เอกสารคำ� แนะน�ำท่ี 2/2557 การปลกู มะพรา้ วและการควบคุมศัตรมู ะพรา้ ว พิมพค์ รั้งท่ี 1 : ปี 2557 จ�ำนวน 10,000 เล่ม พิมพ์ท่ี : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ� กดั
คำ� น�ำ มะพร้าวเป็นพืชที่มีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของคนไทยมาเป็นเวลาช้านานจึงมีความผูกพันอยู่กับวัฒนธรรมของคนไทย ทุกส่วนของมะพร้าวสามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ส�ำหรับมวลมนุษยชาติ จาก สถานการณ์มะพรา้ วการผลติ ปี 2554 ในแหลง่ ผลิตมะพรา้ วส�ำคญั ของประเทศ คาดว่าเนื้อท่ีให้ผลผลิตลดลงจากปี 2554 เน่ืองจากปัญหาการระบาดของ แมลงศัตรูมะพร้าว ส่งผลให้เกษตรกรขาดแรงจูงใจในการดูแลรักษาสวน ขณะที่เกษตรกรบางรายปรับเปลี่ยนเนื้อท่ีไปปลูกปาล์มน้�ำมันและยางพารา ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าทดแทน ปัญหาการผลิตมะพร้าวเกิดข้ึนจากแนวโน้ม การลดลงของผลผลิตมะพร้าว ส่งผลกระทบต่อความขาดแคลนวัตถุดิบ ในอุตสาหกรรมต่อเน่ือง และท�ำให้ราคามะพร้าวภายในประเทศปรับตัวสูงข้ึน มีผลกระทบให้ความสามารถในการแข่งขันกับการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก การระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าวในแหล่งผลิต ประกอบกับสวนมะพร้าวท่ีมีอยู่ ในปัจจุบันเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมและมีอายุมากให้ผลผลิตต่�ำ นอกจากนี้การปรับ เปล่ียนเน้ือท่ีปลูกมะพร้าวไปปลูกปาล์มน้�ำมันและยางพารา ส่งผลให้ผลผลิต มะพร้าวไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ภายในประเทศ และมีผลต่อเน่ืองไป ในอนาคต ดังนั้นกรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้จัดท�ำเอกสารการปลูกมะพร้าวและ การควบคุมศัตรูมะพร้าว หวังเป็นอย่างย่ิงว่าเอกสารเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อ การผลิตมะพร้าวและการควบคุมศัตรูมะพร้าว ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรได้รับ ผลผลิตจากการท�ำสวนมะพร้าวเพ่ิมข้ึน ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้และอาชีพ ที่ยั่งยนื ต่อไป การปลูกมะพร้าวและการควบคุมศตั รมู ะพรา้ ว iกii
สารบัญ ค�ำนำ� หนา้ สารบญั ก การปลูกมะพร้าว ข การเลือกทปี่ ลกู มะพร้าว 1 การเตรียมทีป่ ลูกมะพร้าว 2 วธิ ปี ลกู 5 การใส่ป๋ยุ ต้นมะพร้าวที่เริม่ ปลกู 7 การดูแลรกั ษาสวนมะพร้าวทอ่ี อกผลแล้ว 8 ศัตรมู ะพร้าวและการปอ้ งกนั กำ� จัด 10 โรคมะพรา้ วทสี่ ำ� คัญ 20 แมลงศตั รมู ะพรา้ วที่สำ� คัญ 20 สตั ว์ฟันแทะศัตรูมะพร้าว 22 การดแู ลสวนมะพรา้ วไม่ใหเ้ กิดการระบาดของศตั รูพชื 40 45 การปลูกมะพรา้ วและการควบคมุ ศตั รมู ะพรา้ ว ขv
การปลูกมะพรา้ ว และการควบคมุ ศัตรูมะพร้าว การปลกู มะพรา้ ว การปลูกมะพร้าวให้ได้ผลดี ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบดังนี้ คือ เลือกทป่ี ลกู ดี ใช้พนั ธด์ุ ี ปลกู ถูกวิธี ดูแลรกั ษาตน้ มะพรา้ วใหส้ มบรู ณ์ ปราศจากโรค และศัตรูที่มารบกวนและแก้ไขอุปสรรคที่ท�ำให้มะพร้าวออกผลน้อย โดยหลัก ในการพจิ ารณาเลือกที่ปลกู และดแู ลรักษาสวนมะพรา้ วดงั นี้ การปลูกมะพร้าวและการควบคุมศตั รมู ะพรา้ ว 1
การเลอื กที่ปลูกมะพร้าว ประเทศไทยต้ังอยู่บนบริเวณท่ีมีลมฟ้าอากาศเหมาะสมส�ำหรับ ปลูกมะพร้าว โดยท่ัวไปจะเห็นมะพร้าวปลูกอยู่ต้ังแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ หลกั ทั่วไปในการเลอื กทปี่ ลูกมะพรา้ วควรคำ� นงึ ถงึ ส่งิ ต่อไปน้ี ฝน เป็นปัจจัยส�ำคัญอันหน่ึงในการ ปลูกมะพร้าว จากการศึกษาพบว่าที่ปลูกมะพร้าว ได้เจริญงอกงามดี จะต้องมีปริมาณน�้ำฝนตก ไม่น้อยกว่า 1,500 มิลลิเมตรต่อปี และมีฝนตก สม�่ำเสมอทุกเดอื น ถา้ มีฝนตกนอ้ ยกวา่ 50 มลิ ลิเมตร ต่อเดือน ติดต่อกันเกินกว่า 3 เดือน มะพร้าวจะ ออกผลใหน้ อ้ ยลง อุณหภูมิ บริเวณท่ีอากาศหนาวจัดเป็น เวลานานๆ คือ มีอุณหภูมิต่�ำกว่า 15 ํC ติดต่อกัน หลายๆ วัน จะมีผลให้มะพร้าวออกผลน้อยลง เพราะอากาศหนาวไปเปล่ียนระบบการปรุงอาหาร และกจิ กรรมอ่ืนๆ แต่ถา้ เป็นทซ่ี งึ่ หนาวเป็นคร้งั คราว ก็ไม่มีปัญหามากนัก ที่ซ่ึงมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20 - 27 Cํ เชน่ ภาคใต้ ภาคกลาง และตะวนั ออก สามารถปลกู มะพร้าวไดผ้ ลดี 2 การปลกู มะพร้าวและการควบคมุ ศัตรูมะพร้าว
แสงแดด เป็นปัจจัยส�ำคัญอย่างหน่ึง ส�ำหรับการปลูกมะพร้าว บริเวณซึ่งแสงแดดส่อง ไม่ค่อยถึงมะพร้าวจะไม่ค่อยออกดอกออกผล หรือ มีเน้ือบาง ดังนั้นจึงไม่ควรปลูกมะพรา้ วในท่ีร่ม หรือ ท่ีซ่ึงมีเมฆหนาทึบอยู่ตลอดปีปริมาณแสงแดดท่ี เหมาะสมวันละ 7.1 ชั่วโมง ความสูงของพ้ืนท่ี ระดับความสูง ของพื้นที่จะเก่ียวข้องกับอุณหภูมิ ความสูงทุกๆ 100 เมตร อุณหภูมิจะลดต่�ำลง 0.6 ํC ดังนั้นการ ท�ำสวนมะพร้าวเพื่อการค้าควรเลือกท่ีไม่สูงเกิน 500 เมตรเหนือระดับน้�ำทะเล ผลผลิตที่ได้ไม่ต่าง จากการท�ำสวนมะพรา้ วใกล้ทะเล การปลูกมะพร้าวและการควบคุมศัตรูมะพรา้ ว 3
ดินท่ีใช้ปลูกมะพร้าว มะพร้าวเป็นพืชที่ไม่ค่อยเลือกชนิดดิน ทป่ี ลกู มากนกั แต่ตอ้ งค�ำนึงถึงลกั ษณะพ้ืนทดี่ งั น้ี ท่ีลุ่ม ที่ดอน มะพร้าวปลูกเจริญงอกงามบนท่ีดอนมากกว่าท่ีลุ่ม การท่ีจะปลูกมะพร้าวให้เจริญงอกงามในที่ลุ่ม ต้องยกเป็นคันร่องให้สูงพ้น ระดับน้�ำที่ขังอยู่ ให้หลังคันดินท่ียกขึ้นมาสูงกว่าระดับน�้ำในฤดูน้�ำสูงสุด ประมาณ 60 เซนติเมตร เป็นคันยาวไปตามรูปเน้ือท่ีท่ีมีอยู่ จึงจะพอใช้ปลูก มะพรา้ วให้ไดผ้ ลดี ดนิ ดาน ดินที่มชี ้ันหินแขง็ หรือหนิ ดานอย่ลู ึกจากผวิ ดนิ น้อยกวา่ 1 เมตร ไม่ควรใช้ปลูกมะพรา้ วเพราะจะไมค่ อ่ ยได้รับผลดี ถ้าจะไดผ้ ลดีกต็ ้องลงทนุ สูง ดินดี ไม่ดี หมายถึง ดินที่ความอุดมสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด สังเกต ได้จากต้นไม้ หรือต้นมะพร้าวที่ข้ึนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ถ้าต้นไม้เหล่าน้ัน มีใบเขียวเข้ม ออกดอกออกผลงามก็แสดงว่าดินดี แต่ถ้าต้นมะพร้าวหรือ ต้นไม้อ่ืนที่อยู่ใกล้เคียงนั้นไม่เจริญงอกงามควรจะสอบดูให้แน่ชัดโดยการเก็บ ตัวอย่างดนิ ส่งไปวิเคราะห์ 4 การปลกู มะพร้าวและการควบคมุ ศัตรูมะพร้าว
การเตรียมทป่ี ลูกมะพร้าว ท่ีดินซ่ึงจะใช้ปลูกมะพร้าว ควรท�ำให้เตียนและถอนตอออกให้หมด ส่วนท่ีลุ่มหรือที่น้�ำท่วมถึงต้องยกร่องปลูก โดยให้คันร่องอยู่สูงกว่าระดับ น�ำ้ ท่วมสงู สดุ ไม่น้อยกวา่ 60 เซนติเมตร การปลูกมะพร้าวบนเขาหรือท่ีชันมากๆ ควรท�ำขั้นบันไดแล้วปลูกพืช กันดินพังทลาย หลังจากถางป่าแล้วควรไถดินและปรับระดับดิน อย่าให้มีน�้ำขัง ในแปลงปลกู แลว้ จึงวางผงั ปลูกมะพร้าว ระยะปลูกมะพร้าว การปลูกมะพร้าวควรปลูกแบบสามเหลี่ยม ด้านเท่า เพราะจะได้จ�ำนวนต้นมากกว่าการปลูกแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสประมาณ 15 % ถ้าปลูกมะพร้าวชนิดต้นสูงควรปลูกห่างกัน 8.50 - 9.00 เมตร ถ้า ปลูกมะพร้าวต้นเตี้ย ใช้ระยะปลูกห่างกัน 6.5 เมตร ระยะห่างระหว่างแถว •ในการปลกู แบบสามเหลี่ยมด้านเทา่ มดี ังน้ี ระยะระหว่างต้น 9.00 เมตร ระยะระหว่างแถว 7.80 เมตร • จ�ำนวน 22 ต้นตอ่ ไร่ ระยะระหวา่ งตน้ 8.50 เมตร ระยะระหวา่ งแถว 7.36 เมตร • จ�ำนวน 25 ตน้ ต่อไร่ ระยะระหว่างตน้ 6.50 เมตร ระยะระหวา่ งแถว 5.63 เมตร จ�ำนวน 43 ตน้ ตอ่ ไร่ (มะพร้าวเต้ีย) การปลกู มะพร้าวแบบสเ่ี หลีย่ มจตรุ ัส การปลูกมะพร้าวแบบสามเหลย่ี มดา้ นเทา่ การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศตั รมู ะพร้าว 5
การเตรียมหลุมปลูก การปลูกมะพร้าวบนที่ดอนและดินมีความ อุดมสมบูรณ์ต�่ำ เช่น ดินทราย ดินลูกรัง ควรขุดหลุมกว้าง 1 เมตร ยาว 1 เมตร และลึก 1 เมตร ส่วนในท่ีลุ่มหรือที่ท่ีดินอุดมสมบูรณ์อาจขุดหลุม ใหเ้ ลก็ กว่าน้ไี ด้ การเตรียมหลุมปลูกทด่ี ีจะช่วยให้หน่อมะพร้าวเจรญิ เตบิ โตเร็ว การขุดหลมุ ให้ขุดเอาดนิ ผิวไว้ดา้ นหนงึ่ และดินชัน้ ล่างไวอ้ ีกทางหนึง่ และควรขุดในฤดูแล้ง หลังจากขุดหลุมแล้วให้ตากดิน 7 วัน หากสามารถ หาไม้มาเผาในก้นหลุมจะช่วยป้องกันปลวกควรรองก้นหลุมด้วยกาบมะพร้าว 2 ช้ัน แล้วเอาดินช้ันบนใส่ลงไปประมาณคร่ึงหลุม จากนั้นใส่ดินผสมกับ ปุ๋ยคอก หรือผสมปุ๋ยกับดิน และกาบมะพร้าวสลับกันไปเป็นช้ันๆ ปุ๋ยคอกใส่ หลุมละ 1 ปีบ หรือ ร็อคฟอสเฟตครึ่งกิโลกรัมต่อหลุม ใส่ดินและปุ๋ยท่ี ผสมกนั แลว้ จนเตม็ หลุมและท้งิ ไวจ้ นถงึ ฤดปู ลกู ฤดูปลูก ฤดูปลูกที่เหมาะสมส�ำหรับปลูกมะพร้าว ควรเร่ิมปลูกใน ฤดฝู นหลงั จากทฝี่ นตกใหญ่แลว้ 2 ครง้ั การปลูก ควรปลูกต่�ำกว่าปากหลุม 15 เซนติเมตร แต่ในท่ีบางแห่ง ซ่ึงเป็นที่ลุ่มระดับน�้ำใต้ดินสูง ควรปลูกให้เสมอกับปากหลุมหรือสูงกว่าปากหลุม เลก็ น้อย 6 การปลูกมะพรา้ วและการควบคุมศัตรมู ะพรา้ ว
วธิ ปี ลูก น�ำหน่อมะพร้าววางลงในหลุมเอาดินกลบและเหยียบดินข้างๆ ให้แน่น การกลบดินอย่าให้สูงมากนักเพราะดินจะทับคอหน่อมะพร้าว ท�ำให้เจริญ เติบโตช้า หลังจากปลูกแล้วเกล่ียดินปากหลุมให้เรียบร้อย และเอาไม้ปัก ผูกต้นไว้กบั หลัก เพอื่ กนั ลมโยก ภาพแสดงการปลูกมะพรา้ วในทล่ี ่มุ ต้องวางระดับหนอ่ มะพร้าว ใหส้ งู กว่าหลมุ ปลูก ภาพแสดงการปลูกมะพรา้ วในทด่ี อน ตอ้ งวางระดับหนอ่ มะพรา้ ว ใหต้ ำ�่ กว่าหลุมปลกู การปลูกมะพร้าวพวกต้นเต้ียสีเหลือง หรือแดง ควรมีร่มกันแดดไว้ ตอนย้ายปลูกใหม่ๆ เพราะมะพร้าวท้ังสองชนิดไม่ทนทานต่อแดด ใบอาจไหม้ได้ เม่ือถกู แดดจัด การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศตั รูมะพร้าว 7
การใส่ปยุ๋ ตน้ มะพร้าวท่เี ร่มิ ปลูก ควรใส่ตั้งแต่มีอายุ 6 เดือน หรือใบยอดเร่ิมคล่ีออกหลังจากปลูก ใส่ปีละ 2 ครั้ง ปุ๋ยท่ีใส่อาจใช้ได้ท้ังปุ๋ยมูลสัตว์และปุ๋ยเคมี ปุ๋ยมูลสัตว์ พวกมูลวัวมูลควาย ควรใส่ต้นละ 2 ปีบต่อปี มูลเป็ดมูลไก่ควรแบ่งใส่ 2 คร้ัง คร้ังละ 1 ปีบ การใส่ปุ๋ยเคมี แบ่งใส่ทุก 6 เดือน ตอนต้นฝนช่วงเดือน พฤษภาคม หรือเดือนมิถุนายน ครั้งท่ี 2 ตอนปลายฝน ระหว่างเดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม แล้วแต่ฤดูกาลของแต่ละแห่ง ปุ๋ยเคมีที่แนะน�ำให้ใช้เป็น ปุ๋ยผสมสูตร 13 : 13 : 21 รวมกับปุ๋ยแมกนีเซียมซัลเฟต หรือหินปูนไดโลไมท์ จ�ำนวนปุ๋ยและอายุทใ่ี ชด้ ังตาราง อายุมะพร้าว ป๋ยุ ผสม ปยุ๋ หรือหินปูน 13 : 13: 21 แมกนเี ซยี มซัลเฟต ไดโลไมท์ ปี 1 (กิโลกรมั ) (กรัม) (กโิ ลกรมั ) 2 1 - - 3 2 200 2 4 หรือมากกวา่ 3 300 3 4 500 4 ส�ำหรับปุ๋ยแมกนีเซียมซัลเฟต และหินปูนไดโลไมท์ให้ใช้อย่างใด อย่างหน่ึง ถ้าใช้หินปูนไดโลไมท์ ให้หว่านก่อนใส่ปุ๋ยอย่างอื่นอย่างน้อย 1 เดอื น 8 การปลูกมะพรา้ วและการควบคุมศัตรมู ะพร้าว
วิธีใส่ปุ๋ย ก่อนใส่ปุ๋ยควร ถางโคนต้นใหเ้ ตยี น แล้วใช้ป๋ยุ โรยรอบต้น ตั้งแต่โคนตน้ ออกมาถึงรศั มี 1.5 เมตร และบริเวณใส่ปุ๋ยควรขยายออกไปทุกที วิธีใส่ปุ๋ยมูลสัตว์ ให้กับ ต้นมะพร้าว ควรขุดรางรอบต้น ให้ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร กว้าง 12 เซนติเมตร วงในห่างต้น 1 เมตร เอามูลสัตว์ที่ต้องการใส่ลงไป ในรางท่ีขุดแล้วกลบดิน อีกวิธีหนึ่งที่ นยิ มกนั คอื ขดุ เป็นหลุม กวา้ งประมาณ 30 x 30 x 30 เซนตเิ มตร ทโี่ คนต้น ห่างจากล�ำต้น 1.5 เมตร ต้นละ 3 หลมุ แล้วใส่ปุย๋ ในหลมุ ท่ขี ุด หลมุ ท่ีขดุ ใสป่ ุ๋ย เปลยี่ นทท่ี ุกปจี นรอบต้น การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศตั รูมะพรา้ ว 9
การดแู ลรกั ษาสวนมะพรา้ วท่อี อกผลแล้ว 1. การไถพรวน ไถพรวนระหว่าง แถวมะพรา้ วไมใ่ หล้ ึกเกินกว่า 20 เซนติเมตร ไถแถว เว้นแถวให้ห่างจากต้นข้างละ 2 เมตร ไถสลับกัน ทุก 2 ปี ตอนปลายฤดูแล้งรากที่อยู่ผิวดินจะแห้ง ไมด่ ูดอาหาร เม่ือถูกตัดกจ็ ะแตกใหมเ่ ม่อื ฝนตก 2. การขุดคูระบายน�้ำและการรดน�้ำ ในฤดูแล้ง ถ้ามีฝนตกมากและที่ปลูกเป็นท่ีลุ่ม น้�ำท่วมแปลงปลูก ควรขุดคูระบายน้�ำออกอย่าให้ มีน�้ำขังในแปลง ถ้าฝนแล้งนานก็จะกระทบต่อ การติดดอกออกผลดังน้ันเมื่อถึงฤดูแล้ง ถ้าท่ีใด พอจะหาน�้ำรดให้ต้นมะพร้าวได้ ก็จะท�ำให้มะพร้าว งามดี ออกผลดก ไมเ่ ห่ยี วเฉา น้ำ� ทรี่ ดตน้ ควรใชน้ ้ำ� จืด แต่น้ำ� ทะเลก็สามารถใชร้ ดได้ 10 การปลูกมะพร้าวและการควบคุมศตั รูมะพร้าว
3. การควบคุมวัชพืชในสวนมะพร้าว ในพื้นที่แล้งนาน ควรคอยถางหญ้าให้เตียน หรือใช้จอบหมุนตีดินบนหน้าดิน อย่าให้ลึกกว่า 10 เซนติเมตร หรือใช้จานพรวนระหว่างแถวมะพร้าวส่วนบริเวณที่มีฝนตก ต้องเก็บหญ้าหรือพืชคลุมไว้ แต่ก็ไม่ให้ขึ้นรกมาก จึงควรมีการตัดหญ้าหรือ ใชจ้ านพรวนลาก แต่ไม่กดให้ลึกมากเพอื่ ใหพ้ ชื คลุมดินหรือหญา้ นั้นราบลงไปบ้าง หรือการใช้สารเคมีก�ำจัดวัชพืช ในมะพร้าวต้นเล็ก ให้ใช้ไกลโฟเสทที่มีส่วนผสม ของไกลโฟเสทไพรพิลามีนซอลต์ซ่ึงไม่ท�ำลายใบมะพร้าวแต่จะช่วยให้มะพร้าว เจริญเตบิ โตดี ส่วนในมะพรา้ วทตี่ กผลแล้วไม่แนะนำ� ให้ใช้สารกำ� จัดวัชพชื 4. พืชคลุมดิน การปลูกพืชคลุมในสวนมะพร้าว เพ่ือควบคุมวัชพืช และช่วยรักษาความชื้นในดิน นอกจากนั้นพืชคลุมยังช่วยเพิ่มธาตุอาหารและ ช่วยปรับปรุงดินในสวนมะพร้าวโดยเฉพาะพืชคลุมท่ีเป็นพืชตระกูลถั่ว ช่วยเพ่ิม ธาตุไนโตรเจนพืชคลุมที่นิยมปลูกกันมากได้แก่ เพอราเลีย เซ็นโทรซีมา และ คาโลโปโกเนี่ยม การปลกู มะพรา้ วและการควบคุมศตั รมู ะพรา้ ว 11
5. ปุ๋ยอินทรีย์และพืชสด ปุ๋ยอินทรีย์มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ไมว่ า่ จะเป็นปุ๋ยคอก เชน่ ปุ๋ยมูลวัว มูลไก่ มูลหมู มูลแพะ เปน็ ต้น และปุ๋ยหมัก ต่างๆ ปุ๋ยพืชสด เช่น การปลูกพืชตระกูลถั่วระหว่างแถวมะพร้าว เช่น โสน คาร์โลโปโกเนียม เมื่อต้นเริ่มออกดอก ตัดเอาไปใส่ในร่อง ในกรณีท่ีขุดดิน เป็นร่องรอบโคนต้นหรือคลุมต้นมะพร้าว ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยพืชสดช่วยท�ำให้ ดินร่วนซุย เหมาะส�ำหรับการไชชอนของราก นอกจากน้ัน ธาตุอาหารที่มีอยู่ใน อินทรียวัตถุยัง ช่วยท�ำให้แบคทีเรียในดินท�ำงานได้ดี ซ่ึงแบคทีเรียจะช่วยเปลี่ยน ธาตอุ าหารท่ีพชื ดดู ไปใช้ไมไ่ ด้ ให้มาอยู่ในรปู ธาตุทพ่ี ืชดดู ไปเป็นอาหารไดก้ ารเพมิ่ อินทรียวัตถุให้กับดิน จึงเป็นประโยชน์ต่อต้นมะพร้าวมาก การเพ่ิมอินทรียวัตถุ ท�ำดังนี้ คือ ใส่ปุ๋ยคอก ขี้ควาย ขี้ไก่ ปุ๋ยขยะ ปุ๋ยหมัก ฝังกาบมะพร้าวหรือ จะปลกู พชื คลุมแลว้ ไถกลบ หรือเล้ยี งสัตว์ในสวนมะพรา้ วกไ็ ด้ 12 การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศตั รมู ะพร้าว
เปอรเ์ ซน็ ตธ์ าตุอาหารในปุ๋ยอนิ ทรยี ์ต่างๆ ไนโตรเจน ฟอสฟอริคแอซิค โปแตส แคลเซยี ม ข้ีวัว ขี้ควาย 1.2 0.6 1.2 - ขแี้ พะ 2.4 0.9 2.0 - ขไ้ี ก่ 1.5 6.9 2.0 - กากปลา 4.0 4.0 - - กากถ่วั 7.6 1.3 1.2 - เถ้าไม้เผา - - 1.5 4.0 เถา้ กาบมะพร้าว - - 10-20 - ต้นโครตาลาเรยี 2.3 0.5 1.5 - กระดกู ป่น 4.4 23.6 - 41.8 เลือดแห้ง - 10.5 1.2 - วัสดุเหล่าน้ี น�ำมาใช้เป็นปุ๋ยได้โดยค�ำนวณปริมาณธาตุอาหารให้เท่ากับ ท่ีแนะน�ำไว้ คือ ให้มีปริมาณไนโตรเจน 520 กรัม ฟอสฟอริคแอซิค 520 กรัม โปแตช 840 กรมั การปลูกมะพรา้ วและการควบคมุ ศตั รูมะพร้าว 13
การใส่ปุ๋ยคอก ใช้รองก้นหลุมๆ ละประมาณ 40 กิโลกรัม ถ้าใส่ ตน้ มะพร้าวใหญ่ มวี ิธีใส่ให้ 2 วธิ ี วิธที ี่ 1 หว่านลงไปบนดินแล้ว พรวนกลบหรือใช้จอบหมุนพรวน ให้ลกึ ประมาณ 10 เซนติเมตร โดยให้ใส่ตน้ ละประมาณ 50 กิโลกรัม วิธีท่ี 2 ใส่ในรางซ่ึงขุดระหว่างต้นมะพร้าวหรือรอบต้นมะพร้าว แล้ว ใส่ปยุ๋ ลงไปแลว้ กลบ ปุ๋ยท่ีใส่ควรใชป้ ุย๋ พืชสด การใสป่ ยุ๋ ควรใสต่ อนตน้ ฤดฝู น การใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยขยะควรใส่ใน รางซึ่งขุดรอบต้น ห่างต้นละประมาณ 2 เมตร แล้วใส่ปุ๋ยลงไปและกลบ การขุดรางบริเวณรอบต้น อย่าขุดให้ลึกจนตัดรากมากนัก อาจขุดเป็นหลุมๆ แลว้ ใสก่ ไ็ ด้ การใช้กาบมะพร้าวเป็นปุ๋ยเอา กาบมะพร้าวใส่ในหลุมกว้าง 1 เมตร ยาว 4 เมตร ลึก 60 เซนติเมตร แล้วกลบ การฝังกาบมะพร้าว ช่วยท�ำให้มะพร้าวออกผลดกขึ้น และช่วยสงวน ความชื้นไว้ในดินในฤดูแล้งกาบมะพร้าวนอกจาก จะใช้ฝังดินแล้ว ยังน�ำมาเผาเป็นเถ้าถ่านซึ่งมีธาตุ โปแตชถงึ ประมาณ 20 % 14 การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศัตรูมะพรา้ ว
การใช้ปุ๋ยเคมีการท่ีเราจะทราบว่าควรใส่ปุ๋ยให้กับต้นมะพร้าวหรือ อยากทราบว่าในปัจจุบันบริเวณท่ีปลูกมะพร้าวขาดธาตุอาหารอะไร วิธีการ ที่สะดวกและได้ผลดี คือ การเก็บเอาใบมะพร้าวไปวิเคราะห์โดยใช้ใบมะพร้าว ใบท่ี 14 ผลการวเิ คราะห์ใบเป็นเปอร์เซ็นต์ของธาตุตา่ งๆ คอื N, P, K, Ca, Mg น�ำมาเปรียบเทียบกับระดับมาตรฐานซ่ึงเรียกว่า ระดับวิกฤต (Critical level) ซึ่งระดับมาตรฐานของธาตุอาหารในใบมะพร้าวใบท่ี 14 ประกอบด้วย N 18, P 0.12, K 0.8-1.0, Ca 0.35, Mg 0.35, Na 0.30 การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์เพ่ือให้ได้ปริมาณธาตุอาหาร เพียงพอ ท�ำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ สามารถเพิ่มผลผลิตมะพร้าวได้อย่าง ยงั่ ยนื ความต้องการธาตุอาหารของมะพร้าว ธาตุ N, P, K, Ca, Mg และ S พบมากในส่วนของใบและผล ซ่ึงธาตุดังกล่าวจ�ำเป็นส�ำหรับมะพร้าวในการสร้าง ใบและผล และพบว่า มะพร้าว 1 ไร่ จะดูดธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรอง ประกอบด้วย N 9 กิโลกรมั , P 4.4 กโิ ลกรัม, K 5.68 กโิ ลกรัม, Ca 7.68 กิโลกรัม และ Mg 3.56 กิโลกรัม การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศตั รูมะพรา้ ว 15
ธาตอุ าหารในส่วนต่างๆของมะพรา้ ว ธาตุอาหาร ผลมะพร้าว กา้ นเกสร จน่ั ใบและหูใบ ล�ำตน้ รวม (g) (g) (g) (g) (g) 100 ไนโตรเจน (N) 43.0 4.2 3.5 4.12 8.1 100 ฟอสฟอรสั (P) 40.2 7.0 2.9 45.1 5.0 100 โพแทสเซียม (K) 63.0 12.1 2.7 12.4 9.8 100 แคลเซยี ม (Ca) 15.0 3.3 4.5 73.8 3.1 100 แมกนเี ซียม (Mg) 25.0 11.4 4.9 56.5 2.1 นอกจากธาตุอาหารหลักแล้วธาตุอาหารรองก็มีความจ�ำเป็นต่อการ เจริญเติบโตและผลผลิตของมะพร้าว แต่ต้องการในปริมาณน้อยได้แก่ Mo, Cu, B, Fe, Mn, Zn และ Cl จะขาดขาดธาตุใดธาตุหนึ่งไม่ได้ถ้าขาดท�ำให้ราก ไม่พัฒนาใบมีสเี หลอื ง นำ้� หนักเน้อื มะพรา้ วแห้งและนำ้� มันลดลง ความตอ้ งการธาตุอาหารและธาตอุ าหารรองในมะพรา้ วอายุมากต่อปี ธาตอุ าหารหลกั กโิ ลกรัม (kg) ธาตุอาหารรอง กรมั (g) 13 – 13 – 21 4 แคลเซียมซัลเฟต 200 (N – P – K) เฟอรัสซัลเฟต 150 แมกนเี ซยี มซลั เฟต 300 แมงกานีสซัลเฟต 100 ซิงค์ซัลเฟต 100 โบแรกซ์ 150 16 การปลูกมะพร้าวและการควบคมุ ศัตรูมะพร้าว
การเพิ่มผลผลิตมะพรา้ วโดยใชเ้ กลือแกง เกลือแกง (NaCl) คุณสมบัตขิ องเกลือแกงต่อมะพร้าว 1. มีราคาถกู เมื่อเทยี บกบั ปุ๋ยมะพร้าวชนดิ อ่นื ๆ 2. สะดวกในการใช้ 3. ชว่ ยเร่งการเจริญเตบิ โตและพัฒนาการดา้ นการเจรญิ เติบโต 4. เพมิ่ ความหนาของเน้อื มะพร้าว และเพิ่มน้�ำหนกั เน้อื มะพรา้ วแห้ง 5. เพิม่ จำ� นวนผลต่อต้น 6. ทำ� ใหม้ ะพรา้ วทนทานตอ่ ความแหง้ แลง้ และตา้ นทานตอ่ โรคและแมลง ลดการเข้าทำ� ลายของโรคใบจดุ ในแปลงเพาะชำ� การใส่เกลือแกงแนะน�ำให้ใส่ตามอายุมะพร้าว ในอัตราต่างๆ กัน โดย แบ่งใส่ 2 ครัง้ ต่อปี คอื ตน้ ฤดูฝน และก่อนสน้ิ ฤดูฝน อายุของมะพร้าว (ป)ี อัตราการใหเ้ กลอื แกง (กรัม /ตน้ /ปี) 6 เดอื นหลังปลกู 150 1 500 2 750 3 1,100 4 1,300 1,500 5 ปีขน้ึ ไป ผลของการใส่เกลือแกงอัตรา 1,500 กรัมต่อต้นต่อปี สามารถเพ่ิม ผลผลิตมะพรา้ วได้ถึง 125 % คอื ใหผ้ ลผลิตมะพร้าว 1,600 ผลตอ่ ไรต่ ่อปี สว่ น การไมใ่ ส่เกลอื แกง ให้ผลผลติ เพยี ง 544 ผลต่อไรต่ อ่ ปี การปลูกมะพรา้ วและการควบคุมศัตรมู ะพรา้ ว 17
สาเหตทุ ี่มะพร้าวไมต่ ิดผลในช่วงฤดฝู น เกิดจากเม่ือดอกตัวผู้แตกออก ละอองเกสร ตัวผู้จะฟุ้งกระจายประมาณ 2 – 3 ช่ัวโมง ส่วน ดอกตัวเมียพร้อมที่จะผสมพันธุ์นาน 73 ชั่วโมง ในช่วงท่ีฝนตกชุกก่อให้เกิดการชะล้างละอองเกสร ตัวผู้ ประกอบกับแมลงไม่ออกมาหาอาหาร การ ปฏสิ นธิ จงึ ไมเ่ กดิ ข้นึ ท�ำใหท้ ลายมะพรา้ วตดิ ผลน้อย 2 – 3 ผลตอ่ ทลาย หรือไมต่ ดิ ผลเลย การแก้ปัญหามะพร้าวไม่ติดผล ควรมีการ เล้ียงผึ้งในสวนมะพร้าวเพราะผึ้งจะออกมาหา น้�ำหวานจากดอกมะพร้าวในช่วงท่ีฝนหยุดตกแล้ว น�ำละอองเกสรตัวผู้ไปผสมกับดอกตัวเมีย ท�ำให้ ผลผลิตมะพร้าวเพ่ิมข้ึน 46 - 56 % นอกจากน้ัน ยังมีแมลงอ่ืนๆ ท่ีช่วยในการผสมเกสรคือ ต่อ แตน มดดำ� เปน็ ตน้ การตดั ทางใบ จะท�ำในมะพร้าวท่ีอายุไม่เกิน 30 ปี สูงไม่เกิน 12 เมตร มีใบบนต้น 30 - 36 ทาง ซ่ึงทางมะพร้าว 6 - 8 ทาง ท่ีอยู่ล่างสุดเป็นใบแก่เกินไปและมี ประโยชน์น้อยต่อต้นมะพร้าว การตัดทางมะพร้าวที่แก่มากท่ีสุด 10 - 12 ทาง จะท�ำให้ทางมะพร้าวท่ียังอ่อนกว่าได้รับธาตุอาหารและความช้ืนมากขึ้น ในพ้ืนที่ ที่มะพร้าวกระทบแล้ง การตัดทางใบมะพร้าวท่ีแก่ออกจะช่วยให้สงวนน้�ำที่มีอยู่ จ�ำกัดไว้ให้ทางที่อ่อนกว่าได้ใช้ประโยชน์ ทางมะพร้าวที่แก่มากจะคายน�้ำได้ เร็วกว่าทางมะพร้าวที่อ่อน การตัดทางที่แก่ออกจะช่วยลดการคายน�้ำลงได้ 25 – 50 % ในพื้นที่ที่มีช่วงแล้งนาน 3 - 6 เดือน และมีฝนตกน้อยกว่า 100 มิลลิเมตร การตัดทางมะพร้าว พร้อมการเก็บเก่ียวมะพร้าวก่อนถึงฤดูแล้ง 18 การปลูกมะพรา้ วและการควบคมุ ศัตรูมะพรา้ ว
จะช่วยให้เกิดผลกระทบต่อการติดผลน้อยลง ในกรณีท่ีเกิดการระบาดของศัตรู มะพร้าวกับทางมะพร้าวท่ีอยู่ล่างๆ ท่ีแก่แล้ว การตัดทางมะพร้าวท่ีถูกแมลง ท�ำลาย เป็นการควบคุมด้วยมาตรการทางวิธีกลซึ่งไม่มีผลกระทบต่อกิจกรรม ทางสรรี วิทยาของมะพรา้ ว ผลการตัดทางมะพร้าว การตัดทางมะพร้าวใหเ้ หลอื 13 ทางทกุ 45 วนั เป็นเวลา 3 ปี ในปีที่ 1 ไม่กระทบต่อผลผลิตมะพร้าว ปีที่ 2 ผลผลิตมะพร้าวลดลง 29 % และปีท่ี 3 ผลผลิตจะลดลงนอ้ ยกว่าปีที่ 2 เพียง 20 % การตัดทางมะพร้าวให้เหลือ 18 ทางทุก 45 วัน นานกว่า 3 ปี ใน ปที ่ี 1 - 3 ให้ผลผลิตท่เี หมาะสม หลังปีท่ี 3 จะท�ำใหจ้ ำ� นวนผลและผลผลติ ลดลง 20 – 25 % แต่ขนาดผลหรอื เนือ้ มะพรา้ วตอ่ ผลจะมีแนวโนม้ สงู ขึน้ 10 – 15 % การตัดทางมะพร้าวให้เหลือ 23 ทางทุก 45 วัน ไม่กระทบต่อผลผลิต ของมะพรา้ ว การปลูกมะพร้าวและการควบคุมศตั รูมะพร้าว 19
ศัตรูมะพรา้ วและการป้องกันก�ำจดั โรคมะพรา้ วที่ส�ำคญั 1. โรคผลร่วง (Immature nut fall) เกดิ เชื้อรา Phytophthora palmivora ผลมะพร้าวจะร่วงก่อนก�ำหนด อายุของมะพร้าวที่ร่วงต้ังแต่ 3 - 9 เดือน ผลมะพรา้ วท่ีเก็บเกี่ยวได้อายุ 12 เดอื น ดังนนั้ ผลมะพร้าวทีร่ ่วงจึงออ่ น เกนิ กวา่ ทจี่ ะน�ำมาใชป้ ระโยชน์ เป็นมากกับมะพรา้ วพนั ธมุ์ ลายสู ีเหลอื งต้นเตี้ย การปอ้ งกนั กำ� จดั สภาพท่ีจะเกิดโรคผลร่วงระบาด คือ มะพร้าวมีผลดกมาก และ ฝนตกชุกติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ให้หมั่นตรวจเช็คผลมะพร้าว โดยวิธีการ สุ่มขึ้นไปดูบนต้น ถ้าพบมะพร้าวท่ีเป็นโรคให้ตัดออก และน�ำผลไปเผาท้ิง นอกแปลงมะพรา้ วทันที 2. โรคใบจุด (helminthosporium leaf spot) เกิดจาก เช้ือรา Heiminthosporium sp. ท�ำความเสียหายให้แก่มะพร้าวใน ระยะต้นกล้ามากและลุกลามอย่าง รวดเร็ว การปอ้ งกนั กำ� จัด พ่นด้วยสารป้องกันก�ำจัด โรคพืช เช่น thiram อัตรา 50 กรัม ต่อน�้ำ 2 ลิตร ผสมสารจับใบลงไป 15 ซีซี. พ่นทุก 10 – 14 วัน นอกจากน้ียังมีโรคอื่นๆ เช่น โรคตาเน่า โรคโคนผุ โรคใบจุดสีเทา โรคก้านทางแตก โรครากเน่า โรคเรื้อนดิน เป็นต้น โรคดังกล่าวน้ีแม้ว่าจะพบในแหล่งปลูกมะพร้าว แต่ไม่ท�ำความเสียหายให้กับ มะพรา้ วมาก 20 การปลกู มะพรา้ วและการควบคุมศตั รูมะพรา้ ว
3. โรคยอดเน่า (heart leaf rot) เกิดจากเชือ้ รา Pythium sp. มักเกิดกับมะพร้าวพันธุ์ท่ีน�ำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น พันธุ์มลายูสีเหลืองต้นเต้ีย โรคนมี้ กั พบในระยะต้นกลา้ ในสภาพทมี่ ฝี นตกชุก และอากาศมีความชื้นสงู การปอ้ งกันกำ� จดั ในการย้ายต้นกล้าพยายามอย่าให้หน่อช้�ำ เพราะโรคอาจจะเข้า ท�ำลายได้ง่าย หากพบอาการของโรคในระยะแรกให้ตัดส่วนที่เป็นโรคออก แล้วพ่นด้วยสารป้องกนั และก�ำจัดเชอื้ ราทมี่ สี ารประกอบทองแดง ซง่ึ ส่วนตน้ กลา้ หรอื สว่ นท่ีถูกโรคทำ� ลายให้เผาท�ำลายใหห้ มดเพ่ือป้องกันกนั แพร่ระบาดต่อไป 4. โรคเอือนกิน เป็นโรคท่ีเกิดกับผลมะพร้าวซ่ึงยังไม่ทราบสาเหตุ ท่ีแน่นอน ลักษณะของผลภายนอกปกติ แต่เนื้อมะพร้าวจะมีลักษณะฟ่าม หนาประมาณ 2 เซนติเมตร ยุบงา่ ยเน้อื มะพรา้ วหนาไม่เทา่ กนั บางแหง่ ไม่มีเนอื้ มีแต่กะลา ผิวของเน้ือขรุขระ สันนิษฐานว่า อาจเกิดจากสภาพแวดล้อม ไม่เหมาะสม ในขณะท่ีมะพร้าวเร่ิมสร้างเนื้อ เช่น กระทบแล้ง เนื่องจากยัง ไม่ทราบสาเหตทุ ่ีแน่นอน จงึ ไมม่ ีวธิ ีการท่จี ะปอ้ งกันกำ� จดั ทไ่ี ดผ้ ล การปลูกมะพร้าวและการควบคมุ ศัตรูมะพรา้ ว 21
แมลงศัตรมู ะพรา้ วทสี่ �ำคญั 1. ด้วงแรด (rhinoceros beetle) ชื่อวิทยาศาสตร์ Oryctes rhinoceros Linnaeus เป็นศัตรูท่ีส�ำคัญร้ายแรงส�ำหรับมะพร้าวมาก ด้วงแรด มี 2 ชนิด คือ ชนดิ เลก็ และชนดิ ใหญ่ ตัวเตม็ วยั ด้วงแรด อาการทีถ่ กู ท�ำลาย การปอ้ งกนั ก�ำจัด 1. ท�ำความสะอาดบริเวณสวนมะพร้าว ก�ำจัดแหล่งขยายพันธุ์ เช่น กองปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก กองขยะ กองข้ีเลื่อย แกลบ หรือต้องคอยหมั่นกลับ เพือ่ ตรวจดหู นอนทด่ี ้วงวางไข่ไว้ ตรวจพบใหจ้ บั ท�ำลายหรอื เผากองขยะนั้นเสีย 2. ใช้เชื้อราเขียวเมตาไรเซียม (Metarrhizium anisopliae) ใส่ไว้ตามกองขยะ กองปุ๋ยคอก หรือ ทอ่ นมะพรา้ วทห่ี นอนดว้ งแรดอาศยั อยู่ เช้ือราจะแพร่กระจายและสามารถ ทำ� ลายดว้ งแรดได้ หนอนด้วงแรดถูกเช้อื ราเขยี ว เมตาไรเซยี มทำ� ลาย 22 การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศัตรูมะพรา้ ว
2. ด้วงงวงมะพร้าว มี ตวั เตม็ วยั ดว้ งงวงมะพร้าว 2 ชนิด คือ ชนิดเล็ก และชนิดใหญ่ ด้วงงวงชนิดเล็กพบแพร่ระบาดอยู่ ทั่วไปทุกภาคของประเทศ ส่วนชนิด ใหญ่พบในแหล่งปลูกมะพร้าวทาง ภาคใต้ วงจรชีวิตจากไข่จนเป็นตัว เต็มวัยใชเ้ วลา 2 - 4 เดอื น การป้องกันก�ำจดั 1. หมั่นตรวจดูในแปลง มะพร้าว หากเริ่มมีการเข้าทำ� ลายของ ด้วงงวงเป็นจุดแรกและต้นมะพร้าว อยู่ในลักษณะทรุดโทรมมาก ตรวจดู และท�ำลายแหล่งที่อยู่อาศัยรวมท้ัง จับด้วงงวงท่ีพบท�ำลายให้หมดส้ินไป อาการท่ถี กู ท�ำลาย จากสวนมะพร้าว ก่อนท่จี ะมกี ารแพร่ลกู หลานต่อไป 2. การเกิดบาดแผลกับต้นมะพร้าว จะเป็นส่ิงชักจูงให้ด้วงงวง เข้ามาท�ำลายต้นมะพร้าว ซึ่งบาดแผลต่างๆ อาจเกิดจากการเข้าท�ำลายของ ด้วงแรด หรือเกิดจากรอยแผลทท่ี ำ� ขึน้ โดยไมต่ ง้ั ใจ ซง่ึ จะเปน็ ท่ีอาศัยและขยายพนั ธ์ุ ของด้วงงวงต่อไป 3. เม่ือพบว่ามีการระบาดและต้นมะพร้าวถูกท�ำลายมากควรใช้ สารเคมกี ำ� จดั แมลงประเภทดูดซมึ เช่น คลอร์ไพรฟี อส ฉดี เขา้ ล�ำตน้ มะพร้าวโดย ใช้สว่านเจาะเป็นรูบริเวณโคนต้นให้ลึกประมาณ 10 - 15 เซนติเมตร แล้วจึง ใช้เข้มฉีดยาที่มีสารเคมีก�ำจัดแมลงเข้มข้นปริมาณ 10 – 20 ซีซี ฉีดสารเคมี ก�ำจัดแมลงเข้าไปในล�ำต้น หลังจากน้ันใช้ไม้อุดรูท่ีเจาะนั้นเพ่ือป้องกันการ เข้าท�ำลายของด้วงงวงและแมลงชนิดอื่นหลังจากหมดฤทธ์ิของสารเคมีก�ำจัด แมลงแล้ว (ปรับปริมาณการใช้สารเคมีก�ำจัดแมลงจะมากน้อยแตกต่างกัน ตามขนาดของตน้ มะพร้าวแต่ไมค่ วรเกิน 30 ซซี )ี การปลูกมะพร้าวและการควบคุมศัตรมู ะพร้าว 23
3. แมลงด�ำหนามมะพร้าว เป็นด้วงชนิดหน่ึงล�ำตัวแบนสีด�ำ มี 2 ชนิด คือ Plesispa reichei Chapuis พบในแปลงเพาะช�ำ และ Brontispa longissima Gastro ท�ำลายมะพร้าวในแปลงปลูก แมลง ด�ำหนามมะพร้าวเป็นศัตรูพืชต่างถ่ิน มีถิ่นก�ำเนิดในประเทศอินโดนีเซีย ตัวเต็มวัยแมลงดำ� หนามมะพรา้ ว และปาปัวนิวกินี แพร่กระจายเข้ามา ในประเทศไทยโดยพบระบาดรุนแรงใน ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ชุมพร และนครศรีธรรมราช ต้ังแต่ปี 2547 เน่ืองจากมะพร้าวส่วนใหญ่มีล�ำต้นสูง แมลงด�ำหนามมะพร้าวท�ำลายมะพร้าว โดยท้ังตัวเต็มวัยและตัวอ่อนอาศัยอยู่ ในใบอ่อนท่ียังไม่คลี่ของมะพร้าวและแทะกินผิวใบ แมลงด�ำหนามเพศเมีย เม่ือได้รับการผสมพันธุ์แล้วจะวางไข่เป็นฟองเดี่ยว หรือเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2 - 5 ฟอง ระยะไข่ 2 - 6 วัน เมือ่ เลยี้ งด้วยใบอ่อนมะพร้าว ระยะหนอน 23 - 34 วนั มีการลอกคราบ 4 - 5 คร้ัง ระยะดักแด้ 2 - 7 วัน ตัวเต็มวัยเพศเมียมีอายุ 13 - 134 วัน เพศผู้มอี ายุ 21 - 110 วนั 24 การปลูกมะพร้าวและการควบคุมศัตรูมะพร้าว
การป้องกันก�ำจัด การพ่นสารเคมีก�ำจัด แมลง เพื่อควบคุมแมลงด�ำหนาม มะพร้าวท�ำได้ยากและไม่ปลอดภัย ต่อเกษตรกรและสภาพแวดล้อม กรมวิชาการเกษตรจึงน�ำเข้าแตน เบยี นหนอนแมลงดำ� หนามมะพร้าว ชอ่ื Asecodes hispinarum จากเวียดนาม เข้ามาใช้ควบคุมโดยชีววิธี โดยความช่วยเหลือ จากองค์การอาหารและเกษตรแห่ง สหประชาชาติ และมหาวิทยาลัย ลงนามในประเทศเวยี ดนาม ใบมะพร้าว ที่ถูกท�ำลายเม่ือใบคลี่กางออกจะมีสี นำ้� ตาลออ่ น หากใบมะพรา้ วถกู ทำ� ลาย ติดต่อกันเป็นเวลานานจะท�ำให้ยอด มะพร้าวมีสีน้�ำตาล เมื่อมองไกลๆ อาการมะพร้าวหัวหงอก จะเห็นเป็นสีขาวโพลน ชาวบ้าน เรียกว่า “มะพร้าวหัวหงอก” นอกจากน้ัน ยังมีแตนเบียนที่เบียนดักแด้ของ แมลงด�ำหนาม ชื่อ Tetratichus brontispae ในช่วงฤดูร้อนได้ดี ซ่ึงเป็น แตนเบียนทีพ่ บในประเทศไทย แตนเบียนหนอนแมลงด�ำหนามมะพร้าวเป็นแตนเบียนขนาดเล็ก จัดอยู่ในวงศ์ Eulophidae ล�ำตัวยาว 0.5 - 0.7 มิลลิเมตร มีปีกใส 2 คู่ การท�ำลายเกิดจากการใช้อวัยวะวางไข่แทงเข้าไปวางไข่ในล�ำตัวหนอน แมลงด�ำหนาม ไข่ฟักเป็นตัวหนอน ตัวหนอนจะดูดกินของเหลวภายใน ลำ� ตวั หนอนแมลงดำ� หนาม ท�ำให้แมลงด�ำหนามมะพร้าวเคลอื่ นไหวช้า กนิ อาหาร น้อยลงและตายในท่ีสุด จึงต้องเพาะเล้ียงแตนเบียนเป็นปริมาณมากและน�ำ ปล่อยในสวนมะพรา้ ว การปลกู มะพรา้ วและการควบคมุ ศตั รมู ะพร้าว 25
การเพาะเล้ียงแตนเบยี นหนอน Asecodes hispinarum แบง่ เป็น 2 ขน้ั ตอน ได้แก่ • 1. การเพาะเล้ยี งหนอน Asecodes hispinarum เลี้ยงหนอนแมลงด�ำหนามมะพร้าวในกล่องพลาสติกขนาด •15 x 10 x 6 เซนตเิ มตร ไม่ต้องมฝี าปดิ เล้ียงตัวเต็มวัยแมลงด�ำหนามมะพร้าวในกล่องพลาสติกพร้อมฝา ปิดสนิทขนาด 30 x 22 x 9 เซนติเมตร ท่ฝี าเจาะเปน็ ชอ่ งบดุ ว้ ยผา้ ตาข่าย ปอ้ งกนั •แมลงออกจากกลอ่ ง ตดั ใบมะพรา้ วแกเ่ ปน็ ชนิ้ ยาว 10 x 12 เซนติเมตร 25 - 30 ช้นิ •นำ� มาเรียงซอ้ น มดั รวมกนั ดว้ ยหนังยาง เก็บแมลงด�ำหนามมะพร้าวจากต้นที่ถูกท�ำลาย มาคัดแยก ตัวเต็มวัยและหนอน โดยแยกเล้ียงในกล่องท่ีเตรียมไว้ ส�ำหรับดักแด้เก็บใน •กล่องเลย้ี งหนอนรอให้ออกเปน็ ตวั เต็มวัยแล้วจงึ เลย้ี งตอ่ ไป เก็บไข่แมลงด�ำหนามมะพร้าวออกจากล่องเล้ียงตัวเต็มวัยทุก 2 - 3 วัน น�ำไข่มาโรยใส่ระหว่างใบมะพร้าวที่ซ้อนมัดไว้ รอให้หนอนฟักออก •จากไข่ 3 - 4 วนั เม่ือหนอนฟัก เข่ียหนอนประมาณ 300 ตัว ใส่ในกล่องท่ีมี ใบมะพร้าวมดั ซอ้ นไว้ เกบ็ บนชน้ั เล้ียงแมลง เปลี่ยนใบมะพรา้ วทกุ 5 - 7 วัน หรอื •เม่อื ใบเป็นสีน�ำ้ ตาล เลีย้ งหนอนประมาณ 15 - 17 วัน จะ ไดห้ นอนวัย 4 ขนาดยาวประมาณ 1 เซนตเิ มตร เหมาะส�ำหรับน�ำไปเลี้ยงแตนเบียนหนอน แมลงด�ำหนามมะพรา้ ว 26 การปลูกมะพรา้ วและการควบคุมศัตรูมะพร้าว
• 2. การเพาะเล้ยี งแตนเบยี นหนอน Asecodes hispinarum คัดแยกมัมมี่ที่แตนเบียนเจาะออกมาแล้วทิ้งไว้ 2 – 3 ชั่วโมง •ส�ำหรับใชเ้ บียนรุ่นใหม่ คัดเลือกหนอนแมลงด�ำหนามมะพร้าววัย 4 จ�ำนวน 80 ตัว นำ� ใสก่ ล่องทม่ี ีใบมะพรา้ ว 3 - 4 ช้ิน ด้านขา้ งกลอ่ งแปะกระดาษชบุ น�ำ้ ผง้ึ เข้มข้น •20 % ไว้เพอ่ื เป็นอาหารของแตนเบยี น จากนัน้ ปลอ่ ยพ่อแม่พนั ธ์ุลงในกลอ่ ง แตนเบียนจะลงท�ำลายหนอนทันทีที่ปล่อยลงในกล่อง น�ำกล่อง •วางบนชนั้ เลีย้ งแมลง 3 - 4 วัน ย้ายหนอนแมลงด�ำหนามมะพร้าวที่ถูกเบียนแล้ว 4 - 5 กล่อง มาเล้ียงรวมกันในกล่องใหม่ใส่ใบมะพร้าวที่เรียงซ้อนและมัดรวมกันไว้ เพ่ือ เป็นอาหารของหนอนท่ีถูกเบียนแล้วแต่ยังไม่ตาย หนอนที่ถูกเบียนจะเร่ิมตาย •และกลายเป็นมัมม่ีภายใน 7 - 10 วัน หลงั จากถูกเบียน คดั แยกหนอนทก่ี ลายเปน็ มมั มแ่ี ลว้ ออกจากกลอ่ งทกุ วนั จดบนั ทกึ •วนั ทเ่ี กบ็ มมั ม่ี แบ่งมัมม่ีเป็น 2 ส่วน ส่วนท่ี 1 ประมาณ 10 % น�ำไปใช้เป็น พ่อแม่พันธุ์ โดยแยกเก็บมัมมี่ในหลอดพลาสติกมีฝาปิดสนิท หลอดละ 2 มัมมี่ สว่ นทีเ่ หลือ 90 % น�ำไปปลอ่ ยเพ่อื ควบคุมแมลงด�ำหนามมะพร้าวในสวนมะพรา้ ว การปลกู มะพร้าวและการควบคมุ ศตั รมู ะพรา้ ว 27
การปลอ่ ยแตนเบียนหนอนแมลงดำ� หนามมะพรา้ ว • อุปกรณ์การปล่อยแตนเบียน: มีความส�ำคัญมากการออกแบบ ควรยึดหลักป้องกันฝนได้ ป้องกันส่ิงมีชีวิตอ่ืนๆ ท่ีจะมากินหรือท�ำลายมัมม่ี เชน่ มด ราคาถูกและหาง่าย • แขวนอุปกรณ์การปล่อยแตนเบียน: ให้แขวนอุปกรณ์ปล่อย แมลงด�ำหนามกับต้นมะพร้าวท่ีถูกท�ำลาย หากต้นมะพร้าวมีขนาดสูงหรือ แขวนไว้กับต้นมะพร้าวต้นเล็กท่ีอยู่ใกล้เคียง หรือชายคาบ้านท่ีอยู่ภายใน หรือ •ใกลส้ วนมะพรา้ ว เก็บมัมม่ีอายุ 7 – 9 วัน จ�ำนวน 5 มัมม่ี ใส่ในหลอดพลาสติก มฝี าปิดปอ้ งกันมดหรือสตั วอ์ น่ื ท�ำลายมัมม่ี ดา้ นข้างหลอดเจาะ 3 - 4 รู ดา้ นลา่ ง •เจาะ 1 รู เพื่อระบายนำ้� ทฝี่ าเจาะ 1 รู เพ่ือรอ้ ยเชอื กส�ำหรับแขวน นำ� ไปแขวนให้ใกลย้ อดมะพรา้ วมากทีส่ ดุ ปล่อยไรล่ ะ 5 – 10 มัมมี่ ปลอ่ ย 3 - 5 คร้งั ห่างกนั 7 - 10 วนั หากสามารถเพาะเลย้ี งและปลอ่ ยไดม้ าก •จะเห็นผลการควบคุมได้เรว็ ยิ่งขน้ึ เมื่อสามารถควบคุมแมลงด�ำหนามมะพรา้ วได้แล้ว ให้ปล่อยเพ่ิมเติม เป็นระยะๆ 5 - 6 คร้งั เพือ่ ปอ้ งกนั การกลบั มาระบาดใหม่ 28 การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศัตรูมะพรา้ ว
แตนเบียนดักแด้ Tetrastichus brontispae แตนเบียนดักแด้แมลงดำ� หนามมะพร้าว มชี อื่ วิทยาศาสตรว์ า่ Tetrastichus brontispae จัดเป็นแตนเบียนท้องถ่ินทางภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย มีบทบาทท่ีส�ำคัญมากในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง สามารถส�ำรวจพบแตนเบียน ชนิดน้ีได้ทั่วไปในสวนมะพร้าวที่มีแมลงด�ำหนามมะพร้าวเข้าท�ำลาย โดยแตนเบียน ชนิดนชี้ ว่ ยในการควบคุมการระบาดของแมลงด�ำหนามมะพรา้ วไดเ้ ป็นอย่างดี ตัวเตม็ วัย เป็นแตนสีด�ำ ขนาดเลก็ ขนาดลำ� ตวั ยาว 1.00 - 1.24 มิลลเิ มตร และความยาวปกี 0.79 - 0.90 มิลลิเมตร เพศเมยี จะมขี นาดใหญก่ ว่าเพศผู้ ไข่ มีสีขาวเปลือกใส ภายในเป็นสีขาวขุ่น ลักษณะคล้ายทรงกระบอก แตค่ วามกว้างไม่เท่ากัน หนอน มีลักษณะคล้ายทรงกระบอก ส่วนปลายท้องค่อนข้างแหลม กวา่ ส่วนหัว หนอนมสี ีขาวใส ภายในลำ� ตัวเห็นเป็นสีเหลืองออ่ น และจะมีสเี หลอื ง เขม้ ข้ึนเมื่อมอี ายุมากข้ึน หนอนจะหดตวั สน้ั ลงเม่ือจะเข้าดกั แด้ ดกั แด้ ลกั ษณะลำ� ตวั สขี าวเม่อื เรมิ่ แรกและพฒั นาเป็นสีดำ� ในทีส่ ุด แตนเบียนดักแด้ Tetrastichus brontispae มรี ะยะไข่ 1 - 2 วัน ระยะ หนอน 6 - 8 วนั และระยะดกั แด้ 10 - 13 วัน รวมวงจรชวี ติ 18 - 22 วนั เพศเมีย 1 ตัว สามารถเข้าท�ำลายแมลงด�ำหนามมะพร้าวได้ 1 - 4 ตัว และสามารถผลิต แตนเบียนได้ 11 – 57 ตัว เพศเมียท่ีผสมพันธุ์แล้วจะใช้อวัยวะวางไข่แทงเข้าไป วางไข่ในล�ำตัวของแมลงด�ำหนามมะพร้าวในระยะหนอนวัย 4 ก่อนเข้าดักแด้ หรอื ดกั แด้ ซึ่งจะชอบเบียนระยะดกั แด้มากทสี่ ดุ หนอนของแตนเบียนฟกั ออกจาก ไข่ ดูดกินของเหลว เจริญเติบโตอยู่ภายในล�ำตัวแมลงด�ำหนามมะพร้าว ภายหลัง จากถูกเบียนประมาณ 8 วัน แมลงด�ำหนามมะพร้าวจะมีลักษณะล�ำตัวแข็งกลาย เป็นสีน�้ำตาลและจะเขม้ มากขึ้นเรียกว่า “มัมมี่” เม่อื แตนเบยี นเจริญเปน็ ตัวเต็มวัย จะใช้ปากกัดผนังมัมมี่ออกมาภายนอก สามารถจับคู่ผสมพันธุ์ได้ทันทีภายหลัง ผสมพนั ธ์ุแตนเบยี นเพศเมยี สามารถเขา้ เบยี นแมลงด�ำหนามมะพรา้ วไดท้ นั ที การปลูกมะพร้าวและการควบคุมศัตรมู ะพรา้ ว 29
การเพาะเลีย้ งแตนเบียนดกั แด้ Tetrastichus brontispae 1. การเพาะเลี้ยงดักแด้ แมลงด�ำหนามมะพร้าว ใช้วิธีการ เช่นเดียวกับการเล้ียงหนอนแมลงด�ำหนาม มะพร้าว แต่เล้ียงจนถึงระยะดักแด้ และเก็บรวบรวมดักแด้แมลงด�ำหนาม มะพร้าว น�ำไปเลยี้ งแตนเบียน 2. การเพาะเลี้ยงแตน เ บี ย น ดั ก แ ด ้ แ ม ล ง ด� ำ ห น า ม สามารถทำ� ได้ 2 วธิ ี คอื วิธที ่ี 1 1. เตรยี ม “มมั ม”ี่ พอ่ แม่ พันธุ์แตนเบียนดักแด้ Tetrastichus brontispae ใส่ในกล่องพลาสติก เป็นปริมาณมากหรือเท่าท่ีมีปล่อยให้ แตนเบียนออกเป็นตัวเต็มวัยทิ้งไว้ ให้ผสมพันธ์ุ 1 วนั 2. เตรียม “กล่องเบยี น” โดยใช้กล่องพลาสติกส่ีเหลี่ยมขนาด 9.5 x 14 x 6 เซนติเมตร ที่มีฝา ปิดสนิทบนฝาตัดเป็นช่องส่ีเหล่ียมขนาดประมาณ 4 x 8 เซนติเมตร บุช่องเปิดด้วยผ้าขาวเน้ือละเอียดเพ่ือให้อากาศภายในกล่องถ่ายเทได้ให้น้�ำผึ้ง 20 % เปน็ อาหารส�ำหรับแตนเบียนตัวเตม็ วัย โดยใชพ้ กู่ นั ชุบน�ำ้ ผงึ้ ทาบนกระดาษ ทิชชูชนิดหนาตัดเป็นแผ่นส่ีเหลี่ยมขนาด 2 x 6 เซนติเมตร กดให้กระดาษทิชชู ตดิ กบั กลอ่ งด้านข้าง 30 การปลกู มะพรา้ วและการควบคุมศตั รมู ะพรา้ ว
วิธที ่ี 2 1. เตรียมมัมมี่พ่อแม่พันธุ์แตนเบียนใส่ใน “ถ้วยเบียน” โดยใช้ ถ้วยพลาสตกิ ขนาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 4.5 เซนตเิ มตร สงู 4 เซนติเมตร จ�ำนวน 4 - 8 มัมมี่ ปลอ่ ยให้แตนเบียนออกเปน็ ตวั เตม็ วัยทิ้งไว้ใหผ้ สมพันธุ์ 1 วัน 2. เลือกดักแด้แมลงด�ำหนามมะพร้าวจ�ำนวน 100 ตัว ใส่ลงใน “ถ้วยเบียน” ที่เตรียมพ่อแม่พันธุ์แตนเบียนไว้เรียบร้อยแล้วใส่ใบมะพรา้ ว ตัดให้มี ขนาดยาวประมาณ 3 เซนตเิ มตร จำ� นวน 1 - 2 ชิ้น ปดิ ฝา 3. ปล่อยทง้ิ ไวป้ ระมาณ 10 วนั เพือ่ ให้แตนเบียนเข้าเบียนดักแด้ 4. ดักแด้ถูกเบียนจะทยอยตายและกลายเป็นมัมม่ีหลังจากให้เบียน แล้ว 10 วัน คัดแยกดักแด้ที่ตายและแห้งแข็งเป็นมัมม่ีสีด�ำหรือน�้ำตาลออกจาก แต่ละกล่อง และน�ำไปเก็บรวมไว้ในกล่องพลาสติกส่ีเหลี่ยมมีฝาปิดสนิท รองพื้น กล่องด้วยกระดาษทิชชู หากพบดักแด้ท่ีตายจากเชื้อราหรือเน่าตายให้รีบเก็บ แยกออกจากกลอ่ งทนั ที เพ่อื ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ดกั แด้ท่เี หลอื ตดิ โรคตาย 5. นำ� “มมั ม”ี่ อายปุ ระมาณ 17 วัน ชุบสารละลาย Clorox 10 % และผ่ึงให้แห้งสนิทก่อนน�ำใส่ลงในถ้วยพลาสติกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.5 เซนติเมตร สูง 4 เซนติเมตร ท่ีมีฝาปิดพร้อมท่ีจะน�ำไปปล่อยหรือทิ้งไว้ แตนเบียนก็จะเรม่ิ เจาะออกจาก “มมั ม”ี่ หลงั จากถกู เบียนประมาณ18 - 21 วัน ขึน้ กับสภาพอณุ หภมู ิ 6. แตนเบียนเพศผู้จะเจาะออกจากมัมม่ีก่อนแตนเบียนเพศเมีย และจะเข้าผสมพันธุ์ทันทีที่เพศเมียเจาะออกจาก “มัมม่ี” น�ำแตนเบียนท่ีเจาะ ออกจากมัมมไี่ ปขยายพนั ธตุ์ ่อไป โดยกระบวนการต้ังแต่ข้อ 1 – 6 จะสามารถเพาะเล้ียงแตนเบียน T. brontispae ได้มากเพียงพอที่จะน�ำออกปล่อยในภาคสนามเพื่อช่วยเพ่ิม การควบคุมแมลงด�ำหนามมะพร้าวโดยชวี วิธหี รอื ใช้ร่วมกบั วิธีการอ่ืนๆ การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศตั รูมะพรา้ ว 31
การปล่อยแตนเบยี น น�ำมมั มี่อายุ 17 วนั หลงั จากเบียน จำ� นวน 5 - 10 มัมมี่ ใสห่ ลอดพลาสติก ท่ีเจาะรูด้านข้างส�ำหรับให้แตนออก และท่ีฝาปิดเจาะรูด้านบนร้อยด้วยเชือก หรือลวดเพื่อน�ำไปแขวนที่บริเวณสวนมะพร้าวท่ีมีการท�ำลายของแมลงด�ำหนาม มะพรา้ ว ทาจารบีท่ีเชอื กเพือ่ ป้องกนั มด ถา้ หากว่ายังไมส่ ามารถน�ำออกปล่อยได้ ให้น�ำมัมมี่อายุ 17 วัน หลังจากเบียน ห่อด้วยกระดาษทิชชูใส่ในกล่องพลาสติก เก็บเข้าตู้ควบคุมอุณหภูมิท่ี 10 – 13 ํC จะช่วยชะลอการออกเป็นตัวเต็มวัยได้ 10 - 14 วัน การประเมนิ ระดบั การทำ� ลาย 1. ระดบั การทำ� ลายนอ้ ย หมายถงึ ตน้ มะพรา้ ว มที างใบยอดทถ่ี กู ทำ� ลาย 1 - 5 ทาง 2. ระดับการท�ำลายปานกลาง หมายถึง ต้นมะพร้าวมีทางใบยอดที่ถูก ท�ำลาย 6 - 10 ทาง 3. ระดบั การทำ� ลายรนุ แรง หมายถงึ ตน้ มะพรา้ วมที างใบยอดทถี่ กู ทำ� ลาย ต้ังแต่ 11 ทางขึน้ ไป 4. ถ้าใบถูกท�ำลายจนเหลือทางใบเขียวท่ีสมบูรณ์ 3 ทางอาจท�ำให้ต้น ตายได้ 5. ถา้ ทางใบใหมท่ ค่ี ลีอ่ อกมาไม่ถูกท�ำลายให้ถือวา่ ไมม่ กี ารระบาดแล้ว 32 การปลูกมะพร้าวและการควบคมุ ศัตรูมะพรา้ ว
หนอนหวั ดำ� มะพร้าว ชื่อวิทยาศาสตร์ Opisina arenosella Walker (Lepidoptera: Oecophoridae) มีชื่อ สามัญภาษาอังกฤษว่า coconut black-headed caterpillar ตัวเต็มวัยเป็นผีเส้ือกลางคืน ขนาดล�ำตัว วัดจากหัวถึงปลายท้องยาวประมาณ 1 - 1.2 เซนติเมตร ล�ำตัวแบน ชอบเกาะนิ่งแนบตัว ติดผิวพื้นท่ีเกาะ เวลากลางวัน จะเกาะน่ิงหลบอยู่ ใตใ้ บมะพร้าว หรอื ในทรี่ ม่ เริ่มวางไข่ 3 วัน หลงั ออก จากดักแด้ และวางไขท่ กุ วัน ตดิ ต่อกันไป 4 - 6 วัน จะวางไขต่ วั ละ 157 - 490 ฟอง ระยะไข่ 5 - 6 วัน ระยะหนอน 32 - 48 วัน มีการลอกคราบ 6 - 10 คร้งั ระยะดักแด้ 9 - 11 วัน ตัวเต็มวัยผีเสื้อมีอายุ 5 - 14 วัน ตัวหนอนเม่ือฟักออกจากไข่ใหม่ จะอยู่ รวมกันเป็นกลุ่ม 1 - 2 วัน ก่อนจะย้ายไปกัดกิน ใบมะพร้าว มักจะพบหนอนหลายขนาดกัดกินอยู่ใน ใบมะพร้าวใบเดียวกัน ตัวหนอนจะสรา้ งใย ผสมกับ มูลท�ำเป็นอุโมงค์ยาวคล้ายทางเดินของปลวก คลุมเส้นทางท่ีหนอนแทะกินผิวใบ ยาวตามทาง ใบมะพร้าว และอาศัยอยู่ภายในอุโมงค์ที่สร้างข้ึน การท�ำลายส่วนใหญ่พบบนใบแก่ ใบท่ีถูกท�ำลาย จะมีลักษณะแห้งเป็นสีน�้ำตาล ตัวหนอนจะสร้างใย ดงึ ใบย่อยให้ติดกนั เปน็ แพ การปลูกมะพรา้ วและการควบคุมศตั รมู ะพร้าว 33
การป้องกันก�ำจดั 1. ตัดและเผาใบท่ีถูกท�ำลาย เพื่อท�ำลายหนอนหัวด�ำในระยะไข่ ระยะ ตัวหนอน และระยะดักแด้ โดยเกษตรกรต้องหม่ันเข้าไปส�ำรวจทางใบมะพร้าว ถ้าพบมกี ารทำ� ลายของหนอนหัวด�ำใหต้ ัดทางใบน้นั มาเผาทำ� ลายทันที ส่วนในกรณี ที่มีการระบาดรุนแรง ในต้นมะพร้าวต้นเดียวกันจะมีทางใบที่ถูกท�ำลายจนเป็น สีน้�ำตาลท้ังทางใบและทางใบท่ีถูกท�ำลายเป็นบางส่วน ควรตัดทางใบที่ถูกท�ำลาย ทัง้ หมดมาเผา เกษตรกรบางรายจะไมย่ อมตดั ทางใบมะพร้าวมาเผาทำ� ลายเนือ่ งจาก กลัวว่าต้นมะพร้าวจะตาย ข้อมูลทางวิชาการพบว่าถ้าต้นมะพร้าวยังมีทางใบเขียว ท่ีสมบูรณ์อยู่บนต้น ต้ังแต่ 13 ทางใบขึ้นไปจะไม่กระทบต่อผลผลิตของมะพร้าว แต่ถา้ มที างใบเขียวท่ีสมบูรณเ์ หลอื อยู่บนตน้ 3 ใบ อาจท�ำให้ต้นมะพร้าวตายได้ 2. พ่นด้วยเชื้อ Bacillus thruringiensis (Bt) หลังจากตัดทางใบท่ีถูก ท�ำลายมาเผาแล้ว ตัวเต็มวัยของหนอนหัวด�ำซึ่งเป็นผีเสื้อจะมาวางไข่ใหม่บนทางใบ สีเขียวที่เหลืออยู่ ดังนั้นจึงจ�ำเป็นต้องใช้เชื้อ Bt พ่นหนอนที่ฟักออกมาจากไข่ใหม่ จ�ำนวน 3 คร้งั แตล่ ะคร้ังห่างกัน 7 – 10 วัน โดยใชเ้ ชอ้ื Bt อตั รา 80 - 100 ซซี ี ต่อน�้ำ 20 ลิตร ผสมด้วยสารจับใบตามอัตราแนะน�ำในฉลาก ไม่ควรพ่นในขณะท่ี มีแสงแดดจัดเพราะจะท�ำให้เช้ือ Bt อ่อนแอ ควรพ่นก่อนเวลา 10.00 น. และ หลัง 16.00 น. และตอ้ งใช้เชือ้ Bt ท่ีข้นึ ทะเบยี นกบั กรมวชิ าการเกษตรแลว้ เท่านัน้ 3. ปล่อยแตนเบียนไข่ Trichogramma sp. เพ่ือควบคุมระยะไข่ ของหนอนหัวด�ำ อัตราไร่ละ 10 แผ่น แผ่นละ 2,000 ฟอง โดยปล่อย 12 คร้ัง แต่ละครั้งห่างกัน 2 สัปดาห์ โดยน�ำแผ่นแตนเบียนไข่ไปแขวนไว้กับต้นมะพร้าว หรือพืชอื่นๆ ภายในสวนมะพร้าวให้กระจายท่ัวทั้งแปลง ควรใช้วัสดุหรือสาร ป้องกันมดไม่ให้มาท�ำลายแผ่นแตนเบียนและวัสดุกันแดด ฝน ก่อนที่แตนเบียน จะฟกั เปน็ ตัวเต็มวยั 4. ปล่อยแตนเบียนหนอน Bracon hebetor เพื่อควบคุมระยะหนอน ของหนอนหัวด�ำ อัตราไร่ละ 200 ตัว กระจายท่ัวทั้งแปลง โดยปล่อย 12 คร้ัง แต่ละคร้งั ห่างกนั 2 สปั ดาห์ 34 การปลูกมะพร้าวและการควบคมุ ศตั รมู ะพรา้ ว
•การเพาะเล้ยี งแตนเบียนหนอน Bracon hebetor ใช้หนอนผีเสื้อข้าวสารที่มีอายุประมาณ 30 – 45 วัน โดยย้ายหนอน จากกล่องเล้ียงใส่ในภาชนะที่มีพื้นที่กว้าง เพื่อสะดวกในการคัดเลือกหนอน เช่น •ถาด กะละมัง คัดเลือกหนอน โดยล้างมือให้สะอาด และควรใช้แอลกอฮอล์ 70 % ท�ำความสะอาด เพื่อป้องกันหนอนติดเชื้อ แยกหนอนท่ีปะปนอยู่กับส่วนผสมอาหาร ซงึ่ หนอนทใี่ ช้เบียน คือ หนอนวัย 4 – 5 ลำ� ตวั ยาวประมาณ 1.2 – 1.5 เซนตเิ มตร การใช้หนอนขนาดเล็ก มีโอกาสได้แตนเบียนจ�ำนวนน้อย และได้แตนเบียนเพศผู้ •มากกวา่ เพศเมีย ใสห่ นอนในกล่องเบยี น จำ� นวน 20 ตวั ตอ่ กล่อง โดยไม่ใหม้ เี ศษอาหารตดิ ไป •กับตัวหนอน การจับหนอนตอ้ งใชค้ วามระมัดระวงั อย่าให้หนอนบอบช�ำ้ หรอื เปน็ แผล ใช้น้�ำผ้ึงความเข้มข้น 50 % เป็นอาหารของแตนเบียน โดยใช้ส�ำลีหรือ คอตตอนบัดจุ่มในน�้ำผ้ึง อย่าให้แฉะจนเกินไป แปะติดบริเวณข้างกล่องด้านใน ตรง •กลาง หรอื ดา้ นบน ควรผสมนำ�้ ผงึ้ ในปริมาณทีใ่ ช้หมดแตล่ ะคร้งั ดูดพ่อแม่พันธุ์แตนเบียนหนอนบราคอน (ผสมพันธุ์แล้วประมาณ 1 วัน) •เพศเมยี 4 ตัว เพศผู้ 1 - 2 ตัว ใส่ในกล่องเบียน แลว้ ปิดฝากล่องเบียนให้สนิท วางเลยี้ งบนช้นั เลย้ี งแมลง ทีป่ อ้ งกันมด และแมลงอ่นื ๆ รบกวน ในสภาพอุณหภูมิห้อง และอากาศถ่ายเท หรือ ห้องปรับอากาศ ปล่อยให้แตนเบียน •วางไขบ่ นตัวหนอน หลังจากที่แตนเบียนหนอนบราคอนวางไข่บนตัวหนอนผีเสื้อข้าวสาร ไข่แตนเบียนพัฒนาเป็นหนอนเกาะบริเวณข้างๆ หนอนผีเส้ือข้าวสาร ซ่ึงระยะหนอน •ใชเ้ วลาประมาณ 3 – 4 วัน ท้ิงไว้ประมาณ 3 – 4 วัน หนอนของแตนเบียนบราคอนเร่ิมเข้าดักแด้ •โดยมลี ักษณะเปน็ ใยสขี าวหุ้ม หลังจากเขา้ ดกั แด้ประมาณ 4 - 5 วัน ตวั เตม็ วัยแตนเบยี นจะฟักออกมา โดยปกติหนอน 1 ตัว จะได้แตนเบียน 5 - 8 ตัว ปล่อยให้แตนเบียนที่ฟักออกมา ผสมพันธุ์ประมาณ 1 วัน แล้วน�ำไปปล่อยเพ่ือควบคุมหนอนหัวด�ำ อัตราอย่างน้อย 200 ตัวต่อไร่ การปลูกมะพร้าวและการควบคมุ ศตั รูมะพร้าว 35
การเพาะเล้ียงแตนเบียนหนอน Bracon hebetor วัสดอุ ปุ กรณ์ หนอนผีเสื้อขา้ วสาร พอ่ แมพ่ ันธุแ์ ตนเบียนหนอนบราคอน นำ้� ผึง้ พกู่ ัน ปากคบี กล่องเบยี น ท่ดี ูดแมลง (aspirator) แบบต่างๆ ช้ันเลีย้ งแมลง 36 การปลกู มะพร้าวและการควบคมุ ศตั รูมะพรา้ ว
วธิ กี าร การคัดเลือกหนอนผเี สอ้ื ขา้ วสาร การวางส�ำลีชุบน้�ำผงึ้ ด้านข้าง และตรงกลางกลอ่ ง การปลูกมะพร้าวและการควบคมุ ศตั รมู ะพรา้ ว 37
ดูดพอ่ แม่พนั ธ์แุ ตนเบียนใส่ในกล่องเบียน และวางเรียงบนช้ัน หนอนแตนเบียนบราคอน 5. ใชส้ ารเคมี emamectin benzoate 1.92 % EC ฉดี เขา้ ลำ� ต้น อตั รา 30 มิลลิลิตร ต่อต้น โดยการเจาะล�ำต้นมะพร้าวสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร จำ� นวน 2 รู ให้รอู ยูต่ รงกันขา้ มกนั ขนาดกวา้ ง 4 หุน ลึก 10 เซนติเมตร ใส่สารเคมี รูละ 15 มิลลิลิตร แล้วใชด้ นิ นำ้� มนั อดุ รทู นั ที การตรวจสอบพิษตกค้างไมพ่ บพิษตกค้าง ในเนื้อและน้ำ� มะพร้าวทงั้ ในผลอ่อนและผลแก่ แนะน�ำให้ฉีดเขา้ ล�ำตน้ เฉพาะมะพรา้ ว ทม่ี คี วามสูงมากกว่า 12 เมตร ขึ้นไป หา้ มใช้กบั มะพร้าวนำ�้ หอมและมะพรา้ วกะทิ 38 การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศตั รูมะพรา้ ว
การประเมินระดบั การทำ� ลาย 1. ระดับการท�ำลายน้อย หมายถึง ต้นมะพร้าวมีทางใบเขียวท่ีสมบูรณ์ ไมม่ รี อ่ งรอยการทำ� ลายตง้ั แต่ 13 ทางขนึ้ ไป 2. ระดับการท�ำลายปานกลาง หมายถึง ต้นมะพร้าวมีทางใบเขียว ทีส่ มบูรณไ์ ม่มรี ่องรอยการท�ำลาย 6 - 12 ทาง 3. ระดบั การทำ� ลายรนุ แรง หมายถงึ ตน้ มะพร้าวมที างใบเขยี วทสี่ มบรู ณ์ ไมม่ รี ่องรอยการทำ� ลาย 0 - 5 ทาง 4. ถ้าใบถูกท�ำลายจนเหลือทางใบเขียวที่สมบูรณ์ 3 ทางอาจท�ำให้ ต้นตายได้ การปลูกมะพร้าวและการควบคมุ ศัตรมู ะพร้าว 39
สตั วฟ์ นั แทะศัตรมู ะพร้าว สัตว์ฟันแทะศัตรูมะพร้าวท่ีส�ำคัญ ได้แก่ หนู และกระรอก (rats and squirrels) พบทั่วทุกภาคของประเทศโดยเฉพาะอย่างย่ิงพื้นท่ีสวนที่มีสภาพรก ติดกับป่า ภูเขา จะถูกท�ำลายมาก ยิ่งถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนอากาศแห้งแล้ง ผลมะพรา้ วจะถูกกดั กินเพิ่มขน้ึ เนอ่ื งจากช่วงฤดูร้อนมีผลไมอ้ นื่ ๆ นอ้ ย ชนิดของหนูและกระรอกทพ่ี บทำ� ลายมะพรา้ วได้แก่ หนูท้องขาวบ้าน (หนูท้องขาวสวน) เป็นหนูชนิดเดียวท่ีเป็นศัตรู มะพร้าวทส่ี ำ� คญั ลกั ษณะรูปรา่ ง หนูชนิดนี้มีความหลากหลายในสีขน ข้ึนอยู่กับภูมิประเทศที่พบ ปกติ สีขนด้านหลังมีสีน�้ำตาลและกลางหลังมีขนแข็งสีด�ำแทรกอยู่ ขนด้านท้อง สีขาวครีมบางคร้ังมีแถบขนสีน้�ำตาลเข้มยาวจากส่วนคอถึงกลางอก ขนบริเวณ ตีนหลังส่วนใหญ่ยาวและมีขนสีด�ำแทรกปะปนบ้าง หางด�ำตลอดและมีเกล็ด ละเอียดเล็กๆ และยาวมากกว่าความยาวหัวและล�ำตัวรวมกัน น้�ำหนักประมาณ 76 – 209 กรัม จมูกแหลมท�ำให้หน้า ค่อนข้างแหลม หูใหญ่ ตาโต เพศเมีย มีเต้านม 2 คู่ที่อก และ 3 คู่ท่ีท้อง (ในบางแห่งเพศเมียมเี ตา้ นม 3 คทู่ ี่อก แตค่ ทู่ ี่ 3 อยู่ชดิ กบั คทู่ ่ี 2 หรอื หา่ งกัน นอ้ ยกว่า 1 เซนตเิ มตร) 40 การปลูกมะพรา้ วและการควบคุมศตั รมู ะพร้าว
ที่อย่อู าศยั พบได้ทั่วประเทศ ป่ายปีนเก่งมาก ชอบอาศัยอยู่ตามบ้านเรือน ยุ้งฉาง นาข้าว ในสวนผลไม้ มะพรา้ ว ปาล์มน�้ำมันเปน็ ตน้ การระบาดและการกัดท�ำลายผลมะพร้าว หนูใช้ฟันแทะคู่หน้า (incisors) กัดแทะผลมะพร้าว กัดท�ำลาย ต้ังแต่ผลอ่อนขนาดเล็กยังไม่มีเน้ือจนถึงผลค่อนข้างแก่มีเน้ือแข็งเป็นมะพร้าว ท�ำขนม จะกัดท�ำลายบริเวณส่วนหัวท่ีติดกับขั้วของผลเป็นส่วนที่เปลือกมะพรา้ ว ยงั ออ่ นนมุ่ จะเจาะเปน็ รูกลมจนทะรเุ ข้าไปกนิ ทัง้ นำ้� และเน้อื มะพรา้ วหนจู ะกัดกิน เวลากลางคนื บางคร้ังอาจพบเหน็ เวลากลางวันบา้ ง ถ้าบริเวณผลที่กัดกินอยูใ่ นท่ี คอ่ นขา้ งปกปิดพรางตวั จากศัตรธู รรมชาติท่ีท�ำรา้ ยมัน เช่น นกเหย่ยี ว นกเคา้ แมว เป็นต้น ดงั น้ันหนูจึงระบาดกัดกินไดต้ ลอดจนกว่าจะไม่มผี ลผลติ ใหก้ ิน จะระบาด มากในชว่ งฤดแู ลง้ การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศตั รูมะพรา้ ว 41
กระรอก (Squirrel) กระรอก ที่พบเป็นศัตรูมะพร้าว ได้แก่ พญากระรอกด�ำ และกระรอก ท้องแดง) กระรอกทั้ง 2 ชนิด อาศัยในป่า ตามภูเขาท่ีมี ต้นไม้สูงแถบภาคใต้ข้ึนมาทาง ภาคตะวันตกถึงภาคเหนือของประเทศ จงึ อาจกดั ทำ� ลายมะพรา้ วบา้ งถา้ มกี ารปลกู ในบริเวณท่มี นั อาศยั อยู่ เปน็ ตน้ กระรอกที่เป็นศัตรูที่ส�ำคัญพบระบาดทั่วไปในสวนมะพร้าว คือกระรอก หลากสี มสี หี ลากหลาย อาจมีสขี าวทัง้ ตวั สดี �ำทง้ั ตัว หรือแดงท้ังตัวเปน็ ตน้ ลักษณะรูปร่าง มขี นาดกลางความยาวหวั รวมลำ� ตวั 212 – 218 มิลลิเมตร ความยาวหาง 225 – 240 มิลลิเมตร ความยาวตีนหลัง 46 – 49 มิลลิเมตร ความยาวหู 19 – 23 มิลลิเมตร มีสีหลากหลายบางชนิดมีสีขาวท้ังตัว สีด�ำท้ังตัว หรือ แดงท้ังตัว บางชนิดมีสีหลายสีปนกันหลายสี ซึ่งจะแบ่งเป็นชนิดย่อยลงไป จะอาศยั ปะปนกนั ไป ทอ่ี ยอู่ าศัย อาศัยอยู่ท่ัวทุกภาคของประเทศ จะอยู่ตาป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ ป่าดงดิบ สวนมะพร้าว สวนไม้ผลต่างๆ โดยจะอาศัยอยู่บนต้นไม้ตลอดชีวิตไม่ลงพ้ืนดิน จะใช้ก่ิงไมม้ าทำ� รงั อยู่ตามยอดไมส้ งู เพศเมยี จะออกลกู ครั้งละ 2 ตวั การระบาดและการกัดทำ� ลายผลมะพรา้ ว กระรอกใช้ฟันแทะคู่หน้ากัดแทะผลมะพร้าว โดยจะกัดท�ำลายต้ังแต่ ผลอ่อนขนาดเล็กยังไม่มีเน้ือจนถึงผลแก่มีเน้ือแข็งจนเปลือกมะพรา้ วแห้ง จะกัด ท�ำลายบริเวณทุกส่วนของผลมะพร้าวต้ังแต่ส่วนหัวท่ีติดกับข้ัวของผล เป็นส่วน ที่เปลือกมะพรา้ วยังออ่ นนุ่มแต่ชอบกดั ท�ำลายบรเิ วณกลางผลและก้นผล 42 การปลกู มะพร้าวและการควบคุมศตั รูมะพรา้ ว
Search