Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการจัดการฟาร์มโคนม

คู่มือการจัดการฟาร์มโคนม

Description: คู่มือการจัดการฟาร์มโคนม

Search

Read the Text Version

คมู่ อื การจดั การฟารม์ โคนม ฝ่ ายบริการวชิ าการอาหารสัตว์ บริษทั เบทาโกร จาํ กดั (มหาชน) www.Betagrofeed .com

1 คู่มอื การจดั การฟาร์มโคนม ฝ่ ายบริการวิชาการอาหารสตั ว์ บ. เบทาโกร จก.(มหาชน)

สารบัญ 2 การจดั การฟาร์มโคนม หนา้ - การจดั การลกู โคแรกคลอด – หยา่ นม (0 – 55 วนั ) 2 - การจดั การลกู โคหยา่ นม – 3 เดือน 3 - การจดั การลกู โค 3 เดือน – 6 เดือน 4 - การจดั การโคอายุ 6 เดือน – 15 เดือน 5 - การจดั การโคอายุ 15 เดือน – ก่อนคลอด 6 - การจดั การแม่โครีดนม 7 - การจดั การแม่โคแห้งนม 8 9 การจดั การสิงแวดลอ้ ม 10 การผลิตนาํ นมทีสะอาด 16 การดูแลสุขภาพและการป้ องกนั โรคในโคนม 18 การใชย้ าในโคนม 19 การเป็นสดั และการสงั เกตการเป็นสดั ในโคตวั เมีย 20 การผสมเทียม 22 การจดั การเพือให้การผสมเทียมไดผ้ ล

3 การจัดการฟาร์มโคนม การจดั การลูกโคแรกคลอดถงึ หย่านม การจดั การด้านอาหาร เมือลูกโคคลอด ทําความสะอาดตวั ลูกโคให้แห้ง โดยเช็ดดว้ ยฟางแห้งทนั ที พร้อมทงั ลว้ งเอาเมือกออกจากปากและจมูก อาจปล่อยให้แม่โคเลียลูกเพือกระตุน้ ระบบ ต่างๆ ของลูกโคใหเ้ ริ มทาํ งาน เช่น ระบบหายใจ เป็นตน้ นอกจากนียงั เป็นการกระตนุ้ ให้ ตวั ของแม่โคหลงั ฮอร์โมนออกซิโตซินออกมาในกระแสเลือด ซึงจะกระตุน้ ใหแ้ ม่โคเกิด การหลงั นาํ นมและขบั รก จากนนั ยา้ ยลูกโคจากคอกคลอดไปยงั โรงเรือนลูกโคซึงเป็ น กรงเดียวยกพืน ทาํ ความสะอาดสายสะดือโดยการเปิ ดสายสะดือออกให้เป็ นท่อแลว้ เอา ทิงเจอร์ไอโอดีนเทลงไป เพือฆ่าเชือโรคทีติดอยู่ตามสายสะดือเป็ นการป้ องกนั สะดือ อกั เสบ มีการจดั การให้กินนาํ นมเหลืองโดยเร็ว โดยในมือแรกจะให้ 2 กิโลกรัม และจะ ให้นาํ นมเหลืองติดต่อกนั 3 วนั ให้วนั ละ 4 กิโลกรัม โดยแบ่งใหว้ นั ละ 2 มือ หลงั จากนนั จึงใหน้ าํ นมธรรมดา การใหก้ ินนาํ นมเหลืองใน 3 วนั แรก จะใหก้ ินนาํ นมในขวดนมสาํ หรับลกู โค โดย จะฝึ กให้ลูกโคกินนาํ นมเองในวนั ที 4 หลงั คลอด โดยใชน้ ิ วทีสะอาดจุ่มลงในถงั ทีมี นาํ นม วิธีการคือเอานิ วให้ลกู โคดูด เมือลกู โคดูดนิ วก็ค่อยๆ จุ่มนิ วลงในถงั นมทีมีนาํ นม อยลู่ ูกโคจะดูดนมผา่ นร่องนิ วมือ จากนนั ค่อยๆ ดึงมอื ออก ทาํ เช่นนี 2-3 ครังลูกโคจะดูด นมจากถงั เองได้ หลงั จากทีเริ มกินนมธรรมดา จะให้ลกู โคกินวนั ละ4 กิโลกรัม โดยแบ่ง ให้ 2 มือ เชา้ 2 กิโลกรัม เยน็ 2 กิโลกรัม จนลูกโคอายุได้ ประมาณ เดือนจะเริ มลดนม โดยจะใหน้ มวนั ละ 3 กิโลกรัมมือเชา้ มือเดียว ให้จนกระทงั อายุ 55 วนั จะทาํ การหย่านม ลกู โค การให้อาหารเบทาโกร และอาหารหยาบจะให้เมือลูกโคอายุ 1 สัปดาห์ โดย ใหท้ ีละนอ้ ยและค่อยๆ เพิมตามความสามารถในการกินของลูกโค ลูกโคทีลดนมจะให้ อาหารเบทาโกร วนั ละ 1-2 กาํ มือ ต่อตวั ต่อวนั และเพิมให้ตามความสามารถในการ กิน จนกระทงั ลกู โคหยา่ นม โดยจะให้วนั ละ 2 ครัง เชา้ และบ่าย นาํ จะตงั ไวใ้ ห้กินตลอด โดยเปลียนนาํ ตอนบ่ายเพือใหล้ กู โคไดร้ บั นาํ ทีสะอาดและป้ องกนั ลูกโคทอ้ งเสีย แต่ถา้ นาํ สกปรกก็เปลียนทนั ที

4 การจดั การด้านสุขภาพ 1. ทาํ ความสะอาดถงั ใส่นํานมลูกโคลา้ งทุกครังหลงั ให้นาํ นม ส่วนถงั นําและ อาหารขน้ ลา้ งเฉพาะตอนเยน็ 2. ป้ องกนั อากาศหนาว ร้อน ฝน โดยใชผ้ า้ กนั ด้านขา้ งโรงเรือน และอาจใชไ้ ม้ กระดานกนั ในบางครัง 3. กรณีลูกโคป่ วย ควรจะทาํ การตรวจและรักษาโดยนายสตั วแพทย์ การจดั การด้านสิงแวดล้อม 1. ทาํ ความสะอาดคอกและกรงเลียงลูกโคทุกวนั เพือป้ องกนั การหมกั หมมของ เชือโรค 2. พ่นยาฆ่าแมลงทุก 15 วนั หรือระยะทีมีแมลงชุกชุม 3. กาํ จดั วชั พืชและเศษขยะทีอยรู่ อบๆ โรงเรือนอยา่ งสมาํ เสมอ การจดั การด้านอืนๆ 1. ลกู โคอายุ 2-4 สปั ดาห์ ติดเบอร์หู 2. ลกู โคอายุ ถึง 5 สปั ดาห์ใหท้ าํ การสูญเขา 3. บนั ทึกการเจ็บป่ วยของโคในแต่ละวนั 4. ชงั นาํ หนกั ลูกโคแรกเกิด และทุกเดือน การจดั การลูกโคหย่านมถึง 3 เดือน การจดั การด้านอาหาร ให้อาหารเบทาโกร วนั ละ 1 - 1.2กิโลกรัมต่อตวั ต่อวนั โดยให้วนั ละ 2 มือ เชา้ และบ่าย อาหารหยาบใหห้ ญา้ แห้งวนั ละ 2 ครัง เชา้ และบ่าย ถา้ หมดก็เพิมให้ นาํ จะตงั ไวใ้ ห้กินตลอดแต่ไม่ควรให้มากเกินไป (ประมาณ . ลิตร) เพราะจะทาํ ให้เกิดการถ่าย ปัสสาวะเป็นเลือดได้ โดยเปลียนนาํ ตอนบ่ายเพือใหล้ กู โคไดร้ ับนาํ ทีสะอาดและป้ องกนั ลูกโคทอ้ งเสีย แต่ถา้ นาํ สกปรกกใ็ ห้เปลียนทนั ที การจดั การด้านสุขภาพ 1. ทาํ ความสะอาดถงั นาํ และอาหารขน้ ลา้ งเฉพาะตอนเยน็ 2. ป้ องกนั อากาศหนาว ร้อน ฝน โดยใชผ้ า้ กนั ดา้ นขา้ งโรงเรือน และอาจใชไ้ ม้ กระดานกนั ในบางครัง 3. ถ่ายพยาธิเมือลกู โคอายุ 3 เดือน

5 4. กรณีลูกโคป่ วย ควรจะทาํ การตรวจและรักษาโดยนายสตั วแพทย์ การจดั การด้านสิงแวดล้อม 1. ทาํ ความสะอาดคอกให้แหง้ และสะอาด 2. ทาํ ความสะอาดรอบคอกและโรงเรือนอยา่ งสมาํ เสมอ 3. พ่นยาฆ่าแมลงทกุ 15 วนั หรือในช่วงทีมีแมลงเยอะ การจดั การด้านอนื ๆ 1. บนั ทึกโคป่ วยในแต่ละวนั พร้อมทงั การรักษา 2. วดั นาํ หนกั ลูกโคทุกเดือน การจดั การลูกโคอายุ 3 เดอื นถึง 6 เดือน การจดั การด้านอาหาร ให้อาหารเบทาโกร วนั ละ 2 เวลา เชา้ และบ่าย โดยให้วนั ละ 1.2 – 2 กิโลกรัม ต่อตวั ต่อวนั อาหารหยาบจะให้หญา้ แห้งหรือหญา้ สด โดยให้กินวนั ละ 2 ครัง เชา้ และ บ่าย การจดั การด้านสุขภาพ 1. ทาํ วคั ซีนปากและเทา้ เปื อยโคอายุ 4 เดือน และ 6 เดือน 2. ถ่ายพยาธิเมืออายุ 6 เดือน การจดั การสิงแวดล้อม 1. ทาํ ความสะอาดอ่างนาํ ทุก 3 วนั หรือเมือพบว่าอ่างนาํ สกปรก 2. เก็บกวาดมลู โคและเศษอาหารทีตกคา้ งในโรงเรือนและบริเวณทีเป็นพืนปูน 3. พ่นยาฆ่าแมลงทุก 15 วนั หรือในช่วงทีมีแมลงเยอะ การจดั การด้านอืนๆ 1. ชงั นาํ หนกั ทุกเดือน 2. โคป่ วยทาํ การตรวจและรักษาโดยนายสตั วแพทย์ 3. ใชร้ ัวไฟฟ้ าในการจดั การแปลงหญา้ ทุกวนั จะตรวจความเรียบร้อยของรัว ไฟฟ้ า 4. จดั กลุ่มลกู โคตามนาํ หนกั และอายุ 5. สูญเขาลกู โคซาํ ถา้ ยงั พบว่ามีตวั ทีเขางอกออกมาอีก

6 การจดั การโคอายุ 6 เดอื นถึง 15 เดือน การจดั การด้านอาหาร ให้อาหารเบทาโกร วนั ละ 2 ครัง เชา้ -บ่าย โดยให้วนั ละ 2 - 4 กิโลกรัมต่อตวั ต่อวนั อาหารหยาบจะให้ขา้ วโพดหมกั หรือฟางวนั ละ 3 ครัง เชา้ -บ่าย และคาํ วิธีการให้ จะให้อาหารเบทาโกร ใส่ด้านบนข้าวโพดหมกั หรื อฟาง เพือกระตุ้นให้โคกิน ขา้ วโพดหมกั หรือฟางไดม้ ากขึน การจดั การด้านสุขภาพ 1. ทาํ วคั ซีนปากและเทา้ เปื อย ทกุ 4 เดือน 2. ถ่ายพยาธิภายใน ทุก 6 เดือน 3. พ่นยาฆ่าพยาธิภายนอกทุก 6 เดือน 4. โคป่ วยแยกออกจากฝงู และรักษาโดยความดูแลของนายสตั วแพทย์ 5. ตรวจวณั โรคและแทง้ ติดต่อ ปี ละ 1 ครัง การจดั การด้านสิงแวดล้อม 1. ตดั หญา้ และทาํ ความสะอาด รอบๆ คอกอยเู่ สมอ 2. มีโปรแกรมกาํ จดั แมลงในช่วงทีมีแมลงเยอะ 3. เก็บกวาดมลู โคและเศษอาหารทีตกคา้ งในโคนม การจดั การด้านอนื ๆ 1. บนั ทึกโคป่ วยในแต่ละวนั พร้อมการรักษา 2. วดั นาํ หนกั โคทกุ เดือน 3. บนั ทึกการฉีดวคั ซีน การถ่ายพยาธิ

7 การจดั การโคอายุ 15 เดือนถึง ก่อนคลอด การจดั การด้านอาหาร ให้อาหารเบทาโกร วนั ละ 2 ครัง เชา้ -บ่าย โดยให้วนั ละ 4 - 6 กิโลกรัมต่อตวั ต่อวนั อาหารหยาบจะใหข้ า้ วโพดหมกั หรือฟางวนั ละ 3 ครัง เชา้ -บ่าย และคาํ โคทีเตรียม คลอด 2 เดือน จะเพิมอาหารเบทาโกร สัปดาห์ละ 0.5 กิโลกรัม จนกระทงั สปั ดาห์ สุดทา้ ยก่อนคลอดให้โคกินได้ 6-8 กิโลกรัมต่อตวั ต่อวนั การจดั การด้านสุขภาพ 1. ทาํ วคั ซีนปากและเทา้ เปื อย ทุก 4 เดือน 2. ถ่ายพยาธิภายในทกุ 6 เดือน และก่อนคลอด 2 เดือน 3. พ่นยาฆ่าแมลงทกุ 15 วนั 4. โคป่ วยแยกออกจากฝงู และรักษาโดยนายสตั วแพทย์ 5. ตรวจวณั โรค แทง้ ติดต่อ และทอ้ งร่วงเรือรัง ปี ละ 1 ครัง การจดั การด้านสิงแวดล้อม 1. ทาํ ความสะอาดโรงเรือนและรอบๆ โรงเรือนสมาํ เสมอ 2. เก็บกวาดมูลโค และเศษอาหารภายในโรงเรือน 3. ทาํ ความสะอาดอ่างนาํ ทกุ 3 วนั การจดั การด้านอืนๆ 1. จบั สดั และผสมพนั ธุโ์ คทีพบอาการเป็นสดั ทีอายตุ งั แต่ 15 เดือน และนาํ หนกั 280 กิโลกรัมเป็นตน้ ไป 2. ตรวจการตงั ทอ้ งหลงั ผสม 2 เดือน 3. วดั นาํ หนกั โคทุกเดือน 4. คดั แยกโคให้อยคู่ อกเดียวกนั ตามนาํ หนกั 5. แยกโคทีตงั ทอ้ งออกจากโคทียงั ไม่ทอ้ ง 6. ก่อนคลอด 1 เดือน ยา้ ยเขา้ คอกเตรียมคลอด

8 การจดั การโครีดนม โครีดนมจะให้กินอาหารหยาบเต็มที อาหารเบทาโกร จะเพิมให้หลงั คลอด วนั ละครึงกิโลกรัม จนถึง 10 กิโลกรัมต่อตวั ต่อวนั ปริมาณอาหารเบทาโกร อาจมาก หรือนอ้ ยกว่านีทงั นีขึนกบั ปริมาณนาํ นมทีโคผลิตและสภาพร่างกายของโคแต่ละตวั โดย อตั ราส่วนอาหารขน้ ทีให้ต่อนาํ นมทีโคผลิตเท่ากบั 1 ต่อ 2 อาหารเบทาโกร ควรจะ แบ่งใหว้ นั ละ -4 ครัง คือ 05.30 11.00 15.00 และ 19.30 การจดั การด้านสุขภาพ 1. ทาํ วคั ซีนปากและเทา้ เปื อยปี ละ 3 ครัง แต่ละครังห่างกนั 4 เดือน 2. ตรวจวณั โรค แทง้ ติดต่อ และทอ้ งร่วงเรือรัง ปี ละ 1 ครัง ถา้ พบว่าเป็ นโรคควร จะแยกเลียงเพือคดั ทิ ง 3. ถ่ายพยาธิในวนั ดรายโค 4. พ่นยากาํ จดั พยาธิภายนอกทกุ 15 วนั 5. ตรวจปัญหากีบ และขาเจ็บ เตา้ นมอกั เสบ แลว้ แยกออกมารักษาจนกว่าจะหาย จึงนาํ กลบั ฝงู เดิม การจดั การฝูงโครีดนม 1. แม่โคคลอดใหม่ จะรีดนมให้ลูก 7 วนั (นาํ นมเหลือง) หลงั คลอด -8 วนั ส่ง นาํ นมตรวจยาปฏิชีวนะ 2. แม่โคป่ วยเป็ นเตา้ นมอกั เสบ หรือโคทีไดร้ ับยาปฏิชีวนะควรจะรีดเป็ นกลุ่ม สุดทา้ ยเพือป้ องกนั การติดต่อของโรคเตา้ นมอกั เสบและเพือป้ องกนั การส่งนาํ รมทีมียา ปฏิชีวนะปนเปื อน แลว้ นมนมไปเลียงลูกโค 3. จดั กลุม่ โคโดยใชป้ ริมาณนาํ นมเป็นเกณฑ์ โดยแบ่งเป็น 3 คอก . .คอกโคให้นมมากหรือโคหลงั คลอด - เดือน .ให้อาหารเบทาโกร 3.2.คอกโคให้นมปานกลางหรือหลงั คลอด - เดือน ให้อาหารเบทาโกร S . .คอกโคให้นมนอ้ ยหรือก่อนดราย เดือน ให้อาหารเบทาโกร หรือ D การจดั การด้านการรีดนม รีดนมวนั ละ 2 ครัง คือ เชา้ 05.30-07.30 น.และบ่าย 15.30-17.30 น. ก่อนรีดนม ควรจะใช้ผา้ สะอาดจุ่มนาํ คลอรีนเช็ดเตา้ และเช็ดให้แห้งดว้ ยผา้ สะอาดตวั ละ 1 ผืน หลงั จากนนั จะตรวดนาํ นมดว้ ยถว้ ยตรวจดูลกั ษณะนาํ นมทุกครัง และควรตรวจ ซี.เอม็ .ที

9 2 อาทิตยต์ ่อครงั ก่อนสวมหวั รีด หลงั รีดนมเสร็จควรจุ่มนาํ ยาเพือป้ องกนั เชือโรคและให้ โคยืนกินอาหารขน้ และหยาบหลงั รีดเพือให้โคยืนอย่างนอ้ ย 30 นาที เพือป้ องกนั รูนม สมั ผสั พืน ซึงเชือโรคจะผา่ นรูนมไดง้ ่าย หลงั รีดนมเสร็จทาํ ความสะอาดบริเวณโรงเรือน อุปกรณ์รีดนมทกุ ชิ น ตรวจสอบเครืองรีดและอุปกรณ์ การจดั การด้านสิงแวดล้อม 1. ทาํ ความสะอาดภายในคอก และโรงเรือน รวมถึงรอบๆ โรงเรือน 2. ทาํ ความสะอาดโรงรีดนมและรอบๆ รวมถึงรอบๆ โรงเรือน 3. ทาํ ความสะอาดรางอาหารทกุ วนั อ่างนาํ ทาํ ความสะอาด 3 วนั ต่อครัง 4. พ่นยาฆ่าแมลงทกุ 15 วนั ทีตวั โคและพืนคอก การจดั การด้านอืนๆ 1. จดั สดั ผสมเทียม บนั ทึกการเป็นสดั และการผสมเทียม 2. ตรวจทอ้ งหลงั ผสม 2 เดือน 3. รักษาและดแู ลสุขภาพโคนมโดยนายสตั วแพทย์ 4. วดั นาํ หนกั โคทุกเดือน 5. บนั ทึกปริมาณอาหารขน้ ตามปริมาณนาํ นม และสภาพร่างกาย 6. บนั ทึกรายรับรายจ่ายในการเลียงโคนม 7. จดั โปรแกรมระบบสืบพนั ธุ์อืนๆ ตามเหมาะสม การจดั การแม่โคแห้งนม การจดั การด้านอาหาร โคแหง้ นม ควรจะมีคอกแยกเป็นสดั ส่วนจากโครีดเนืองจากจะดแู ลไดง้ ่ายแลว้ จะ ช่วยป้ องกนั การแทง้ จากโครีดทีเป็นสดั มาปี นหรือมาชนกระแทกได้ โดยโคทีเพิงแหง้ นม จะใหก้ ินอาหารหยาบวนั ละ 3 ครังเวลาเดียวกบั โคสาว แต่งดอาหารขน้ จนกระทงั ก่อน คลอด 6 สปั ดาห์ จะเริ มให้กินอาหารเบทาโกร โดยให้ครังแรก 1 กิโลกรัมต่อตวั ต่อ วนั และจะเพิมให้สัปดาห์ละ 1 กิโลกรัม จนกระทงั สัปดาห์สุดทา้ ยก่อนคลอด โคจะได้ อาหารขน้ วนั ละ 6-8 กิโลกรัมต่อตวั ต่อวนั ทีทาํ เช่นนีเพือทีจะทาํ ใหก้ ระเพาะหมกั ของโค ค่อยๆ คนุ้ เคยกบั อาหารเบทาโกร

10 วธิ ีการแห้งนม การแห้งนม ควรจะทาํ แบบค่อยเป็ นค่อยไปโดยจะเตรียมก่อนกาํ หนดแห้งนม ประมาณ 1-2 สปั ดาห์ ขึนกบั ปริมาณนาํ นมของโค ในช่วงแรกจะค่อยๆ ลดอาหารเบทา โกร หรือ D ลง และลดมือรีดนม จนกระทงั ปริมาณนาํ นมต่อวนั เหลือน้อยกว่า 4 กิโลกรัม จึงสอดยาดราย 1 เตา้ ต่อ 1 หลอด และจะพกั รีดนมเป็นเวลา 60 วนั การจดั การด้านสุขภาพโคแห้งนม หลงั จากสอดยาดรายแลว้ จะทาํ การถ่ายพยาธิดว้ ย Ivermectin เขา้ ใตห้ นงั และ/ หรือ Albendazole กรอกปาก ในวนั เดียวกนั และควรจะสงั เกตเตา้ นมถา้ เกิดการอกั เสบ จะไดท้ าํ การรักษาทนั ที การจดั การด้านสิงแวดล้อม 1. เก็บกวาดมลู โคภายในโรงเรือน และคอกพกั โค 2. ทําความสะอาดรอบๆ โรงเรื อน อ่างนําให้โคกิน รางอาหารตามความ เหมาะสม การจดั การด้านอืนๆ 1. เมือแห้งนมโคจะยา้ ยลงไปคอกสาํ หรับโคแห้งนม 2. ก่อนคลอด 1 เดือนจะยา้ ยไปคอกสาํ หรับเตรียมคลอด 3. ก่อนแหง้ นมจะทาํ การลว้ งตรวจทอ้ งอีกครังเพือตรวจดูโคยงั ทอ้ งอยหู่ รือไม่ ถา้ ไม่จะไดท้ าํ การแกไ้ ขต่อไป การจัดการสิงแวดล้อมในฟาร์ม ฟาร์มควรมีการจดั การสิ งแวดล้อมภายในฟาร์มอย่างเหมาะสมเพือไม่ให้เกิด มลภาวะต่อผอู้ ยอู่ าศยั ใกลเ้ คียงและคนงานภายในฟาร์ม ดงั นี 1. ขยะมูลฝอย ตามจุดต่างๆ ภายในฟาร์มควรจะมีถงั ขยะสําหรับใส่ขยะมูลฝอยต่างๆ และจะ นาํ ไปทิ งบริเวณทีแยกออกจากบริเวณทีเลียงโค และจะมีการทาํ ความสะอาดโดยการเก็บ ขยะมลู ฝอยทงั ฟาร์มในทุกสปั ดาห์ 2. ซากสัตว์ เมือมีสตั วต์ ายควรจะนาํ ซากสตั วฝ์ ังลึกจากระดบั ผิวดินก่อนกลบดินปิ ด

11 3. มูลสัตว์ มลู โคภายในโรงเรือนและคอกพกั โคควรจะถกู กวาดเก็บออกมาไวน้ อกโรงเรือน ทุกสปั ดาห์แลว้ นาํ ไปตากแห้งในบริเวณทีเตรียมไว้ เพือนาํ ไปใชเ้ ป็ นป๋ ุยบาํ รุงดิน หรือ ขายให้คนภายนอก 4. นําเสีย นาํ เสียจากการเลียงโคควรจะไหลไปรวมกนั ทีบ่อพกั นาํ เสีย ควรมีการทาํ ความ สะอาดรางระบายนาํ เมือนาํ เริ มไหลชา้ 5. รอบโรงเรือน รอบโรงเรือนต่างๆ จะมีการทาํ ความสะอาด และปรับปรุงโดยการตดั หญา้ ปลูก ตน้ ไม้ เพือให้สะอาด เป็นร่มเงา การผลิตนํานมทีสะอาด โดยทวั ไปรีดนมโควนั ละ 2 ครัง เช้า และบ่าย ขนั ตอนการรีดนมจะเน้นความ สะอาดทีเตา้ นม วสั ดุอปุ กรณ์ เครืองมือทีใชใ้ นการรีดและเก็บรักษานาํ นม การตรวจสอบ นม สุขลกั ษณะของผรู้ ีดนม รวมทงั การฆ่าเชือโรค การบาํ รุงรักษาเครืองรีดนม วธิ ีการรีดนม การรี ดนมด้วยเครื องรี ด ซึงจะทํางานเลียนแบบการดูดนมของลูกโค คือ มี เครืองดูดทาํ ให้เกิดสุญญากาศ มีกระบอกยางและกระบอกโลหะทาํ หน้าทีคล้ายปาก นอกจากนี จะมีตัวให้จังหวะการดูดสลบั กับการปล่อยและตวั ควบคุมแรงดูดของ สุญญากาศใหค้ งที ระดบั สุญญากาศในระบบทวั ไปคือ - กิโลปาสคาล(kPa) หรือ เซนติเมตรปรอท (cm.Hg.) หรือ นิ วปรอท(cm.Hg.) การรีดนมให้สะอาด มีผลต่อรายได้ของเราโดยตรง ตามปกติการรับซือนํานมผูซ้ ือจะตังราคา มาตรฐานไว้ ถ้าหากนาํ นมทีรี ดได้สะอาดสูงกว่ามาตรฐานก็จะไดร้ าคาสูงกว่าราคา มาตรฐาน แต่ถา้ ความสะอาดตาํ กว่ามาตรฐานจะตอ้ งถูกลดราคาตาํ กว่าราคามาตรฐาน ซึง การรักษาความสะอาดนีทาํ ไดไ้ ม่ยากและแทบจะไม่ตอ้ งลงทนุ เลย เพียงแต่เราปฏิบตั ิตาม ขนั ตอนของการรีดนมอยเู่ ป็นประจาํ ก็จะไม่มีปัญหาเรืองนีเลย

12 การรีดนมด้วยเครืองมีขันตอนในการรีดนมดงั นี 1. การเตรียมอุปกรณ์ ไดแ้ ก่ ชุดรีดนมของเครืองรีด ตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์ต่างๆ ว่าอยู่ ในสภาพพร้อมทีจะรีดนมหรือไม่ จงั หวะการดูด ปล่อย ประมาณ 50 - 60 รอบต่อนาที เตรียมนาํ ยาคลอรีนใส่ถงั ผา้ เปี ยกและผา้ แห้งเช็ดเตา้ นม 1 ผืนต่อตวั ถว้ ยตรวจนํานม นาํ ยา ซี.เอม็ .ที. เชือก นาํ ยาจุ่มเตา้ หลงั รีด 2. การเตรียมตวั โค ทาํ ความสะอาดขาและกีบแลว้ ทาํ ความสะอาดเฉพาะเตา้ นมโคเพือป้ องกนั นาํ จาก ตวั โคไหลเขา้ ไปในกระบอกรีดนาํ นมเวลารีดนม 3. วธิ ีการรีด - เชด็ ทาํ ความสะอาดเตา้ นมดว้ ยผา้ ชบุ นาํ ยาคลอรีน และเช็ดให้แห้งดว้ ยผา้ แห้งที สะอาด - ตรวจเชค็ นาํ นมดว้ ยถว้ ยตรวจนาํ นม ถา้ พบความผิดปกติให้ทาํ การรักษา - ตรวจนาํ นมดว้ ยนาํ ยา ซี.เอม็ .ที ถา้ ผล +2 และ+3 ใหท้ าํ การรักษาทนั ที - สวมหวั รีดภายใน 1 นาที หลงั จากเตรียมเตา้ นม - เมือนาํ นมหมดเตา้ หรือไม่ไหลใหป้ ลดหวั รีดออกทนั ที นอกจากบางตวั ทีคุน้ เคย กบั การนวดเตา้ ให้นวดเตา้ จนนาํ นมเหลือนอ้ ย จึงปลด - จุ่มนาํ ยาฆ่าเชือโรคหลงั รีดเพือป้ องกนั เชือโรคเขา้ สู่เตา้ นม - ปล่อยให้โคกินอาหารหลงั รีดอย่างน้อย 30 นาทีเพือให้รูหัวนมปิ ด ป้ องกนั เชือ โรคเขา้ สู่หวั นม 4. การล้างทําความสะอาดเครืองรีด เมือรีดนมเสร็จแลว้ จะตอ้ งลา้ งทาํ ความสะอาดทุกส่วนโดยทนั ที เครืองรีดแบบถงั เดียวให้ลา้ งทาํ ความสะอาดดว้ ยแปรงทีอ่อนนุ่มไม่ทาํ ให้เกิดรอยต่ออุปกรณ์รีดนมต่างๆ ดว้ ยนาํ ยาสําหรับลา้ งทาํ ความสะอาด เมือลา้ งทาํ ความสะอาดดีแล้วก็นาํ ไปเก็บไวใ้ นที สะอาด สาํ หรับเครือง รีดแบบ pipeline ลา้ งเฉพาะสายดา้ นนอกของสายลม สายนม ส่วน หวั รีดเครืองจะลา้ งใหอ้ ตั โนมตั ิ

13 นอกจากนีอุปกรณ์ทีเป็ นยางจะตอ้ งถอดมาแช่นาํ โซดาไฟเป็ นประจาํ ทุกเดือน เพือขจดั คราบตะกอนต่างๆ ออกให้หมด และเปลียนชิ นส่วนเมือหมดอายุการใชง้ าน หรือมีการชาํ รุด นาํ คลอรีน คลอรีนมีคณุ สมบตั ิในการฆ่าเชือโรคไดด้ ี และมีราคาถูกทีสุดเมือเทียบกบั นาํ ยา ฆ่าเชือโรคประเภทอืนๆ ประโยชน์ของนาํ คลอรีน ใชใ้ นการฆา่ เชือโรคในกรณีดงั ต่อไปนี 1. ลา้ งอุปกรณ์ทีตอ้ งสมั ผสั กบั นาํ นม เช่นถงั รีดนม ถงั ใส่นม 2. เชด็ ทาํ ความสะอาดเตา้ นมก่อนและหลงั การรีดนม 3. ลา้ งพืนคอกในกรณีทีนาํ นมจากเตา้ ทีเป็นโรคเตา้ นมอกั เสบหยดลงบนพืนคอก การใชน้ าํ คลอรีน 3.1. ใชจ้ ุ่มหวั รีด ใชค้ ลอรีนประมาณ 20 ซีซี ต่อนาํ 10 ลิตร 3.2. ใชจ้ ุ่มผา้ เชด็ เตา้ ใชค้ ลอรีนประมาณ 15 ซีซี ต่อนาํ 10 ลิตร การล้างอุปกรณ์รีดนม อุปกรณ์รีดนม ไดแ้ ก่ ถงั รีดนมเดียว ถงั ใส่นม เครืองรีดนม และภาชนะอืนๆ ที สมั ผสั กบั นาํ นม การชาํ ระลา้ ง แบ่งเป็น 2 อยา่ ง 1. การชาํ ระลา้ งเป็นประจาํ วนั เป็นการชาํ ระลา้ งคราบไขมนั ในนาํ นมทีติดอยู่ตาม ภาชนะ มกั จะลา้ งดว้ ยนาํ ยาชาํ ระลา้ ง 2. การชาํ ระล้างเป็ นประจําทุก 10 วนั เป็ นการชาํ ระลา้ งคราบหินปูน คราบ ตะกอนนาํ นมทีติดอยตู่ ามภาชนะ มกั จะลา้ งดว้ ยนาํ กรด การชาํ ระลา้ งเป็นประจาํ วนั มีขนั ตอนดงั นี 1. หลงั จากใชอ้ ุปกรณ์รีดนมแลว้ ให้ลา้ งนาํ ทนั ทีไม่ควรปล่อยทิ งไวจ้ นแห้งกรัง เพราะจะทาํ ใหล้ า้ งออกยาก 2. ลา้ งดว้ ยนาํ ยาชาํ ระลา้ ง เช่น นาํ ยาลา้ งจานหรือนาํ ยาลา้ งถงั นม เป็นตน้ 3. ขดั ดว้ ยแปรงนิมๆ ไม่ควรใชฝ้ อยขดั หมอ้ หรือสก็อตไบรท์ เพราะจะทาํ ให้เกิด รอยขีดข่วนขึนทีผวิ ของภาชนะ ซึงในระยะยาวจะทาํ ให้เกิดเชือโรคสะสมไดง้ ่าย 4. ลา้ งดว้ ยนาํ สะอาด

14 5. ลา้ งดว้ ยนาํ สะอาดทีเจือนาํ ยาคลอรีน 6. ผึงให้แห้งในทีสะอาดและถ่ายเทอากาศไดด้ ี การชาํ ระลา้ งเป็นประจาํ ทกุ 10 วนั มีขนั ตอนดงั นี 1. นาํ อปุ กรณ์ต่างๆ ลา้ งนาํ ใหส้ ะอาดเสียก่อน 2. ลา้ งดว้ ยนาํ กรด เช่น กรดไนตริก 3. ขนั ตอนเหมือนการชาํ ระลา้ งเป็นประจาํ ตงั แต่ขอ้ 3 ถึง ขอ้ 6 ข้อควรระวงั 1. การลา้ งดว้ ยโซดาไฟ นาํ กรด ให้ใส่ถุงมือ 2. หากโซดาไปหรือนาํ กรดถกู ผวิ หนงั เขา้ ตา ให้รีบลา้ งดว้ ยนาํ สะอาดทนั ที 3. ควรอยเู่ หนือลมเพือกนั การสูดไอระเหยของนาํ กรดหรือนาํ ด่าง 4. การผสมนาํ กรด ให้เอานาํ ใส่ถงั ไวแ้ ลว้ รินนาํ กรดลงในถงั ใส่นาํ อย่ารินนาํ ลง ในนาํ กรดเพราะจะเกิดอนั ตรายได้ สุขลกั ษณะในการผลติ นํานม เป็นทีรู้จกั กนั ทวั ไปว่า นาํ นมเป็นอาหารทีมีประโยชนแ์ ละเป็นอาหารธรรมชาติที เกือบสมบรู ณ์ทีสุดของมนุษยแ์ ละสตั วท์ งั หลาย จึงเป็นอาหารทดี ีสาํ หรับจลุ ินทรียด์ ว้ ย นาํ นมจึงบูดเสียง่าย จลุ ินทรียจ์ ะทาํ ใหน้ าํ นมเกิดการเปลยี นแปลงทางเคมี ทางดา้ น กายภาพ และยงั ขบั ถ่ายของเสียไวใ้ นนาํ นม นาํ นมจึงเสียไดง้ ่าย จุลินทรียม์ ีอยทู่ วั ไป ดงั นนั การปฏิบตั ิต่อนาํ นมหากไม่ถกู ตอ้ งตามวิธีการ เช่น การรีดนม การขนส่ง ฯลฯ ยอ่ ม ทาํ ให้นาํ นมเสียหรือเปลียนสภาพไดง้ ่าย ดงั นนั การปฏิบตั ิต่อนาํ นมจึงนบั ไดว้ ่าเป็นเรือง สาํ คญั อยา่ งยิงต่อผเู้ ลียงโคนม ผผู้ ลิตนาํ นม และผบู้ ริโภค 1. การปฏิบตั ิต่อนาํ นมขณะอยใู่ นฟาร์ม ก่อนอืนตอ้ งเขา้ ใจก่อนว่านาํ นมทีอยใู่ น เตา้ นมของโคนมทีมีสุขภาพสมบูรณ์ปราศจากโรคติดต่อ เช่น วณั โรค บรูเซลโลซีส หรือ โรคอืนๆ เป็นนาํ นมทีสะอาดทีสุด แต่เมือเริ มการรีดนมตอ้ งมีการสมั ผสั กบั สิงต่างๆ หลายอยา่ ง เช่น มือผรู้ ีด ภาชนะทีใชร้ ีด ถงั เก็บนม เป็นตน้ โอกาสทีจะทาํ ให้นาํ นม สกปรกก็ยอ่ มมีมากขึน การปฏิบตั ิต่อนาํ นมภายในฟาร์มตงั แต่เริ มแรกใหถ้ ูกตอ้ ง ก็จะ ช่วยใหค้ ุณภาพของนาํ นมดิบอยใู่ นสภาพดี ซึงมีขอ้ ระมดั ระวงั ในเรืองต่างๆ ดงั ตอ่ ไปนี

15 1.1 ผรู้ ีดนม ผรู้ ีดนมตอ้ งคอยรักษาความสะอาดเนือตวั ในขณะรีดนม ก่อนรีดนม ควรลา้ งมือและแขนใหส้ ะอาดดว้ ยสบู่และนาํ ถา้ ขณะรีดนมเปื อนก็ใหท้ าํ ความสะอาด ก่อนทกุ ครงั 1.2 ภาชนะทีรีดนม ไดแ้ ก่ เครืองรีดนม ถงั นม หรือกระป๋ อง ควรเป็นโลหะทไี ม่ เป็นสนิม อะลูมิเนียม หรือโลหะอืนทีเคลือบดีบกุ ไม่มีรอยตะเขบ็ ภายในส่วนทีสมั ผสั กบั นาํ นม ง่ายต่อการลา้ งทาํ ความสะอาด มีฝาปิ ดเพือกนั ฝ่ นุ ละอองลงไปในนาํ นม ภาชนะที ทาํ ดว้ ยสงั กะสี เหลก็ ทองแดง ทองเหลือง ซึงไม่ไดเ้ คลือบดีบกุ เมือบรรจุนมลงใน ภาชนะเหล่านี นาํ นมจะมีกลินและรสผดิ ปกติไปจากเดิม ไม่สามารถนาํ ไปผลิตหรือ บริโภคได้ ดงั นนั จึงควรหลกี เลยี งภาชนะทีทาํ ดว้ ยโลหะดงั กล่าว ภาชนะใส่นม ควรลา้ งให้สะอาดดว้ ยนาํ สบู่และนาํ สะอาดแลว้ ลา้ งดว้ ยนาํ คลอรีน ซึงมีความเขม้ ขน้ 200 - 250 พีพีเอม็ . หรือลา้ งดว้ ยนาํ กรดหรือนาํ ด่างเป็นครังคราว และ ตอ้ งใชน้ าํ สะอาดลา้ งนาํ ยาออกอีกครัง แลว้ นาํ ไปผึงให้แหง้ อุปกรณท์ ีสมั ผสั กบั นาํ นม หรือภาชนะทีใส่นมตอ้ งทาํ ความสะอาดทนั ทีหลงั จาก ใชเ้ สร็จแลว้ ทกุ ครงั อยา่ งทิ งไวแ้ ลว้ คอ่ ยมาทาํ ความสะอาดทีหลงั เพราะจะทาํ ให้ เชือจุลินทรียเ์ พิมจาํ นวน ความสะอาดยากขึนในภายหลงั และเพือเป็นการสร้างนิสยั ให้ รักความสะอาด 1.3 นาํ สะอาด การผลิตนมทีมีคุณภาพสูงจาํ เป็นอยา่ งยิงทีจะตอ้ งไดน้ าํ ทีสะอาด ไวใ้ ชล้ า้ งเครืองมือต่างๆ ทีใชร้ ีดนมตวั โค และคอกรีดนม การใชน้ าํ ควรจะเป็นนาํ ที ปลอดจากแบคทีเรียทเี ป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ถา้ เป็นบ่อหรือท่อนาํ ควรจะแยกอยหู่ ่าง จากบ่อนาํ โสโครกและสว้ ม ทางฟาร์มใชน้ าํ ใตด้ ิน ผา่ นการตกตะกอน และผา่ นกรอง ก่อนทีจะนาํ มาใช้ 1.4 โรงรีดหรือคอกรีดนม ควรจะก่อสร้างอยา่ งง่ายๆ และสะดวกในการรักษา ความสะอาด ไม่อบั ทึบ มีลมพดั ผา่ น ทาํ ใหแ้ ม่โครู้สึกสบาย ในคอกควรลาดดว้ ยซีเมนต์ หรือคอนกรีต เพือใหง้ ่ายในการรักษาความสะอาดและควรทาํ ความสะอาดพืนทกุ ครัง ก่อนรีดนม ทางฟาร์มมีผนงั กนั ปิ ดทงั 2 ดา้ น แต่จะติดตงั พดั ลมเพือใหโ้ ครู้สึกสบายขณะ รีดนม 1.5 สุขภาพของแม่โค แม่โคเป็นผผู้ ลิตนาํ นมดงั นนั สุขภาพแม่โคจึงเป็นสิงจาํ เป็น ทีผเู้ ลียงหรือผรู้ ีดตอ้ งหมนั สงั เกตดูทกุ ครังก่อนรีดนมและตอ้ งมีการตรวจสุขภาพของแม่

16 โคอยเู่ สมอโดยเฉพาะอยา่ งยิงวณั โรคและบรูเซลโลซีส นอกจากนีควรระมดั ระวงั เกียวกบั โรคเตา้ นมอกั เสบ ซึงเป็นสาเหตทุ ีทาํ ให้นาํ นมทีรีดไดม้ ีคณุ ภาพตาํ ลงและเสียได้ เร็วขึน โคนมทีผรู้ ีดพบว่าเป็นโรคเตา้ นมอกั เสบควรรีดนมเป็นตวั สุดทา้ ย และถา้ เป็น เฉพาะเตา้ ก็ควรจะรีดนมเฉพาะเตา้ ทีเป็นโรคเป็นเตา้ สุดทา้ ย และไม่ควรนาํ นมนนั มา บริโภคหรือส่งเขา้ โรงงาน 1.6 เตา้ นมและตวั แม่โค จาํ เป็นทีตอ้ งลา้ งใหส้ ะอาดดว้ ยนาํ ทีสะอาด แปรงขนโค ลา้ งพวกฝ่ นุ ละอองขีโคทีติดอยใู่ ห้สะอาด การอาบนาํ โคจาํ เป็นสาํ หรับประเทศร้อนอยา่ ง บา้ นเรา จะทาํ ใหแ้ ม่โครู้สึกสบายสามารถกินอาหารและปล่อยนาํ นมไดม้ ากกว่าปกติ เตา้ นมควรจะไดร้ ับการเอาใจใส่ในดา้ นความสะอาดเป็นพิเศษ เช่น หมนั ตดั ขนบริเวณเตา้ นม ถา้ ยาวทุกครังทีรีดนม ควรใชผ้ า้ สะอาดชบุ นาํ คลอรีนเชด็ รอบๆเตา้ นมให้ทวั ก่อนรีด นม ซึงจะช่วยกระตนุ้ ใหแ้ ม่โคเกิดความรู้สึกอยากปล่อยนาํ นมและต่อมสร้างนาํ นมก็จะ ผลิตนาํ นมไดม้ ากขึน เวลารีดนมครังแรกในแต่ละครังควรจะรีดนมทีคา้ งเตา้ ทิ งเสียก่อน ประมาณ 2-3 ครัง ทงั นีเพราะนาํ นมทีคา้ งอยตู่ รงปลายหวั นมมกั มีจุลินทรียอ์ ยสู่ ูง ถา้ รีด ทิ งเสียก่อนจะทาํ ใหน้ าํ นมสะอาดขึน 1.7 ปลอดจากบุคคลภายนอกและสตั วม์ ารบกวน เช่น หมู หมา ไก่ ฯลฯ เพราะ อาจเป็นการแพร่เชือโรคมาสู่นมและแม่โคได้ ควรให้อยพู่ น้ จากคอกรีดนม 2. การปฏิบตั ิตอ่ นาํ นมภายหลงั การรีดนมเสร็จเรียบร้อย (การขนส่งนาํ นมดิบไป จาํ หน่าย) นาํ นมทีรีดจากแม่โคใหม่ๆ อณุ หภูมิประมาณ 35-37 องศาเซลเซียส และหาก ปล่อยนาํ นมทีรีดออกมาอยใู่ นอุณหภูมินีนานประมาณ 3 ชวั โมง นาํ นมจะเริ มเสีย ดงั นนั นาํ นมทีรีดไวไ้ ดต้ อ้ งรีบดาํ เนินการดงั ต่อไปนี 2.1 ส่งนมไปยงั ศูนยร์ วมนาํ นมดิบหรือสหกรณ์ฯให้เร็วทีสุด เพราะ จุลินทรียใ์ นนาํ นมสามารถเพิมจาํ นวนไดอ้ ยา่ งรวดเร็วภายใตอ้ ุณหภมู ิปกติ และไม่ควร วางตากแดด 2.2 การบรรจุนมลงในถงั นมควรใส่ใหเ้ ตม็ ถงั เพือป้ องกนั การเขยา่ ซึงจะ ทาํ ใหแ้ บคทีเรียเจริญเติบโตไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและจะทาํ ใหไ้ ขมนั จบั ตวั เป็นกอ้ นไดเ้ ร็วขึน จนมีลกั ษณะคลา้ ยเมด็ เนย การขนส่งนม ตอ้ งทาํ โดยเร็ว เพราะยงิ ชา้ จะทาํ ใหน้ มมีโอกาส เสียหรืออายสุ นั หรือคุณภาพตาํ ลง ทาํ ให้ราคานาํ นมดิบลดลง การขบั รถส่งนมควรจะขบั

17 ดว้ ยความเร็วสมาํ เสมอ ควรขบั อยา่ งระมดั ระวงั ให้นาํ นมในถงั เขยา่ นอ้ ยทีสุด หลงั จากส่ง นมเสร็จแลว้ ควรลา้ งถงั ส่งนมทนั ที เพือป้ องกนั การเกิดคราบฝังแน่นและจะเป็นการเพิม จุลินทรียใ์ นนาํ นมดว้ ย การดูแลสุขภาพและการป้ องกันโรคโคนม ผเู้ ลียงโคนมควรหมนั สงั เกตพฤติกรรมหรืออาการทีโคแสดงออกมาให้เห็นอยา่ ง สมาํ เสมอ หากพบว่าแม่โคเริ มมีอาการทีผิดแปลกไปจากเดิม เช่น เซืองซึม กินอาหารได้ นอ้ ยลงมากหรือไม่กินอาหาร นอนบ่อย ฯลฯ อาการเหล่านีเป็นลกั ษณะทีตอ้ งติดตาม อาการต่อไปอีกระยะหนึง หากอาการของโคเป็นมากขึนต่อเนืองควรรีบแกไ้ ขหรือ ปรึกษากบั สตั วแพทย์ การป้ องกนั โรคโคนม มีขอ้ แนะนาํ ในการปฏิบตั ิโดยทวั ไปดงั นี ก. เลียงแต่โคทีแขง็ แรงสมบูรณ์และปลอดจากโรค ไม่ควรเลียงโคทีอ่อนแอ โค ทีเป็นโรคเรือรังรักษาไม่หายขาด โรคทางกรรมพนั ธุ์ เช่น โรคไส้เลือน, โรคติดต่อร้ายแรง เช่น โรคแทง้ ติดต่อหรือวณั โรค เป็นตน้ ข. ใหอ้ าหารทีมีคุณภาพและมีจาํ นวนเพียงพอ ควรเลอื กซืออาหารจากแหล่งที เชือถือได้ และระวงั อาหารทีเป็นพิษ เช่น มีเชือรา พืชทีพ่นยาฆ่าแมลง เป็น ตน้ ถา้ ใหอ้ าหารทีไม่ถกู ตอ้ งเพียงพอหรือให้อาหารเสือมคุณภาพหรือมีสิง ปลอมปน อาจทาํ ใหโ้ คเป็นโรคขาดอาหาร รวมทงั ทาํ ให้อ่อนแอ เกิดโรค อืนๆไดง้ ่ายขึน ค. จดั การเลยี งดแู ละป้ องกนั โรคติดต่อร้ายแรงใหเ้ หมาะสม ไดแ้ ก่ - คอกคลอดและคอกลกู โค ควรไดร้ ับการทาํ ความสะอาด และใชย้ าฆ่าเชือ พ่น หรือราดทิ งไว้2-3 อาทิตยก์ ่อนนาํ แม่โคเขา้ คลอด - ลูกโคทีเกิดใหม่ตอ้ งลว้ งเอาเยอื เมือกทีอยใู่ นจมกู ปากออกให้หมด เชด็ ตวั ลกู โคใหแ้ หง้ - สายสะดือลูกโคทีเกิดใหม่ตอ้ งใส่ทงิ เจอร์ไอโอดีนให้โชกและใส่ยากนั แมลงวนั วางไข่ทกุ วนั จนกว่าสายสะดือจะแหง้ - ใหล้ กู โคกินนมนาํ เหลืองโดยเร็ว - ทาํ ความสะอาดคอกลูกโค

18 - ควรเลียงลกู โคในคอกเดยี วเฉพาะตวั - เครืองมือเครืองใช้ เช่น ถงั นมทีใชเ้ ลียงลูกโคไม่ควรปะปนกนั - ลูกโคตอ้ งตวั แหง้ เสมอ วสั ดุทีใชร้ องนอนตอ้ งเปลยี นทกุ วนั - แยกลูกโคทีอายตุ ่างกนั ใหอ้ ยหู่ ่างกนั - ถ่ายพยาธิเมือลกู โคอายุ 3 เดือน และถ่ายซาํ อีกปี ละ 1-2 ครัง หรือตามความ เหมาะสม - การฉีดวคั ซีนทีสาํ คญั ในโคนม มีขอ้ แนะนาํ ใหป้ ฏิบตั ิดงั ต่อไปนี - ลกู โคอายุ 3 เดือน (ไม่เกิน 8 เดือน) ฉีดวคั ซีนป้ องกนั โรคแทง้ ติดต่อ (Brucellosis) ครังเดียว - ลูกโคอายุ 4 เดือน ฉีดวคั ซีนป้ องกนั โรดปากและเทา้ เปื อยและโรคคอบวม (เฮโมรายกิ เซฟติซีเมีย) - โคทโี ตแลว้ อายุ 1 ปี ขึนไป ให้จดั โปรแกรมฉีดวคั ซีนป้ องกนั โรคปากและ เทา้ เปื อยทกุ ปี ๆละ 2-3 ครัง สาํ หรับโรคคอบวมให้ฉีควคั ซีนทุกปี ๆละ 2 ครัง - พ่นหรืออายนาํ ยาฆ่าเชือเห็บทุก 15 วนั หรือตามความเหมาะสม - การตรวจโรคประจาํ ปี แม่โคทีเริ มใหน้ าํ นมแลว้ หรือแม่โคทีมีอายตุ งั แต่ 2 ปี ขึนไป ควรไดร้ ับการตรวจ โรคแทง้ ติดตอ่ และวณั โรค เป็นประจาํ ทกุ ปี ปี ละครัง เพือควบคุมป้ องกนั โรคอาจติดต่อ ไปยงั คนได้ และเพอื เสริมสร้างความเชือมนั ในอาชีพเลียงโคนมและผลผลิตนาํ นมทีดี ปลอดภยั ตอ่ ผบู้ ริโภคนาํ นม กรณีตรวจพบโรคดงั กล่าวในโคนม ควรคดั แยกออกจากฝงู เพือส่งโรงฆ่า ไม่ควร จาํ หน่ายต่อไปยงั ฟาร์มแห่งอืน เพราะจะเป็นการแพร่กระจายโรคออกไปในวงทีกวา้ งขึน และทาํ ใหก้ ารควบคุมและการกาํ จดั โรคไม่ไดผ้ ลดี ง. การให้ความรู้ในการดแู ลและการปฐมพยาบาลสตั วเ์ บืองตน้ รวมถึงสามารถ สงั เกตสตั วเ์ ลียงว่ามีสุขภาพสมบูรณ์หรือมีความผิดปกติทีจาํ เป็นตอ้ งตรวจ เพือรักษา รายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี โคนมสุขภาพสมบูรณ์ โคนมทีมีความผิดปกติ 1. จะอยรู่ วมฝงู กนั 1. มกั จะแยกฝงู อยตู่ ่างหาก

19 2. วางกีบอยา่ งสมาํ เสมอ 2. วางกีบไม่สมาํ เสมอหรือเดินกะเผลก 3. สนใจสิงแวดลอ้ ม 3. ไม่สนใจสิงแวดลอ้ ม 4. ตาเป็นประกายสดใส 4. ตาไม่เป็นประกายสดใส 5. ขนเรียบเป็นเงางาม 5. ขนยงุ่ เหยงิ หยาบกระดา้ ง 6. หนงั สนั ไล่แมลง 6. หนงั ไม่สนั ไล่แมลง 7. ไม่พบบาดแผลใดๆ 7. อาจมีบาดแผลตามร่างกาย 8. มีการเคียวเออื ง 8. ไม่มีการเคียวเออื ง 9. มีเยอื เมือกสีชมพเู รือๆ 9. เยอื เมือกสีแดงหรือซีด 10. จมูกชืนมีเหงือเลก็ นอ้ ย 10. จมกู แห้งอาจพบนาํ มูกขน้ เหนียว 11. อจุ จาระเหลวเลก็ นอ้ ยไม่มีมูกเลือดปน 11. อุจจาระเหลวเป็นนาํ หรือเป็นกอ้ นแขง็ มี 12. ร่างกายสะอาด เลือดปน 12. ร่างกายสกปรกมีสิงขบั ถ่ายเปรอะเปือน การใช้ยาในโคนม การใชย้ าในการรักษาโรคเป็นสิงจาํ เป็น และยาแต่ละชนิดมีขอ้ บ่งใชแ้ ละมีขอ้ ควรระวงั ต่างๆ ยาจึงใหท้ งั คณุ และโทษ เกษตรกรสามารถให้ยาแก่โคนมของตนเองได้ โดยมีหลกั การดงั นี 1. อยภู่ ายใตก้ ารควบคุมของสตั วแพทย์ 2. ควรอ่านฉลากยาใหล้ ะเอียดก่อนใชย้ า โดยศึกษาคณุ ภาพของยา วิธีใช้ พิษของ ยาและแนวทางแกไ้ ข วนั หมดอายขุ องยา ฯลฯ 3. ให้ยาในขนาดทีถกู ตอ้ งและครบจาํ นวนไม่หกหลน่ ในระหว่างการให้ 4. ให้ยาถูกทาง เช่น ฉีดเขา้ ใตผ้ วิ หนงั ฉีดเขา้ กลา้ มเนือ ใหท้ างปาก ทาภายนอก หรือฉีดเขา้ เตา้ นมเป็นตน้ 5. ความสะอาดทุกขนั ตอนเป็นสิงสาํ คญั เขม็ และกระบอกฉีดยาตอ้ งสะอาด ปราศจากเชือโรค ถา้ ไม่สะอาดจะทาํ ให้โคเกิดฝีตรงบริเวณทีฉีดยาหรือวคั ซีน 6. การให้ยาหลายอยา่ งในเวลาเดียวกนั อาจเกิดผลเสียถา้ ฤทธิยาไม่สอดคลอ้ งกนั 7. การใชย้ าไม่ถกู ตอ้ งอาจทาํ ให้เกิดการดือยาขึนได้

20 8. ทกุ ครังทีใหย้ าควรถามสตั วแพทยว์ ่าตอ้ งงดส่งนมหรือไม่เพือความปลอดภยั ของผบู้ ริโภค 9. ในระหว่างปฏิบตั ิงานเกียวกบั การใชย้ า ห้ามเกษตรกรดืม กินอาหาร หรือสูบ บุหรีเดด็ ขาด เพราะอาจไดร้ ับสารทีเป็นพิษเขา้ ไป 10. มีการบนั ทึกการใชย้ าโดยละเอียดทกุ ครงั เพอื เป็นขอ้ มลู ประจาํ ตวั สตั ว์ การเป็ นสัดและการสังเกตการเป็ นสัดในโคตวั เมีย การเป็ นสัดคือการทีสัตว์ตวั เมียยอมให้ผสมพันธุ์ พร้อมๆกับจะมีการตกไข่ เกิดขึน(โคนมลูกผสมส่วนมากจะมีอายเุ ขา้ สู่วยั หนุ่มสาวประมาณ 1-2 ปี โดยเฉลีย) โค เป็นสดั ก็หมายถึงโคทีเริ มจะเป็นสาวแลว้ พร้อมทีจะไดร้ ับการผสมพนั ธุ์โดยวิธีใดวิธีหนึง ซึงอาจจะเป็นการผสมเทียมหรือ ผสมแบบธรรมชาติก็ได้ การเป็ นสดั ของโคแต่ละรอบ จะห่างกนั ประมาณ 21 วนั เจา้ ของสตั วอ์ าจสงั เกตหรือพบเห็นอาการของโคทีเป็นสดั จากอาการอยา่ งใด อยา่ งหนึงหรืออาจแสดงออกมาพร้อมๆกนั ใหเ้ ห็นไดด้ งั นี 1. ส่งเสียงร้องทีผิดปกติ 2. เครืองเพศบวมแดง 3. ปัสสาวะถี 4. มีนาํ เมือกใสและเหนียวไหลออกมาจากชอ่ งคลอด หรือเลอะบริเวณกน้ 5. ไม่สนใจอาหารหรือกินอาหารนอ้ ยทงั อาหารขน้ และหญา้ 6. ถา้ แม่โคทีกาํ ลงั ให้นมจะพบว่านาํ นมลดลง 7. ขึนขีตวั อืน หรือยอมใหต้ วั อืนขี 8. สงั เกตทีดวงตา จะเป็นม่านตาเบิกกวา้ งบ่อยครังกว่าปกติสอ่ ให้เห็นการตืนตวั และตืนเตน้ ง่าย

21 การผสมเทยี ม การผสมเทียม หมายถึง การรีดนาํ เชือจากสตั วพ์ ่อพนั ธุ์แลว้ นาํ ไปฉีดเขา้ ในอวยั วะ ของตวั เมียเมือสตั วต์ วั เมียนนั แสดงอาการของการเป็ นสดั แลว้ ทาํ ให้เกิดการตงั ทอ้ งแลว้ คลอดออกมาตามปกติ ซึงในปัจจุบนั การผสมเทียมเป็นวิธีทีนิยมใชใ้ นโคนมมากกว่าการ ใชพ้ ่อพนั ธุ์ผสม 1. ระยะเวลาทีเหมาะสมในการผสมเทียม โคตวั เมียทีแสดงอาการเป็นสดั ควรจะไดร้ ับการผสมเทียมในระยะเวลาช่วงกลาง ของการเป็ นสัดหรือใกลร้ ะยะทีจะหมดการเป็ นสัด (อาจจะหมดการเป็ นสัดไปแล้ว ประมาณ 6 ชวั โมงก็ได้ หรือเมือโคตวั เมียตวั นนั ยนื นิงให้ตวั อืนขึนขี ซึงใชเ้ ป็ นหลกั ใน การผสมพนั ธุ์) โดยทวั ๆ ไปโคตวั เมียจะมีระยะการเป็ นสัดประมาณ 18 ชวั โมง แล้ว ต่อมาอีก 14 ชวั โมง จึงจะมีไข่ตกเพือรอรับการผสมพนั ธุ์กบั นาํ เชือพ่อโค ช่วงระยะเวลา ทีเหมาะสมทีสุดสาํ หรับการผสมคือ ระยะก่อนทีไข่จะตกเลก็ นอ้ ย โดยทวั ไปเจา้ ของสตั ว์ อาจจะพบเมือใกลถ้ ึงตอนปลายของการเป็ นสดั แลว้ ดงั นัน เพือให้ไดผ้ ลในการปฏิบตั ิ อาจแนะนาํ พอเป็ นแนวทางในการปฏิบตั ิ คือ ถา้ เห็นโคเป็ นสัดตอนเช้าก็ควรจะผสม อยา่ งชา้ ตอนบ่ายวนั เดียวกนั และถา้ เห็นโคเป็นสดั ตอนบ่ายหรือเยน็ ก็ควรจะผสมอยา่ งชา้ เชา้ วนั รุ่งขึน เวลาทีจะผสม นาทที องสําหรับทใี ช้ผสมพนั ธ์ุ ชวั โมงที เร็วไป ไม่ดี เวลาทีเหมาะทีสุด ไม่ดี ชา้ ไป นกั 9 18 นกั 06 24 28 เริ มเป็นสดั ไข่ตก ก่อนเป็ นสดั ระยะเป็ นสดั หลงั การเป็นสดั หมดการเป็ นสดั (10 ชวั โมง) (6-10 ชวั โมง) (6-10ชวั โมง) (18 ชวั โมง) ไข่เมือตก 1.เริ มไม่ยอมใหต้ วั อืน 1.ชอบดมกน้ ตวั 1.ยืนนิงให้ตวั อืนขี

22 อืน 2.ร้องบอ่ ยๆ ขึนขี มาแลว้ จะมีอายุ 2.เริ มไล่ขีตวั อืน 3.ตืนตกใจง่าย 2.มีนาํ เมือกขน้ ใสไหล อยไู่ ดป้ ระมาณ 3.เครืองเพศเยิ ม 4.ขึนขีตวั อืน ยืดออกมาทางช่อง 6-10 ชวั โมง เปี ยกมีสีแดง 5.ไม่ค่อยกินหญา้ กิน คลอด และค่อนขา้ ง อาหารถา้ เป็นววั นม บวม นาํ นมจะลดจากปกติ 6.ถา้ นอนอยหู่ ลายๆตวั เวลาเดินเขา้ ไปมกั พรวด พราดลุกขึนก่อนตวั อืน เสมอ 7.เครืองเพศบวมเยิ มและ มีสีแดง 8.มีนาํ เมือกขน้ ใสเริ ม ไหลออกมาทางช่อง คลอด 9.ม่ายตาดาํ มกั ขยาย กวา้ ง ช่วงเวลาเหมาะกบั การผสมเทียมค่ามาตรฐานหลังคลอด 24-40 วนั เป็ นสัดครังแรก -หลงั คลอด 45-60 วนั ผสม -ระยะห่างระหว่างลูก2 ตวั = 340-360 วนั

23 การจัดการเพอื ให้การผสมเทยี มได้ผล การทีจะทาํ ใหแ้ ม่โคผสมติด ตงั ทอ้ งมีลูกสมาํ เสมอทกุ ๆ ปี นนั เจา้ ของหรือผเู้ ลียง โคนมจะตอ้ งวางแผนการผสมใหถ้ ูกตอ้ ง ถา้ ปลอ่ ยปละละเลยไปโดยไม่เอาใจใส่แลว้ ไม่ นานจะเห็นว่าโคจะตงั ทอ้ งห่างขึนๆ นาํ นมทีเคยไดส้ มาํ เสมอก็จะลดลง เพราะไม่มีแม่โค คลอดลกู ใหม่ โคทีไม่ทอ้ งก็เสียค่าเลียงดเู ปล่าๆ เป็นการกระทบกระเทือนรายไดโ้ ดยตรง 1. การบันทึกเกียวกบั การผสมพนั ธ์ุ การบนั ทึกการผสมพนั ธุเ์ ป็นสิงจาํ เป็น เพือใชเ้ ป็ นขอ้ มูลในการปรับปรุงพนั ธุ์โค นมให้เป็ นไปตามแผนทีวางไว้ โดยหลงั จากเจา้ หนา้ ทีทาํ การผสมเทียมเสร็จแลว้ จะลง ประวตั ิและรายละเอียดในการ์ดผสมเทียม ซึงในการ์ดดงั กล่าวมีรายละเอียดดงั นี ก. วนั เกิด หรืออายขุ องโคแต่ละตวั ข. วนั ทีโคเป็นสดั และวนั ทีผสม ค. พ่อพนั ธุ์ทีใชผ้ สมแต่ละครัง ง. วนั คลอดครังสุดทา้ ย จ. การตงั ทอ้ งและกาํ หนดคลอด นอกจากนียงั มีการบนั ทึกอืนๆ ทีเป็นประโยชน์ซึงควรจดบนั ทกึ ไว้ ไดแ้ ก่ กาํ หนดวนั เป็นสดั หลงั คลอด คือ กาํ หนดระยะเวลาเพือเตือนความทรงจาํ ให้กบั เจา้ ของฟาร์มจะไดส้ งั เกตอาการเป็ นสัดของโค โดยนบั จากวนั คลอดครังสุดทา้ ย 21 วนั เป็ นการกาํ หนดวนั เป็ นสัดหลงั คลอดครังที 1 แต่ในครังนีเรายงั ไม่ทาํ การผสม จากนนั ค่อยสงั เกตอาการแม่โคว่าเป็ นสดั จริงเมือไร ซึงอาจตรงตามทีกาํ หนดหรือคลาดเคลือน ได้ ก็นบั จากวนั ทีเป็นสดั จริงถดั ไป 21 วนั เป็ นกาํ หนดวนั เป็ นสดั หลงั คลอดครังที 2 ซึง ในครังนนั เราสามารถทาํ การผสมได้ หรืออาจจะรอไปจนกระทงั เป็ นสดั ครังที 3 จึงค่อย ผสมก็ได้ กาํ หนดวนั หยดุ รีดนม ก่อนทาํ การคลอด 2 เดือน เพือให้แม่โคไดพ้ กั และเตรียม ตวั ก่อนคลอด กาํ หนดวนั เริ มหยดุ รีดนม โดยก่อนทีจะหยดุ รีดนมจะตอ้ งมีวิธีการเตือนให้แม่โค รู้ตวั ก่อน เช่น การรีดนมมือเวน้ มือ หรืออดอาหารขน้ อดหญา้ เป็ นตน้ ซึงจะใชเ้ วลาใน การหยดุ รีดนมนานเท่าใดนนั ขึนกบั ความชาํ นาญและปริมาณนาํ นม 2. เอาใจใส่โคเป็ นสัดและการจดั การให้ผสม

24 การเอาใจใส่ให้รู้ว่าโคเป็ นสัดเป็ นเรื องสําคัญยิงในการจัดการผสมโคนม โดยเฉพาะในการเลียงโคนมไม่ได้ปล่อยให้โคตวั ผูค้ ุมฝูงเหมือนโคงานหรือโคเนือ ดงั นนั สาเหตุใหญ่ทีทาํ ให้การผสมติดตาํ นอกจากเป็ นเพราะความผิดปกติจากตวั แม่โค แลว้ ก็เนืองมาจากการละเลยไม่เอาใจใส่ ดวู า่ โคเป็นสดั นนั เอง การทีจะทราบว่าโคเป็นสดั จะตอ้ งใชห้ ลายๆ วิธีประกอบกนั เช่น ตรวจดูบนั ทึก เพือจะไดท้ ราบว่าโคตวั ไหนใกลถ้ ึงกาํ หนดเป็นสดั จะไดจ้ บั ตาดูอย่างใกลช้ ิด หรือปล่อย โคตวั ทีสงสยั ใหไ้ ปรวมกบั โคตวั อืนๆ เพือสงั เกตอาการ บางครังมีการตงั รางวลั แก่ผูด้ ูแล ทีจบั โคเป็ นสัดไดเ้ ป็ นตน้ และเมือทราบว่าโคเป็ นสดั ก็ตอ้ งเป็ นหน้าทีของเจ้าของหรือ ผดู้ แู ลทีจะจดั การใหโ้ คตวั นนั ไดร้ ับการผสมในเวลาทีสมควร 3. ผสมเมอื ถึงอายุทีพอเหมาะ โคสาวอาจเจริญเติบโตเตม็ ที คือ เริ มเป็นสดั ครังแรกเมืออายตุ ่างๆ กนั สุดแลว้ แต่ สภาพการจดั การ การเลียงดู ตลอดจนลกั ษณะประจาํ ตวั หรือประจาํ พนั ธุ์ของโคสาวตวั นนั ๆ โคยุโรปมกั เจริญเติบโตเร็วและเป็ นสดั เมืออายุยงั นอ้ ย โคนมลูกผสมในประเทศ ไทยทีได้รับการเลียงดูดีจะแสดงอาการเป็ นสัดเมืออายุประมาณปี เศษ การให้โคสาว คลอดลูกเร็วเท่าใดก็หมายถึงผลตอบแทนการเลียงดูเร็วขึนเท่านนั แต่ถา้ รีบผสมเมือโค สาวอายยุ งั นอ้ ย โตยงั ไม่เตม็ ที ผลทีไดก้ ็คือโคตวั นนั จะแคระแกรนไม่โตเท่าทีควร นมที ไดจ้ ะนอ้ ยกว่าทีควร เพราะโคสาวตอ้ งใชอ้ าหารส่วนหนึงทีกินเขา้ ไปแบ่งไปเลียงลูกใน ทอ้ งและสร้างนาํ นม ทาํ ให้อาหารส่วนทีนาํ ไปเลียงร่างกายมไี ม่เพียงพอ ดงั นนั ในการผสมโคสาว ควรผสมเมืออายุพอเหมาะไม่เร็วหรือชา้ เกินไป ปกติ ควรถือเอานาํ หนกั มากกว่าจะถืออายุเป็ นเกณฑ์ สาํ หรับโคนมลูกผสมในประเทศไทย ควรมีขนาดไม่ตาํ กว่า 250 กก หรือมีอายไุ ม่ตาํ กว่า 18 เดือน ปัญหากีบโคนม กีบเป็นเนือแขง็ ทีหุ้มส่วนปลายเทา้ โคไวป้ ้ องกนั อนั ตรายจากภายนอกเสมือนคน สวมรองเท้า กีบของขาหลงั มีปัญหามากกว่าขาหน้า กีบในของขาหลังรับนําหนัก ค่อนขา้ งคงที ส่วนกีบรับนาํ หนกั แปรผนั มากและถกู กระตนุ้ ตลอดเวลาทีสตั วเ์ คลือนไหว เทา้ จึงเจริญงอกยาวกวา่ และสูงกว่ากีบในเมือสตั วม์ ีอายมุ ากขึน และกีบทีสูงกว่านีจะตอ้ ง รับนาํ หนกั มากกว่า โคจึงปรับท่ายืนเพือกระจายนาํ หนกั โดยการบิดขอ้ ขาหลงั เขา้ หากนั

25 และถ่างปลายเทา้ ออก ส่วนขาหนา้ ปัญหามกั เกิดในกีบใน ซึงรายทีผิดปกติมกจะยืนไขว้ ขาหนา้ ความผิดปกติของกีบทีมกั พบ ไดแ้ ก่ กีบยาวกว่าปกติ กีบสูง-หนาไม่เท่ากนั สตั ว์ เดินลาํ บากและยนื ไม่ทน กีบทีสูงรับนาํ หนกั มานานๆ จะเกิดรอยชาํ อนั เนืองมาจากการ กดของกระดกู เทา้ หากปล่อยทิ งไวก้ ารอกั เสบลุกลามจะเกิดแผลเป็ นหลุมได้ เกษตรกร ควรแก้ไขความผิดปกติเสียแต่เนินๆ โดยให้ผชู้ าํ นาญมาทาํ การตดั แต่งกีบทีผิดรูปแบบ เสียก่อนทีโคจะแสดงอาการ ในฤดูฝน ถา้ เกษตรกรสงั เกตเห็นกีบโคในฝูง เริ มมีลกั ษณะยุ่ยเปื อยและเนือเยือ กีบอกั เสบ ควรป้ องกนั โรคกีบเน่า โดย 1. ลา้ งเทา้ โคใหส้ ะอาดดว้ ยนาํ 2. ใหโ้ คเดินผา่ นจุนสี 5 % หรือ ฟอร์มาลิน 5 % หรือฉีดพ่นทีกีบ วนั ละ 2 ครังวนั เวน้ วนั และถา้ จาํ เป็นใหท้ าํ ซาํ เช่นนีไดท้ ุก 2-3 สปั ดาห์ จะทาํ ใหก้ ีบแขง็ ขึน และฆ่าเชือ 3. ถา้ มีโคจาํ นวนมาก ควรก่ออ่างจุ่มเทา้ โคถาวร 2 อ่างสําหรับใส่นาํ ลา้ งเทา้ และ สารละลายลึกอยา่ งนอ้ ย 20 เซนติเมตร ยาวอยา่ งนอ้ ย 1 เมตร จะสะดวกและประหยดั กว่า 4. จุนสีมีฤทธิฆ่าเชือและทาํ ให้กีบแขง็ ขึน ถา้ ใชม้ ากเกินไป จะระคายเคืองเนือเยือ อ่อนบริเวณกีบและทาํ ใหก้ ีบแตก และทาํ ใหเ้ กิดสารตกคา้ งสิงแวดลอ้ มได้ ฝ่ ายบริการวชิ าการอาหารสตั ว์ บ. เบทาโกร จก.(มหาชน)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook