่ ้อง 2. เพื่อศกึ ษาจุดประสงคใ์ นการสรา้ งปรางค์สองพ่ีนอ้ ง 3. เพือ่ ศกึ ษาความเชอื่ เก่ียวกบั โบราณวัตถุที่พบบริเวณปรางค์สองพนี่ อ้ ง ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะไดร้ บั 1. ทราบองคป์ ระกอบทางสถาปัตยกรรมของปรางคส์ องพนี่ ้อง 2. ทราบจุดประสงคใ์ นการสร้างปรางค์สองพ่นี ้อง 3. ทราบความเชอื่ เกีย่ วกับโบราณวตั ถทุ พี่ บบรเิ วณปรางค์สองพนี่ ้อง
การศึกษา “ลกั ษณะทางสถาปตั ยกรรมปรางค์สองพ่นี อ้ ง” โดยใช้วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ ขน้ั กาํ หนดปัญหา จากการทีค่ ณะผศู้ กึ ษาได้ลงพื้นท่ีศกึ ษาอทุ ยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบรู ณ์ ทางคณะผู้ศึกษาได้สนใจศึกษาในหัวขอ้ ปรางค์สองพน่ี อ้ ง โดยศึกษาในประเดน็ องค์ประกอบทาง สถาปัตยกรรมของปรางค์สองพ่ีน้อง จุดประสงคใ์ นการสร้างปรางค์สองพน่ี ้อง และความเชอ่ื เกี่ยวกบั โบราณวตั ถทุ พ่ี บบริเวณปรางค์สองพี่น้อง
ขนั้ ตรวจสอบวิเคราะห์และประเมนิ คณุ คา่ ของหลักฐาน การศึกษาเกย่ี วกับการศกึ ษาสถาปัตยกรรมของปรางค์สองพี่นอ้ ง คณะผศู้ ึกษานาํ ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการเกบ็ ข้อมูลต่างๆ มาจัดประเภทความสาํ คญั ของขอ้ มูลและประเมิน คณุ ค่าของหลกั ฐานดงั น้ี การประเมินคุณค่าภายนอก (External criticism) คอื การพิจารณาตรวจสอบ การเปรียบเทียบกบั หลักฐานอ่นื ที่ไดเ้ ลอื กไวแ้ ตล่ ะชนิ้ วา่ มีความน่าเชอื่ ถอื เพยี งใด แต่ เปน็ เพียงการประเมินตวั หลักฐาน ไมไ่ ดม้ งุ่ ที่ ข้อมลู ในหลักฐาน ดังนั้นขัน้ ตอนนเ้ี ปน็ การ สกดั หลกั ฐานทไ่ี ม่น่าเชือ่ ถือออกไปการวพิ ากษข์ อ้ มลู หรอื วพิ ากษ์ ภายใน การประเมินคณุ ค่าภายใน (Internal criticism) คอื การพิจารณาเนื้อหาหรอื ความหมายที่ แสดงออกในหลักฐาน ค้นหาความมเี หตผุ ล ความคงเสน้ คงวา ความเป็น จริง และทสี่ าํ คญั สิ่งที่เปน็
ขัน้ ตีความและสงั เคราะหข์ ้อมูล คณะผู้ศกึ ษาได้วิเคราะห์ขอ้ มูลทน่ี ํามาจากการลงพ้นื ที่จริง และศึกษาหลกั ฐาน ดังตอ่ ไปน้ี - ศึกษาจากหนังสือที่เกี่ยวขอ้ ง - การสัมภาษณ์วิทยากรจากอทุ ยานประวัตศาสตรศ์ รีเทพ - แผน่ พับแนะนําอทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ศรีเทพ - เว็บไซต์ท่ีเกีย่ วข้อง การศึกษาขอ้ มูลท่ีได้เรียบเรียงมาน้ันจะมีความน่าเช่อื ถอื มากนอ้ ยเพียงใด ตาม ประเภท หลกั ฐานชั้นต้นและหลักฐานชนั้ รอง สามารถนาํ มาใช้อ้างองิ โดยวิเคราะห์ตาม จดุ ประสงคค์ ือ 1. เพ่อื ศึกษาองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของปรางค์สองพนี่ ้อง 2. เพื่อศึกษาจดุ ประสงคใ์ นการสรา้ งปรางคส์ องพนี่ ้อง 3. เพื่อศกึ ษาความเช่อื เกี่ยวกบั โบราณวตั ถุท่ีพบบริเวณปรางค์สองพ่นี อ้ ง แลว้ นําข้อมูลทว่ี ิเคราะห์มาตีความ สรุปและสังเคราะห์เพอ่ื ให้ได้องค์ความรใู้ หม่
ข้นั นาํ เสนอขอ้ มลู นําขอ้ มูลท่ผี า่ นการสังเคราะห์ข้อมูล มาสรปุ ผลเพอื่ อธิบายหรอื ตอบประเด็น วัตถปุ ระสงคท์ ่ี กําหนด ตลอดจนนาํ ความรูแ้ ละส่ิงท่คี น้ พบจากการศกึ ษาคน้ คว้าจาก หลกั ฐานหรือแหลง่ ข้อมูลต่างๆมา อ้างอิงประกอบเป็น เหตุผล น าเสนอข้อมลู โดยใช้ การอธิบายและอภปิ รายผลในลกั ษณะขนั้ ตอนทางประวัติศาสตร์มาเรยี บเรียงจัดทํา เป็น รปู เล่มรายงาน นาํ ขอ้ มูลทเี่ รียบเรียงนํามาจดั ทาํ สอ่ื และเตรยี ม นําเสนอในรปู แบบของ การจดั นทิ รรศการให้ ความรู้ โดยนําเสนอในลกั ษณะของการบรรยายแลกเปล่ยี น เรียนรู้ หรือการถามตอบใหค้ วามรแู้ กผ่ ูท้ ส่ี นใจศกึ ษา -
ผลการศึกษาค้นควา้ ในการศกึ ษาเร่ือง สถาปัตยกรรมของปรางค์สองพนี่ อ้ ง จากการลงพน้ื ที่จรงิ การสัมภาษณ์ ศึกษาจากหนงั สือตาํ ราทเี่ กย่ี วขอ้ งและบทความทางอินเตอรเ์ น็ต สามารถสรปุ ผลการศกึ ษาไดด้ ังนี้ 1. ลักษณะทางสถาปตั ยกรรมของปรางค์สองพ่นี ้อง ลักษณะท่ัวไปของปรางค์ประธาน ภาพที่ 1 : ปรางค์ประธาน ด้านทิศตะวันตก ลักษณะของปรางคป์ ระธานหรือปรางคพ์ ่ี เปน็ ปราสาทก่ออฐิ ไมส่ ่อปูน หันหน้า ไปทางทต่ี ะวนั ตก ต้งั อยบู่ นฐานศลิ าแลง มีทางเขา้ ทางเดยี วคอื ทางด้านทิศตะวนั ตก อีกสามทางเป็นประตหู ลอก เป็นสถาปัตยกรรมเน่ืองในศิลปะเขมร
ฐานปรางค์ ภาพท่ี 2 : ฐานแตล่ ะช้นั ขององค์ปรางค์ ฐานสี่เหล่ียมย่อมมุ ขนาดใหญ่ ทําเปน็ ฐานซ้อน 3 ช้ัน ฐานกอ่ ดว้ ยศิลาแลง ฐานชั้นแรกเป็นฐานไพทีที่ใชร้ ว่ มกับปรางค์องคเ์ ลก็ ผังองคป์ รางค์อยใู่ นรูปสี่เหล่ยี ม จตั รุ ัสเพิ่มมุม ฐานขั้นที่สองขององคป์ รางค์ทาํ เป็นฐานปัทมเ์ ชน่ เดียวกับฐานช้ัน ลา่ งสุด แต่ฐานขน้ั ท่ีสองดา้ นทิศตะวนั ตก ซ่ึงเป็นทางเข้าองคป์ รางคจ์ ะทา่ ย่ืนออกไป เพอื่ รับผนังมขุ ด้านนี้ สว่ นฐานขั้นทส่ี าม เปน็ ฐานทีอ่ ยรู่ อบองคป์ รางคเ์ ทา่ น้นั มี ลกั ษณะเช่นเดียวกบั ฐานชั้นท่ีสอง องค์ปรางคม์ ีฐานรองรับอกี 1 ช้ัน อยู่ในระดบั ประมาณครง่ึ หน่ึงของประตูหลอก
องค์ปรางค์ ภาพที่ 3 : ปรางคป์ ระธานด้านทิศตะวนั ออก องคป์ รางค์สงู ประมาณ 7 เมตร มีมขุ ย่นื ออกมาทง้ั 4 ทศิ ดา้ นทิศตะวนั ตก ทํายาวออกมาประมาณ 10 เมตร สว่ นมุขปรางค์ทางด้านทิศเหนอื ทศิ ตะวนั ออก และทิศใต้ เปน็ มขุ ส้นั ตดิ กับตวั ปราสาทโดยทาํ ยอ่ มุมด้านละ 3 มุม ย่อมมุ ชนั้ ท่ี 1 ชั้นในสดุ ทตี่ ิดกบั องค์ปรางค์ มีลกั ษณะต่างจากยอ่ มมุ ช้ันอืน่ ๆ คือตอนบนของยอ่ มมุ แทนท่จี ะทาํ เป็นหนา้ บันมีให้เหน็ เปน็ เพียงแทน่ รูป สเ่ี หลี่ยมผืนผ้าเท่านน้ั ด้านบนของแท่นสเ่ี หลย่ี มผืนผ้านจ้ี ะอยูใ่ นระดบั ช้นั เชงิ บาตร พอดี ยอ่ มุมชน้ั ท่ี 2 ทําเปน็ หนา้ บนั อยตู่ อนบนของยอ่ มุม หน้าบนั อยใู่ นรูปทรง สามเหลี่ยม ไมป่ รากฏลวดลายให้เห็นในปัจจุบนั ยอดของหนา้ บนั จะอยู่ในระดับ เดียวกับช้นั เชิงบาตรพอดี ฐานรองรบั หนา้ บนั มลี ักษณะเช่นเดยี วกับฐานรองรบั แทน่ สเี่ หลี่ยมผืนผา้ ท่ีอยู่ตอนบน ย่อมมุ ชนั้ ที่ 3 หรือย่อมมุ อนั หน้าสดุ หนา้ บันในช้ันนจ้ี ะมีขนาดเลก็ กวา่ หน้า บันช้ันที่ 2 ยังคงอยู่ในรูปสามเหลี่ยมเช่นเดยี วกัน ผนังยอ่ มมุ ของข้นั นจี้ ะมีขนาดเล็ก จนกลายเป็นลกั ษณะเสารองรบั หน้าบันไป ฐานอยู่ในระดบั เดยี วกับฐานลา่ งสุดของ ฐานในตัวองคป์ รางค์ ใต้หนา้ บนั เป็นทบั หลัง แตป่ ัจจุบันไม่ปรากฏให้เหน็ ทั้ง 3 ด้าน ใต้ทบั หลงั ลงมาทาํ เปน็ ประตปู ลอมท้ัง 3 ด้าน
องค์ปรางค์ ภาพท่ี 4 : ซ้มุ จรนาํ และฐานโยนี ท่ีมา : https://phetchabun.org/1358 ภายในปราสาทภายในองค์ปรางคก์ ็อยใู่ นรปู สี่เหลย่ี มจตรุ ัสเชน่ กัน ผนงั ภายในท้งั 3 ดา้ น คือ ดา้ นทิศเหนอื ทิศตะวันออก และทิศใต้ เจาะเปน็ ซ้มุ จร นาํ เข้าไป ซุ้มจรนาํ นีย้ อดซมุ้ เป็นรปู สามเหลย่ี ม ภายในองค์ปรางคป์ รากฏมแี ท่น เสยี บศิวลงึ คท์ ําดว้ ยศิลาแลงตง้ั อยู่
ชนั้ หลงั คาของปรางค์สองพ่นี ้อง ภาพที่ 5 : หลงั คาปรางคส์ องพ่ีน้อง ภาพที่ 6 : หลงั คาปราสาทเขาพนมร้งุ ชนั้ หลังคาของปรางค์สองพีน่ อ้ งปจั จุบัน พงั ทลายจนไม่เห็นรูปทรง แต่จากการขุด แตง่ พบกลบี มะเฟอื งประดับหลงั คาสลกั จากศลิ าแลง จึงสันนษิ ฐานวา่ ส่วนบนคงทําเป็น เรือนซอ้ นช้ันลดหลนั่ กนั ขึน้ ไป แตล่ ะช้ันประดบั ด้วยนาคปกั จนถงึ ส่วนยอดทเ่ี ป็นกลศ รูปทรงโดยรวมของสว่ นบนคงเปน็ ทรงพุ่มเช่นเดยี วกับปราสาทหินพมิ ายและปราสาท เขา พนมรงุ้
ปรางค์องคเ์ ลก็ ภาพที่ 7 : ปรางค์องคเ์ ลก็ หรอื ปรางค์นอ้ ง ปรางค์องคเ์ ล็กตงั้ อยทู่ างดา้ นทิศใตข้ องปราสาท ฐานชัน้ ล่างสุดของปราสาทหรอื ปรางคอ์ งค์เล็กเป็นฐานปัทมก์ อ่ ด้วยศลิ าแลง เชือ่ มต่อเปน็ ฐานเดยี วกันกบั ฐานช้นั แรกของ องคใ์ หญ่ ถดั ขนึ้ มาเปน็ ส่วนขององคป์ รางค์ ก่อดว้ ยอฐิ ลักษณะการกอ่ อฐิ เป็นแบบเดียวกับ ปรางคอ์ งคใ์ หญ่ แผนผังภายนอกขององค์ปรางค์กเ็ ป็นรปู ส่เี หล่ยี มจตุรัสเพม่ิ มมุ ทางด้าน ทศิ ตะวันตกคือทางดา้ นประตูทางเขา้ สคู่ รรภคฤหะหรอื หอ้ งภายในองคป์ รางค์ บรเิ วณ หน้าบันมีการติดตัง้ ทบั หลงั จําหลกั รปู พระอมุ ามเหศวร สว่ นอีก ๓ ด้าน คอื ดา้ นทศิ เหนอื ทิศตะวนั ออก และทศิ ใตท้ าํ เป็นประตหู ลอก
ผลการศกึ ษาคน้ คว้า 2. จดุ ประสงคใ์ นการสร้างปรางค์สองพีน่ ้อง จากการศกึ ษาเอกสารและหลักฐานทางขุดพบบรเิ วณปรางค์สองพนี่ ้อง สันนษิ ฐานได้ว่า ปรางค์สองพี่น้องคงเปน็ เทวสถานในศาสนาฮนิ ดูไศวนิกาย จากการพบแท่งศิวลึงค์ ฐานโยนี และโคนนทิ ภายในองค์ปรางค์แห่งนี้ และต่อมาถูกเปล่ียนแปลงเป็นเทวสถานต่อมาถกู ปรบั เปล่ยี นให้เปน็ วัดในพทุ ธศาสนาแบบนิกายมหายาน ในรชั สมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1724-1760) ซึ่งเปน็ ท่ีเชอื่ ถอื ศรทั ธาแพร่หลายมากในช่วงระยะเวลานนั้
ผลการศกึ ษาค้นควา้ 3. ความเชื่อเกี่ยวกับโบราณวัตถทุ ี่พบบรเิ วณปรางคส์ องพี่น้อง โบราณวตั ถทุ พี่ บบริเวณปรางค์สองพน่ี อ้ งไดแ้ ก่ ทบั หลังอมุ ามเหศวร ศวิ ลึงค์ โคนนทิ ฐานโยนี เสาประดับกรอบประตรู ูปโยคี ล้วนสร้างข้ึนตามความเชือ่ ในศาสนาพราหมณ์ฮินดู ไศวนกิ ายทน่ี บั ถือพระศิวะ เทวรูปพระอาทิตย์มีอายเุ ก่าแกก่ วา่ โบราณสถาน สันนิษฐานว่าถกู นําเข้ามาในภายหลงั แสดงให้เห็นถึงการนับถอื สุริยเทพที่ดินแดนศรีเทพ ภาพท่ี 8 : ทับหลงั อมุ ามเหศวร ภาพที่ 10 : ฐานโยนี ทม่ี า : http://www.tourphetchabun.com ภาพที่ 9 : ศิวลึงคท์ ่ีพบบริเวณปรางค์สองพ่ีน้อง ภาพที่ 11 : โคนนทิ ภาพที่ 13 : รูปปั้นสรุ ยิ เทพ ที่มา : หนังสอื อุทยานประวตั ศิ าสตร์ศรีเทพ ภาพที่ 12 : เสาประดับกรอบประตู
คณะผู้จัดทาํ นางสาวฐาปนี คาํ เกษ รหัสนักศึกษา 59101205104 นายอภวิ ัฒน์ ฝ่ายเทศ รหัสนกั ศกึ ษา 59101205117 นางสาวกง่ิ กาญจน์ เหมอื นเดช รหัสนักศึกษา 59101205120 นางสาวธนั ยพร ก้วั มาลา รหสั นักศึกษา 5910120512 นางสาวพยิ ดา หตั ถสาร รหสั นกั ศกึ ษา 59101205132 นางสาวภคั นนั ท์ ไชยนา รหสั นกั ศึกษา 59101205133
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: