Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore part1

part1

Description: part1

Search

Read the Text Version

ปที ่ี 83 ฉบบั ท่ี 4 กรกฎาคม-สงิ หาคม 2553 ISSN 0125-3697 สมมนุ ดี ไกี พวรา่ ทไทค่ี ยดิ

ปที่ 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม-สิงหาคม 2553 ISSN 0125-3697 ปที ่ี 83 ฉบบั ท่ี 4 กรกฎาคม – สงิ หาคม 2553 ISSN 0125-3697 ÊÁÁ¹Ø ´Õ ä¡Õ ¾ÇÃÒ‹ ·ä·¤èÕ Â´Ô น้ำพระทยั สู่ไรน่ า : ฟารม์ ตัวอย่างฯ บ้านยางนอ้ ย 7 24 คู่คดิ ชาวนา : จากข้าวเลบ็ นกปตั ตานี... สู่ขา้ วเลบ็ นกปกาเกอะญอ 10 62 เคยี งบา่ ชาวไร่ : เรพสดี ...ผักกาดใหน้ ำ้ มนั 12 เส้นไหมใบหม่อน : กรมหม่อนไหม 17 12 มมุ มองพชื สวน : สมุนไพรไทย มีดกี วา่ ทีค่ ดิ 24 83 ใต้ร่มยางพารา : ลูกบอลยางพาราเพอ่ื สุขภาพ 36 98 : การเปิดกรดี ยางก่อนได้ขนาด ฤาจะกนิ ขา้ วดิบ 41 เกษตรต่างแดน : ไปดขู ้าวโพด GM ทีฟ่ ลิ ิปปินส ์ 45 เกษตรน่ารู้ : ธาตอุ าหารในใบพริก 50 อาหารปลอดภัย : เกษตรกร GAP ดีเด่น ปี 2553 (ตอนท่ี 4) 58 : สวนผลไม้อนิ ทรยี ์ 62 เครือ่ งจกั รกลการเกษตร : เคร่ืองมอื เก็บเกีย่ วปาล์มนำ้ มันระบบนวิ แมติกส์ 70 รายงาน : ปาลม์ น้ำมนั : เส้นทางส่ยู ุคพลังงานทดแทนไบโอดีเซล 74 อารกั ขาพชื : แตนเบยี นกับเพลย้ี แป้งมันสำปะหลัง 83 คนรกั ตน้ ไม้ : มงั ตาน 90 เก็บมาฝาก : เทคโนโลยีก้าวไกล... เกษตรใตก้ า้ วหน้า 92 : แมงสะดง้ิ 98 ท่านที่ต้องการส่งบทความ หรือขอ้ เขียนเผยแพร่ในหนงั สือพิมพก์ สกิ ร กรณุ าส่ง ขอ้ เขยี นของท่านทีบ่ ันทกึ ลงในแผน่ บนั ทึกขอ้ มูล พรอ้ มภาพประกอบเร่ืองทบี่ นั ทกึ ลงในแผ่น บันทึกข้อมลู ภาพสี หรือ ภาพสไลด ์ ให้กับกองบรรณาธิการโดยตรง บทความ หรอื ข้อเขียนใดที่ลงพิมพ์ในหนังสืออื่นมาก่อนด้วยข้อความท่ีเหมือนกันทุกประการจะไม่ได ้ รับการพจิ ารณา บทความ และขอ้ เขียนทต่ี พี มิ พ์เผยแพรใ่ นหนังสือพมิ พก์ สกิ รเป็นข้อคิดเห็น และ ทัศนคตขิ องผ้เู ขียน มไิ ดเ้ ก่ียวข้องกบั กรมวชิ าการเกษตรแตอ่ ย่างใด

น้ ำ พ ร ะ ทั ย สู่ ไ ร่ น า ขา้ ว 5 ชนิด เบญจกระยาทพิ ย ์ าบรา้ ์มนตยวั าองยนา่ อ้ งยฯ ศริ ริ ัตน์ กริชจนรชั เ หตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาได้สร้างความเศร้าสลดใจแก่ผู้คน ประชาชนตาดำๆ ไม่ใชน่ ้อย และคงยากท่จี ะหาสงิ่ ใดมาเยียวยา โหระพามัดละ 2 บาท ให้บ้านเมอื งของเรากลับมาเปน็ สยามเมืองย้ิมได้เชน่ เดมิ แตน่ บั วา่ โชคดที ีเ่ มืองไทยของเรายงั คงมี “สถาบนั พระมหากษัตริย”์ ซ่ึงเป็น ศูนย์รวมจิตใจท่ีได้นำพาพวกเราให้ก้าวผ่านช่วงวิกฤตท่ีหนักหนา สาหัสมาแล้วหลายคร้ังหลายครา และครง้ั น้ีกเ็ ช่นกนั เราคงจะผา่ นพ้น ความบอบช้ำน้ีไปไดไ้ มย่ ากนกั หากเพยี งแตเ่ ราทุกคนสำนึกในพระ มหากรณุ าธคิ ุณของพระองค์ท่าน ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมทำงานในโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ บา้ นยางนอ้ ย ซงึ่ เปน็ หนงึ่ ในโครงการพระราชดำรใิ นสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ และอยากจะนำเรอ่ื งราวของโครงการฟารม์ ตวั อยา่ งฯ บา้ นยางนอ้ ยน้ี มาเลา่ สกู่ นั ฟงั เพอ่ื เปน็ สว่ นหนงึ่ ทท่ี ำใหพ้ วกเราชาวไทย หรือแม้แต่ชนชาติอ่ืนที่ได้มาพำนักพักพิงอยู่บนผืนแผ่นดินไทย น.ส.พ. กสิกร ปีท่ี 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 7

ผักกวางตุง้ ฮอ่ งเต้ แผนกเกบ็ ฝกั โรงตากขา้ วและวตั ถุดิบ ในการผลติ ข้าวเบญจกระยาทพิ ย์ ได้สำนกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ของพระองคท์ า่ นทมี่ ตี อ่ ปวง โครงการฟารม์ ตวั อยา่ งตามพระราชดำริ บา้ นยางนอ้ ย ชนชาวไทยอยา่ งหาทเ่ี ปรยี บมไิ ด้ เผอ่ื จะชว่ ยผอ่ นคลาย จึงจดั ตัง้ ขน้ึ โดยมวี ตั ถุประสงค์ เพื่อเปน็ แหล่งจา้ งงานและ สถานการณท์ ่ตี งึ เครียดลงได้บา้ ง สร้างรายไดเ้ สรมิ ให้แกร่ าษฎรในพน้ื ท่ี เปน็ แหลง่ เรียนรู้ “บา้ นยางน้อย” เปน็ หมูบ่ ้านหน่ึงในอำเภอเขอ่ื งใน ทางด้านวิชาการที่ถูกต้องและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิง จงั หวัดอบุ ลราชธานี เมื่อสบิ กวา่ ปีท่ผี า่ นมา ชาวบ้านบา้ น เกษตร เปน็ แหล่งผลติ อาหารปลอดภยั จากสารพษิ ให้แก่ ยางน้อยส่วนใหญ่มีรายรับท่นี ้อยกว่ารายจ่าย จงึ ก่อใหเ้ กิด ชมุ ชนและพน้ื ทใี่ กลเ้ คยี ง และเพอ่ื ใหร้ าษฎรเกดิ ความสำนกึ ปัญหาความยากจน เนอ่ื งจากรายได้ของชาวบ้านท่นี ม่ี าจาก ในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดล้อม โดย การทำนาเพียงอย่างเดียว ซงึ่ ไม่เพยี งพอตอ่ การดำรงชีวิต ให้มีการนำมาใช้ให้เกดิ ประโยชนค์ ุ้มคา่ สงู ทีส่ ดุ ในโลกท่ไี มใ่ ช่เพียงแคป่ ากท้องเท่าน้นั แตย่ ังหมายรวมถงึ โครงการฟารม์ ตวั อยา่ งฯ บา้ นยางนอ้ ย ตั้งอยู่ท่ี บา้ นยางนอ้ ย หมูท่ ี่ 1 และ 2 ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขอ่ื งใน การศึกษาของบุตรหลานและความต้องการท่ีจะได้รับการ จงั หวดั อบุ ลราชธานี เสน้ ทางหลวงหมายเลข 23 อบุ ลราชธาน-ี รักษาพยาบาลที่ดใี นยามเจบ็ ไข้ รวมถึงคุณภาพชวี ติ ทด่ี ที ่ี ยโสธร ถนนแจ้งสนทิ ห่างจากตัวอำเภอเมือง 31 กิโลเมตร ควรจะเป็น และหา่ งจากอำเภอเขอื่ งใน 8 กโิ ลเมตร ภายในฟาร์มตวั อยา่ งฯ บ้านยางนอ้ ย คอื พืน้ ที่ ความยากจนมเิ คยจางหายไป จนกระทัง่ มีการก่อต้งั การเกษตรแบบผสมผสาน (Integrated Agriculture) เนน้ “โครงการสง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ฯ บา้ นยางนอ้ ย” ในปี 2539 การปรับปรงุ บำรุงดนิ และนำทรพั ยากรท่มี ีอย่อู ย่างจำกดั และตอ่ มามพี ระราชดำริให้จัดตง้ั โครงการฟารม์ ตัวอย่าง มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์สงู สุด และไม่กอ่ ใหเ้ กดิ ผลเสยี ตอ่ ตามพระราชดำริ บ้านยางน้อย ในสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ ส่ิงแวดล้อม ไมเ่ ปน็ อันตรายต่อเกษตรกรและผ้บู รโิ ภค พระบรมราชนิ นี าถ ตำบลกอ่ เอ้ อำเภอเขือ่ งใน จังหวดั สามารถให้ผลผลิตท่ีมีคุณภาพและเก็บเก่ียวผลผลิต อบุ ลราชธานี โดยแบง่ พน้ื ท่จี ากโครงการสง่ เสรมิ ศิลปาชพี จำหนา่ ยได้ทกุ วนั ตลอดจนมกี ารแปรรูปผลผลติ ตา่ ง ๆ บา้ นยางนอ้ ย เมื่อปี 2547 และได้กลายเปน็ แหล่งจา้ งงาน เพ่ือให้เกิดความต่อเนือ่ ง จงึ มกี ารสร้างเครอื ขา่ ย สำคัญและช่วยเสริมรายได้ให้ชาวบ้านบ้านยางน้อยและ (เกษตรกรลูกไร่) คือ เกษตรกรที่เข้ามาฝึกงานทฟี่ ารม์ หมบู่ า้ นใกลเ้ คยี ง ตามพระราชเสาวนยี ใ์ นสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ ตวั อยา่ งฯ แลว้ นำความรทู้ ไ่ี ดร้ บั กลบั ไปดำเนนิ การท่บี ้าน พระบรมราชนิ นี าถทวี่ า่ “ฉนั ตอ้ งการใหค้ นจนมงี านทำมากๆ และนำผลผลิตมาจำหน่ายใหฟ้ ารม์ ตัวอยา่ งฯ ตอ่ ไป โดย ขาดทุนของฉันคือกำไรของแผน่ ดนิ ” กิจกรรมต่างๆ ไดร้ ับการสนับสนนุ จากหลายหนว่ ยงาน ตามภารกิจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานในสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทงั้ กรมพัฒนาพลังงาน ทดแทนและอนุรักษพ์ ลงั งาน และกองทพั อากาศ เปน็ ตน้ มคี ณุ ธนบดี อนิ ทะมาต เปน็ ผจู้ ดั การฟารม์ ทำหนา้ ท่ี ประสานงานกับหนว่ ยงานตา่ งๆ และบรหิ ารจดั การท้ังทาง ดา้ นแรงงานและผลผลติ ที่ได้ รวมถึงการตลาด โดยมกี าร จำหนา่ ยผลผลิตท้งั ภายในฟารม์ ฯ และภายนอกฟาร์มฯ ซ่ึงมีทั้งการขายส่งให้แก่ บริษัท สยามแม็คโคร สาขา อบุ ลราชธานี ศรสี ะเกษ และสุรินทร์ ตลาดสดอำเภอเมือง และอำเภอเข่ืองใน ร้านจำหน่ายสินค้าการเกษตร ศนู ยศ์ ลิ ปาชพี ฯ อบุ ลราชธานี รา้ นจำหนา่ ยสนิ คา้ ศลิ ปาชพี ฯ แผนกคัดแยกและบรรจผุ ัก เชยี งใหม่ รา้ นจำหนา่ ยสนิ คา้ มลู นธิ สิ ง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ฯ ตลาด 8 น.ส.พ. กสกิ ร ปีท่ี 83 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553

อตก. กรุงเทพฯ และมกี ารขายปลกี โดยจำหน่ายตามแหล่ง 5. พัฒนาและปรับปรงุ ดิน สามารถผลิตปุ๋ยพชื สด จำหนา่ ยตา่ งๆ ไดแ้ ก่ รา้ นคา้ สำหรบั จำหนา่ ยผลผลติ ของฟารม์ ฯ ปยุ๋ หมกั นำ้ หมกั ชวี ภาพ และสารไลแ่ มลงสำหรบั ใชใ้ นฟารม์ โรงพยาบาลเขอ่ื งใน โรงเรยี นและหน่วยงานราชการตา่ งๆ ตัวอยา่ งฯ และแจกจา่ ยให้กับเกษตรกรที่มาศึกษาดูงาน ในจังหวัดอุบลราชธานี ซ่ึงผู้ท่เี ปน็ ลูกค้าประจำจะร้กู ันดี 6. ปศุสตั ว์ เปน็ กิจกรรมต้นแบบในระบบการทำ ว่าผลิตภัณฑข์ องฟารม์ ตวั อย่างฯ มวี างจำหน่ายท่ใี ดบา้ ง ฟาร์มทถ่ี ูกสขุ ลักษณะ และไดป้ ๋ยุ คอกเป็นผลพลอยไดเ้ พ่ือ กิจกรรมของฟาร์มตัวอย่างที่มีผลสัมฤทธ์ิอย่าง ใชใ้ นการผลติ ผกั ปลอดภัยจากสารพิษ เด่นชัด คอื 7. พืชผกั ปลอดภยั จากสารพษิ สำหรบั การผลติ 1. ข้าวเบญจกระยาทิพย์ เป็นการนำข้าว 5 ชนิด พชื ผกั ของฟาร์มตัวอย่างฯ ไดเ้ น้นถึงความปลอดภยั ของ ไดแ้ ก่ ขา้ วกลอ้ ง พันธขุ์ าวดอกมะลิ 105 ข้าวขดั ขาว พนั ธ์ุ ผบู้ รโิ ภคเปน็ หลกั ดงั นนั้ จงึ ไมม่ กี ารใชส้ ารเคมใี นการปอ้ งกนั ขาวดอกมะลิ 105 ข้าวกล้อง พนั ธุ์ กข 6 ข้าวกลอ้ ง พนั ธ์ุ กำจดั ศตั รพู ชื แตจ่ ะนำระบบการจดั การผลติ และการบรหิ าร กหุ ลาบแดง (หอมแดง) และขา้ วก่ำดอย (ก่ำมเู ซอร์) มา ศตั รพู ืชเข้าช่วย ผสมเขา้ ดว้ ยกนั การผลติ ขา้ วเบญจกระยาทพิ ยเ์ ปน็ กจิ กรรม มีการใช้สารสกัดน้ำหมักชีวภาพในการป้องกัน ทส่ี รา้ งรายไดห้ ลกั ใหก้ บั ฟารม์ และสามารถชว่ ยเหลอื เกษตรกร กำจดั โรคและแมลงศตั รู ดงั นนั้ ผลผลติ จงึ มรี อ่ งรอย จากการ ในพ้ืนที่และใกลเ้ คยี ง ในลักษณะของเกษตรกรเครือขา่ ย ทำลายของแมลงท่ีกัดกินใบทำให้ใบเกิดเป็นรูไม่เรียบ ความน่ารับประทานอาจลดน้อยลงไปบ้างแต่หากแลกกับ เคร่อื งด่มื ความปลอดภยั จากสารเคมกี ำจดั แมลงแลว้ กค็ งจะคมุ้ คา่ กนั นำ้ ข้าวกล้องงอก การปลูกผักของท่ีน่ีจะเลือกปลูกผักตามฤดูกาล เพ่อื หลีกเล่ยี งการระบาดของโรคแมลง และปลูกสลบั กับ 2. โรงสขี า้ วกลอ้ ง เปน็ โรงสอี ตุ สาหกรรมขนาดกลาง พชื ไรเ่ พือ่ ตัดวงจรของโรค ช่วยลดการสะสมของศตั รพู ืช มีกำลังการผลติ ที่ 700 กิโลกรัมตอ่ ชว่ั โมง รับสีขา้ วจาก ในดิน นอกจากน้ี ยงั มกี ารปลกู ผักพื้นบา้ นและไมด้ อกไม้ ชาวบา้ นรอบนอกและภายในฟาร์มตวั อย่างฯ ผลพลอยได้ ประดับทมี่ ีกลน่ิ ไล่แมลง เชน่ โหระพา แมงลัก กะเพรา จากการสีข้าว เชน่ ข้าวหกั รำ และปลายข้าว นำมาทำเปน็ ตะไครห้ อม ดาวเรือง และดาวกระจาย เปน็ แนวรั้วหรือ อาหารสัตว์ ส่วนแกลบดิบ นำมาทำเปน็ ปุ๋ยหมักและวัสดุ ขอบแปลงปลกู เปน็ การปอ้ งกนั ศตั รพู ืชไปในตัว มีการปลกู คลุมดนิ ในการปลูกพชื ผกั ระหวา่ งแถวของไม้ผล และปลกู ตามขอบถนนเพอ่ื เนน้ 3. เมลด็ พนั ธขุ์ า้ วบริสุทธ์ิ ทางฟารม์ ตัวอย่างฯ จะ การใช้พนื้ ท่อี ย่างค้มุ คา่ จำหนา่ ยเมล็ดพนั ธข์ุ ้าว พันธข์ุ าวดอกมะลิ 105 มาตรฐาน ผกั ปลอดภยั จากสารพษิ ของฟารม์ ตวั อยา่ งฯ มมี ากมาย เมลด็ พันธข์ุ ยาย ใหเ้ กษตรกรในราคาถกู และเกษตรกร หลายชนดิ โดยหมนุ เวยี นเปลย่ี นไปตามแตฤ่ ดกู าลทเี่ หมาะสม สามารถนำผลผลิตกลับมาจำหน่ายคืนให้กับทางฟาร์ม ซงึ่ ผกั ต่างๆ เหล่าน้ี ล้วนแล้วแต่ได้รบั การรับรองคุณภาพ ตัวอยา่ งฯ หรือจะเก็บรกั ษาพันธ์ทุ ่ดี เี อาไว้ใชเ้ องก็ได้ มาตรฐาน GAP จากกรมวิชาการเกษตร (Q) ทงั้ สิน้ 4. หมอ่ นไหม เปน็ กิจกรรมท่คี รบวงจร มกี ารปลูก นอกจากกิจกรรมที่มีผล หมอ่ นเลย้ี งไหม เกษตรกรจะรบั หนอนไหมวยั ท่ี 3 ไปเลย้ี ง สมั ฤทธอ์ิ ยา่ งเดน่ ชดั ทไ่ี ดก้ ลา่ วไปแลว้ แลว้ นำกลับมาจำหน่ายให้กับฟารม์ ตวั อย่างฯ ในลักษณะ ข้างต้น ภายในฟาร์มตัวอยา่ งฯ ยงั มี ของรงั ไหมสดหรอื เสน้ ไหม จากนนั้ จงึ เขา้ สกู่ ระบวนการผลติ กจิ กรรมดา้ นอน่ื ๆ อกี มากมาย รวมทง้ั ผา้ ไหม โดยเรมิ่ จากการสาวไหม การฟอกและยอ้ มสธี รรมชาติ กจิ กรรมเสรมิ ทนี่ า่ สนใจ เชน่ การ สว่ นการทอจะทอดว้ ยมอื โดยใชก้ ไี่ มแ้ บบโบราณ กอ่ นจำหนา่ ย ผลติ นำ้ มนั ไบโอดเี ซล และการผลติ ผา้ ไหมตอ้ งมีการตรวจสอบมาตรฐาน เช่น ตรวจการตกสี ถา่ นอดั แทง่ เปน็ ตน้ สนิ คา้ ทผ่ี า่ นการตรวจสอบมาตรฐานจะตดิ ดวงตรา “นกยงู ท่านท่ีมีโอกาสผ่านมาท่ี พระราชทาน” เป็นเคร่อื งหมายรับรองไหมไทย ซ่ึงเนน้ จังหวดั อบุ ลราชธานี อยา่ ลืมแวะ คุณภาพของวัตถดุ ิบที่นำมาผลติ เป็นหลกั เยย่ี มชมโครงการสง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ฯ และโครงการฟารม์ ตวั อยา่ งฯ บา้ นยางนอ้ ย เพอื่ จะไดร้ ว่ มกนั “เปิดทองหลังพระ-สืบสานโครงการพระราชดำริ” และสำนกึ ในพระมหากรุณาธิคุณฯ อยา่ งหาท่เี ปรียบมไิ ด้ น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 9

คู่ คิ ด ช า ว น า ากขา้ วเล็บนกปตั ตาน.ี .. สขู่ ้าวเลบ็ นกปกาเกอะญอ ช าวไทยภาคใต้คงคุน้ เคยหรือรู้จกั ขา้ วเลบ็ นก หรอื ลกั ขณา รม่ เยน็ ขา้ วเลบ็ นกปตั ตานเี ปน็ อยา่ งดี เนอ่ื งจากขา้ วพนั ธน์ุ นี้ ยิ ม ปลกู ทางภาคใต้ ในเขตจงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี นครศรธี รรมราช ขา้ วพนั ธน์ุ จี้ ดั เปน็ ขา้ วชนั้ 1 เกรดเอ ระดบั พรเี มยี ม พัทลุง สงขลา สตูล นราธิวาส และปัตตานี เมอื่ นำมาหงุ ขา้ วจะขน้ึ หมอ้ มกี ลนิ่ หอม รสชาตดิ ี เคย้ี วนมุ่ โครงการหลวงนำข้าวเล็บนกมาทดลองปลูกที่ และทส่ี ำคญั คือ อรอ่ ย มีราคาสูงกว่าขา้ วพนั ธอุ์ ืน่ ๆ มาก ดอยอนิ ทนนท์ จังหวดั เชียงใหม่ เรียกว่า “ขา้ วไรข่ ้าวดอย” และทสี่ ำคัญคนไทยเกอื บไม่ได้รับประทาน เพราะพอ่ คา้ เนอื่ งดว้ ยสภาพอากาศทหี่ นาวเยน็ ในเวลากลางคนื และอบอนุ่ มาเลเซียและสิงคโปร์กว้านซื้อข้าวเพื่อส่งออกไปบริโภค ในเวลากลางวนั อกี ทงั้ สภาพอากาศบรสิ ทุ ธต์ิ ลอดทงั้ ปี ทำให้ ในประเทศของตน ขา้ วเล็บนกมีผลผลิตสูงและมคี ณุ ภาพดียิ่ง จึงนิยมเรียกกนั ต้นกำเนิดข้าวพันธ์ุเล็บนกมาจากความสน ตามภาษาพ้นื เมืองว่า “ข้าวเล็บนกปกาเกอะญอ” พระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปี 2527 ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ ถานี ทดลองขา้ วปตั ตานี กรมการขา้ ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกบ็ รวบรวมสายพนั ธข์ุ า้ วพน้ื เมอื งตา่ ง ๆ ของภาคใตจ้ ำนวน 10 น.ส.พ. กสกิ ร ปีท่ี 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553

307 พันธุ์ จาก 107 อำเภอ 14 จงั หวัด แลว้ นำมาปลกู หอ้ งเครอื่ งพระราชวงั สวนจติ รลดา ไดถ้ วายขา้ ว คดั เลือกพันธแ์ุ บบหม่แู ละคดั เลอื กพันธ์บุ ริสทุ ธ์ิ โดยมีรหัส เล็บนกให้เป็นพระกระยาเสวย(ข้าวเสวย)ของทั้ง ประจำสายพันธ์ุคือ PTNC84210 ซ่ึงเป็นสายพนั ธพ์ุ ื้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ เมืองดงั้ เดมิ จากตำบลชะรดั อำเภอกงหรา จงั หวดั พัทลุง พระบรมราชนิ นี าถ ตลอดมาตงั้ แตม่ กี ารคดั เลอื กปรบั ปรงุ คณะกรรมการวิจัยและพัฒนากรมวิชาการเกษตรมีมติ สายพันธจ์ุ นถึงปัจจุบันน้ี ถือเป็นสิริมงคลอยา่ งสงู แก่ ให้เป็นพันธุแ์ นะนำเม่ือวันท่ี 17 มถิ นุ ายน 2537 ใหช้ ่ือ เกษตรกรผู้เพาะปลกู ขา้ วพนั ธุ์เล็บนก รวมท้ังผู้ที่มีส่วน สายพนั ธุ์นีว้ ่า “เลบ็ นกปัตตาน”ี เกี่ยวข้องกับข้าวพันธเุ์ ลบ็ นกทกุ คน ขา้ วเลบ็ นก เปน็ พันธ์ุขา้ วเจา้ นาสวนไวต่อช่วงแสง หากปลกู ไดร้ บั แสงแดดมากกวา่ 10 - 12 ช่วั โมงตอ่ วนั จะไม่แตกช่ออกรวง แต่จะแตกใบออ่ นแทน จงึ ทำใหป้ ลูก ไดย้ ากมากและปลกู ไดเ้ พยี งปลี ะครงั้ เดยี วเทา่ นนั้ มลี กั ษณะ ประจำพนั ธคุ์ อื สงู ประมาณ 170 เซนตเิ มตร ใบธงแผเ่ ปน็ แนวนอน คอรวงยาว รวงยาวแน่น ระแงถ้ ี่ บรรณานกุ รม เมลด็ ขา้ วเปลอื กสฟี างกน้ จดุ มรี ะยะพกั ตวั ของเมลด็ 3 สปั ดาห์ เมลด็ ขา้ วกลอ้ ง กวา้ ง × ยาว × หนา = 2.1 × 6.0 × http://vivaldi.cpe.ku.ac.th:443/dspace/handle/ 1.7 มลิ ลเิ มตร การร่วงของเมล็ดน้อย มอี ายุการเกบ็ เก่ยี ว ประมาณเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ ใหผ้ ลผลติ เฉลยี่ 480 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ 123456789/340 มีปรมิ าณอมโิ ลส 26% ลกั ษณะเด่นของข้าวพันธุ์น้ีคอื ไม่ พบการทำลายของโรคและแมลงในธรรมชาติ ให้ผลผลติ http://www.ricethailand.go.th/rice%20web/Index.html ค่อนขา้ งสูงเมือ่ ปลูกในสภาพนาทลี่ ุ่มน้ำแหง้ ช้า คุณภาพสีดมี าก คุณภาพขา้ วสกุ ร่วน นมุ่ แปรรปู http://www.sema.go.th/files/Content/Technic/k4/ เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวคุณภาพดี มีความนุ่มเหนียว แต่มีข้อ ควรระวงั คือ มีอายุเกบ็ เกีย่ วล่ากวา่ พันธมุ์ าตรฐานของ 0037/DJT/page83.htm ทางราชการ นอกจากนี้ยังออ่ นแอตอ่ โรคไหมใ้ นระยะกลา้ จงึ ควรหลกี เลย่ี งการตกกลา้ แหง้ พนื้ ทแี่ นะนำใหป้ ลกู คอื พน้ื ท่ี http://119.63.84.108/sims/ นาลมุ่ นำ้ แหง้ ชา้ ในเขตจงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี นครศรธี รรมราช และพทั ลงุ ปัจจุบันโครงการหลวงไม่ได้ผลิตข้าวเล็บนกเพ่ือ จำหนา่ ย แต่มีภาคเอกชนร่วมมือกับชาวเขาปกาเกอะญอ ผลิตข้าวเล็บนกแบบเกษตรอินทรีย์ในเขตอำเภอแม่แจ่ม จงั หวดั เชยี งใหม่ แลว้ จดั จำหนา่ ยตามหา้ งสรรพสนิ คา้ ใหญๆ่ เชน่ ดิ เอม็ โพเรยี ม สยามพารากอน เดอะมอลล์ กรู เ์ มต์ มารเ์ กต็ โฮมคกุ กงิ้ ชนั้ 3 หา้ งเพนนนิ ซลู า่ พลาซา่ รมิ ปงิ ซปุ เปอรม์ ารเ์ กต็ ผลติ ภณั ฑจ์ ากข้าวเลบ็ นก ไดแ้ ก่ ข้าวสารขาว (ขดั ครงั้ เดยี ว) ขา้ วกล้อง (กะเทาะเปลอื กไมข่ ัด) ข้าวกลอ้ ง เพาะงอก (ขา้ วกาบา-กะเทาะเปลือก-ไมข่ ดั ) ปลายขา้ ว นอกจากน้ีข้าวเล็บนกยังจัดเป็นสินค้าหน่ึงตำบลหนึ่ง ผลิตภัณฑ์ในบางจังหวัดอีกด้วย หากท่านใดต้องการ เมลด็ พนั ธข์ุ า้ วเลบ็ นกเพอื่ นำมาปลกู หรอื ขยายพนั ธ์ุ สามารถ ตดิ ตอ่ ได้ทก่ี รมการขา้ ว ปัจจุบนั ราคาเมล็ดพนั ธ์ุขยายของ ข้าวเล็บนกกโิ ลกรมั ละ 20 บาท น.ส.พ. กสิกร ปีท่ี 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 11

เ คี ย ง บ่ า ช า ว ไ ร่ ช่อดอก รพสีด... ผกั กาดให้น้ำมนั อุดมวิทย์ ไวทยการ ออ้ ยทนิ จนั ทร์เมือง ห ลายท่านอาจไม่เช่ือว่าเราสามารถทำน้ำมันจากผัก และเถลิงศกั ดิ์ วรี ะวฒุ ิ กาดได้ ผักกาดชนดิ น้มี ชี อ่ื วา่ เรพสดี (Rapeseed) ชนิดอืน่ เช่น B. juncea Coss. (Brown mustard) และ เป็นกลุ่มพืชในวงศ์ Brassicaceae มีชอ่ื เรยี กอื่น เชน่ Rape, Sinapsis alba L. (Yellow mustard) Turnip rape, Swede rape, Oilseed rape, Rapa, Rapaseed เรพสดี เป็นพชื ทีม่ ีการกระจายพนั ธใุ์ นเขตอบอ่นุ และ Canola เป็นพชื ทมี่ ีความสัมพันธใ์ กล้ชดิ กบั ผกั กาด แถบเมดเิ ตอรเ์ รเนยี น และเอเชยี กลาง โดยธรรมชาตติ อ้ งการ กะหลำ่ ปลี บรอคโคล่ี กะหลำ่ ดอก และเทอรน์ พิ อากาศเย็น จึงจะตดิ เมลด็ ได้ดี ปัจจุบันมีการปลูกมากใน เรพสีดทีม่ กี ารปลกู เพอ่ื ผลติ น้ำมันเป็นการคา้ สว่ น สหภาพยโุ รป แคนาดา สหรัฐอเมรกิ า ออสเตรเลยี จนี ใหญเ่ ปน็ พชื ในสกลุ Brassica 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ B. napus L. และอินเดีย โดยเฉพาะในอนิ เดียมกี ารปลกู มากถงึ 13% (Swede rape) และ B. rapa L. (Turnip rape) หรอื อาจเปน็ ของพ้นื ทก่ี ารเกษตร กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมรกิ า รายงานวา่ ในปี ค.ศ. 2000 เรพสดี จัดอยใู่ นอันดับ 3 ของพชื ท่ีใหน้ ้ำมนั รองจากถัว่ เหลอื งและปาลม์ น้ำมนั 12 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553

เรพสดี เป็นพืชลม้ ลกุ ฤดเู ดยี วหรอื ปลูกขา้ มปี ระบบ ช่อดอกและดอกกำลงั บาน ราก บางชนดิ มรี ากแกว้ เจรญิ เปน็ หัวรูปกระสวย มลี ำต้น สายพันธท์ุ แ่ี ตกต่างกัน อวบใหญ่ สงู 90 - 150 ซม. ใบเดย่ี วเรยี งตวั แบบสลบั มนี วล ปกคลุมแผน่ ใบ ใบล่างมลี ักษณะขอบใบจักแบบขนนกท่ี มพี บู นสดุ ใหญก่ วา่ พลู า่ งๆ (lyrate) กา้ นใบยาว 10 - 30 ซม. ลกั ษณะดอกเรพสดี แผ่นใบเกลี้ยงหรอื มขี นแขง็ เลก็ นอ้ ย ใบสว่ นยอดรูปหอก ไมม่ กี า้ นใบขอบใบเรยี บ ดอกออกเปน็ ชอ่ แบบกระจะ (raceme) แตกช่อแขนงมาก ดอกย่อยสีเหลือง ขนาด 1.2 - 1.5 ซม. ผลเป็นฝกั แบบ silique กว้าง 2.5 - 4.0 ซม. มจี งอยท่ี ปลายฝกั ภายในมเี มลด็ ขนาดเลก็ กลม สนี ้ำตาลจนถงึ สีดำ นำ้ หนกั 1,000 เมลด็ หนกั 3 - 4 กรมั เมล็ดเรพสดี ลกั ษณะต้นที่ต่างกัน ประโยชนข์ องเรพสีด เมลด็ เรพสีด มนี ำ้ มนั 40 - 44% นำ้ มนั เรพสีด พนั ธุพ์ ้ืนเมอื งมกี รดอีรูซิค (erucic acid) สูงถึง 50% ซ่ึงเป็น พิษออ่ นๆต่อมนุษย์หากรับประทานในปริมาณมาก และ กลโู คไซโนเลท (glucosinolates) ซงึ่ เปน็ สารประกอบทางเคมที ี่ ทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลงและเป็นพิษเม่ือนำไปทำ เป็นอาหารสัตว์ ในปี 1979 ประเทศแคนาดา โดย The Western Canadian Oilseed Crushers Association ได้พัฒนา และจดทะเบียนสายพันธ์ุเรพสีดที่มีปริมาณกรดอรี ูซคิ และ กลโู คไซโนเลทตำ่ เรยี กสายพนั ธนุ์ วี้ า่ คาโนลา (canola) ซง่ึ ยอ่ มาจาก Can.O.,L-A หรอื Canadian Oilseed Low-Acid ในปจั จบุ นั คาโนลาจะหมายถงึ สายพนั ธเุ์ รพสดี ทม่ี กี รดอรี ซู คิ ในนำ้ มันนอ้ ยกว่า 2% และกลโู คไซโนเลทในกากอาหาร นอ้ ยกว่า 3 มิลลิกรัม/กรมั น้ำมันเรพสีดหรือน้ำมันคาโนลา ประกอบด้วย โอเมก้า-6 และ โอเมก้า-3 อตั ราส่วน 2 : 1 และมปี รมิ าณ โอเมกา้ -3 อยู่มาก ชว่ ยลดคลอเรสเตอรอล บำรุงหวั ใจ น.ส.พ. กสิกร ปที ่ี 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 13

ชอ่ ดอกกำลังบาน พนั ธ์ุคาโนลา เป็นสายพนั ธ์เุ รพสีดทีม่ กี รดอรี ซู ิค และกลโู คไซโนเลทตำ่ เหมาะสำหรับนำไปทำอาหารคน และสตั ว์ สำหรบั ประเทศไทยไดม้ ีการทดลองนำเขา้ เมลด็ เรพสีดพันธ์ุต่างๆมาปลูกทดลองท่ีศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่ ได้แก่ Brassica carinata สายพนั ธุ์ BC-815-2, BC- 876-2 และ BC-831-2 เปน็ สายพันธจุ์ ากประเทศสเปน B. napus สายพนั ธ์ุ Polo Canola จากสหรฐั อเมรกิ า สายพนั ธ์ุ Turret และ Target จากประเทศแคนาดา B. rapa สายพนั ธ์ุ Polar และ Candle จากประเทศแคนาดา ซ่ึงสายพันธ์ุ เหล่าน้สี ามารถออกดอกและติดเมล็ดได้ในประเทศไทย นำ้ มันเรพสีดที่มีจำหน่ายในห้าง การปลกู ควรมกี ารไถดนิ และเกบ็ วัชพชื กอ่ นปลกู เพือ่ ใหด้ ินร่วนซุย โรยเมล็ดเรพสดี เปน็ แถว ใช้เมล็ดอตั รา ลดปริมาณไตรกลีเซอไรด์ และป้องกันการแข็งตัวของ 0.8-1.0 กก./ไร่ ระยะระหวา่ งแถว 30-40 ซม. ความลึก เกลด็ เลือด จงึ มกี ารนำไปทำน้ำมนั สลดั เนย และผลติ ภณั ฑ์ 1.2-2.5 ซม. หรือหว่านอตั รา 1.4-1.6 กก./ไร่ ขนึ้ กับ อนื่ ๆ ขนาดเมลด็ และพนื้ ผวิ ดนิ ความหนาแนน่ 65-90 ตน้ ตอ่ น้ำมันเรพสีดใช้ในการผลิตเป็นไบโอดเี ซล และ ตารางเมตร ใช้ได้โดยตรงกับเคร่ืองยนต์หรือนำไปผสมกับน้ำมันดีเซล การใหน้ ำ้ เนอ่ื งจากเป็นพืชในสกลุ กะหล่ำมีลักษณะ ในอตั ราส่วนตง้ั แต่ 2-20% นอกจากน้นั ยังนำไปทำเปน็ ใบใหญ่ อวบน้ำ จงึ ต้องการนำ้ เพยี งพอในการเจรญิ เติบโต น้ำมนั หลอ่ ลืน่ ทีม่ คี ณุ ภาพดี เนอ่ื งจากมีความคงตวั ในที่ โดยเฉพาะในชว่ งออกดอก แตต่ อ้ งระวังไมใ่ ห้น้ำขงั อุณหภมู สิ งู ใชเ้ ปน็ สว่ นผสมในโฟมมงิ่ เอเจนในอตุ สาหกรรม การใหป้ ยุ๋ เรพสดี ตอ้ งการธาตอุ าหารหลกั ทงั้ ไนโตรเจน เหมอื งแร่ ใช้ในอตุ สาหกรรมเคมีสำหรบั ผลิตอาหารและ ฟอสฟอรัส และโปแตสเซยี ม ในปรมิ าณเพยี งพอ รวมท้งั ผลติ ภณั ฑอ์ นื่ ๆ เชน่ อตุ สาหกรรมหลอ่ ลน่ื และนำ้ มนั ไฮโดรลคิ ส่วนกากเมลด็ หลงั จากบบี น้ำมนั มีโปรตนี ประมาณ 40% ธาตุรองบางตวั เช่น กำมะถัน มีความสมดุลของกรดอะมโิ นมากกว่าถั่วเหลอื ง สามารถ โรคที่สำคญั โรคลำต้นเน่า จากเช้อื Sclerotinia นำไปทำอาหารสัตวไ์ ด้ Stem rot การปลกู และดแู ลรักษา หนอนกระทูผ้ กั ด้วงหมดั ผกั สภาพพนื้ ท่ี เรพสดี เปน็ พชื ทข่ี น้ึ ไดด้ ใี นดนิ ทโ่ี ปรง่ เบา ความชน้ื พอเหมาะ ระบายนำ้ ดี และมธี าตุอาหารเพยี งพอ สภาพภูมอิ ากาศ เรพสดี เจริญไดด้ ีในชว่ งอณุ หภมู ิ 10-30oC อุณหภูมทิ พ่ี อเหมาะคือ 20oC และตอ้ งการ ช่วงอณุ หภมู ติ ่ำ เพ่อื กระตนุ้ การออกดอก บางสายพนั ธ์ุ ตอ้ งการอุณหภูมติ ำ่ ประมาณ 4oC นาน 8 สปั ดาห์ จึงจะ ออกดอกแตบ่ างสายพนั ธ์ตุ อ้ งการความเยน็ เพียง 2-3 คืน เทา่ นั้น ฤดปู ลูก เน่ืองจากเปน็ พชื อายุส้ัน ประมาณ 80- 100 วัน และชอบอากาศเย็น การปลูกในประเทศไทยจึง ควรปลกู ในช่วงปลายฝนตอ่ หนาวหรอื ฤดูหนาว เพ่ือไมใ่ ห้ แปลงทดลอง ต้นและใบ ผลผลติ ได้รับความเสียหายจากฝนและอากาศร้อน 14 น.ส.พ. กสิกร ปที ่ี 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553

แมลงศตั รทู ส่ี ำคญั ดว้ งหมดั ผกั เปน็ อนั ตรายรา้ ยแรง น้ำหนกั 1,000 เมล็ด หนัก 3.1 - 3.6 กรัม B. napus ตน้ ในระยะตน้ กลา้ หนอนกระทูผ้ กั หนอนกระทหู้ อม กดั กนิ เตี้ยกวา่ B. carinata ความสูง 38 - 65 ซม. ทรงตน้ และ ใบทกุ ระยะการเจริญเติบโต ใบไม่แผอ่ อก ออกดอก ติดเมลด็ จำนวน 3 สายพันธุ์ วัน วชั พชื หญา้ ชนดิ ตา่ งๆ เปน็ ศตั รสู ำคญั ในระยะตน้ กลา้ ออกดอก 50% 56 - 74 วนั วนั เกบ็ เกย่ี ว 115 วนั หลงั ปลกู การเก็บเกยี่ ว ผลผลิต 13.7-16.7 กรัม/ตน้ น้ำหนัก 1,000 เมล็ด หนัก ฝกั ของเรพสดี เป็นฝกั ยาว เม่ือแก่แลว้ จะแตกออก 3.3-3.9 กรมั B.napus var. napus ตน้ สูง 53-67 ซม. เป็น 2 ซกี ดงั นน้ั การเกบ็ เก่ียวจึงตอ้ งระมดั ระวงั ปกติจะ ทรงใบแผ่ ไมอ่ อกดอกทกุ สายพนั ธ์ุ และ B. rapa ตน้ เตยี้ มีระยะประมาณ 80-100 วนั หลงั ปลกู ความสงู 9 - 10 ซม. วนั ออกดอก 50% 54 - 58 วนั ผลผลติ วนั เก็บเกย่ี ว 84 วนั หลงั ปลกู ผลผลติ 0.3 - 0.7 กรมั /ตน้ ผลผลติ ของเรพสดี มคี วามผนั แปรในแตล่ ะพน้ื ท่ี เชน่ น้ำหนกั 1,000 เมล็ด หนัก 1.9 กรัม (ตารางท่ี 1) ศัตรู ในยโุ รป ผลผลติ 144-180 กก./ไร่ แอฟรกิ าเหนอื ผลผลติ พชื ท่พี บมากคอื ด้วงหมดั ผัก กดั กินใบเป็นรพู รนุ และ 48-56 กก./ไร่ ในสหรฐั อเมรกิ า ผลผลติ 30-500 กก./ไร่ หนอนกระทผู้ กั ซงึ่ จะกดั กนิ ใบทกุ ระยะการเจรญิ โรคทพี่ บ คือ โรคลำต้นเน่า (Sclerotinia Stem rot) การศึกษาเรพสีดที่ จ. เชียงใหม ่ โรคลำตน้ เนา่ เป็นการศึกษาตามโครงการวิจัยและพัฒนาเพ่ือ การอนุรกั ษ์ทรัพยากรพันธุกรรมพชื โดยการนำเรพสดี สายพนั ธตุ์ า่ งๆ จากตา่ งประเทศ จำนวน 22 สายพนั ธ์ุ มาปลกู ศกึ ษาลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ และลกั ษณะทางการเกษตร ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่ ในปี 2552 ประกอบด้วย B.carinata 6 สายพนั ธ์ุ B.napus 11 สายพนั ธุ์ B. napus var. napus 3 สายพันธ์ุ และ B. rapa 2 สายพันธ์ุ พบลกั ษณะ ทางพฤกษศาสตร์และลกั ษณะทางการเกษตรที่สำคญั ดงั น้ี B. carinata มลี กั ษณะต้นสูง 72-90 ซม. ออกดอก ตดิ เมลด็ จำนวน 3 สายพนั ธ์ุ วนั ออกดอก 50% 91 - 115 วนั วนั เกบ็ เกย่ี ว 126 วนั หลงั ปลกู ผลผลติ 4.6 - 20 กรมั /ตน้ ตารางที่ 1 ชื่อพันธ์ุเรพสีดท่ีออกดอกและติดเมล็ด แสดงความสูง วันออกดอก 50% วันเก็บเกี่ยว ผลผลิตต่อต้น และนำ้ หนกั 1,000 เมล็ด ชือ่ พันธ ์ุ ความสงู วันออกดอก50% วนั เก็บเกยี่ ว ผลผลติ /ตน้ น้ำหนัก 1,000 เมลด็ (ซม.) (กรัม) (กรัม) Brassica carinata 85 91 126 1. BC-815-2 88 92 126 5.0 3.6 2. BC-876-2 90 90 115 20.0 3.2 3. BC-831-2 65 66 115 4.6 3.1 Brassica napus 59 80 115 4. Polo Canola 55 80 115 13.7 3.3 5. Turret 14.3 3.5 6. Target 9 58 84 16.7 3.9 Brassica rapa 10 73 84 7. Polar 0.3 - 8. Candle 0.7 1.9 น.ส.พ. กสกิ ร ปีท่ี 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 15

สำหรบั พนั ธท์ุ ไี่ มส่ ามารถเกบ็ เมลด็ ไดอ้ าจเนอื่ งมาจาก บรรณานกุ รม อณุ หภมู ิไมเ่ หมาะสมต่อการตดิ ฝกั ทำใหม้ ีการเจริญเติบโต ทางลำต้นเท่านั้น อย่างไรกต็ ามเน่ืองจากเปน็ พชื ท่ีนำเข้า ไฉน ยอดเพชร. 2536. พืชผกั ในตระกูลครูซิเฟอร์. สถาบนั มาทดสอบความเปน็ ไปไดใ้ นการปลกู ในประเทศไทย ซง่ึ อาจ เทคโนโลยีราชมงคล. คณะเกษตรศาสตร์ บางพระ ชลบุรี. ต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมหรือ 195 หน้า. ศึกษาสภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมสำหรับพืชชนดิ นต้ี ่อไป จะเหน็ ไดว้ า่ เรพสดี เปน็ พชื นำ้ มนั ชนดิ หนง่ึ ทม่ี คี ณุ คา่ วทิ ยา แสงแกว้ สขุ . 2541. เรพสดี , น. 123-125. ใน พฤกษศาสตร์ จากการปลูกทดสอบดังกล่าวมาแล้วช้ีให้เห็นว่าสามารถ พืชเศรษฐกจิ . ภาควชิ าพชื ไรน่ า คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั ปลูกเรพสีดได้ในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยน่าจะมี เกษตรศาสตร,์ กรงุ เทพฯ. ศกั ยภาพในการผลิต เพอ่ื ใช้ประโยชนจ์ ากน้ำมนั ของพืช http://en.wikipedia.org/wiki/Triangle_of_U ชนิดน้ซี ึ่งมีคณุ คา่ หลายประการดังกลา่ วมาแลว้ ขา้ งตน้ http://www.wisegeek.com/what-is-rapeseed.htm อยา่ งไรกต็ าม การศกึ ษาวจิ ยั เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู เพม่ิ เตมิ http://en.wikipedia.org/wiki/Rapeseed ในหลาย ๆ ด้าน และการนำเข้าเมล็ดพนั ธเุ์ รพสีดจากแหล่ง http://www.bioenergywiki.net/Rapeseed ปลกู อน่ื ๆ เขา้ มาทดลองปลกู เพอ่ื ใหไ้ ดส้ ายพนั ธท์ุ เ่ี หมาะสม http://extension.oregonstate.edu/catalog/htm/em/em8700 และผลผลติ สงู ปรบั ตวั ไดใ้ นสภาพแวดลอ้ มของประเทศไทย http://en.wikipedia.org/wiki/Talk:Rapeseed จะตอ้ งมกี ารศกึ ษาวจิ ยั ตอ่ ไปเพอ่ื ศกึ ษาหาเทคโนโลยกี ารผลติ http://www.hort.purdue.edu/newcrop/duke_energy/ ทเี่ หมาะสมและจำเปน็ สำหรบั การปลกู เรพสดี ซง่ึ จะสามารถ นำไปสง่ เสรมิ ใหเ้ ปน็ พชื นำ้ มนั ตวั ใหมท่ ม่ี อี ายสุ น้ั เพยี ง 84 วนั Brassica_napus.html กส็ ามารถเก็บเก่ยี วผลผลิตไดแ้ ล้ว http://www.hort.purdue.edu/newcrop/AFCM/canola.html http://www.svlele.com/rapeseed.htm ช่อดอกและฝกั ฝกั เรพสดี 16 น.ส.พ. กสิกร ปที ่ี 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553

รมหมอ่ นไหม เ ส้ น ไ ห ม ใ บ ห ม่ อ น วโิ รจน์ แก้วเรอื ง ก รมหมอ่ นไหม จัดต้งั ขึ้นใหม่เป็นกรมท่ี 14 ของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยพระบาทสมเด็จ ต่อแต่นี้ไป ประเทศชาติและประชาชนจะได้อะไรจาก พระเจา้ อยหู่ วั ทรงลงพระปรมาภไิ ธย เมอ่ื วนั ท่ี 26 พฤศจกิ ายน กรมหม่อนไหม กรมใหม่แตไ่ มใ่ หม่ จะเปน็ อย่างไรบ้าง 2552 สำนกั นายกรฐั มนตรไี ดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา โปรดตดิ ตาม เม่ือวันที่ 3 ธันวาคม 2552 และกฎหมายมผี ลใช้บังคับ ย้อนไปเม่ือสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เปน็ กรมหมอ่ นไหมตง้ั แตว่ นั ที่ 4 ธนั วาคม 2552 เปน็ ตน้ ไป เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ 5 เราเคยมี “กรมชา่ งไหม” ดว้ ยสาเหตุ ประเทศไทยต้องสัง่ ซอ้ื ผา้ ไหมเปน็ สนิ คา้ เขา้ การทำผา้ ไหม น.ส.พ. กสิกร ปีท่ี 83 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553 17

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว พระองค์เจ้าเพญ็ พัฒนพงษ์ (กรมหมน่ื พไิ ชยมหนิ ทโรดม) เปน็ อาชพี รองทที่ ำกนั เลก็ ๆนอ้ ยๆในชนบท สว่ นใหญผ่ ลติ เมือ่ วนั ที่ 30 กันยายน 2446 ในสมัยเจา้ พระยา เพื่อใช้ในครอบครัวเท่าน้ัน แม้แต่โคราชซ่ึงเป็นแหล่ง เทเวศร์ วงษว์ วิ ฒั น์ (ม.ร.ว.หลาน กญุ ชร) เสนาบดกี ระทรวง เลย้ี งไหมยังต้องส่ังซื้อไหมดิบจากต่างประเทศ ยิ่งกวา่ นน้ั เกษตราธิการ ไดร้ วมกองการผลิตและกองการเลีย้ งสตั ว์ ปรมิ าณการสง่ั ซอ้ื ผา้ ไหมและผา้ ฝา้ ยเขา้ มาเพม่ิ ทกุ ๆ ปี เชน่ ปี เขา้ ไว้กับกองช่างไหม จดั ต้ังเปน็ “กรมช่างไหม” โดยมี 2436 สง่ั ซอ้ื เขา้ มาเปน็ จำนวนเงิน 4,866,821 บาท ต่อมา พระองคเ์ จา้ เพญ็ พฒั นพงษ์ (กรมหมน่ื พไิ ชยมหนิ ทโรดม) ในปพี .ศ. 2444 นำเขา้ มาเปน็ จำนวนเงนิ 8,921,719 บาท พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพ่ิมข้ึนอกี เท่าตัวภายใน 5 ปี รัฐบาลไทยเองก็เร่มิ คดิ จะ ซงึ่ เสดจ็ กลบั จากการศกึ ษาวชิ าการทางการเกษตรทป่ี ระเทศ ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการทำผ้าไหมเพ่ือจะได้ องั กฤษเป็นอธิบดพี ระองคแ์ รก ไม่ต้องสัง่ เขา้ มา การจดั ต้งั โรงเรยี นชา่ งไหม งานหลกั ของกรมชา่ งไหมคอื การสรา้ งโรงเรยี นสอน การทำไหมขึ้นในพระราชวังดุสิต เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2444 ผู้ที่เข้ารับการอบรมรุ่นแรกได้แก่บรรดาสตรีใน พระราชสำนกั 16 คน วชิ าทที่ ำการอบรม ไดแ้ ก่ วชิ าเกยี่ วกบั การปลูกหม่อน วธิ กี ารเลย้ี งไหม วิธกี ารเกบ็ รงั ไหม วิธกี าร สาวไหมฯลฯ ตอนเชา้ เป็นทฤษฎี ตอนบา่ ยเปน็ ภาคปฏบิ ัติ ผทู้ ำหนา้ ทอ่ี บรมไดแ้ ก่ ผเู้ ชยี่ วชาญชาวญปี่ นุ่ ทรี่ ฐั บาลไทยจา้ ง ไดแ้ ก่ ดร.โทยามา่ , นายทาคาโน และนายฮริ าโน 18 น.ส.พ. กสกิ ร ปีท่ี 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553

กรมหม่อนไหม ตัง้ ข้ึนโดยพระราชดำรใิ นสมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ เมอ่ื วนั ท่ี 16 มกราคม 2447 มีการเปดิ โรงเรียนสอนการ ดำเนนิ การมาตง้ั แตโ่ รงเรยี นกรมชา่ งไหม และในทส่ี ดุ โรงเรยี น ทำไหมขน้ึ ทปี่ ทมุ วนั เรยี กวา่ “โรงเรยี นกรมชา่ งไหม” หรือ ก็ไดพ้ ัฒนามาจนกลายเปน็ “มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์” “โรงเรยี นช่างไหม” โดยมวี ัตถปุ ระสงค์เพ่ือเผยแพร่ความ ในปจั จบุ ัน รทู้ างวทิ ยาศาสตร์และการสร้างผเู้ ช่ยี วชาญ ตลอดจนพนัก การส้ินพระชนม์ของพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงษ์ งานคนไทยขึน้ แทนคนญีป่ ่นุ ชว่ งเวลา 2 ปีท่ีฝกึ ปฏบิ ตั ิอยู่จะ เมือ่ วนั ท่ี 11 พฤศจิกายน 2452 ทำใหข้ าดการสนับสนุน ใหเ้ งินอุดหนุนแกผ่ ู้เข้ารบั การอบรมคนละ 20 บาท เม่อื และดำเนนิ การด้านหมอ่ นไหมอยา่ งจริงจัง กอปรกบั เกดิ เรียนจบแล้วจะตอ้ งรบั ราชการเป็นเวลา 5 ปี โรงเรยี น การระบาดของโรคไหม รัฐบาลจึงได้ประกาศปิดสถานี ปทุมวนั เปน็ โรงเรยี นและสถานที ดลองเลย้ี งไหม มหี อพัก ทดลองเลยี้ งไหมและสาขาทกุ แหง่ เม่ือปี พ.ศ. 2456 สำหรับนกั เรียนด้วย แรกเปิดมนี ักเรียน 13 คน โดยมี นักเรียนหญิง 2 คนเขา้ มาฝกึ หัดการสาวไหม โรงเรียนจะ กรมช่างไหม สอนวชิ าภมู ิศาสตร์ ภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมนั ทำให้ กรมชา่ งไหม สาขาเมืองนครราชสีมา โรงเรยี นของกรมชา่ งไหมมมี าตรฐานสงู โรงเรยี นกรมคลอง และโรงเรยี นกรมแผนทจ่ี ึงฝากนกั เรยี นมาเรยี นดว้ ย และ ช่ือของโรงเรียนเปลี่ยนเป็น “โรงเรยี นวชิ าการเพาะปลกู ” หรอื “โรงเรยี นเพาะปลกู ” นกั เรยี นกรมชา่ งไหมทส่ี ำเรจ็ การ ศกึ ษาได้ไปทำงานเป็นหัวหน้าและรองหัวหน้าประจำสถานี ทดลองเลี้ยงไหมต่างๆ ในภาคอีสาน ต่อจากชาวญี่ปุ่น ท่ีหมดสัญญาแลว้ ในเดอื นตลุ าคม พ.ศ. 2451 กรมชา่ งไหมยา้ ยไปรวม อยู่ที่เดียวกับที่ทำการกระทรวงเกษตราธิการและสถานี ทดลองเล้ียงไหมที่ปทุมวันก็ย้ายไปรวมกับสถานีทดลอง เลยี้ งไหมที่โคราช โรงเรยี นเพาะปลูกรวมกับโรงเรียนของ กรมแผนทแี่ ละโรงเรยี นกรมคลอง เรยี กวา่ “โรงเรยี นกระทรวง เกษตราธิการ” โดยมีพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงษ์ ทรง น.ส.พ. กสิกร ปที ี่ 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553 19

การฟนื้ ฟูการปลกู หมอ่ นเลี้ยงไหมในยุคปัจจบุ ัน พ.ศ. 2478 ภาครฐั เริ่มให้ความสำคัญกบั การปลกู หมอ่ นเล้ียงไหม อกี ครงั้ หนง่ึ โดยมี หลวงสวุ รรณวาจกกสกิ จิ อธบิ ดกี รมเกษตรและประมง จดั พมิ พ์ คำแนะนำการเลย้ี งไหมทำไหม ของหลวงชำนาญโกสยั ศาสตร์ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชน์ แก่ผสู้ นใจในการเล้ียงไหม พ.ศ. 2479 กระทรวงเศรษฐการ ได้จัดตง้ั โรงงาน สาวไหมทจ่ี งั หวดั นครราชสมี า กระทรวงเกษตราธกิ ารมอบหมายใหก้ รมเกษตร ดำเนนิ การสง่ เสรมิ การเลี้ยงไหมแกเ่ กษตรกร ในปี 2481 ไดม้ ีการตงั้ สถานี ส่งเสริมการเลี้ยงไหมขึ้นทีป่ ากช่อง จังหวดั นครราชสีมา ตอ่ มาจัดตง้ั สถานี สง่ เสริมการเลยี้ งไหมหนองคาย หว้ ยแก้ว และพทุ ไธสง สงั กัดกองพืชพนั ธุ์ กรมกสิกรรม ในปี พ.ศ. 2493 รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ไดจ้ ดั ตงั้ สถานสี ง่ เสรมิ การเลยี้ งไหมรอ้ ยเอด็ พ.ศ. 2510 จอมพลผนิ ชณุ หะวนั รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงเกษตรซอ้ื กจิ การโรงงานนำ้ ตาลทจ่ี งั หวดั อบุ ลราชธานี ตง้ั เป็นสถานีสง่ เสริมการเล้ียงไหมข้นึ ในปี พ.ศ. 2512 ผลิตไข่ไหมและส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตเส้นไหมได้ท้ัง รฐั บาลไทยไดร้ บั การสนบั สนนุ จากรบั บาลญปี่ นุ่ ดำเนนิ งาน ดา้ นวจิ ยั หมอ่ นไหม การผลติ ไขไ่ หม โรคแมลงศตั รหู มอ่ นไหม เส้นพุง่ และเสน้ ยืน พร้อมขยายงานสง่ เสริมการปลกู หมอ่ น และการสาวไหมท่ีศูนย์วิจัยหม่อนไหมนครราชสีมาและ เล้ยี งไหมสู่ กรมสง่ เสริมการเกษตร กอ่ นดำเนนิ การทำให้ สถานีทดลองในเครอื ขา่ ย 4 แหง่ คือ อดุ รธานี ขอนแกน่ อตุ สาหกรรมการทำไหมเจรญิ รงุ่ เรอื งขนึ้ มาเปน็ ลำดับ มกุ ดาหารและอบุ ลราชธานี สงั กดั กรมวิชาการเกษตร เพ่อื อยา่ งไรก็ตาม การดำเนินงานจะสัมฤทธ์ิผลดยี ิ่งข้นึ ถา้ หน่วยงานตา่ งๆได้รว่ มกันเป็นหนง่ึ เดียว จงึ ดำเนนิ การ 20 น.ส.พ. กสกิ ร ปีที่ 83 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553

จดั ตง้ั “สถาบนั หมอ่ นไหมแหง่ ชาตเิ ฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการและบริหารจัดการ พระนางเจา้ สิริกติ ์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ” โดยมีลำดับการ ดา้ นหม่อนไหมใหเ้ ปน็ ไปอย่างเป็นระบบครบวงจร ดำเนินงานดงั นี้ การดำเนินงานของสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติ 17 ธันวาคม 2545 คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือเสนอ ยงั ไมบ่ รรลุภารกจิ อย่างเปน็ ระบบครบวงจร จงึ ได้ดำเนิน นายกรัฐมนตรีเพือ่ พิจารณาดำเนนิ การ เรอ่ื งการอนรุ กั ษ์ การขอจัดตง้ั เปน็ หนว่ ยงานระดบั กรมดังนี้ หม่อนไหมไทย “กรมหมอ่ นไหม” ไดร้ บั การจดั ตั้งขึ้นในกระทรวง 18 กมุ ภาพนั ธ์ 2546 สำนกั เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี เกษตรและสหกรณ์ มีผลเป็นหน่วยงานตามกฎหมาย มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัง้ แต่วันที่ 4 ธันวาคม 2552 เป็นต้นมา และเป็นกรม เรือ่ งขอให้จดั ต้ังสถาบันหมอ่ นไหม เพื่อเฉลมิ พระเกียรติ ลำดับท่ี 14 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการ สมเด็จพระนางเจ้าสริ ิกติ ์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ ดำเนินการจดั ตง้ั ไดม้ ขี ้นั ตอน ดังน้ี 4 เมษายน 2546 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มี 17 มิถนุ ายน 2551 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หนังสือเรยี นเลขาธิการนายกรฐั มนตรี เห็นสมควรจดั ตั้ง มคี ำสัง่ ที่ 287/2551 แต่งตั้งคณะทำงานเตรียมการจัด สำนักงานหมอ่ นไหมแห่งชาตขิ ึ้น เพ่อื ทำหนา้ ท่เี ป็นเจา้ ภาพ ตง้ั กรมหม่อนไหม หลักในการบริหารจัดการภารกิจต่างๆที่มีหน่วยงานที่ 5 สงิ หาคม 2551 คณะรฐั มนตรมี มี ติเห็นชอบใน เกยี่ วขอ้ งจำนวนมาก ใหม้ กี ารปฏบิ ตั งิ านอยา่ งบรู ณาการ เปน็ หลักการสมควรยกฐานะสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติ เอกภาพ และมีประสทิ ธิภาพมากยงิ่ ขึ้น เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถเปน็ 11 มถิ นุ ายน 2546 สถาบนั วจิ ยั หมอ่ นไหม กรมวชิ า “กรมหมอ่ นไหม” สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณไ์ ด้ร่วมสมั มนากบั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานช่ือหน่วยงานวา่ มูลนิธสิ ่งเสรมิ ศิลปาชพี คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ และกรมทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา กระทรวงพาณชิ ย์ เพ่ือหาบทสรปุ ในการคุ้มครองผา้ ไหมไทย 3 สิงหาคม 2547 คณะรัฐมนตรไี ด้จดั ตง้ั สถาบัน หมอ่ นไหมแหง่ ชาตเิ ฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตร และสหกรณ ์ 11 สงิ หาคม 2548 ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เร่ืองการจัดตั้งสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ เปน็ สว่ นราชการ ในสำนกั งานปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพอื่ ทำหนา้ ที่ น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553 21

“กรมหม่อนไหม” โดยขอใหม้ กี ารบันทกึ ไว้วา่ “ตั้งโดย 23 ธันวาคม 2552 รฐั มนตรวี ่าการกระทรวง พระราชดำรใิ นสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ” เกษตรและสหกรณล์ งนามในกฎกระทรวงแบง่ สว่ นราชการ ตามหนงั สือสำนกั ราชเลขาธิการ ท่ี รล 0010.1/10887 กรมหม่อนไหมและกฎกระทรวงแบง่ สว่ นราชการสำนกั งาน ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลม่ ท่ี 126 ตอนท่ี 98 ก 13 สงิ หาคม 2552 สภาผ้แู ทนราษฎรเหน็ ชอบรา่ ง หนา้ 125 -126 วนั ที่ 28 ธนั วาคม 2552 กระทรวงเกษตร พระราชบญั ญัติปรับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม (ฉบบั ท่ี..) และสหกรณ์ พ.ศ. 2552 และประกาศราชกจิ จานุเบกษา พ.ศ. .... (จัดตั้งกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและ เลม่ 126 ตอนที่ 98 ก หนา้ 11- 124 วนั ที่ 28 ธนั วาคม 2552 สหกรณ์) และใหน้ ำเสนอวุฒิสภาพิจารณาต่อไป การดำเนนิ งานของกรมหม่อนไหมจะมุ่งเนน้ 12 ตลุ าคม 2552 วุฒสิ ภาเห็นชอบรา่ งพระราช 1. การพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของไหมไทยให้ บัญญัตปิ รับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม (ฉบบั ท่ี..) พ.ศ. .... สามารถแขง่ ขนั ไดใ้ นตลาดโลก สรา้ งตราสนิ คา้ (Brand name) (จดั ตั้งกรมหมอ่ นไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) และ ของประเทศไทย ภายใตเ้ คร่ืองหมายรบั รองคณุ ภาพสนิ คา้ ให้สง่ สภาผแู้ ทนราษฎรดำเนินการต่อไป ตรานกยงู พระราชทานท้งั 4 ชนิด ซ่งึ จะสร้างความเช่ือถือ 29 ตุลาคม 2552 นายกรฐั มนตรนี ำร่างพระราช ความภูมิใจ และความเชื่อมนั่ ใหผ้ บู้ รโิ ภคทัง้ ภายในและ บัญญัติปรับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับท่.ี .) พ.ศ. .... ตา่ งประเทศ (จัดตั้งกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) 2. อนรุ กั ษภ์ มู ปิ ญั ญา มรดกทางวฒั นธรรมของไหมไทย ข้ึนทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้ ทัง้ ด้านชาตพิ นั ธ์ุ วัฒนธรรม ประเพณขี องชนเผา่ ตา่ งๆ เกบ็ บงั คบั เปน็ กฎหมายตอ่ ไป รวบรวมพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเท่ียวของไทยรวมทั้งการ 26 พฤศจกิ ายน 2552 พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พฒั นาใหเ้ ปน็ สนิ คา้ คณุ ภาพสงู ของไทย รวมทง้ั ดา้ นการศกึ ษา ทรงลงพระปรมาภไิ ธย ในพระราชบญั ญตั ปิ รบั ปรงุ กระทรวง วเิ คราะห์ภูมิปัญญาดา้ นการฟอกย้อมด้วยสีธรรมชาติ ซงึ่ ทบวง กรม (ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2552 และสำนักเลขาธิการ เปน็ ภมู ปิ ญั ญาทสี่ บื ทอดกนั มานาน เปน็ การ ลดการใช้สาร คณะรฐั มนตรไี ดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ฉบบั กฤษฎกี า เคมี เป็นการชว่ ยลดปัญหาโลกร้อนอีกดว้ ย เลม่ 126 ตอนที่ 92 ก หน้า 1 – 3 วันที่ 3 ธันวาคม 3. เพม่ิ ผลผลิต ลดตน้ ทนุ การผลติ ของเกษตรกร พ.ศ. 2552 กฎหมายมีผลใชบ้ ังคับตงั้ แต่วนั ที่ 4 ธนั วาคม ผปู้ ลูกหมอ่ นเลี้ยงไหม ให้มีรายไดม้ ากขึน้ ใช้เวลาวา่ งจาก พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป การผลติ พืชอนื่ ให้เกิดประโยชนส์ งู สดุ เก่ียวกับการปลกู 17 ธันวาคม 2552 นำร่างกฎกระทรวงแบ่งสว่ น หม่อนเล้ียงไหมและการทอผ้าเป็นวิถีชีวิตของเกษตรกร ราชการกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ ท่ัวไปโดยเฉพาะในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เป็นรายได้ คณะรฐั มนตรีเหน็ ชอบแล้ว เม่อื วันที่ 17 พฤศจกิ ายน พ.ศ. หลักของแม่บ้านเกษตรกร ท่ชี ่วยคา่ ใช้จา่ ยในดา้ นการศกึ ษา 2552 เสนอรฐั มนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และค่าใชจ้ า่ ยในครัวเรือน นอกจากนีย้ ังช่วยบรรเทาความ พิจารณาลงนามให้มผี ลใชบ้ งั คับเป็นกฎหมายตอ่ ไป เดอื ดร้อนของเกษตรกร ในกรณีท่ีพชื หลักประสบปัญหา 22 ธันวาคม 2552 นายกรัฐมนตรีลงนามกฎ ด้านราคาหรอื ภัยธรรมชาติ ชว่ ยให้เกษตรกรไม่ละทง้ิ ถนิ่ กระทรวงวา่ ด้วยกลุ่มภารกิจ (ฉบับท่ี 7) พ.ศ.2552 และ มีคุณภาพชีวติ ท่ดี ี ประกาศราชกิจจานเุ บกษาเลม่ 126 ตอนที่ 98 ก หนา้ 4. ทำการวิจัยและพัฒนาหม่อนและไหมให้เป็น 116 - 117 วันท่ี 28 ธันวาคม 2552 ผลติ ภัณฑ์ทม่ี ีมูลค่าสงู และปลอดภัยตอ่ ผู้บรโิ ภคทั้งทาง กรมหม่อนไหมในปจั จุบัน 22 น.ส.พ. กสกิ ร ปีที่ 83 ฉบบั ท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553

ด้านเภสชั โภชนาภัณฑ์ (ผลิตภัณฑ์เสรมิ สขุ ภาพ) เวชภณั ฑ์ ประเด็นยุทธศาสตร์ และเครอ่ื งสำอาง 1. พัฒนาระบบการจัดการสินค้าหม่อนไหมไทย และการตลาด โครงสรา้ งกรมหมอ่ นไหม 2. อนุรกั ษ์และคุ้มครองภูมิปัญญาหม่อนไหมไทย 3. วิจัยและพฒั นาหม่อนไหมไทยครบวงจร เพื่อให้การดูแลเกษตรกรเป็นไปอย่างทั่วถึงทุก 4. เพมิ่ ผลติ ภาพการผลิตหมอ่ นไหมไทย ภมู ภิ าค กรมหมอ่ นไหมจงึ ไดก้ ระจายการบรหิ ารจดั การออกไป ดงั นัน้ จึงเช่ือมั่นวา่ กรมหมอ่ นไหม กรมนอ้ งใหม่ เป็นสำนกั งานส่วนกลาง ๔ สำนกั เพือ่ ดำเนินการในด้าน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะสามารถปฏิบัติตาม การบรหิ าร กำหนดนโยบาย แผนงาน โครงการ ใหเ้ ปน็ ระบบ ภารกิจท่ีเพ่ิมขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ และถา่ ยทอดไปส่กู ารบรหิ ารในส่วนภมู ภิ าค สงู สดุ ทำหนา้ ทร่ี บั ผิดชอบ ดูแลเร่อื งหมอ่ นไหมท้งั ระบบ มสี ำนกั งานเขต 5 เขต เขต 1 ภาคเหนอื ทจ่ี งั หวดั แพร่ โดยการครอบคลมุ ถงึ พฒั นาพนั ธ์ุ การอนรุ กั ษแ์ ละคมุ้ ครอง เขต 2 ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ตอนบนที่จงั หวัดอดุ รธานี พนั ธกุ รรมหม่อนไหม การตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน เขต 3 ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนกลางทจี่ งั หวดั ขอนแกน่ หมอ่ นไหม การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ และการเผยแพรอ่ งคค์ วามรู้ เขต 4 ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนลา่ งทจ่ี งั หวดั นครราชสมี า ด้านหมอ่ นไหม รวมท้ังการสง่ เสริมเอกลักษณ์ การสรา้ ง และเขต 5 ภาคใตท้ จ่ี งั หวดั ชมุ พร สำนกั งานเขตจะทำหนา้ ท่ี ค่านิยมเก่ียวกับหม่อนไหมให้เป็นสินค้าที่มีลักษณะเฉพาะ เปน็ กรมยอ่ ย ควบคุม กำกบั ดแู ล การบรหิ ารจดั การลงไปสู่ ใหเ้ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรมอนั ลำ้ ค่า สรา้ งงาน สร้างอาชีพ ศนู ย์หมอ่ นไหมเฉลิมพระเกยี รตฯิ ทเี่ ปน็ เครือข่าย กระจาย สรา้ งรายได้แกค่ นไทยและชาตไิ ทยสบื ต่อไปอย่างยง่ั ยนื อยใู่ นจงั หวดั ตา่ ง ๆ จำนวน 21 ศนู ย ์ แผนยทุ ธศาสตร์กรมหม่อนไหม กรมหมอ่ นไหมได้ทบทวนแผนยุทธศาสตร์ โดยมี บรรณานกุ รม เป้าหมายการดำเนินการให้หม่อนไหมและผลิตภัณฑ์ได้ รับการอนุรกั ษ์ พัฒนาและสง่ เสรมิ จนเป็นทีย่ อมรับ สนิ ค้า กฎกระทรวง แบง่ สว่ นราชการกรมหมอ่ นไหม. กระทรวงเกษตร ไหมไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเกิดค่านิยมในการ และสหกรณ์. 2552. ในราชกิจจานุเบกษา. เล่มท่ี 126. บรโิ ภคสินค้าไหมไทยท้งั ในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้ ตอนท่ี 98 ก. ลงวนั ท่ี 28 ธนั วาคม 2552. กำหนดวสิ ัยทัศน์ พันธกิจ และประเด็นยทุ ธศาสตร์ไวด้ ังน้ี วิสยั ทศั น ์ พระราชบัญญตั ิ ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 7). “องค์กรนำในการอนุรักษ์ภูมิปัญญา พัฒนาไหม 2552. ในราชกิจจานเุ บกษา. หน้า 1 เล่มที่ 126. ตอนที่ ไทยสูส่ ากล” 92 ก. ลงวันที่ 3 ธนั วาคม 2552. พันธกิจ 1. พัฒนาศกั ยภาพการผลติ สินค้าหม่อนไหม และ พจนา วรี ะโสภณ วโิ รจน์ แกว้ เรอื ง จรรยา ปั้นเหน่งเพชร และ ผลติ ภณั ฑ์ให้ได้มาตรฐานระดับสากล ทพิ รรณยี ์ เสนะวงศ.์ 2544. เอกราชของชาติไทยบนเส้น 2. พฒั นาระบบการจัดการสินคา้ หมอ่ นไหม และ ทางสายไหม. สถาบันวิจยั หมอ่ นไหม กรมวิชาการเกษตร การตลาดอยา่ งเปน็ ระบบครบวงจร เพอ่ื สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ 69 หน้า. เกษตรกรและผ้ปู ระกอบการ 3. ดำเนินการเก่ียวกับการอนุรักษ์และคุ้มครอง พนั ธกุ รรมหมอ่ นไหม นวตั กรรม วฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาดา้ น หม่อนไหม ผลิตภณั ฑ์จากหม่อนไหม และผลพลอยได ้ 4. ศึกษาวิจัย ทดลองและพัฒนาเกี่ยวกับพันธุ์ เทคโนโลยกี ารผลติ การอารกั ขา วทิ ยาการหลงั การเกบ็ เกย่ี ว การแปรรูป นวัตกรรม และมาตรฐานเก่ยี วกบั หม่อนไหม ผลิตภณั ฑจ์ ากหม่อนไหม และผลพลอยได้ 5. สง่ เสรมิ และสนับสนนุ สรา้ งระบบเครือขา่ ยและ ถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารผลติ และการจดั การผลผลติ หมอ่ นไหม ตลอดจนเผยแพรอ่ งคค์ วามรู้ บรกิ ารข้อมูล และพิพิธภัณฑ์ การเรียนรู้ดา้ นหม่อนไหม น.ส.พ. กสิกร ปที ่ี 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 23

มุ ม ม อ ง พื ช ส ว น พืชผกั เปน็ ทง้ั สมนุ ไพร และเครอื่ งแกง มนุ ไพรไทย มีดกี ว่าที่คิด รัฐศักดิ์ พลสิงห์ สมุนไพร ไทยน้ ี มคี า่ มาก  พระเจ้าอยู่หัว ทรงฝาก ใหร้ ักษา แตป่ ่ยู า่  ตายาย ใชก้ นั มา  ควรลกู หลาน รู้รักษา ใชส้ ืบไป เป็นเอกลกั ษณ์ ของชาต ิ ควรศกึ ษา  วิจัยยา ประยกุ ต์ใช ้ ให้เหมาะสมัย รูป้ ระโยชน์ รูค้ ณุ โทษ สมุนไพร  เพ่อื คนไทย อยรู่ อด ตลอดกาล พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ าร ี 24 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ่ี 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553

การจัดนิทรรศการสมนุ ไพรไทย ในงานเปิดบ้านงานวจิ ัยสถาบันวจิ ยั พชื สวน 2553 สมุนไพรคืออะไร อาจดัดแปลงรูปลักษณะของสมุนไพรให้ใช้ได้สะดวกข้ึน เชน่ นำมาหนั่ ใหม้ ขี นาดเลก็ ลง หรอื นำมาบดเปน็ ผง เปน็ ตน้ ตามพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2525 อยา่ งไรก็ตามในปัจจบุ ัน มีผพู้ ยายามศึกษาค้นคว้า คำว่า สมุนไพร หมายถงึ พชื ทีใ่ ชท้ ำเปน็ เครื่องยา สมุนไพร เพื่อพัฒนายาสมุนไพรให้สามารถนำมาใช้ในรูปแบบท่ี กำเนิดมาจากธรรมชาติและมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์ สะดวกยงิ่ ขน้ึ เช่น นำมาบดเป็นผงบรรจุแคปซูล ตอก โดยเฉพาะ ในทางสุขภาพ อนั หมายถงึ ทัง้ การสง่ เสรมิ สุข เปน็ ยาเม็ด เตรียมเป็นครมี หรอื ยาขผี้ ง้ึ เพ่ือใชท้ าภายนอก ภาพและการรักษาโรค เป็นตน้ ในการศึกษาวจิ ัยเพอื่ นำสมุนไพรมาใช้เป็นยาแผน ความหมายของยาสมุนไพร พระราชบัญญัติยา ปจั จุบันนน้ั ไดม้ ีการวจิ ัยอย่างกว้างขวาง โดยพยายามสกัด พ.ศ. 2510 ไดร้ ะบวุ า่ ยาสมนุ ไพร หมายความว่า ยาที่ได้ สารสำคญั จากสมนุ ไพรเพอื่ ใหไ้ ดส้ ารทบี่ รสิ ทุ ธิ์ ศกึ ษาคณุ สมบตั ิ จากพฤกษาชาติ สัตว์ หรือแร่ธาตุ ซ่ึงมไิ ดผ้ สมปรงุ หรอื ทางด้านเคมี ฟิสกิ สข์ องสารเพอื่ ใหท้ ราบวา่ เป็นสารชนดิ ใด แปรสภาพ เชน่ พืชกย็ งั เปน็ สว่ นของราก ลำต้น ใบ ดอก ตรวจสอบฤทธ์ิด้านเภสัชวิทยาในสัตว์ทดลองเพ่ือดูให้ได้ ผล ฯลฯ ซง่ึ มไิ ดผ้ า่ นขนั้ ตอนการแปรรปู ใด ๆ แตใ่ นทางการคา้ ผลดใี นการรกั ษาโรคหรอื ไม่เพยี งใด ศึกษาความเป็นพษิ สมนุ ไพรมกั จะถูกดัดแปลงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถูกห่ัน และผลขา้ งเคยี ง เมอื่ พบวา่ สารชนดิ ใดใหผ้ ลในการรกั ษาทด่ี ี ให้เป็นช้ินเล็กลง บดเป็นผงละเอียด หรืออัดเป็นแท่ง โดยไมม่ พี ษิ หรอื มีพิษข้างเคียงน้อยจึงนำสารน้ันมาเตรียม แตใ่ นความรสู้ กึ ของคนทวั่ ไปเมอื่ กลา่ วถงึ สมนุ ไพร มกั นกึ ถงึ เป็นยารูปแบบที่เหมาะสมเพือ่ ทดลองใชต้ อ่ ไป เฉพาะตน้ ไมท้ น่ี ำมาใชเ้ ปน็ ยาเทา่ น้นั หากจะกล่าวโดยสรุปจะได้ความหมายของคำว่า สมุนไพรไทยมดี ีกวา่ ทีค่ ดิ สมนุ ไพรคอื พืชท่มี สี รรพคณุ ในการรักษาโรค หรอื อาการ เจบ็ ปว่ ยตา่ ง ๆ หรอื จะกลา่ วสนั้ กค็ อื พชื ทใี่ ชท้ ำเปน็ เครอื่ งยา เรอื่ งของสมนุ ไพร ไมใ่ ชเ่ ฉพาะเอกชนเทา่ นนั้ ทสี่ นใจ สว่ น ยาสมนุ ไพรคอื ยาที่ได้จากสว่ นของพืช สัตว์ หนว่ ยงานภาครฐั หลายหน่วยงานใหค้ วามสนใจ และให้ และแร่ ซงึ่ ยงั มไิ ดผ้ สมปรงุ หรอื แปรสภาพ สว่ นการนำมาใช้ ความสำคญั ในการศกึ ษา คน้ ควา้ และวจิ ยั กรมวชิ าการเกษตร น.ส.พ. กสิกร ปที ่ี 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 25

ผลิตภัณฑจ์ ากสมนุ ไพรไทย เป็นหน่วยงานรัฐอีกหน่วยงานหน่ึงที่ดำเนินการเร่ืองของ เมล็ดสะเดา สมนุ ไพรกำจัดแมลง สมนุ ไพร โดยมกี ารตง้ั กลมุ่ งานสมนุ ไพร สถาบนั วจิ ยั พชื สวน ขน้ึ มารบั ผดิ ชอบ มกี ารศกึ ษา วจิ ยั คน้ ควา้ รวบรวมสมนุ ไพร - เถาวัลยเ์ ปรยี ง นำไปใช้ฆ่าแมลง ดว้ ยการทุบ หลากหลายชนิด จัดทำเป็นเอกสารแนะนำให้ผู้ที่สนใจ รากประมาณ 1 กิโลกรมั แชน่ ้ำ 1 ปี๊บ ค้างคนื แลว้ นำน้ำ นำไปใช้ อาท ิ หมกั ไปฉดี พ่นฆ่าแมลงไดห้ ลายชนดิ พชื สมนุ ไพรในการปอ้ งกนั กำจดั ศตั รพู ชื เพอื่ นำมา - สะเดา ใช้รักษาผิวหนัง และฆา่ แมลง โดยใช้ ใชท้ ดแทนการใชส้ ารเคมี ทำใหไ้ มม่ สี ารพิษตกค้าง ไม่มี เมล็ดหรอื ใบสะเดาบด 1 กิโลกรัมตอ่ น้ำ 20 ลติ รหมกั ผลกระทบต่อสงิ่ แวดล้อมและศตั รธู รรมชาติ ต้นทุนการ ค้างคืน หรอื นำแล้วนำไปฉดี พ่นไลแ่ มลงไดห้ ลายชนิด ผลิตกล็ ดลง เช่น - มะคำดีควาย ใช้ฆ่าแมลงเชน่ กัน โดยนำผล - กลอย นำไปใช้ในการฆ่าแมลง เชน่ เพล้ียออ่ น มะคำดีควาย 1 กโิ ลกรมั ทุบใหเ้ น้ือผลแตก นำไปหมัก แมลงสงิ และแมลงท่วั ไป โดยโขลกกลอย 1 กโิ ลกรมั ในน้ำ 1 ปี๊บ ทิง้ ไว้ 1 คนื นำไปฉีดพน่ ฆา่ แมลงศัตรพู ชื หมักในน้ำ 1 ป๊ีบ ทิง้ คา้ งคืน 1-2 คนื นำไปฉีดพน่ ฆ่าแมลง - โลต่ ิน๊ หรอื หางไหล ใช่ฆา่ หนอนหรอื แมลง - ตะไคร้หอม ใชท้ ำยาปอ้ งกนั กำจัดแมลง และ โดยใช้สว่ นของรากทบุ แช่น้ำ แลว้ นำน้ำไปรดสวนผักเพื่อ ล่อแมลงวนั ตัวผู้ ใช้ใบสดทแี่ กจ่ ัดผสมกับหวั ข่าสด และ ฆา่ หนอนหรอื แมลงท่ีมาทำลายผัก ใบสะเดาสด บดใหล้ ะเอยี ดในอตั ราทเี่ ทา่ กนั แชใ่ นนำ้ 1 ปบ๊ี - แหว้ หมู ใชร้ ากหรอื เหงา้ ประมาณ 1-2 กโิ ลกรมั หมกั 1 คนื กรองเอาเฉพาะนำ้ ผสมกบั นำ้ สะอาด 10 ชอ้ นแกง แช่น้ำ 1 ปบี๊ ทิ้งคา้ งคืน นำน้ำไปฉีดพน่ ฆา่ แมลง ตอ่ นำ้ 20 ลติ ร ฉีดกำจดั แมลงในพืชผัก และไม้ผล และ - หนอนตายหยากเล็ก ใช้เหง้า 10 กิโลกรัม ยงั สามารถนำมากลั่นเปน็ นำ้ มันหอมระเหย พ่นทาผวิ หนงั กากน้ำตาล 10 กิโลกรมั ตะไครท้ ้งั ตน้ 5 กโิ ลกรมั ใบหเู สือ กันยุงและแมลงได้อกี ดว้ ย ใบสาบเสอื มาบดใหล้ ะเอยี ดหมกั ไว้ ผสมนำ้ ฉดี พน่ ฆา่ แมลง ในสวนสม้ ไดด้ ี ตะไครห้ อม ไลย่ ุง พชื สมนุ ไพรทใ่ี ชท้ ำนำ้ มนั หอมระเหย สามารถนำมา เป็นสมนุ ไพรแกโ้ รคตา่ งๆ มากมาย เช่น 26 น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553

- จำปี ใช้ดอก บำรงุ หวั ใจ บำรงุ ประสาท บำรุงโลหิต นำ้ มันจากดอกและ ผล บำรุงธาตุ แก้คล่ืนเหียน แก้ไข้ ขบั ปัสสาวะ ใบ แกโ้ รคประสาท แก้ปว่ ง แกน่ บำรงุ ประจำเดือน รากแหง้ หรอื เปลอื กราก ผสมนมสำหรับบ่มฝี - ช้าพลู ใช้ใบขับเสมหะ ทำให้ เสมหะงวด ทำให้เลอื ดลมซา่ น เจรญิ อาหาร ดอก (ผล) ใชข้ บั เสมหะ แกเ้ สมหะ ในทรวงอก ราก ทำให้เสมหะแห้ง ขบั ลมในลำไส้ และบำรุงธาตุ กรรณิการ์ แก้ลมวิงเวยี น เจรญิ อาหาร จำปี บำรุงหัวใจ ช้าพลู ขบั เสมหะ จำปา ใชร้ ากเป็นยาบำรงุ กำลงั - กรรณกิ าร์ ใบแก้ไข้ แก้ปวดข้อ บำรุงน้ำดีเจริญ อาหาร ดอก แกล้ มวิงเวยี น แกไ้ ข้ เปลือก ใชเ้ ปลือกตม้ แก้ปวดศีรษะ ต้นรสหวานเย็นฝาด - กระดังงา ดอกใช้ ปรุงเปน็ ยา แก้ลมและบำรุง เลอื ด รักษาโรคหดื ใบและเนอื้ ไม้ ต้มนำ้ กินเปน็ ยาขบั ปสั สาวะ ใบเป็นยาแกค้ ัน ตน้ กิ่ง กา้ น ขับปัสสาวะ แก้ขับ ปสั สาวะพกิ าร - กฤษณา เนื้อไม้ บำรุงโลหติ ในหวั ใจ บำรงุ ตับ และปอดให้เปน็ ปกติ แก้ลม แกล้ มอ่อนเพลยี แก้ไข้ บำรงุ โลหิต รักษาโรคปวดขอ้ แกน่ ไม้ บำรงุ โลหติ บำรุงหัวใจ บำรุงตบั และปอดใหป้ กต ิ - แก้ว ใช้ก้านและใบสดบดแช่แอลกอฮอล์ 24 ชวั่ โมง ใช้ทาหรอื เป็นยาฉีดระงบั ปวด แก้ปวดฟัน ก้าน ใชท้ ำความสะอาดฟัน รากและใบสด แกผ้ ดผืน่ คัน จากความชืน้ หรอื แมลงกัดต่อย - โกฐจุฬาลำพา ใชท้ ั้งต้น แกไ้ ข้ที่มผี ่นื ขน้ึ ตามตวั เช่น หดั เหือด สุกใส ฝดี าษ ไขร้ ากสาด แก้หดื ไอ แก้ไข้ เพอื่ เสมหะ - จำปา ใชด้ อก ปรุงเปน็ ยาหอม บำรงุ หวั ใจ เปลือกต้น สมาน แก้ไข้ ราก เป็นยาบำรุงธาตบุ ำรงุ กำลัง บำรุงเสน้ ผมแก้ผมหงอก บำรุงผิวหนงั ใหเ้ ปลง่ ปลัง่ แก้ ท้องผูก แกล้ ม แก้พรรดึก แกไ้ อ น.ส.พ. กสกิ ร ปที ่ี 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553 27

- พิกุล ใช้เปลือกตน้ ฆ่าแมลงกินฟนั กระพี้ แก้ ดอกพกิ ุล แกล้ ม บำรงุ โลหติ เกลอื้ น แกน่ บำรุงโลหิต ใบ ฆา่ เชอ้ื กามโรค ดอก แกล้ ม บำรงุ โลหติ ราก บำรุงโลหติ แกเ้ สมหะ พืชสมนุ ไพรเพือ่ ความงาม เป็นสมนุ ไพรรักษา โรคต่างๆ ไดม้ ากมายเชน่ กัน เช่น - กวาวเครือขาว หวั ตม้ น้ำดื่มบำรุงกำลงั เปน็ ยาอายวุ ัฒนะ บำรงุ เน้ือให้เจรญิ ทำใหเ้ ลอื ดค่ังเต่งทม่ี ดลกู บำรุงอวยั วะสบื พนั ธ์ใุ ห้เจริญ รบั ประทานขนาดเทา่ เมล็ด พริกไทย 1 เม็ดตอ่ วัน กวาวเครอื เป็นยาบำรุงกำลัง มะกรดู แก้หลอดลมอักเสบ ขมิน้ ชัน แกเ้ หงอื กบวม - ขม้ินชนั เหง้าสด แกโ้ รคเหงือกบวมเป็นหนอง รกั ษาแผลสด แก้โรคกระเพาะแก้ไขค้ ล่ังเพอ้ แกไ้ ขเ้ ร้อื รัง ผอมเหลอื ง แกโ้ รคผิวหนงั แก้ท้องร่วง แกบ้ ิด พอกแผล แกเ้ คลด็ ขดั ยอก ขบั ผายลม คุมธาตุ หยอดตาแกต้ าบวม ตาแดง ทาแกแ้ ผลถลอก แก้โรคผิวหนังผื่นคัน แก้ทอ้ ง อืดเฟ้อ รกั ษาแผลในกระเพาะอาหาร - มะกรดู ใบตม้ ดมื่ แกห้ ลอดลมอกั เสบ แกเ้ จบ็ คอ ตบั อกั เสบ กระตุน้ นำ้ ลาย ขับปสั สาวะ ปวดตามขอ้ แนว ประสาท ตำพอกแกป้ วดบวม แกอ้ กั เสบ จดุ ดา่ งดำบนใบหนา้ ราก เถา รสหวานตม้ นำ้ ดม่ื แกไ้ อ แกห้ วดั รากเถา รสเปรย้ี ว ต้มดื่มแก้หดื เจ็บคอ ไอแหง้ กดั เสมหะ แกร้ อ้ นใน อาเจียน ตบั อกั เสบ ดซี ่าน ขับปสั สาวะ ขับเสมหะ ผลรส เปรี้ยว ใช้ทำยาดอง ฟอกโลหิตระดู ถอนพษิ ผิดสำแดง ผิวลกู รสปรา่ หอมตดิ ร้อน ขบั ลมในลำไส้ ขบั ระดู 28 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553

มะเขือเทศแกก้ ระหาย และเปน็ ยาระบายอ่อน ๆ แก้เคล็ดบวม ขัดยอก ใช้ตำปิดศีรษะแก้ปวดศีรษะ - มะเขือเทศ ใบสด นำมาตำละเอียดใช้เป็น ลดอาการไข้ ใช้ต้มด่ืมทำใหอ้ าเจยี น รากใช้ตำพอกแผล ยาทาหรือพอกแก้ผิวหนังถูกแดดเผา ผลสด นำมา รับประทานสด หรือตม้ เอาน้ำแกงกนิ เปน็ ยาแก้กระหายนำ้ หรอื เคยี้ วกลนื รกั ษาพษิ ยางนอ่ ง เมลด็ ใชเ้ ปน็ ยาขบั ปสั สาวะ เปน็ ยาระบายอ่อนๆ ทำให้เจริญอาหาร ช่วยขบั พิษ และ สิ่งท่ีคงั่ คา้ งในรา่ งกาย ชว่ ยบำรุง และกระตนุ้ กระเพาะ ขบั ประจำเดอื น เปน็ ยาระบาย ยาบำรุง อาหาร ลำไส้ และไต ราก ใชร้ ากสด นำมาตม้ เอานำ้ กนิ - วา่ นหางจระเข้ นำว้นุ จากใบลา้ งนำ้ ให้สะอาด เปน็ ยาแกป้ วดฟนั หรอื ใชน้ ้ำทตี่ ม้ นำ้ มาล้างบาดแผล ฝานทาหรอื ปิดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ดบั พิษร้อน น้ำ - บวั บก ตน้ นำมาต้มนำ้ ดมื่ แก้ฟกช้ำ ลดอาการ อักเสบได้ดี ทำครีมทาผวิ หนงั แกอ้ กั เสบเป็นเครอื่ งดม่ื จากเมอื กใบใช้ทาผิวปอ้ งกัน และบรรเทาอาการผิวหนงั แก้ร้อนใน - พลับพลึง หัวใช้ต้มเอาน้ำรับประทานทำให้ เกรยี มไหม้จากแดดหรอื รังสี ทาผวิ รักษาสวิ ฝ้า และขจดั อาเจยี นเปน็ เสมหะ เปน็ ยาบำรงุ กำลงั เปน็ ยาระบาย รกั ษาโรค เก่ียวกับน้ำดีโรคเก่ียวกับปัสสาวะ ใบ ใช้ลนไฟพอนิ่ม รอยแผลถลอก นอกจากนั้นนำ้ วุน้ กนิ รกั ษาโรคกระเพาะ แก้รอ้ นในและบำรุงรา่ งกาย - อญั ชนั ดอกใช้เป็นสีผสมอาหารหรือขนม ซงึ่ จะ ให้สีม่วง ใส่น้ำมะนาวผสมรากใช้ถูกบั ฟนั ทำใหแ้ ขง็ แรง ดอกชว่ ยรกั ษาอาการผมรว่ ง นยิ มใชเ้ ปน็ สว่ นผสมของแชมพ ู เมอ่ื เรว็ ๆ นี้ สถาบนั วจิ ยั พชื สวน กรมวชิ าการเกษตร ยงั ไดจ้ ดั งานเปดิ บา้ นงานวจิ ยั สถาบนั วจิ ยั พืชสวน 2553 ขึน้ ภายในงานได้มีการจดั อภิปรายเร่ือง “สมนุ ไพรไทยมีดี กว่าท่คี ิด” ข้ึน ได้เชิญผู้ทีอ่ ยใู่ นวงการสมุนไพรหลายท่าน ไมว่ ่าจะเป็น คณุ บุญชู สมบรู ณ์ศกั ดกิ ุล อปุ นายกสมาคม เสรมิ ความงามแหง่ ประเทศไทย อาจารยส์ ถติ มโนมัยอุดม ที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตเคร่ืองสำอางไทย คุณบังอร เกยี รตนิ ากร ผบู้ รหิ ารบรษิ ทั อตุ สาหกรรมเครอื่ งหอมไทย-จนี จำกดั ดร.ประคองศริ ิ บญุ คง ทป่ี รกึ ษาศนู ยพ์ ฒั นายาไทย และสมุนไพร โดยมี คุณวิวัฒน์ ชัยวัฒนเมธิน สดุ ยอด แฟนพนั ธแ์ุ ทส้ มนุ ไพรไทย เจา้ ของหา้ งหนุ้ สว่ นจำกดั ชาเขยี ว ผู้ผลิตและจัดจำหนา่ ยชาชง ภายใต้ ตราสินคา้ (Brand) “เรนองท”ี เป็นผู้ดำเนนิ การสมั มนา บวั บก แกฟ้ กชำ้ พลับพลึง เป็นยาบำรงุ และยาระบาย อัญชนั รักษาอาการผมรว่ ง น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553 29

คุณบงั อร เกียรตนิ ากร มีอตั ราการเติบโต 10% ส่วนประเทศไทยมีการนำเข้า น้ำมันหอมระเหยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาแล้ว ตลาดสมุนไพรเตบิ โตไดอ้ กี ส่งออก อกี ทอดหนึ่งในรปู ผลติ ภณั ฑ์สปา ผลิตภัณฑ์สมุนของไทยมีให้เลือกท่ีหลากหลาย บงั อร เกียรติธนากร ผ้บู ริหารบรษิ ัทอุตสาหกรรม ครอบคลมุ ในอตุ สาหกรรมถงึ 7 กลมุ่ คอื อตุ สาหกรรมอาหาร เครอ่ื งหอมไทย-จนี ซงึ่ เปน็ บรษิ ทั รว่ มทนุ ไทยกบั สาธารณรฐั อาหารเสริม ยา เครื่องสำอาง การปศุสัตว์ การเกษตร ประชาชนจนี ทท่ี ำธรุ กจิ ผลิตและจำหนา่ ย วตั ถหุ อมระเหย และสปา โดยอันดับการส่งออกสินค้าสมุนไพรของไทย จากธรรมชาติ สารสกัดจากธรรมชาติ เครอื่ งหอมสำหรบั เรยี งตามลำดับ คอื เครือ่ งสำอางสมนุ ไพร เครอื่ งสมนุ ไพร บริโภค เคร่ืองหอมสำหรับสินค้าอุปโภค กล่าวว่าเม่ือ อาหารเสรมิ สขุ ภาพ ยา แนวโนม้ ของสนิ ค้าท่อี ยใู่ นกระแส กอ่ นหลายคนคิดวา่ สมนุ ไพรเป็นเรอ่ื งโบราณ แต่ในปัจจบุ นั คอื พวกสนิ คา้ เพอ่ื สขุ ภาพ ความงาม สนิ คา้ ธรรมชาติ สนิ คา้ กระแสนยิ มสมนุ ไพรของโลกไดเ้ ปลยี่ นไป สมนุ ไพรเป็น อนิ ทรีย์ เร่ืองที่อยู่ในกระแสได้รับความสนใจมาก ทำให้ตลาดมี ดงั นนั้ จะเหน็ ไดว้ า่ สมนุ ไพรนน้ั สามารถนำไปแปรรปู อตั ราการเตบิ โตเรว็ มาก มมี ลู คา่ มากถงึ ปลี ะ 2 ลา้ นลา้ นบาท เพม่ิ มลู คา่ ไดม้ ากมายและการเตบิ โตของตลาดสมนุ ไพรไทย และยังมีอตั ราการเติบโตอย่างตอ่ เนอื่ ง โดยส่วนใหญ่จะ ยังสามารถเตบิ โตได้อีกมาก เปน็ สมนุ ไพรทไี่ ด้รบั การดดั แปลงหรือแปรรูปแลว้ อย่างไรก็ตามเร่ืองคุณภาพเป็นเร่ืองที่มีความ สำหรับประเทศไทยก็เช่นเดียวกันมีกระแสนิยม สำคญั มาก ซง่ึ การการพฒั นาสมนุ ไพรไปสตู่ ลาดโลกคอ่ นขา้ ง สมุนไพรเติบโตอย่างต่อเน่ืองทั้งการนำเข้าและการส่งออก ติดขัด เพราะกระบวนการสกัดไม่ง่าย จำเป็นต้องให้ ในปี 2550 มีการนำเข้าคิดเป็นมูลค่า 314 ล้านบาท ความสำคัญตัง้ แต่ในช้ันของการจดั เตรยี มวัตถดุ ิบ (การ สง่ ออก 228 ลา้ นบาท ปี 2551 นำเขา้ 375 ล้านบาท ปลกู พชื ) ของเกษตรกร เพราะถ้าสารต้งั ต้นดีผลผลติ ท่ี ส่งออก 261 ล้านบาท ปี 2552 นำเขา้ 377 ล้านบาท ออกมากจ็ ะดี แตท่ ้ังน้ีขั้นตอนดงั กล่าว เป็นเรือ่ งทคี่ วบคมุ ส่งออก 333 ลา้ นบาท ส่วนการบริโภคในประเทศ ศูนยว์ ิจยั ได้ยาก กสกิ รไทย มขี อ้ มลู ระบไุ ว้ในปี 2548 มกี ารซอ้ื สมุนไพร ใชส้ งู ถึง 47,520 ลา้ นบาท ผลติ ภณั ฑจ์ ากสมุนไพรไทย : ลูกประคบ ส่วนประเทศท่ีนำเข้าสมุนไพรท่ีเป็นน้ำมันหอม ระเหยมากทส่ี ดุ คือ สหรฐั อเมริกา รองลงมาคือประเทศ ยุโรป โดยมีมูลค่าการนำเข้า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ 30 น.ส.พ. กสิกร ปที ่ี 83 ฉบบั ท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553

ปญั หาอกี ประการหนง่ึ คอื การขาดแคลนงานวจิ ยั ทจี่ ะ อย่างไรก็ตามตอ้ งยอมรับวา่ ในปจั จบุ ันราคาของ มาเพมิ่ ความรแู้ ละรองรบั ในเรอื่ งสรรพคณุ ของสมนุ ไพรไทย สมุนไพรไทยค่อนข้างจะมีราคาแพงกว่าที่นำเข้ามาจาก เพือ่ สร้างคุณภาพ สร้างมาตรฐานให้การวิเคราะห์เพื่อนำ ตา่ งประเทศ เนอื่ งจากเราไมส่ ามารถผลติ สมนุ ไพรในปรมิ าณ มาใช้ อกี ทง้ั ในตลาดการคา้ นำ้ มนั หอมระเหยและผลติ ภณั ฑ์ ทส่ี ูงได้ เพราะไม่ได้มีอตุ สาหกรรมในการผลิตสมนุ ไพร ทสี่ กดั จากสมนุ ไพรไทย ยงั เปน็ รองคแู่ ขง่ อยา่ งจนี และอนิ เดยี โดยตรง นอกจากน้ใี นเรือ่ งมาตรฐาน เรามขี องดอี ยแู่ ต่ ซึ่งเป็นประเทศที่สามารถส่งออกสินค้าเหล่านี้ได้ในราคา ยงั ไมม่ รี ะบบท่เี ป็นมาตรฐานรองรับ การพัฒนาอะไรกต็ าม ทต่ี ำ่ กวา่ ไทย เนอ่ื งจากมตี ้นทนุ ในการผลิตน้อยกว่า ต้องตง้ั อยบู่ นรากฐานของข้อมูล ท่ผี า่ นการวิเคราะหแ์ ละ “ศาสตรข์ องศลิ ปะโบราณถา้ คดิ ใหล้ กึ ซง้ึ จะสามารถ หาผลสรุปทชี่ ัดเจน เพราะฉะนน้ั เราควรมีการวจิ ยั อย่าง เขา้ ถึงมนั ได้ สมนุ ไพร ไมว่ ่าจะมาจากพชื หรือสัตว์ หรอื ตอ่ เนื่อง เพราะความตอ้ งการของตลาดเปล่ียนไปเรอื่ ยๆ แร่ธาตุ ย่อมนำมาใช้ได้แต่ต้องมีวิธีการใช้ที่ถูกต้อง” หนว่ ยงานราชการควรใหค้ วามสนใจในเรอื่ งตา่ งๆ ของสมนุ ไพร บังอรกล่าวในตอนทา้ ย ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ สมนุ ไพรพิเศษ เช่น มังคุด เป็นตน้ ตอ้ งหา มาตรฐานวธิ กี ารตรวจพสิ ูจนส์ รรพคณุ ตามระบบที่ถกู ตอ้ ง สมนุ ไพรไทยตอ้ งได้มาตรฐาน “อยากให้รัฐมีสถาบันวิจัยที่ทำการตรวจสอบวิจัย ท้งั หมด และมหาวทิ ยาลัยควรสนบั สนุนงานวิจัยใหม้ ากขึ้น อาจารย์สถติ มโนมัยอดุ ม ที่ปรกึ ษาสมาคมผู้ผลิต หรือติดต่อกับบริษัทเอกชนเพื่อรับการสนับสนุนในการ เครอ่ื งสำอางไทย เปดิ เผยว่า คาดว่า เครอ่ื งสำอางที่มา สรา้ งงานวิจยั เพราะถ้าเราใชเ้ คร่ืองสำอางที่มีสมนุ ไพรเปน็ จากสมนุ ไพร มแี นวโนม้ การเติบโตอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ดงั นัน้ ส่วนประกอบ ควรมกี ารอา้ งองิ ขอ้ มลู หรอื หลกี ความเชอื่ ใดๆ รฐั บาลควรจะสนับสนุน ส่งเสรมิ เป็นพิเศษ และในขณะนี้ เพ่ือเป็นส่วนประกอบให้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่เรา สมุนไพรไทย ตลาดตา่ งประเทศให้การยอมรบั มากข้ึน ผลิตข้นึ มคี วามนา่ เช่อื ถือย่ิงขึน้ เนือ่ งจากในแง่การตลาด อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการจะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้ เราตอ้ งรคู้ วามตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค เขา้ ใจและสามารถสร้าง มาตรฐาน GMP และ ISO เพราะจะสรา้ งความเชื่อมนั่ ให้ ทางเลอื กให้แก่ผ้บู รโิ ภคได้ และช้ใี หผ้ ู้บรโิ ภคเหน็ ถงึ ความ ผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ท่ีมี จำเป็นท่ีต้องใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของเราเพ่ิมข้ึน” ความทันสมัยสร้างภาพลักษณ์ท่ีดีทัดเทียมกับสินค้าคู่ อาจารย์สถติ กลา่ ว แข่งของตา่ งประเทศ อาจารยส์ ถติ กลา่ วดว้ ยวา่ ในปจั จบุ นั ตลาดตา่ งประเทศ ทใี่ หค้ วามสนใจสมนุ ไพรไทย มากโดยเฉพาะ ประเทศญป่ี นุ่ นายสถิต มโนมัยอุดม ซึ่งมีความเชือ่ มน่ั ในช่ือเสยี งของ สปาไทย ทมี่ ีเอกลักษณ์ ทโี่ ดดเดน่ ไมเ่ หมือนใคร ชาวญีป่ นุ่ มองว่าประเทศไทยเป็น ประเทศทพ่ี ฒั นาแลว้ ทางดา้ นสปา ซงึ่ กำลงั ไดร้ บั ความนยิ ม อยา่ งมาก แซงหนา้ การบำรงุ ผวิ แบบบาหลี หรอื บาหลที รตี เมนต์ ซึ่งเคยเป็นทน่ี ยิ มของชาวญปี่ นุ่ มงั คดุ จดั เป็นสมุนไพรพเิ ศษ น.ส.พ. กสกิ ร ปที ่ี 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 31

นอกจากน้ีปัจจุบันมีโรงแรมหลายแห่งที่สนใจจะ เคร่ืองเทศ นำเขา้ สปาจากประเทศไทย อกี ทงั้ ปัจจบุ นั ที่ประเทศญี่ปนุ่ เปน็ ยคุ ของ Asia Boom ซงึ่ ทำใหช้ าวญปี่ นุ่ หนั มานยิ มใชส้ นิ คา้ สมนุ ไพรสามารถแกป้ ญั หาทกุ อยา่ งได้ เพราะสมนุ ไพร และผลติ ภณั ฑ์จากเมืองไทยมากขึ้น เพราะชาวญปี่ ่นุ มอง เป็นได้ต้ังแต่อาหารประจำวันไปจนถึงยารักษาโรค แต่ วา่ เครื่องสำอางของไทยมีวัฒนธรรมไทยแฝงอยดู่ ้วย ซงึ่ สมุนไพรบางชนิดหากนำมาใช้โดยไม่ปลูกทดแทนก็จะ ในญี่ปุ่นมีหลายแห่งที่ใช้เคร่ืองสำอางของไทยและปรากฏ หมดป่าได้ เช่น ตน้ มะหาด ซ่งึ เป็นต้นไมท้ ่มี สี รรพคุณ ใน ว่าสามารถเข้ากบั ผวิ ของคนญ่ปี ่นุ ไดด้ ีทีเดยี ว และกระแส การนำฟองทีเ่ กิดข้นึ ระหว่างตม้ มาผงึ่ แดดให้แห้ง ทำเปน็ ความนิยมรุนแรงของสปาไทยซึ่งมีท้ังสมุนไพรท่ีโดดเด่น ผงทมี่ สี รรพคุณฆา่ พยาธไิ ดด้ ีทีส่ ดุ ซ่ึงในประเทศเยอรมนี เป็นเอกลักษณ์ เชน่ ลกู ประคบ ขมนิ้ ไพร นำ้ มันมะพรา้ ว ได้รบั ความนยิ มมาก เปน็ ตน้ ทำใหส้ ปาและผลติ ภณั ฑค์ วามงามของไทยมโี อกาสท่ี สมนุ ไพรเป็นสง่ิ มหัศจรรย์ แตย่ งั ไมไ่ ด้รับการทำให้ จะเขา้ สตู่ ลาดญปี่ นุ่ คอ่ นคา้ งสงู แตท่ างประเทศไทยต้องมกี าร มีมูลค่าเพ่ิมมากนัก อยากให้คนไทยช่วยกันใช้เพื่อให้ ควบคุมคุณภาพ และกระบวนการผลติ โดยทางญีป่ ุน่ จะ สมนุ ไพรได้รับความนิยม ทดแทนการใชส้ ารเคมีจากต่าง มีตัวแทนการส่งออกเข้ามาตรวจสอบโรงงานท่ีประเทศ ประเทศ ในความเปน็ จรงิ แลว้ ชวี ิตเราทง้ั ชีวติ เก่ยี วพนั กับ ไทยเพอ่ื รับรองคุณภาพอกี ด้วย สมุนไพรตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจนตาย ดังนั้นเราจึงควร ตระหนักถงึ การนำความหลากหลายของสมนุ ไพรไปใช ้ สมุนไพรไทยพชื มหศั จรรย ์ สำหรับแนวทางในการเพ่ิมมูลค่าให้กับสมุนไพรน้ัน คอื การแปรรปู โดยเฉพาะการทำสารสกดั สมนุ ไพร ซ่ึง ดร.ประคองศริ ิ บญุ คง ทป่ี รกึ ษาศนู ยพ์ ฒั นายาไทย สามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ได้ และจะช่วย และสมนุ ไพร กระทรวงสาธารณสขุ กลา่ ววา่ สมนุ ไพรของไทยนนั้ ปรบั ปรงุ คณุ ภาพของผลติ ภณั ฑ์ เปน็ การสง่ เสรมิ สมนุ ไพรไทย มหี ลากหลาย เนอื่ งจากประเทศไทยอยใู่ นภมู ิภาคร้อนช้นื ทำให้เกิดความหลากหลายและนำไปใช้ได้ตรงจุดประสงค์ จึงมีสมนุ ไพรเกดิ ขนึ้ มากมาย แตก่ ารนำสมนุ ไพรมาใชน้ ั้น มากยง่ิ ข้ึน นอกจากนีส้ ารสกดั ยังสามารถนำมาดดั แปลง จะตอ้ งใช้ใหถ้ ูกวธิ ี ตั้งแตก่ ารดแู ลวัตถดุ บิ ไปจนถงึ การทำ เป็นผลติ ภัณฑ์อน่ื ๆ ไดอ้ กี ด้วย เป็นผลิตภัณฑ์สำเรจ็ รูป ทีป่ รกึ ษาศูนย์พัฒนายาไทยและสมนุ ไพร อธบิ ายวา่ สารสกดั สมนุ ไพร คอื การทเี่ ราแยกเอาบางสว่ นของสมนุ ไพร ดร.ประคองศริ ิ บุญคง 32 น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553

นทิ รรศการสมุนไพรไทย ฟักข้าว ในงานเปิดบ้านงานวิจัยสถาบนั วิจัยพชื สวน 2553 ออกมา หรอื แยกเอาองคป์ ระกอบอนื่ ๆ ทเี่ ราไมต่ อ้ งการออกไป ดร.ประคองศิริ กล่าวดว้ ยวา่ ท่ีผา่ นมานักวจิ ัยของ แบง่ เปน็ สารสกดั สมนุ ไพรแบบหยาบ แบบกง่ึ บรสิ ทุ ธิ์ และ ไทยได้มีการศึกษาวิจัย การใช้ประโยชน์จากสมุนไพร แบบบริสุทธ์ิ ในที่น้ีจะพูดถึงเฉพาะแบบหยาบ เพราะ อาทิ ศนู ยพ์ ฒั นายาไทย และสมนุ ไพร กระทรวงสาธารณสขุ ค่อนขา้ งงา่ ยทีจ่ ะนำไปใช้ เนือ่ งจากมีประโยชน์คือ ใช้เพยี ง ไดม้ กี ารศกึ ษา วิจัย ค้นควา้ เพอ่ื ผลิต ผลิตภณั ฑ์สมนุ ไพร ปริมาณน้อย ประหยัดในเรอื่ งการขนสง่ ไมม่ ีการปนเปอ้ื น แปลกใหมม่ ากมาย เชน่ ครมี กนั แดดสมนุ ไพรนาโน โดยนำ ของแมลง-หนู สามารถควบคุมมาตรฐานได้ ทส่ี ำคญั คือ ฟักข้าว และมะหาดมาใช้เป็นส่วนผสมหลักควบคู่กับ สามารถควบคุมความบริสทุ ธิ์ และความคงตัวได้ การผลติ โดยเทคโนโลยีนาโน ทำใหไ้ มม่ ีสารเคมี ปลอดภัย สารสกดั แบง่ ตามกายภาพไดแ้ ก่ ของเหลว สมนุ ไพร แกผ่ ู้ใช้ ปอ้ งกันแสงแดดได้นานกวา่ 8 ช่ัวโมง และนาโน ท่ีละลายในแอลกอฮอล์ สมุนไพรในรูปกง่ึ แขง็ (เหนียว) เทคโนโลยี ทำให้ครีมบางเบาสามารถซมึ เข้าสู่ผิวหนังได้ สมนุ ไพรในรูปแหง้ ผง ซึ่งประเภทหลงั มีลกั ษณะพิเศษใน อย่างรวดเรว็ ไม่มสี ี ไม่มีกลิ่น โดยมคี ุณสมบัตชิ ว่ ยบำรงุ ผิว เร่ืองความคงตวั อยูไ่ ด้นานและปลอดเช้ือ ป้องกันรังสี UV A และ UV B รวมถงึ ต่อตา้ นกระบวนการ การเลอื กรปู แบบของสมนุ ไพรขนึ้ อยกู่ บั วตั ถปุ ระสงค์ สร้างสีของผิวหนัง ป้องกันไมใ่ หผ้ วิ คลำ้ นอกจากนน้ั ยงั การใช้ เพื่อหาวิธีการสกัดทเ่ี หมาะสม โดยคำนงึ ถึงต้นทุน ประกอบดว้ ยสมนุ ไพรอ่ืนๆ ที่เป็นประโยชนแ์ กผ่ วิ หนังอีก ของการผลติ ด้วย น้ำมนั หอมระเหยมีวิธสี กดั ท่แี ตกต่างกัน หลายชนดิ สว่ นใหญ่จะเป็นวิธีกลั่นด้วยไอน้ำ หรือใช้สารละลายสกัด ดว้ ยคารบ์ อนไดออกไซดเ์ หลวภายใตค้ วามดนั สงู เชน่ กำยาน หรือการทำแบบ absolute (การบีบเยน็ ) วธิ ีการควบคุม ส่วนใหญใ่ ช้มาตรฐานการตรวจ TLC เป็นตัวควบคุมเพื่อให้ได้สารสกัดท่ีมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น ผลติ ภณั ฑพ์ วกสารสกดั จะเปน็ สว่ นหนงึ่ ในผลติ ภณั ฑป์ ระเภท ยา อาหาร อาหารเสรมิ เครอื่ งสำอาง ยาและอาหารสตั ว ์ น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553 33

ขา้ วเกา้ สี เปน็ อีกผลติ ภัณฑ์สมนุ ไพรหนงึ่ ทเี่ กดิ จาก กต็ ามภมู ปิ ญั ญาไทยสามารถนำมาประยกุ ตไ์ ดห้ ลากหลาย ฝมี ือของนักวิจัยไทย ซ่ึงเป็นผลงานการวจิ ัยต่อยอดของ แต่สินค้าเหล่าน้ีจะไปต่างประเทศได้หรือไม่อยู่ที่การ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ และองค์การเภสัชกรรม ซ่งึ ถือ สนับสนุนของภาครัฐ ที่ทำหน้าท่ีควบคุมดูแลอยู่” เป็นผลิตภัณฑ์จากข้าวและสมุนไพรที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ดร.ประคองศิริ กล่าว และเป็นคร้ังแรกในประเทศท่พี ฒั นาขน้ึ เป็นการเคลอื บ สมุนไพรทเ่ี ป็นสารสกดั จากดอกอัญชนั ซ่งึ ให้สมี ว่ ง ใบเตย สปาธรรมชาติ : การใช้สมนุ ไพรทถี่ กู ตอ้ ง ใหส้ เี ขียว ขงิ ใหส้ ขี าวนวล ขม้ินชันให้สีเหลืองเข้ม พริก ให้สีส้ม บวั หลวงใหส้ ชี มพู กระเจย๊ี บใหส้ แี ดง กระเทยี ม บุญชู สมบูรณ์ศักดิกุล อุปนายกสมาคมเสริม ใหส้ ขี าว และพนั ธขุ์ า้ วสนี ลิ ใหส้ ดี ำ ไวบ้ นเมลด็ ขา้ ว จงึ ทำใหข้ า้ ว ความงามแห่งประเทศไทย และ ผู้บริหารบริษทั ไทยสปา เก้าสมี ีคณุ ค่าทางสมนุ ไพรมากมาย เชน่ ขา้ วเคลือบใบเตย แอนด์เนเชอรัล จำกดั ผผู้ ลติ และจดั จำหน่าย ผลติ ภัณฑ์ ช่วยดา้ นการบำรงุ หวั ใจและลดอาการเบาหวาน สปาจากธรรมชาติ มาตรฐานสง่ ออก ภายใต้ย่หี อ้ “สุขติ า” ขา้ วเคลอื บพรกิ จงึ สง่ ผลดตี อ่ ระบบหวั ใจ ขา้ วเคลอื บ กลา่ วว่า สมนุ ไพรนน้ั มปี ระโยชน์ หากมกี ารใช้อยา่ งถกู ตอ้ ง ขมน้ิ ชนั ที่ป้องกันโรคหัวใจลดการอุดตันของเส้นเลือดและ และถกู สรรพคุณ ทั้งนกี้ ารทำสปาเชงิ ธรรมชาตนิ นั้ เปน็ การ ลดการเกาะตวั ของเกลด็ เลอื ด ขา้ วเคลอื บสารสกดั จากกระเทยี ม รจู้ กั วธิ กี ารนำสมนุ ไพรทมี่ ปี ระโยชนม์ าใชไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และ จึงมีสรรพคุณตา้ นภาวะความเส่ือมชรา และลดภาวะไขมนั ถกู สรรพคุณ โดยตอ้ งทำใหถ้ ูกตามกฎระเบียบ (กฎหมาย ในเลอื ดเกนิ เปน็ ตน้ ซง่ึ จะเปน็ การเพมิ่ มลู คา่ ใหผ้ ลิตภัณฑ์ เครือ่ งสำอาง) ข้าวไทยและชว่ ยเหลือเกษตรกรอกี ด้วย ประเทศไทยของเรา ถือเป็นแหล่งของสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าว เป็นสมนุ ไพรไทยอีก ธรรมชาตทิ สี่ ำคญั ๆ หลายชนดิ อนั เปน็ มรดกทางธรรมชาติ ชนิดหนึ่ง ท่ีหลายคนเคยเขา้ ใจผดิ วา่ ไม่มีประโยชน์ แตจ่ าก ทล่ี ำ้ คา่ และอยเู่ คยี งคกู่ บั คนไทยมาชา้ นาน ดว้ ยภมู ปิ ญั ญาไทย การวิจัย ศึกษา คน้ ควา้ พบวา่ นำ้ มนั มะพร้าวสามารถเพ่ิม ไดน้ ำสมนุ ไพรแต่ละชนิด ท่ีมสี รรพคุณที่โดดเด่น มาใช้ HDL-cholesterol ในเลือดซึ่งลดความเสี่ยงต่อการเกิด ใหเ้ กดิ ประโยชน์ ไมว่ ่าจะนำมาใชป้ ระโยชน์ ในการใชเ้ ปน็ โรคหัวใจและหลอดเลือดได้ นอกจานี้ยังมีความเป็น ยาบำบดั รกั ษาความเจบ็ ปว่ ย หรอื นำมาเปน็ เครอ่ื งประทนิ ผวิ ได้ ธรรมชาติ ไมร่ บกวนการทำงานของเอนไซม์ และยงั มกี รดไขมนั และเราเชื่อมั่นอยา่ งแรงกลา้ กับพลงั ลี้ลบั จากธรรมชาติ ช่วยต้านเชือ้ จลุ นิ ทรีย์และเสรมิ ภูมิคุม้ กันได ้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การบำบัดดว้ ยสมุนไพรธรรมชาติ ซงึ่ “เมื่อมีความคิดท่ีอยากจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใดๆ กต็ าม อยากใหน้ ำสมนุ ไพรไทยมาใช้ ทงั้ นต้ี อ้ งมกี ารศกึ ษา นายบุญชู สมบรู ณ์ศักดิกลุ ใหล้ ะเอียด จะสามารถนำมาใช้ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ถา้ คนไทยใชส้ มนุ ไพรมากขน้ึ มกี ารปลกู มากขนึ้ กเ็ ปน็ การสรา้ งอาชพี สรา้ งรายไดใ้ หค้ นไทยมากขน้ึ เชน่ กนั อยา่ งไร เมลด็ มะรุม สมนุ ไพรท่ีกำลงั นิยม 34 น.ส.พ. กสกิ ร ปที ่ี 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553

นายววิ ฒั น์ ชยั วฒั นเมธนิ ใชส้ มุนไพรธรรมชาติทีด่ ี และปลอดภยั มาผ่านขนั้ ตอน การผลิต ทไี่ ดม้ าตรฐาน คงไวซ้ งึ่ คณุ ภาพ และประโยชน์ ตามวิถีไทยในอดีตนน้ั มีการนำสมนุ ไพรจากธรรมชาติ ของสมุนไพร มาใชใ้ นหลายชวั่ อายุคนแลว้ ไม่วา่ จะใชใ้ นการรักษาบำบดั สำหรบั ผลติ ภัณฑ์ของบรษิ ทั ฯ จะเน้นการใช้วัตถุดบิ หรอื ใชใ้ นการประทนิ ผวิ บำรงุ ผิวพรรณให้สดใสเปลง่ ปลั่ง คณุ ภาพสูงในการผลติ ทำใหไ้ ดร้ ับมาตรฐาน ISO 9001 : แต่ในปัจจุบัน ทุกคนส่วนใหญ่ต้องทำงาน ชีวิต 2000 จากเยอรมัน และ GMP จากคณะกรรมการอาหาร ซับซอ้ นและวนุ่ วายมากข้นึ เกดิ ความเครยี ด และความ และยา ของกระทรวงสาธารณสุข จึงมั่นใจในคุณภาพ ออ่ นลา้ จากการทำงานในแตล่ ะวนั จงึ ทำใหไ้ มม่ เี วลามากนกั มาตรฐาน และความปลอดภยั ของผลิตภณั ฑ์ได้ ซึ่งธุรกิจ ในการหาความสขุ เลก็ ๆ น้อย ๆ ใหก้ บั ชวี ติ ตัวเอง และ สปาธรรมชาตนิ นั้ จะตอ้ งใหค้ วามสำคญั ในเรอ่ื งของคณุ ภาพ แบ่งปันความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กบั คนรอบ ๆ ขา้ ง และความพงึ พอใจสูงสดุ ของลูกคา้ เป็นสำคญั จากสาเหตุดงั กล่าว ทำให้คนห่างไกลจากธรรมชาติ นอกจากนก้ี ารลงทนุ ในเร่ืองระบบคณุ ภาพตา่ งๆ ก็ ไมเ่ หมือนเช่นบรรพบุรษุ ของพวกเรา ทไี่ ด้อยใู่ กลช้ ิดกบั เปน็ ความจำเปน็ เพอื่ ใหผ้ ลติ ภณั ฑไ์ ดม้ าตรฐาน ตามระเบยี บ ธรรมชาติ และความไม่สะดวก ในการหาสมุนไพรจาก ของประเทศคู่คา้ และถอื เปน็ การสร้างความมน่ั ใจใหแ้ ก่ ธรรมชาติ มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ ประกอบกับเราปรารถนา ลูกคา้ ด้วย ซงึ่ ขณะนบ้ี รษิ ัทมั่นใจวา่ ผลติ ภณั ฑ์ของเรามี อยากให้ทุก ๆ คนมสี ุขภาพกายทแี่ ข็งแรง และสุขภาพใจ กระบวนการจัดการถกู ต้องตามมาตรฐานการผลติ เคร่อื ง ทสี่ ขุ สงบ อนั จะนำมาซ่งึ ความสขุ ที่แท้จรงิ ของชีวิตดว้ ย สำอางในระดบั อาเซยี นแลว้ วธิ ีง่าย ๆ จากจุดน้เี อง สขุ ติ าจึงไดถ้ ือกำเนดิ ขึ้นมา เพ่ือ วิวัฒน์ ชัยวัฒนเมธิน สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ตอบสนอง ความต้องการเหล่านี้ โดยการพถิ พี ถิ ัน คัดเลือก สมุนไพรไทย และเปน็ ผดู้ ำเนนิ การเสวนาดงั กลา่ ว กล่าว ให้ความเห็นสัน้ ๆ วา่ การอภปิ รายในครง้ั นเี้ ป็นส่ิงที่ ยืนยนั ได้ว่า.... “สมนุ ไพรไทย มีดีกวา่ ที่คิด” การอภปิ รายเรือ่ ง สมนุ ไพรไทยมีดกี วา่ ที่คดิ น.ส.พ. กสิกร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553 35

ใ ต้ ร่ ม ย า ง พ า ร า กบอล ยางพารา เพื่อสขุ ภาพ สันติ โยธาราษฏร์ ยางพารา เปน็ พชื เศรษฐกิจชนิดใหม่ สำหรับเกษตรกรในแหล่งปลกู ภาคเหนอื และภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื สำหรบั ภาคเหนือจงั หวดั ทีม่ ีพ้ืนท่ปี ลกู ยางพารามากทสี่ ดุ เรียงตามและวลิ าสลักษณ์ วอ่ งไว ลำดบั ได้แก่ เชยี งราย พะเยา และนา่ น ซงึ่ ปัจจุบนั เร่ิมมีการเปิดกรดี กันบา้ งแลว้ จากเวทีเสวนาเกษตรกรตามโครงการศูนย์เรียนรู้ยางพาราโดยการมีส่วนร่วมของ เกษตรกรจังหวดั เชยี งใหม่ ทำให้ทราบประเดน็ ปญั หาการใชเ้ ทคโนโลยรี ะดบั แปลงเกษตรกร หลายดา้ น ทั้งยางกอ่ นและหลังเปิดกรีดพบวา่ ยางพาราท่ปี ลกู กันมากในปี 2547 เปน็ ตน้ มานน้ั ยังโตไมไ่ ด้ขนาดพอทจี่ ะเปดิ กรีดแต่มีหลายแปลงทเ่ี กษตรกรรอไมไ่ หวลงมดี กรดี ไปก่อน ทำให้ ต้นยางพาราทเี่ ปดิ กรีดโตชา้ หรือชะงักการเจรญิ เติบโต ซงึ่ เป็นสิ่งทีต่ อ้ งเร่งรบี ในการให้ความรู้ ทางวิชาการ แนวทางแก้ไขปัญหาท่ถี กู ต้องก่อนท่ีจะเกิดความเสยี หายมากไปกว่าน ี้ 36 น.ส.พ. กสิกร ปีที่ 83 ฉบบั ท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553

ขณะทรี่ อรายไดจ้ ากผลผลติ นำ้ ยางพารา เกษตรกร บางรายได้เร่ิมรวมกลุ่มกันเพ่ือเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ การแปรรปู ผลผลติ นำ้ ยางพาราเปน็ ผลติ ภณั ฑจ์ ากยางพารา กนั บา้ งแลว้ หลังจากการฝึกอบรมตามโครงการต้นกล้า อาชพี ทมี่ หาวทิ ยาลัยแม่โจ้ เมื่อปลายปี 2552 กลุม่ ผูป้ ลกู ยางพาราอินทขลิ อำเภอแม่แตง และกล่มุ วสิ าหกิจ ชมุ ชนเกษตรกรผปู้ ลกู ยาง ตำบลแมแ่ วน อำเภอพร้าว จงั หวดั เชยี งใหม่ เรม่ิ ทำการแปรรปู ผลติ ภณั ฑ์ เชน่ ถงุ มอื ยาง แมบ่ า้ น ถงุ มือผ้าเคลอื บยาง และทีน่ ่าสนใจอีกผลิตภณั ฑ์ หนงึ่ ไดแ้ ก่ ลูกบอลยางพาราเพอ่ื สขุ ภาพ การทำลูกบอลยางพาราจากลูกโป่งถือได้ว่าเป็น หัตถอุตสาหกรรมในครัวเรือนที่มีช่องทางการตลาดและ เสรมิ สรา้ งรายไดแ้ กค่ รวั เรอื นผปู้ ลกู ยาง ลกู บอลยางพารา ตอบสนองกระแสการต่ืนตัวเร่ืองสุขภาพของประชาชน ท่ีมมี ากขึน้ ไดเ้ ป็นอย่างดี กล่มุ วิสาหกิจชมุ ชนเกษตรกร ผู้ปลกู ยาง ตำบลแมแ่ วน อำเภอพร้าว จึงมีกิจกรรมการ ผลติ ลกู บอลยางพาราเพอื่ สขุ ภาพ จำหนา่ ย ทสี่ รา้ งรายได้ ให้กบั สมาชกิ ในกลมุ่ ในช่วงยางยังเลก็ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี น.ส.พ. กสิกร ปที ี่ 83 ฉบบั ท่ี 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553 37

ลูกบอลยางพาราเพื่อสุขภาพต้ังราคาขายไว้ตั้งแต่ การทำลูกบอลยางพารา สามารถทำได้ไม่ยาก ลกู ละ 10 บาท (ขนาดเท่ากบั ส้มเขียวหวาน) ไปจนถึง และสามารถจดั หาวสั ดอุ ปุ กรณส์ ว่ นใหญไ่ ดภ้ ายในทอ้ งถน่ิ กว่า 300 บาทขนึ้ ไป (ขนาดเทา่ บอลโยคะท่ผี ูม้ ีน้ำหนกั เวน้ แตน่ ำ้ ยางขน้ั ผสมสารเคมี (ยางคอมปาวด)์ ขน้ั ตอน 100 กโิ ลกรมั สามารถน่ังเลน่ ได้อยา่ งสบาย ๆ) การผลติ เป็นดงั น ี้ เตรียมอุปกรณ์ 1. น้ำยางพาราผสมสตู รใหเ้ หมาะสมตอ่ การทำลูกบอล โดยใช้ สดั สว่ นสารเคมดี งั น้ี น้ำยางและสารเคม ี ปรมิ าณ (น้ำหนกั เปยี ก) กรัม นำ้ ยางขน้ 60% 1.66 50% กำมะถัน (Sulfur) 0.5 50% แซดดีอีซี (ZDEC) 0.25 50% ซงิ ค์ออกไซด์ (ZnO) 0.25 50% แอนตอิ อกซแิ ดนท์ (antioxidant) 0.25 ซงึ่ สูตรผสมนำ้ ยางคอมปาวด์ สำหรบั ทำลูกบอลนี้ 5. แท่งไม้ ดนิ สอ หรือตะเกยี บ ใชส้ ำหรบั ปาด ก็จะแตกตา่ งกบั สตู รทีใ่ ช้ในการผลติ ถงุ มือยาง ลกู โป่ง นำ้ ยางออกจากลกู กลง้ิ และใชข้ ดี บนแผน่ ยางเพอื่ แบง่ เปน็ หรือทำถุงมือแพทย ์ ช่องหรือเลน ขนาดความกว้างของช่องหรือเลนจะต้อง 2. เตรยี มลกู โปง่ ขนาดตา่ งๆ ตามทตี่ อ้ งการ บรรจุ สัมพนั ธ์กบั ลกู โปง่ นำ้ หรืออากาศ กรณีบรรจุนำ้ อาจเพิม่ สารอุม้ น้ำ เพอ่ื ให้ เกดิ การดดู ซบั นำ้ ในลกู โปง่ เพอ่ื ความยดื หยนุ่ ทด่ี ขี นึ้ ลกู กลง้ิ ทใี่ ช้ทาสที ว่ั ๆ ไป ขนาด 4 หรือ 8 น้ิว 3. เตรยี มสผี สมยางหรอื อาจใชส้ ผี สมอาหารแทน 4. เตรยี มโตะ๊ ผวิ เรยี บ หรือ วัสดอุ ่นื ๆ ทมี่ ีผวิ เรียบ เชน่ กระดานไวทบ์ อรด์ แผน่ ไวนลิ แผ่นพลาสติก ลูกฟูก เป็นต้น 38 น.ส.พ. กสิกร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553

ข้นั ตอนการผลติ 1. เตรียมลกู โป่งตามขนาดท่ีต้องการ 2. ผสมสีในน้ำยางท่ีเตรียมไว้แล้วคนให้เขา้ กัน 3. ใช้ลูกกลิ้งจุ่มน้ำยางที่ผสมสีแล้วทาลงบนโต๊ะ ผิวเรยี บ หรอื วัสดุอนื่ ๆ ทีม่ ผี วิ เรยี บ เป็นแถวตลอดแนว ความยาวของโตะ๊ แบง่ เป็นชอ่ งหรอื เลนตามขนาดของ ลูกโป่งและรอใหย้ างแห้ง 4. นำลกู โปง่ ทเี่ ตรียมไวม้ าวาง ลงบนเลนของ แผน่ ยางท่ีแหง้ แล้ว ดงึ แผน่ ยางให้ยดื ม้วนลูกโปง่ เพ่อื ให้ แผ่นยางเคลือบหรือหุ้มลูกโป่งจนท่ัวและหนาพอ โดย ขณะม้วนหรือกลิ้งลูกโป่งให้พยายามยืดแผ่นยางให้ตึง และแผ่เปน็ แผน่ กวา้ งโดยไม่บิดแผ่นยาง 5. ทดสอบการยืดหยุ่นลูกบอลยางพาราโดย การบบี คลงึ เพยี งเทา่ นก้ี จ็ ะไดล้ กู บอลยางพาราไวใ้ ชบ้ รหิ าร รา่ งกายเพื่อสขุ ภาพกนั แลว้ เตรียมลูกโปง่ ตามขนาดทตี่ ้องการ ผสมสีในน้ำยาง คำแนะนำการใช ้ ใชล้ ูกกล้ิงชบุ นำ้ ยางทาบนพ้นื ท่ีเรยี บ • ใช้มือบบี นวด ทง้ั บีบเฉพาะปลายนว้ิ และบีบ ทำแนวแบง่ แผน่ ยางตามขนาดลกู โป่ง เต็มอุ้งมอื ลกู โป่งแตะยาง ยืดยางแผ่น กลิ้งให้ทว่ั และหนาพอ • ใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยในการออกกำลังกาย เฉพาะสว่ น • วางบอลกบั พน้ื ใชฝ้ า่ เทา้ คลึง • ใช้ข้อเทา้ หรอื เขา่ ประคองบอล แลว้ หนบี เป็น จังหวะ • ใช้ลูกบอลวางบนผวิ และคลงึ หรือกลิง้ เบาๆ บนรา่ งกาย ประโยชน์ • ช่วยบริหารกล้ามเนือ้ มอื นิ้วมือ แขน ขา และ ฝ่าเท้า • ป้องกนั อาการนิ้วล็อก หรืออาการมือชา • บรรเทาอาการปวดเม่ือย • กระต้นุ ระบบประสาท หัวใจ และสมอง • ชว่ ยพฒั นาการกลา้ มเนอื้ มดั เลก็ ในเดก็ วยั อนบุ าล น.ส.พ. กสิกร ปีท่ี 83 ฉบบั ท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 39

จะเห็นว่าบอลยางพาราเพ่ือสุขภาพ เหมาะสม ใหค้ วามสนใจ รว่ มทดลองทำด้วยความสนุกสนาน และ สำหรับทกุ เพศ ทกุ วัย ท้งั ผู้มสี ุขภาพดี และผู้ปว่ ย ผ้ทู ี่ ต่างก็ดีใจและภูมิใจที่สามารถทำลูกบอลสุขภาพไว้ใช้ สนใจ จะทำเปน็ งานอดิเรกก็ได้ โครงการศนู ย์เรียนรยู้ าง ด้วยตนเอง พาราโดยการมีส่วนร่วมของเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ อย่างไรก็ตามจุดอ่อนไหวท่ียังต้องติดตามแก้ไข สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตท่ี 1 พร้อมที่จะ หากผลิตเปน็ การคา้ ไดแ้ ก่ การจัดหาน้ำยางขน้ ซ่ึงยงั บรกิ ารถ่ายทอดความรูว้ ิชาการ พร้อมทัง้ สาธิต ต้องสั่งซื้อจากแหลง่ ผลิตท่กี รงุ เทพฯ และการควบคุม โดยท่ีผ่านมาได้ทำกิจกรรมการทำลูกบอลสาธิต คณุ ภาพลกู บอลใหส้ มำ่ เสมอ ตงั้ แตค่ ณุ ภาพลกู โปง่ ขนาด ให้กบั เกษตรกรกลุม่ ต่าง ๆ และผู้ท่ีสนใจ เชน่ สำนกั งาน ลกู โปง่ การทานำ้ ยางให้เรียบสม่ำเสมอ จำนวนรอบการ การศกึ ษานอกโรงเรียน อำเภอภซู าง จังหวัดพะเยา กลิง้ ม้วนแผน่ ยาง จนได้ความหนาทีเ่ พียงพอจงึ จะมน่ั ใจ สถานพี ฒั นาการเกษตรที่สงู ดอยมอ่ นลา้ น อำเภอพรา้ ว ได้ว่าลูกบอลยางพารามีคุณภาพ ใช้ในการบีบนวดได้ จงั หวดั เชียงใหม่ งานราชพฤกษร์ วมใจภกั ด์ิรกั พอ่ หลวง อยา่ งเต็มแรง และใช้งานไดท้ นทาน เปน็ ทีน่ ่าพึงพอใจ ณ อทุ ยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชยี งใหม่ งานวนั เปดิ สง่ิ สำคัญท่จี ะเป็นท่สี ะดดุ ตาได้แกบ่ รรจุภัณฑ์ พรอ้ มคำ บา้ นสถานวี ิทยุ มก. อำเภอสันทราย จงั หวดั เชียงใหม่ แนะนำสินคา้ รวมถงึ การต้ังราคาจำหน่าย ซ่งึ จะทำให้ งานวนั ยางพาราแหง่ ชาติ ที่จงั หวดั พะเยา และงานครบ ผูซ้ ื้อตดั สนิ ใจซอ้ื ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว และเต็มใจ รอบ 50 ปี สำนกั งานกองทนุ สงเคราะหก์ ารทำสวนยาง ทจี่ ังหวัดแพร่ เป็นต้น ซึ่งเกษตรกร และประชาชนทุกวยั 40 น.ส.พ. กสิกร ปีท่ี 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553

ใ ต้ ร่ ม ย า ง พ า ร า ฤา จการะอ่ กเปนินิดไขดกร้าข้ วดี นยดาาดิบง การทำสวนยางพารา เปน็ อาชพี หลกั ของเกษตรกรในภาคใต้ ภาค ธนวัฒน์ เสนเผอื ก ตะวนั ออกเฉยี งใต้ และเป็นความหวังใหมข่ องเกษตรกรในภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคเหนอื บางส่วน ในอนาคตอนั ใกล้นจี้ ะ สามารถพูดได้เต็มปากว่า การทำสวนยางพาราเป็นอาชีพสำคัญของ เกษตรกรในประเทศไทย โดยทั่วไปถือว่ายางพาราเป็นพชื ทป่ี ลกู งา่ ย ดูแลรกั ษาง่าย โรคนอ้ ย แตส่ ามารถใหผ้ ลผลิตได้เกือบทุกวัน ตลอดปี อีกทั้งปัจจุบันนี้ผลผลิตยางมีราคาสูง ยางพาราจึงมีคณุ คา่ เปรยี บไดด้ ง่ั ทองคำ เกษตรกรชาวสวนยาง จะไดร้ บั ผลตอบแทนจากการทำสวน ยางพารามากนอ้ ยเพยี งใด ขนึ้ อยกู่ บั ราคายางในชว่ งเวลานน้ั ๆ การ เตรยี มพ้นื ท่ีอย่างถูกต้องเพ่อื ใหต้ ้นยางโตเรว็ ดนิ ดมี ผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและผลผลติ พนั ธย์ุ างทเี่ หมาะสมกบั พน้ื ท่ี และมคี วามตา้ นทาน โรค การเปดิ กรดี เมอื่ ตน้ ยางโตไดข้ นาด ระบบกรดี ทเ่ี หมาะสม เทคนคิ การกรีดดี การใหป้ ยุ๋ อยา่ งถกู ตอ้ ง และปรมิ าณและการกระจายของ น้ำฝนเพียงพอต่อการเจริญเตบิ โตและใหผ้ ลผลิต น.ส.พ. กสกิ ร ปที ี่ 83 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 41

การกรดี ยาง เปน็ วธิ กี ารเกบ็ เกยี่ วผลผลติ จากตน้ ยาง 1. กรดี ให้ไดน้ ำ้ ยางมากทีส่ ดุ เก่ียวข้องกบั ระบบ ซึง่ ผิดแปลกแตกต่างไปจากพืชอืน่ ซงึ่ มกั จะเกบ็ เกี่ยวผล กรีด ความยาวของรอยกรดี ความคมของมีด และความ ฝัก เมลด็ หรอื หัว ในขณะที่ตอ้ งกรีดยางเพ่ือเอานำ้ ยาง ชำนาญในการกรีด ตน้ ยางพาราตอ้ งสูญเสียเปลอื ก และตน้ ยางจะตอ้ งสร้าง 2. กรดี ใหต้ น้ ยางเสยี หายนอ้ ยทสี่ ดุ เกยี่ วขอ้ งกบั ขน้ึ มาใหม่ เพอื่ ให้สามารถกรีดเอานำ้ ยางไดอ้ กี ฉะน้ันจงึ กรดี ไมถ่ งึ เนอื้ ไม้ ความยาวรอยกรดี ไมม่ ากเกนิ ไป คนกรดี จำเปน็ ต้องกรีดยางอยา่ งถูกตอ้ ง และจุดเร่ิมตน้ ของการ ชำนาญ กรีดยางก็คือการเปดิ กรีด ซ่งึ นับว่าเปน็ ขัน้ ตอนท่มี ีความ 3. กรดี ใหไ้ ดน้ านท่สี ุด ควรกรีดบางๆ กรีดไมถ่ ึง สำคญั มาก มผี ลตอ่ การให้น้ำยาง การเจริญเตบิ โต และ เน้อื ไม้ หนา้ กรดี สงู คนกรีดชำนาญ การใหผ้ ลผลิตของตน้ ยาง ในการกรีดยางมีวิสยั ทัศน์ 4. กรดี ใหส้ นิ้ เปลอื งคา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ยทสี่ ดุ เกยี่ วขอ้ ง หรือเป้าหมายปลายทางที่สำคัญท่ีจะต้องคำนึงถึงและ กบั ความยาวของรอยกรดี ความถกี่ ารกรีด หรือทกุ คร้งั ปฏบิ ตั ิอยา่ งจรงิ จัง 4 ประการคือ กรีดไดน้ ำ้ ยางอยา่ งค้มุ คา่ เปดิ กรีดท่ีความสูง 50 ซม. ขนาดรอบลำต้น 40 ซม. เปดิ กรีดสูงจากพ้ืนดิน 50 ซม. สวนยางเปดิ กรดี ก่อนกำหนด 42 น.ส.พ. กสกิ ร ปีที่ 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2553

ปจั จยั ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั การให้น้ำยาง หลักเกณฑ์ในการเปิดกรดี ยางพารา ในแตล่ ะคร้ังทีม่ กี ารกรีดยาง จะไดน้ ้ำยางที่มาก ตน้ ยางพาราเม่ือปลูกแลว้ ควรจะเปดิ กรีดเมื่อต้น น้อยแตกต่างกนั ในน้ำยางโดยเฉลีย่ จะมเี น้อื ยางแหง้ ยางโตได้ขนาดเปดิ กรดี ซึ่งอาจจะใช้เวลา 5-7 ปี ข้นึ อยู่ ประมาณ 30% ฉะนั้นผลผลติ ยางมเี กณฑท์ ว่ี ดั กนั เป็น กับพันธุ์ยางทใี่ ช้ ดินท่ีปลูก และการบำรงุ รกั ษา ต้นยางท่ี ปรมิ าณเน้ือยางแห้ง ปจั จัยท่เี กยี่ วขอ้ งกับการให้นำ้ ยาง เปดิ กรดี แลว้ กย็ งั คงเจรญิ เตบิ โตตอ่ ไปอกี ไดป้ ลี ะประมาณ มากน้อยคือ 4 เซนตเิ มตร หลกั เกณฑใ์ นการเปิดกรดี มีดังน ี้ 1. ความยาวของรอยกรดี รอยกรดี ยางใหน้ ำ้ ยาง 1. ต้นยางได้ขนาดเปิดกรีดเม่ือวัดรอบลำต้นได้ มากกวา่ รอยกรีดส้ัน แต่หนา้ กรดี เสียหายมากกว่า 50 เซนตเิ มตร ทค่ี วามสงู จากพ้ืนดิน 150 เซนติเมตร 2. ความถข่ี องการกรดี กรีดตดิ ต่อกันหลายวนั 2. ถา้ เร่งเปดิ กรีดท่ขี นาดลำตน้ 45 เซนตเิ มตร น้ำยางจะใส ควรเปดิ กรดี ทคี่ วามสูงเพียง 100 เซนติเมตร ซงึ่ ถอื 3. ฤดกู าล ฤดแู ลง้ นำ้ ยางขน้ ฤดฝู นนำ้ ยางใส เปน็ การอนโุ ลม 4. อายขุ องตน้ ยาง ตน้ ยางอายนุ ้อยใหน้ ้ำยางใส 3. ระบบกรดี ทแี่ นะนำทว่ั ไปคอื ระบบกรดี ครงึ่ ตน้ และน้อย ตน้ ยางอายมุ ากใหน้ ำ้ ยางมาก วนั เวน้ วนั 5. ปรมิ าณธาตอุ าหารในดนิ เพยี งพอ จะไดน้ ำ้ ยาง 4. การเปดิ กรดี หนา้ ที่ 2 จะต้องเปดิ กรดี ท่ีความ มากและข้น สงู 150 เซนติเมตร 6. การเปิดกรีดถูกต้อง ได้น้ำยางมากกว่าไม่ 5. กรดี จากซา้ ยไปขวา เพอ่ื ใหต้ ดั ทอ่ นำ้ ยางไดม้ าก ถูกต้อง เชน่ เปดิ กรีดเมอื่ ตน้ ยางได้ขนาดเปดิ กรดี และ และรอยกรดี ทำมมุ 30 องศา กบั แนวระดับ กรดี จากซ้ายไปขวา สาเหตุของการเปิดกรดี ยางกอ่ นกำหนด การเปิดกรีดยางก่อนกำหนด คือการเปิดกรีด ตน้ ยางทีเ่ สน้ รอบวงของลำต้นยังไม่ถึง 50 เซนตเิ มตร เมอ่ื สอบถามเกษตรกรท่ีปฏิบัตเิ ช่นนี้ กจ็ ะไดร้ ับคำตอบ 3 ประการคือ 1. ไม่ทราบวา่ หลกั เกณฑเ์ ป็นเช่นนี้ ซ่งึ มีโอกาส เกดิ ขึน้ จริงน้อยมาก น.ส.พ. กสกิ ร ปีท่ี 83 ฉบับท่ี 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553 43

2. ไมเ่ ช่ือ หรอื มีความคิดเหน็ วา่ ไม่จำเป็นต้อง รอตามคำแนะนำ คนอ่นื ก็เคยเปิดกรีดเช่นน้ี เปดิ กรีดไป กอ่ น ต่อไปต้นยางจะโตขน้ึ มาเอง 3. มคี วามจำเป็น มีความเดอื ดรอ้ นต้องใช้เงนิ แม้ตน้ ยางโตไมไ่ ด้ขนาดกส็ ามารถให้น้ำยางได้ น้อยไป สักหนอ่ ย แตก่ ท็ ำใจยอมรับได ้ ดว้ ยเหตุผลและการปฏิบตั ดิ งั กล่าวข้างต้น จึงเป็น ปญั หาใหก้ บั ฝ่ายวิชาการและสง่ เสริมการผลติ ยาง ที่ยงั ไม่สามารถทำความเข้าใจกับเจ้าของสวนยางให้ปฏิบัติ อย่างถูกต้องได้ และต้องสูญเสียผลตอบแทนท่ีควรจะ ได้รบั จากการใหผ้ ลผลิตของตน้ ยางอย่างนา่ เสยี ดาย ผลเสยี จากการเปิดกรีดก่อนไดข้ นาด 1. ไดผ้ ลผลติ น้อยกวา่ มาตรฐาน ทง้ั ตอ่ คร้งั กรีด และตลอดอายตุ ้นยาง 2. เปอร์เซ็นต์เนอ้ื ยางแหง้ ตำ่ 3. ความเจริญเติบโตหลังเปิดกรีดน้อยกว่าปีละ 4 เซนติเมตร 4. เปลือกยางบาง ปริมาณท่อนำ้ ยางนอ้ ย 5. ลงทนุ เทา่ กนั แตไ่ ดผ้ ลตอบแทนนอ้ ยกวา่ การเปิดกรีดยางก่อนได้ขนาดกรีด เปน็ สงิ่ ท่ีไม่ ควรทำเพราะมีผลเสยี มากกว่าผลดี รอไปอีกสัก 6 เดอื น หรอื 1 ปี ต้นยางก็จะได้ขนาดเปดิ กรีดอยแู่ ล้ว การปลูก ยางรอมาแลว้ 4-5 ปี รออกี นดิ เดียวก็ได้กรีด ควรอด เปรย้ี วไวก้ นิ หวาน ควรเกบ็ เกย่ี วลองกองเมอื่ แกจ่ ดั เพราะ ไมส่ ามารถใช้การบ่มได้ การกรดี ยางก่อนกำหนดกค็ ล้าย กบั อยากมลี กู สกั คน ผ้เู ปน็ แมต่ ้ังทอ้ งมาแล้ว 8 เดือน ก็ รบี ผา่ ทอ้ งออก จะดเี ทา่ รอใหท้ ้องแก่ครบ 9 เดอื นแลว้ คลอดตามเวลาที่ควรจะเปน็ มดิ ีกว่าหรือ การหงุ ข้าวเมื่อ ขา้ วในหมอ้ เดอื ดและกำลังจะสกุ อยู่แลว้ จำเปน็ ตอ้ งรอ ให้ขา้ วสุกใหด้ กี ่อนจงึ จะนำมารบั ประทาน “ฤาพอใจทจี่ ะ กินข้าวดิบ” แทนกนิ ขา้ วสุก 44 น.ส.พ. กสิกร ปีท่ี 83 ฉบบั ที่ 4 กรกฎาคม - สงิ หาคม 2553


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook