พระครวู ินยั ธรกติ ตพิ งษ์ จิตฺตคุตโฺ ต 43 กุฏพิ ระสารบี ตุ ร กุฏพิ ระราหุล ถนนพทุ ธชยันตี โรงพยาบาล พระพลับพลาพระท่นี ่งั ธรรมสภา พระอโุ บสถ วัดบพุ พาราม วดั บุพพาราม เปน็ วดั ทน่ี างวสิ าขาสร้างถวาย วัดราชิการาม วดั ราชิการาม เปน็ วดั ท่พี ระเจา้ ปเสนทโิ กศลสร้างถวายเพ่อื เปน็ ทอ่ี ยู่ ของพระภกิ ษุณี เนินดินยมกสถปู เนนิ ดินยมกสถูป คงเปน็ เนนิ ดินท่ีพระเจา้ อโศกมหาราชมาสร้างไว้ กาลเวลาผา่ นไป มหี ญา้ ขน้ึ ปรากฎเปน็ เนนิ ดินขนาดใหญ่ ในอดีต ณ สถานท่แี ห่งเป็นสถานทีพ่ ระพทุ ธเจ้าทรงปาฏหิ ารยิ ์ เพอื่ ปราบเดยี รถยี ์ (นอกศาสนา) ยมกปาฏิหาริย์ คือการแสดงปาฏหิ ารยิ ์เปน็ ค่ๆู มไี ฟ มนี ำ้ เปน็ ต้น หลัง จากน้นั เสดจ็ ขึ้นบนสวรรค์ชัน้ ดาวดึงส์เพอื่ โปรดพุทธมารดาเปน็ เวลา 3 เดอื น บา้ นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี
44 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐ ี ปัจจุบันเหลอื เพียงแตซ่ ากอิฐท่กี อ่ ไว้ และ ภายในบา้ นยังคลังเกบ็ มหาสมบตั ิอกี ด้วย เป็นเศรษฐผี ูใ้ จบญุ ค้ำจนุ พระศาสนา มาโดยตลอด บา้ นองคลุ มี าล บา้ นองคลุ ีมาล คอื จอมโจรผกู้ ลบั ใจ มาเปน็ บวชจนสำเร็จเป็นพระ อรหันต์ ปัจจบุ นั สภาพบ้านกอ่ ดว้ ยอิฐ ดา้ นลา่ งสุดมีอโุ มงค์ทะลอุ กี ฝ่ังได้ด้วย พระสตู ร มมี งคลสูตร เปน็ ตน้ วดั นานาชาติ มีวดั ไทย วัดศรีลังกา วัดเกาหล ี ฯลฯ เปน็ ตน้
พระครูวนิ ยั ธรกิตติพงษ์ จิตตฺ คตุ โฺ ต 45 เมอื งพาราณสี แควน้ กาสี ถา้ จะกล่าวถึง พาราณสี เปน็ ชือ่ ทค่ี ุน้ สำหรบั คนไทย สมยั ครง้ั พทุ ธกาล พาราณสเี ปน็ เมืองหลวงของแควน้ กาสี เปน็ เมอื งขนึ้ ของพระเจา้ ปเสนทิโกศล แคว้นโกศล เมอื งพาราณสีจะข้ึนชือ่ ลือชาในเรอื่ งผา้ คอื ผา้ กาสี เป็นผา้ มคี ณุ ภาพ ประณีตงดงาม เป็นเมืองทค่ี า้ ขายกบั แว่นแคว้นตา่ งๆ พาราณสเี ปน็ เมอื งเกา่ แก่มอี ายหุ ลายพัน ชว่ งท่ีกษัตริยม์ ุสลิมมา ปกครองพยายามเปล่ยี นชอ่ื พาราณสีเป็นอยา่ งอน่ื พออำนาจลดลง คำว่า พาราณสีกถ็ กู มาใชอ้ ีกครง้ั องั กฤษมาปกครองอินเดียพาราณสีถกู เรยี กวา่ บนั นารัส, บันนาเรส
46 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล ปัจจุบนั คนอินเดียเรยี กพาราณสีว่า วาราณสี และพาราณสถี อื ไดเ้ ปน็ แมข่ องอนิ เดยี เปน็ บ่อเกิดของอินเดยี ถา้ อยากดวู ิถีชวี ติ ของฮินดู ประเพณวี ฒั นธรรม กต็ อ้ งมาดทู ่เี มอื ง พาราณสแี หง่ น้ี เพราะวา่ ท่ีแห่งน้ียงั ความเป็นฮินดไู ว้มาก มีท่าน้ำทีส่ ำคัญ หลายจดุ มีพิธกี รรมศักดิส์ ทิ ธ์ิ รมิ ท่ามีการเผ่าศพถอื ปฏิบตั ิกันมา หลายพันปี มาแลว้ มที ่านำ้ สำหรับลงอาบเพอ่ื ชำระบาป เมืองพาราณสีเป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าเคยเสวยพระชาติเป็นโพธิสัตว์ พระเจา้ 500 ชาติ (547) เกิดขึน้ ทเ่ี มอื งพาราณสี 427 พระชาติ เคยเกิดมนุษยเ์ ชน่ เปน็ พระราชา อำมาตย์ ฤาษี และเคยเกิดเป็นนก ชา้ ง ม้า ราชสหี ์ ฯลฯ เป็นตน้ ในทศชาติชาดกเกิดขึน้ ทเ่ี มืองพาราณสี 2 เรอื่ งคือ เตมีย์ และ สวุ รรณสาม ม. ในพาราณสี ม. เมือง ม. แม่น้ำ ม. ไหม ม. หมาก ม. มรณะ ม. มหาวิทยาลยั ม. มฤคทายวนั ม. มะขามปอ้ ม ม. เมือง คือเมืองพาราณสีเปน็ เมอื งศกั ดขิ์ องชาวฮนิ ดูเป็นเก่าแก่ทสี่ ดุ
พระครวู นิ ยั ธรกิตตพิ งษ์ จติ ฺตคตุ ฺโต 47 ในอินเดยี ไม่มีใครสามารถตน้ กำเนดิ ว่าเกดิ ขึน้ เมือ่ ใด พาราณสีเป็นชื่อของแม่น้ำคือแม่นำ้ วรณุ ะ กับอสี เมอ่ื รวมกันแล้วจึง เรียก ว่า พาราณสี พาราณสีเป็นช่อื ศีรษะวานร มาจากคำว่า วานร กบั สสี ะ รวมกนั แลว้ เรียกวา่ วานรสีสะ, วานรสี ดงั ที่กล่าวไว้ในกปลิ ชาดก ลงิ ขาวลงิ ดำได้แสดง คณุ เครอื่ งของคณุ ธรรมความเป็นผนู้ ำ เม่ือสน้ิ ชีวิตลง เจ้าเมอื งไดน้ ำสว่ นของ ศีรษะบรรจุ ณ ใกล้ทางสามแพร่ง ม. แมน่ ำ้ คือแม่คงคา แต่คนอนิ เดียเรียกวา่ แมก่ งั กาเปน็ แมน่ ำ้ ม าจากสรวงสวรรคท์ ี่ผ่านทางมวยของพระศวิ ะ ตามคำของคงคาเทพธิดา ซ่งึ เป็นลูกสาวของหิมวตั ราชา เพราะกระแสน้ำแรงมากโลกไม่สามารถรอง รับได้ คมั ภรี ป์ รู าณะ ได้กลา่ ววา่ พระเจา้ สาคร มพี ระมเหสเี อกมพี ระโอรส เป็นน้ำเต้าทองถึงหกหมืน่ มีนสิ ัยเกเรพาลไปท่ัว พระเจา้ สาครทำพธิ อี ัศวเมธ (บูชามา้ ) บางคร้งั มา้ ไดส้ ูญหาย จึงให้พระโอรสหกหม่นื ออกตดิ ตาม ปรากฏว่าโอรส ระรานผ้คู นจนสร้างเดือดร้อน วนั หน่งึ ไดเ้ จอหลุมเข้าไปพบฤาษีกบลิ ซง่ึ มมี ้าอุปการอยขู่ า้ งๆ กลา่ ว วาจาหมนิ่ ท่านฤาษลี ืมตาเปลวไฟจากนัยตาไดเ้ ผาเป็นเถ้าถา่ น ฤาษีบอกวา่ ถ้าอยากให้โอรสไดข้ ้ึน ตอ้ งเอานำ้ คงคาจากสวรรคม์ าชำระล้างเถา้ ถ่าน บาปจึงหมดหายไป ท่าทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่ ทา่ อสี ท่าทศวเมธ ทา่ มณิกรรณณกิ าร์ ฯลฯ จริงๆ แลว้ แม่น้ำคงคามีจุดกำเนดิ มาเทือกเขาหมิ าลยั มีความยาว ประมาณ 2500 กโิ ลเมตรไหลไปจนถึงปากอา่ วเบงกอล
48 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ม. ไหม คอื ไหมที่ทำผา้ คอื ผ้ากาสี เปน็ ผ้ามีช่ือเสยี ง วิธีการทำก็คอื จะเรม่ิ ตงั้ การปลกู การเล้ยี ง การทอ่ จนสำเรจ็ รปู เป็นผา้ ท่งี ดงาม ในคัมภรี ท์ างพระพทุ ธศาสนา สทิ ธัตถะราชกมุ ารใชส้ อยผ้าอย่างดี ทีม่ าจากเมอื งพาราณสคี ือ ผา้ กาสี ม. หมาก ในท่ีนกี้ ็คือหมากท่ไี วส้ ำหรบั เคีย้ วกิน ก็จะมขี ายตามราย ทาง มที ง้ั ทีเ่ ปน็ แบบสดมีคนคอยผสมให้ และท่เี ปน็ แบบสำเร็จรปู ชนิดแหง้ เป็นเมด็ เล็กๆ เอาเคีย้ วกินรสชาตไิ มเ่ ป็นต่างกนั ลกั ษณะคลา้ ยกบั ซองแชมพบู่ ้านเรา เปน็ การพัฒนาในรูปแบบเพจเกจ ม. มรณะ คอื ท่าเผาศพ ทา่ มณกิ รรณณกิ าร์ คนที่ตายในเมอื งพาราณสี จะต้องนำศพมา ณ บริเวณน้ี มีการเผาทุกวนั ในแต่ละวนั จะมศี พนำมาศพเป็น จำนวนมาก เป็นท่าท่ศี ักดส์ิ ทิ ธใ์ ครได้มาอาบเชอ่ื กนั ว่าวิญญาณจะไดข้ ึ้นสวรรค์ ในคัมภีรป์ ูราณะ ท่านเี้ ปน็ ทา่ ท่พี ระศิวะไดท้ ำตุมหูตกลงในแมน่ ้ำ จงึ เป็นทม่ี าของชอื่ มณกิ รรณ์ณิการ์ ทา่ มณิกรรณณิการ์ ไดช้ อ่ื ว่า ไฟไม่เคยดับสพี่ นั ปีมาแลว้ บางเราอาจจะเหน็ ศพลอยมาบา้ ง ก็ไมต่ อ้ งแแปลกใจเพราะว่าทนี่ ้ีศพ ๕ ประเภทจะไมม่ ีการเผาคอื 1. ศพเดก็ เพราะวา่ เด็กบรสิ ุทธ์ิ 2. ศพคนถกู งกู ัด เพราะวา่ พระศิวะก็มีงเู ปน็ สังวาลย์ 3. ศพฟา้ ผา่ เพราะว่าเป็นอาวธุ ของพระศวิ ะ 4. ศพหญงิ ตายท้ังกลม เพราะวา่ เด็กในทอ้ งบรสิ ทุ ธ์ิ 5. ศพนักบวช เพราะว่านักบวชถือพรตมศี ลี บรสิ ุทธ์ิ
พระครูวินยั ธรกติ ติพงษ์ จติ ฺตคตุ ฺโต 49 ม. มหาวทิ ยาลัย ในเมืองพาราณสมี ีมหาวิทยาลัยหลายแหง่ อาทิ เช่น มหาวทิ ยาลยั สนั สกฤต มหาวทิ ยาลยั พาราณสี เปดิ หลายสาขาวชิ า มที ั้งสังคม ศาสตร์ ศาสนาปรชั ญา โดยเฉพาะมหาวทิ ยาลยั พาราณสีก่อต้ังข้ึน เพอื่ เปน็ การ เชิดชู ตลอดจนอนรุ ักษค์ วามเป็นฮนิ ดเู อาไว้ ตำราทางลทั ธิ ศาสนาท่ีเกา่ แก่ ตอ้ งมาค้นควา้ ที่แห่งน้ี ม. มฤคทายวัน ก็คือสารนาถเปน็ สถานท่ที ่พี ระพุทธเจ้าทรงโปรด ปัญจวคั คยี ์ท้งั 5 เป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนา เป็นท่ีเกดิ พระสงฆร์ ปู แรก ครบถ้วนสมบูรณ์แหง่ พระรตั นตรัย ม. มะขามปอ้ ม บางทา่ นอาจจะขำ เกย่ี วตรงไหนหรอ ถือวา่ เป็นของ แถมกแ็ ล้วกัน ไม่ขอพูดถงึ สรรพคุณของมะขามป้อม แตผ่ ลใหญก่ ว่าบา้ นเรา มาก ไม่ทราบวา่ จะเปน็ เพราะสภาพอากาศหรอื พันธุ์ ไม่ทราบจริงๆ เพราะ ว่าไมใ่ ชพ่ ฤษาชาติท่ีวจิ ัยด้านน ้ี แตก่ ็เคยถามคนท่นี ำไปปลกู คำตอบท่ีได้รับ คอื ต้นมันตายแล้ว และยงั ไมอ่ อกลูกเลย สรุปแลว้ รอกันตอ่ ไป ทกุ วันนี้มีการเพาะตน้ มะขามปอ้ ม มีอยู่ 2 ราคาสองขนาด คือขนาด เลก็ ตน้ ละ 25 รปู ี ขนาดมาหน่อย ราคา 50 รูป ให้คนอนิ เดียต่อตดิ หาช้อื ได้ มกี ารนำมะขามปอ้ ม มาทำในรปู ของการถนอมอาหารเพื่อเกบ็ ไวก้ นิ ไ ด้ นาน บรรจุใส่กระปกุ อย่างดี มขี ายแถวกานปูร์ เสน้ กงึ กลางระหว่างพาราณสี กับสาวตั ถี ปุสสะสมั มาพทุ ธเจ้า (ผุสสะ) เกดิ ทีเ่ มอื งกาสกิ ะ (พาราณสี) กต็ รัสรใู้ ตม้ ะขามปอ้ ม
50 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล สารนาถ สารนาถ คือ ทพี่ งึ่ ของกวาง มาจากคำว่า สารงั คะ + นาถ เป็นจดุ เดยี ว กันกับป่าอิสปิ ตนมฤคทายวันและห่างตวั เมอื งพาราณสปี ระมาณ 10 กโิ ลเมตร ป่าอิสปิ ตนมฤคทายวัน ป่าอิสปิ ตนมฤคทายวันคอื สถานที่ท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงปฐม เทศนา ชือ่ ธมั มจักกัปปวัตนสูตร โปรดปัญจวคั คีย์ จะแบ่งเปน็ สองส่วนคอื อิสปิ ตน กับมฤคทายวนั อสิ ิ = ฤาษี, ปตน = ประชมุ , ตกลง มฤค = เนอ้ื ได้แก่ กวาง ละม่ัง ทาย = ให้ วน = ปา่ ป่าเปน็ ทใี่ หอ้ ภัยทานแกจ่ ำพวกเนื้อ และเปน็ ทปี่ ระชุมตกลงของ เหล่าฤาษี
พระครวู ินัยธรกิตตพิ งษ์ จิตตฺ คตุ ฺโต 51 ธมั เมกขสถปู ธัมเมกขสถปู คือสถานท่ีเหน็ ธรรม มาจากคำวา่ ธรรมะ + อิกขะ เป็น สถานที่ที่พระพทุ ธเจ้าเทศนากัณฑ์แรก พ.ศ.234 พระเจ้าอโศกมหาราชได้เสดจ็ ธรรมยาตราทรงสรา้ งพระสถปู ขนาดใหญเ่ ป็นรปู ทรงกรวย ฐานทรงกลม สงู 33 เมตร ผ่าศนู ยก์ ลาง ๒๘ เมตร พ.ศ.2365 อเล็กซาน คนั นงิ แฮม ไดท้ ำการทรงค้นพบ หลกั ธรรมทรงแสดง : ขึ้น 15 คำ่ อาสาฬหมาส พระพุทธองค์ ทรงแสดงปฐมเทศนาชื่อ ธรรมจักรกปั ปวตั ตนสตู ร โปรดปัญจวคั คียท์ ัง้ 5 ธรรมจักร แปลว่า ลอ้ แหง่ ธรรม ปวัตตน แปลว่า ให้เปน็ ไป หรอื หมนุ สตู ร แปลว่า พระสตู ร พระสตู รทว่ี ่าด้วยการหมนุ ลอ้ แห่งธรรม ใจความคอื ท่สี ดุ 2 อย่าง บรรพชติ ไม่ควรนิยมยนิ ดี 1. กามสขุ ขลั ลกิ านุโยค คอื การทำตนให้พวั พันด้วยสขุ ในกาม 2. อัตตกิลมถานโุ ยค คือการทำตนใหล้ ำบากเปน็ ทุกข์ ทั้งสองทางนี้ไม่ใช่ทางพระอริยะควรเดินสายกลางมัชฌิมาปฏิปทา หรอื มรรคมีองค์ 8 คือ 1. สัมมาทฏิ ฐิ ปญั ญาเหน็ ชอบ คือเห็นอรยิ สัจ4 2. สัมมาสงั กปั ปะ ดำรชิ อบ คอื ดำริออกจากกาม ไมพ่ ยาบาท ไม่เบยี ดเบียน 3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือเว้นจากทจุ ริต 4 4. สัมมากัมมันตะ ทำการงานชอบ คอื เวน้ จากทุจริต 3
52 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล 5. สมั มาอาชวี ะ เลย้ี งชวี ติ ชอบ คอื เวน้ จากการเลย้ี งชวี ติ ในทางทผ่ี ดิ 6. สมั มาวายามะ เพยี รชอบ คือเพียรใน 4 สถาน 7. สัมมาสติ ระลึกชอบ คอื ระลึกในสตปิ ัฏฐาน 4 8. สมั มาสมาธิ ตงั้ ใจไวช้ อบ คอื เจรญิ ฌานทง้ั 4 และทรงแสดงอริยสจั คือ ความจริงอนั ประเสรฐิ 4 ประการคือ 1. ทกุ ข์ คือความไม่สบายกายไมส่ บายใจ 2. สมทุ ยั คือเหตุท่ีทำให้เกิดทุกข์ 3. นิโรธ คอื ความดบั ทุกข์ 4. มรรค คือหนทางท่จี ะดบั ทุกข์ พระองค์ทรงแสดงธรรมอยู่นั้น โกณทัญญะไดบ้ รรลุพระโสดาบนั ได้ดว งตาเหน็ ธรรมวา่ “สิ่งใดสง่ิ หน่งึ มคี วามเกดิ ขน้ึ เป็นธรรมดา สิง่ นั้นทง้ั หมดมคี วาม ดับเปน็ ธรรมดา” พระองคเ์ ปล่งอุทานวา่ “อัญญาสิ วต โภ โกณทญั โญ” แปลวา่ “โกณทญั ญะ ได้รู้แล้วหนอ” คำว่าอัญญา จึงเปน็ คำนำหน้าชือ่ ทา่ นตัง้ แตบ่ ั ดน้ันเป็นตน้ มา โกณทัญญะทลู ขออุปสมั บท พระพุทธเจ้าทรงประทานเอหภิ กิ ขุอุป- สมั ปทา ดว้ ยพระวาจาว่า “ทา่ นจงเป็นภิกษุมาเถดิ ธรรมอนั เรากลา่ วดแี ลว้ ทา่ นจงประพฤตพิ รหมจรรย์ เพอ่ื ทำทส่ี ดุ แหง่ ทกุ ขโ์ ดยชอบเถดิ ” ท่าน เปน็ พระสงฆ์รปู แรก เปน็ การเกิดข้ึนพระรตั นตรยั ทค่ี รบสมบรู ณ์ คอื พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และเปน็ วนั สำคัญทางพุทธศาสนาคอื วนั อาสาฬหบชู า ธัมมราชกิ สถูป ธัมมราชกิ สถูป คอื สถานทต่ี รกึ ระลึกทพ่ี ระพุทธองคท์ รงแสดง อนตั ตลักษณสูตร โปรดปญั จวคั คยี ์ ผ้ทู ยี่ งั ยดึ มนั่ ถือม่ันในตัวเอง ส่วนพระสถปู เหลอื เพียงแคฐ่ านเปน็ วงกลม สงู จากพื้นประมาณ 1
พระครวู ินัยธรกติ ตพิ งษ์ จิตฺตคตุ โฺ ต 53 เมตร ส่วนองค์ได้สญู หายไปหมดแล้ว พระเจ้าอโศกทรงสร้างไว้ เดมิ สงู 60 เมตร เส้นผ่าศูนยก์ ลาง 13 เมตร หลกั ธรรมท่ที รงแสดง: วันแรม 5 ค่ำ เดอื น 9 แหง่ เดือนสาวนะ ทรงแสดงอนตั ตลักขณสูตร คอื พระสตู รท่ีแสดงถงึ ลักษณะไมม่ ตี วั ไมม่ ีตน ใจความคือ ขันธ์ 5 คอื รูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ เปน็ อนัตตา คอื ไม่ใช่ตัวตน เปน็ ของไมเ่ ทย่ี งเปน็ ทุกข์ ปญั จวคั คียพ์ ิจารณาตามกระแสธรรม นั้น พ้นจาก อาสวะไมถ่ ือม่นั ดว้ ยอุปาทาน สำเร็จเปน็ อรหนั ต์ท้ังหมด ครง้ั นนั้ มพี ระอรหนั ต์เกดิ ขนึ้ ในโลก 6 องค์ คือ พระบรมศาสดา 1 และปัญจวัคคยี ท์ ้ัง 5 พระอัญญาโกณทัญญะ 1 พระวัปปะ 1 พระภทั ทิยะ 1 พระมหานามะ 1 พระอสั สชิ 1 เสาหินศลิ าจารึกพระเจา้ อโศก เสาหินจารกึ มจี ุดประสงคเ์ พอ่ื ประกาศข้อมลู ข่าวสาร ราชโองการ หลกั ธรรมในพระพทุ ธศาสนา ข้อประพฤตปิ ฏิบัตสิ ำหรับประชาชน เสา เป็นหนิ ทรายแดง จากเมอื งจากจนู าร์ สงิ ห์เป็นตราประจำราชการของพระองค์ การสร้างเสาหนิ จารึก จะมีรปู สัตวอ์ าทิเชน่ สิงห์ ช้าง ม้า เปน็ ตน้ ส่วนที่สารนาถจะเปน็ มีสงิ ห์ 4 หวั หนั หลงั ชนกัน (จตุรสิงห์) ซ่งึ แตกต่าง จากทอ่ี ่นื สูง 15.25 เมตร เสาหินหกั ลงมา สว่ นหัวสงิ หป์ ัจจุบนั ได้เกบ็ ไวใ้ น พพิ ธิ ภัณฑส์ ารนาถ ส่วนประกอบ ความหมายของเสาหิน 1 บนสุด ธรรมจักร มี 24 ช่ี หมายถึงปฏิจจสมปุ บาท 2. สิงห์ 4 หวั หมายถงึ การขยายคำสง่ั สอนของพระพุทธเจา้ ยงั ทิศ ตา่ งๆ
54 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล 3. รูปสตั ว์ 4 ชนดิ คือ สิงห์ คอื บง่ บอกถึงความยง่ิ ใหญ่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมบันลือ สีหนาท ช้าง คอื ผู้มปี ญั ญา พระนางสริ ิมายาทรงสบุ นิ นิมติ เห็นช้างเผือก มา้ คือความเร็ว เสด็จออกผนวชทรงมา้ กัณฑกะ วัว คือความอดทน พระองคไ์ ด้ปฐมฌาณในวันแรกนาขวญั 4. ดอกบัว หมายถึง ขณะทีพ่ ระองค์ประสูติมีดอกบวั ผดุ ขน้ึ รองรบั 5 . ความหมายของอกั ษรพราหมี ถอดใจความออกไดว้ า่ ข้าฯ ไดท้ ำใหส้ งฆ์สามคั คีเปน็ หน่ึงเดียวแลว้ บุคคลใดๆ จะเปน็ ภกิ ษุ หรือภิกษณุ ีก็ตาม ไมอ่ าจทำลายสงฆไ์ ด้ ก็แล หากบคุ คลใด จะเปน็ ภกิ ษุ หรอื ภิกษุณี ก็ตาม จกั ทำสงฆใ์ ห้ แตกกนั บุคคลน้นั จกั ตอ้ งถูกบงั คับให้นุ่งผา้ ขาว และไปอาศัยอยู่ ณ สถานที่ อ่ืน (นอกวดั ) พึงแจ้งสาสนพ์ ระบรมราชโองการนี้ใหท้ ราบท่ัวกนั พระมูลคนั ธกฎุ ี พระมลู คนั ธกุฎี คือกฏุ ิหลงั แรกของพระพุทธเจ้าที่ทรงจำพรรษาแรก ณ ปา่ อิสฯิ มีความหมายคือ มูล แรก, คันธ ของหอม, กุฎี กุฏขิ องอยู่ เดมิ ทีสงู 61 เมตร กวา้ ง 18 เมตร ยสะเจดยี ์ ยสะเจดีย์ สถานท่ยี สะกุลบุตรได้สำเรจ็ เปน็ พระอรหนั ต์ ปัจจุบันมีเสา 4 ต้นสงู ประมาณเกือบ 3 เมตร ปกคลมุ พระสถูปองค์ เล็กๆ อยู่
พระครวู นิ ัยธรกติ ติพงษ์ จิตฺตคุตโฺ ต 55 ยสะ เป็นบุตรของเศรษฐีเมืองพาราณสี มปี ราสาท 3 หลงั วนั หนึง่ เห็นหญิงนอนหลบั มีอาการตา่ งๆ เกดิ ความเบอื่ หนา่ ย เดินออกจากบ้าน มุง่ หน้าทางปา่ อสิ ปิ ตนมฤคทายวนั พลางบน่ วา่ “ที่น่ีว่นุ วายหนอ ท่ีนีข่ ดั ข้องหนอ” พระองคต์ รสั วา่ “ทนี่ ่ไี ม่ว่นุ วาย ทีน่ ่ีไมข่ ัดขอ้ ง เชญิ ทางนเี้ ถดิ เราจกั แสดงธรรมแกท่ ่าน” ทรงแสดงอนปุ พุ พกี ถา 5 ประการ 1. ทานกถา พรรณนาถงึ การให้ การบรจิ าค 2. สีลกถา พรรณนาถงึ การรกั ษากาย วาจาให้เรียบรอ้ ย 3. สัคคกถา พรรณนาถึงสวรรค์ คือผลของการทำให้ทาน และ รักษาศีล 4. กามาทีนวกถา พรรณนาถงึ โทษของความใครใ่ นกาม 5. เนกขัมมานสิ งสกถา พรรณนาถงึ อานสิ งส์แหง่ การออกจากกามและ อริยสัจ 4 จนทำให้ยสะไดบ้ รรลเุ ปน็ พระโสดาบัน บดิ ายสะเม่ือไม่เหน็ ลูกจงึ ออกตามหาได้พบพระพุทธเจา้ ได้ ฟัง อนปุ พุ พีกถาและอริยสจั 4 บรรลเุ ปน็ พระโสดาบัน เปน็ อุบาสกทีถ่ ึง รตั นะตรยั เป็นทพ่ี งึ่ คนแรก สว่ นยสะได้ฟงั ซ้ำอีกสำเรจ็ พระอรหันต์ ยสะทลู ขอบวช พระองคป์ ระทานดว้ ยพระดำรัสวา่ “เธอจงเป็นภิกษมุ าเถดิ ธรรมอันเรา กลา่ วดแี ลว้ เธอจงประพฤติพรหมจรรยเ์ ถดิ ” พอตอนเช้าได้เสดจ็ ยงั บ้านบิดายสะและโปรดมารดาและ ภรรยาเกา่ ของยสะทรงแสดงอนปุ พุ พีกถาและอริยสจั จบธรรมเทศนา หญิงทงั้ สองได้ บรรลเุ ป็นพระโสดาบัน เปน็ อบุ าสิกาคนแรกของโลกทขี่ อถึง พระรตั นตรัย เปน็ สรณะตลอดชีวติ ต่อมาสหายของยสะ 54 คน ที่ปรากฏช่อื คือ วมิ ละ สุพาหุ ปณุ ณชิ ควัมปติทราบขา่ วยสะบวช ไดเ้ ขา้ เฝา้ พระบรมศาสดา ไดฟ้ ังพระธรรม เทศนาจบ สำเร็จพระอรหันต์ขออปุ สมบท คร้ังนั้นมพี ระอรหันตเ์ กิดขน้ึ ในโลก 61 องค์
56 สงั เวชนียสถาน ๔ ตำบล เจาขัณฑีสถปู สถานที่พระพุทธเจ้าพบปญั จวัคคยี ์ครั้งแรก พระเจ้าอโศกมหาราชทรง สรา้ งไว้ ปัจจบุ ันมคี วามสูง 21 เมตร เป็นสถูปมขี นาดใหญ่ ชว่ งทก่ี ษตั รยิ ม์ ลุ มิ เรอื งอำนาจใน พ .ศ.2075หมุ ายนุ เคยมหี ลบเปน็ เวลา 15 ปี พ.ศ. 2119 พระเจา้ อักบาร์ ได้สรา้ งต่อเติมส่วนบนให้เปน็ ทรงแปด เหล่ยี ม ตอนหนง่ึ ของพุทธประวัติ : ปัญจวัคคีย์พอเห็นพุทธองค์เสด็จมา แตไ่ กล ต้งั กฎกติกาว่าจะไม่ ลกุ รบั แตจ่ ะปอู าสนะไว้ พอพระองค์เสด็จมาถงึ ต่าง ลมื กฎกตกิ าท่ี นดั หมายกนั ไว้ พากันลุกขึ้นรบั บาตรจวี ร แต่ยังใชค้ ำพูดท่ีไม่ให้ ความเคารพ ไมส่ มควรด้วยคำวา่ อาวุโส โคตมะ พระองค์ตรัสบอกว่า “ดกู รปญั จวัคคีย์ ตถาคตได้ตรัสรูพ้ ระสัมมาสมั - โพธิญาณแลว้ เธอทงั้ หลายจงต้ังใจฟงั และปฏิบัตติ ามคำของตถาคตไมน่ าน กจ็ ะไดต้ รสั รูต้ าม” ปญั จวัคคยี ์กลา่ วคัดค้าน “อาวุโส โคตมะ ทา่ นจะตรัสรู้ไดอ้ ยา่ งไร ในเมอ่ื ทา่ นละจากความเพยี รมาเป็นผู้มกั มาก” พระองคต์ รัสถงึ 3 ครัง้ “วาจาเชน่ นี้ ตถาคตเคยตรสั มาก่อนหรือไหม” ปัญจวัคคีย์หวลระลึกถึงความหลังดูว่า คงจะได้ตรัสรู้จริงตาม พระวาจา จงึ พร้อมกนั ขอประทานอภยั โทษและต้งั ใจฟงั ธรรม พพิ ธิ ภณั ฑ์ พิพธิ ภณั ฑ์จะแบ่งเปน็ 2 ส่วนคือ ทางเข้าฝงั่ ซา้ ยมือจะเปน็ พระพุทธรูป อาทิเชน่ พระพุทธรูปปางปฐม เทศนา
พระครูวินยั ธรกิตตพิ งษ์ จิตตฺ คุตฺโต 57 ฝง่ั ขวามอื จะเปน็ เทวรปู ของศาสนาฮินดู วัดพุทธนานาชาติ วดั พทุ ธนานาชาติ มวี ัดไทยสารนาถ วดั ไทยพาราณสี (กำลงั กอ่ สรา้ ง) วดั ธิเบต วัดพมา่ วดั จีนฯลฯ พระสตู รและชาดก ธัมมจักกัปปวตั นสตู ร อนัตตลกั ษณสูตร และสุวรรณสามชาดก เปน็ ต้น
58 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล การลม่ สลายศากยวงศ์ - ทรงถวายอาหารพระสงฆ์เปน็ ประจำ เม่ือไดร้ บั ทราบจากราชบรุ ษุ วา่ พระสงฆ์ทัง้ หลายไปรบั อาหาร บณิ ฑบาตที่บ้านอนาถบณิ ฑิกะเศรษฐี บา้ นนางวสิ าขา พระเจ้าปเสนทิโกศล มีความประสงค์อยากถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ท้ังหลาย ปกตพิ ระพุทธเจา้ ท้งั หลายจะไมร่ บั บณิ ฑบาตแหง่ เดยี วเป็นประจำ พระสงฆท์ ง้ั หลายจำนวน 500 รปู ไดร้ ับอาหารในพระราชวัง มีบาง ครงั้ ที่พระเจ้าปเสนทิโกศลไมไ่ ดด้ ูแล ลืมติดต่อกันบา้ ง จนทำให้พระสงฆ์ ระอาไมร่ ับอาหาร พระเจ้าปเสนทิโกศลเหน็ อาหารเหลอื ไวเ้ ยอะ ไม่มีพระสงฆม์ ารับ มเี พียงพระอานนท์รูปเดียว จึงกราบทลู พระพุทธเจา้ พระองคต์ รสั ว่าเป็น เพราะสาวกยังไม่มคี วามคนุ้ เคย แต่ไม่ทรงตเิ ตยี นพระสงฆ์ (ความเปน็ ญาติ ไมไ่ ดห้ มายความว่าเป็นญาติทางสายโลหติ ความคนุ้ เคยเปน็ ญาตอิ ยา่ งย่ิง วิสสฺ าสปรมา ญาตี) - ส่ขู อพระธิดาศากยวงศ์ พระเจา้ ปเสนทิโกศลทรงดำริความคุ้นเคยวา่ ก็คอื การเปน็ ตระกลู เดยี ว กันหรอื เปน็ ญาตกิ บั พระพุทธเจา้ ถ้าได้อภิเษกกับธิดาศากยะพระองค์จักไดเ้ ปน็ ญาตกิ ับพระพุทธเจ้า จงึ สง่ พระราชสาสน์ถึงเมืองกบลิ พสั ดุ์ เพื่อสขู่ อพระธิดา มาอภิเษกเป็นพระมเหส ี เป็นที่ทราบกนั ดวี ่า เจา้ ศากยะเป็นผทู้ ถี่ ือชนั้ วรรณะ ไมย่ อมไปสมสกู่ ับ กษตั รยิ ์วงศ์อ่นื ๆ นอกจากโกลยิ วงศ์ แต่ดว้ ยความเกรงกลัวพระราชอำนาจ ของแคว้นโกศล จงึ ยอมสง่ นางวาสภขตั ติยา ซงึ่ เปน็ ธดิ าของพระเจ้ามหานาม
พระครูวนิ ยั ธรกิตติพงษ์ จิตตฺ คตุ ฺโต 59 เกิดจากนางทาสี (คนรบั ใช)้ - วิฑฑู ภะต้องการเยย่ี มเจา้ ศากยวงศ์ พระเจ้าปเสนทิโกศลไดอ้ ภเิ ษกสมรสกับนางวาสภขัตตยิ า ทรงมี พระโอรสพระนามว่า วิฑฑู ภะ ทีแรก ทางอัยยกิ าได้ตั้งช่อื ” วลั ลภา” อำมาตยห์ ูตึงฟงั คำไมค่ อ่ ยชัด เข้าใจวา่ “วฑิ ูฑภะ” (ทางทเิ บตเรียกว่า วิรุธกะ) เม่อื เติบโตข้ึนพระโอรสอยากจะเย่ยี มพระเจา้ ตา คอื พระเจ้ามหานาม แต่ก็ถกู นางวาสภขตั ติยาทดั ทานไว้ เพื่อมใิ ห้ไดร้ วู้ า่ นางเป็นวรรณะต่ำ เม่อื ทนคำ รบเร้าไมไ่ หว จึงอนุญาตใหว้ ฑิ ฑู ภะเสดจ็ ยงั กบิลพัสดุ์ - ถอดยศนางวาสภขตั ตยิ าและวิฑูฑภะ เจ้าศากยะใหพ้ วกที่อายุนอ้ ยไปอยูข่ า้ งนอก จะได้ไม่ต้องไหวว้ ิฑูฑภะ พอตอนกลับทหารนายหน่ึงได้ลมื ดาบไว้ กลบั ไปเอาได้ยินคำบ่นคำด่าว่า “วฑิ ูฑภะลูกนางทาสี พวกขา้ ต้องมาลำบากล้างแผน่ กระดานทนี่ ั่ง” วฑิ ูฑภะได้ ฟงั จากทหารแล้วมคี วามโกรธแค้นอย่างมาก อยากจะเลอื ดในลำคอเจา้ ศากยะ ลา้ งแผ่นกระดาน เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงทราบว่าเป็นวรรณะตำ่ จึงปลดนางวาสภ ขัตตยิ าและวิฑูฑภะออกจากตำแหนง่ - ตรสั ชาดก เรือ่ งกฏั ฐหาริชาดก โทษของการแบ่งชนชน้ั พระพุทธเจ้าทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนกับธิดาวาสภขัตติยาซึ่ง เปน็ พระญาติของพระองค์ มพี ระทยั เมตตาทจ่ี ะอนุเคราะหพ์ ระนาง และโอรส ออกจากพระเชตวนั เสดจ็ ไปในพระราชวัง เพ่ือโปรดพระเจ้าปเสนทิโกศล ไดต้ รัสถามวา่
60 สงั เวชนยี สถาน ๔ ตำบล นางเป็นธดิ าของใคร? ตอบวา่ พระเจ้ามหานาม นางมาที่เมืองนี้ ใครไปขอใหม้ าหรือ? ตอบว่า ขา้ พระพทุ ธเจา้ เอง ดูกอ่ น มหาบพิตร นางเปน็ ธิดาของพระราชา มาสูพ่ ระราชาเหมอื นกนั ไดโ้ อรสกโ็ ดยอาศยั พระราชา ไฉนพระราชโอรสนัน้ จึงไมค่ วรได้เปน็ เจ้าของรา ชสมบตั ขิ องพระราชบิดาเลา่ ในอดีตพระราชาก็เคยมลี ูกกบั หญิงสาวชาวป่าผู้ เกบ็ ฟืนมาแล้ว จึงตรสั ชาดก เร่อื งกัฏฐหารชิ าดก โทษของการแบง่ ชนชนั้ ในเมืองพารณสีเมื่อพระเจ้าพรหมทัตยังหนุ่มได้เสด็จประพาสป่า และได้ตกหลมุ รกั หญิงสาวชาวปา่ เปน็ คนหาบฟนื กาลเวลาผ่านไปหญิงสาว ช า ว ป่ า ไ ด้ มี นิ มิ ต ท่ี ท้ อ ง มี แ ส ง ส ว่ า ง น า ง มี ค ร ร ภ์ จึ ง ไ ด้ บ อ ก แ ก่ พ ร ะ เ จ้ า พรหมทัต อยู่ไดไ้ ม่นานพระองคเ์ สดจ็ ออกจากปา่ ไป และบอกกบั นางวา่ ถ้าลูกในครรภเ์ ป็นหญิง ใหเ้ อาแหวนไปขายเพื่อเล้ียงด ู ถ้าลกู ที่เกดิ มาเปน็ ชาย ให้พาเข้าไปในพระราชวัง เม่ือลูกน้อยเติบโตนางผูเ้ ป็นแมไ่ ดบ้ อกความจริงให้ฟัง และได้พาไปยงั พระนคร ทหารทเ่ี ฝา้ รักษาประตูเห็นลกั ษณะของพระโพธิสัตวอ์ งอาจผ่ึงผาย กม็ ีจิตที่เมตตา แตถ่ ูกพระเจา้ พรหมทตั ปฏิเสธ นางจึงทลู ไปด้วยสตั ยจ์ รงิ ว่า “ฉนั จะโยนลกู ขึน้ บนท่สี งู ถา้ เปน็ ลกู ของพระองค์ ขอให้รา่ งเดก็ น้อยจงลอย หากถา้ มใิ ช่ลูกของพระองค์ ใหเ้ ดก็ นนั้ ตกลงพืน้ ” นางก็ไดเ้ หวีย่ งลูกขึ้นสุดแรง ดว้ ยแรงอธิษฐาน กมุ ารนอ้ ยไดล้ อยนง่ิ เปน็ อศั จรรย ์ พระเจ้าพรหมทัตเห็นดังน้นั ในทส่ี ดุ จงึ ยอมรบั เป็นลกู ไดป้ ระกาศจดั งานฉลอง ขนานนามวา่ กัฏฐวหนะกมุ าร เม่ือพระบดิ าสิ้นพระชนมไ์ ดข้ ึน้ ครองราชย์แทนสืบมา ในคร้งั นัน้ หญงิ ชาวปา่ กำเนิดเป็น พระนางสริ มิ หามายา พระกุมารน้อย เสวยพระชาตเิ ปน็ พระพุทธเจ้า พระพุทธเจา้ ตรัสชาดกจบลง พระเจา้ ปเสนทโิ กศลรสู้ กึ สบายพระทยั
พระครวู ินัยธรกิตติพงษ์ จิตฺตคุตฺโต 61 ข้ึนคนื พระตำแหนง่ ใหก้ บั พระนางวาสภขตั ติยาและพระกุมารดงั้ เดิม - วิฑูฑภะยึดอำนาจปฏิวตั ิ พระเจ้าปเสนทโิ กศลทรงดำริจักถวายบังคมพระบรมศาสดา ได้ถอด เครื่องอาภรณ์ของกษตั รยิ ไ์ ว ้ ทฆี การายนะอำมาตยไ์ ดน้ ำเคร่ืองกกุธภณั ฑ์ไป มอบใหว้ ิฑฑู ภะสวมใส่ และได้ปฏิวัติยึดอำนาจ ปราบดาภเิ ษกตนเองขึน้ เปน็ กษัตริย์แหง่ แคว้นโกศล เสด็จหนตี ายจากแควน้ โกศลโดยทรงม้า เพอ่ื ไปพงึ่ พาหลานของตน คือพระเจ้าอชาตศตั รู ได้สิน้ ชีวติ ลงหนา้ พระประตเู มืองราชคฤห์ เน่อื งทรงชรา มาก และอากาศหนาว ตลอดจนทรงมา้ มาตลอดทางมิได้ทรงพกั ผ่อน - วฑิ ูฑภะยกทพั ไปลา้ งแคน้ ฆา่ เจ้าศากยะ พระพุทธเจ้าเสด็จล่วงหน้าประทับใต้ต้นไม้ท่ีปราศจากร่มเหงามีแต่ แสงแดดสาดส่องลงมา วิฑฑู ภะยกกองทพั หมายจะตีฆา่ เจา้ ศากยะ ทอด พระเนตรเห็นพระพทุ ธเจา้ ในระหว่างทาง ได้อาราธนาใหป้ ระทบั ใตต้ น้ ไม้ ทม่ี ีร่มเหงา พระพุทธเจา้ “รม่ เหงาใดๆ ไมส่ งบรม่ เยน็ เท่าร่มญาติพี่นอ้ ง” วิฑฑู ภะพอไดฟ้ ัง ก็คิดได้วา่ ศากยะเป็นพี่น้องกับตนจึงยกทพั กลบั พระพุทธองคท์ รงตรัสหา้ มถงึ 3 คร้งั พอครั้งท่ี 4 รูว้ ่าเปน็ กรรมเกา่ ของศากยะทีเ่ คยนำยาพิษไปโปรยในแม่นำ้ ทำใหส้ ตั ยจ์ ำนวนมากต้องตาย วิฑฑู ภะได้ยกกองทพั ฆ่าศากยะให้ฉิบหายในทีส่ ุด - ศากยะต้นหญ้า ต้นอ้อ ศากยะนอกจากเปน็ คนชอื่ สตั ย์ พดู แตค่ ำจรงิ แลว้ และบางพวกเปน็ คน ฉลาดสติปญั ญาดีเม่อื ถกู เขาถามว่าทา่ นเป็นเจ้าศากยะหรือไม่ ค นคาบหญา้ อยู่
62 สงั เวชนยี สถาน ๔ ตำบล กลา่ วว่า ไม่ใช่เจา้ ศากยะ ตอบว่าหญ้า พวกท่ยี นื ถือไมอ้ อ้ กก็ ลา่ ววา่ ไม่ใชเ่ จ้าศากยะ ตอบว่า ไม้ออ้ พวกศากยะเหล่านีจ้ งึ รอดชวี ิต - วฑิ ูฑภะถูกน้ำพัดพาสู่มหาสมทุ ร พอทำสงครามเสร็จได้พกั แรม ณ รมิ แมน่ ำ้ อจิรวดี ไดม้ ีมดแดงมากัด นายทหารท่นี อนอยู่ คนทไ่ี มเ่ คยทำกรรมร่วม ลกุ ขึ้นไปนอนบนบกเป็นสูง ส่วนคนทเ่ี คยทำกรรมร่วม กไ็ ปเหนือริมแมน่ ำ้ ขณะน้นั มหาเมฆตั้งข้ึน ฝนตกหนกั ห้วงนำ้ หลากมา พัดพาเอาร่าง พระเจ้าวฑิ ฑู ภะและทหารบางส่วนลงสมู่ หาสมทุ ร ถงึ ความตายในท่ีสุด
พระครูวนิ ัยธรกิตติพงษ์ จติ ฺตคุตฺโต 63 จากมคธถึงปาตลีบตุ ร พระเจ้าพิมพสิ าร เปน็ กษตั รยิ ์ปกครองเมืองราชคฤห์แคว้นมคธ มพี ระราชโอรส พระนามว่า อชาตศตั ร ู ต่อมาพระโอรสไดถ้ ูกยุแหยส่ นับสนุน จากพระเทวทัต จนตอ้ งปลงพระชนม์พระราชบิดาในท่สี ุด - กำเนดิ เมอื งปาตลีบุตร ปาตลีบตุ ร มาจาก ปาตลิคาม เปน็ ชื่อหมบู่ า้ นแหง่ หนึง่ พระเจา้ อชาตศัตรูสรา้ งขึน้ ไวเ้ ป็นเมืองหนา้ ดา่ น เปน็ เขตชายแดนสรา้ งเพ่ือความ เขม้ แข็ง ในการตอ่ สกู้ ับแควน้ วชั ชี ผทู้ ี่ดำเนินกอ่ สร้างคือ สนุ ธี ะ และวัสสการพราหมณ์ ช่วงทีก่ ำลงั ดำเนิน ก่อสรา้ ง พระพุทธเจ้าก็เสดจ็ ลงมา ผา่ นประตูเมือง เขากเ็ รียกวา่ โคตมทวาร เสดจ็ ลงท่านำ้ เขาก็เรยี ก โคตมตฏิ ฐะ มเี ร่อื งเล่าว่า มภี เู ขาอยรู่ มิ แม่นำ้ มพี ีชอะไรชนดิ หนงึ่ กล่าวกนั ว่า มีกล่ินหอมมาก เม่อื คราวนำ้ ฝนซะลงมา พากลนิ่ หอมนีล้ งมาในแม่น้ำ พระเจ้าอชาตศัตรู เตรยี มยกพลมาเพ่อื จะเอาพชี แตถ่ ูกพวกวัชช ี มาชงิ ตัดหน้า เอาไปกอ่ น ทำให้พระองคโ์ กรธแค้นอย่างมาก พระอชาตศัตรูเคยส่งวัสสการพราหมณ์ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ใหไ้ ปทูลถามว่า ถ้าพระเจา้ อชาตศัตรยู กทัพไปปราบแคว้นวชั ช ี ลองดวู า่ พระองค์จะตรสั ว่าอยา่ งไร พระพุทธเจ้าไปถามพระอานนทว์ ่า เวลาน้ีลจิ ฉวียงั รกั ษาอปริหานิย ธรรมกันดีอยูห่ รอื พระอานนทท์ ลู รับ ตราบใดที่กษัตริย์ลจิ ฉวีมั่นอยูใ่ นหลกั อปริหานิย ธรรม ไมม่ ีใครเอาชนะได้
64 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล - วัชชพี งั พินาศ วางแผนทำทีวา่ วสั สการพราหมณ์ถูกขับออกราชสำนกั ต่อมาได้มาพง่ึ บารมเี จ้าลิจฉวีและไดร้ ับราชการ เร่ิมยแุ หย่เจ้าลิจฉวจี นแตกคอกัน วสั สการ พราหมณ์รีบส่งสญั ญาณให้พระเจา้ อาชาตศตั รู จากนน้ั แคว้นมคธไดย้ กทพั ตี แคว้นวชั ชีจนพงั พินาศ - ราชวงศ์มาตฆุ าต 1. พระเจ้าพิมพสิ าร 2. พระเจา้ อชาตศตั รู (อุปถมั ภ์สงั คายนาคร้งั ที่ 1) 3. พระเจ้าอทุ ยภัทร 4. พระเจา้ อนุรทุ ธ์ 5. พระเจา้ มุณฑะ 6. พระนาคทาสกะ หมอู่ ำมาตย์ราชมนตรี และราษฎรเหน็ ว่าเปน็ ราชวงศ์อาเพศคอื ลกู ฆา่ พ่อ จึงปฏวิ ัตยิ ึดอำนาจ ปราบดาภิเษกสุสนู าคอำมาตยข์ ้ึนเป็นกษตั ริย์ แห่งแควน้ มคธ (ท่านมเี ชือ้ สายเจ้าลิจฉวี) - ราชวงศ์ไศศุนาค 1. พระเจ้าสสุ ูนาค 2. พระเจา้ กาลาโศกราช (อุปถมั ภส์ ังคายนาครง้ั ที่ 2) - ราชวงศ์นนั ทะ มกี ษัตรยิ ์ปกครอง 9 ราชการติดต่อกัน - ราชวงศโ์ มริยะ, เมารยิ ะ 1. จนั ทรคุปต์ 2. พระเจา้ พินทสุ าร 3. พระเจา้ อโศกมหาราช (อปุ ถมั ภส์ ังคายนาครงั้ ท่ี 3)
พระครวู นิ ัยธรกติ ติพงษ์ จติ ตฺ คตุ ฺโต 65 บางแหง่ กล่าวไวว้ ่า พระเจ้าสสุ นู าค ยา้ ยเมอื งหลวงจากราชคฤหไ์ ปยังเวสาลี พระเจา้ กาลาโศกราช ย้ายจากราชคฤห์ไปยงั ปาตลีบุตร หรือ พระเจา้ กาลาโศกราช ยา้ ยจากเวสาลไี ปยังปาตลบี ตุ ร ลำดบั คือ ราชคฤห์ - เวสาลี - ปาตลบี ุตร - จันทรคปุ ต์ ตอ่ มาราชวงศน์ ันทะกโ็ ค่นล้มราชไศศุนาค เผ่าโมริยะ เช่ือกนั ว่าเปน็ สายพระญาตพิ ระพทุ ธเจา้ ทีถ่ กู วฑิ ฑู ภะไล่ฆา่ แล้วบางสว่ นได้หนไี ปอยู่ เชิงเขาหิมาลยั จนั ทรคุปตเ์ กิดวงศ์โมริยะ มีความยากท่จี ะตั้งตนเปน็ ใหญใ่ น แควน้ มคธ ในช่วงที่ พระเจ้าอเลก็ ซานเดอร์มหาราช กษตั ริยก์ รกี ไดย้ กทัพถงึ เมือง ตักศลิ า จันทรคุปตต์ ้องการกำลังช่วยจากพระเจา้ อเล็กซานเดอร์ เม่อื ท้งั สอง เจอกันปรากฏตลงกันไม่ได้เกดิ วิวาทข้นึ เพราะอยู่ในคา่ ยคนอ่นื จันทรคุปต์เลย ถูกจับตวั ต่อมาหนอี อกมาได ้ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ไดย้ กทัพกลบั อาจเปน็ เพราะพลทหารคดิ ถึง ลกู เมีย หรอื จากบา้ นเมืองมานาน ระหวา่ งทางพระองค์ไดส้ วรรคต ครั้งที่แรก จันทรคปุ ต์ไดย้ กทัพตีแคว้นมคธไดร้ ับความพ่ายแพ้ หนีแทบไมร่ อด แอบตามทต่ี า่ งๆ ลุถึงหมบู่ ้านแห่งหนึง่ มยี ายคนกำลังทำขนม ร้อนๆ ให้หลานกิน พอกนิ เขา้ มันรอ้ นทำใหห้ ลานรอ้ ง ยายดา่ หลานว่า “เอง็ นี้ โง่เหมือนจนั ทรคุปตเ์ ลย ตอ้ งกนิ จากขอบกอ่ นส”ิ จนั ทรคปุ ต์อย่ใู ตถ้ ุนบ้านได้ ยิน เกิดความคิดขึ้น (ป่าลอ้ มเมือง) คร้งั ทส่ี อง จันทรคุปตไ์ ด้รวบรวมไพรพ่ ลเปน็ เป็นอย่างดี ตีแควน้ มคธจน ไดร้ ับชยั ชนะปราบดาภเิ ษกตนข้ึนเปน็ กษตั รย์แหง่ แคว้นมคธสืบมา
66 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล พระเจ้าอโศกมหาราช - อดีตชาติ ได้มตี ำนานกล่าวไว้วา่ ขณะท่พี ระพทุ ธองค์เสด็จบณิ ฑบาต ในเมอื ง ราชคฤห์ ผูม้ ีจิตศรัทธาจำนวนมากไดน้ ้อมนำอาหารใส่บาตร มีเด็กชายคนหน่งึ ชอื่ ชัย กำลงั เลน่ ดินอยู่ เหน็ เขาใส่บาตร ตนเองกน็ กึ อยากทำบ้าง จึงนำดินใสบ่ าตรพระพุทธเจา้ ภกิ ษทุ ต่ี ดิ ตามมาไดท้ ดั ทานห้ามเดก็ พระพุทธองคไ์ ด้ตรสั วา่ อยา่ ไดว้ า่ เด็กเลย เด็กคนน้ีตอ่ ไปในกาลเบอ้ื งหนา้ จะเปน็ ทายาทของเรา จะนำหลักธรรมแผข่ ยายไปทวั่ ทิศ หลงั พทุ ธกาลตอ่ มา เดก็ ชายชยั คนน้ีจงึ เปน็ มาเป็นพระเจา้ อโศก - กำเนิดพระราชกมุ าร มคี วามรูร้ อบดา้ นการใชศ้ รัตราวธุ การตอ่ สู้ รา่ งกายแขง็ แรง ปัญญาหลกั แหลม มีนสิ ยั ดุรา้ ย โหดเห้ียม จึงเรยี กว่า “จณั ฑาโศก” - ต้งั เปน็ อุปราช เพอ่ื ตัดปญั หาการสบื ราชบลั ลังก์ จงึ มีการแต่งเปน็ อปุ ราชปกครอง เมืองอชุ เชนี - ฆา่ พ่นี อ้ งต่างมารดา หลงั จากพระเจ้าพนิ ทสุ ารสวรรคต อุปราชอโศกก็กรีฑาทพั เพอื่ แยกชง่ิ บลั ลังกจ์ นสำเร็จฆ่าพี่นอ้ งตา่ งมารดาถึง 99 พระองค์ เวน้ เพียงแต่น้องชายท่ี เกิดร่วมมารดาเดยี วกัน ใชเ้ วลาอยู่ 4 ปี จงึ ปราบดาภิเษกตนเองขน้ึ เป็นกษัตรยิ ์แหง่ มคธ - ศกึ ท่ยี ง่ิ ใหญแ่ คว้นกาลงิ คะ ในปี 8 ของการครองราชย์ ไดย้ กทัพไปตแี คว้นกาลิงคะ เปน็ แควน้ ทเี่ ขม้ แขง็ ทางการสู้รบ ถือว่าเป็นศกึ สงครามที่ย่งิ ใหญ่ เป็นสญู เสียคร้ังย่ิงใหญ่ มคี น
พระครวู ินัยธรกติ ตพิ งษ์ จิตตฺ คุตฺโต 67 ตายหลักแสน คนสูญหายหลกั แสน และถกู จับเป็นเฉลยอกี จำนวนแสน เลือดทว่ ม นองเต็มพน้ื ดนิ ทำใหพ้ ระองคเ์ กดิ ความสลดใจอย่างมาก - หันมานับพระพุทธศาสนา วันหนึง่ ไดท้ อดพระเนตรเห็น สามเณรรปู หนงึ่ เหน็ อากัปกริ ยิ าเกดิ ความเล่ือมใสศรทั ธา จงึ ได้นิมนตม์ าในพระราชนเิ วศ ไดธ้ รรมะจากสามเณร แทจ้ ริงแล้วสามเณร กค็ ือหลานของพระองค์ ชื่อวา่ นิโคธสามเณร ได้รับการแนะนำตลอดจนฟังธรรมจากพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระ และได้หนั มานับถือพระพทุ ธศาสนาในท่สี ดุ เปล่ียนนโยบายใหม่จาก สงครามวิชัย มาเป็น ธรรมะวิชยั - สรา้ งวดั สร้างประโยชน์ ด้านศาสนาจกั ร -สร้างวดั 84,000 พระธรรมขันธ์ มีวัดอโศการาม เปน็ ตน้ สรา้ งเสาหนิ และเจดยี ์ - บรจิ าคทรพั ย์ ถวายภัตตาหารอยู่เป็นเน่ืองนิตย์ - ประพฤตติ นรกั ษาอโุ บสถศลี ให้มีการฟงั ธรรมสถานทต่ี ่างๆ - องค์อุปถัมภส์ งั คายนาคร้งั ท่ี 3 - สง่ สมณะฑตู ออกเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา 9 สาย ด้านราชอาณาจักร -สร้างโรงทานโรงพยาบาลสาธารณปู โภคเชน่ สะพานทพ่ี ักคนเดนิ ทาง บอ่ นำ้ สาธารณะ - สง่ เสรมิ การศกึ ษา ยคุ ของพระเจา้ อโศก มีคนรูห้ นงั สือ อ่านออก เขยี นไดม้ ากทสี่ ดุ
68 สงั เวชนียสถาน ๔ ตำบล - พระเจา้ อโศกเหน็ พระพทุ ธเจา้ พระเจา้ อโศกมหาราชเกิดหลงั พทุ ธกาลประมาณ 200 กวา่ ปี เพราะ ฉะนั้นพระองคไ์ ม่เคยพระพุทธเจา้ หลงั จากทพี่ ระเจ้าโศกมหาราชได้สร้างวดั พระเจดียเ์ รยี บรอ้ ย ดำรทิ จ่ี ะจดั งานสมโภชเฉลมิ ฉลอง7ปี7เดอื น7วนั ท รงวติ กถงึ ภยั ทจ่ี ะมารบกวน ได้มพี ระยาวสั สวตั ดีมารมาทำอนั ตราย พระอปุ คุตได้เอาชนะพระยามาร และสำนกึ ผดิ ขอตอบแทนโดยการเนรมติ รกายเปน็ พระศาสดาใหท้ า่ นไดเ้ หน็ แต่มีขอ้ แมพ้ วกท่านห้ามไหว้ พระอุปคุตเถระและพระเจ้าอโศกมหาราชพร้อมชนทั้งหลายเกิดความ ปีติไดย้ กมอื วนั ทา ภาพนน้ั ไดอ้ ันตรธานหายไป กลายเป็นพญามารตามเดิม พวกเรามไิ ดไ้ หว้ท่าน แตไ่ หว้พระพุทธเจ้าต่างหาก - ราชกาลใหม่ พอพระองคใ์ กล้สิ้นพระชนม์ สัมปทผิ ู้เป็นรัชทายาทหาทางปอ้ งกัน มใิ หเ้ งินเพ่ือการทำบญุ มคี ำสั่งถงึ ผรู้ กั ษาพระคลังหลวง พระองค์เสยี พระทัย อย่างมาก และสวรรคตในท่ีสุด ลกู หลานของท่านครองราชยส์ ืบต่อกนั มา มคี วามอ่อนแอจนถงึ องค์ สดุ ทา้ ยคือ พฤหถั รถ มีเช้อื พราหมณช์ ่ือปษุ ยมิตรได้กบฏแย่งราชราชบัลลงั ก์ ปราบดาภเิ ษกตนเองขึ้นเปน็ กษัตริย์แหง่ แควน้ มธค
พระครูวินัยธรกิตติพงษ์ จิตตฺ คตุ โฺ ต 69 ดร.เอม็ เบด็ การ์
70 สงั เวชนียสถาน ๔ ตำบล อนาคาริกธรรมาปาละ
พระครูวินยั ธรกติ ติพงษ์ จติ ตฺ คตุ โฺ ต 71 บทวเิ คราะห์
72 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล สังคายนา รวบรวมพระธรรมวนิ ัยใหเ้ ปน็ หมวด สงั คายนา คอื การร้อยกรอง หมูพอจะนับได้มี 5 คร้ัง 1. คร้งั ท่ี 1 กระทำทถี่ ้ำสัตตบรรณคหู า ราชคฤห์ ปรารภเหตุ พระสุภทั ทะ กลา่ วจว้ งจาบพระศาสดา 2. คร้ังที่ 2 กระทำท่วี าลุการาม เวสาลี ปรารภเหตุ เรอื่ ง 10 ประการ ท่ีภกิ ษชุ าววัชชีว่าไมผ่ ิดธรรมวินยั 3. ครัง้ ท่ี 3 กระทำทอี่ โสการาม ปาฏลบี ตุ ร ปารภเหตภุ กิ ษุ ปลอมบวช 4. ครง้ั ท่ี 4 กระทำท่ถี ปู าราม ปรารภเหตทุ ีจ่ ะประดษิ ฐานพระพทุ ธ ศาสนาใหม้ น่ั คงในลงั กา 5. ครั้งท่ี 5 กระทำที่อาโลกเลณสถาน ปรารภเหตทุ ีจ่ ะไมม่ ีผทู้ รงจำดว้ ย มขุ ปาฐะได้ จงึ ได้จารกึ เปน็ อกั ษร
พระครูวนิ ัยธรกติ ตพิ งษ์ จติ ฺตคตุ โฺ ต 73 ชือ่ แคว้นและเมอื งหลวง ชื่อแควน้ ช่ือนครหลวง 1. องั คะ จำปา 2. มคธะ ราชคฤห์ 3. กาสี พาราณสี 4. โกศล สาวัตถี 5. วชั ชี เวสาลี 6. มัลละ กสุ ินารา, ปาวา 7. เจตี โสตถิวตี 8. วงั สะ โกสมั พี 9. กุรุ อินทปัตถะ 10. ปัญจาละ กัมปลิ ละ 11. มัจฉะ สาคละ 12. สุรเสนะ มถุรา 13. อสั สกะ โปตนะ หรอื โปตลิ 14. อวนั ตี อุชเชนี 15. คนั ธาระ ตักกสิลา 16. กัมโพชะ ทวารกะ และทน่ี อกเหนอื จาก 16 ชนบท 1. สักกะ กบิลพสั ด์ุ 2. โกลิยะ เทวทหะ หรอื รามคาม 3. ภคั คะ สุงสมุ ารครี ะ 4. วิเทหะ มิถิลา 5. องั คตุ ตราปะ เปน็ นคิ มชือ่ อาปณะ
74 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล แคว้นพุทธกาล ท่อี ยูใ่ นเขตรฐั และประเทศปจั จุบัน แคว้นสมยั พทุ ธกาล ปจั จบุ ันในพนื้ ที/่ เขต 1. องั คะ รัฐพิหาร 2. มคธะ รัฐพหิ าร 3. กาสี รัฐอตุ รประเทศ 4. โกศล รัฐอุตรประเทศ 5. วชั ชี รัฐพหิ าร 6. มัลละ รัฐอตุ รประเทศ 7. เจตี รฐั มธยประเทศและรัฐอตุ รประเทศ 8. วังสะ รฐั อุตรประเทศ 9. กุรุ เขตกรุงเดลีรัฐอตุ รประเทศรฐั หรยนะ 10. ปัญจาละ รฐั อุตรประเทศ 11. มจั ฉะ รัฐราชสถาน 12. สรุ เสนะ รัฐอุตรประเทศ 13. อัสสกะ รัฐมหาราษฎร์ 14. อวันตี รัฐมธยประเทศ 15. คันธาระ ประเทศปากสี ถาน 16. กัมโพชะ รัฐแคชเมยี รบ์ างสว่ นใน เขตปากีสถาน และอฟั กานสิ ถาน
พระครวู นิ ยั ธรกิตตพิ งษ์ จิตตฺ คุตโฺ ต 75 คำอธิษฐาน ขอเดชะ ข้าพระพทุ ธเจ้าขอน้อมจิตอธิษฐาน ด้วยอำนาจบญุ กศุ ลที่ ข้าพเจ้าได้จาริกมาแสวงธรรมบำเพญ็ บญุ ณ พทุ ธสถาน.....................ในวนั นี ้ ขอจงเป็นบารมี เป็นพลวปัจจยั เป็นนิสยั ตามสง่ ให้เกิดปัญญาญาณทงั้ ชาตนิ ี ้ และชาตหิ น้า ตลอดชาตอิ ยา่ งยิ่ง จนถงึ ความพ้นทกุ ข์ คือ พระนิพพาน เทอญ. คำสมาทานกัมมัฏฐาน อิมาหงั ภนั เต ภะคะวา อตั ตะภาวงั ตมุ หากงั ปริจจะฉามิ ข้าแตพ่ ระผ้มู ี พระภาคเจ้าผ้เู จริญ ข้าพระพทุ ธเจ้า ขอมอบกาย ถวายชีวิตนี ้เพื่อเป็นพทุ ธบชู า ธมั มบชู า สงั ฆบชู า ข้าพระพทุ ธเจ้า จะตงั้ ใจศกึ ษาจะตงั้ ใจปฏิบตั ติ ามคำสงั่ สอนของพระพทุ ธองค์ ด้วยการเจริญจิตภาวนา ณ กาลบดั นี ้เทอญฯ คำอุทศิ บุญกุศล อิทงั เม ญาตีนงั โหต,ุ สขุ ิตา โหนตุ ญาตะโย. ขอสว่ นบญุ นีจ้ งสำเร็จ แก่ญาตทิ งั้ หลาย ของข้าพเจ้า ขอให้ญาตทิ งั้ หลายของข้าพเจ้าจงมีแตค่ วามสขุ ข้าพเจ้าขอตงั้ จิตอทุ ิศผล บญุ กศุ ลนีแ้ ผไ่ ปให้ไพศาล ถงึ บดิ ามารดาครูอาจารย์ ทงั้ ลกู หลานญาตมิ ิตรสนิทกนั คนเคยร่วมทำงานการทงั้ หลาย ขอให้ได้ในกศุ ลผลของฉนั ทงั้ เจ้ากรรมนายเวรและเทวญั ขอให้ทา่ นได้กศุ ลผลนี ้เทอญ.
76 สงั เวชนียสถาน ๔ ตำบล คำแผ่เมตตาท่วั ไป สัพเพ สัตตา ฯ สตั ว์ทงั้ หลาย ที่เป็นเพ่ือนทกุ ข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกนั ทงั้ หมดทงั้ สนิ ้ อะเวรา ฯ จงเป็นสขุ ๆ เถิด อยา่ ได้มีเวรแก่กนั และกนั เลย อัพย๎ าปัชฌา ฯ จงเป็นสขุ ๆ เถิด อยา่ ได้เบียดเบียนซงึ่ กนั และกนั เลย อะนีฆา ฯ จงเป็นสขุ ๆ เถิด อยา่ ได้มีความทกุ ข์กายทกุ ข์ใจเลย สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ จงมีความสขุ กายสขุ ใจ รักษาตนให้พ้นจากทกุ ข์ภยั ทงั้ สนิ ้ เถิด ทา่ นทงั้ หลายท่ีทา่ นได้ทกุ ข์ ขอให้ ทา่ นมีความสขุ ทา่ นทงั้ หลายท่ีทา่ นได้สขุ ขอให้สขุ ย่ิง ๆ ขนึ ้ ไปเทอญ
พระครวู นิ ัยธรกิตตพิ งษ์ จิตตฺ คตุ ฺโต 77 ฮนิ ด ี ภาษาฮินดีเบอ้ื งตน้ มนสั เต/นมสั การ แปลไทย อาป แกเส แฮ สวัสดีครับ/สวัสดคี ่ะ แม ถกี ฮู ทา่ นสบายดีไหมครับ/คะ่ ธนั ยะวาด สบายดคี รับ/คะ่ กจิ ตะนะ ขอบคณุ กาหา เทา่ ไหร่ แม ที่ไหน ตมุ ฉัน คานะ คณุ จาวลั กิน ไข่ ขา้ ว (สุก) ปาน ี อณั ดะ นบั ตวั เลข น้ำ เอก 1 โด 2 ตนี 3 จาร 4 ปาจ 5 เฉห 6 สาต 7 อาฐ 8 นอ 9 ดสั 10
78 สงั เวชนยี สถาน ๔ ตำบล
บนั ทกึ
ประสตู ิ สงั เวชนยี สถาน ๔ ตำบล “เราเป็นผู้เลิศเปน็ ผู้เจรญิ ทสี่ ุด เปน็ ผู้ประเสรฐิ ทสี่ ดุ ในโลก การเกิดของเราครัง้ นีเ้ ปน็ ครงั้ สดุ ท้าย บดั น้ีภพใหม่ ไมม่ ีอีกแลว้ ” ตรัสรู้ “ถา้ มิไดต้ รัสรู้ จะไมล่ กุ ขึน้ จากโพธบิ ัลลงั ก์ ถงึ แม้เนือ้ และเลอื ดจะเหอื ดแหง้ ไปก็ตาม” แสดงปฐมเทศนา “เธอทัง้ หลายจงเที่ยวไป เพ่ือประโยชนแ์ ละความสุขแก่ชน อนั มาก จงแสดงธรรมในเบ้ืองตน้ ท่ามกลางและทส่ี ดุ ” ปรนิ พิ พาน “เราขอเตือนท่านท้งั หลาย สงั ขารท้งั หลาย มคี วามเส่ือม ความสน้ิ ไปเปน็ ธรรมดา ทา่ นทั้งหลายจงยงั กจิ ใหถ้ งึ พรอ้ ม ดว้ ยความไมป่ ระมาทเถดิ ” พระครวู ินยั ธรกิตตพิ งษ์ จติ ตฺ คตุ โฺ ต ประเทศไทย... ชมรมธรรมหรรษาไทย-อินเดีย 71/4 ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทร. 02-8845683-6,081-9944790 แฟกซ์: 02-8845682 อินเดีย... WatThaiBodhi Vihara India Gaya Bihar, pin-824231 India E-mail: [email protected] www.facebook.com/watthaibodhi.vihara www.watthaibodhi.com Tel. +9133950910
Search