เกณฑก์ ารวนิ จิ ฉยั การตดิ เชอื้ ทรี่ ะบบทางเดนิ ปสั สาวะแบบมอี าการ (กรณีไม่ใสส่ ายสวนปสั สาวะ non - CAUTI) ผู้ป่วยอายุมากกวา่ 1 ปี ผปู้ ว่ ยมีลกั ษณะ และอาการหรืออาการแสดง ครบถว้ นตามเกณฑ์ 3 ขอ้ ดังน้ี 1. มีลักษณะอย่างนอ้ ย 1 ข้อ คือ 1.1 ผู้ป่วยไม่ได้คาสายสวนปัสสาวะมาก่อน หรือได้รับการคาสายสวน ปัสสาวะมาไม่เกิน 2 วันปฏิทนิ 1.2 ผ้ปู ่วยที่คาสายสวนปัสสาวะมากอ่ น ได้รับการถอดสายสวนปสั สาวะ มาเกินกวา่ 2 วันปฏทิ ิน 2. มอี าการหรืออาการแสดงอย่างนอ้ ย 1 ข้อ ตอ่ ไปน้ี 2.1 มไี ข้ (>38.0 องศาเซลเซียส) ในผปู้ ว่ ยที่อายุน้อยกวา่ 65 ปี 2.2 กดเจบ็ บริเวณหวั หน่าวโดยไมม่ ีสาเหตอุ ืน่ 2.3 ปวด หรอื กดเจบ็ บรเิ วณ costovertebral angle โดยไม่มสี าเหตุอ่นื 2.4 ปวดปัสสาวะเฉยี บพลัน (urinary urgency) 2.5 ปัสสาวะบ่อย (urinary frequency) 2.6 ปสั สาวะแสบขัด (dysuria) ผู้ป่วยที่คาสายสวนปัสสาวะอยู่อาจมีอาการหรืออาการแสดง ข้อ 2.4 – 2.6 ได้โดยไม่มีการติดเชื้อ จึงไม่ใช้เป็นองค์ประกอบในการวินิจฉัยการติดเช้ือในผู้ป่วย ท่ีคาสายสวนปัสสาวะคาอยู่ จะใช้องค์ประกอบเหล่านี้ในกรณีที่ผู้ป่วยถอดสายสวน ปสั สาวะแลว้ เท่านั้น 3. ผลการตรวจทางห้องปฏิบัตกิ ารพบเชอื้ ไมเ่ กนิ 2 ชนิด โดยเชือ้ แบคทเี รีย อย่างน้อย 1 ชนดิ มีจำ� นวน ≥ 105 CFU/ml 44 คมู่ ือวินจิ ฉัยการติดเช้ือในโรงพยาบาล
ผ้ปู ่วยอายุนอ้ ยกว่า 1 ปี ผปู้ ว่ ยมลี กั ษณะตามเกณฑข์ อ้ 1 และขอ้ 3 ขา้ งตน้ ทใ่ี ชใ้ นการวนิ จิ ฉยั การตดิ เชอื้ ระบบทางเดนิ ปสั สาวะในผปู้ ว่ ยทอี่ ายมุ ากกวา่ 1 ปี ไมว่ า่ จะคาสายสวนปสั สาวะหรอื ไมก่ ต็ าม มอี าการและอาการแสดงอย่างนอ้ ย 1 ข้อ ตอ่ ไปน้ี - มีไข้ (> 38.0 องศาเซลเซยี ส) - อุณหภูมิกายต�ำ่ (< 36.0 องศาเซลเซยี ส) - มภี าวะหยุดหายใจชั่วขณะ (Apnea)* - หวั ใจเต้นช้าผดิ ปกต*ิ - ซึมลง* - อาเจียน* - กดเจ็บบรเิ วณหัวหนา่ ว* *โดยไม่มสี าเหตุอื่น เกณฑ์การวินิจฉัยการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะที่ไม่มีอาการแต่ตรวจพบเชื้อในเลือด (Asymptomatic Bacteremic Urinary Tract Infection, ABUTI) ผู้ปว่ ยมลี กั ษณะ และอาการหรอื อาการแสดงครบถว้ นตามเกณฑ์ 3 ข้อ 1. ผปู้ ว่ ยคาหรอื ไมค่ าสายสวนปสั สาวะกต็ าม ทไ่ี มม่ อี าการเขา้ เกณฑก์ ารวนิ จิ ฉยั SUTI (ผปู้ ่วยอายเุ กนิ 65 ปี ทไ่ี มม่ กี ารคาสายสวนปสั สาวะ อาจจะมไี ขไ้ ด้ และยงั ถือวา่ อยู่ในเกณฑ์ ABUTI) 2. ผลการตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารพบเชอื้ ไมเ่ กนิ 2 ชนิด โดยเชือ้ แบคทีเรยี อย่างน้อย 1 ชนดิ มีจำ� นวน ≥105 CFU/ml 3. ตรวจพบเชอื้ เดยี วกนั ท้ังในเลอื ดและปัสสาวะอยา่ งนอ้ ย 1 ชนดิ คมู่ อื วนิ ิจฉัยการตดิ เชอื้ ในโรงพยาบาล 45
46 คมู่ อื วนิ จิ ฉัยการตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล
9บทท่่ี การติดเชือ้ ระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal tract infection) เกณฑก์ ารวินิจฉยั Gastroenteritis (ไม่รวมการติดเชือ้ Clostridium difficile) Gastroenteritis ต้องมีอาการอย่างนอ้ ย 1 ข้อ ตอ่ ไปนี้ 1. ผู้ปว่ ยมีอจุ จาระรว่ ง อย่างเฉียบพลัน (อจุ จาระเปน็ น้�ำนานกวา่ 12 ชั่วโมง) โดยไม่พบสาเหตุอ่นื 2. ผปู้ ว่ ยมอี าการอยา่ งนอ้ ย 2 อยา่ ง ตอ่ ไปนี้ เชน่ คลนื่ ไส้ อาเจยี น หรอื ปวดทอ้ ง มีไข้ (อณุ หภมู ิ > 38.0 องศาเซลเซียส) หรือ ปวดศรี ษะ และตอ้ งมอี ย่างนอ้ ย 1 ข้อ ตอ่ ไปน้ี 2.1 เพาะเช้ือกอ่ โรคได้จากอจุ จาระหรอื จากการทำ� Rectal swab หรอื ตรวจโดยวธิ ีอื่น 2.2 พบเชือ้ กอ่ โรคจากการตรวจด้วยกลอ้ งจลุ ทรรศน์ 2.3 ตรวจพบ IgM antibody ตอ่ เชอื้ กอ่ โรคสงู ถงึ ระดบั ทใี่ ชว้ นิ จิ ฉยั 1 ครงั้ หรอื IgG antibody ต่อเช้ือกอ่ โรค เพม่ิ ขึ้น 4 เทา่ ขน้ึ ไปในการตรวจครัง้ ที่สอง คูม่ ือวนิ จิ ฉัยการติดเชอื้ ในโรงพยาบาล 47
เกณฑก์ ารวนิ จิ ฉยั การตดิ เชอื้ C. difficile หรอื pseudomembranous colitis ผปู้ ่วยต้องมลี ักษณะเข้าไดก้ บั เกณฑ์การวินจิ ฉยั อย่างน้อย 1 ขอ้ ต่อไปน้ี 1. ตรวจพบ Clostridium difficile toxin ในอจุ จาระท่ีเหลว 2. ตรวจพบ pseudomembranous colitis โดยลกั ษณะทางกายวภิ าคหรอื ทางพยาธิวิทยา เกณฑ์การวนิ จิ ฉัย Necrotizing enterocolitis (NEC) เดก็ ทารกทม่ี กี ารอกั เสบของลำ� ไสแ้ บบ Necrotizing enterocolitis จะตอ้ งมลี กั ษณะ ตามเกณฑ์การวนิ จิ ฉยั อยา่ งนอ้ ย 1 ข้อ คือ 1. ทารกมีลักษณะทางคลินิกอย่างน้อย 1 ข้อ และลักษณะทางภาพรังสี อยา่ งน้อย 1 ขอ้ ดังน้ี 1.1 ลกั ษณะทางคลนิ กิ ไดแ้ ก่ ดดู ไดน้ ำ�้ ดจี ากกระเพาะอาหาร อาเจยี น ทอ้ งอดื และมเี ลอื ดออกปนมากบั อจุ จาระจนเหน็ ไดด้ ว้ ยตาเปลา่ หรอื ตรวจพบ occult blood 1.2 ลักษณะภาพทางรังสี (ถา้ ไม่ชดั เจน อาจต้องใชข้ อ้ มลู อืน่ มาประกอบ เชน่ แพทยส์ งั่ การรกั ษาแบบ NEC) ไดแ้ ก่ pneumatosis intestinalis, portal venous gas (hepatobiliary gas), หรือ pneumoperitoneum 2. Surgical NEC: ตอ้ งมสี ง่ิ ตรวจพบในระหวา่ งการผา่ ตดั อยา่ งนอ้ ย 1 ขอ้ คอื 2.1 extensive bowel necrosis ทีม่ ีความยาวอย่างนอ้ ย 2 เซนตเิ มตร 2.2 pneumatosis intestinalis 48 คู่มอื วินจิ ฉัยการตดิ เชื้อในโรงพยาบาล
เกณฑก์ ารวนิ จิ ฉยั การตดิ เชอื้ ระบบทางเดนิ อาหาร (หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำ� ไสเ้ ลก็ ลำ� ไส้ใหญ่ และ rectum) ยกเวน้ gastroenteritis, appendicitis, และการตดิ เชอ้ื C.difficile) การตดิ เชอ้ื ระบบทางเดนิ อาหาร ตอ้ งมลี กั ษณะตามเกณฑต์ อ่ ไปนี้ อยา่ งนอ้ ย 1 ขอ้ คอื 1. ผู้ป่วยมีฝี หรือมีหลักฐานทางกายวิภาคหรือการตรวจทางพยาธิวิทยาของ ระบบทางเดนิ อาหารทแ่ี สดงถงึ การตดิ เชื้อ 2. ผู้ป่วยมีอาการหรืออาการแสดงที่เข้าได้กับการติดเช้ือในอวัยวะน้ัน ๆ อยา่ งนอ้ ย 2 อยา่ ง คอื มไี ข้ ( > 38.0 องศาเซลเซยี ส) คลนื่ ไส*้ อาเจยี น* ปวด* หรอื กดเจบ็ * กลืนเจ็บ* กลืนล�ำบาก* ร่วมกบั การตรวจพบต่อไปน้ี อยา่ งน้อย 1 ขอ้ คือ 2.1 ตรวจพบเช้ือก่อโรคจากสารน้�ำท่ีระบายออกมาหรือจากเนื้อเยื่อด้วย การเพาะเช้อื หรือวธิ ีอื่น 2.2 ตรวจพบเชื้อจากการย้อมสีกรัม พบเชื้อราจากการย้อมด้วย KOH หรือตรวจพบ multinucleated giant cells 2.3 ตรวจพบเชื้อจากเลือด รว่ มกับมีภาพถา่ ยรังสีหรือจากการสอ่ งกล้อง ตรวจท่ีช้ีว่ามีการติดเช้ือที่ระบบทางเดินอาหาร (ถ้าไม่ชัดเจน อาจต้องใช้ข้อมูลอื่น มาประกอบ เช่น แพทยส์ งั่ การรกั ษาการตดิ เช้ือที่ระบบทางเดนิ อาหาร) *โดยไมม่ ีสาเหตุอ่ืน คู่มือวนิ ิจฉยั การติดเชื้อในโรงพยาบาล 49
50 คมู่ อื วนิ จิ ฉัยการตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล
10บทท่่ี การตดิ เช้อื ที่ระบบอวยั วะสืบพนั ธ์ุสตรีและทารกปรกิ ำ� เนิด เกณฑก์ ารวนิ จิ ฉยั การตดิ เชอื้ Deep pelvic tissue infection (OREP) หรอื การตดิ เชอื้ อน่ื ท่ี อยู่ในระบบอวัยวะสบื พันธุข์ องเพศหญงิ และชาย (epididymis, testes, prostate, vagina, ovaries, uterus, chorioamnionitis, excluding vaginitis, endometritis or vaginal cuff infections) ผูป้ ่วยต้องมลี กั ษณะต่อไปน้ี อย่างน้อย 1 ข้อ 1. ตรวจพบเช้ือก่อโรคจากช้ินเนื้อหรือส่ิงคัดหล่ังจากบริเวณท่ีมีพยาธิสภาพ (ยกเวน้ ปสั สาวะหรอื vaginal swabs) โดยวธิ เี พาะเชอื้ หรอื วธิ อี นื่ เพอ่ื การวนิ จิ ฉยั หรอื การรกั ษา 2. ผปู้ ว่ ยมกี ารอกั เสบ หรอื มหี ลกั ฐานแสดงวา่ มกี ารตดิ เชอื้ ทตี่ ำ� แหนง่ ดงั กลา่ ว 3. ผปู้ ว่ ยมอี าการอยา่ งนอ้ ย 2 อยา่ งตอ่ ไปนี้ มไี ข้ (อณุ หภมู ิ > 38.0 องศาเซลเซยี ส) คล่ืนไส้ อาเจียน เจ็บหรือ กดเจ็บ หรือ ปัสสาวะล�ำบาก โดยไม่พบสาเหตุอื่น และ มีความผดิ ปกตอิ ย่างนอ้ ย 1 ขอ้ ต่อไปนี้ 3.1 พบเช้ือก่อโรคในเลือด โดยการเพาะเชื้อหรือวิธีอื่นเพ่ือการวินิจฉัย หรอื การรักษา 3.2 แพทย์ให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะภายใน 2 วัน เมื่อมีอาการ หรอื อาการเลวลง คมู่ อื วนิ ิจฉยั การติดเชือ้ ในโรงพยาบาล 51
เกณฑ์การวนิ จิ ฉัย Vaginal cuff infection (VCUF) ผู้ปว่ ยต้องมลี กั ษณะตอ่ ไปนี้ อย่างน้อย 1 ข้อ 1. หลังผ่าตัด hysterectomy พบว่า มีหนองไหลออกจาก Vaginal cuff จากลกั ษณะทางกายวิภาค 2. หลังผ่าตัด hysterectomy พบว่ามลี ักษณะการอักเสบ หรอื มหี ลกั ฐานว่า มีการติดเชอ้ื ทบ่ี ริเวณ Vaginal cuff จากลกั ษณะทางกายวภิ าค 3. หลงั ผา่ ตดั hysterectomy ตรวจพบเชอื้ กอ่ โรคจากสง่ิ คดั หลงั่ หรอื เนอ้ื เยอ้ื จากบริเวณ Vaginal cuff โดยวิธี เพาะเชอ้ื หรือวิธอี ืน่ เพอื่ การวนิ ิจฉยั หรอื การรักษา เกณฑก์ ารวินิจฉยั เยือ่ บมุ ดลกู อกั เสบ (Endometritis) ตอ้ งมลี กั ษณะอยา่ งน้อย 1 ข้อต่อไปนี้ 1. เพาะเชอื้ กอ่ โรคไดจ้ ากของเหลวหรอื เนอื้ เยอ่ื จากเยอ่ื บมุ ดลกู ซงึ่ ไดข้ ณะผา่ ตดั หรอื โดย การใชเ้ ข็มดดู ออกมา หรอื โดยการตัดชิ้นเน้อื 2. ผปู้ ว่ ยมอี าการหรอื อาการแสดงอยา่ งนอ้ ย 2 อยา่ ง ตอ่ ไปน:้ี มไี ข้ (อณุ หภมู ิ > 38.0 องศาเซลเซียส) ปวดทอ้ ง หรือกดเจ็บบริเวณมดลูกโดยไมพ่ บสาเหตอุ ืน่ หรือ มีหนองไหลออกจากมดลกู 52 ค่มู ือวนิ ิจฉัยการตดิ เชื้อในโรงพยาบาล
เกณฑ์การวินิจฉยั การติดเชอ้ื ในโรงพยาบาลตำ� แหนง่ การตดิ เชื้อ Episiotomy ตอ้ งมีลกั ษณะเขา้ ได้กับอยา่ งน้อย 1 ขอ้ ต่อไปนี้ 1. ภายหลังการคลอดทางชอ่ งคลอดมีหนองออกมาจากแผล Episiotomy 2. ภายหลงั การคลอดทางชอ่ งคลอดมฝี ที ่แี ผล Episiotomy เกณฑก์ ารวนิ จิ ฉัย Omphalitis Omphalitis ในทารกแรกเกดิ (อายุ ≤ 30 วนั ) ผ้ปู ่วยต้องมลี ักษณะเข้าได้กับ เกณฑก์ ารวินิจฉัยอยา่ งน้อย 1 ข้อตอ่ ไปนี้ 1. สะดอื ของทารกมลี กั ษณะแดงหรอื แฉะผดิ ปกติ และมสี งิ่ ตอ่ ไปนอ้ี ยา่ งนอ้ ย 1 ขอ้ 1.1 ตรวจพบเชอื้ ก่อโรคจากการเพาะเชื้อหรือวธิ กี ารอนื่ จากสงิ่ สง่ ตรวจที่ ไดจ้ ากการใช้เขม็ ดูด 1.2 เพาะเช้อื ได้จากเลือด 2. สะดอื ของทารกมลี กั ษณะแดงและมีหนอง เกณฑ์การวนิ ิจฉยั การตดิ เชอ้ื แผล circumcision การวินจิ ฉัยการติดเช้อื แผล Circumcision ในทารกแรกเกดิ (อายุ ≤ 30 วัน) ผู้ป่วยตอ้ งมีลกั ษณะเขา้ ไดก้ ับเกณฑ์การวนิ ิจฉัยอย่างน้อย 1 ข้อ ตอ่ ไปนี้ 1. มหี นองท่แี ผล circumcision 2. แผล circumcision แดง บวม หรอื กดเจบ็ อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ โดยไมม่ สี าเหตอุ น่ื รว่ มกบั ตรวจพบเชอ้ื กอ่ โรคดว้ ยวธิ กี ารเพาะเชอื้ หรอื วธิ อี น่ื นอกเหนอื จากการเพาะเชอื้ ถา้ เชอื้ ทีต่ รวจพบเปน็ เช้ือประจ�ำถิ่น (commensal organisms) ต้องประกอบกบั การ ท่ีแพทย์ส่ังการรักษาด้วยยาต้านจุลชีพภายในสองวันนับจากเร่ิมมีอาการหรือวันท่ี อาการแยล่ ง คมู่ อื วินจิ ฉยั การตดิ เช้ือในโรงพยาบาล 53
54 คมู่ อื วนิ จิ ฉัยการตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล
11บทท่่ี การติดเชื้อทก่ี ระดูกและขอ้ เกณฑ์การวนิ ิจฉยั การติดเชอื้ Osteomyelitis ผปู้ ่วยตอ้ งมลี ักษณะต่อไปน้ี อยา่ งน้อย 1 ข้อ 1. พบเชอื้ กอ่ โรคในกระดกู จากการตรวจพบโดยการเพาะเชอ้ื หรอื สง่ ตรวจดว้ ยวธิ อี นื่ เพ่ือการวนิ จิ ฉยั หรือการรกั ษา 2. มหี ลกั ฐานทพี่ บวา่ มกี ารตดิ เชอ้ื Osteomyelitis จากการลกั ษณะทางกายวภิ าค หรอื การตรวจเน้ือเย่อื 3. ผปู้ ว่ ยมอี าการและอาการแสดงอยา่ งนอ้ ย 2 อยา่ ง ตอ่ ไปนี้ คอื มไี ข้ (อณุ หภมู ิ > 38.0 องศาเซลเซยี ส) ปวด บวม แดง รอ้ น หรอื มสี ิ่งคดั หลง่ั ไหลออกมา โดยไม่พบ สาเหตอุ ่ืนรว่ มกับ พบความผิดปกตอิ ยา่ งน้อย 1 ขอ้ ตอ่ ไปนีค้ อื 3.1 พบเชื้อก่อโรคในเลือดจากการตรวจพบโดยวิธีเพาะเชื้อหรือส่งตรวจ ดว้ ยวิธีอ่นื และ พบหลกั ฐานการติดเชือ้ จาก x - ray, CT scan, MRI หรือ radiolabel scan (gallium, technetium เป็นต้น) ซึ่งอาจมีหลักฐานสนับสนุนจากแพทย์ที่ให้ การรักษา Osteomyelitis ดว้ ยยาปฏชิ วี นะ 3.2 พบหลกั ฐานการตดิ เชอ้ื จาก x - ray, CT scan, MRI หรอื radiolabel scan (gallium, technetium เปน็ ต้น) ซึง่ อาจใชห้ ลกั ฐานสนับสนนุ จากการทแี่ พทย์ ให้การรักษา Osteomyelitis ด้วยยาปฏชิ วี นะ คมู่ อื วนิ จิ ฉัยการตดิ เช้อื ในโรงพยาบาล 55
เกณฑก์ ารวนิ จิ ฉัยการตดิ เชื้อ Vertebral disc space ผู้ป่วยตอ้ งมีลักษณะตอ่ ไปน้ี อย่างน้อย 1 ข้อ 1. พบเชอ้ื กอ่ โรคใน Vertebral disc space จากการตรวจพบโดยการเพาะเชอื้ หรือสง่ ตรวจดว้ ยวิธอี ื่น เพื่อการวนิ ิจฉัยหรือการรกั ษา 2. มหี ลกั ฐานท่ีพบวา่ มีการติดเช้ือ Vertebral disc space จากการลักษณะ ทางกายวภิ าคหรือการตรวจเนอ้ื เยือ่ 3. ผู้ป่วยมีอาการและอาการแสดงอย่างน้อย 2 อย่าง ต่อไปนี้ เช่น มีไข้ (อณุ หภมู ิ > 38.0 องศาเซลเซยี ส) หรอื ปวดบรเิ วณทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั Vertebral disc space โดยไม่พบสาเหตุอ่ืน และ พบหลักฐานการติดเชื้อจาก x - ray, CT scan, MRI หรือ radiolabel scan (gallium, technetium เปน็ ต้น) ซง่ึ หากไมช่ ดั เจน อาจใช้ หลักฐานสนับสนุนจากการท่ีแพทย์ให้การรักษา Vertebral disc space ด้วยยา ปฏิชีวนะเป็นข้อมูลประกอบ หรือ อาจมีการพบเช้ือก่อโรคในเลือดจากการตรวจพบ โดยวธิ ีเพาะเช้ือหรอื สง่ ตรวจดว้ ยวิธีอ่นื รว่ มดว้ ย เกณฑ์การวนิ ิจฉัยการติดเช้ือ Joint or bursa (JNT) เกณฑ์การวินิจฉัยนี้ไม่ใช้กับการวินิจฉัย Organ/Space SSI ท่ีเกี่ยวข้องกับ การผา่ ตดั เปลย่ี นขอ้ สะโพก (Hip prosthesis, HPRO) หรอื ขอ้ เขา่ (Knee prosthesis, KPRO) ผ้ปู ่วยต้องมลี กั ษณะต่อไปน้ี อยา่ งนอ้ ย 1 ข้อ 1. พบเชอ้ื กอ่ โรคใน JNT - Joint or bursa จากการตรวจพบโดยการเพาะเชอื้ หรอื สง่ ตรวจดว้ ยวธิ อี ่นื เพ่ือการวินิจฉยั หรอื การรักษา 2. มีหลักฐานที่พบว่า มีการติดเช้ือ JNT - Joint or bursa จากลักษณะ ทางกายวภิ าคหรือการตรวจเนอื้ เยอ่ื 56 คมู่ อื วินจิ ฉยั การตดิ เช้อื ในโรงพยาบาล
3. ผปู้ ่วยมีอาการและอาการแสดงอยา่ งนอ้ ย 2 อย่าง ตอ่ ไปนคี้ อื บวม ปวด หรอื กดเจบ็ รอ้ น มสี ง่ิ คดั หลง่ั ในขอ้ หรอื เคลอ่ื นไหวขอ้ ไดไ้ มป่ กติ โดยไมพ่ บสาเหตอุ น่ื ร่วมกับพบความผดิ ปกตอิ ยา่ งน้อย 1 ข้อ ต่อไปนค้ี ือ 3.1 ตรวจพบวา่ มเี มด็ เลอื ดขาวสงู หรอื leukocyte esterase test พบ ผลบวกในของเหลวจากขอ้ 3.2 พบเชอื้ กอ่ โรคและเมด็ เลอื ดขาวดว้ ยการยอ้ มสี Gram ของเหลวจากขอ้ 3.3 พบเชือ้ ก่อโรคในเลือดโดยวธิ เี พาะเชือ้ หรือส่งตรวจด้วยวิธีอ่ืน 3.4 พบหลกั ฐานการตดิ เชอ้ื จาก x - ray, CT scan, MRI หรอื radiolabel scan (gallium, technetium เปน็ ตน้ ) ซง่ึ อาจมหี ลกั ฐานสนบั สนนุ จากแพทยท์ ใ่ี หก้ าร รกั ษา JNT-Joint or bursa ดว้ ยยาปฏิชวี นะ Periprosthetic Joint Infection เกณฑก์ ารวนิ จิ ฉยั นใ้ี ชก้ บั การวนิ จิ ฉยั Organ/Space SSI ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การผา่ ตดั เปลยี่ นขอ้ สะโพก (Hip prosthesis, HPRO) หรอื ขอ้ เขา่ (Knee prosthesis, KPRO) เทา่ นนั้ เกณฑก์ ารวนิ จิ ฉยั การตดิ เชอ้ื Joint or bursa ผู้ปว่ ยตอ้ งมลี ักษณะต่อไปนี้ อย่างนอ้ ย 1 ขอ้ 1. พบเช้อื ใน Periprosthetic specimens อยา่ งน้อย 2 ชนดิ (ช้ินเนือ้ หรือ สิง่ คดั หลั่ง) ตอ้ งมีเชือ้ เหมอื นกันอยา่ งนอ้ ย 1 ตัว ซ่งึ ตรวจโดยวิธเี พาะเช้อื หรอื สง่ ตรวจ ด้วยวธิ ีอน่ื เพอื่ การวินจิ ฉัยหรอื การรักษา 2. มรี ู (sinus tract) ท่ตี ดิ ตอ่ ออกมาจากข้อ คมู่ ือวินิจฉยั การติดเช้อื ในโรงพยาบาล 57
3. ผ้ปู ว่ ยต้องมคี วามผดิ ปกติ 3 ข้อ ต่อไปนี้ 3.1 C - reactive protein สูง (CRP; >100 mg/L) 3.2 Synovial fluid พบเม็ดเลือดขาวสูง (WBC; >10,000 cells/μL) หรือผล leukocyte esterase test มากกวา่ หรอื เท่ากับ 2 บวก 3.3 พบ neutrophils (Polymorphonuclear, PMNs) ใน synovial fluid > 90% 3.4 การตรวจทางพยาธิวิทยาเน้ือเยื่อรอบข้อเทียม (periprosthetic tissue) พบ neutrophils (Polymorphonuclear, PMNs) มากกวา่ 5 เซลลต์ ่อหัว ก�ำลงั ขยายสงู (per high power field) 3.5 พบเช้อื ใน Periprosthetic specimens จากช้นิ เนอ้ื หรือ สง่ิ คดั หล่งั ซ่ึงตรวจโดย วิธเี พาะเช้ือหรอื สง่ ตรวจด้วยวธิ ีอ่ืน 58 คูม่ อื วนิ ิจฉยั การติดเชือ้ ในโรงพยาบาล
12บทท่่ี การตดิ เชือ้ อื่น ๆ เกณฑก์ ารวินจิ ฉัยการตดิ เชือ้ ทผ่ี ิวหนงั และเนื้อเยอื่ ใต้ผิวหนงั ผูป้ ่วยมอี าการเฉพาะทอ่ี ย่างนอ้ ย 2 อย่าง คือ ปวด กดเจบ็ บวม แดง รอ้ น โดยไมม่ สี าเหตอุ ื่น รว่ มกับการตรวจพบอย่างนอ้ ย 1 ข้อ ตอ่ ไปน้ี 1. ตรวจพบเช้ือก่อโรคจากการเพาะเชื้อสิ่งส่งตรวจท่ีได้จากการใช้เข็มดูด หรอื จาก drainage ทีเ่ ก็บโดยวธิ ี Aseptic Technique บรเิ วณทม่ี ีการติดเช้อื หรอื การตรวจเชอ้ื ดว้ ยวิธีการอ่นื เชน่ ตรวจแอนตเิ จน หรือ DNA ในเนอ้ื เย่ือทีม่ กี ารตดิ เชอ้ื (เช่น herpes simplex, varicella zoster) หากเป็นเช้ือประจ�ำถิ่นของผิวหนัง (ไดแ้ ก่ coagulase negative staphylococci, micrococci, diphtheroids) จะต้อง พบเช้ือเพยี งชนิดเดยี ว (Pure culture) 2. ตรวจเนอื้ เยอื่ ทมี่ กี ารตดิ เชอ้ื ดว้ ยกลอ้ งจลุ ทรรศน์พบMultinucleatedgiantcells 3. ตรวจพบ IgM antibody ตอ่ เชือ้ ก่อโรคสงู ถงึ ระดบั ท่ีใชว้ ินิจฉยั 1 คร้ัง หรือ IgG antibody ตอ่ เชื้อก่อโรค เพมิ่ ข้ึน 4 เท่าข้ึนไปในการตรวจครั้งท่สี อง คู่มือวนิ จิ ฉยั การติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล 59
เกณฑ์การวินจิ ฉยั การติดเชอื้ แผลจากความรอ้ นหรือสารเคมี (Burn wound) การตดิ เชอื้ แผลจากความรอ้ นหรอื สารเคมี ตอ้ งมลี กั ษณะตามเกณฑต์ อ่ ไปนที้ ง้ั 2 ขอ้ 1. จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงของสีหรือลักษณะของแผลไฟไหม้ เช่น Eschar หลดุ อยา่ งรวดเร็ว หรอื มสี ีนำ้� ตาลเขม้ หรอื ด�ำ หรอื มว่ งคลำ้� หรอื ขอบแผลบวม 2. เพาะเชือ้ ก่อโรคได้จากเลอื ด เกณฑก์ ารวนิ ิจฉัยการตดิ เชื้อ Breast infection or mastitis (BRST) การวนิ จิ ฉยั เตา้ นมอกั เสบ หรอื mastitis ผปู้ ว่ ยตอ้ งมลี กั ษณะตอ่ ไปน้ี อยา่ งนอ้ ย 1 ขอ้ 1. ตรวจพบเชื้อก่อโรคจากการตรวจชิน้ เนอ้ื หรอื สงิ่ คัดหลัง่ ท่ีตรวจพบโดยวธิ ี เพาะเชื้อหรอื วธิ อี น่ื เพือ่ การวนิ ิจฉัยหรือการรักษา 2. พบเต้านมอักเสบ หรือหลักฐานการติดเช้ือจากลักษณะทางกายวิภาคหรือ การตรวจเน้อื เยอ่ื 3. ผู้ป่วยมีไข้ (อุณหภูมิ > 38.0 องศาเซลเซียส) และเต้านมแสดงอาการ ของการอกั เสบ และ แพทยใ์ หก้ ารรกั ษาดว้ ยยาปฏชิ วี นะภายใน 2 วนั เมอ่ื มอี าการหรอื อาการเลวลง ส�ำหรับผู้ป่วยติดเชื้อภายหลังผ่าตัดเต้านม ถ้าการติดเช้ือเกี่ยวข้องกับชั้น subcutaneous ใหร้ ายงานเปน็ superficial incisional SSI ถา้ การตดิ เชอ้ื เกยี่ วขอ้ งกบั ชน้ั muscle/fascia ใหร้ ายงานเปน็ deep incisional SSI สว่ นเกณฑข์ อ้ ที่ 3 ไมส่ ามารถ นำ� มาวนิ จิ ฉัยการตดิ เชอ้ื ทแ่ี ผลผา่ ตัดได้ 60 คมู่ ือวินิจฉัยการติดเช้ือในโรงพยาบาล
บรรณานกุ รม กำ� ธร มาลาธรรม, และสสุ ณั ห์ อาศนะเสน. (บรรณาธกิ าร). (2556). คมู่ อื ปฏบิ ตั กิ ารปอ้ งกนั และควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกัด. กำ� ธร มาลาธรรม, และยงค์ รงคร์ งุ่ เรอื ง. (บรรณาธกิ าร). (2560). คมู่ อื ปฏบิ ตั กิ ารปอ้ งกนั และควบคุมการติดเช้ือในโรงพยาบาล พิมพ์คร้ังที่ 2. กรุงเทพฯ : ส�ำนักพิมพ์ อกั ษรกราฟฟิคแอนดด์ ีไซน์. ยงค์ รงค์รุ่งเรือง, และจริยา แสงสัจจา. (บรรณาธิการ). (2556). เกณฑ์การวินิจฉัย การตดิ เชอื้ ในโรงพยาบาล. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พส์ ำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาต.ิ Centers for Disease Control and Prevention. (January 2013). NHSN Patient Safety Component Manual Updates. Retrieved from https://www. cdc.gov/nhsn/PDFs/ Newsletters/January-2013-PSC-Updates.pdf Centers for Disease Control and Prevention. (January 2017). National Healthcare Safety Network (NHSN) Patient Safety Component Manual. Retrieved from https://www.cdc.gov/nhsn/ pdfs/pscmanual/ pcsmanual_current.pdf Horan TC1, Andrus M, & Dudeck MA. (2008). CDC/NHSN surveillance definition of health care-associated infection and criteria for specific types of infections in the acute care setting. AJIC major articles, 2008(36),309 – 332. DOI:10.1016/j.ajic.2008.03.002 คมู่ อื วินจิ ฉยั การติดเช้อื ในโรงพยาบาล 61
รายชื่อคณะท�ำงานจดั ทำ� คู่มือวินิจฉัยการติดเช้ือในโรงพยาบาล ปี พ.ศ. 2561 • ศ.เกียรติคณุ นพ.สมหวงั ดา่ นชัยวจิ ติ ร คณะแพทยศาสตรศ์ ิรริ าชพยาบาล ท่ปี รกึ ษา • รศ.นพ.นริ นั ดร์ วรรณประภา คณะแพทยศาสตรศ์ ริ ิราชพยาบาล ทีป่ รึกษา • นพ.อภชิ าต วชิรพันธ์ สถาบนั บำ� ราศนราดรู ทป่ี รกึ ษา • ผศ.นพ.ก�ำธร มาลาธรรม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี บรรณาธกิ าร • ผศ.นพ.ยงค์ รงค์รงุ่ เรือง คณะแพทยศาสตรศ์ ิรริ าชพยาบาล บรรณาธิการ • ศ.นพ.ขจรศกั ดิ์ ศลิ ปโภชากลุ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คณะทำ� งาน • น.ส.จิตรลดา รจุ ิทิพย ์ สถาบันบ�ำราศนราดรู คณะท�ำงาน • น.ส.เทพนิมติ ร จุแดง โรงพยาบาลศริ ริ าช คณะท�ำงาน • น.ส.พรนภา เอ่ยี มลออ โรงพยาบาลนพรัตน ์ คณะท�ำงาน • พญ.วรวรรณ สัมฤทธมิ์ โนพร โรงพยาบาลนพรัตน์ คณะท�ำงาน • นางวราภรณ์ พุม่ สวุ รรณ โรงพยาบาลศิริราช คณะทำ� งาน • นางวราภรณ์ เทียนทอง สถาบนั บ�ำราศนราดรู คณะทำ� งาน • น.ส.วลัยพร วิสฐิ นนทชัย สถาบนั บ�ำราศนราดรู คณะทำ� งาน • น.ส.วนิ นะดา คงเดชศักดา สถาบันบำ� ราศนราดูร คณะทำ� งาน • นพ.วิศลั ย์ มลู ศาสตร ์ สถาบันบำ� ราศนราดูร คณะทำ� งาน • นพ.วีรวัฒน์ มโนสทุ ธ ิ สถาบนั บำ� ราศนราดรู คณะทำ� งาน • พญ.ศรเี พชรรัตน์ เมฆวิวฒั นาวงศ์ โรงพยาบาลพระน่งั เกลา้ คณะท�ำงาน • นางสาวศรีสุรยี ์ เออื้ จริ ะพงษพ์ ันธ์ โรงพยาบาลสระบุร ี คณะทำ� งาน • ผศ.ศิริลักษณ์ อภิวาณิชย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธบิ ดี คณะท�ำงาน • นางสาวสุนทรยี า ศิรโิ ชติ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธบิ ดี คณะทำ� งาน • นพ.สุรศกั ดิ์ วบิ ูลชตุ ิกุล สถาบนั บำ� ราศนราดรู คณะท�ำงาน • น.ส.เอมกิ าญ ไชคนิ ี โรงพยาบาลพระนัง่ เกลา้ คณะทำ� งาน • น.ส.เออ้ื ใจ แจม่ ศกั ดิ์ สถาบนั บำ� ราศนราดรู คณะทำ� งาน • น.ส.อัมไพวรรณ พวงกำ� หยาด สถาบันบ�ำราศนราดรู คณะท�ำงาน 62 คมู่ ือวินจิ ฉยั การติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล
Search