Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมเล่มผ้าไทย

รวมเล่มผ้าไทย

Description: รวมเล่มผ้าไทย

Search

Read the Text Version

คำนำ ผ้าไทยเป็นมรดกอันทรงคุณค่าทางภูมิปัญญาของคนไทย ซึ่งได้มีการสร้างสรรค์ ส่ังสม สืบทอด และพัฒนาสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ชาวต่างประเทศท่ีเข้ามาท่องเท่ียวในเมืองไทยหลงไหล และสร้าง รายไดใ้ หก้ ับประเทศชาตเิ ป็นเงนิ มากกวา่ พันล้านบาทต่อปี โดยส่วนใหญผ่ า้ ไทยแบบดั้งเดมิ ท่ีไดร้ บั ความนยิ ม จากชาวต่างชาติและบคุ คลทัว่ ไปเปน็ ผลิตภณั ฑ์ท่ที อมาจากเครอ่ื งกีม่ อื และกี่กระตุกมีโครงสร้างของเส้นด้าย ทาจากเส้นใยธรรมชาติจาพวกไหม (Slik) และฝ้าย (Cotton) มีเพียงส่วนน้อยท่ีทาจากลินิน แต่ในสภาวะ สังคมไทยในปัจจุบัน เด็ก เยาวชน และประชาชนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางสังคมวัฒนธรรมไทย เพม่ิ มากข้ึน พฤติกรรมดังกล่าวนับวันจะทาให้วัฒนธรรมไทยอันดีงามเสื่อมลง เห็นได้จากค่านิยมการแต่งกาย ของวัยรุ่นไทยที่ชอบลอกเลียนแบบการแต่งกายของศิลปิน นักร้อง นักแสดงของต่างประเทศ ซึ่งจะนิยม การแตง่ กายแบบเปดิ เผยรา่ งกายเป็นการไมเ่ หมาะสมอย่างย่งิ คณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะและวัฒนธรรมเห็นว่าในปี ๒๕๕๘ รัฐบาลได้จัดการส่งเสริม ปีท่องเท่ียววิถีไทย ๒๕๕๘ เพ่ือส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย และนาเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทย ผ่านวิถีไทย เพื่อสร้างการรับรู้ความเป็นเอกลักษณ์ของพ้ืนที่ในด้านเอกลักษณ์วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถ่ินจากทุกภูมิภาคของประเทศ และปลกู ฝงั ความภาคภูมิใจในความเปน็ ชาติ สู่นักท่องเที่ยวต่างประเทศและเพื่อให้เป็นต้นแบบแก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้ตระหนักถึง ความสาคัญในการอนุรักษ์ ฟ้ืนฟู สนับสนุน และสืบสานเอกลักษณ์ประจาชาติไทย พร้อมทั้งสืบสาน การสวมใส่ใชผ้ า้ ไทยอย่างสม่าเสมอในชวี ติ ประจาวนั จึงได้มีการพจิ ารณารณรงค์แต่งกายผา้ ไทยและสง่ เสรมิ ชุดไทยเป็นอัตลักษณ์ประจาชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือร่วมอนุรักษ์ ฟ้ืนฟู สนับสนุน ส่งเสริม และสืบสาน เอกลักษณ์ประจาชาติไทย และส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักในคุณค่าและรักวัฒนธรรมไทย ตลอดจน มีส่วนรว่ มอนุรักษแ์ ละเผยแพรว่ ัฒนธรรมการแต่งกายดว้ ยผา้ ไทยให้คงอยสู่ ืบไป คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หวังว่ารายงานฉบับน้ี จะเป็นประโยชน์สาหรับหน่วยงานและบุคคลท่ีปฏิบัติงานด้านศิลปวัฒนธรรม และประชาชนท่ัวไปที่สนใจในเรื่องดงั กล่าวโดยทั่วไป พลตารวจเอก (พชิ ิต ควรเดชะคปุ ต์) ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศลิ ปะ วฒั นธรรมและการท่องเท่ียว สภานติ ิบญั ญตั แิ ห่งชาติ

สารบญั สรุปสาหรบั ผู้บริหาร หนา้ (ก) บทที่ ๑ การจดั ตั้งและองคป์ ระกอบคณะกรรมาธกิ าร ๑ ๑. การจดั ตัง้ คณะกรรมาธกิ ารการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเท่ียว ๑ ๒. การแต่งตง้ั บคุ คลตาแหนง่ ตา่ ง ๆ ในคณะกรรมาธิการ ๗ ๒.๑ การแตง่ ตง้ั ท่ีปรกึ ษากติ ติมศกั ดป์ิ ระจาคณะกรรมาธกิ าร ๒.๒ การแตง่ ตง้ั ทปี่ รกึ ษา นักวชิ าการ และเลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธิการ ๓. การแต่งตง้ั คณะอนกุ รรมาธกิ ารดา้ นศิลปะและวฒั นธรรม ๙ บทที่ ๒ การรณรงค์แต่งกายผ้าไทยและส่งเสรมิ ชดุ ไทยเป็นอตั ลกั ษณ์ประจาชาติ ๑๕ ๑. ความเป็นมา ๑๕ ๒. วัตถปุ ระสงค์ ๑๕ ๓. ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะไดร้ ับ ๑๕ ๔. วธิ ีการดาเนนิ การ ๑๖ ๔.๑ การประชุมพิจารณารณรงค์แต่งกายผ้าไทย ๑๖ และส่งเสรมิ ชดุ ไทยเปน็ อัตลกั ษณป์ ระจาชาติ ๔.๒ การรณรงคแ์ ตง่ กายผ้าไทยและส่งเสรมิ ชดุ ไทยเปน็ อตั ลกั ษณ์ประจาชาติ ๒๘ บทที่ ๓ ความเหน็ และขอ้ เสนอแนะ ๒๙ ภาคผนวก ประมวลภาพการพจิ ารณารณรงคแ์ ตง่ กายผ้าไทยและสง่ เสรมิ ชดุ ไทยเปน็ อัตลกั ษณป์ ระจาชาติ วิวฒั นาการของการใชผ้ า้ ไทยแตง่ กายแบบไทย การรณรงคส์ ง่ เสรมิ การใชผ้ า้ ไทย รายชื่อฝ่ายเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเทยี่ ว

สรุปสำหรับผบู้ ริหำร คณะอนกุ รรมาธิการไดพ้ จิ ารณาเหน็ ว่า ผา้ ไทย เป็นมรดกอนั ทรงคณุ ค่าทางภูมิปัญญาของคนไทย ซ่ึงได้มีการสร้างสรรค์ ส่ังสม สืบทอดและพัฒนาสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยผ้าไทย หมายถึง ผ้าทุกชนิด ที่ประดิษฐ์คิดค้นข้ึนโดยฝีมือคนไทย อาทิ ผ้าลายขิด ผ้ายก ผ้าจก น้าไหล มัดหม่ี ผ้าพ้ืนเมือง เป็นวัตถุดิบ ที่ส้าคัญในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากมาย เช่น เสื้อผ้า หมอน ผ้าห่ม กระเป๋า เป็นต้น สร้างชื่อเสียง ขจรขจายไปทั่วโลก ส่งผลให้ชาวต่างประเทศท่ีเข้ามาท่องเท่ียวในเมืองไทยหลงไหล และสร้างรายได้ให้กับ ประเทศชาติเป็นเงินมากกว่าพันล้านบาทต่อปี โดยส่วนใหญ่ผ้าไทยแบบดั้งเดิมท่ีได้รับความนิยม จากชาวตา่ งชาติและบคุ คลท่ัวไปเป็นผลติ ภัณฑ์ทีท่ อมาจากเคร่อื งก่มี ือและกีก่ ระตุกมีโครงสร้างของเส้นด้าย ท้าจากเส้นใยธรรมชาติจ้าพวกไหม (Slik) และฝ้าย (Cotton) มีเพียงส่วนน้อยที่ท้าจากลินิน แต่ในสภาวะ สังคมไทยในปัจจุบัน เด็ก เยาวชน และประชาชนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางสังคมวัฒนธรรมไทย เพ่ิมมากขึ้น พฤติกรรมดังกล่าวนับวันจะท้าให้วัฒนธรรมไทยอันดีงามเสื่อมลง เห็นได้จากค่านิยมการแต่งกาย ของวัยรุ่นไทยที่ชอบลอกเลียนแบบการแต่งกายของศิลปิน นักร้อง นักแสดงของต่างประเทศ ซึ่งจะนิยม การแต่งกายแบบเปิดเผยร่างกายเป็นการไม่เหมาะสมอย่างย่ิง รวมท้ังในปี ๒๕๕๘ รัฐบาลได้จัดการ ส่งเสริมปีท่องเท่ียววิถีไทย ๒๕๕๘ เพื่อส่งเสริมการท่องเท่ียวไทย และน้าเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทย ผ่านวิถีไทย เพื่อสร้างการรับรู้ความเป็นเอกลักษณ์ของพ้ืนที่ในด้านเอกลักษณ์วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่นจากทุกภูมิภาคของประเทศ และปลกู ฝงั ความภาคภมู ิใจในความเปน็ ชาติ สู่นักทอ่ งเท่ยี วต่างประเทศ ดังน้ัน คณะอนุกรรมาธิการในฐานะท่ีรับผิดชอบงานด้านการอนุรักษ์ศิลปะ การรักษาประเพณี วัฒนธรรมทอ้ งถิน่ ภูมิปัญญาชาวบ้าน และการสง่ เสริมวฒั นธรรม และอตั ลักษณ์ไทย จงึ ได้เหน็ สมควรมีการ ร ณ ร ง ค์ ส่ ง เ ส ริ ม ใ ห้ ส ม า ชิ ก ส ภ า นิ ติ บั ญ ญั ติ แ ห่ ง ช า ติ แ ต่ ง ก า ย ด้ ว ย ผ้ า ไ ท ย เ พื่ อ ร่ ว ม อนุรักษ์ ฟื้นฟู สนับสนุน ส่งเสริม และสืบสานเอกลักษณ์ประจา้ ชาติไทย รวมท้ังร่วมส่งเสริมปีท่องเท่ียว วิถีไทย ๒๕๕๘ และสามารถเป็นต้นแบบให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้ตระหนักถึงความส้าคัญ ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู สนับสนุน และสืบสานเอกลักษณ์ประจ้าชาติไทย พร้อมท้ังสืบสานการสวมใส่ ใช้ผ้าไทยอย่างสม้่าเสมอในชีวิตประจ้าวัน ท้ังการใช้ในรูปแบบของเส้ือผ้าหรือของใช้อ่ืน ๆ หลากหลาย รูปแบบ อาทิ การแตง่ กายดว้ ยผ้าไทยในชุดพระราชทานสา้ หรับสภุ าพบรุ ุษ และชดุ ไทยพระราชนิยมส้าหรับ สุภาพสตรี รวมถึงการใช้ชุดแนวประยุกต์ที่มีการส่งเสริมค่านิยมคนรุ่นใหม่ ให้หันมาใช้ผ้าไทย อย่างจริงจัง โดยน้าผ้าไทยมาตัดเย็บให้เข้ากับเสื้อผ้ายุคใหม่ในทุกรูปแบบ หรือจะน้ามาผสมผสาน (MIX & MATCH) ตกแต่งด้วยความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ท้าให้เสื้อผ้าดูมีเอกลักษณ์ และดัดแปลง ให้ดูทนั สมัยเข้าได้กับทุกแฟช่ัน ผนวกกับการใช้เครื่องประดับอื่น ๆ ประกอบด้วย เพ่ือให้คนนิยมใช้ผ้าไทย และแสดงให้เห็นว่าผ้าไทยสามารถออกแบบได้ตามรูปร่างท่ีตนเองต้องการ และใช้ได้ทุกโอกาสอีกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟู สนับสนุน ส่งเสริม และสืบสานเอกลักษณ์ประจ้าชาติไทย และส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักในคุณค่าและรักวัฒนธรรมไทย ตลอดจนมีส่วนร่วมอนุรักษ์และเผยแพร่ วัฒนธรรมการแตง่ กายด้วยผา้ ไทยใหค้ งอยู่สืบไป (ก)

คณะอนุกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษาเรื่องดังกล่าว โดยเชิญผู้ที่เก่ียวข้องเข้าประชุมเพ่ือให้ข้อมูล ปร ะก อบ ก าร พิ จ าร ณ า ไ ด้ แ ก่ ผู้ แ ท น ก ร ม ส่ ง เส ริ มวั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ นั ก ออ กแ บ บชุ ด ไ ท ย ซึ่งในการประชุมได้รับทราบข้อมูลว่า ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ จนถึงต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชนิ ีนาถ ไดต้ ามเสด็จพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงเย่ยี มประเทศบา้ นใกล้เรือนเคียงของไทย คือ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และพม่า ในขณะนั้นสตรีไทยยังไม่มีเครื่องแต่งกายประจ้าชาติ อย่างแน่นอน ในโอกาสท่ีจะต้องเสด็จเข้าสู่เขตสักการสถานต่าง ๆ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ ทรงพระภูษาแบบไทยกรอมขอ้ พระบาท และฉลองพระองคต์ ามสมยั นิยม ทรงแพรสะพายทับ เหตุนี้มีส่วนส้าคัญท่ีท้าให้ทรงพระค้านึงถึงความจ้าเป็นของการมีเคร่ืองแต่งกายส้าหรับสตรีท่ีเป็นแบบพิธี แน่นอนเช่นเดียวกับฝ่ายบุรุษ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีก้าหนดการจะต้อง โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเยือนประเทศต่าง ๆ ในหลายทวีป เป็นระยะเวลาหลายปี จึงทรงพระราชด้าริที่จะทรงฉลองพระองค์แบบไทย เพื่อให้ท่ัวโลกรู้จักว่า ประเทศไทยกม็ เี ครอ่ื งแต่งกายประจา้ ชาตเิ ชน่ เดยี วกับชาติอ่ืน ๆ จึงมีพระราชเสาวนยี ์ใหห้ มอ่ มหลวงมณีรัตน์ บนุ นาค นางสนองพระโอษฐผ์ ู้ใหญ่ และคณุ อุไร ลืออ้ารุง ช่างฉลองพระองค์ นา้ เคร่ืองแต่งกายของสตรีไทย และเจ้านายสตรีไทยในสมัยโบราณหลายสมยั มาปรบั ปรงุ และออกแบบเป็นเครื่องแต่งกายแบบไทย ส้าหรับ ใช้ในงานพิธี และโอกาสต่าง ๆ มากมาย เครื่องแต่งกายเหล่านี้ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อพระที่นั่ง ในพระบรมมหาราชวัง และพระต้าหนักหลายองค์ ได้แก่ ไทยจักรี ไทยอมรินทร์ ไทยบรมพิมาน ไทยดุสิต ไทยจักรพรรดิ ไทยจติ รลดา ไทยศิวาลัย และไทยเรอื นตน้ ประกอบด้วยซ่ินและเส้ือแขนส้ันและยาวแบบต่าง ๆ ท่ีมีความงดงาม ความประณีต แตกต่างกันไปตามโอกาสของงาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ตัดเย็บชุดไทยเหล่าน้ีด้วยผ้าไหมไทย เพื่อเป็นการแนะน้า เคร่ืองแต่งกายแบบไทยและผ้าไหมไทยให้ทั่วโลกรู้จักในทางเดียวกัน ซึ่งพระราชด้าริน้ีก็ประสบผลส้าเร็จ เป็นอย่างดี ผ้าไหมไทยได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลาย และชุดไทยท่ีทรงพระราชด้าริข้ึน ซ่ึงเดิมเรียกกันว่า “ชุดไทยพระราชนิยม” ต่อมาก็เป็นที่นิยมของสตรีไทยทั่วไปจนในท่ีสุดก็กลายเป็นเคร่ืองแต่งกาย ประจ้าชาติของสตรีไทย ซึ่งลักษณะการแตง่ กายชดุ ไทยพระราชนิยม มี ๘ ชดุ ประกอบด้วย ๑) ไทยเรือนต้น คือ ชุดไทยแบบล้าลอง ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมมีลายร้ิวตามขวางหรือตามยาว หรือใช้ผ้าเกลี้ยงมีเชิง ตัวซิ่นยาวจรดข้อเท้า ป้ายหน้า เส้ือใช้ผ้าสี ตามริ้วหรือเชิง สีจะตัดกับซิ่ น หรือเป็นสีเดียวกันก็ได้ เสื้อคนละท่อนกับซิ่น แขนสามส่วน กว้างพอสบาย ผ่าอก ดุมห้าเม็ด คอกลมต้ืน ๆ ไม่มีขอบตั้ง เหมาะส้าหรับใช้แต่งไปในงานที่ไม่เป็นพิธี และต้องการความสบาย อาทิ ไปงานกฐินต้น หรือเท่ยี วเรือ เทยี่ วน้าตก ๒) ไทยจิตรลดา คือ ชุดไทยพิธีกลางวัน ใช้ผ้าไหมเกล้ียงมีเชิงหรือเป็นยกดอกท้ังตัวก็ได้ ตัดแบบเสื้อกับซ่ิน ซ่ินยาว ป้ายหน้าอย่างแบบล้าลอง เสื้อแขนยาว ผ่าอก คอกลม มีขอบตั้งน้อย ๆ ใช้ในงานท่ีผู้ชายแต่งเต็มยศ อาทิ รับประมุขของประเทศท่ีมาเยือน เป็นทางการท่ีสนามบิน หญิงไม่ต้อง ประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ แต่เนือ้ ผา้ ควรงดงามให้มากสมโอกาส ๓) ไทยอมรินทร์ คือ ชุดพิธีตอนค่้า ใช้ผ้ายกไหมท่ีมีทองแกม หรือยกทองทั้งตัว เสื้อกับซิ่น แบบน้ีอนโุ ลมให้ส้าหรับ ผู้ท่ีไม่ประสงค์คาดเข็มขัด ผู้มีอายุจะใช้คอกลมกว้าง ๆ ไม่มีขอบต้ังและแขน ๓ ส่วนก็ได้ เพราะความสวยงามอยู่ท่เี น้อื ผา้ และเคร่ืองประดบั ทจ่ี ะใช้ใหเ้ หมาะสมกับงานเลี้ยงรับรอง ไปดูละครตอนค่้า และเฉพาะในงานพระราชพิธี สวนสนามในวันเฉลิมพระชนมพรรษา หญิงประดับเครอ่ื งราชอิสริยาภรณ์ (ข)

๔) ไทยบรมพิมาน คือ ชุดไทยพิธีตอนค้่าท่ีใช้เข็มขัด ใช้ผ้ายกไหมหรือยกทอง มีเชิงหรือ ยกทั้งตัวก็ได้ ตัดแบบติดกัน ซ่ินมีจีบยกข้างด้านหน้ามีชายพก ใช้เข็มขัดไทยคาด ตัวเส้ือแขนยาวคอกลม มขี อบตงั้ ผา่ ด้านหลัง หรอื ดา้ นหนา้ ก็ได้ ผ้ามีจบี ยาวจรดข้อเทา้ แบบนเ้ี หมาะส้าหรับผมู้ ีรปู รา่ งสงู บาง สา้ หรบั ใช้ในงานเตม็ ยศและครึ่งยศ เช่น งานอุทยานสโมสร หรืองานพระราชทานเล้ียงอาหารอย่างเป็นทางการใน คืนทมี่ อี ากาศเย็น ใช้เคร่อื งประดับสวยงามตามสมควร ๕) ไทยจักรี คือ ชุดไทยสไบ ใช้ผ้ายกมีเชิง หรือยกทั้งตัว ซ่ินมีจีบยกข้างหน้า มีชายยก ใช้เข็มขัดไทยคาด สว่ นท่อนบนเปน็ สไบจะเยบ็ ให้ติดกับซ่ินเป็นท่อนเดียวกัน หรือจะมผี ้าสไบหม่ ตา่ งหากก็ได้ เปิดบ่าข้างหนึ่ง ชายสไบคลุมไหล่ ท้ิงชายด้านหลังยาวตามที่สมควร ความสวยงามอยู่ท่ีเนื้อผ้า การเย็บ และรปู ร่างของผ้สู วม ใชเ้ ครือ่ งประดบั ได้งดงามสมโอกาสในเวลาค่้าคืน ๖) ไทยดุสิต เป็นเสื้อส้าหรับงานพิธีตอนค่้า ใช้ผ้ายกไหมหรือยกทอง อย่างเดียวกับ ไทยอมรนิ ทร์ ไทยบรมพิมาน และไทยจกั รี ตัวซิน่ ยาว มีจบี ยกข้างหนา้ และชายพก ใชเ้ ขม็ ขดั ผิดกันตรงตัวเส้ือ คือ เป็นเส้ือไม่มีแขน คอด้านหน้าและด้านหลังคว้านกว้าง และต่้าเล็กน้อย ผ่าด้านหลัง ตัวเสื้อปักเป็น ลวดลายด้วยไขม่ ุก ลกู ปัด และเลอ่ื ม ฯลฯ ใช้ในงานพระราชพธิ ที ่กี า้ หนดให้แตง่ กายเตม็ ยศ ๗) ไทยจักรพรรดิ เป็นแบบไทยแท้แบบหนึ่ง ตัวซิ่นใช้ผ้าไหม หรือยกทองเอาจีบ ข้างหน้า มีชายพก หอ่ แพรจีบแบบไทยสีตัดกับผา้ นงุ่ เป็นชนั้ ที่หนึ่งก่อน แล้วใช้ผ้าห่มปักอย่างสตรีบรรดาศักด์ิสมัยโบราณ หม่ ทบั แพรจบี อีกชัน้ หนึ่งใช้ในโอกาสพิเศษทก่ี ้าหนด ให้แต่งกายเต็มยศแบบไทยจักรี ๘) ไทยศิวาลัย เปน็ แบบไทยแท้ ซน่ิ เปน็ แบบไทยจกั รพรรดิ ใชผ้ ้ายกไหมหรอื ยกทอง เส้อื ตดั แบบ แขนยาวคอกลม ผา่ หลัง เยบ็ ตดิ กบั ซ่ิน คล้ายแบบไทยบรมพมิ าน ห่มผ้าปกั ลายไทยอยา่ งแบบไทยจักรพรรดิ ทบั โดยไม่ต้องมีแพรจบี รองพนื้ กอ่ นใช้ในโอกาสพิเศษทก่ี า้ หนดให้แตง่ กายเต็มยศ ส่วนการก้าหนดแบบเสอ้ื ชุดไทยของผชู้ าย ซ่งึ ปัจจุบันเสือ้ แบบพระราชทานเป็นทีน่ ยิ มแพร่หลายขึ้น สมควรจะได้ก้าหนดให้เป็นแบบเส้ือชุดไทยของชายไทย อันจะเป็นเอกลักษณ์อย่างหน่ึงของคนไทยต่อไป โดยมี ๓ รูปแบบ ประกอบดว้ ย ๑) ชุดไทยแขนส้ัน ใช้สีเรียบจาง หรือมีลวดลายสุภาพ ในโอกาสธรรมดาทั่วไป หรือในการ ปฏบิ ตั งิ าน หรือในการปฏิบัติงาน หรอื ในโอกาสพธิ กี ารกลางวัน และอาจใช้สเี ขม้ ได้ในโอกาสพธิ กี ารเวลากลางคืน ๒) ชุดไทยแขนยาว ใช้สีเรียบจาง หรือมีลวดลายสุภาพ ในโอกาสพิธีการเวลากลางวัน และอาจใช้สีเข้มในโอกาสพิธกี ารเวลากลางคืนได้ ๓) ชดุ ไทยแขนยาวคาดเอว ใช้ในโอกาสพธิ ีการท่ีสา้ คัญมาก ๆ กำรดำเนินงำนของคณะอนกุ รรมำธิกำร คณะอนุกรรมาธิการได้ร่วมรณรงค์ส่งเสริมการใช้ผ้าไทย โดยได้ด้าเนินการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ ผา้ ไทยใหแ้ กส่ มาชกิ สภานิตบิ ัญญตั ิแห่งชาตแิ ละบุคลากรในวงงานรฐั สภา ดังน้ี ๑) คณะอนุกรรมาธิการได้เสนอโครงการรณรงค์ส่งเสริมให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่งกายด้วยผ้าไทยต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเท่ียว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยคณะกรรมาธิการได้เห็นชอบในเร่ืองดังกล่าว จึงได้เสนอโครงการต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ กิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพ่ือพิจารณา และมีมติขอความร่วมมือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่งกายด้วยผา้ ไทยทุกวันพฤหัสบดีท่มี ีการประชุมสภานติ บิ ญั ญตั ิแห่งชาติ โดยเร่มิ ต้งั แตเ่ ดือนเมษายน ๒๕๕๘ ๒) คณะอนุกรรมาธิการได้น้าเสนอในที่ประชุมให้คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมรณรงค์แต่งกายด้วยชุดผ้าไทย โดยคณะกรรมาธิการได้เห็นชอบ (ค)

ในเรื่องดังกล่าวจึงเชิญชวนให้กรรมาธิการแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยทุกวันศุกร์ท่ีมีการประชุมคณะกรรมาธิการ โดยเร่ิมตัง้ แต่เดอื นกรกฎาคม ๒๕๕๘ ๓) คณะอนุกรรมาธิการได้มีมติให้อนุกรรมาธิการ และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการแต่งกาย ด้วยผา้ ไทยทุกวันจนั ทรท์ มี่ กี ารประชุมคณะอนกุ รรมาธกิ าร โดยเริ่มตัง้ แตเ่ ดอื นกรกฎาคม ๒๕๕๘ อน่ึง เพ่ือเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมการแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยให้เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย คณะอนุ กรรมาธิการจะด้าเนิ นการส่งเสริมการใช้ผ้าไ ทยและแต่งกายด้วยชุดผ้าไทย ให้มีความชัดเจน และเห็นควรร่วมกันด้าเนนิ การให้มรี ะเบยี บหรือแนวปฏิบตั ิ เพือ่ ก้าหนดให้เปน็ ชดุ ประจา้ ชาตติ ่อไป ควำมเหน็ และข้อเสนอแนะ ๑) การสวมใส่ชุดไทยสามารถเลือกสวมใส่ชุดไทยพระราชนิยมทั้งหมด ๘ ชุด ได้แก่ ไทยจักรี ไทยอมรินทร์ ไทยบรมพิมาน ไทยดุสิต ไทยจักรพรรดิ ไทยจิตรลดา ไทยศิวาลัย และไทยเรือนต้น ในการ ก้าหนดรูปแบบการแตง่ กายด้วยชุดไทยของสุภาพสตรนี นั้ มีความหลากหลายในการสวมใส่ ตลอดจนลักษณะ ของบุคคลมีความแตกต่างกัน ดังน้ัน หากมีการก้าหนดรูปแบบการแต่งกายด้วยชุดไทยให้มีความชัดเจน จะสามารถท้าให้เกิดความเข้าใจโดยท่ัวกัน และเกิดความพร้อมเพียงในการสวมใส่ ส่วนชุดไทยของสุภาพบุรุษ เปน็ แบบเส้อื พระราชทานท่นี ิยมแพร่หลาย มจี ้านวน ๓ ชุด ได้แก่ ชุดไทยแขนสั้น ชุดไทยแขนยาว และชุดไทย แขนยาวมีผา้ คาดเอว ๒) การเดินทางไปราชการของผู้บริหารประเทศ นักการทูต หรือนักกีฬาท่ีเดินทางไปแข่งขัน ในต่างประเทศ ควรจะต้องขอความร่วมมือและประสานให้ค้าแนะน้าในการสวมใส่ชุดไทยในโอกาสต่าง ๆ ซึ่งตัวอย่างท่ีเห็นได้ชัดเจน อาทิ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ หรือเอเชียนเกมส์ในหลายประเทศมีการสวมใส่ ชดุ ไทยประจา้ ชาติ ๓) สาเหตทุ ่ีผ้าไทยไม่ค่อยเป็นที่นยิ มกว้างขวางอาจสรุปดงั นี้ ๓.๑) ผา้ ไหม ดแู ลรกั ษายาก ยบั ง่าย ใส่แลว้ ร้อน ไม่สบายตัว และราคาแพง ๓.๒) ซักด้วยเครอ่ื งไม่ได้ เพราะจะหด และสีตก ๓.๓) การออกแบบไมท่ ันสมัย หรือแบบไมเ่ หมาะสมกับชวี ติ ประจ้าวัน และไม่เปน็ ท่ีนยิ มของวัยรุน่ ๓.๔) ผา้ ฝา้ ยมักจะเก่าเรว็ ๓.๕) ผู้ที่สวมใส่ผา้ ไทยมกั เป็นผอู้ าวุโสและข้าราชการ ดงั นน้ั การแกไ้ ขปัญหามีแนวทางดงั นี้ (๑) การออกแบบชดุ ไทยต้องใหเ้ หมาะสมกับการใชง้ านและรสนิยมสา้ หรบั คนในปัจจุบนั (๒) การเลอื กใชว้ ตั ถุดบิ และการออกแบบตัดเยบ็ ใหใ้ ช้วัตถดุ ิบที่ราคาไมแ่ พงและสามารถดแู ล รักษาไดง้ า่ ย (๓) การส่งเสริมให้มีกลุ่มคนท่ีเป็นผู้น้าแนวร่วมทางวัฒนธรรม เพื่อกระตุ้นกระแสสังคม ให้เกิดการสร้างค่านิยมชุดไทยอีกคร้ัง มีการสร้างกระแสแต่งกายชุดไทยบนสังคมออนไลน์ และโครงการ ท่ีสามารถด้าเนินการที่ประสบความส้าเร็จท่ีชัดเจนท่ีสุดจะเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรในสถาบันการศึกษา แต่งกายชุดไทยทกุ วันศกุ รข์ องสปั ดาห์ ๔) การรณรงค์ส่งเสริมการแต่งการผ้าไทยเป็นเรื่องที่มีความส้าคัญ และสามารถรณรงค์ ในสถาบันการศึกษาให้เป็นลักษณะการแต่งกายปกติประจ้าวัน โดยกลุ่มเป้าหมายท่ีมีจ้านวนมากท่ีสุดก็คือ นักเรียน และนักศึกษา จึงเห็นว่ากระทรวงวัฒนธรรมควรประสานความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีการรณรงค์แต่งกายผ้าไทย โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาของส้านักงานคณะกรรมการการศึกษา (ง)

ข้ันพื้นฐาน เพ่ือส่งเสริมให้นักเรียนได้มีความส้านึกรักผ้าไทย และรักความเป็นไทยภูมิใจในท้องถิ่นของตน โดยใช้ผ้าไทยในท้องถิ่นเพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ตลอดจนอาจจะพิจารณา กา้ หนดให้เปน็ เครอื่ งแต่งกายของนักเรยี นใหเ้ ป็นลักษณะของการใชผ้ า้ ไทยทเ่ี หมาะสมกบั วถิ ชี วี ติ และทอ้ งถนิ่ ตอ่ ไป ๕) การพิจารณาวิธีการน้าเสนอให้ชุดไทยเป็นชุดประจ้าชาติ เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรม การแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยให้เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย หากจะส่งเสริมให้ทุกคนได้หันกลับมาอนุรักษ์ การแต่งกายด้วยชุดไทย โดยรณรงค์ให้ประชาชนและบุคลากรของทุกหน่วยงานแต่งกายด้วยผ้าไทย ท่ีสามารถสวมใส่ในชีวิตประจา้ วันได้ ส่วนการกา้ หนดให้มีชุดไทยเป็นชุดประจ้าชาติต้องจัดท้ารูปแบบ ให้สอดคล้องกับสภาพการใช้ชีวิตของประชาชนชาวไทยที่หลากหลายในแต่ละภาคแต่ละอาชีพ ๖) การรณรงค์แต่งกายผ้าไทยให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ควรเป็นเจ้าภาพด้าเนินการอย่างต่อเนื่องในเร่ืองน้ี โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทงั้ ภาครัฐและเอกชน และก้าหนดขัน้ ตอนด้าเนินการดงั น้ี ๖.๑) กา้ หนดรูปแบบการแตง่ กายผ้าไทยของชายหญงิ ตามวาระโอกาสต่าง ๆ ใหช้ ัดเจน ๖.๒) ประชาสัมพนั ธ์และเดินสายรบั ฟังข้อคดิ เห็นของประชาชนทุกภาคต่างอาชีพและต่างวัย ๖.๓) นา้ ความเห็นจากประชาชนเป็นแนวทางการปรับปรุงรูปแบบการแต่งกายผ้าไทย ซง่ึ จะมรี ูปแบบทางเลอื กการแตง่ กายผา้ ไทยตามเจตนารมณข์ องการฟืน้ ฟูและพฒั นาวัฒนธรรมผ้าไทยได้ ๖.๔) เชิญชวนผู้น้าชุมชน สื่อมวลชน และดาราศิลปินทั้งหลาย หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน และระดับชาติแต่งกายผ้าไทยพร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการแต่งกายผ้าไทยอย่างต่อเน่ือง และถ่ายทอดกิจกรรมผ่านทางสารสนเทศสื่อสังคมเพ่ือให้สาธารณชนมีความเข้าใจ และซึมซับวัฒนธรรมไทย เกิดกระแสการแต่งกายผ้าไทยอย่างกว้างขวาง ท้ังยังก่อให้เกิดการผลิตการตลาดผ้าไทยเพ่ิมขึ้น เป็นการเสริมสร้างความเข้มแขง็ ของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศตามนโยบายของรัฐบาลอีกทางหน่ึงด้วย (จ)

การรณรงค์แต่งกายผ้าไทยและส่งเสริมชุดไทยเปน็ อัตลักษณป์ ระจาชาติ บทท่ี ๑ การจดั ต้งั และองคป์ ระกอบคณะกรรมาธกิ าร ๑. การจัดตง้ั คณะกรรมาธิการการศาสนา ศลิ ปะ วัฒนธรรมและการท่องเทีย่ ว คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเท่ียว เป็นคณะกรรมาธิการสามัญคณะหนึ่ง ซึ่งต้ังข้ึนในคราวประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๗ วันพฤหัสบดีท่ี ๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับช่ัวคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๑๓ วรรคสอง ประกอบกับ ขอ้ บงั คบั การประชมุ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้อ ๘๔ (๑๖) มีอานาจหน้าที่พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัติ กระทากิจการ พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ท่ีเกี่ยวกับการอุปถัมภ์ และคุ้มครองศาสนา การอนุรักษ์ศิลปะ การรักษาประเพณี วัฒนธรรมท้องถ่ิ น ภมู ิปญั ญาชาวบา้ น รวมทั้งการสง่ เสริมศลี ธรรม คณุ ธรรม จรยิ ธรรม วฒั นธรรม อตั ลักษณไ์ ทย และการท่องเท่ียว ซง่ึ คณะกรรมาธิการคณะนี้ประกอบดว้ ย (เมษายน ๒๕๕๘) ๑) พลตารวจเอก พชิ ติ ควรเดชะคุปต์ ประธานคณะกรรมาธกิ าร ๒) นายสมพร เทพสทิ ธา รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่หี น่ึง ๓) นายศรีศักด์ิ ว่องส่งสาร รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่ีสอง ๔) พลตารวจโท บุญเรอื ง ผลพานชิ ย์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่สี าม ๕) พลเรือเอก กาธร พุ่มหิรญั ประธานทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการ ๖) พลเอก ไพโรจน์ พานิชสมัย กรรมาธิการและทปี่ รึกษาคณะกรรมาธกิ าร ๗) พลเอก กิตตพิ งษ์ เกษโกวทิ กรรมาธิการและทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร ๘) นายนรนติ ิ เศรษฐบตุ ร กรรมาธกิ ารและทีป่ รกึ ษาคณะกรรมาธิการ ๙) นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล กรรมาธกิ ารและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๐) นายศักดิท์ ิพย์ ไกรฤกษ์ กรรมาธิการและท่ปี รึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๑) นางสุวมิ ล ภูมิสิงหราช เลขานุการคณะกรรมาธิการ ๑๒) พลอากาศเอก ธงชัย แฉล้มเขตร โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๓) นางสาวจนิ ตนนั ท์ ชญาต์ร ศุภมติ ร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร ๑๔) พลตรี ก้เู กียรติ ศรนี าคา กรรมาธิการ ๑๕) พลเอก คณิต สาพทิ ักษ์ กรรมาธกิ าร ๑๖) พลตารวจเอก จกั รทพิ ย์ ชยั จินดา กรรมาธิการ ๑๗) พลตารวจเอก ชัชวาลย์ สุขสมจติ ร์ กรรมาธกิ าร ๑๘) พลอากาศเอก ถาวร มณีพฤกษ์ กรรมาธกิ าร ๑๙) พลเอก นวิ ตั ิ ศรเี พ็ญ กรรมาธิการ ๒๐) พลเรอื เอก พลวฒั น์ สิโรดม กรรมาธกิ าร ๒๑) พลตารวจเอก พชั รวาท วงษส์ ุวรรณ กรรมาธกิ าร ๒๒) พลเอก พิสทิ ธ์ิ สิทธสิ าร กรรมาธิการ ๒๓. พลเอก ภาณุวัชร นาควงษม์ กรรมาธิการ ๒๔) พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยธุ ยา กรรมาธกิ าร ๒๕) พลเอก สนุ ทร ขาคมกุล กรรมาธิการ ๒๖) พลเรือเอก สรุ ศกั ดิ์ หรุ่นเรงิ รมย์ กรรมาธกิ าร -๑-

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและสง่ เสริมชดุ ไทยเป็นอัตลักษณ์ประจาชาติ -๒-

การรณรงค์แตง่ กายผ้าไทยและส่งเสริมชดุ ไทยเป็นอัตลักษณ์ประจาชาติ คณะกรรมาธกิ ารการศาสนา ศลิ ปะ วฒั นธรรม และการท่องเที่ยว สภานิตบิ ัญญัติแห่งชาติ พลตารวจเอก พชิ ติ ควรเดชะคปุ ต์ ประธานคณะกรรมาธกิ าร นายสมพร เทพสิทธา นายศรศี กั ด์ิ วอ่ งสง่ สาร พลตารวจโท บญุ เรือง ผลพานิชย์ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทห่ี นง่ึ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทสี่ อง รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทสี่ าม พลเรอื เอก กาธร พมุ่ หริ ัญ พลเอก ไพโรจน์ พานชิ สมยั พลเอก กติ ตพิ งษ์ เกษโกวิท ประธานทีป่ รกึ ษา กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ คณะกรรมาธกิ าร และทีป่ รึกษาคณะกรรมาธกิ าร และท่ปี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร -๓-

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและส่งเสริมชดุ ไทยเป็นอัตลักษณป์ ระจาชาติ นายนรนติ ิ เศรษฐบตุ ร นายวรี ะศกั ดิ์ ฟตู ระกลู นายศกั ดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร และท่ปี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร และท่ีปรึกษาคณะกรรมาธกิ าร และทปี่ รึกษาคณะกรรมาธกิ าร นางสวุ มิ ล ภมู ิสงิ หราช พลอากาศเอก ธงชัย แฉลม้ เขตร นางสาวจนิ ตนันท์ ชญาต์ร ศภุ มิตร เลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธิการ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร พลตรี กเู้ กียรติ ศรนี าคา พลเอก คณติ สาพทิ กั ษ์ พลตารวจเอก จักรทพิ ย์ ชัยจินดา กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร พลตารวจเอก ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ พลอากาศเอก ถาวร มณีพฤกษ์ พลเอก นวิ ตั ิ ศรเี พญ็ กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร -๔-

การรณรงค์แต่งกายผา้ ไทยและสง่ เสรมิ ชดุ ไทยเปน็ อัตลักษณ์ประจาชาติ พลเรอื เอก พลวฒั น์ สโิ รดม พลตารวจเอก พชั รวาท วงษ์สวุ รรณ พลเอก พสิ ทิ ธิ์ สิทธิสาร กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร พลเอก ภาณวุ ชั ร นาควงษม์ พลเอก วิชญ์ เทพหัสดนิ ณ อยุธยา พลเอก สนุ ทร ขาคมกุล กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ พลเรอื เอก สุรศกั ดิ์ หรุ่นเรงิ รมย์ กรรมาธิการ -๕-

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและสง่ เสริมชดุ ไทยเป็นอัตลักษณ์ประจาชาติ -๖-

การรณรงค์แตง่ กายผ้าไทยและส่งเสริมชุดไทยเปน็ อัตลักษณป์ ระจาชาติ ๒. การแตง่ ต้ังบคุ คลตาแหน่งตา่ ง ๆ ในคณะกรรมาธิการ ๒.๑ การแตง่ ตง้ั ท่ีปรกึ ษากติ ติมศกั ดปิ์ ระจาคณะกรรมาธิการ ๑) นางธนั ยรศั ม์ อจั ฉรยิ ะฉาย ๒) นายดารง พฒุ ตาล ๓) ศาสตราจารยเ์ กียรติคณุ ตรึงใจ บรู ณสมภพ ๔) หม่อมราชวงศว์ ฒุ เิ ลศิ เทวกุล ๕) นายสุริยา ปนั จอร์ ๖) นายอนศุ าสน์ สวุ รรณมงคล ๗) พลเอก ธารไชยยันต์ ศรีสวุ รรณ ๘) พลอากาศเอก อาคม กาญจนหริ ญั ๙) พลตารวจโท ธเนตร์ พณิ เมอื งงาม ๑๐) พลตารวจตรี อภิรตั นยิ มการ ๑๑) พลโท ณฐ พรจลุ ศกั ดิ์ ๑๒) พนั ตารวจเอก ภวู เดช ราญสระน้อย ๑๓) นายณัฐพชั ร์ อนิ ทุภตู ิ ๑๔) นายวัชระ ตนั ตรานนท์ ๑๕) นายไพรชั พรสมบรู ณศ์ ริ ิ ๑๖) นางนิสา โรจนร์ งุ่ รงั สี ๑๗) นางธัชกร เหมะจันทร์ ๑๘) นายอนนั ต์ เดชอนันตชาติ ๑๙) รองศาสตราจารยว์ ิชุดา รตั นเพียร ๒๐) ผชู้ ่วยศาสตราจารยส์ ดุ สันต์ สุทธิพิศาล ๒๑) นางชตุ มิ า ปิงเมอื ง ๒๒) หมอ่ มหลวงหทัยชนก กฤดากร ๒๓) นายประยงค์ เต็มชวาลา ๒๔) นางเรวดี สกลุ พาณิชย์ ๒๕) นายวชิ ยั ปิยวรรณวงศ์ ๒๖) นายกุลศกั ด์ิ โชติยะปุตตะ ๒๗) นายพรชัย จงภกั ดี ๒๘) นางสาวฐาปนีย์ เกียรตไิ พบลู ย์ ๒๙) นายณัฐพล ทองคา ๓๐) นายอธิ อนนั ตศิลป์ ๓๑) นายปฐมพงษ์ โพธิ์ประสทิ ธนิ นั ท์ ๓๒) นายอาทติ ย์ ทรัพย์บญุ เสรี ๓๓) ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ว่าทรี่ อ้ ยตรี สทุ ธพิ ร บญุ สง่ -๗-

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและส่งเสรมิ ชุดไทยเป็นอตั ลักษณป์ ระจาชาติ ๒.๒ การแต่งตัง้ ทปี่ รึกษา นักวชิ าการ และเลขานุการประจาคณะกรรมาธกิ าร ๑) นายพนม ปยิ เ์ จริญ ที่ปรึกษาประจาคณะกรรมาธกิ าร ๒) นายเรงิ ศกั ดิ์ สทู กวาทนิ นักวชิ าการประจาคณะกรรมาธกิ าร ๓) นายนพพร เทพสทิ ธา นักวชิ าการประจาคณะกรรมาธกิ าร ๔) พันเอก วีระพล ติยะโคตร นกั วชิ าการประจาคณะกรรมาธกิ าร ๕) นาวาอากาศเอก ฐานตั ถ์ จนั ทร์อาไพ นักวชิ าการประจาคณะกรรมาธกิ าร ๖) พนั เอก เพิม่ เกยี รติ อม่ิ พิทกั ษ์ นักวชิ าการประจาคณะกรรมาธกิ าร ๗) พนั ตารวจโท สขุ สวัสด์ิ คูสทิ ธผิ ล นกั วชิ าการประจาคณะกรรมาธิการ ๘) พนั ตารวจโท ศุภโชค หยงสตาร์ นักวชิ าการประจาคณะกรรมาธิการ ๙) พันตารวจตรี กิตตณิ ตั ิ์ ปรชี าวุฒวิ งศ์ นกั วชิ าการประจาคณะกรรมาธกิ าร ๑๐) เรอื อากาศเอกหญิง แสงจนั ทร์ พิมพส์ กุล นักวชิ าการประจาคณะกรรมาธิการ ๑๑) รอ้ ยเอก สนี วน นวมนม่ิ นกั วชิ าการประจาคณะกรรมาธิการ ๑๒) นายนติ ิ มขุ ยวงศา นักวชิ าการประจาคณะกรรมาธกิ าร ๑๓) นายวรี ะยศ เทพหัสดนิ ณ อยุธยา นักวชิ าการประจาคณะกรรมาธกิ าร ๑๔) พนั ตารวจโท นครัฐ ปริปุณนานนท์ เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธกิ าร ๑๕) พันตรี ณฐกร วัชรประทปี เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธิการ ๑๖) พนั ตารวจโท อนันต์ ชัยชาญ เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธกิ าร ๑๗) รอ้ ยตารวจเอก สรุ ตั น์ สัตยาพนั ธ์ เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธกิ าร ๑๘) นาวาโท สวาสดิ์ เพชรดี เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธกิ าร ๑๙) นาวาโท สมพล มหาสงิ ห์ เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธกิ าร ๒๐) นาวาตรี มนัส ฤกษง์ าม เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธิการ ๒๑) นางสาวนวลนภิ า เรอื นใหม่ เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธกิ าร ๒๒) นายเอกศกั ด์ิ อนุ่ ใจ เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธกิ าร ๒๓) นางสาวอวสั ดา ปกมนตรี เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธิการ ๒๔) นางวชิ นี วุฒพิ งศ์ ทองสมจติ ร เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธิการ ๒๕) นายคณินวฒั น์ สาพิทักษ์ เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธิการ ๒๗) นายคณติ พรหมหีต เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธิการ ๒๘) นางสาวชนิกานต์ อยสู่ ถาพร เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธิการ -๘-

การรณรงค์แตง่ กายผ้าไทยและสง่ เสริมชดุ ไทยเป็นอัตลักษณ์ประจาชาติ ๓. การแตง่ ต้งั คณะอนกุ รรมาธิการด้านศิลปะและวฒั นธรรม คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเท่ียว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีคาส่ังท่ี ๓/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ แต่งต้ังคณะอนกุ รรมาธกิ ารดา้ นศลิ ปะและวัฒนธรรม โดยมีอานาจหน้าที่พิจารณาศึกษาการดาเนินงานด้านการอนุรักษ์ศิลปะ การรักษาประเพณีวัฒนธรรม ท้องถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน และการส่งเสริมวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ไทย รวมทั้งดาเนินการด้านอ่ืน ๆ ตามทคี่ ณะกรรมาธิการมอบหมาย องคป์ ระกอบ อนุกรรมาธกิ าร ๑). นายศรศี ักดิ์ วอ่ งสง่ สาร ประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๒) พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รองประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร ๓) พลเอก ทนงศักดิ์ จนิ ดาลทั ธ อนุกรรมาธิการ ๔) พลโทสมบรู ณ์ ศรมี ณฑา อนกุ รรมาธกิ าร ๕) รองศาสตราจารย์กาโชค เผอื กสวุ รรณ อนุกรรมาธกิ าร ๖) นางจิตราภา สนุ ทรพพิ ิธ อนุกรรมาธิการ ๗) นายประทีป สุนทรารชนุ อนกุ รรมาธกิ าร ๘) นายกิตริ ัตน์ คา้ สุวรรณ์ อนุกรรมาธิการ ๙) นางสาวนฎาประไพ สจุ ริตกลุ อนุกรรมาธกิ าร ๑๐) นายประสาน หวังรัตนปราณี อนกุ รรมาธกิ ารและเลขานุการ ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑) พลเอก กิตตพิ งษ์ เกษโกวทิ ประธานทปี่ รึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๒) พลเรอื เอก สรุ ศักดิ์ หรุน่ เริงรมย์ รองประธานท่ีปรกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ ารคนทห่ี นงึ่ ๓) พลเอก คณิต สาพทิ ักษ์ รองประธานทป่ี รึกษาคณะอนกุ รรมาธิการคนท่ีสอง ๔) พลเอก ภาณวุ ัชร นาควงษม์ ที่ปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๕) พลเอก พิสทิ ธิ์ สทิ ธิสาร ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๖) พลตรี กเู้ กียรติ ศรีนาคา ท่ปี รึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๗) นางสาวจินตนนั ท์ ชญาต์ร ศุภมิตร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๘) พลเอก นวิ ัติ ศรีเพญ็ ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๙) นางยุพรินทร์ วรบตุ ร ทีป่ รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๑๐) พันตารวจเอก ยงยทุ ธ ภกั ดีมงคล ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๑) นายประเทอื ง เครือหงส์ ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๑๒) นางปริศนา พงษ์ทดั ศริ กิ ุล ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๑๓) นางเรวดี สกุลพาณิชย์ ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๑๔) นาวาอากาศเอก คมั ภีร์ คัมภรี ญาณนนท์ ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร -๙-

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและสง่ เสริมชุดไทยเปน็ อตั ลักษณ์ประจาชาติ - ๑๐ -

การรณรงค์แต่งกายผา้ ไทยและสง่ เสรมิ ชุดไทยเป็นอตั ลักษณ์ประจาชาติ รายนามคณะอนกุ รรมาธกิ ารดา้ นศิลปะและวฒั นธรรม นายศรศี กั ด์ิ วอ่ งสง่ สาร ประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร พลเอก วชิ ญ์ เทพหสั ดนิ ณ อยุธยา พลเอก ทนงศกั ด์ิ จนิ ดาลัทธ พลโท สมบรู ณ์ ศรมี ณฑา รองประธานคณะอนกุ รรมาธิการ อนกุ รรมาธิการ อนกุ รรมาธิการ รองศาสตราจารยก์ าโชค เผอื กสวุ รรณ นางจติ ราภา สนุ ทรพพิ ธิ นายประทปี สนุ ทรารชนุ อนกุ รรมาธิการ อนกุ รรมาธกิ าร อนุกรรมาธิการ นายกติ ิรตั น์ ค้าสวุ รรณ์ นางสาวนฎาประไพ สจุ รติ กุล นายประสาน หวงั รตั นปราณี อนุกรรมาธกิ าร อนกุ รรมาธกิ าร อนุกรรมาธกิ ารและเลขานกุ าร - ๑๑ -

การรณรงค์แตง่ กายผ้าไทยและส่งเสรมิ ชุดไทยเปน็ อตั ลักษณป์ ระจาชาติ รายนามที่ปรกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ ารดา้ นศลิ ปะและวฒั นธรรม พลเอก กติ ตพิ งษ์ เกษโกวทิ ประธานท่ปี รกึ ษา คณะอนกุ รรมาธกิ าร พลเรือเอก สุรศกั ดิ์ หรุน่ เริงรมย์ พลเอก คณติ สาพิทกั ษ์ รองประธานทปี่ รึกษา รองประธานทปี่ รกึ ษา คณะอนกุ รรมาธิการ คนท่ีสอง คณะอนกุ รรมาธิการ คนที่หน่ึง พลเอก ภาณุวชั ร นาควงษม์ พลเอก พิสิทธิ์ สทิ ธสิ าร พลตรี กเู้ กยี รติ ศรนี าคา ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ - ๑๒ -

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและส่งเสริมชดุ ไทยเปน็ อัตลักษณ์ประจาชาติ รายนามท่ปี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ ารดา้ นศิลปะและวฒั นธรรม นางสาวจนิ ตนนั ท์ ชญาตร์ ศภุ มติ ร พลเอก นวิ ัติ ศรีเพญ็ นางยุพรนิ ทร์ วรบตุ ร ทปี่ รึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ทีป่ รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ พันตารวจเอกยงยุทธ ภักดมี งคล นายประเทอื ง เครอื หงส์ นางปริศนา พงษท์ ัดศิริกลุ ท่ีปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ทีป่ รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ท่ปี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร นางเรวดี สกุลพาณชิ ย์ นาวาอากาศเอกคัมภรี ์ คัมภรี ญาณนนท์ ทปี่ รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ท่ปี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร - ๑๓ -

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและสง่ เสริมชุดไทยเปน็ อตั ลักษณ์ประจาชาติ - ๑๔ -

การรณรงค์แต่งกายผ้าไทยและสง่ เสริมชดุ ไทยเปน็ อัตลักษณ์ประจาชาติ บทที่ ๒ การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทย และสง่ เสรมิ ชุดไทยเปน็ อัตลกั ษณป์ ระจาชาติ ๑. ความเปน็ มา คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเท่ียว เป็นคณะกรรมาธิการสามัญ คณะหน่งึ ซึ่งตง้ั ข้นึ ในคราวประชมุ สภานิตบิ ญั ญัตแิ ห่งชาติ คร้ังที่ ๑๔/๒๕๕๗ วันพฤหสั บดีที่ ๙ ตลุ าคม ๒๕๕๗ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย (ฉบับชว่ั คราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๑๓ วรรคสอง ประกอบ กับข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้อ ๘๔ (๑๖) มีอานาจหน้าท่ีพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัติ กระทากิจการ พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเร่ืองใด ๆ ท่ีเก่ียวกับการอุปถัมภ์ และคุ้มครองศาสนา การอนุรักษ์ศิลปะ การรักษาประเพณี วัฒนธรรมท้องถ่ิน ภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมท้ังการส่งเสริมศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม อตั ลักษณ์ไทย และการทอ่ งเทย่ี ว คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเท่ียว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ อาศัยอานาจตามความในข้อบังคับการประชุมสภานติ บิ ัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้อ ๙๑ วรรคสี่และวรรคห้า แตง่ ต้ังคณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะและวัฒนธรรม มอี านาจหน้าที่ในการพจิ ารณาศึกษาการดาเนินงาน ด้านการอนุรักษ์ศิลปะ การรักษาประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน และการสง่ เสริม วัฒนธรรม และอตั ลกั ษณไ์ ทย รวมท้ังดาเนินการด้านอ่ืน ๆ ตามที่คณะกรรมาธิการมอบหมาย คณะอนุกรรมาธิการเห็นว่า ในสภาวะสังคมไทยในปัจจุบัน เด็ก เยาวชน และประชาชนส่วนใหญ่ มีพฤติกรรมเบีย่ งเบนทางสังคมวัฒนธรรมไทยเพิ่มมากขึ้น พฤติกรรมดังกล่าวนับวันจะทาให้วัฒนธรรมไทย อันดีงามเสื่อมลง เห็นได้จากค่านิยมการแต่งกายของวัยรุ่นไทยที่ชอบลอกเลียนแบบการแต่งกาย ของศิลปิน นักร้อง นักแสดงของต่างประเทศ ซึ่งจะนิยมการแต่งกายแบบเปิดเผยร่างกายเป็นการ ไม่เหมาะสมอย่างย่ิง รวมท้ังในปี ๒๕๕๘ รัฐบาลได้จัดการส่งเสริมปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ เพ่ือส่งเสริม การท่องเที่ยวไทย และนาเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทยผ่านวิถีไทย เพื่อสร้างการรับรู้ความเป็นเอกลักษณ์ ของพ้ืนที่ในด้านเอกลักษณ์วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่นจากทุกภูมิภาคของประเทศ และปลูกฝังความภาคภูมิใจในความเป็นชาติสู่นักท่องเที่ยวต่างประเทศ จึงได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับ การรณรงคแ์ ตง่ กายผ้าไทยและส่งเสรมิ ชดุ ไทยเป็นอตั ลักษณป์ ระจาชาติ ๒. วตั ถปุ ระสงค์ ๒.๑ เพ่อื รว่ มอนุรักษ์ ฟน้ื ฟู สนบั สนุน ส่งเสรมิ และสืบสานเอกลกั ษณ์ประจาชาติไทย ๒.๒ เพ่อื รว่ มอนรุ ักษ์และเผยแพร่วฒั นธรรมการแต่งกายด้วยผ้าไทยใหค้ งอยู่สืบไป ๒.๓ เพ่อื ส่งเสรมิ ใหต้ ระหนักในคณุ ค่าและรกั วัฒนธรรมไทย ๓. ประโยชน์ที่คาดว่าจะไดร้ บั ๓.๑ รว่ มอนุรกั ษ์ ฟ้นื ฟู สนบั สนนุ สง่ เสริม และสืบสานเอกลักษณ์ประจาชาตไิ ทย ๓.๒ ร่วมอนรุ ักษแ์ ละเผยแพร่วฒั นธรรมการแต่งกายดว้ ยผ้าไทยใหค้ งอยูส่ ืบไป ๓.๓ ชุดไทยเป็นอตั ลกั ษณป์ ระจาชาติ - ๑๕ -

การรณรงค์แต่งกายผ้าไทยและสง่ เสริมชดุ ไทยเป็นอัตลักษณป์ ระจาชาติ ๔. วิธีการดาเนนิ การ ๔.๑ การประชุมพจิ ารณารณรงค์แตง่ กายผ้าไทยและส่งเสริมชดุ ไทยเปน็ อตั ลกั ษณ์ ประจาชาติ ๑) การประชุมคณะอนกุ รรมาธิการ คร้ังที่ ๖/๒๕๕๘ วนั จนั ทร์ท่ี ๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๘ พิจารณาแนวทางในการรณรงค์ส่งเสริมให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติแต่งกาย ด้วยชุดไทยหรือผ้าไทย โดยคณะอนุกรรมาธิการได้พิจารณารูปแบบการแต่งกายด้วยชุดไทยหรือผ้าไทยของ สมาชิกสภานติ บิ ัญญัติแห่งชาติ ในเบอ้ื งต้นมปี ระเด็นการพิจารณาดังน้ี (๑) การแต่งกายของสุภาพสตรี ไม่ต้องมีการกาหนดรูปแบบให้เป็นการเฉพาะ เพื่อให้ สามารถเลือกสวมใส่ได้ตามความเหมาะสม แต่กาหนดให้ใช้วัสดุสาหรับการตัดเย็บเป็นผ้าไทย อาทิ ผ้าไหม ผา้ ฝา้ ย หรอื ผ้าที่มกี ารผลติ ในประเทศไทย โดยมีเอกลักษณเ์ ฉพาะในแต่ละท้องถนิ่ (๒) การแต่งกายของสภุ าพบุรุษ ไดม้ กี ารอภปิ รายแบ่งออกเปน็ ๒ ประเดน็ คอื  ฝ่ายท่ีหน่ึงเห็นว่าเส้ือของสุภาพบุรุษควรเป็นเส้ือพระราชทานของบุรุษแบบคอตั้ง ทง้ั แขนสัน้ และแขนยาว  ฝ่ายท่ีสองเห็นว่าเสื้อของสุภาพบุรุษสามารถเลือกใช้ได้ท้ังรูปแบบของเสื้อ พระราชทานของบุรษุ แบบคอต้งั และรูปแบบอนื่ ท่มี ลี ักษณะเปน็ เสอื้ คอปกเชติ้ ท้ังแขนส้ันและแขนยาว ๒) การประชมุ คณะอนุกรรมาธิการ คร้งั ที่ ๗/๒๕๕๘ วนั จนั ทรท์ ี่ ๑๖ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๘ พิจารณาแนวทางในการรณรงคส์ ง่ เสริมให้สมาชกิ สภานติ ิบัญญตั ิแห่งชาติแต่งกายด้วยชุดไทย หรือผ้าไทย โดยคณะอนุกรรมาธิการได้ร่วมกันพิจารณากาหนดรูปแบบของการแต่งกายด้วยผ้าไทย ซงึ่ ไดม้ ีข้อยตุ ิสาหรับการจดั ทาโครงการรณรงคแ์ ต่งกายผ้าไทยหรือชุดไทยเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ กจิ การสภานิติบญั ญัตแิ ห่งชาติพจิ ารณาเหน็ ชอบตอ่ ไป โดยมรี ายละเอียดดงั นี้ (๑) หลกั การและเหตุผล ผ้าไทย เป็นมรดกอันทรงคณุ ค่าทางภูมปิ ญั ญาของคนไทย ซ่งึ ไดม้ กี ารสร้างสรรค์ สั่งสม สืบทอดและพัฒนาสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยผ้าไทย หมายถึง ผ้าทุกชนิดท่ีประดิษฐ์คิดค้นข้ึนโดยฝีมือ คนไทย อาทิ ผ้าลายขิด ผ้ายก ผ้าจก นา้ ไหล มัดหมี่ ผ้าพื้นเมือง เป็นวัตถุดิบท่ีสาคัญในการแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์ได้มากมาย เช่น เสื้อผ้า หมอน ผ้าห่ม กระเป๋า เป็นต้น สร้างชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลก ส่งผลให้ชาวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยหลงไหล และสร้างรายได้ให้กับประเทศชาติเป็นเงิน มากกว่าพันล้านบาทต่อปี โดยสว่ นใหญ่ผ้าไทยแบบดงั้ เดมิ ท่ีไดร้ ับความนยิ มจากชาวต่างชาตแิ ละบคุ คลทวั่ ไป เปน็ ผลิตภัณฑ์ท่ีทอมาจากเครื่องกี่มือและกี่กระตุกมีโครงสร้างของเส้นด้ายทาจากเส้นใยธรรมชาติจาพวกไหม (Slik) และฝา้ ย (Cotton) มเี พยี งสว่ นนอ้ ยท่ีทาจากลินิน สภาพสังคมไทยในปจั จบุ นั เด็ก เยาวชน และประชาชนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน ทางสังคมวัฒนธรรมไทยเพ่ิมมากข้ึน พฤติกรรมดังกล่าวนับวันจะทาให้วัฒนธรรมไทยอันดีงามเส่ือมลง เห็นไดจ้ ากคา่ นยิ มการแตง่ กายของวยั รุ่นไทยทช่ี อบลอกเลียนแบบการแต่งกายของศิลปิน นักร้อง นักแสดง ของตา่ งประเทศ ซ่ึงจะนยิ มการแตง่ กายแบบเปดิ เผยรา่ งกายเปน็ การไมเ่ หมาะสมอย่างย่งิ - ๑๖ -

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและสง่ เสรมิ ชดุ ไทยเป็นอัตลักษณป์ ระจาชาติ ในพุทธศักราช ๒๕๕๘ รัฐบาลได้จัดการส่งเสริมปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ เพ่ือส่งเสริมการท่องเท่ียวไทย และนาเสนอภาพลักษณป์ ระเทศไทยผ่านวิถีไทย เพ่ือสร้างการรับรู้ความเป็น เอกลักษณ์ของพื้นที่ในด้านเอกลักษณ์วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถ่ิน จากทุกภูมิภาคของประเทศ และปลกู ฝังความภาคภูมิใจในความเปน็ ชาติสู่นกั ท่องเท่ียวต่างประเทศ คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเท่ียว สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ และคณะอนกุ รรมาธิการด้านศิลปะและวัฒนธรรม ในฐานะท่รี ับผดิ ชอบงานดา้ นการอนรุ ักษ์ศิลปะ การรักษาประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน และการส่งเสริมวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ไทย จึงได้เห็นสมควรมีการรณรงค์ส่งเสริมให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติแต่งกายด้วยผ้าไทย เพ่ือ ร่วม อนุรักษ์ ฟื้นฟู สนับสนุน ส่งเสริม และสืบสานเอกลักษณ์ประจาชาติไทย รวมท้ังร่วมส่งเสริมปีท่องเท่ียว วิถีไทย ๒๕๕๘ และสามารถเป็นต้นแบบให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้ตระหนักถึงความสาคัญ ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู สนับสนุน และสืบสานเอกลักษณ์ประจาชาติไทย พร้อมทั้งสืบสานการสวมใส่ ใช้ผ้าไทยอย่างสม่าเสมอในชีวิตประจาวัน ท้ังการใช้ในรูปแบบของเส้ือผ้าหรือของใช้อ่ืน ๆ หลากหลาย รูปแบบ อาทิ การแต่งกายด้วยผ้าไทยในชุดพระราชทานสาหรับสุภาพบุรุษ และชุดไทยพระราชนิยม สาหรับสุภาพสตรี รวมถึงการใช้ชุดแนวประยุกต์ที่มีการส่งเสริมค่านิยมคนรุ่นใหม่ให้หันมาใช้ผ้าไทย อย่างจริงจัง โดยนาผ้าไทยมาตัดเย็บให้เข้ากับเสื้อผ้ายุคใหม่ในทุกรูปแบบ หรือจะนามาผสมผสาน (MIX & MATCH) ตกแต่งด้วยความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ทาให้เสื้อผ้าดูมีเอกลักษณ์ และดัดแปลง ให้ดูทันสมัยเข้าได้กับทุกแฟช่ัน ผนวกกับการใช้เคร่ืองประดับอื่น ๆ ประกอบด้วย เพ่ือให้คนนิยมใช้ผ้าไทย และแสดงให้เห็นว่าผา้ ไทยสามารถออกแบบได้ตามรูปรา่ งท่ตี นเองต้องการ และใชไ้ ดท้ ุกโอกาสอกี ดว้ ย (๒) วัตถปุ ระสงค์ ๒.๑) เพือ่ ร่วมอนรุ ักษ์ ฟน้ื ฟู สนบั สนุน สง่ เสรมิ และสืบสานเอกลักษณป์ ระจาชาตไิ ทย ๒.๒) เพื่อร่วมอนรุ กั ษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมการแต่งกายด้วยผา้ ไทยใหค้ งอยสู่ บื ไป ๒.๓) เพื่อสง่ เสริมใหต้ ระหนักในคณุ คา่ และรกั วัฒนธรรมไทย (๓) กลุม่ เป้าหมาย ๓.๑) สมาชิกสภานติ บิ ัญญัตแิ หง่ ชาติ ๓.๒) คณะกรรมาธกิ ารการศาสนา ศิลปะ วฒั นธรรมและการทอ่ งเท่ยี ว สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ คณะอนุกรรมาธิการด้านการศาสนา คณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะและวัฒนธรรม และคณะอนุ กรรมาธิการดา้ นการทอ่ งเทีย่ ว (๔) รปู แบบการแตง่ กายด้วยผ้าไทย วัสดุสาหรับการตัดเย็บเป็นผ้าไทย อาทิ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย หรือ ผ้าที่มีการผลิต ในประเทศไทยโดยมเี อกลกั ษณ์เฉพาะในแต่ละทอ้ งถนิ่ (๔.๑) การแตง่ กายของสุภาพสตรี  ชุดไทยจิตรลดา สาหรับเปน็ ทางการ  ชุดไทยเรือนต้น  ชุดอื่น ๆ โดยไม่กาหนดรูปแบบเป็นการเฉพาะ เพื่อให้สามารถเลือก สวมใส่ได้ตามความสะดวกและความเหมาะสมของแต่ละบุคคลในโอกาสต่าง ๆ จะส้ันหรือยาวก็ได้ ซงึ่ กาหนดใหใ้ ช้วสั ดุสาหรบั การตัดเย็บเปน็ ผ้าไทย ได้แก่ ผ้าไหม ผา้ ฝา้ ย - ๑๗ -

การรณรงค์แต่งกายผ้าไทยและสง่ เสริมชดุ ไทยเป็นอัตลักษณป์ ระจาชาติ (๔.๒) การแต่งกายของสุภาพบุรษุ  เสื้อพระราชทานแขนยาว สาหรับเปน็ ทางการ  เสื้อพระราชทานแขนสั้น  เส้อื ผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายแบบปกเชต้ิ แขนส้ันหรือแขนยาว (๕) ระยะเวลาดาเนินการ สมยั ประชุมสภานติ บิ ัญญัตแิ หง่ ชาติ (๖) ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะไดร้ บั (๖.๑) ร่วมอนุรกั ษ์ ฟ้ืนฟู สนบั สนนุ สง่ เสรมิ และสืบสานเอกลักษณป์ ระจาชาติไทย (๖.๒) ร่วมอนุรักษแ์ ละเผยแพรว่ ัฒนธรรมการแตง่ กายด้วยผา้ ไทยให้คงอยู่สบื ไป (๖.๓) ไดต้ ระหนกั ในคณุ ค่าและรักวฒั นธรรมไทย (๗) หนว่ ยงานท่ีรบั ผิดชอบ คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเท่ียว สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ เป็นผู้เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเห็นชอบ และดาเนินการขอความร่วมมอื ให้สมาชกิ สภานิติบัญญัตแิ หง่ ชาตแิ ต่งกายด้วยผา้ ไทยตอ่ ไป ๓) การประชุมคณะอนกุ รรมาธกิ าร ครงั้ ที่ ๘/๒๕๕๘ วันจนั ทร์ท่ี ๒๓ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๘ การรณรงค์ส่งเสริมให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติแต่งกายด้วยชุดไทยหรือผ้าไทย โดยคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว มีมติเห็นชอบให้เสนอ โครงการรณรงค์แต่งกายผ้าไทยหรือชุดไทย ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้มีข้อสังเกตของการแต่งกายด้วยชุดไทยหรือผ้าไทย โดยมีความเห็นว่าเพ่ือร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟู สนับสนุน ส่งเสริม และสืบสานวัฒนธรรมด้านการแต่งกาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจาชาติไทย รวมทั้งร่วมส่งเสริมปีการท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ สามารถเป็น ต้นแบบให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้ตระหนักถึงความสาคัญในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู สนับสนุน และสืบสานเอกลักษณ์ประจาชาติไทย และเพื่อส่งเสริมค่านิยมคนรุ่นใหม่ให้หันมาใช้ผ้าไทยอย่างจริงจัง จึงเสนอให้คณะอนุกรรมาธิการได้พิจารณาแนวทางในการผลักดันให้มีการแต่งการด้วยชุดผ้าไทยเป็นวาระ แหง่ ชาติต่อไป ๔) การประชุมคณะอนุกรรมาธิการ ครงั้ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ วันจันทรท์ ี่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ การพิจารณาแนวทางในการผลักดันการแต่งกายด้วยชุดไทยเป็นชุดประจาชาติ โดยสืบเน่ืองจากท่ีไดม้ ีการนาเสนอโครงการใหส้ มาชิกสภานติ ิบัญญตั ิแหง่ ชาติ แต่งกายด้วยชุดผ้าไทยในการ เข้าร่วมประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทาให้โครงการดังกล่าวประสบ ความสาเร็จ จึงไดม้ แี นวความคดิ ในการขยายผลการดาเนินงานใหก้ ว้างขวางมากขึ้น โดยเหน็ สมควรให้มกี าร การผลักดันให้การแต่งกายด้วยชุดไทยเป็นชุดประจาชาติ ในการน้ี คณะอนุกรรมาธิการจะได้ดาเนินการ เป็นต้นแบบในเรื่องดังกล่าว จึงเห็นสมควรให้อนุกรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการแต่งกาย ดว้ ยผ้าไทยในการประชมุ คณะอนกุ รรมาธกิ ารดว้ ย - ๑๘ -

การรณรงค์แตง่ กายผ้าไทยและสง่ เสริมชุดไทยเปน็ อตั ลักษณ์ประจาชาติ ๕) การประชุมคณะอนกุ รรมาธกิ าร คร้ังที่ ๑๗/๒๕๕๘ วันจันทร์ท่ี ๑๕ มิถนุ ายน ๒๕๕๘ การพิจารณาแนวทางในการผลักดันการแต่งกายด้วยชุดไทยเป็นชุดประจาชาติ โดยคณะอนกุ รรมาธิการเห็นวา่ เพ่ือใหป้ ระเทศไทยได้มีชุดท่เี ปน็ เอกลักษณ์ซง่ึ แสดงถึงความเป็นไทย และเพอ่ื รว่ ม อนุรักษ์ ฟ้ืนฟูสืบสานวัฒนธรรมการใช้ผ้าไทยให้คงอยู่สืบไป โดยรูปแบบในการตัดเย็บน้ัน ควรคานึงถึง ความเหมาะสมของการสวมใส่ในโอกาสต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ในการนี้ คณะอนกุ รรมาธิการจะได้ดาเนินการเป็นต้นแบบในเรื่องดังกล่าว จึงเห็นสมควรให้อนุกรรมาธิการ และท่ปี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการแตง่ กายด้วยผ้าไทยในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้วย โดยเริ่มต้ังแต่ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ เปน็ ต้นไป ๖) การประชมุ คร้ังที่ ๑๘/๒๕๕๘ วันจนั ทร์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ การพิจารณาแนวทางส่งเสริมการแต่งกายชุดไทยเป็นชุดประจาชาติ โ ด ย ค ณ ะ อ นุ กรรมาธิการไ ด้ทาการศึกษาข้อมูลในส่วนท่ีเกี่ยวข้องจากเอกสารการดาเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ท่ีผ่านมา ทราบว่าในรัฐบาลชุดก่อนได้มีการส่งเสริมการแต่งกายด้วยผ้าไทยมาโดยตลอด และมีหนังสือ ของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการรณรงค์แต่งกายด้วยผ้าไทย อาทิ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวง วัฒนธรรม ซึ่งกระทรวงมหาดไทยไดม้ ีหนงั สือขอความร่วมมอื ให้แต่งกายด้วยผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวัน จานวนหลายฉบับ ต้ังแต่เดอื นมิถุนายน ๒๕๕๔ แจง้ ไปยงั หัวหน้าสว่ นราชการตา่ ง ๆ ภายในกระทรวงทัง้ หมด รวมถึงส่วนราชการภูมิภาคและท้องถ่ินด้วย และคณะรัฐมนตรีก็ได้มีหนังสือแจ้งส่วนราชการทุกหน่วยงาน ให้มีการส่งเสริมแต่งกายด้วยผ้าไทยหรือชุดไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละหน่ึงวัน รวมท้ังกระทรวงวัฒนธรรม โดยนายนพิ ฏิ ฐ์ อินทรสมบตั ิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในขณะนั้น ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ ได้มีการเชิญชวน ให้ทุกกระทรวงแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมหรือผ้าไทย และมีตัวอย่างการแต่งกายเป็นต้นแบบของผู้หญิง และผู้ชาย อาทิ ผ้ชู ายแต่งกายด้วยเสอ้ื พระราชทาน มี ๓ แบบ คอื แบบแขนสนั้ ใช้ใส่ทางานปกติ แบบแขนยาว แตไ่ มค่ าดผ้าใชใ้ นโอกาสเปน็ ทางการแต่ไม่เต็มยศ และแบบแขนยาวคาดผ้าใช้ในโอกาสเต็มยศ ส่วนชุดไทย ของผู้หญิงมีแบบหลากหลายมาก โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทาน มีจานวน ๘ แบบ ที่ใช้สาหรับพิธีต่าง ๆ ประกอบด้วย ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอัมรินทร์ ชดุ ไทยบรมพมิ าน ชดุ ไทยจักรี ชดุ ไทยดสุ ิต ชดุ ไทยจักรพรรดิ และชดุ ไทยศลิ าลัย จากการติดตามข้อมูลพบว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้มีการดาเนินการในเร่ืองดังกล่าว มานานถึง ๒๐ – ๓๐ ปีท่ีผ่านมา และในปัจจุบันได้มีการเสนอการแต่งกายผ้าไทย ในคณะกรรมการ วฒั นธรรมแห่งชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในการประชุม โดยได้มอบหมายให้กระทรวง วัฒนธรรมกาหนดความหมายของคาว่า “แต่งกายด้วยผ้าไทย” เพ่ือให้เกิดความชัดเจนและสื่อให้ทุกคน ได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน และได้กาชับว่าอย่าให้เป็นภาระแก่ผู้แต่งกายมากจนเกินไป ดังนั้น จากการศึกษา ข้อมลู มาทั้งหมดพบว่ากระทรวงวัฒนธรรมได้มีโครงการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ผ้าไทยเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า สริ กิ ติ ิ์พระบรมราชนิ นี าถ เน่ืองในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๘ โดยมีวตั ถปุ ระสงคใ์ นการรณรงคแ์ ละเผยแพร่ประชาสัมพนั ธ์ให้ทกุ เพศทุกวัยสวมใสแ่ ละใช้ผลติ ภณั ฑ์จากผ้าไทย หลากหลายรูปแบบมากข้ึน เป็นการสนับสนุนส่งเสริมอาชีพเพ่ือเพ่ิมรายได้ให้กับผู้ที่เก่ียวข้องกับการผลิต และจาหนา่ ยผลติ ภัณฑผ์ า้ ไทย กล่มุ เปา้ หมาย คือ กล่มุ วัยร่นุ และคนรนุ่ ใหม่ รวมถงึ กลุม่ ผูใ้ หญแ่ ละวยั ทางาน โดยส่งเสริมใหใ้ ชผ้ า้ ไทยในชีวติ ประจาวันอยา่ งสมา่ เสมอไม่น้อยกว่าห้าแสนคน โดยการจัดกิจกรรมจะมีการ - ๑๙ -

การรณรงค์แต่งกายผ้าไทยและสง่ เสริมชดุ ไทยเปน็ อตั ลักษณ์ประจาชาติ เผยแพรข่ ้อมูลขา่ วสารเกีย่ วกับการสวมใส่และใช้ผ้าไทยอย่างสม่าเสมอในชีวิตประจาวัน รวมทั้งให้ผู้บริหาร ประเทศ อาทิ คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารกระทรวง ทบวง กรม ผู้นาภาคเอกชน บุคลากรหน่วยงานของรัฐ เอกชน และประชาชนให้แต่งกายผ้าไทยในวันสาคัญและวันในสัปดาห์ตามความเหมาะสม ตลอดจนมีการ สารวจข้อมูลข่าวสาร ทัศนคติ และพฤติกรรมเกี่ยวกับการสวมใส่ผ้าไทย และจากการสอบถามบุคคล ในหัวข้อเก่ียวกับการแต่งการด้วยผ้าไทยหรือชุดไทย ได้รับทราบความคิดเห็นว่าการส่งเสริมแต่งกายด้วย ผ้าไทยหรือชุดไทยไม่ควรดาเนินการในลักษณะเป็นการบังคับ และไม่ควรเป็นภาระของค่าใช้จ่าย อาทิ การตัดเย็บและซักรีด รวมท้ังต้องคานึงถึงสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศของประเทศ ตลอดจนความสะดวก ในการสวมใส่และการดารงชีวิตประจาวัน ทั้งน้ี ในการผลักดันแต่งกายชุดไทยจะต้องมีการจัดทารูปแบบ เพอ่ื เปน็ แนวทางท่ีสามารถนาไปตัดเย็บได้ตามความเหมาะสม รวมท้ังต้องมีการประชาสัมพันธ์ โดยอาจให้ ดารานักแสดงเป็นตน้ แบบ และทาการรณรงคใ์ ห้ทุกคนสวมใส่ไดใ้ นทุกโอกาสอยา่ งเหมาะสมในชีวิตประจาวัน ตลอดจนคณะอนุกรรมาธิการจะต้องมีการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา โดยเชิญผู้แทนของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ซ่ึงมีหน้าท่ีรับผิดชอบโดยตรงมาเข้าร่วมประชุม เพื่อให้ข้อมูล เก่ียวกับความหมายของคาว่า “แต่งกายด้วยผ้าไทย” สาหรับให้ทุกหน่วยงานใช้เป็นแนวทาง ในการปฏิบัติ และการดาเนินงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการแต่งกายด้วยชุดไทย พระราชทาน แต่ภายหลังจากยุคสมัยน้ันการนิยมแต่งกายด้วยชุดพระราชทานได้เลือนหายไปจากสังคม หากจะสง่ เสรมิ ให้ทุกคนไดห้ นั กลบั มาอนรุ กั ษก์ ารแต่งกายด้วยชดุ ไทยต้องร่วมกนั พิจารณาให้เกดิ ความยง่ั ยืน ต่อไป โดยอาจรณรงค์ให้ประชาชนและบุคลากรของทุกหน่วยงานแต่งกายด้วยผ้าไทยที่สามารถสวมใส่ ในชีวิตประจาวันได้ด้วย ส่วนการกาหนดให้มีชุดไทยเป็นชุดประจาชาติต้องจัดทารูปแบบให้มีความถูกต้อง อยา่ งเปน็ ทางการ ทั้งน้ี ในระยะแรกคณะอนกุ รรมาธกิ ารจะต้องมีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่เก่ียวข้องในทุกด้าน ให้ครบถ้วน เพอ่ื นามากาหนดเปน็ แนวทางส่งเสริมการแต่งกายชดุ ไทยเปน็ ชดุ ประจาชาตไิ ดอ้ ย่างชัดเจนตอ่ ไป ๗) การประชมุ คณะอนุกรรมาธกิ าร ครงั้ ท่ี ๑๙/๒๕๕๘ วันจันทรท์ ่ี ๒๙ มถิ ุนายน ๒๕๕๘ การพิจารณาแนวทางส่งเสริมการแต่งกายชุดไทยเป็นชุดประจาชาติ โดยเชิญ ผู้แทนกรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรมเข้าร่วมประชุม ซึ่งได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมาของผ้าไทย ความหมาย ของผ้าไทย ตลอดจนการดาเนนิ งานเกีย่ วกับผ้าไทยที่ผา่ นมาของกระทรวงวฒั นธรรม สรุปได้ดงั นี้ ความเปน็ มา ดินแดนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบัน พบหลักฐานว่าคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์รู้จัก ทอผ้าใช้แล้ว เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓,๐๐๐ ปีตลอดระยะเวลาอันยานานน้ีได้มีการค้าพบหลักฐานต่าง ๆ เก่ียวกับการใช้ผ้าทั้งที่มีการส่ังซ้อจากต่างประเทศและที่มีการทอใช้เองซ่ึงในสมัยก่อนเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เปน็ เครื่องบ่งบอกฐานะดว้ ย โดยเฉพาะเจา้ แผน่ ดนิ เจา้ นายและขุนนาง ส่วนใหญ่ใช้ผ้าชนิดต่าง ๆ ที่สั่งจาก ตา่ งประเทศ สว่ นสามญั ชนสว่ นใหญใ่ ชผ้ า้ พนื้ เมอื ง ซึ่งทอใช้กนั อยู่ทัว่ ทุกภูมภิ าค สาหรับผ้าทอมือซ่ึงในนี้จะเรียกว่าผ้าไทยนั้นเป็นงานหัตถกรรมที่ได้รับการยอมรับว่า มีความประณีต วิจิตรงดงาม เป็นหลักฐานอย่างหน่ึงท่ีสะท้อนให้เห็นถึงอดีตกาลแห่งวิถีชีวิตของผู้คน ทั้งในด้านความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อม ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณีและพิธีกรรมของแต่ละชุมชน (ชาติพนั ธ์ุ) ในอดีตว่า “เมอ่ื ว่างจากงานนา ผู้หญงิ ทอผ้า ผชู้ ายตเี หล็ก” - ๒๐ -

การรณรงค์แต่งกายผ้าไทยและส่งเสริมชุดไทยเปน็ อัตลักษณ์ประจาชาติ อย่างไรก็ตามงานทอผ้าเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและความวิริยะอุตสาหะกว่าจะได้ ผ้าทอมา ๑ ผืน ดังน้ัน เมื่อความเจริญแพร่เข้าไปในท้องถ่ินต่าง ๆ มีเครื่องจักรเข้าไปแทนที่การทอผ้า ผู้หญิงจึงเลิกทอผ้า หันไปซ้ือผ้าสาเร็จรูปแทน จนงานฝีมือด้านน้ีแทบสูญหายไปจากแผ่นดินไทย แต่ด้วย สายพระเนตรอันยาวไกลของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระวิจารณญานที่ม่ันคง จึงนางานผ้าของท้องถิ่นต่าง ๆ มาฟ้ืนฟู พัฒนา และส่งเสริมให้เป็นอาชีพเสริมเพ่ือเพ่ิมรายได้ของราษฎร นอกจากน้ี ทรงมุ่งม่ันท่ีจะอนุรักษ์ลอดลายโบราณดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผ้าทอแต่ละประเภท ให้มีผู้สืบทอดไม่สญู หาย ปัจจุบันสถานการณข์ องผา้ ไทยนบั ว่าดีข้ึนในระดับหนง่ึ แตย่ ังไมด่ ีเพยี งพอทจี่ ะไวว้ างใจได้ ว่างานหตั กรมแขนงน้ี จะสามารถคงอยู่ไดอ้ ย่างมัน่ คง จงึ จาเป็นตอ้ งมีการรณรงคอ์ ย่างตอ่ เนื่องต่อไป (๑) ความหมายของผา้ ไทย “ผา้ ไทย” หมายถึง ผ้าท่ีผลิตข้ึนในประเทศไทย โดยใช้เส้นใย ธรรมชาติ เช่น ฝ้าย ไหม ป่าน หรือใช้เส้นใยธรรมชาติผสมเส้นใยสังเคราะห์ เป็นงานหัตถกรรมที่งดงาม ทมี่ คี ุณค่า บง่ บอกถึงอัตลักษณ์ของแตล่ ะท้องถนิ่ (๒) สภาวการณ์ของผ้าไทย (๒.๑) ปัจจุบันมีหน่วยงานท่ีรับผิดชอบดาเนนิ งานเกี่ยวกับผา้ โดยตรง คอื กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยไดม้ กี ารจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ เฉพาะทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับผา้ ไหมเทา่ นนั้ ดงั นี้  จานวนผ้ปู ลกู หม่อนเล้ียงไหมพื้นบ้าน/ ไหมไทยลูกผสมท่ัวประเทศ จานวน ๗๑,๖๓๐ ราย  จานวนผู้ทอผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมท่ีไม่ได้ปลูกหม่อนเล้ียงไหมเอง ทั่วประเทศ จานวน ๔๒,๑๐๘ ราย  จานวนรา้ นค้าจาหน่ายผ้าไหมและผลิตภัณฑ์หม่อนไหมทั่วประเทศ จานวน ๖๙๓ ราย (ขอ้ มลู จากกรมหมอ่ นไหม ปี พ.ศ. ๒๕๕๗)  มูลค่าการส่งออกไหมไทย ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ รังไหมและเส้นไหม ๘๕๐,๓๖๓,๙๒๔ บาท ผ้าไหม ๒,๑๒๓,๑๘๐,๖๙๗ บาท ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ๔,๕๙๓,๑๑๖,๖๔๐ บาท รวมเป็น ๗,๕๖๖,๖๖๑,๒๖๑ บาท (๒.๒) กระทรวงวัฒนธรรม ได้มีการจัดเก็บจานวนสถานปรกอบการผ้าต่าง ๆ ทว่ั ประเทศ (๒๕๕๔) รวมทัง้ ส้นิ ๒,๔๕๓ แหง่ (๒.๓) กระทรวงวัฒนธรรม ได้มีการจัดกิจกรรมเพ่ือกระตุ้นให้เกิดความสนใจ และสรา้ งค่านิยมในการใชผ้ ้าไทยมาอย่างตอ่ เน่อื ง ได้แก่ การจดั กจิ กรรมรณรงค์  จัดงานเทศกาลท่ีนาเร่ืองผ้าไทยมาเผยแพร่และส่งเสริมให้เห็นเป็นรูปธรรม อาทิ งานสงกรานต์เมษา ผ้าขาวมา้ รวมไทย  จัดงานมหกรรมผ้าไทยเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ  จัดขบวนแห่แต่งกายชุดผ้าไทยและจัดสาธิตการทอผ้าไทยในงานฉลอง กรุงรตั นโกสนิ ทร์  จัดงานผา้ ไทยสญั จร เชน่ คาราวานผ้าไทยในการประชุมคณะรฐั มนตรสี ญั จร - ๒๑ -

การรณรงค์แต่งกายผา้ ไทยและสง่ เสรมิ ชุดไทยเป็นอตั ลักษณ์ประจาชาติ  สนับสนุนงบประมาณให้กับองค์กรเครือข่ายทางวัฒนธรรมเพ่ือการดาเนิน กจิ กรรมเกีย่ วกับผ้าไทย  จัดสัมมนารณรงค์การใช้ผ้าไทย เพ่ือเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์พระบรมราชินนี าถ การประชาสมั พนั ธ์  จดั ประกวดการออกแบบผา้ ไทย ผา่ นรายการทางสถานโี ทรทศั น์  ผลิตสารคดอี งค์ความรูม้ รดกภูมปิ ัญญาผา้ ไทย เผยแพรท่ างสถานโี ทรทศั น์ การศกึ ษาวิจยั  อุดหนุนงบประมาณในการทาวจิ ยั เกี่ยวกบั ผา้ ไทย  อุดหนุนงบประมาณในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลตามรูปแบบของยูเนสโก เพ่ือรองรับในการย่ืนข้อเสนอเป็นรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ หรือรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมท่ีจัดตอ้ งไม่ได้ ซึ่งจาเป็นต้องไดร้ บั การสงวนรักษาอยา่ งเรง่ ดว่ นในอนาคต การยกย่องเชญิ ชเู กยี รติ  ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติช่างทอผ้าให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ได้แก่ นางแสงดา บัณสิทธิ์ จงั หวดั เชยี งใหม่ นางพะยอม ลนี ะวฒั น์ จงั หวดั รอยเอด็ และนางประนอม ทาแปง จังหวัดแพร่  การประกาศยกย่องเชดิ ชเู กียรติบคุ คลและหน่วยงานในการสนับสนุนการใช้ผ้าไทย (๒.๔) กระทรวงวัฒนธรรมจัดให้มีการประกาศข้ึนทะเบียนผ้าไทยเป็นมรดกภูมิ ปัญญาทางวฒั นธรรมของชาติ จานวน ๑๕ รายการ ได้แก่ ซ่ินตีนจก ผ้าแพรวา ผ้าทอนาหม่ืนศรี ผ้ายก ผ้า มัดหม่ี ผ้าย้อมคราม ผ้าทอไทครั่ง ผ้าทอไทล้ือ ผ้าทอกะเหร่ียง ผ้าทอไทยวน ผ้าทอผู้ไทย ผ้าทอไทพวน ผา้ ขาวม้า ผ้าทอเกาะยอ ผา้ ทอเมืองอบุ ล (๒.๕) กระทรวงวัฒนธรรม ได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังสานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพ่ือความร่วมมือให้ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ี แต่งกายด้วยผ้าไทยในวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์ รวมท้ังในพิธีการและในโอกาสสาคัญ และผู้ว่าราชการ จังหวัดทุกจังหวัด เพ่ือให้สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดจัดตลาดนัดผ้าไทยและผลิตภัณฑ์จากผ้าไทย ท้ังน้ี ตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๕๘ (๒.๖) ปัจจุบันมีเว็บไซต์ท่ีรณรงค์เก่ียวกับผ้าไทย ท่ีมีส่วนในการช่วยให้เกิดกระแส การนิยมใชผ้ า้ ไทย (๓) ความเรง่ ดว่ น (๓.๑) ความสาคัญของผ้าไทย ไม่ใช่เป็นเพียงปัจจัยหน่ึงในการดารงชีวิตเท่านั้น แตผ่ า้ ไทยยงั เป็นทร่ี วมของมรดกภูมปิ ัญญาซึง่ บรรพบุรษุ ได้ประดิษฐค์ ิดค้นขึ้นเป็นเวลานาน หากไม่มีผู้สืบทอด ภูมิปญั ญาตา่ ง ๆ ทถี่ ักทอออกมาเป็นลายผา้ กจ็ ะสญู หายไปอย่างไม่มวี ันยอ้ นกลับมาได้อกี (๓.๒) ในการสงวนรักษามรดกภูมิปัญญาผ้าไทย จาเป็นอย่างย่ิงที่ต้องให้ผู้ขายผ้า หรือผู้ประกอบการเก่ียวกับผ้ามีรายได้เพิ่มมากข้ึน ดังน้ันจึงต้องดาเนินการไปพร้อม ๆ กัน ท้ังด้าน การส่งเสรมิ ให้เห็นความสาคัญของภูมปิ ญั ญาด้านผ้าไทยและส่งเสรมิ ให้เกดิ รายได้ ซ่งึ เป็นการเจริญรอยตาม พระยุคลบาทสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ิติพ์ ระบรมราชนิ ีนาถ ที่ได้ทรงปูพ้ืนฐานไว้ก่อนแลว้ - ๒๒ -

การรณรงค์แตง่ กายผ้าไทยและสง่ เสรมิ ชุดไทยเป็นอตั ลักษณ์ประจาชาติ (๓.๓) ภายในส้ินปี ๒๕๕๘ ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรวมตัวกัน เป็นประชาคมอาเซียน จึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีไทยจะต้องดาเนินการโดยวิธีการต่าง ๆ ให้คนไทย เห็นความสาคัญของงานหัตกรรมแขนงนี้ เน่ืองจากกรรมวิธีในการทอผ้าบางชนิดถือเป็นมรดกร่วม ทางวัฒนธรรมของอาเซียนด้วย จึงมีความจาเป็นในการแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของผ้าไทยให้ชัดเจน ซงึ่ จะส่งผลไปถึงความร้สู ึกรักและภาคภูมใิ จในมรดกวัฒนธรรม “ผ้าไทย” ของคนไทย สบื ตอ่ ไป (๔) ประเดน็ ท่ตี ้องการเสนอคณะรฐั มนตรที ราบ (๔.๑) การดาเนนิ งานเก่ียวกบั ผ้าไทยทีผ่ ่านมาของกระทรวงวัฒนธรรม (๔.๒) การรณรงค์ให้คนไทยท้ังประเทศ ร่วมใจกันส่งเสริมสนับสนุน และแต่งกาย ด้วยผ้าไทย โดยเฉพาะเดอื นสงิ หาคม ๒๕๕๘ เพอ่ื เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระนางเจ้าสรกิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ ีนาถ ๘) การประชมุ คณะอนกุ รรมาธกิ าร คร้งั ที่ ๒๐/๒๕๕๘ วนั จนั ทร์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ด้วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม มีหนังสือถึงประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะ และวฒั นธรรมว่า กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะองค์กรรับผิดชอบงานด้านการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ตามนโยบายของรฐั บาล ได้ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของวฒั นธรรมการแตง่ กายที่ใช้ผ้าทอของไทย ซ่ึงกระจาย อยู่ท่ัวภูมิภาคของประเทศมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะถ่ิน ซ่ึงแสดงออกถึงภูมิปัญญาของคนไทย จึงได้รณรงค์ให้คนไทย หันมาแต่งกายด้วยผ้าไทย เพ่ือสร้างความภูมิใจในความเป็นไทย สร้างรายได้ให้กับ ประชาชน ในการนี้ เห็นว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นองค์กรที่สาคัญของประเทศ จึงขอเชิญชวนรณรงค์ สง่ เสริมการใชผ้ า้ ไทยและการแตง่ กายชุดผา้ ไทย ตามนโยบายของรฐั บาล เพื่อให้การแต่งกายชุดผ้าไทยเป็นชุดประจาชาติ อันเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ๑๒ สงิ หาคม ๒๕๕๘ โดยเชิญชวนจัดกิจกรรมเพือ่ รณรงคส์ ่งเสรมิ การใชผ้ า้ ไทย และเชิญชวนสมาชกิ สภานติ บิ ญั ญัติ แห่งชาติ (สนช.) แต่งกายด้วยผ้าไทยในการประชุมสภานติ บิ ญั ญตั แิ ห่งชาติ ตามที่เหน็ สมควร คณะอนุกรรมาธิการได้แจ้งการดาเนินงานรณรงค์ส่งเสริมการใช้ผ้าไทย ไปยัง ปลดั กระทรวงวฒั นธรรมว่า คณะอนุกรรมาธกิ ารซึ่งมีหนา้ ท่ีในการพจิ ารณาศึกษาดาเนินงานด้านการอนรุ กั ษ์ ศิลปะ การรกั ษาประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน และการส่งเสริมวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ไทย และได้ตระหนักถึงความสาคัญในการอนุรักษ์ ฟ้ืนฟู สนับสนุน และสืบสานเอกลักษณ์ประจาชาติไทย ตลอดจนการสบื สานวฒั นธรรมการใช้ผ้าไทย เพื่อเปน็ การอนรุ กั ษแ์ ละเผยแพร่วัฒนธรรมการแต่งกายด้วยผ้าไทย จงึ มีความยินดเี ป็นอยา่ งยิ่งในการร่วมรณรงคส์ ่งเสริมการใชผ้ ้าไทย และได้ดาเนนิ การรณรงคส์ ่งเสริมการใช้ผ้าไทย ใหแ้ กส่ มาชกิ สภานติ ิบญั ญตั ิแห่งชาตแิ ละบคุ ลากรในวงงานรัฐสภา ดงั น้ี (๑) คณะอนุกรรมาธิการได้เสนอโครงการรณรงค์ส่งเสริมให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่งกายด้วยผ้าไทยต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยคณะกรรมาธิการได้เห็นชอบในเรื่องดังกล่าว จึงได้เสนอโครงการต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ กิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณา และมีมติขอความร่วมมือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่งกายด้วยผ้าไทยทกุ วนั พฤหัสบดที ่มี กี ารประชุมสภานิติบญั ญัติแห่งชาติ โดยเร่ิมตั้งแตเ่ ดือนเมษายน ๒๕๕๘ (๒) คณะอนุกรรมาธิการได้นาเสนอในท่ีประชุมให้คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเท่ียว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมรณรงค์แต่งกายด้วยชุดผ้าไทย โดยคณะกรรมาธิการได้เห็นชอบ ในเร่ืองดังกล่าวจึงเชิญชวนให้กรรมาธิการแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยทุกวันศุกร์ที่มีการประชุมคณะกรรมาธิการ โดยเรม่ิ ตงั้ แตเ่ ดอื นกรกฎาคม ๒๕๕๘ - ๒๓ -

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและสง่ เสรมิ ชดุ ไทยเป็นอัตลักษณ์ประจาชาติ (๓) คณะอนุกรรมาธิการได้มีมติให้อนุกรรมาธิการ และท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ แต่งกายดว้ ยผา้ ไทยทุกวันจันทรท์ ีม่ กี ารประชมุ คณะอนกุ รรมาธิการ โดยเริม่ ต้งั แตเ่ ดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ อนึ่ง เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมการแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยให้เป็นเอกลักษณ์ ของความเป็นไทย คณะอนุกรรมาธิการจะดาเนินการส่งเสริมการใช้ผ้าไทยและแต่งกายด้วยชุดผ้าไทย ใหม้ คี วามชัดเจน และเห็นควรรว่ มกันดาเนนิ การให้มีระเบยี บหรอื แนวปฏิบตั ิ เพือ่ กาหนดใหเ้ ปน็ ชดุ ประจาชาติต่อไป ในการประชมุ ครัง้ นี้ คณะอนกุ รรมาธกิ ารได้มกี ารพจิ ารณาแนวทางส่งเสริมการแต่งกายชุดไทย เป็นชุดประจาชาติ โดยมีผู้แทนกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และนักออกแบบชุดไทย เข้าร่วมประชุมเพ่ือปรึกษาหารือ และใหข้ อ้ มูลท่ีเกยี่ วขอ้ งประกอบการพิจารณาของคณะอนกุ รรมาธิการ ซึ่งได้รับทราบข้อมูลว่า กระทรวงวัฒนธรรม ได้มีการศึกษารูปแบบชุดไทยมาเป็นเวลามานาน แต่ยังไม่มีรูปแบบท่ีกาหนดไว้ชัดเจน ซึ่งได้ดาเนินการ รณรงคใ์ ห้ใชผ้ า้ ไทยตามนโยบายของรฐั บาลมาโดยตลอด และในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ มีการกระตุ้นให้เกิด การใช้ผ้าไทยในการแต่งกายแพร่หลายมากข้ึน จะจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ ๘๓ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ ศนู ยก์ ารคา้ สยามพารากอน ระหว่างวันท่ี ๑๙ สิงหาคม – ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เพ่ือฟ้ืนฟูและสืบสาน การใช้ผ้าไทยให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปได้แต่กายด้วยผ้าไทย พร้อมทั้งกระทรวงวัฒนธรรม ได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จากัด (มหาชน) (รถไฟฟ้า BTS) และห้างสรรพสินค้า เพื่อร่วมกิจกรรมรณรงค์การแต่งกายด้วยชุดไทยหรือผ้าไทย ด้วยการมอบสิทธิพิเศษ ให้ลูกค้าที่ใส่ชุดไทยไปใช้บริการ เป็นต้น ตลอดจนได้มีการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับผ้าไทยในส่ือต่าง ๆ การรณรงค์แต่งกายผ้าไทยในสถาบนั การศกึ ษาท่ัวประเทศ เป็นประจาสัปดาห์ละหนึ่งวัน ซึ่งจะมีการมอบรางวัล ประกาศยกยอ่ งสถาบันการศกึ ษาทม่ี ีการรณรงคก์ ารใชผ้ า้ ไทยดเี ด่น และจัดกิจกรรมเดนิ แบบผ้าไทยสาหรับเด็ก และเยาวชน ในเดือนกันยายน ๒๕๕๘ รวมทง้ั รณรงค์ให้บุคลากรในหนว่ ยงานของรัฐแตง่ กายผ้าไทยในทุกวันศุกร์ ของสปั ดาห์ อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสรมิ วัฒนธรรม และในจังหวัดต่าง ๆ ได้ให้ความร่วมมอื เป็นอย่างดี ซ่ึงความเปน็ มาของชดุ ไทยพระราชนิยมเร่มิ ตั้งแต่ ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๐๒ จนถึงต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๓ สมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเย่ียมประเทศ บ้านใกล้เรือนเคียงของไทย คือ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และพม่า ในขณะนั้นสตรีไทยยังไม่มี เครื่องแต่งกายประจาชาติอย่างแน่นอน ในโอกาสท่ีจะต้องเสด็จเข้าสู่เขตสักการสถานต่าง ๆ สมเด็จพระนางเจ้า สิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระภูษาแบบไทยกรอมข้อพระบาท และฉลองพระองค์ตามสมัยนิยม ทรงแพรสะพายทับเหตุน้ีมีส่วนสาคัญที่ทาให้ทรงพระคานึงถึงความจาเป็นของการมีเครื่องแต่งกายสาหรับ สตรีที่เป็นแบบพิธีแน่นอนเช่นเดียวกับฝ่ายบุรุษ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีกาหนดการจะต้อง โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเยือนประเทศต่าง ๆ ในหลายทวีปเป็นระยะเวลาหลายปี จึงทรงพระราชดาริที่จะทรงฉลองพระองค์แบบไทย เพ่ือให้ท่ัวโลกรู้จัก ว่าไทยก็มีเคร่ืองแต่งกายประจาชาติเช่นเดียวกับชาติอื่น ๆ จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้หม่อมหลวงมณีรัตน์ บนุ นาค นางสนองพระโอษฐผ์ ู้ใหญ่ และคณุ อุไร ลืออารงุ ช่างฉลองพระองค์ นาเคร่ืองแต่งกายของสตรีไทย และเจ้านายสตรีไทยในสมยั โบราณหลายสมัยมาปรับปรงุ และออกแบบเป็นเครื่องแต่งกายแบบไทย สาหรับ ใช้ในงานพิธี และโอกาสต่าง ๆ มากมาย เครื่องแต่งกายเหล่านี้ได้รับการต้ังช่ือตามชื่อพระท่ีนั่ง ในพระบรมมหาราชวัง และพระตาหนักหลายองค์ ได้แก่ ไทยจักรี ไทยอมรินทร์ ไทยบรมพิมาน ไทยดุสิต ไทยจักรพรรดิ ไทยจติ รลดา ไทยศวิ าลยั และไทยเรอื นตน้ ประกอบด้วยซ่ินและเส้ือแขนสั้นและยาวแบบต่าง ๆ - ๒๔ -

การรณรงค์แต่งกายผา้ ไทยและสง่ เสรมิ ชดุ ไทยเปน็ อตั ลักษณ์ประจาชาติ ที่มีความงดงาม ความประณีต แตกต่างกันไปตามโอกาสของงาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ตัดเย็บชุดไทยเหล่าน้ีด้วยผ้าไหมไทย เพ่ือเป็นการแนะนา เครื่องแต่งกายแบบไทยและผ้าไหมไทยให้ท่ัวโลกรู้จักในทางเดียวกัน ซ่ึงพระราชดาริน้ีก็ประสบผลสาเร็จ เป็นอย่างดี ผ้าไหมไทยไดม้ ีชื่อเสียงเป็นท่รี ูจ้ ักแพร่หลาย และชดุ ไทยท่ีทรงพระราชดารขิ ึน้ ซ่ึงเดิมเรยี กกันว่า “ชดุ ไทยพระราชนยิ ม” ต่อมากเ็ ปน็ ท่นี ยิ มของสตรไี ทยทว่ั ไปจนในท่สี ดุ กก็ ลายเปน็ เครอื่ งแต่งกายประจาชาติ ของสตรไี ทย ซึ่งลักษณะการแตง่ กายชุดไทยพระราชนยิ ม มี ๘ ชุด ประกอบด้วย (๑) ไทยเรือนต้น คือ ชุดไทยแบบลาลอง ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมมีลายร้ิวตามขวางหรือ ตามยาวหรอื ใชผ้ า้ เกล้ยี งมีเชิง ตวั ซน่ิ ยาวจรดขอ้ เท้า ปา้ ยหนา้ เสอ้ื ใชผ้ า้ สี ตามริ้วหรอื เชิง สจี ะตดั กับซิ่นหรือ เป็นสีเดียวกันก็ได้ เส้ือคนละท่อนกับซ่ิน แขนสามส่วน กว้างพอสบาย ผ่าอก ดุมห้าเม็ด คอกลมต้ืน ๆ ไม่มีขอบตั้ง เหมาะสาหรับใช้แต่งไปในงานที่ไม่เป็นพิธี และต้องการความสบาย อาทิ ไปงานกฐินต้น หรอื เทยี่ วเรือ เทีย่ วน้าตก (๒) ไทยจิตรลดา คือ ชุดไทยพิธีกลางวัน ใช้ผ้าไหมเกลี้ยงมีเชิงหรือเป็นยกดอกทั้งตัวก็ได้ ตัดแบบเส้ือกับซิ่น ซ่ินยาว ป้ายหน้าอย่างแบบลาลอง เสื้อแขนยาว ผ่าอก คอกลม มีขอบตั้งน้อย ๆ ใช้ในงานท่ีผู้ชายแต่งเต็มยศ อาทิ รับประมุขของประเทศที่มาเยือน เป็นทางการที่สนามบิน หญิงไม่ต้อง ประดบั เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์ แตเ่ นือ้ ผา้ ควรงดงามใหม้ ากสมโอกาส (๓) ไทยอมรินทร์ คือ ชุดพิธีตอนค่า ใช้ผ้ายกไหมที่มีทองแกม หรือยกทองทั้งตัว เสื้อกับซิ่น แบบนอี้ นุโลมใหส้ าหรับ ผู้ที่ไม่ประสงค์คาดเข็มขัด ผู้มีอายุจะใช้คอกลมกว้าง ๆ ไม่มีขอบต้ังและแขน ๓ ส่วนก็ได้ เพราะความสวยงามอยูท่ ี่เนอ้ื ผา้ และเคร่ืองประดบั ท่จี ะใช้ให้เหมาะสมกับงานเลี้ยงรับรอง ไปดูละครตอนค่า และเฉพาะในงานพระราชพิธี สวนสนามในวนั เฉลิมพระชนมพรรษา หญงิ ประดับเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์ (๔) ไทยบรมพิมาน คือ ชุดไทยพิธีตอนค่าท่ีใช้เข็มขัด ใช้ผ้ายกไหมหรือยกทอง มีเชิงหรือ ยกทั้งตัวก็ได้ ตัดแบบติดกัน ซ่ินมีจีบยกข้างด้านหน้ามีชายพก ใช้เข็มขัดไทยคาด ตัวเส้ือแขนยาวคอกลม มีขอบต้งั ผา่ ด้านหลัง หรอื ด้านหน้าก็ได้ ผา้ มจี ีบยาวจรดข้อเทา้ แบบนีเ้ หมาะสาหรับผูม้ ีรปู ร่างสูงบาง สาหรับ ใช้ในงานเตม็ ยศและคร่ึงยศ เช่น งานอุทยานสโมสร หรืองานพระราชทานเล้ียงอาหารอย่างเป็นทางการใน คนื ท่มี อี ากาศเยน็ ใช้เคร่อื งประดับสวยงามตามสมควร (๕) ไทยจักรี คือ ชุดไทยสไบ ใช้ผ้ายกมีเชิง หรือยกทั้งตัว ซ่ินมีจีบยกข้างหน้า มีชายยก ใช้เข็มขดั ไทยคาด ส่วนท่อนบนเป็นสไบจะเย็บใหต้ ิดกับซนิ่ เปน็ ท่อนเดียวกนั หรือจะมผี ้าสไบห่มต่างหากก็ได้ เปิดบ่าข้างหนึ่ง ชายสไบคลุมไหล่ ทิ้งชายด้านหลังยาวตามที่สมควร ความสวยงามอยู่ที่เนื้อผ้า การเย็บ และรูปรา่ งของผสู้ วม ใชเ้ คร่ืองประดบั ได้งดงามสมโอกาสในเวลาคา่ คนื (๖) ไทยดุสิต เป็นเสื้อสาหรับงานพิธีตอนคา่ ใช้ผ้ายกไหมหรือยกทอง อย่างเดียวกับ ไทยอมรนิ ทร์ ไทยบรมพมิ าน และไทยจกั รี ตัวซิน่ ยาว มจี ีบยกขา้ งหนา้ และชายพก ใชเ้ ขม็ ขัด ผิดกนั ตรงตัวเสื้อ คือ เป็นเส้ือไม่มีแขน คอด้านหน้าและด้านหลังคว้านกว้าง และต่าเล็กน้อย ผ่าด้านหลัง ตัวเสื้อปักเป็น ลวดลายด้วยไขม่ ุก ลกู ปดั และเล่ือม ฯลฯ ใช้ในงานพระราชพธิ ีท่ีกาหนดให้แตง่ กายเตม็ ยศ (๗) ไทยจักรพรรดิ เป็นแบบไทยแท้แบบหน่ึง ตัวซ่ินใช้ผ้าไหม หรือยกทองเอาจีบ ข้างหน้า มีชายพก ห่อแพรจีบแบบไทยสตี ดั กบั ผา้ นงุ่ เปน็ ชั้นทหี่ นึ่งกอ่ น แล้วใช้ผ้าห่มปักอย่างสตรีบรรดาศักดิ์สมัยโบราณ ห่มทับแพรจีบอกี ชนั้ หน่ึงใชใ้ นโอกาสพิเศษทกี่ าหนด ให้แตง่ กายเตม็ ยศแบบไทยจกั รี - ๒๕ -

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและสง่ เสรมิ ชดุ ไทยเปน็ อัตลักษณป์ ระจาชาติ (๘) ไทยศวิ าลัย เป็นแบบไทยแท้ ซิ่นเปน็ แบบไทยจักรพรรดิ ใช้ผา้ ยกไหมหรือยกทอง เส้อื ตัด แบบแขนยาวคอกลม ผ่าหลัง เย็บติดกับซ่ิน คล้ายแบบไทยบรมพิมาน ห่มผ้าปักลายไทยอย่างแบบไทย จกั รพรรดทิ บั โดยไม่ต้องมีแพรจบี รองพื้นกอ่ นใช้ในโอกาสพิเศษท่กี าหนดใหแ้ ตง่ กายเตม็ ยศ ส่วนการกาหนดแบบเสื้อชุดไทยของผู้ชาย ซ่ึงปัจจุบันเสื้อแบบพระราชทานเป็นที่นิยม แพร่หลายขึ้น สมควรจะได้กาหนดให้เป็นแบบเส้ือชุดไทยของชายไทย อันจะเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง ของคนไทยตอ่ ไป โดยมี ๓ รปู แบบ ประกอบด้วย (๑) ชดุ ไทยแขนสั้น ใช้สีเรียบจาง หรือมีลวดลายสุภาพ ในโอกาสธรรมดาทั่วไป หรือในการ ปฏบิ ตั งิ าน หรือในการปฏิบัตงิ าน หรือในโอกาสพธิ กี ารกลางวนั และอาจใช้สเี ข้มได้ในโอกาสพิธกี ารเวลากลางคนื (๒) ชุดไทยแขนยาว ใช้สีเรียบจาง หรือมีลวดลายสุภาพ ในโอกาสพิธีการเวลากลางวัน และอาจใช้สเี ขม้ ในโอกาสพิธีการเวลากลางคืนได้ (๓) ชุดไทยแขนยาวคาดเอว ใช้ในโอกาสพธิ ีการท่สี าคญั มาก ๆ กระทรวงวฒั นธรรมไดม้ แี นวทางการส่งเสริมการใช้ผ้าไทย ดงั นี้ (๑) ขอความกรุณาให้ท่านนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศวันศุกร์ขอความร่วมมือเชิญชวนหน่วยงาน สถาบันต่าง ๆ และประชาชนท่ัวไป สวมใส่ผ้าไทย ตลอดเดือนสงิ หาคม โดยเฉพาะวันท่ี ๑๒ สงิ หาคม ๒๕๕๘ และการรณรงค์ครง้ั นี้พร้อมกนั ทว่ั ประเทศ (๒) ขอความร่วมมอื สอ่ื ต่าง ๆ ในการรณรงคผ์ ้าไทย (๓) การจัดกิจกรรมให้รางวัลยกย่องหน่วยงาน องค์กรท้ังภาครัฐและเอกชน ตลอดจน สถานศึกษาดเี ดน่ ในการสง่ เสริมการใชผ้ า้ ไทย (๔) ขอความรว่ มมือใหน้ กั แสดง นกั ร้อง และคนทีม่ ชี ือ่ เสยี งในสงั คม แต่งกายผา้ ไทยเพ่ือเป็น แบบอย่าง ในงานพิธีการหรือในโอกาสสาคญั ๆ (๕) ขอความร่วมมือบริษัท ห้างร้าน ให้ส่วนลดในสินค้าและบริการแก่ผู้แต่งกายด้วยผ้าไทย หรอื ชุดไทย เช่น น่งุ ซิ่น ใส่เสอ้ื ผา้ ขาวมา้ เปน็ ตน้ (๖) การจัดงานเฉลมิ พระเกียรติสมเด็จพระนางเจา้ สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมายุ ๘๓ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๘ เร่ือง “ผ้าไทย อัตลักษณ์แห่งความเป็นไทย” ระหว่างวนั ท่ี ๑๙ สงิ หาคม – ๒๓ สงิ หาคม ๒๕๕๘ ณ ศูนยก์ ารคา้ สยามพารากอน โดยมกี ิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย (๖.๑) การจดั นทิ รรศการเรอื่ งสมเด็จพระนางเจา้ สริ กิ ิต์ิ พระบรมราชินนี าถ กบั พระราชดาริ งานสร้างสรรค์ ฟ้นื ฟู และเผยแพรว่ ฒั นธรรมการแต่งกายแบบไทยด้วยผ้าไทย และวิวัฒนาการของการใช้ ผา้ ไทยแตง่ กายแบบไทย (๖.๒) การจดั แสดงพพิ ิธทศั นาวิวัฒนาการการแต่งกายไทย ตง้ั แตอ่ ดีตสู่ปัจจบุ ัน (๖.๓) การจัดกิจกรรมใหร้ างวลั ยกยอ่ งหนว่ ยงาน องค์กรท้งั ภาครฐั และเอกชน ตลอดจน สถานศึกษาดเี ดน่ ในการส่งเสรมิ การใช้ผา้ ไทย (๖.๔) การจัดกจิ กรรมคาราวานผ้าไทย จาหนา่ ย สาธิตสนิ ค้าเก่ยี วกบั ผา้ ไทย (๖.๕) การเชิญชวนประชาชน เยาวชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ แต่งชุดไทย เดินห้างสรรพสินค้า โดยการมอบรางวัลและแจกคูปองส่วนลดในการใช้บริการร้านค้าในห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน ในช่วงระยะเวลาการจดั งาน - ๒๖ -

การรณรงค์แตง่ กายผ้าไทยและสง่ เสริมชุดไทยเป็นอตั ลักษณป์ ระจาชาติ สาเหตุทผ่ี า้ ไทยไมไ่ ดร้ บั ความนิยม ประกอบดว้ ย (๑) ผา้ ไหม ดูแลรกั ษายาก ยบั ง่าย ใส่แลว้ ร้อน ไม่สบายตัว และราคาแพง (๒) ซกั ด้วยเครือ่ งไมไ่ ด้ เพราะจะหด และสีตก (๓) การออกแบบไม่ทันสมยั หรือแบบไม่เหมาะสมกับชีวติ ประจาวัน และไมเ่ ปน็ ทนี่ ยิ มของวยั รนุ่ (๔) ผา้ ฝ้ายมกั จะเกา่ เร็ว (๕) ผทู้ ี่สวมใสผ่ ้าไทยมกั เป็นผอู้ าวโุ สและข้าราชการ ใน ก ารร ณร ง ค์ข อง ก ระ ทร ว งวัฒ น ธ รร ม ท่ีไ ม่ไ ด้ ก าห น ด ให้ใช้ชุด ไทยเป็ นชุด ป ร ะจาชาติ เนือ่ งจากแตล่ ะท้องถน่ิ จะมีรูปแบบการแต่งกายท่หี ลากหลายประจาถิน่ ของแตล่ ะแห่ง หากกาหนดให้มีรูปแบบ ที่เป็นการเฉพาะจะทาให้เกิดปัญหาเพราะผู้หญิงมักจะแต่งกายในรูปแบบของแฟชั่นที่มีการออกแบบ ของแตล่ ะบุคคล อย่างไรก็ตามหากเป็นงานพิธีการหรอื งานพระราชพธิ ตี า่ ง ๆ การกาหนดรูปแบบการแต่งกาย โดยปกติจะมีหมายแจ้งจากสานักพระราชวังให้ปฏิบัติ อน่ึง กระทรวงวัฒนธรรมได้ขอความร่วมมือ นกั กฬี าท่เี ดินทางไปรว่ มพิธีการแข่งขนั กีฬาระดับนานาชาตริ ่วมแต่งกายผา้ ไทย แต่ไม่ไดร้ บั ความร่วมมือ แนวทางในการแก้ไขปัญหาความไมน่ ยิ มแตง่ กายชดุ ไทย ประกอบด้วย (๑) การออกแบบชดุ ไทยตอ้ งใหเ้ หมาะสมกับการใช้งานและรสนิยมสาหรับคนในปัจจุบนั (๒) การเลือกใช้วัตถุดิบและการออกแบบตัดเย็บให้ใช้วัตถุดิบท่ีราคาไม่แพงและสามารถ ดูแลรักษาได้ง่าย (๓) การส่งเสริมให้มีกลุ่มคนท่ีเป็นผู้นาแนวร่วมทางวัฒนธรรม เพื่อกระตุ้นกระแสสังคม ให้เกิดการสร้างค่านิยมชุดไทยอีกคร้ัง มีการสร้างกระแสแต่งกายชุดไทยบนสังคมออนไลน์ และโครงการ ที่สามารถดาเนินการท่ีประสบความสาเร็จที่ชัดเจนท่ีสุดจะเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรในสถาบันการศึกษา แตง่ กายชุดไทยทกุ วนั ศุกรข์ องสัปดาห์ ๙) การประชุมคณะอนุกรรมาธิการ คร้ังที่ ๒๒/๒๕๕๘ วนั จนั ทร์ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามท่ีคณะอนุกรรมาธิการได้พิจารณาแนวทางส่งเสริมการแต่งกายชุดไทยเป็นชุดประจาชาติ ซึ่งมีผู้แทนกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และนักออกแบบชุดไทย ให้ข้อมูลเก่ียวกับลักษณะการแต่งกายชุดไทย พระราชนิยมของสุภาพสตรี มีจานวน ๘ ชุด ตั้งชื่อตามช่ือพระที่นั่งในพระบรมมหาราชวัง และพระตาหนัก หลายองค์ ได้แก่ ชุดไทยเรือนตน้ ชุดไทยจติ รลดา ชดุ ไทยอมรินทร์ ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยจักรี ชุดไทยดุสิต ชุดไทยจักรพรรดิ และชุดไทยศิวาลัย ส่วนชุดไทยของสุภาพบุรุษ เป็นแบบเส้ือพระราชทานที่นิยมแพร่หลาย มีจานวน ๓ ชดุ ไดแ้ ก่ ชดุ ไทยแขนสัน้ ชุดไทยแขนยาว และชุดไทยแขนยาวมีผ้าคาดเอว ทั้งน้ี คาดว่าในช่วง เดอื นสิงหาคม ๒๕๕๘ ซง่ึ เปน็ เดอื นพระราชสมภพ สมเดจ็ พระนางเจ้าสิรกิ ิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ จะมีการรณรงค์ แต่งกายผ้าไทยอย่างแพร่หลายมากข้ึน โดยปัจจุบันได้ประสานงานกับปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ในการ พิจารณาวิธีการนาเสนอให้ชุดไทยเป็นชุดประจาชาติ อาทิ การประกาศให้ชุดไทย เป็นชุดประจาชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบและนาไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งเป็นการ ดาเนนิ งานท่เี ป็นรปู ธรรมอย่างชัดเจนและเกิดความย่งั ยนื ตอ่ ไป - ๒๗ -

การรณรงค์แต่งกายผา้ ไทยและสง่ เสรมิ ชุดไทยเปน็ อัตลักษณป์ ระจาชาติ ๔.๒ การรณรงคแ์ ตง่ กายผา้ ไทยและสง่ เสริมชุดไทยเปน็ อตั ลักษณ์ประจาชาติ ค ณ ะ อ นุ ก ร ร ม า ธิ ก า ร ใ น ฐ า น ะ ที่ มีหน้าที่ในการพิจารณาศึกษาดาเนินงานด้านการอนุรักษ์ ศลิ ปะ การรกั ษาประเพณี วฒั นธรรมท้องถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน และการส่งเสริมวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ไทย และได้ตระหนักถึงความสาคัญในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู สนับสนุน และสืบสานเอกลักษณ์ประจาชาติไทย ตลอดจนการสบื สานวัฒนธรรมการใชผ้ ้าไทย เพือ่ เป็นการอนุรกั ษแ์ ละเผยแพร่วัฒนธรรมการแต่งกายด้วยผ้าไทย จึงได้ดาเนินการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ผ้าไทยให้แก่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและบุคลากรในวงงาน รฐั สภา ดงั น้ี ๑) คณะอนุกรรมาธิการได้เสนอโครงการรณรงค์ส่งเสริมให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่งกายด้วยผ้าไทยต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเท่ียว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยคณะกรรมาธิการได้เห็นชอบในเร่ืองดังกล่าว จึงได้เสนอโครงการต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ กิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพ่ือพิจารณา และมีมติขอความร่วมมือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แตง่ กายดว้ ยผ้าไทยทุกวันพฤหสั บดที ม่ี กี ารประชมุ สภานิตบิ ัญญตั แิ หง่ ชาติ โดยเรม่ิ ตั้งแตเ่ ดือนเมษายน ๒๕๕๘ ๒) คณะอนุกรรมาธิการได้นาเสนอในท่ีประชุมให้คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมรณรงค์แต่งกายด้วยชุดผ้าไทย โดยคณะกรรมาธิการได้เห็นชอบ ในเรื่องดังกล่าวจึงเชิญชวนให้กรรมาธิการแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยทุกวันศุกร์ที่มีการประชุมคณะกรรมาธิการ โดยเรมิ่ ตง้ั แตเ่ ดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ๓) คณะอนุกรรมาธิการได้มีมติให้อนุกรรมาธิการ และท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ แตง่ กายด้วยผ้าไทยทุกวันจนั ทรท์ ม่ี กี ารประชมุ คณะอนุกรรมาธิการ โดยเร่มิ ตงั้ แต่เดอื นกรกฎาคม ๒๕๕๘ อน่ึง เพ่ือเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมการแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยให้เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย คณะอนุกรรมาธิการจะดาเนินการส่งเสริมการใช้ผ้าไทยและแต่งกายด้วยชุดผ้าไทย ให้มีความชัดเจน และเห็นควรรว่ มกนั ดาเนนิ การให้มีระเบียบหรือแนวปฏบิ ัติ เพอ่ื กาหนดใหเ้ ป็นชดุ ประจาชาติต่อไป - ๒๘ -

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและสง่ เสริมชุดไทยเป็นอัตลักษณ์ประจาชาติ บทท่ี ๓ ความเห็นและข้อเสนอแนะ การพจิ ารณารณรงคแ์ ตง่ กายผ้าไทยและสง่ เสรมิ ชุดไทยเป็นอตั ลักษณป์ ระจาชาติ ๑) การสวมใส่ชุดไทยสามารถเลือกสวมใส่ชุดไทยพระราชนิยมทั้งหมด ๘ ชุด ได้แก่ ไทยจักรี ไทยอมรินทร์ ไทยบรมพิมาน ไทยดุสิต ไทยจักรพรรดิ ไทยจิตรลดา ไทยศิวาลัย และไทยเรือนต้น ในการ กาหนดรปู แบบการแตง่ กายดว้ ยชดุ ไทยของสภุ าพสตรนี ัน้ มีความหลากหลายในการสวมใส่ ตลอดจนลักษณะ ของบุคคลมีความแตกต่างกัน ดังน้ัน หากมีการกาหนดรูปแบบการแต่งกายด้วยชุดไทยให้มีความชัดเจน จะสามารถทาให้เกิดความเข้าใจโดยท่ัวกัน และเกิดความพร้อมเพียงในการสวมใส่ ส่วนชุดไทยของสุภาพบุรุษ เปน็ แบบเสอื้ พระราชทานทีน่ ยิ มแพร่หลาย มจี านวน ๓ ชุด ได้แก่ ชุดไทยแขนส้ัน ชุดไทยแขนยาว และชุดไทย แขนยาวมีผา้ คาดเอว ๒) การเดินทางไปราชการของผู้บริหารประเทศ นักการทูต หรือนักกีฬาท่ีเดินทางไปแข่งขัน ในต่างประเทศ ควรจะต้องขอความร่วมมือและประสานให้คาแนะนาในการสวมใส่ชุดไทยในโอกาสต่าง ๆ ซ่ึงตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน อาทิ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ หรือเอเชียนเกมส์ในหลายประเทศมีการสวมใส่ ชดุ ไทยประจาชาติ ๓) สาเหตทุ ่ีผา้ ไทยไม่ค่อยเป็นท่ีนิยมกว้างขวางอาจสรุปดังนี้ ๓.๑) ผ้าไหม ดแู ลรักษายาก ยบั ง่าย ใสแ่ ล้วรอ้ น ไมส่ บายตวั และราคาแพง ๓.๒) ซักดว้ ยเครือ่ งไม่ได้ เพราะจะหด และสตี ก ๓.๓) การออกแบบไม่ทนั สมยั หรือแบบไมเ่ หมาะสมกบั ชีวิตประจาวนั และไม่เปน็ ทีน่ ยิ มของวัยรุ่น ๓.๔) ผา้ ฝ้ายมกั จะเก่าเรว็ ๓.๕) ผทู้ ี่สวมใส่ผา้ ไทยมักเป็นผอู้ าวโุ สและขา้ ราชการ ดงั นนั้ การแก้ไขปญั หามีแนวทางดังน้ี (๑) การออกแบบชดุ ไทยต้องใหเ้ หมาะสมกบั การใชง้ านและรสนิยมสาหรบั คนในปัจจุบัน (๒) การเลอื กใช้วัตถุดบิ และการออกแบบตดั เยบ็ ใหใ้ ชว้ ตั ถดุ บิ ท่รี าคาไมแ่ พงและสามารถดูแล รักษาได้งา่ ย (๓) การส่งเสริมให้มีกลุ่มคนท่ีเป็นผู้นาแนวร่วมทางวัฒนธรรม เพื่อกระตุ้นกระแสสังคม ให้เกิดการสร้างค่านิยมชุดไทยอีกคร้ัง มีการสร้างกระแสแต่งกายชุดไทยบนสังคมออนไลน์ และโครงการ ท่ีสามารถดาเนินการที่ประสบความสาเร็จที่ชัดเจนท่ีสุดจะเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรในสถาบันการศึกษา แต่งกายชุดไทยทุกวนั ศกุ รข์ องสปั ดาห์ ๔) การรณรงค์ส่งเสริมการแต่งการผ้าไทยเป็นเรื่องที่มีความสาคัญ และสามารถรณรงค์ ในสถาบันการศึกษาให้เป็นลักษณะการแต่งกายปกติประจาวัน โดยกลุ่มเป้าหมายที่มีจานวนมากท่ีสุดก็คือ นักเรียน และนักศึกษา จึงเห็นว่ากระทรวงวัฒนธรรมควรประสานความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีการรณรงค์แต่งกายผ้าไทย โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาของสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน เพ่ือส่งเสริมให้นักเรียนได้มีความสานึกรักผ้าไทย และรักความเป็นไทยภูมิใจในท้องถิ่นของตน โดยใช้ผ้าไทยในท้องถิ่นเพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ตลอดจนอาจจะพิจารณา กาหนดให้เป็นเครอ่ื งแต่งกายของนักเรียนใหเ้ ป็นลักษณะของการใชผ้ า้ ไทยทเ่ี หมาะสมกบั วถิ ชี วี ติ และทอ้ งถนิ่ ตอ่ ไป - ๒๙ -

การรณรงค์แตง่ กายผา้ ไทยและส่งเสรมิ ชดุ ไทยเปน็ อัตลักษณ์ประจาชาติ ๕) การพิจารณาวิธีการนาเสนอให้ชุดไทยเป็นชุดประจาชาติ เพ่ือเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรม การแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยให้เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย หากจะส่งเสริมให้ทุกคนได้หันกลับมาอนุรักษ์ การแต่งกายด้วยชุดไทย โดยรณรงค์ให้ประชาชนและบุคลากรของทุกหน่วยงานแต่งกายด้วยผ้าไทย ท่ีสามารถสวมใส่ในชีวิตประจาวันได้ ส่วนการกาหนดให้มีชุดไทยเป็นชุดประจาชาติต้องจัดทารูปแบบ ให้สอดคล้องกับสภาพการใช้ชีวิตของประชาชนชาวไทยที่หลากหลายในแต่ละภาคแต่ละอาชีพ ๖) การรณรงค์แต่งกายผ้าไทยให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ควรเป็นเจ้าภาพดาเนินการอย่างต่อเน่ืองในเร่ืองนี้ โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครฐั และเอกชน และกาหนดข้นั ตอนดาเนินการดังน้ี ๖.๑) กาหนดรปู แบบการแตง่ กายผ้าไทยของชายหญงิ ตามวาระโอกาสตา่ ง ๆ ให้ชัดเจน ๖.๒) ประชาสมั พนั ธ์และเดินสายรับฟงั ขอ้ คดิ เห็นของประชาชนทุกภาคตา่ งอาชีพและตา่ งวยั ๖.๓) นาความเห็นจากประชาชนเป็นแนวทางการปรับปรุงรูปแบบการแต่งกายผ้าไทย ซึ่งจะมีรปู แบบทางเลือกการแต่งกายผ้าไทยตามเจตนารมณ์ของการฟน้ื ฟแู ละพัฒนาวฒั นธรรมผา้ ไทยได้ ๖.๔) เชิญชวนผู้นาชุมชน ส่ือมวลชน และดาราศิลปินทั้งหลาย หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน และระดับชาติแต่งกายผ้าไทยพร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการแต่งกายผ้าไทยอย่างต่อเนื่อง และถ่ายทอดกิจกรรมผ่านทางสารสนเทศส่ือสังคมเพ่ือให้สาธารณชนมีความเข้าใจ และซึมซับวัฒนธรรมไทย เกิดกระแสการแต่งกายผ้าไทยอย่างกว้างขวาง ท้ังยังก่อให้เกิดการผลิตการตลาดผ้าไทยเพ่ิมข้ึน เป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศตามนโยบายของรัฐบาลอกี ทางหนงึ่ ด้วย - ๓๐ -

ภาคผนวก



ประมวลภาพ    

                               

วิวฒั นาการของการใช้ผา้ ไทยแตง่ กายแบบไทย ประเทศไทย เป็นดนิ แดนทมี่ มี นุษยอ์ ย่อู าศัยมานานนบั เปน็ หมื่นๆ ปีมีหลักฐานทางโบราณคดีเช่ือกันว่า ในยคุ กอ่ นประวตั ิศาสตร์ ตง้ั แต่ยคุ โลหะเปน็ ตน้ มา มนษุ ยร์ จู้ ักการทอผา้ ใชเ้ อง ดังจะเห็นได้จากหลักฐานท่ีค้นพบ ตามแหล่งโบราณคดีต่างๆ เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ตําบลบ้านเชียง อําเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี พบเศษผ้าจากป่านใบกัญชา ติดอยู่กับกําไลสําริด โดยมีสนิมของทองแดงเป็นตัวยึดและป้องกันการเน่าเปื่อย พบเครื่องมอื ในการทอผ้าหลายชนิดไดแ้ ก่ แวดินเผา , หินทบุ เปลอื กไม้ , ลูกกล้งิ ดินเผา ไดพ้ บหลักฐานสาํ คัญทแี่ สดงถงึ ววิ ัฒนาการทอผ้าหลายแหง่ ได้แก่ 1. ภาพเขยี นแสดงลกั ษณะการแตง่ กายของคนในยุคต่างๆ 2. เศษผ้าและเครื่องมือในการทอผา้ โบราณ 3. จากการขดุ ค้นป้อมประตูเมอื งด้านทศิ ตะวนั ตกของเมืองเกา่ สโุ ขทยั 4. แหล่งโบราณคดจี ังหวัดตากในแถบเทือกเขาถนนธงชัย-ตะนาวศรี ทีมา : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม       วฒั นธรรมการแต่งกายแบบไทยด้วยผา้ ไทย ประเทศไทยเปน็ ประเทศทมี่ ีมรดกทางวัฒนธรรมประจาํ ชาตทิ ่เี ปน็ ของตนเองมาเปน็ ระยะเวลายาวนาน ชุดประจาํ ชาติไทยสิ่งตา่ ง ๆ เหล่านี้ล้วนมีคณุ ค่า มคี วามงดงามบง่ บอกถึงเอกลกั ษณ์แห่งความเปน็ \"ไทย\" ที่นาํ ความภาคภูมใิ จมาส่คู นในชาตยิ าวนานตัง้ แต่สมัยนา่ นเจา้ สมยั นา่ นเจ้า (พ.ศ.๑๑๖๑ - ๑๑๙๔) หญิงผู้ดีนุ่งซ่ินไหม ใช้ผ้าไหมอีกผืนหนึ่งคาดเอวไว้ ผมม่นุ สงู บางทถี ักเป็นเปียหอ้ ยลงสองข้าง ใช้ต่างหูทําด้วย ไข่มุก ทบั ทิมหรืออําพัน นิยมใชร้ องเทา้ ฟาง ทมี า : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม      

วฒั นธรรมการแต่งกายแบบไทยด้วยผา้ ไทย สมยั เชยี งแสน (พ.ศ. ๑๖๖๑ – ๑๗๓๑) ทมี า : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม หญงิ ไทยจึงนุ่งซ่นิ ถงุ แตก่ ารทอผ้ามีลวดลายตกแต่ง   ประดับประดา เช่น ซ่ินทอลายขวาง เกล้าผมสูง ปักปิ่น ประดับผม     วฒั นธรรมการแตง่ กายแบบไทยดว้ ยผา้ ไทย สมยั สโุ ขทยั (พ.ศ. ๑๗๘๑ – ๑๘๒๖) ทมี า : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม จดหมายเหตุบันทึกการแตง่ กายสตรีวา่ หญิงนงุ่ ผ้าสูง พ้นดิน ๒ - ๓ นิ้ว (กรอมเท้า) สวมรองเท้ากีบทําด้วยหนัง สีดาํ สแี ดง      

วัฒนธรรมการแตง่ กายแบบไทยด้วยผ้าไทย ต้นสมยั อยุธยา (พ.ศ. ๑๘๙๓ – ๒๑๓๑) ทมี า : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม เร่ิมนุ่งโจงกระเบน แปลงจากทรงหยักร้ังอย่างขอม หญิงนุ่งจบี ห่มสไบ มีผา้ หม่ ชน้ั ในอกี ผนื หน่ึงหม่ อย่างผา้ แถบ สไบชนั้ นอกใชผ้ ้าเนอ้ื หนาก็ได้       วฒั นธรรมการแต่งกายแบบไทยด้วยผ้าไทย สมยั อยธุ ยา (พ.ศ. ๒๒๗๕ - ๒๓๐๑) ทีมา : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม การแตง่ กายของสตรีจึงเปลย่ี นแปลงไป เพ่อื สะดวกใน การปลอมเป็นชายอพยพหลบหนี ห่มผา้ คาดอกแบบตะเบง มานรวบชายผูกเง่อื นท่ีต้นคอ      

วัฒนธรรมการแต่งกายแบบไทยด้วยผา้ ไทย ยุครตั นโกสนิ ทรส์ มัยใหม่ (รัชกาลท่ี ๕ - ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๐) ทีมา : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม เอาความคิดทางด้ า นความสว ยงามตามทัศนคติข อ ง ชาวตะวนั ตกเข้ามาด้วยผสมกบั แบบการแตง่ กายเดมิ สวมเสือนอกสีขาวคอปิ ด ติดกระดุมห้าเม็ดแทน เรียกว่า “ราชแปตแตน”  น่งุ ผ้าม่วงโจงกระเบน สวมถงุ น่องรองเท้า เหตุทีคงถุงน่องไว้เชือว่าเป็ นเพราะเห็นเป็ นเครืองแต่งกายที สภุ าพ การแต่งกายของสตรี นุ่งโจงใส่เสือแขนกระบอก แล้วห่มผ้า สไบเฉียงทบั ตวั เสือ       วฒั นธรรมการแต่งกายแบบไทยดว้ ยผ้าไทย ยุครตั นโกสนิ ทร์สมยั ใหม่ (รชั กาลที่ ๕ - ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๐) ทีมา : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม สมยั รัชกาลที ๖ เป็ นต้นมา การแตง่ กายแบบลําลอง ของชาย เปลียนจากการน่งุ ผ้าลอยชายมาเป็ นน่งุ กางเกง แพรลายสีต่าง ๆ เรียกว่า “กางเกงจีน”  ยงั คงใสเ่ สือคอ กลมผ้าขาวบาง ถ้าจะออกนอกบ้านก็จะสวมเสือทบั อีก ชนั หนึงและสวมหมวกเพือเป็ นการสภุ าพ ในสมยั รัชกาลที ๗ แบบเสือตา่ ง ๆ ของสตรีแทบจะ กลา่ วได้วา่ ลอกมาจากหนงั สือแบบเสือตะวนั ตกทีสง่ เข้า มาขายสนสมัยนัน หรือลอกเลียนจากภาพยนตร์ฝรังที เข้ามาฉาย      

วัฒนธรรมการแต่งกายแบบไทยด้วยผา้ ไทย สมัยรัฐนิยมและหลังสงครามโลกครังที ๒ เน้นการแตง่ กายให้สภุ าพเรียบร้อยเมือปรากฏตวั ใน ทชี มุ นมุ ชน หรือสาธารณชน สตรีทกุ คนไว้ผมยาว เลิกใช้ ผ้าโจงกระเบนเปลียนเป็ นน่งุ ผ้าถงุ แทน เลิกการใช้ผ้าผืน เดียวคาดอกหรือเปลอื ยกายทอ่ นบน ให้ใสเ่ สอื แทน ทมี า : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม การใส่หมวกของสตรีเป็ นเรืองทีรัฐให้ความสําคัญ มาก ถงึ กบั มีคําวา่ “มาลานําชาติไทย”       วฒั นธรรมการแตง่ กายแบบไทยดว้ ยผ้าไทย ระยะ พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๒๕ สมเด็จพระนางเจ้ าฯ พระบรมราชินีนาถ ค้ นคว้ า เกียวกับเครืองแต่งกายของไทยสมัยต่าง ๆ และโปรดมา ดัดแปลงแก้ไขให้เหมาะสม จัดเป็ นชุดไทยพระราชนิยม หลายชุด และกําหนดให้เลือกใช้ในวาระต่าง ๆ กัน คือ ชดุ ไทยเรือนต้น สําหรับใช้ในโอกาสลําลอง ใช้ผ้าซินฝ้ าย หรือไหม มรี ิวตามยาวหรือขวาง ทมี า : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม      

วฒั นธรรมการแต่งกายแบบไทยด้วยผา้ ไทย ระยะ พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๒๕ ชุดไทยจิตรลดา คือ ชุดไทยพิธีกลางวัน ใช้ผ้าไหมเกลี้ยง มีเชิงหรือยกดอกทงั้ ตวั ผ้าซิ่นยาวป้ายหน้าคนละท่อนกับตัวเส้ือ ซึ่งแขนยาว ผ่าอก คอกลม ชุดไทยอมรินทร์ คือ ชุดไทยสําหรับงานพิธีตอนค่ํา   ไมค่ าดเขม็ ขดั ใช้ผ้ายกไหมที่มที องแกมหรือยกทอง ทีมา : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม     วัฒนธรรมการแต่งกายแบบไทยดว้ ยผ้าไทย ระยะ พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๒๕ ชดุ ไทยบรมพมิ าน ใช้ในพธิ ีตอนค่ําท่ีใช้เข็มขัด ใช้ผ้ายกไหม หรอื ยกทองมเี ชิงหรือยกทง้ั ตัวก็ ชุดไทยจักรหี รือชุดไทยสไบ ใชใ้ นพิธเี ต็มยศ งานราตรี   ผา้ นงุ่ จีบยกข้างหน้ามีชายพก คาดเขม็ ขดั ไทยและหม่ สไบ ผ้ายก เปน็ แบบมีเชงิ หรอื ยกทั้งตัว เปิดบา่ ขา้ งหนึ่ง ชายสไบคลมุ ไหล่ ทงิ้ ชายยาวด้านหลังพอสมควร ทมี า : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม    

วฒั นธรรมการแตง่ กายแบบไทยดว้ ยผา้ ไทย ระยะ พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๒๕ ชุดไทยจกั รพรรด์ิ เปน็ แบบไทยแท้แบบหน่ึง ตัวซ่ินใช้ผ้ายก ท้ังตัว มีเชิงยกไหมทองหรือดิ้นทองจีบหน้านางมีชายพก ห่ม แพรจีบแบบไทย ชดุ ไทยศวิ าลยั เป็นแบบไทยแท้ เส้อื ใช้ผ้าสที องเหมอื นสี เนื้อ ตัดแบบแขนยาว ทีมา : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม       วัฒนธรรมการแตง่ กายแบบไทยด้วยผ้าไทย ระยะ พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๒๕ ชุดไทยดุสิต สําหรับงานพิธีตอนคํ่า เน้นการปักตกแต่งตัว เสื้อเปน็ ลวดลวยดว้ ยไขม่ กุ ลูกปัด และเลื่อม ฯลฯ ใช้ผ้ายกไหม หรอื ยกทอง มจี บี ยกขา้ งหน้า ทมี า : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม      

วฒั นธรรมการแต่งกายแบบไทยด้วยผ้าไทย ระยะ พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๒๕ การแต่งกายแบบไทยชดุ พระราชทาน ๑. เสอื้ ชดุ ไทยแขนสนั้ ๒. ชุดไทยแขนยาว ๓. ชุดไทยแขนยาวคาดเอว ทีมา : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม       วัฒนธรรมการแต่งกายแบบไทยดว้ ยผา้ ไทย พ.ศ. ๒๕๐๐ - ปัจจบุ นั การแต่งกายสตรีในระยะ พ.ศ. ๒๕๐๐ ชุดกระโปรง ได้มีวิวัฒนาการมาหลายข้ันตอน ได้เปลี่ยนเป็นกระโปรงสั้น ซึ่งมี แบบส้ันแค่เข่าและเหนือเข่าท่ีเรียกว่า มินิสเก๊ิต และไมโครสเกิ๊ต ต่อมามกี ระโปรงชุดติดกันทรงเอไลน์ ต่อมาชายกระโปรงยาวครึ่ง น่องเรียกว่า ชุดมิด้ี ถ้ายาวถึงกรอมเท้าเรียกว่าชุดแมกซี่ สําหรับแฟชั่นกางเกง การนิยมกางเกงมีมากข้ึนใน ปจั จบุ นั เนอ่ื งจากสะดวกกระทัดรัดกว่ากระโปรง การแตง่ กายของบรุ ุษนั้นยดึ แนวตะวนั ตกเปน็ สว่ นใหญ่ ทีมา : กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม      


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook