Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1. โครงงานเป็นฐาน

1. โครงงานเป็นฐาน

Published by siriwanmy1993, 2022-07-13 04:35:22

Description: 1. โครงงานเป็นฐาน

Search

Read the Text Version

รายงานผลการศกึ ษาควา้ ด้วยตนเอง เรื่อง การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (PROJECT-BASED LEARNING) ของ นางสาวศริ วิ รรณ มาลยารมย์ ตำแหนง่ ครโู รงเรียนบา้ นสไุ หงโก-ลก โรงเรยี นบา้ นสไุ หงโก-ลก สำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษานราธวิ าส เขต 2 สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ก คำนำ รายงานเล่มน้จี ัดทำขึ้น เพื่อรายงานผลการพฒั นาตนเองในการศกึ ษาค้นคว้า หาความร้ดู ว้ ย ตนเองเร่ือง การจัดการเรยี นรู้แบบใชโ้ ครงงานเป็นฐาน (PROJECT-BASED LEARNING) ซง่ึ ในการศึกษาการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐานสามารถนำมาปรบั ใช้ในการจดั การเรียนรู้ใหก้ ับ ผูเ้ รียนได้ เพื่อใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การเรยี นรไู้ ดด้ ีย่งิ ข้นึ หวงั ไว้เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ รายงานผลเล่มน้ี จะเปน็ ประโยชน์ในการพฒั นางาน การปรับประยุกต์ ใชใ้ นการจดั การเรยี นรู้ให้กบั เหมาะสมกบั ผเู้ รยี น หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อแนะนำขอบพระคุณเปน็ อย่างสูงมา ณ โอกาสน้ี นางสาวศิริวรรณ มาลยารมย์ ผรู้ ายงาน

สารบัญ ข คำนำ หน้า สารบญั ก บนั ทึกข้อความ ข รายงานผลการค้นควา้ 1 แหล่งอ้างองิ 2 10

บนั ทึกขอ้ ความ สว่ นราชการ โรงเรยี นบ้านสุไหงโก-ลก สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษานราธิวาส เขต 2 ท่ี วันที่ 6 กรกฎาคม 2565 เรือ่ ง รายงานผลการศกึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง เร่อื ง การจัดการเรยี นรแู้ บบใช้โครงงานเปน็ ฐาน (PROJECT-BASED LEARNING) เรียน ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นบ้านสุไหงโก-ลก ขา้ พเจา้ นางสาวศริ ิวรรณ มาลยารมย์ ตำแหน่ง ครู โรงเรียนบา้ นสุไหงโก-ลก ได้ศึกษา คน้ ควา้ เกี่ยวกบั เรื่อง การจดั การเรียนรแู้ บบใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน (PROJECT-BASED LEARNING) เพ่อื สามารถนำมาปรบั ใช้ในการจดั การเรยี นการสอนให้แก่ผูเ้ รียน เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ได้ดยี ิ่งขนึ้ ท้ังนี้จะนำความรู้และทักษะที่ได้รับจากศึกษาคน้ คว้าคร้ังน้ี ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยนำมาปรบั ใชเ้ พือ่ พฒั นาผเู้ รียนให้เหมาะกับผเู้ รยี นต่อไป จงึ เรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ (นางสาวศิรวิ รรณ มาลยารมย์) ครูโรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลก

2 ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ แ บ บ ใ ช้ โ ค ร ง ง า น เ ป็ น ฐ า น (PROJECT-BASED LEARNING) ความหมาย การจัดการเรยี นร้แู บบใช้โครงงานเปน็ ฐาน หมายถงึ การจดั การเรยี นรูท้ ม่ี ีครเู ป็นผ้กู ระตุ้นเพอื่ นำ ความสนใจทเี่ กิดจากตัวนกั เรียนมาใช้ในการทำกจิ กรรมค้นควา้ หาความรูด้ ว้ ยตวั นักเรียนเอง นำไปสู่การเพิ่ม ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการลงมือปฏิบตั ิ การฟังและการสังเกตุจากผู้เชย่ี วชาญ โดยนกั เรียนมกี ารเรียนรูผ้ า่ น กระบวนการทำงานเป็นกลมุ่ ท่ีจะนำมาสู่การสรุปความร้ใู หม่ มกี ารเขียนกระบวนการจัดทำโครงงานและ ไดผ้ ลการจัดกจิ กรรมเปน็ ผลงานแบบรปู ธรรม (ดุษฎี โยเหลาและคณะ, 2557: 19-20) ทิศนา แขมมณี (2560) ให้ความหมายของการจดั การเรียนการสอนโดยใชโ้ ครงการเปน็ หลักไวว้ ่า เปน็ การจดั สภาพการณ์ของการเรยี นการสอน โดยให้ผเู้ รียนได้รว่ มกันเลือกทำโครงการท่ีตนสนใจ โดย ร่วมกันสำรวจ สงั เกต และกำหนดเร่อื งทตี่ นสนใจ วางแผนในการทำโครงการรว่ มกนั ศกึ ษาหาข้อมูลความรู้ ท่ีจำเปน็ และลงมือปฏิบตั ิงานตามแผนงานที่วางไวจ้ นได้ข้อคน้ พบหรือส่ิงประดิษฐ์ใหม่ แลว้ จงึ เขียนรายงาน และนำเสนอต่อสาธารณชน เกบ็ ข้อมลู แล้วนำผลงานประสบการณท์ ัง้ หมดมาอภิปรายแลกเปลยี่ นความรู้ ความคิดกนั และสรุปผลการเรยี นรูท้ ไี่ ด้รบั จากประสบการณ์ที่ได้รับทง้ั หมด ลกั ษณะของโครงงาน การเรยี นรูแ้ บบโครงงาน เปน็ อกี รูปแบบหนึ่งท่ีมีผู้ให้ความสนใจมากในปัจจุบนั McDonell (2007) ได้กลา่ วว่า การเรียนร้แู บบโครงงานเป็นรปู แบบหนง่ึ ของ Child- centered Approach ท่เี ปดิ โอกาสให้ นักเรยี นได้ทำงานตามระดบั ทักษะท่ตี นเองมีอยู่ เปน็ เร่ืองท่ีสนใจและรสู้ กึ สบายใจทีจ่ ะทำ นกั เรยี นไดร้ บั สิทธิ ในการเลอื กวา่ จะตั้งคำถามอะไร และต้องการผลผลิตอะไรจากการทำงานชน้ิ น้ี โดยครทู ำหน้าทีเ่ ป็น ผูส้ นบั สนุนอปุ กรณแ์ ละจดั ประสบการณ์ให้แก่นักเรียน สนบั สนนุ การแก้ไขปญั หา และสรา้ งแรงจูงใจใหแ้ ก่ นักเรียน โดยลักษณะของการเรยี นรูแ้ บบโครงงาน มีดังน้ี ➢ นกั เรยี นกำหนดการเรยี นรขู้ องตนเอง ➢ เช่ือมโยงกบั ชวี ิตจริง ส่ิงแวดลอ้ มจริง ➢ มีฐานจากการวจิ ยั หรือ องค์ความรทู้ เ่ี คยมี ➢ ใช้แหลง่ ข้อมลู หลายแหลง่ ➢ ฝงั ตรึงด้วยความรู้และทักษะบางอย่าง (embedded with knowledge and skills) ➢ ใช้เวลามากพอในการสรา้ งผลงาน ➢ มผี ลผลิต

3 สำนักงานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแหง่ ชาติ (2541 อา้ งถึงใน อังคณา ตุงคะสมติ , 2559) ไดก้ ำหนดลักษณะสำคัญของโครงงาน ไว้ 7 ประเด็น ดังนี้ 1. เปน็ วิธกี ารเรียนรทู้ บี่ ูรณาการหลกั สูตรกับการจดั การเรียนรูไ้ ด้อยา่ งกลมกลืนกัน 2. เปน็ การเรยี นรูท้ ีเ่ กดิ จากความสนใจใครร่ ู้คำตอบของตวั ผู้เรียนเอง 3. เป็นวธิ กี ารเรียนรทู้ ่ผี ูเ้ รยี นสามารถสร้างความรู้ (Construct) ดว้ ยตนเอง 4. เป็นวิธกี ารเรยี นรูเ้ รือ่ งใดเรื่องหนงึ่ อย่างลกึ ซ้ึงลุ่มลกึ ด้วยวธิ ีการ มีระบบเป็นขั้นตอน และ ตอ่ เนอื่ ง 5. เป็นวธิ ีการเรียนรู้ทีแ่ สวงหาความร้แู ละสรปุ ความร้ดู ว้ ยตนเอง 6. เปน็ วธิ ีการทน่ี ำเสนอผลการศึกษาค้าคว้าดว้ ยวธิ กี ารที่เหมาะสม กระบวนการผลงานท่ีพบ 7. สำหรับข้อค้นพบ ส่งิ ท่คี ้นพบสามารถนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ “เปน็ การหาคำตอบข้อ สงสยั โดยใช้ทกั ษะการเรยี นรู้และปญั ญาหลาย ๆ ดา้ น” แนวคดิ สำคญั การเรยี นรู้แบบโครงงานน้นั มีแนวคิดสอดคล้องกับ John Dewey เร่ือง “learning by doing” ซึง่ ได้กลา่ ววา่ “Education is a process of living and not a preparation for future living.” (Dewey John, 1897: 79 cite in Douladeli Efstratia, 2014) ซึ่งเปน็ การเน้นการจัดการเรยี นรู้ท่ีให้ นักเรียนไดร้ ับประสบการณ์ชีวิตขณะทเ่ี รยี น เพื่อใหน้ ักเรียนไดพ้ ฒั นาทักษะต่างๆ ซงึ่ สอดคล้องกับหลกั พัฒนาการคิดของ Bloom ท้ัง 6 ขั้น คือ ความร้คู วามจำ (Remembering) ความเข้าใจ (understanding) การประยุกตใ์ ช้ (Applying) การวเิ คราะห์ (Analyzing) การประเมินค่า (Evaluating) และ การคิด สรา้ งสรรค์ (Creating) ซึ่งการจัดการเรยี นรูแ้ บบใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน น้ันจึงเปน็ เป็นอีกรูปแบบหนงึ่ ที่ถือได้ วา่ เป็น การจดั การเรยี นร้ทู ีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ เน่ืองจากผู้เรียนไดล้ งมือปฏิบัติเพื่อฝึกทกั ษะตา่ งๆด้วย ตนเองทุกข้ันตอน โดยมีครเู ป็นผู้จัดประสบการณ์การเรยี นรู้ วัตถปุ ระสงค์จากการจัดการเรยี น วฒั นา มงั คสมนั (2551) กลา่ วถงึ วตั ถุประสงคข์ องการจัดการเรยี นร้โู ดยใช้โครงงานเป็นฐาน ไว้ 4 หลักการ คือเมื่อใช้รูปแบบการจดั การเรยี นรูโ้ ดยใช้โครงงานเป็นฐานแลว้ ผู้เรียนมีลักษณะสำคัญดงั นี้ 1. สามารถพัฒนากระบวนการคดิ ของตนเอง 2. สามารถลงมอื ปฏบิ ตั ิกิจกรรมได้ด้วยตนเอง 3. สามารถแก้ไขปญั หาได้อย่างเปน็ กระบวนการ 4. เห็นคณุ ค่าในตนเอง

4 การเตรยี มตวั ของครูกอ่ นการจัดการเรยี นรู้ ในการจดั การเรียนรู้แตล่ ะครงั้ ครจู ะต้องเป็นผทู้ ่ีมีความพร้อมและมีความแม่นยำในเนื้อหาเพอ่ื ให้ การจัดการเรยี นรู้เปน็ ไปอย่างราบร่ืน และสามารถอำนวยความสะดวกใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรไู้ ด้ขณะ กิจกรรม ซ่ึงการจดั กจิ กรรมการเรียนรดู้ งั กล่าว มแี นวทางในการจัดการเรียนรู้ 2 รปู แบบ คอื การจดั กิจกรรมตามความสนใจของผู้เรยี น และการจัดกิจกรรมตามสาระการเรียนรู้ การจดั กิจกรรมตามความสนใจของผูเ้ รียน เปน็ การจดั กจิ กรรมทใี่ หผ้ ้เู รยี นเลือก ศกึ ษาโครงงานจากสิ่งท่ีสนใจอยากรทู้ ี่มีอยู่ในชวี ิตประจำวัน สิง่ แวดล้อมในสงั คม หรอื จากประสบการณ์ ตา่ งๆทีย่ ังต้องการคำตอบ ข้อสรุป ซึ่งอาจจะอยู่นอกเหนือจากสาระการเรียนรใู้ นบทเรยี นของหลกั สูตร มี ขน้ั ตอนดังน้ี ➢ ตรวจสอบ วเิ คราะห์ พจิ ารณา รวบรวม ความสนใจ ของผู้เรยี น ➢ กำหนดประเด็นปัญหา/ หวั ขอ้ เร่อื ง ➢ กำหนดวัตถุประสงค์ ➢ ตัง้ สมมติฐาน ➢ กำหนดวธิ ีการศกึ ษาและแหล่งความรู้ ➢ กำหนดเคา้ โครงของโครงงาน ➢ ตรวจสอบสมมติฐาน ➢ สรปุ ผลการศึกษาและการนำไปใช้ ➢ เขยี นรายงานวจิ ัยแบบงา่ ยๆ ➢ จัดแสดงผลงาน

5 การจดั กิจกรรมตามสาระการเรียนรู้ เป็นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยยดึ เนอ้ื หา สาระตามท่หี ลักสูตรกำหนด ผเู้ รียนเลือกทำโครงงานตามท่ีสาระการเรียนรู้ จากหน่วยเน้ือหาท่เี รยี นในชัน้ เรยี น นำมาเปน็ หวั ขอ้ โครงงาน มขี ้ันตอนที่ผู้สอนดำเนนิ การดงั ต่อไปน้ี ➢ ศึกษาเอกสาร หลักสตู ร คมู่ ือครู ➢ วเิ คราะหห์ ลกั สูตร ➢ วิเคราะหค์ ำอิบายรายวชิ า เพื่อแยกเน้ือหา จุดประสงค์และจดั กิจกรรมให้เด่นชัด ➢ จดั ทำกำหนดการสอน ➢ เขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ ➢ ผลติ สอื่ จดั หาแหลง่ เรียนรแู้ ละภูมิปัญญาท้องถิน่ ➢ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยเรม่ิ ต้ังแต่ แจ้งวัตถุประสงค์ กรระตุ้นความสนใจของ ผู้เรียน จัดกลมุ่ ผ้เู รยี นตามความสนใจ การใชค้ ำถามกระต้นุ การมีสว่ นร่วมของผูเ้ รยี น ซึ่งจะกล่าวถึง รายละเอียดในหัวขอ้ บทบาทของครูในฐานะผู้กระตุน้ การเรยี นรู้ ➢ จัดแหลง่ เรยี นรเู้ พ่มิ เติม ➢ บันทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ ขนั้ ตอนการจัดการเรยี นรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน การจัดการเรยี นรแู้ บบใชโ้ ครงงานเปน็ ฐานนน้ั มกี ระบวนการและขน้ั ตอนแตกตา่ งกนั ไปตามแตล่ ะ ทฤษฎี ซงึ่ ในค่มู ือการจัดการเรียนรูแ้ บบใช้โครงงานเปน็ ฐานฉบบั นี้ ขอนำเสนอ 3 แนวคิดท่ถี ูกพจิ ารณาแลว้ เหมาะสมกับบริบทของเมอื งไทย คอื 1. การจัดการเรยี รแู้ บบใชโ้ ครงงาน ของ สำนักงานเลขาธกิ ารสภา การศึกษาและกระทรวงศึกษาธกิ าร (2550) 2. ขน้ั การจดั การเรยี นรู้ ตาม โมเดล จักรยานแหง่ การเรยี นรู้ แบบ PBL ของ วจิ ารณ์ พาณิช(2555) และ 3. การจัดการเรียนรู้แบบใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน ทไ่ี ดจ้ ากโครงการ สร้างชุดความร้เู พ่ือสร้างเสริมทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ของเด็กและเยาวชน: จากประสบการณค์ วามสำเรจ็ ของโรงเรยี นไทย ของ ดุษฎี โยเหลาและคณะ (2557) ดงั น้ี แนวคิดท่ี 1 ขั้นตอนการจัดการเรียนรแู้ บบโครงงาน ของ สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา และกระทรวงศึกษาธกิ าร ซึง่ ไดน้ ำเสนอขนั้ ตอนการจดั การเรียนรแู้ บบโครงงาน ไว้ 4 ขัน้ ตอน ดงั นี้ ภาพ 1 ขั้นตอนการจดั การเรียนรแู้ บบโครงงาน สำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษาและกระทรวงศึกษาธิการ 1. ข้ันนำเสนอ หมายถึง ขั้นท่ีผูส้ อนให้ผู้เรียนศกึ ษาใบความรู้ กำหนดสถานการณ์ ศกึ ษา สถานการณ์ เล่นเกม ดรู ปู ภาพ หรอื ผ้สู อนใชเ้ ทคนิคการตั้งคำถามเก่ยี วกับสาระการเรยี นร้ทู กี่ ำหนดใน แผนการจดั การเรียนรูแ้ ตล่ ะแผน เชน่ สาระการเรยี นรูต้ ามหลกั สูตรและสาระการเรียนรู้ท่ีเป็นข้ันตอนของ โครงงานเพ่ือใช้เปน็ แนวทางในการวางแผนการเรียนรู้

6 2. ขั้นวางแผน หมายถงึ ขั้นที่ผู้เรียนร่วมกันวางแผน โดยการระดมความคิด อภปิ ราย หารอื ข้อสรุปของกลุ่ม เพ่ือใช้เปน็ แนวทางในการปฏิบตั ิ 3. ขนั้ ปฏิบัติ หมายถงึ ขั้นที่ผู้เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรม เขียนสรุปรายงานผลทเ่ี กิดข้ึนจากการ วางแผนรว่ มกัน 4. ข้นั ประเมนิ ผล หมายถึง ข้ันการวัดและประเมินผลตามสภาพจรงิ โดยใหบ้ รรลุ จุดประสงค์การเรยี นรู้ที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการเรยี นรู้ โดยมผี ้สู อน ผู้เรียนและเพ่ือนรว่ มกนั ประเมนิ แนวคดิ ท่ี 2 ขั้นการจดั การเรียนรู้ ตาม โมเดล จกั รยานแหง่ การเรยี นรู้แบบ PBL ของ วิจารณ์ พาณชิ (2555:71-75) ซ่งึ แนวคดิ นี้ มีความเช่ือว่า หากตอ้ งการให้การเรียนรู้มพี ลังและฝังในตวั ผเู้ รยี นได้ ต้องเป็นการเรยี นรทู้ ่ีเรียนโดยการลงมือทำเป็นโครงการ (Project) รว่ มมือกันทำเป็นทมี และทำกบั ปัญหาที่ มอี ยู่ในชวี ติ จรงิ ซงึ่ สว่ นของ วงลอ้ แต่ละชิน้ ได้แก่ Define, Plan, Do, Review และ Presentation ภาพ 2 โมเดล จกั รยานแห่งการเรยี นรแู้ บบ PBL 1. Define คอื ขน้ั ตอนการทำใหส้ มาชกิ ของทีมงาน ร่วมทง้ั ครูดว้ ยมีความชัดเจนรว่ มกัน วา่ คำถาม ปัญหา ประเด็น ความทา้ ทายของโครงการคืออะไร และเพื่อให้เกดิ การเรยี นรู้อะไร 2. Plan คือ การวางแผนการทำงานในโครงการ ครกู ็ต้องวางแผน กำหนดทางหนที ีไลใ่ น การทำหน้าท่ีโคช้ รวมท้งั เตรยี มเคร่ืองอำนวยความสะดวกในการทำโครงการของนกั เรยี น และทสี่ ำคญั เตรยี มคำถามไวถ้ ามทีมงานเพอื่ กระตุ้นใหค้ ิดถึงประเดน็ สำคัญบางประเด็นทีน่ ักเรียนมองขา้ ม โดยถือหลัก วา่ ครตู อ้ งไม่เข้าไปชว่ ยเหลือจนทีมงานขาดโอกาสคิดเองแก้ปัญหาเอง นกั เรยี นที่เปน็ ทมี งานกต็ ้องวางแผน งานของตน แบ่งหนา้ ท่ีกร็ บั ผิดชอบ การประชมุ พบปะระหวา่ งทีมงาน การแลกเปลยี่ นข้อค้นพบแลกเปลย่ี น

7 คำถาม แลกเปล่ียนวิธีการ ยง่ิ ทำความเข้าใจรว่ มกนั ไวช้ ัดเจนเพยี งใด งานในขัน้ Do กจ็ ะสะดวกเลอ่ื นไหลดี เพยี งนั้น 3. Do คือ การลงมือทำ มักจะพบปัญหาท่ีไม่คาดคิดเสมอ นักเรยี นจงึ จะไดเ้ รียนรู้ทักษะใน การแกป้ ัญหา การประสานงาน การทำงานร่วมกนั เป็นทีม การจดั การความขัดแย้ง ทักษะในการทำงาน ภายใต้ทรพั ยากรจำกดั ทักษะในการค้นหาความรูเ้ พ่ิมเตมิ ทักษะในการทำงานในสภาพที่ทมี งานมีความ แตกตา่ งหลากหลาย ทักษะการทำงานในสภาพกดดัน ทักษะในการบนั ทึกผลงาน ทกั ษะในการวเิ คราะห์ผล และแลกเปลี่ยนขอ้ วิเคราะห์กับเพอ่ื นรว่ มทีม เป็นต้น ในข้นั ตอน Do น้ี ครูเพื่อศิษย์จะได้มีโอกาสสงั เกตทำความรู้จกั และเขา้ ใจศิษยเ์ ปน็ รายคน และเรียนรหู้ รือฝกึ ทำหน้าทเ่ี ป็น “วาทยากร” และโค้ชดว้ ย 4. Review คือ การทท่ี มี นักเรียนจะทบทวนการเรยี นรู้ ทไ่ี มใ่ ช่แค่ทบทวนวา่ โครงการ ไดผ้ ลตามความมงุ่ หมายหรือไม่ แต่จะต้องเนน้ ทบทวนว่างานหรือกจิ กรรม หรอื พฤติกรรมแตล่ ะขั้นตอนได้ ให้บทเรียนอะไรบ้าง เอาท้งั ข้ันตอนทีเ่ ปน็ ความสำเรจ็ และความล้มเหลวมาทำความเข้าใจ และกำหนดวธิ ี ทำงานใหม่ท่ีถูกตอ้ งเหมาะสมรวมท้ังเอาเหตุการณร์ ะทึกใจ หรือเหตุการณ์ที่ภาคภูมใิ จ ประทบั ใจ มา แลกเปล่ียนเรียนรกู้ ัน ขน้ั ตอนน้ีเปน็ การเรียนรแู้ บบทบทวนไตรต่ รอง (reflection) หรือในภาษา KM เรยี กวา่ AAR (After Action Review) 5. Presentation คือ การนำเสนอโครงการต่อช้นั เรยี น เป็นขัน้ ตอนที่ใหก้ ารเรียนรู้ทกั ษะ อกี ชุดหนึง่ ต่อเนื่องกับข้ันตอน Review เปน็ ขน้ั ตอนท่ีทำใหเ้ กิดการทบทวนขัน้ ตอนของงานและการเรยี นรู้ ทีเ่ กิดขึน้ อยา่ งเขม้ ขน้ แล้วเอามานำเสนอในรูปแบบที่เร้าใจ ใหอ้ ารมณ์และให้ความรู้ (ปัญญา) ทีมงานของ นักเรียนอาจสร้างนวัตกรรมในการนำเสนอกไ็ ด้ โดยอาจเขียนเป็นรายงาน และนำเสนอเป็นการรายงานหน้า ชนั้ มี เพาเวอรพ์ อยท์ (PowerPoint) ประกอบ หรือจัดทำวีดิทศั นน์ ำเสนอ หรือนำเสนอเปน็ ละคร เปน็ ต้น “Project-Based Learning increases long-term retention, improves problem-solving and collaboration skills, and improves students’ attitudes towards learning.” (Strobel, 2009)

8 แนวคดิ ที่ 3 การจัดการเรยี นรู้แบบใชโ้ ครงงานเป็นฐาน ทีป่ รับจากการศกึ ษาการจัดการเรียนรู้ แบบ PBL ท่ีไดจ้ ากโครงการสรา้ งชดุ ความรูเ้ พื่อสร้างเสรมิ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ของเด็กและเยาวชน: จากประสบการณค์ วามสำเรจ็ ของโรงเรียนไทย ของ ดุษฎี โยเหลาและคณะ (2557) โดยมีทัง้ หมด 6 ข้ันตอน ดงั นี้ ภาพ 3 ขั้นตอนการจดั การเรียนรแู้ บบใช้โครงงานเป็นฐาน (ปรับปรุงจาก ดษุ ฎี โยเหลาและคณะ, 2557: 20-23) ในการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐานครงั้ น้ี ไดน้ ำแนวคดิ ทป่ี รับปรงุ จาก ดุษฎี โยเหลาและ คณะ (2557: 20-23) ซง่ึ เป็นแนวทางการจดั การเรยี นรู้ท่สี ร้างข้นึ มาจากการศึกษาโรงเรียนในประเทศไทย โดยมีขน้ั ตอนดังนี้ 1. ขน้ั ให้ความร้พู นื้ ฐาน ครูให้ความรูพ้ น้ื ฐานเก่ียวกับการทำโครงงานก่อนการเรยี นรู้ เนื่องจาก การทำโครงงานมีรปู แบบและข้นั ตอนที่ชัดเจนและรดั กุม ดังนน้ั นกั เรยี นจึงมีความจำเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องมี ความรู้เกีย่ วกบั โครงงานไว้เป็นพื้นฐาน เพื่อใช้ในการปฏิบัติขณะทำงานโครงงานจริง ในข้ันแสวงหาความรู้ 2. ข้ันกระตุ้นความสนใจ ครูเตรยี มกิจกรรมท่จี ะกระต้นุ ความสนใจของนักเรยี น โดยต้องคดิ หรือเตรียมกิจกรรมที่ดึงดูดให้นกั เรียนสนใจ ใครร่ ู้ ถงึ ความสนกุ สนานในการทำโครงงานหรอื กิจกรรม รว่ มกัน โดยกจิ กรรมนนั้ อาจเปน็ กิจกรรมที่ครูกำหนดขึน้ หรืออาจเปน็ กจิ กรรมที่นักเรียนมคี วามสนใจ ต้องการจะทำอยแู่ ล้ว ทง้ั นี้ในการกระตนุ้ ของครจู ะต้องเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนเสนอจากกิจกรรมท่ีได้เรียนรู้ ผา่ นการจัดการเรียนรูข้ องครูทเี่ ก่ียวข้องกับชุมชนทีน่ ักเรียนอาศยั อยหู่ รือเปน็ เร่ืองใกลต้ ัวทีส่ ามารถเรยี นรู้ได้ ดว้ ยตนเอง

9 3. ข้นั จดั กลมุ่ รว่ มมือ ครใู ห้นักเรียนแบ่งกลุ่มกนั แสวงหาความรู้ ใชก้ ระบวนการกลุ่มในการ วางแผนดำเนินกจิ กรรม โดยนักเรยี นเปน็ ผูร้ ว่ มกันวางแผนกจิ กรรมการเรียนของตนเอง โดยระดมความคิด และหารอื แบ่งหนา้ ที่เพอื่ เป็นแนวทางปฏิบัติรว่ มกัน หลงั จากที่ไดท้ ราบหัวข้อส่งิ ทต่ี นเองต้องเรียนร้ใู นภาค เรียนนัน้ ๆเรียบรอ้ ยแล้ว 4. ขน้ั แสวงหาความรู้ ในข้นั แสวงหาความรู้มแี นวทางปฏบิ ัตสิ ำหรบั นกั เรียนในการทำกิจกรรม ดงั น้ี นกั เรยี นลงมือปฏบิ ตั กิ จิ กรรมโครงงาน ตามหัวข้อที่กล่มุ สนใจ นักเรยี นปฏิบัตหิ น้าท่ขี องตนตาม ข้อตกลงของกลุ่ม พรอ้ มท้งั รว่ มมอื กนั ปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยขอคำปรึกษาจากครูเป็นระยะเมื่อมีข้อสงสัยหรือ ปัญหาเกิดขึน้ นักเรียนรว่ มกันเขยี นรูปเลม่ สรุปรายงานจากโครงงานท่ีตนปฏิบตั ิ 5. ขน้ั สรุปส่งิ ทเี่ รยี นรู้ ครูใหน้ กั เรยี นสรุปสง่ิ ท่เี รียนร้จู ากการทำกจิ กรรม โดยครูใชค้ ำถาม ถามนกั เรยี นนำไปสกู่ ารสรุปสิ่งทีเ่ รยี นรู้ 6. ข้นั นำเสนอผลงาน ครใู ห้นักเรียนนำเสนอผลการเรยี นรู้ โดยครอู อกแบบกิจกรรมหรือจดั เวลาใหน้ ักเรียนไดเ้ สนอสิ่งท่ีตนเองไดเ้ รียนรู้ เพื่อให้เพื่อนรว่ มชน้ั และนกั เรยี นอื่นๆในโรงเรยี นไดช้ มผลงาน และเรียนรู้กิจกรรมที่นักเรยี นปฏิบตั ิในการทำโครงงาน

แหลง่ อ้างอิง การจัดการเรียนร้แู บบใชโ้ ครงงานเป็นฐาน (PROJECT-BASED LEARNING). (2558). สบื ค้นเมอื่ วันท่ี 2 กรกฎาคม 2565, จาก https://candmbsri.wordpress.com/2015/04/08/การจัดการ เรยี นร้แู บบใช-2/ การจัดการเรียนรแู้ บบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project - Based Leaning). (2564). สบื ค้นเม่อื วันท่ี 2 กรกฎาคม 2565, จาก https://sites.google.com/a/esdc.go.th/xb-rm- xxnlin-sphp-phechrburn-khet-3/hlaksutr-sahrab-khru-phu-sxn/kar-cadkar-reiyn-ru- dwy-rup-baeb-khorng-ngan


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook