รายงาน เรอื่ ง สงั ข์ทอง จัดทำโดย เด็กหญิง ชาลิสา ชปู ระสตู ร เลขที่ 4 มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 เสนอ คุณครู สคุ นธา หมดิ หวงั รายงานฉบับน้ีเปน็ ส่วนหนงึ่ ของการเรยี นภาษาไทย ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรยี นวดั พรหมโลก
ก คำนำ รายงานเลม่ นจี้ ัดทำข้ึนเพื่อเปน็ สว่ นหนึง่ ของวชิ าภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาป่ีท3ี่ เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ ในเรือ่ ง สงั ข์ทอง และได้ศึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพ่อื เปน็ ประโยชน์กบั การเรียนผ้จู ดั ทำหวงั ว่า รายงานเลม่ น้จี ะเปน็ ประโยชน์กบั ผ้อู ่าน หรอื นักเรียน นักศึกษา ทก่ี ำลงั หาข้อมูลเรอ่ื งนอ้ี ยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาด ประการใด ผู้จัดทำขอนอ้ มรับไว้และขออภยั มา ณ โอกาสนี้ รายงานฉบบั น้ีจะสำเร็จลงไม่ได้ ถ้าหากไม่ได้คำแนะนำจาก คณุ ครู สคุ นธา หมิดหวัง ท่ีคอยช้ีแนะให้ คำปรึกษาจนสามารถเข้าใจถึงเนอ้ื หาและสามารถเรียบเรยี ง รวบรวมได้อยา่ งถกู ต้องสมบูรณค์ ณะผู้จัดทำกใ็ คร่ ขอขอบพระคณุ อยา่ งยิง่ ไว้ ณ ทน่ี ี้ และหวังเปน็ อย่างย่ิงวา่ รายงานฉบับนี้เป็นประโยชน์ตามสมควรต่อการศึกษา ค้นควา้ และเรียนรู้ได้เปน็ อย่างดี ผจู้ ดั ทำ ด.ญ.ชาลิสา ชปู ระสูตร
สารบญั ข เร่อื ง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข สังขท์ อง 1 ส้นิ วิเคราะตวั ละคร 2 บรรณานกุ รม 17
ค
1 เรอ่ื งสงั ข์ทอง สังข์ทอง เดิมทีนั้นเป็นบทเล่นละครในมีมาแต่กรุงสุโขทัยยังเป็นราชธานีถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงตัดเรื่องสังข์ทองตอนปลาย (ตั้งแต่ตอนพระสังข์หนีนางพันธุรัต) มา ทรงพระราชนิพนธ์ให้ละครหลวงเล่น[1] มีตัวละครที่เป็นรู้จักกันเป็นอย่างดี คือ เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์ กับนาง รจนา เนื้อเรื่องมีความสนุกสนานและเป็นนิยม จึงมีการนำเนื้อเรื่องบางบทที่นิยม ได้แก่ บทพระสังข์ได้นางรจนา เพ่ือนำมาประยกุ ตเ์ ป็นการแสดงชุด รจนาเสย่ี งพวงมาลัย
2 สนิ้ วิเคราะห์ตวั ละคร เรื่องสังข์ทองเดิมเป็นนิทานในปัญญาสชาดก ซึ่งเป็นเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ในขณะที่เสวยชาติต่างๆ ตัวเอก ฝา่ ยชายเป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิดเพื่อปราบยุคเข็ญ หรือทำคณุ ประโยชน์ใหแ้ ก่บ้านเมือง แต่มักจะมีกำเนิดในรูป ที่ผิดปรกติในตอนแรก จึงต้องมีการกำจัดพระโอรสที่กำเนิดผิดคน สามัญเพื่อความปลอดภัยของบ้านเมือง เมื่อ พระโอรสเจริญวัยขึ้น และมีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะปกครองประชาชน และเป็นที่ยอมรับของประชาชนก็จะ กลบั มาครองบ้านเมอื งและมีคคู่ รองทีเ่ หมาะสม ตัวละครที่สำคัญในเรื่องสังข์ทองมีอยู่ ๕ กลุ่ม คือ ตัวเอก ตัวโกง พระราชา พระมเหสี และตัวละคร อมนษุ ย์ ตัวเอก ตัวเอกฝ่ายชายมักเปน็ กษัตริย์หรือบุคคลช้ันสูง เพราะไทย เราได้เค้าเรอ่ื งมาจากวรรณคดีฮนิ ดซู งึ่ นิยมเลา่ เรื่องราวของชนชั้นสูง และยังได้เค้าเรื่องมาจากชาดกซึ่งเชื่อว่าพระโพธิสัตว์เป็นผู้มี บุญญาธิการกว่ามนุษย์ธรรมดา ตัวเอกในนิทานมักมีบุคลิกภาพ เดียวกัน คือเป็นผู้มีบุญมาเกิดเพื่อปราบยุคเข็ญ และชดใช้หนี้เวร อันเป็นผลกรรมของชาติที่แล้ว ดังนั้นตัวเอกจึงต้องรับผลวิบาก กรรมในชาตินี้ คือถูกตัวละครฝ่ายอธรรมรังแก พระสงั ข์
3 พระสังข์เป็นตัวเอกที่มีรูปงามตามแบบการสร้างตัวเอกในวรรณคดีไทย ทั่วไป แต่ในตอนเด็กปรากฏเปน็ ๒ รูป คือ รูปหอยสังข์กับรูปกุมาร ส่วนตอนเป็นหนุ่มก็มี ๒ รูปเช่นเดียวกัน คือ รูปเงาะกับรูปทอง ทั้งรูปหอย สังข์และรูปเงาะเปรียบเสมอื น “ เกาะ” คุ้มครองพระสังข์ ในตอนเด็กเมื่อนางจันท์เทวีต่อยหอยสังข์แตกแหลก ไป พระสังข์ร้องไห้คร่ำครวญ ต่อว่าพระมารดาว่า พระแม่ต่อยสังข์ดังชีวิต จะชมชิดลูกนี้สักกี่วัน ซึ่งเป็นการ บอกเป็นนัยๆ ถึงภัยที่จะมาถึงและต่อมาพระองค์ก็ถูกจับไปถ่วงน้ำ เพราะเมื่อไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในหอยสังข์ ชาวบา้ นกเ็ หน็ และเล่าลอื กนั ต่อๆไป จนท้าวยศวมิ ลและนางจันทารู้ ส่วนรปู เงาะน้นั พระสงั ข์กราบทลู ทา้ วสามลว่า “ ซึง่ แปลงมาจะหาคูค่ รอง ” ซึง่ แสดงว่ารปู เงาะน้ีนอกจากจะเปน็ ของวเิ ศษ เปน็ เกราะกำบังแลว้ ยงั เปน็ เครอ่ื งมือ ในการหาคู่ครองทเ่ี หมาะสมคอื มบี ุญบารมเี ทียบเทา่ กันดว้ ย การวเิ คราะห์ตวั เอก เปน็ การเน้นในลกั ษณะเดน่ อุปนสิ ยั และบทบาทดงั นี้ ๑. ความมบี ญุ ญาธิการ เร่อื งชาดกมักจะเน้นความมบี ุญของพระโพธสิ ตั ว์ แตข่ ณะเดียวกันผู้คนก็มีความ เชอ่ื ในไสยศาสตรด์ ้วย การกำจดั พระโอรสทา่ มีกำเนิดผดิ ปรกติเพ่ือความปลอดภยั ของบ้านเมืองเกย่ี วข้องกับความ เชื่อทางไสยศาสตร์มาก แต่พระโอรสสังข์ทองเป็นผู้มีบญุ จะฆ่าอยา่ งไรๆ ก็ไม่ตาย นอกจากน้ียังมีของวิเศษที่ไม่มี ใครทำลายลา้ งได้ คอื รปู เงาะ เกือกแกว้ และไมเ้ ท้า ซ่งึ ช่วยใหพ้ ระสงั ข์กระทำการสำเร็จทุกอย่าง รวมท้ังมาก จนิ ดามนตร์ทนี่ างพันธุรตั “เตรยี ม” ไว้ใหพ้ ระสังข์ในตอนท่ีถูกทดสอบ โดยมชี ีวิตเปน็ เดมิ พัน การทส่ี ร้างเรื่องไว้ว่า เทวดาจากสวรรค์ช้ันดาวดึงส์มาจุติเป็นพระสังข์ เป็นการปูพื้นฐานให้ผู้อ่านรู้สึกว่า ความมีบุญญาธิการของพระ สังขเ์ ปน็ เร่ืองทส่ี มเหตสุ มผล ไมม่ หศั จรรย์พ้นวิสยั จนเกินไปนกั ๒. ความกตัญญู พระสังข์มีความกตัญญูต่อพระมารดา ตั้งแต่เล็กก็ได้ออกมาจากหอยสังข์ ช่วยพระ มารดาทำงานบ้าน เนื่องจากพระมารดาไปก็ครุ่นคิดถึงนาง เป็นห่วงนางอยู่ตลอดเวลา พอมีโอกาสพบนางโดย ไม่คาดฝัน พระองค์ก็โศกศัลย์จนสตไิ ป และเมื่อนางจันท์เทวขี อให้ยกโทษใหก้ ับท้าวยศวิมลว่า “เจ้าอย่าปองจิต คดิ รา้ ย พยาบาทมาดหมายแก่บิดา” พระสงั ขก์ ไ็ มไ่ ด้ถอื โทษโกรธเคอื ง สำหรับนางพันธุรัตน้นั นางเปน็ แมท่ อี่ มุ้ ชเู ลยี้ งดูพระสงั ข์มาแต่เล็กจนโต ใหค้ วามรักเสมอต้นเสมอปลาย แต่การที่ นางไม่ยอมเปิดเผยความจริงให้รู้วา่ นางเป็นยักษ์ ทำใหพ้ ระสังข์ เกิดความไม่ไวว้ างใจ ประกอบกับความต้องการที่ จะไปตามหาแม่จริง ท่ีจากกนั ไปถึงสบิ ปีมีมากกว่า พระสงั ข์จงึ ต้องทิ้งนางไป หากจะกลา่ วว่าพระสังข์อกตัญญูต่อ นางพันธุรัต ก็เป็นการกล่าวอย่างไม่ยุติธรรมนัก เนื่องจากพระองค์หนีนางด้วยความกลัว และถ้าหากจะชั่ง นำ้ หนักระหว่าง “ แม่จริง ” ซึง่ กำลงั ตกระกำลำบาก ใช้ชวี ิตอยา่ งสดุ ลำเคญ็ เสย่ี งต่อการถกู ตามฆา่ จากพระสวามี ที่ถูกเสน่ห์และเมียน้อยผู้เหี้ยมโหด กับ “ แม่เลี้ยง ” ผู้มีอิทธิฤทธิ์ อำนาจ ข้าราชบริพารพร้อมสรรพแล้ว ความร้สู กึ ของพระสงั ขย์ ่อมเอนเอียงไปทางแม่จรงิ ซงึ่ อยใู่ นฐานะดอ้ ยกว่าอย่างแนน่ อน
4 ๓. ความฉลาดรอบคอบ พระสังข์เป็นคนที่ฉลาด เอาตัวรอด บางครั้งก็ใช้ความลาดนี้มาทดสอบลองใจ คนอื่น ดังที่ผู้นิพนธ์บทละครมักเรียกวา่ “ เจ้าเงาะแสนกล ” พระองค์แกล้งสวมรูปเงาะทำเป็นบ้าใบ้ จึงได้รู้ซง้ึ ถงึ จติ ใจ ของคนรอบข้างว่าคิดกับพระองค์อย่างไร พระสงั ข์ย่อมร้ดู วี ่าทา้ วสามนต์ เกลยี ดและรงั เกียจเจ้าเงาะ จึง กลั่นแกล้งให้ไปหาปลาหาเนื้อ แม้หามาได้แล้วก็ไม่ยอมรับ กลับพยายามหาทางแกล้งต่อไป เพื่อเอาผิดและ ประหารเจ้าเงาะให้ได้ ขณะเดียวกันก็ลำเอียงเข้าหาหกเขยซึ่งมีรูปงามและมีพวกมาก พระองค์จึงสั่งสอนหกเขย ด้วยการตัดจมูกตัดใบหูหกเขยเพื่อ “ ประจาน ” ในฐานะที่ชอบโอ้อวดตัวและเยาะเย้ยคนอื่น ผลที่ได้ก็คือ หก เขยเปลี่ยนนสิ ัยไปเป็นทางตรงกันข้าม ไมห่ าเร่อื งดถู กู ดหู มิน่ คนที่ด้อยกวา่ ผลนี้กระทบไปถึงหกนางผู้มักเหยียบย่ำ นางรจนาด้วย การส่งั สอนนอ้ี าจจะก้าวร้าวรนุ แรงไปบา้ งในสายตาของคนท่ัวไป แตถ่ ้าหากพจิ ารณาใหด้ ีแล้ว หก เขยผ้ทู ะนงหลงตวั เองวา่ รูปงาม มียศศักด์ิ เม่ือถูก “ ทำลาย ” รูปงามนัน้ เสียแลว้ ก็คงหมดหนทางที่จะคงความ หยง่ิ ยโสอีกตอ่ ไป ตวั เอกฝา่ ยหญิงคอื นางรจนาน้ันเปน็ นางแกว้ คู่บารมีของพระเอก มีบทบาทในทางส่งเสรมิ พระเอก ตวั โกง ตัวโกง คือตัวละครฝ่ายตรงข้ามกับตัวเอก มักมีบทบาทร้ายเพียงด้านเดียว ไม่มีคุณธรรม ไม่ปฏิบัติตน ตามหลกั ศลี ธรรม บทบาทของตวั โกงจะเปน็ ไปในทำนองเดียวกนั คอื ทำให้ครู่ ักหรอื สามภี รรยาตอ้ งพลดั พรากจาก กัน หรอื มีพฤติการณไ์ ม่ดี คอยอิจฉาริษยาตัวเอกและคนท่ัวไป ตัวโกงในวรรณคดีไทย มักจะมีแต่ความร้ายกาจอย่างเดียว ความเลวร้ายนั้นมักเป็นไปอย่างสมเหตสุ มผล และชว่ ยให้เร่อื งดำเนนิ ไปได้ตามความมงุ่ หมาย ตวั ละครทม่ี บี ทบาทเด่นดา้ นนี้คือ นางจันทาและหกเขย นางจันทา บทบาทของนางจันทาเป็นบทบาทตัวโกงอย่างแท้จริง เป็นคนใจ บาปหยาบช้า เหี้ยมโหด ขี้อิจฉาริษยา ทำเรื่องร้ายๆ ได้ทุกอย่างเพื่อให้ อีกฝ่ายหนึ่งย่อยับไป นางจันทาเป็นเมียน้อย ซึ่งสำหรับสังคมไทยในสมัย โบราณนนั้ ความหึงหวงและการชงิ รกั หกั สวาทกนั ระหวา่ งเมียหลวงกับเมีย น้อยเป็นเรื่องปกติธรรมดา และกล่าวไว้ในวรรณคดีหลายเรื่อง แต่ พฤติการณ์เหล่านี้มักรุนแรงถึงขนาดพยายามทำลายล้างอีกฝ่ายหนึ่งให้มี อันเป็นไป นางจันทาพยายามทำเสน่ห์ท้าวยศวิมล ให้ขับมเหสีกับ
5 พระโอรสออกไปจากวัง ต่อมาก็ยุให้ท้าวยศวิมลสั่งให้ฆ่าพระสังข์ ให้ตั้งนางเป็นมเหสเี อก แต่ในที่สุดนางก็ได้รบั ผล แห่งการกระทำช่วั ของตวั เอง หกเขย หกเขยเปน็ โอรสกษัตริย์ทธ่ี ิดาท้งั หกของทา้ วสามนตเ์ ลือกเป็นคู่ครองแมห้ กเขยจะเป็นเจ้าชายทม่ี ี “ รูปร่าง งามหนกั หนา ” แต่ก็ดอ้ ยสตปิ ญั ญาเสยี จนมลี ักษณะชอ่ื เซอ่ จนน่าขนั ในสายตาผู้อ่าน แม้การบรรยายของผู้นิพนธ์ ก็ยังแสดงให้เห็นว่าหกเขย “ เคอะเซอะ ” ไปหาพระสังข์ จำต้องยอมให้พระสังข์เชือดจมูกกับใบหูไปจนมี ลักษณะ “ หูแหว่งจมูกวิ่น ” ประจานตัวเองไปตลอดชีวิตเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ด้วยกลัวว่าท้าวสามนต์จะ ประหารชีวติ เสีย ถา้ ไม่ไดป้ ลาได้เนอ้ื ไปตามต้องการ หกเขยตอ้ งเสียจมกู กับหู และความเจ็บปวดทั้งกายและใจแลก กับปลาตายคนละตัวสองตัวและเน้ือทรายขาหักคนละตัว มิหนำซ้ำยังถูกเยาะเย้ยจากฝ่ายพระเอกอยู่ตลอดเวลา เวลาท่ีพระสงั ข์พดู ถึงหกเขย ก็ใช้คำพูดว่า “ อา้ ยหกเขยเซอะ ” เปน็ การดหู มน่ิ อยเู่ สมอ สนุ ันทา โสรจั จ์ (ม.ป.ป.:๓๓) กลา่ วไว้ในบทวิเคราะห์วจิ ารณ์พระเอกหรือผ้รู า้ ยในวรรณคดีไทยว่า หกเขยมี นิสัยชอบใส่ร้ายกัน ดังที่ใส่ร้ายเจ้าเงาะว่าเป็นปีศาจ และชอบโอ้อวด พูดปดเพื่อเอาตัวรอด จึงได้รับบทเรียนจาก เจ้าเงาะเพือ่ ที่จะให้เลิกนิสัยชอบดูหมิ่นคนที่ต่ำต้อยกว่าตนและรู้ตัวหายลืมตนคือตัดปลายจมูกเมื่อไปขอปลา และ ตดั ใบหูเม่ือคราวไปขอเน้ือ เปน็ การลงโทษสถานเบาให้หลาบจำ แต่หากจะพิจารณาด้วยใจเป็นธรรมแล้ว ความผิดควรจะตกอยู่ที่ท้าวสามนต์มากกว่า เพราะท้าวสามนต์มีความ เกลยี ดชังเจา้ เงาะ จึงแกลง้ ให้เกิดการประลองฝีมือในการหาเน้ือหาปลา เพ่อื จะหาเหตุฆา่ เจ้าเงาะเสยี การที่หกเขย ปดท้าวสามนต์ว่าถูกปลาปักเป้ากัดจมูก หรือปีศาจกระทำให้หูขาดนั้นก็เป็นวิสัยของผู้ที่จะเอาตัวรอด เนื่องจาก เกรงว่าจะถูกลงโทษทัณฑ์ และหกเขยกถ็ กู เจ้าเงาะกล่ันแกลง้ อยู่ตลอดเวลา เช่น “ฉดุ หูออกไปเลือดไหลหยด แกล้ง จูงพาเที่ยวเลี้ยวลด ถือไม้เท้าแทนตะพดเหมือนวิ่งวัว” ดังนั้นการที่หกเขยใส่ร้ายเจ้าเงาะว่าเป็นภูตผีปี ศาจควร กำจดั เสยี จงึ เปน็ ความคดิ ที่เปน็ ไปตามธรรมชาติของมนุษย์ เนื่องจากหกเขยรู้ดีว่าถา้ ไมม่ ีเจ้าเงาะอยู่ในโลกนี้ตนเอง กป็ ลอดภยั และพน้ จากการถกู กล่ันแกลง้ ให้อับอายขายหนา้ อย่างแนน่ อน พระราชา ธวัช ปุณโณทก (๒๕๓๓: ๒๒๒) อธิบายว่า พระราชาคือ พระราชบิดาของตัวเองฝ่ายชายและฝ่ายหญิง โดยทว่ั ไปมมี เหสจี ำนวนมากตามจารีตของกษัตริย์ไทยโบราณ บคุ ลกิ ลกั ษณะของพระราชา คือ มีความตั้งใจดีที่จะ ทำให้บ้านเมืองสงบสุข ยอมสละลูกเมียตามคำทำนายของโหร หูเบา หลงเชื่อฝ่ายอธรรม มีความเด็ดเดี่ยว แต่ไม่ รอบคอบ และยดึ มั่นในคุณธรรม
6 พระราชาในบทละครนอก คือ แบบฉบับของพระมหากษัตรยิ ์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธริ าชย์ ซงึ่ สามารถ สั่งประหารชีวิตใครก็ได้ที่ขัดพระทัยแต่บางครั้งบทบาทของพระราชาก็กลับกลายเป็นบทตลกไป เพราะแบบ แผนการเล่นละครนอกนิยมเล่นตลก การแต่งบทละครนอกจึงไม่ต้องเคร่งครัดในเรื่องจารึกประเพณีมากนัก ตัว ละครทเ่ี ปน็ พระราชาหรือพระมเหสี กล็ งมาเล่นตลกคลุกคลีกับพวกเสนาขา้ ราชบริพารได้ พระราชาในบทละครนอกเรื่องสังข์ทองมี ๒ องค์ ท่ีมบี ทบาทสำคญั แตม่ ีลักษณะเดน่ ไปคนละอยา่ ง ดงั น้ี ทา้ วยศวิมล ท้าวยศวิมลมีบทบาทในตอนเปดิ เร่ืองและบทบาทสำคัญในตอนท้าย เรื่องพระองค์เปน็ กษัตรยิ ์ทีม่ ีความตั้งใจดตี ่อบ้านเมืองคอื ยอมเสียสละลูกเมีย ในบทละครยังย้ำในเรื่องการทำเสน่ห์ เพื่อให้รู้สึกว่าท้าวยศวิมลไม่ใช่คนที่หู เบาหลงเชอ่ื นางจนั ทาฝ่ายเดียว แท้ทจี่ ริงพระองคก์ ็รกั พระมเหสี รักพระโอรส แตถ่ กู เวทมนตร์มายาทำให้เป็นไป ตอนที่ท้าวยศวิมลจะออกตามพระสังข์ ก็คือพระสังข์ถอดรูปเงาะ ได้รับการยอมรับจากท้าวสามนต์แล้ว พระอินทร์ก็มาปรากฏให้เห็นและต่อ วา่ พระองค์ ท้าวยศวิมลเป็นคนทีย่ อมรบั ความจริง เพราะเมื่อไปงอนง้อนางจันท์ เทวีก็ตรัสว่า “เดี๋ยวนี้รู้สึกตัวว่าชั่วช้า จะออกมาลุแก่โทษที่ทำผิด” พอปรับ ความเขา้ ใจกนั ได้ กช็ วนนางจนั ท์เทวีไปตามหาพระโอรสโดยปลอมเป็นสามัญ ชน พระองค์ได้รับความลำบากยากเข็ญกว่าจะได้พบพระสังข์ บทบาทของพระองค์น่าเศร้าสลดใจมากกว่าตลก ขบขนั ทา้ วสามนต์ ท้าวสามนต์เป็นกษัตริย์ที่มีบทบาทตรงกันข้ามกับท้าวทศยศวิมลอย่างสิ้นเชิงเพราะหากตัดเรื่องพระราช อำนาจสงู สดุ ที่สั่งประหารชีวติ คนออกไปแล้ว ท้าวยศวมิ ลไม่มลี ักษณะตลกขบขันเลยแม้แตน่ ้อย แต่ท้าวสามนต์มีบทบาทท่ีน่าขัน เชน่ ตอนท่ีพระสังข์ ตีคลี ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของท้าวสามนต์ก็คือ เป็นคนเอาแต่ใจ จิตใจโลเลไม่แน่นอน ต้องการอะไรแล้ว จะต้องได้ เช่นที่พยายามแกล้งเจ้าเงาะ “แกล้งให้หาปลาจะฆ่าฟัน อ้ายเงาะมันกลับได้มามากมาย ยิ่งคิดยิ่งแค้น
7 แนน่ ใจ แม้นมฆิ ่ามนั ไดก้ ไ็ มห่ าย” แตพ่ อพระสงั ข์ถอดเงาะแลว้ ก็กลบั เข้าขา้ งพระสังข์ ไม่นึกจติ ใจของหกเขยและไม่ สงสารธิดาทงั้ หกดว้ ย พระมเหสี พระมเหสีมีบทบาทไมม่ ากนกั แตก่ ็เป็นตัวละครท่ที ำใหเ้ รอื งดำเนิน ไปได้ย่างสมเหตุสมผล ตัวละครสำคัญในเรื่องสังข์ทองคือ นางจันท์เทวี และนางมณฑา นางจันทเ์ ทวี นางจันท์เทวีมีบทบาทเช่นเดียวกับตัวละครหญิงในวรรณคดี คือ มักพบกับชะตากรรมที่ลำบากยากแค้น ต้องพลัดพรากจากสามี ต้อง เดินทางระหกระเหินไปได้รับความทุกข์แสนสาหัส ซึ่งไม่ใช่การยินยอมแต่ ถูกความจำเป็นบังคับเมื่อผู้ที่ขับไล่ไปมางอนง้อขอโทษ แม้จะมีทิฐิมานะ อย่างไร ในที่สุดก็จะต้องใจอ่อนยอมยกโทษให้ เพราะไม่ใช่ความผิดของผู้ นั้นอย่างแท้จริง แต่มีผู้ใช้เวทมนตรค์ าถาหรือเล่ห์กลมารยาททำให้หลงผดิ ไป ในที่สุดก็คืนดีกันอย่างเดิม นางจันท์เทวีถูกขับไล่ออกจากเมืองตั้งแต่ คลอดโอรสใหม่ๆ โดยไม่ได้รับความเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ครั้นเมื่อไม่ได้รับ กานผ่อนผนั เพราะนางจันทายุยง นางจันท์เทวกี แ็ สดงความเดด็ เดย่ี วดว้ ยการ “ร้องทลู พระองค์ทรงสกล น้องคน มกี รรมจะขอลาดรู ปู จำร่างเสียยงั แล้ว พระแก้วจะไม่ได้เหน็ หนา้ จะไมค่ นื คงอยา่ สงกา มิได้รองฝ่าพระบาทไป” นาง แขง็ แกร่งพอที่จะทำงานเล้ียงตวั เล้ียงลกู ทง้ั ๆท่เี คยใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในวัง นางเขม้ แข็งพอทจ่ี ะไม่ฆ่าตัวตาย แต่ มชี ีวิตอย่ดู ้วยความหวงั วา่ สกั วันหน่งึ คงจะไดพ้ บพระโอรส นางมณฑา นางมณฑาเป็นแบบฉบับของ “แม่” ทั่วๆไป คือ รักลูก ห่วงใยลูกแม้ลูกจะทำผิดก็พร้อมจะให้อภัย และมีความยุติธรรมเป็นคุณธรรมประจำใจ เมื่อนางรจนาเลือกเจาเงาะเปน็ คู่ครอง นางผิดหวังมาก จึงตัดพ้อตอ่ วา่ นางรจนา “ ควรหรอื มาเป็นได้เช่นนี้ เสยี ทแี ม่รักเจา้ นักหนา รำ่ พลางนางทรงโศกา กลั ยาเพยี งจะสน้ิ สมประดี ” แตน่ างกม็ ีสติดีที่จะไตรต่ รองหาเหตุผลที่พระธดิ ากระทำเช่านั้น ท้ังยงั เตือนสตทิ ้าวสามนต์ไม่ให้ลงโทษพระธิดา อย่างรุนแรงดว้ ย นางมณฑาเป็นคนที่ทีเหตผุ ล และพยายามนำเหตุผลมาอธิบายให้พระสวามีผู้มัวเมาในโทสะฟงั เพ่อื ให้มองเหน็ ความสำคัญของเจา้ เงาะ พยายามไกลเ่ กล่ียให้ทุกฝ่ายประนปี ระนอมปรองดองกนั เพื่อความสงบสุข แต่การบรรยายถึงนางมณฑาในบางครั้งจะมีลักษณะตลกขบขัน ตามแบบฉบับของการเลน่ ละครนอก ทั้งๆที่นาง
8 เป็นนางกษัตริย์ น่าสังเกตว่าบทตลกขบขันนี้จะแสดงออกเฉพาะนางมณฑาเท่านั้น ส่วนนางจันท์เทวีจะไม่มีบท บทนา่ ขบขันเลย ตัวละครอมนษุ ย์ ตัวละครอมนุษย์ คือตัวละครที่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่จะมีลักษณะเด่นและมีพลังอำนาจที่ไม่เหมือน มนุษย์ เช่น เทวดา ยักษ์ ครุฑ นาค ฯลฯ ตัวละครเหล่านี้มีบทบาทและการแสดงออกเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่ ไม่ใช่ตัวเอกของเรื่อง ถ้าเป็นตัวละครฝ่ายดีก็มักจะเป็นผู้ช่วยตัวเอก ถ้าเป็นละครฝ่ายร้ายก็จะมีบทบาทเป็นศัตรู กบั ตวั เอก ตัวละครอมนุษย์ที่ปรากฏบ่อยครั้งในวรรณคดีไทยคือ พระอินทร์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยตัวเอกในวรรณคดีไทย หลายเรื่อง โดยเฉพาะวรรณคดีที่มีท่ีมาจากชาดกตัวละครอมนุษย์นี้มักจะมีอำนาจพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ หลายอย่าง เป็นได้ทั้งตัวละครฝ่ายดีและฝ่ายร้าย ตัวละครฝ่ายดีจะช่วยแก้อุปสรรคให้กับตัวเอกช่วยเหลือ แก้ สถานการณ์ ฯลฯ โดยมากจะปรากฏในรูปของพระอนิ ทร์หรือเทวดา สว่ นตัวละครฝา่ ยร้าย มกั ปรากฏในรปู ยักษ์ ปีศาจ หรือสัตว์ทม่ี ีฤทธิ์ตา่ งๆ แตถ่ า้ เป็นตวั ละครอมนษุ ย์ท่ีไม่มีอำนาจพิเศษ กม็ ักมีบทบาทเป็นผู้ช่วยตวั ละครเอก มากกว่าที่จะเป็นอย่างอ่นื ตวั ละครอมนุษย์ในเร่อื งสงั ขท์ องเปน็ ตัวละครฝ่ายดที ั้งสน้ิ พระอินทร์และเทวดา ในบทละครหลายเรื่องจะมี บทบาทของพระอินทร์ที่เหาะลงมา ช่วยตัวละครเอกเวลาที่ตกอยู่ใน ความคับขัน หรือต้องการความ ช่วยเหลือ หรือในเวลาที่เหมาะสม สำหรับเรื่องนี้อธิบายได้ว่าเกิดจาก อธิพลของนิทานชาดก ซึ่งมีหลักอยู่ ว่าพระอินทร์จะลงมาช่วยพระ โพธิสัตว์อยู่เสมอ และพระอินทร์จะ ช่วยตัวละครทตี่ ั้งอยู่ในคุณธรรมเท่าน้นั ทัง้ ยงั ชว่ ยจงู ใจตัวละครบางตวั ท่ีหลงผิดไปให้กลบั ไปยึดมั่นในคุณธรรมอีก ด้วย บทบาทของพระอินทร์ บทบาทของพระอินทร์นี้ช่วยทำให้มีความสมเหตุสมผลในการที่จะสร้างเรื่องให้มี ความสุดวิสัยหรือความเป็นไปไม่ได้ต่างๆ แต่พฤติกรรมของพระอินทร์ก็มีลักษณะเหมือนกับพฤติกรรมของคน
9 ธรรมดาน่ีเองคือ มีอารมณ์ ความรสู้ กึ รัก โกรธ เกลยี ด ฯลฯ เพียงแต่มีพลงั อำนาจบางอยา่ งทจ่ี ะนำมาใช้ในทาง ท่ีถูกต้องเท่าน้นั บทบาทของพระอนิ ทร์ในวรรณคดีไทยก็คือ เมื่อมนษุ ยผ์ ้มู ีบุญ ผูใ้ ดเดอื ดรอ้ น หรือได้รับความทกุ ขย์ ากสำ บาก พระอินทร์ก็จะเสด็จลงมาช่วยบำบัดทุกข์ให้เสมอ โดยรู้ได้จากการที่ทิพยอาสน์หรือพระแท่นบัณฑุกัมพลท่ี ประทับแข็งกระด้างขึน้ มา พระองค์จะเล็งทพิ ยเนตรสอดสอ่ งดูมนษุ ยโ์ ลกแลว้ ลงมาชว่ ยเหลือ น่าสังเกตว่าพระอินทร์จะให้ความช่วยเหลือคนดีที่ตกทุกข์ได้ยากให้ พ้นจากความทุกข์ทรมานและพบกับ ความสุข โดยไม่จำเป็นต้องรอให้พระแท่นบัณฑุกัมพลแข็งกระด้างขึ้นมาก็ได้อย่างเช่นในเรื่องสังข์ทอง เมื่อพระ อนิ ทรช์ ่วยนางรจนาและเจา้ เงาะให้พ้นทุกข์แลว้ กป็ ระสงค์จะให้ทา้ วยศวมิ ลไปรับนางจันท์เทวีคืนมาอยู่วังตามเดิม จงึ ไปปรากฏองคใ์ ห้ทา้ วยศวมิ ลเหน็ นอกจากนี้พระอินทร์ยังช่วยเสริมสร้างความสามารถและฤทธิ์อำนาจให้กับตัวเอก เช่น มาท้าตีคลีพนัน แล้วยอมแพ้พระสังข์ เพอื่ ใหท้ ้าสามนตแ์ ละราษฎรเมืองสามนต์ยอมรบั ในบารมีของพระสงั ข์ สำหรับบทบาทของเทวดานั้นกป็ รากฏบ่อยครงั้ ส่วนใหญจ่ ะเปน็ การดลใจตวั ละครให้กระทำการอย่างใดอย่างหน่ึง และเหตุการณ์นั้นทำให้เนอ้ื เรอื่ งดำเนินไปอย่างสมเหตสุ มผล เชน่ เทวดาดลใจท้าวสามนต์ เทวดาดลใจนางรจนาตอนท่เี ลือกคู่คือ “เทพไทอปุ ถมั ภน์ ำชัก นงลกั ษณ์ดูเงาะเจาะจง” และเจ้าเงาะเองก็ บอกนางวา่ “พี่อยถู่ งึ นอกฟ้าหิมพานต์เทวัญบันดาลให้เท่ียวมา” การดลใจน้เี ป็นการชว่ ยใหต้ ัวละครสมประสงค์ใน การเลือกคมู่ ากกว่าอยา่ งอื่น นอกจากนย้ี งั มีการช่วยเหลอื ตัวละครฝา่ ยดีใหร้ อดพน้ อนั ตราย เชน่ รุกขเทพที่รักษา พระไทรป้องกันพระสังข์ไม่ให้เป็นอนั ตราย ตอนท่ถี ูกเสนาทบุ ด้วยท่อนจนั ทน์ อีกตอนหน่ึงคอื ชว่ ยยน่ ระยะทางให้ นางจันทเ์ ทวีมาตามพระสงั ขซ์ งึ่ ถูกจับตวั ตอนที่พระสังข์ถูกถ่วงน้ำ แม้จะไม่ได้ระบุไว้อย่างละเอียด แต่การที่พระสังข์จะรอดชีวิตก็เท่ากับเทวดาได้ช่วยไว้ นั่นเอง แต่ไประบไุ ว้ว่าเทวดาดลใจท้าวภุชงค์ใหม้ าช่วยพระสังข์ นางพันธุรตั นางพันธุรัตเป็นยักษ์ใจดี เลี้ยงดูพระสังข์และรักเหมือนลูก แต่ความรักของนางกลับทำลายตัวนางเอง เพราะเท่ากับวา่ เมอ่ื พระสังข์ “ปีกกลา้ ขาแข็ง” แลว้ ก็หนจี ากนางไป ผูน้ ิพนธ์ได้ชีใ้ หเ้ หน็ ความขัดแย้งระหว่างนางพนั ธรุ ัดกับพระสังข์ตงั้ แต่แรกท่ีท้าวภชุ งค์สง่ พระสังข์มาเป็นลูก คือ โหรไม่เห็นด้วย แต่นางไม่ฟังคำทักทว้ งเพราะรักใคร่เอ็นดูพระสังข์เสียแลว้ แต่วิตกว่าตนเป็นยักษ์ พระสังข์
10 เป็นมนุษย์จะกลัวยักษ์ จึงสั่งให้พวกยักษ์จำแลงกายเป็นมนุษย์ทั้งหมด ซึ่งสุนันทา โสรัจจ์ วิจารณ์ไว้ว่า “นาง ยักษ์เริ่มต้นด้วยการหนีความจริง เมื่อโหรทำนายว่าพระสังข์จะก่อความวิบัติให้นาง ก็ไม่ตัดไฟต้นลมเสียก่อน นอกจากนี้ยังไม่ยอมรบั ฟงั เหตผุ ลโมโหรา้ ยที่ถูกขัดใจ ถือเอาความคดิ ของตนเองเป็นใหญ่” นางพันธุรัตแปลงกายอำพรางไม่ให้พระสังข์รู้จนเวลาผ่านไปร่วมสิบปี แต่นางก็กลัวว่าพระสังข์จะหนีไป จึงคอย ระวังอยู่ตลอดเวลา แม้เวลาทจี่ ะไปปา่ กย็ งั หลอกพระสงั ข์จนพระสังขส์ งสยั แตเ่ ราจะสังเกตได้วา่ ผู้นพิ นธ์ได้กล่าว ยำ้ ถึงความเป็นยักษ์ของนางอยตู่ ลอดเวลา ถึงแม้จะเป็นยักษ์ นางพันธุรัตก็เป็นแม่ที่อุ้มชูพระสังข์มาเป็นเวลานานให้ความห่วงใยเสมอต้นเสมอปลาย พระ สังข์เองก็อดที่จะโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์ไม่ได้ ครั้นพอเห็นพระสังข์ไม่ยอมลงมาหาแน่แล้ว นางก็เขียนมหาจินดา มนตร์ไว้ให้ เพื่อเป็นการเตรียมการให้พระสังข์ไปผจญกับอุปสรรคและแก้ไขอุปสรรคได้ การกระทำของนางคือ การเสียสละเพื่อลกู อยา่ งแทจ้ ริง เรอ่ื งยอ่ กาลปางกอ่ น มีพระเจ้าพรหมทตั (ท้าวยศวิมล) ครองเมืองพรหมนคร(เมืองยศวิมล) พระเจ้าพรหมทัตมีมเหสี สององค์ มเหสฝี ่ายขวาช่ือพระนางจันทราเทวี (นางจันเทว)ี มเหสฝี า่ ยซ้ายช่ือพระนางสวุ รรณจัมปากะ (นางจันทา) พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทำนายว่าบุตร ของมเหสีฝ่ายขวาเป็น ชาย ส่วนมเหสฝี า่ ยซ้ายเป็นหญิง พระนางสวุ รรณจัมปากะรู้สึกเสียใจทีจ่ ะได้ธิดาแทนจะเป็นโอรส และเกรงว่าพระ นางจันทราเทวีจะได้ดีกว่า จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อ ขับไล่พระนางจันทราเทเวีอ อกจากพระราชวัง พระนางจันทราเทวเดินทางด้วยความยากลำบาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง ยายตาสองคน สงสารจกึ ชวนใหพ้ ักอยู่ด้วย โอรสในครรภข์ องพระนางจนั ทราเทวเี ห็นความยากลำบากของพระมารดาจึงแปลงกาย เป็นหอยสงั ข์เพ่อื ไม่ใหพ้ ระมารดาต้องลำบากเล้ียงดู เมอื่ ครบกำหนดคลอด พระนางจันทราเทวกี ค็ ลอดโอรสออกมา เป็นหอยสงั ข์ ซึง่ พระนางกร็ ักใคร่ เลี้ยงดเู หมอื นลกู มนษุ ย์
11 วันหนึ่งพระ นางจันทราเทวีออกจากบ้านไปช่วย ตายายเก็บผักหักฟืน ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอย สังข์ช่วยปัดกวาด บ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้ พอ เสร็จก็กลับเข้าไปใน รูปหอยสังข์ตามเดิม พระนางจันทรา เ ท ว ี เ ม ื ่ อ ก ล ั บ ม า ก็ แปลกใจว่าใครมาช่วยทำงาน และ เมื่อนางจันทราเทวี ออกจากบ้านไป ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ จะออกมาทำงานบ้านใหเ้ รียบร้อยทกุ คร้ัง พระนางจันทราเทวอี ยากรู้วา่ เป็นใคร วันหนึ่งจึงทำทีออกจากบา้ นไปป่า เช่นเคย แต่แล้วกย็ ้อยกลับมาท่ีบ้าน โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทำงานบา้ น พระนางจนั ทราเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ ก็ดีใจ จึงทบุ หอยสังขเ์ สียและกอดโอรสดว้ ย ความยินดี และต้ังช่อื ใหว้ ่า \" สังข์ทอง \" เมื่อพระเจ้าพรหมทัต รู้ข่าวว่าพระนางจันทราเทวีประสูติ พระโอรสก็ยินดีจะรับพระ นางจันทราเทวีกลับพระนางสุวรรณจัม ปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูล ว่าพระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์ พระเจ้า พรหมทัตก็หลงเชื่อเกรงจะ เป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง จึงให้อำมาตย์ จบั พระนางจันทราเทวแี ละลูกนอ้ ยสงั ข์ทองใสแ่ พลอยไป เม่อื แพลอนออกทะเลเกดิ พายใุ หญแ่ พแตก พระนาจันทรา เทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมัทราษฎร์ พระนางก็เดินทาซัดเซพเนจรไปอาศัยบ้านเศรษฐีเมืองมัท ราษฎร์ช่อื ธนัญชยั เศรษฐี และทำหนา้ ท่เี ปน็ แม่ครวั เม่ือพระเจ้าพรหมทัตรู้ข่าวว่าพระนางจันทราเทวีประสตู ิพระโอรสก็ยนิ ดีจะรบั พระนางจันทราเทวีกลับ พระ นางสุวรรณจัมปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูลว่าพระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์ พระเจ้าพรหมทัตก็หลงเชื่อเกรงจะเป็น กาลกิณีตอ่ บ้านเมือง จึงให้อำมาตยจ์ ับพระนางจันทราเทวีและลูกน้อยสังข์ทองใสแ่ พลอยไป เม่ือแพลอนออกทะเล เกิดพายุใหญ่แพแตก พระนาจันทราเทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมัทราษฎร์ พระนางก็เดินทาซัดเซ พเนจรไปอาศยั บ้านเศรษฐีเมอื งมทั ราษฎร์ช่ือ ธนัญชยั เศรษฐี และทำหนา้ ท่ีเป็นแม่ครัว
12 ฝ่ายพระสังข์ทองนั้นจมน้ำลงไปยังนาคพิภพ พระยานาคมีจิตสงสารจึงเนรมิตเรือทอง แล้วอุ้มพระสังข์ทอง ใส่ไว้ในเรือ เรือทองลอยไปถึงเมืองยักษ์ซึ่งนางยักษ์พันธุรัตปกครองอยู่ นางยักษ์เห็นพระสังข์ทองในเรือทองเกิด ความรักใคร่เอ็นดู จึงนำพระสังข์ทองมาเลี้ยงดูในปราสาท และให้พี่เลี้ยงนางนมแปลงรา่ งเปน็ คนเพื่อมิให้พระสังข์ ทองหวาดกลวั พระสงั ข์ทองก็เติบโตอยูก่ ับนางยักษ์พันธรุ ตั นางยักษ์พันธุรัตปกติจะต้อง ออกไปหาสตั วป์ ่ากนิ เป็นอาหาร เม่ือ นางออกไปป่ากจ็ ะไปครั้งละสามวันหรือ เจ็ดวัน ทุกครั้งที่ไปก็จะสั่งพระสังข์ ทองวา่ อย่าข้นึ ไปเล่นบนปราสาทชั้นบน และในสวน พระสังข์ทองก็เชื่อฟัง แต่เมื่อโตขึ้นก็เกิดความสงสัยอยากรู้ วันหนึ่งเมื่อนางยักษ์พันธุรัตไปป่า พระสังข์ทองก็แอบไปในสวนส่วนที่ห้าม ไว้ เห็นกระดูกสัตว์และคนเป็น จำนวนมากที่นางยักษ์กินเนื้อแล้วทิ้ง กระดูกไว้เป็นจำนวนมาก พระสังข์ ทองเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ นึกรู้ว่ามารดา เลี้ยงเป็นยักษ์ก็รู้สึกหวาดกลัว และ เมื่อเดิต่อไปเห็นบ่อเงินบ่อทองสวยงาม พอพระสังทองเอานิ้วก้อยจุ่มลงไป นิ้วก็กลายเป็นสีทอง พระสังข์ทองจึงลง ไปอาบทั้งตัว ร่างกายก็กลายเป็นสี ทองงดงาม แลว้ พระสงั ข์ทองกข็ น้ึ ไปบน ปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูป เงาะปา่ เกือกทองและพระขรรค์ พระสงั ข์ทองเอาเกราะเงาะป่ามาสวมก็กลายร่างเป็นเงาะป่าพอใสเ่ กือกทองก็รู้สึก ว่าลอยได้ พระสังข์ทองจึงหยิบพระขรรค์แล้วเหาะหนีออกจากเมืองยักษ์ และข้ามแม่น้ำไปยังเมืองตักศิลา ตกเย็น จงึ พกั อยูท่ ีศ่ าลารมิ น้ำ ฝ่ายนางยักษ์กลับมาไม่เห็นลูก และขึ้นไปที่ปราสาทชั้นบนเห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทองและพระขรรค์ หายไป ก็รู้ทันทีว่าพระสังข์ทองรู้ว่าตนเป็นยักษ์แล้วหลบหนีไป นางจึงเหาะตามไป เมื่อถึงฝั่งน้ำเห็นพระสังข์ทอง พกั อยู่ นางไมส่ ามารถเหาะข้ามไปได้ จงึ ร้องไหอ้ อ้ นวอนใหพ้ ระสงั ข์ทองกลบั ไป พระสงั ข์ทองยังหวาดกลวั จึงไม่ยอม กลับ นางพันธุรัตเสียใจจนหัวใจแตกสลาย แต่กอ่ นตายนางก็สอนมนตห์ าเนอ้ื หาปลาใหพ้ ระสังข์ทองแล้วนางก็ส้ินใจ ตาย พระสังข์ทองรู้สึกเสียใจมาก หลังจากได้จัดเผาศพนางยักษ์แล้ว พระสังข์ทองก็เหาะเดินทางไปเมืองพาราณสี และได้ไปอาศัชาวบา้ นช่วยเลยี้ งโค พระสังข์ทองตอนนี้รูปร่างเปน็ เงาะป่า พวกเด็กเลยี้ งโคก็มาเลน่ สนทิ สนมกับพระ สงั ข์ทอง
13 ที่เมืองพาราณสีนี้เจ้าเมืองมีธิดา 7 องค์ เจ้าเมืองคิดจะให้พระธิดาทั้ง 7 องค์ได้อภิเษกสมรส จึงมีรับสั่งให้ ประกาศแก่เจ้าผู้ครองนครต่าง ๆ ให้ส่งโอรสมาใหพ้ ระธิดาเลือก พระธิดาทั้ง 6 องค์ก็เลือกได้เจ้าชายทที่เหมาะสม แตพ่ ระธิดาองค์สุดทอ้ งชื่อรจนาไม่ยอมเลือกเจ้าชายองค์ใด เจา้ เมอื งพาราณสที รงกริ้วมากจึงประชดโดยให้อำมาตย์ ไปประกาศให้ชายทุกคนในเมืองให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดาเลือก พระสังข์ทองในรูปเงาะป่า ก็ถูกเกณฑ์เข้ามา ด้วย เมื่อนางรจนาออกมาเลือกคู่ บุญบันดาลให้เห็นรูปทองของพระสังข์ทองแทนที่จะเป็นเงาะป่า นางจึงเลือก เงาะปา่ เจา้ เมืองพาราณสีกร้วิ มากขับไล่นางรจนาออกไปอยนู่ อกเมือง เจ้าเมืองพาราณสีมีความแค้นเคืองเงาะป่าคิดจะกำจัดจึงออกคำสั่งใหเ้ ขยทั้งหกและเงาะป่าไปหาเนื้อมาคน ละตวั ใครหามาไม่ได้จะถกู ประหารชวี ิต เงาะปา่ เข้าไปในป่าถอดรูปเงาะออกแล้วรา่ ยมนต์เรียกเนื้อ เนื้อท้ังหลายก็ มาอออยู่ทีพ่ ระสังข์ทอง หก เขยหาเนื้อทั้งวันก็ไม่ได้จนกระทั่งมาพบพระสังข์ทอง ซึ่งหกเขยคิดว่าเป็นเทวดา หกเขยขอเนื้อจากพระสังข์ทอง พระสงั ขท์ องให้โดยขอตัดใบหคู นละหนอ่ ย หกเขยก็ยอม ทง้ั หมดกน็ ำเนอื้ ไปให้เจ้าเมอื งพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสียังทำร้ายเงาะป่าไม่ได้ก็แค้นใจจึงมีคำสั่งใหเ้ ขยทุกคนหาปลาไปถวาย พระสังข์ทองก็ถอด รูปเงาะป่าแล้วรา่ ยมนต์เรยี กปลา ปลากม็ าออคับคง่ั อยทู่ ่ีพระสังข์ทอง หกเขยหาปลาไม่ได้ทัง้ วันและเมื่อพบปลามา อออยูท่ พ่ี ระสังข์ทองกก็ ราบไหว้อ้ออนวอนขอปลา พระสังข์ทองยกใหโ้ ดยขอตัดปลายจมกู หกเขยคนละหน่อย แล้ว หกเขยกับเงาะป่านำปลาไปถวายเจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีขัดแค้นใจทีท่ ำอนั ตรายเงาะป่าไม่ได้ก็เฝา้ คิดหาวิธีการอื่นท่ีจะกำจัดเงาะป่า พระอินทร์บน สวรรค์ทราบถึงการคิดร้ายของเจ้าเมืองพาราณสีต่อเงาะป่าจึงลงมาช่วย โดยเหาะลงมาลอยอยู่หน้าพระที่นั่งของ เจ้าเมืองพาราณสี และกล่าวท้าทายว่าให้เจ้าเมืองพาราณสีหาคนดีมีฝีมือเหาะขึ้นมาตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศ ภายในเจด็ วัน ถา้ หาไมไ่ ด้ก็จะฆ่าเจ้าเมอื งพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีตกใจมากให้หกเขยและบรรดาเสนาอำมาตย์ช่วยกันหาผู้อาสาเหาะไปตีคลี ทุกคนก็จน ปัญญา เจ้าเมืองพาราณสีจึงให้ป่าวประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเหาะไปตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศได้จะยกราช สมบตั ิให้ แต่ก็ยงั ไม่มผี ู้ใดมาอาสา นางมณฑาเทวีพระมเหสีของเจ้าเมืองพาราณสีจึงแอบไปหานางรจนา และขอให้
14 นางรจนาออ้ นวอนให้เงาะปา่ ชว่ ย เงาะป่าสงสารทง้ั สองนางจึงรบั ปาก และในวนั ทีเ่ จด็ เงาะปา่ กถ็ อดรปู เป็นพระสังข์ ทองใสเ่ กือกแก้วเหาะข้นึ ไปตคี ลีกบั พระอนิ ทรจ์ นชนะ พระอินทรก์ ็กลับไปบนสวรรค์ เจ้าเมืองพาราณสีตกใจมากให้หกเขยและบรรดาเสนาอำมาตย์ช่วยกันหาผู้อาสาเหาะไปตีคลี ทุกคนก็จน ปัญญา เจ้าเมืองพาราณสีจึงให้ป่าวประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเหาะไปตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศได้จะยกราช สมบัตใิ ห้ แตก่ ็ยังไม่มีผู้ใดมาอาสา นางมณฑาเทวีพระมเหสีของเจ้าเมืองพาราณสีจงึ แอบไปหานางรจนา และขอให้ นางรจนาอ้อนวอนให้เงาะปา่ ช่วย เงาะปา่ สงสารทง้ั สองนางจงึ รับปาก และในวนั ทเ่ี จ็ดเงาะป่ากถ็ อดรูปเป็นพระสังข์ ทองใส่เกอื กแก้วเหาะขึ้นไปตคี ลีกับพระอินทรจ์ นชนะ พระอินทร์ก็กลบั ไปบนสวรรค์ พระสังข์ทองนำพระมารดากลับไปอยู่ที่เมืองพาราณสี พระสังข์ทอง ปกครองเมืองพาราณสีจน เจริญรุ่งเรือง กิติศัพท์แพร่ไปยังนครอื่น ๆจนถึงเมืองพรหมนคร ชาวเมืองพรหมนครก็อพยพมาอยู่เมืองพาราณสี เสนาอำมาตย์เมืองพรหมนครจึงทูลเสนอพระเจ้าพรหมทัตว่าพระสังข์ทองพระราชโอรสครองเมืองพาราณสีมี ความสามารถทำให้รุ่งเรืองจึงเห็นสมควรที่จะอัญเชิญพระสังข์ทองมาครองเมืองพรหมนครเพื่อสร้างความเจริญ พระเจ้าพรหมทัตเมื่อทรงทราบว่าพระโอรสยังมีชีวิตอยู่และมีความสามารถก็ยินดี และสำนึกผิดให้อำมาตย์ผูใ้ หญ่ ไปเมืองพาราณสีและทูลเชิญพระสังข์ทองและพระนางจันทราเทวีกลับเมืองพรหมนคร พระสังข์ทองสงสารพระ บิดาจึงออ้ นวอนพระมารดาใหอ้ ภยั พระเจ้าพรหมทัตและเดนิ ทางกลับเมืองพรหมนคร พระเจ้าพรหมทัตก็มอบราช เนื้อเรือ่ งย่อ ท้าวยศวิมลมมี เหสีช่อื นางจันท์เทวี มสี นมเอกช่ือนางจนั ทาเทวี ไม่มโี อรสธิดา จึงบวงสรวงและรกั ษาศีลห้าเพ่ือ ขอบตุ ร และประกาศแก่พระมเหสีและนางสนมว่าถ้าใครมีโอรสกจ็ ะมอบเมืองใหค้ รอง อยู่มานางจันท์เทวีทรงครรภ์ เทวบุตรจุติมา เป็นพระโอรสของนาง แต่ประสูติมาเป็นหอยสังข์ นางจันทาเทวี เกิดความรษิ ยาจึงตดิ สินบนโหรหลวงให้ทำนายวา่ หอยสังข์จะทำให้บ้านเมืองเกดิ ความหายนะ ทา้ วยศวิมลหลงเชื่อ นางจันทาเทวี จงึ จำใจต้องเนรเทศนางจันทเ์ ทวีและหอยสงั ข์ไปจากเมือง นางจันท์เทวีพาหอยสังข์ไปอาศัยตายายช่าวไร่ ช่วยงานตายายเป็นเวลา 5 ปี พระโอรสในหอยสังข์แอบออกมา ชว่ ยทำงาน เช่น หงุ หาอาหาร ไลไ่ ก่ไมใ่ ห้จกิ ขา้ ว เมื่อนางจนั ท์เทวีทราบก็ทุบหอยสงั ขเ์ สยี
15 ในเวลาต่อมา พระนางจันทาเทวีได้ไปวา่ จ้างแม่เฒา่ สุเมธาให้ช่วยทำเสน่ห์เพ่ือทีท่ ้าวยศวิมลจะไดห้ ลงอยู่ในมนต์ สะกด และได้ยยุ งให้ท้าวยศวมิ ลไปจบั ตวั พระสังข์มาประหาร ทา้ วยศวมิ ลจึงมีบญั ชาใหจ้ บั ตัวพระสังข์มาถ่วงน้ำ แต่ ท้าวภุชงค์(พญานาค) ราชาแห่งเมืองบาดาลกม็ าช่วยไว้ และนำไปเลี้ยงเปน็ บุตรบุญธรรม ก่อนจะส่งให้นางพันธรุ ตั เลยี้ งดูตอ่ ไปจนพระสังขม์ ีอายไุ ด้ 15 ปีบรบิ ูรณ์ วันหนึ่ง นางพันธุรัตได้ไปหาอาหาร พระสังข์ได้แอบไปเที่ยวเล่นทีห่ ลังวัง และได้พบกับบ่อเงิน บ่อทอง รูปเงาะ เกือกทอง(รองเท้าทองนั้นเอง) ไม้พลอง และพระสังข์ก็รู้ความจริงว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์ เมื่อพระสังข์พบเข้ากับ โครงกระดกู จึงไดเ้ ตรียมแผนการหนีดว้ ยการกระโดดลงไปชุบตัวในบ่อทอง สวมรูปเงาะ กบั เกอื กทอง และขโมยไม้ พลองเหาะหนไี ป เมือ่ นางพนั ธรุ ัตทราบวา่ พระสังข์หนีไป กอ็ อกตามหาจนพบพระสังข์อยู่บนเขาลกู หน่ึง จึงขอร้อง ให้พระสังข์ลงมา แต่พระสังข์ก็ไม่ยอม นางพันธุรัตจึงเขียนมหาจินดามนตร์ที่ใช้เรียกเนื้อเรียกปลาได้ไว้ท่ีก้อนหิน ก่อนที่นางจะอกแตกตาย ซึ่งพระสังข์ได้ลงมาท่องมหาจินดามนตร์จนจำได้ และได้สวมรูปเงาะออกเดินทางต่อไป พระสงั ขเ์ ดินทางมาถงึ เมืองสามล ซ่งึ มที า้ วสามลและพระนางมณฑาปกครองเมือง ซ่ึงทา้ วสามลและพระนางมณฑา มีธิดาล้วนถึง 7 พระองค์ โดยเฉพาะ พระธิดาองค์สุดท้องที่ชื่อ รจนา มีสิริโฉมเลิศล้ำกว่าธิดาทุกองค์ จนวันหนึ่ง ทา้ วสามลได้จดั ใหม้ พี ิธเี สี่ยงมาลัยเลอื กค่ใู หธ้ ดิ าท้งั เจด็ ซึง่ ธิดาทัง้ 6 ต่างเสี่ยงมาลัยได้คคู่ รองทั้งสิ้น เวน้ แต่นางรจนา ที่มิได้เลือกเจ้าชายองค์ใดเป็นคู่ครอง ท้าวสามลจึงได้ให้ทหารไปนำตัวพระสังข์ในร่างเจ้าเงาะซึ่งเป็นชายเพียงคน เดียวที่เหลือในเมืองสามล ซึ่งนางรจนาเห็นรูปทองภายในของเจ้าเงาะ จึงได้เสี่ยงพวงมาลัยให้เจ้าเงาะ ทำให้ท้าว สามลโกรธมาก เนรเทศนางรจนาไปอยู่ท่ีกระท่อมปลายนากบั เจ้าเงาะ ณ สวรรค์ชนั้ ดาวดงึ สข์ องพระอนิ ทร์ อาสนท์ ่ปี ระทับของพระอินทร์เกิดแข็งกระดา้ ง อนั เปน็ สัญญาณว่ามีผู้มีบุญ กำลังเดือดร้อน จึงส่องทิพยเนตรลงไปพบเหตุการณ์ในเมืองสามล จึงได้แปลงกายเป็นกษัตริย์เมืองยกทัพไปล้อม เมืองสามล ท้าให้ท้าวสามลออกมาแข่งตีคลีกับพระองค์ หากท้าวสามลแพ้ พระองค์จะยึดเมืองสามลเสีย ท้าว สามลส่งหกเขยไปแข่งตีคลีกับพระอินทร์ แต่ก็แพ้ไม่เป็นท่า จึงจำต้องเรียกเจ้าเงาะให้มาช่วยตีคลี ซึ่งนางรจนาได้ ขอร้องให้สามีช่วยถอดรูปเงาะมาช่วยตีคลี เจ้าเงาะถูกขอร้องจนใจอ่อน และยอมถอดรูปเงาะมาช่วยเมืองสามลตี คลจี นชนะในทส่ี ุด หลงั จากเสร็จภารกิจท่ีเมืองสามลแล้ว พระอินทร์ได้ไปเข้าฝันท้าวยศวมิ ล และเปิดโปงความชั่ว ของพระนางจันทาเทวี พร้อมกับสั่งให้ท้าวยศวิมลไปรับพระนางจันท์เทวีกับพระสังข์มาอยู่ด้วยกันดังเดิม ท้าวยศ วิมลจึงยกขบวนเสดจ็ ไปรับพระนางจันท์เทวกี ลับมา และพากันเดินทางไปยังเมืองสามลเมื่อตามหาพระสังข์ ท้าว ยศวมิ ลและพระนางจันทเ์ ทวีปลอมตวั เป็นสามัญชนเขา้ ไปอยู่ในวัง โดยทา้ วยศวิมลเข้าไปสมัครเป็นช่างสานกระบุง ตะกร้า ส่วนพระนางจนั ท์เทวเี ข้าไปสมคั รเป็นแม่ครัว และในวันหนึ่ง พระนางจันท์เทวีก็ปรุงแกงฟักถวายพระสังข์
16 โดยพระนางจันท์เทวไี ด้แกะสลักชน้ิ ฟักเจด็ ชน้ิ เปน็ เร่อื งราวของพระสงั ข์ตง้ั แต่เยาวว์ ยั ทำให้พระสงั ข์รวู้ ่าพระมารดา ตามมาแลว้ จึงมาที่ห้องครวั และได้พบกับพระมารดาท่ีพลัดพรากจากกนั ไปนานอกี ครง้ั หลังจากน้นั ท้าวยศวิมล พระนางจันท์เทวี พระสังขก์ บั นางรจนาได้เดินทางกลบั เมืองยศวิมล ทา้ วยศวิมลได้ส่ัง ประหารพระนางจนั ทาเทวี และสละราชสมบัติให้พระสังขไ์ ด้ครองราชย์สืบต่อมา ลักษณะคำประพันธ์ 1.1.เป็นกลอนบทละคร บทหนึ่งมี 4 วรรค วรรคละ 6 คำ หนึ่งบทมี 2บาท เรียกว่าบาทเอกและบาทโท 1 บาท เทา่ กับ 1 คำกลอน 2.คำขึ้นต้นบท กลอนบทละครมีคำขึ้นต้นหลายแบบ และคำขึ้นต้นนั้นไม่จำเป็นต้องมีจำนวนเท่ากับวรรค สดับ อาจจะมเี พยี ง 2 คำกไ็ ด้
17 บรรณานกุ รมจากอนิ เตอร์เน็ต สังขท์ อง.(ระบบออนไลน)์ .แหลง่ ท่มี า.https://th.wikipedia.org/wiki/.(24 สิงหาคม 2565.) สงั ข์ทอง.(ระบบออนไลน์).แหล่งทม่ี า. https://www.trueplookpanya.com/.(24 สิงหาคม2565). สงั ขท์ อง.(ระบบออนไลน์).แหลง่ ที่มา.https://www.nongnoochpattaya.com/.(24 สงิ หาคม2565). สงั ขท์ อง.(ระบบออนไลน์).แหล่งท่ีมา. https://www.gotoknow.org/posts/.(24สิงหาคม2565). รัตนา คชนาท.2550.สงั ขท์ อง.(ระบบออนไลน์).แหล่งที่มา.www.naiin.com.(24 สงิ หาคม 2565).
18
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: