หนงั สือภาพ 7อสรพิษ แห่งประเทศไทย
บทนำ� หนังสือภาพเรื่อง”7 อสรพิษแห่งประเทศไทย”นนั้ จัดทำ�ขึ้นดว้ ยความปรารถนาดี ทจี่ ะให้ความร้แู ละจุดสังเกตเกย่ี ว กบั งูพิษอันตรายทั้ง7ชนิดท่ีสามารถพบเจอได้ในประเทศไทย เพือ่ ใหท้ ่านผ้ ู้อา่ นไดเ้ หน็ รปู ร่าง ลักษณะ สี เกล็ด ของงูและ จดจำ�ไวเ้ ผอ่ื มีเหตกุ ารณ์ทต่ี ้องเผชญิ หน้ากบั งจู ะได้แยกแยะและรบั มือกับงชู นิดนน้ั ๆได้ แต่ถา้ งทู ี่ท่านผูอ้ า่ นพบเจอไมใ่ ช่หน่งึ ในรายชอ่ื ของงูพิษอันตรายทงั้ 7ชนิดในเลม่ นคี้ อื งจู งอาง งเู ห่า งูเขียวหางไหม้ งูสามเหลี่ยม งทู ับสมิงคลา งูกะปะ งูแมวเซา กใ็ หท้ า่ นผู้อ่านพจิ ารณาดวู า่ เราควรจะฆ่างทู ่ีไร้พษิ สงเหลา่ น้ันหรอื ไม่ หรือหากงทู ่ีได้พอเจอเปน็ งูพิษอันตรายท้งั 7ชนิดนี้เรา กส็ ามารถโทรเรยี กหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งมาจับงเู หล่านนั้ ไปปลอ่ ยคนื สู่ธรรมชาตไิ ด้อกี ดว้ ย หนังสอื ภาพเลม่ นใ้ี ชเ้ ทคนคิ ดจิ ติ อล เพ้นทต์ งิ้ ในการนำ�เสนอโดยการวาดรปู ต่างๆในโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ พื่อ สร้างสรรคผ์ ลงานทีม่ เี อกลกั ษณ์ มคี วามสวยงามและเสนห่ ใ์ นแบบของภาพวาด ซงึ่ มีความแตกต่างจากภาพถา่ ยโดยส้ินเชิง อีกท้งั การทำ�หนังสือภาพด้วยเทคนคิ ดิจติ อล เพ้นท์ติง้ พร้อมกับให้ความรู้ไปดว้ ยน้นั ยังไมแ่ พร่หลายมากนกั ผจู้ ัดทำ�จึง อยากทีจ่ ะนำ�เสนอผลงานดว้ ยเทคนคิ น้ี ผจู้ ัดทำ� นายสทิ ธิณฐั วฒั นมงคล
สารบญั บทนำ� หน้า งูจงอาง 1 งเู ห่า 7 งเู ขียวหางไหม้ 13 งสู ามเหลี่ยม 19 งูทบั สมิงคลา งกู ะปะ 25 งูแมวเซา 31 วิธที ำ�ไมจ้ ับงแู บบงา่ ย 37 วธิ จี ับงดู ว้ ยไมจ้ ับงู 43 วธิ ีปฏิบตั ิเมือ่ รับพษิ สรู่ ่างกาย 45 เครดติ 47 ประวัตผิ ูจ้ ดั ทำ� 49 50
จงู งอาง 1
งจู งอาง : King Cobra [Ophiophagus hannah (Cantor, 1836)] ขนาด : 200 – 540 เซนตเิ มตร ความยาวเฉลย่ี 400 เซนตเิ มตร ขนาดยาวท่สี ุดท่ีเคยบนั ทกึ ไวค้ อื 585 เซนตเิ มตร ลกั ษณะ : ตัวโตเต็มวัยมีความผันแปรของขนาดและสีสนั ลำ�ตวั ท่ีเดน่ ชัด ซึง่ เกี่ยวขอ้ งกบั ขอบเขตทาง ภมู ศิ าสตร์ งจู งอางภาคใตม้ ขี นาดใหญท่ ี่สุด สีนำ้ �ตาลอมเขียวหรอื สีเขียวอมเทา ลวดลายตามลำ�ตัวไม่ ชัดเจน งจู งอางภาคเหนือมีสเี ขม้ เกือบดำ� งูจงอางภาคกลางและภาคอีสานมีลายขวางเป็นบง้ั ๆตลอดลำ�ตวั เมื่อถูกรบกวนงูจงอางจะแผ่แมเ่ บ้ียได้เช่นเดยี วกบั งเู ห่า โดยยกตัวต้งั ไดส้ งู ถึง 1 ใน 3 ของความยาวลำ�ตวั แต่แมเ่ บี้ยของงจู งอางจะแคบกวา่ ของงูเหา่ ลกู งเู กิดใหม่มสี ลี ำ�ตวั ที่แตกตา่ งอย่างเหน็ ไดช้ ดั กล่าวคือมลี าย ขวางเปน็ วงรอบตัวสีเหลอื งออ่ นต้งั แตป่ ลายจมกู ไปจนตลอดความยาวของลำ�ตวั ทม่ี พี ้ืนเป็นสดี ำ� ลวดลาย ขวางสเี หลืองนจ้ี ะหายไปเมอ่ื งมู ีอายมู ากกวา่ 6 เดือนหรือมคี วามยาว 1 เมตรข้นึ ไป 2
งจู งอางเปน็ งทู ี่มีนสิ ัยค่อนข้างดรุ า้ ย แต่ถา้ ไมจ่ วนตวั หรือถกู รกุ รานกอ่ นจะไมท่ ำ�ร้าย และยงั เป็นงูทข่ี ้ีสงสัย โดยมหี ากมกี าร เคลอื่ นไหวหรอื พบเจอส่ิงใดจะชคู อสูงข้ึน เพ่ือสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตวั 3
งูจงอางมีหลายสี เกล็ดของงูจงอางจะเปลี่ยนสโี ดยขน้ึ อย่กู ับสภาพภมู ปิ ระเทศและถ่นิ ทีอ่ ยู่อาศยั โดยปกติ ทว่ั ไปจะเปล่ยี นสีสนั ของเกลด็ ได้เลก็ นอ้ ย ใหก้ ลมกลืนกบั สภาพภูมิประเทศและสงิ่ แวดล้อม เพือ่ เป็นการ อำ�พรางตวั เองจากเหยื่อหรอื ศัตรู สว่ นมากเกล็ดจะมีสีน้ำ�ตาลออ่ น เหลืองอมนำ้ �ตาล น้ำ�ตาลแก่อมดำ� เทา อมดำ� เขียวมะกอก ขาวครมี อมเหลืองอ่อน และขาวงาช้างเปน็ สีสันของเกลด็ มาตรฐานของงจู งอาง 4
งจู งอางมีเกลด็ ทา้ ยทอยขนาดใหญ่ 1 คู่บนศีรษะค่อนไปทางดา้ นหลงั ของเกลด็ กระหม่อม มแี ม่เบ้ียคล้ายกับงเู หา่ แต่จะมีขนาดของแมเ่ บี้ยเลก็ กว่า 5
พษิ งจู งอางมผี ลต่อระบบประสาท เรม่ิ แรกจะมีอาการซึม ง่วงนอน หนังตา ตก ตาปรือ ลืมตาไมข่ ้นึ ตอ่ มาแขนขา จะอ่อนแรง ตาหรล่ี ง กระวนกระวาย ขากรรไกรแขง็ อ้าปากไม่ได้ พดู อ้อแอ้ คอตง้ั ตรงไมไ่ ด้ นำ้ �ลายฟมู ปาก หายใจลำ�บาก เพราะกลา้ มเนือ้ ช่วยการหายใจเปน็ อัมพาต ขนั้ สุดท้ายจะหยดุ หายใจ หมดสตแิ ละ หัวใจหยุดเตน้ อาจเสียชวี ิตได้ภายใน 2-3 ชม. หลงั จากถกู กัด หากไม่ได้รบั การชว่ ยเหลือทันทว่ งที 6
เงู ห่า 7
งเู หา่ : Siamese / Monocellate Cobra [Naja kaouthia (Lesson, 1831)] ขนาด : 100 – 180 เซนตเิ มตร ขนาดยาวที่สุดที่วดั ได้ของสถานเสาวภาคือ 225 เซนตเิ มตร ลักษณะ : เป็นงูท่ีแผแ่ ม่เบยี้ ไดโ้ ดยการตัง้ สว่ นหัวและคอขึ้น แล้วแผก่ างส่วนคอให้ขยายกวา้ งออกไป มี ลายตรงกลางแมเ่ บย้ี บนด้านหลงั ของสว่ นคอเรียกว่า “ลายดอกจนั ” ลกั ษณะส่วนใหญ่เปน็ รปู วงแหวน เด่ียว สีลำ�ตัวมีสนี ำ้ �ตาลอ่อนถึงเขม้ สดี ำ� หรอื สีเหลืองนวล งเู หา่ จดั วา่ เปน็ งูพษิ ขนาดกลาง ขนาดเมอ่ื โตเต็มท่ีประมาณ 1 เมตร พบกระจายพันธไ์ุ ปท่วั ในเขตร้อนและเขตอบอุ่นของทวีปเอเชียและแอฟรกิ า สามารถปรับตัวใหเ้ ข้ากับสภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ทัง้ ทะเลทราย ป่าดิบ ท้ังบนพน้ื ที่ราบและ ภูเขาสูง ตลอดจนในชมุ ชนเมอื ง 8
งูเหา่ เปน็ งูทมี่ นี สิ ัยดุรา้ ยเชน่ เดยี วกับงจู งอาง เมอื่ ตกใจหรอื ตอ้ งการขศู่ ตั รู มกั ทำ�เสียงขฟู่ ู่ๆ และแผแ่ ม่เบ้ยี 9
งเู หา่ มสี เี กล็ดหลากหลาย เชน่ ดำ�, นำ้ �ตาล, เขียวอมเทา เหลืองหม่น รวมทัง้ สขี าวปลอดทงั้ ลำ�ตวั ท่เี รยี กวา่ งูเห่านวล หรอื งเู ห่าสุพรรณ ซึ่งเปน็ ความหลากหลายทางสสี ันของงูเหา่ หม้อ (N. kaouthia) ที่เป็นงูเหา่ ชนิดท่ีพบไดบ้ ่อยทส่ี ดุ ในประเทศไทย โดยท่มี ิใชส่ ัตวเ์ ผอื กดว้ ย 10
มีลายตรงกลางแมเ่ บย้ี บนด้านหลงั ของสว่ นคอเรียกว่า “ลายดอกจนั ” ลักษณะสว่ นใหญ่เป็นรปู วงแหวนเด่ียว 11
พิษงูเหา่ มีผลต่อระบบประสาท หลงั จากงูกดั 30นาท-ี 5 ช่ัวโมงเร่ิมเกิดอาการแรกคือ เวียนหัว แขนขาไม่มีแรง และง่วงนอนลืมตาไม่ขึน้ ลมื ตาไม่ขนึ้ ซง่ึ ตอนแรกอาจจะเกิดข้นึ ทลี ะขา้ งกอ่ น ข้อนี้ถอื เป็นเกณฑใ์ นการวินจิ ฉัย ถ้าเจอผ้ปู ว่ ย ระยะนี้ตอ้ งรีบนำ�สง่ โรงพยาบาลทันที ตามองไมช่ ัด ต่อมาอาการจะเพ่มิ มากข้นึ แขนขาหมดแรง ตาหรี่ มากขึน้ กระวนกระวาย ล้นิ แขง็ พดู ออ้ แอน้ ้ำ�ลาย มากเพราะกลืนลำ�บาก เรม่ิ มีอมั พาตของกลา้ มเน้อื ทีใ่ ชใ้ นการกลนื อาหาร อ้าปากไมข่ นึ้ หายใจอึดอดั กระสับกระสา่ ยเพราะมอี มั พาตของ กลา้ มเนือ้ ทชี่ ว่ ยในการหายใจ coma หยดุ หายใจ และตาย 12
เงู ขยี วหางไหม้ 13
งเู ขียวหางไหม้ : Pitviper [Cryptelytrops macrops (Kramer, 1977)] ขนาด : ความยาวโดยเฉลี่ย 70 เซนติเมตรในเพศผู้ และ 90 เซนติเมตรในเพศเมีย อาจยาวได้ถึง 100 เซนตเิ มตร เพศเมียมักมขี นาดใหญ่กว่าเพศผู้ ลักษณะ : มรี ปู ร่างโดยรวม คือ มีหัวยาวมนใหญเ่ ป็นรปู สามเหล่ยี ม คอเลก็ ตวั อ้วนสั้น ปลายหาง มีสีแดง ลำ�ตัวมสี เี ขียวอมเหลืองสด บางตวั มสี เี ขียวอมน้ำ�เงิน หางสีแดงสด บางตวั มหี างสีแดงคลำ้ � เกือบเปน็ สนี ำ้ �ตาล อันเป็นที่มาของชือ่ จัดเปน็ งพู ษิ อ่อน ผดิ ไปจากงสู กุลหรือชนดิ อื่นในวงศ์เดียวกัน โดยผู้ท่ีถกู กัดจะไม่ถึงกบั เสียชวี ิต นอกจากเสยี แต่วา่ มีโรคหรอื อาการอนื่ แทรกแซง ชอบอาศัยตาม ซอกชายคา, กองไม,้ กระถางตน้ ไม,้ กอหญา้ ออกหากินในเวลากลางคืนท้งั บนตน้ ไม้ และตามพ้ืนดนิ ทมี่ ีหญ้ารก ๆ โดยกิน นก, จิ้งจก, ตกุ๊ แก, สตั ว์ฟนั แทะ รวมถึงสตั ว์ครึง่ บกคร่งึ นำ้ �ตา่ ง ๆ เป็นอาหาร ขณะเกาะนอนบนก่ิงไม้ จะใช้ลำ�ตวั และหางรัดพนั ยดึ กบั ก่งิ ไมไ้ ว้ โดยปกติ เป็นงทู อ่ี อกลกู เปน็ ตวั ครงั้ ละ ประมาณ 8-12 ตัว แต่ก็มีบางชนดิ เหมอื นกนั ทอี่ อกลูกเป็นไข่ 14
งเู ขยี วหางไหมเ้ ปน็ งูท่เี ลื้อยชา้ ไมร่ วดเร็ว มนี สิ ยั ดแุ ละฉกกัดเม่ือเขา้ ใกล้ 15
งูเขยี วหางไหมม้ เี กลด็ สเี ขยี วสด สว่ นทอ้ ง ริมฝีปาก และคางมสี เี หลือง ขาว หรอื สเี ขยี วออ่ นกว่าสีของลำ�ตวั หางสีนำ้ �ตาลแดง ในเพศผ้มู กั มเี สน้ ขา้ งตวั สีขาวพาดผ่านเกล็ดลำ�ตัวแถวนอกสดุ ต้งั แต่คอถึงหาง ซึง่ ไม่พบในเพศเมีย งูเขยี วหางไหม้มเี กล็ดขนาดเล็กเรยี ว ผวิ เรียบ 16
การสังเกตงูเขยี วหางไหม้สามารถดไู ดจ้ าก หางทม่ี สี ีแดงหรอื สีเลอื ดหมู หัวมีขนาดใหญก่ ว่าลำ�ตัว ดวงตาโตสเี หลอื ง ในบางสายพันธ์ อาจจะมีสขี องแดงทีแ่ ตกต่างกันไป 17
เป็นงูบกทีม่ ีพษิ นอ้ ยท่ีสดุ ในบรรดางพู ิษ เกดิ อาการปวดอย่างรนุ แรงทันทที ี่ถูกกดั แลว้ คอ่ ยๆหายใน 5-6 ช่วั โมง บริเวณที่ถกู กัดจะบวมอยา่ งรวดเร็วในระยะ 3-4 วนั แรก แล้วค่อยๆยบุ บวมในเวลา 5-7 วนั มีเลือดออกจากรอยเขย้ี ว แตไ่ มม่ าก 18
สงู ามเหล่ยี ม 19
งูสามเหลย่ี ม : Banded Krait [Bungarus fasciatus (Schneider, 1801)] ขนาด : 100 -180 เซนตเิ มตร อาจยาวได้ถึง 200 เซนตเิ มตร เพศเมียมีขนาดใหญ่กวา่ เพศผู้ ลักษณะ : ลำ�ตวั มสี ดี ำ�สลบั เหลืองเปน็ ปล้องขนาดใกลเ้ คยี งกนั ตลอดตวั ท้ังส่วนบนและส่วนทอ้ ง โดย ส่วนทอ้ งมีสีจางกว่า ลกั ษณะเด่นคือ แนวของกระดูกสนั หลงั ยกตวั สงู เด่น ทำ�ให้เห็นเป็นรปู สามเหลยี่ ม ชดั เจน ปลายหางทมู่ น ออกหากนิ ในเวลากลางคืน กลางวนั จึงซึมเซา เล้อื ยชา้ แต่วา่ ยน้ำ�ได้เร็ว เป็นงทู ่มี ี ความว่องไวปราดเปรยี วในน้ำ� ชอบเลือ้ ยออกหากินตามที่ช้นื แฉะ ตามร่องนา้ํ ลำ�คลอง อาหารท่ีชอบคือ งูนาํ้ ชนดิ ต่าง ๆ และงขู นาดเล็กอ่ืน ๆ 20
นสิ ยั ไมด่ ุ ไมฉ่ กกัด จะกัดตอ่ เมื่อโดนเหยยี บหรอื มันเขา้ ใจวา่ เปน็ เหย่อื เท่านั้น 21
งูสามเหลี่ยมมเี กล็ดสีดำ�สลบั เหลอื งเป็นข้อปล้องตลอดท้งั ลำ�ตัว รมิ ฝปี ากและคางมีสเี หลือง คนส่วนใหญ่ อาจจะจำ�สบั สนกับงูปลอ้ งทองและงูปล้องฉนวนลาวที่มีสำ�ดำ�สลบั ขอ้ คลา้ ยกันแตส่ เี หลืองจะเล็กเรียวกว่างู สามเหลี่ยมทม่ี สี ีเหลอื งสลบั ดำ�เป็นขอ้ ปล้องเหน็ ได้ชดั เจนกว่า 22
การสังเกตชนดิ งสู ามเหลีย่ ม สามารถสงั เกตไดจ้ ากสนั หลงั ทเ่ี ปน็ เหลย่ี มนูนขนึ้ มามองแลว้ เหมือนกับรปู ทรงสามเหลี่ยม และยังสามารถสงั เกตได้จากลายที่เป็นเอกลกั ษณโ์ ดยจะ เป็นลายสดี ำ�สลบั เหลอื งเป็นปล้องๆ นอกจากนีย้ ังสามารถ สังเกตได้จากหางที่มีลักษณะทมู่ น งูสามเหลย่ี มมสี ที คี่ ลา้ ยกับงปู ล้องทองและงปู ลอ้ งฉนวน ลาว แต่หากพจิ ารณาด้วยจดุ สงั เกตเบื้องต้นกจ็ ะเห็นความ แตกตา่ งไดอ้ ย่างชดั เจน 23
พิษงสู ามเหลีย่ มีผลตอ่ ระบบประสาทและเลอื ด อาการแสดงทั่วไป เริม่ มอี าการตง้ั แต่ 15 นาที พหิษลงังสู ถาูกมกเหัดลจี่ยนมถีผงึ ล8ตชอ่ วั่รโะมบงบปงว่รงะสนาอทนแหลระเือลอื ด อหากนาังรตแาสตดกงทบัว่างไปราเยริ่มกรมอี กากนายั รนตต์ ัง้ าแไตม่ ่ไ1ด5ห้ รนอื าที หนล้อังยถกู วก่าัดปจกนตถิ ึงอ้า8ปาชกวั่ ไโมมค่ งอ่ งยว่ ขง้ึนนออนอ่ หนรเพือลหียนัง ตปาตวดกทบ้อางงรบายงรการยออกานเจยั ียนนต์ เาปไน็มเ่ไลดือ้หดรอื ปนสั อ้ สยาวะมีเลอื ด กยวกา่ ปแขกนตขิ อาไา้ มป่คากอ่ ไยมข่คึน้ ่อยถขงึ น้ึแกอ่กอ่รนรมเพดล้วยี หปัววใดจวาย ใน ท3อ้ -ง3บ6างชรั่วาโมยงอหาจลจังะถมกู ีอกาัดการอาเจียนเปน็ เลอื ด ปัสสาวะมีเลือด ยกแขนขาไม่คอ่ ยข้นึ ถงึ แก่กรรมดว้ ยหัวใจวาย ใน 3-36 ชัว่ โมง หลังถกู กดั 24
งทู ับสมิงคลา 25
งูทับสมงิ คลา : Malayan Krait [Bungarus candidus (Linnaeus, 1758)] ขนาด : 100 -150 เซนติเมตร ลักษณะ : ลำ�ตวั คอ่ นข้างกลมไมเ่ ป็นสันชัดเจนอย่างงูสามเหลยี่ ม มสี ดี ำ�สลบั ขาวเป็นปลอ้ งตลอดความ ยาวลำ�ตัว มีเกล็ดดำ�แซมอยใู่ นปลอ้ งขาว ส่วนท้องมสี ขี าว ส่วนบนของหัวมสี ดี ำ�ปนเทา สว่ นหางเรียว ยาวและปลายหางแหลม เป็นงทู ีว่ ่องไวปราดเปรยี วและพษิ มคี วามรนุ แรงกวา่ งสู ามเหล่ียม งทู ับสมงิ คลา จะชอบออกหากนิ ในเวลากลางคืน ตามพื้นลา่ งของป่าทใ่ี กลล้ ำ�หว้ ยหรอื ในพื้นท่หี ่างไกลจากลำ�ห้วยแตม่ ี ความช่มุ ชื้น สว่ นเวลากลางวนั จะหลบซ่อนตวั อยใู่ ตข้ อนไม้หรอื ในโพรง 26
นสิ ัยไมด่ ุ ไมฉ่ กกดั จะกัดต่อเมื่อโดนเหยียบหรอื มันเขา้ ใจวา่ เป็นเหยื่อเท่านั้น 27
งูทับสมิงคลามลี ำ�ตวั ค่อนข้างกลมไมเ่ ป็นสนั ชัดเจนอย่างงูสามเหลย่ี ม มีเกล็ดสดี ำ�สลับขาวเปน็ ปล้องตลอด ความยาวลำ�ตัว ส่วนทอ้ งมีสีขาว สว่ นบนของหวั มสี ีดำ�ปนเทา 28
การสงั เกตชนดิ งทู ับสมิงคลา ดูไดจ้ ากลายสีขาวสลับดำ� เปน็ ปล้องๆ สว่ นหางเรยี วยาวและปลายหางแหลม 29
พิษงูทบั สมงิ คลาจะทำ�ลายระบบประสาทและระบบโลหติ ทำ�ใหก้ ล้ามเนอื้ ออ่ นแรง ผปู้ ว่ ยเกดิ หนังตาตก พูดไม่ ชดั หายใจไม่สะดวก อาการหลงั ถูกกัด เร่มิ แรกอาจมอี าการคลนื่ ไสอ้ าเจียน เวยี นศรษี ะ ตามัว ชารอบปาก ก่อนจะมอี าการทางระบบประสาท คือ ผูป้ ่วยจะลมื ตาไม่ขึน้ พูดไมช่ ัด กลนื น้ำ�ลายไม่ได้ แน่นหนา้ อก หายใจ ลำ�บาก นอกจากนบ้ี รเิ วณท่ถี กู กดั จะ”ไมเ่ กิดอาการบวมและไมเ่ กิดเน้ือตาย” หากไม่ได้รับการรักษาจะทำ�ใหผ้ ู้ ทถ่ี ูกกัดได้รบั อนั ตรายถึงแก่ชีวติ ได้ เนอื่ งจากระบบทางเดินหายใจลม้ เหลว 30
กงู ะปะ 31
งกู ะปะ : Malayan Pitviper [Calloselasma rhodostoma (Boie in Boie, 1827)] ขนาด : 50-80 เซนติเมตร อาจยาวไดถ้ งึ 100 เซนติเมตร เพศเมียมีขนาดใหญ่กวา่ เพศผู้ ลักษณะ : ลำ�ตวั สนี ำ้ �ตาลแดงหรอื นำ้ �ตาลเทา มีลายรปู สามเหลยี่ มสนี ำ้ �ตาลเขม้ ขอบขาวเรียงเป็นแถวอยู่ สองข้าง โดยทปี่ ลายแหลมของสามเหลี่ยมมาจดกันที่เสน้ สนี ้ำ�ตาลซง่ึ พาดผา่ นตามแนวของกระดูกสัน หลงั ส่วนหัวสีน้ำ�ตาลเข้มมเี ส้นสีน้ำ�ตาลอ่อนหรือสีขาวนวลพาดจากปลายจมูกผ่านขอบบนของลกู ตาไป ทมี่ มุ ขากรรไกรบนปลายจมูกแหลมเชิดขึ้น ปกตงิ ูกะปะจะชอบนอนขดอยู่น่ิงๆ อยูใ่ ต้กองใบไม้รว่ งหรอื ซอกหิน ซงึ่ พบตวั ไดบ้ ่อยตามสวนยางพารา โดยงกู ะปะจะออกหากนิ เวลากลางคืน คอยจบั หนู กบ เขยี ด เปน็ อาหาร เวลาตกใจจะแผ่ตัวจนแบนราบกบั พ้ืนเพือ่ ทำ�ให้ดตู วั ใหญข่ น้ึ สามารถฉกกดั ไดร้ วดเรว็ และ วอ่ งไวมาก และงูกะปะขนาดเลก็ ยังสามารถดดี ตวั พ่งุ ไปขา้ งหน้าได้ 2 - 3 ฟตุ เมื่อตอ้ งการหนีอีกดว้ ย 32
งกู ะปะมีนสิ ัยไม่ดุมากนกั แต่หากถกู รบกวนหรอื ต้องป้องกนั ตัวจะดมุ าก 33
งกู ะปะมเี กล็ดใหญ่ มีสเี ทาอมชมพลู ายสนี ้ำ�ตาลเข้ม มีลายเป็นรปู เหมือนหลังคาบา้ นอยดู่ า้ นข้างตลอดลำ� ตวั หวั ใหญ่เป็นสามเหลี่ยม ปลายจมกู แหลมเชดิ ขึน้ เลก็ น้อย คอเล็ก หลังข้ึนสนั ทำ�ใหต้ วั เปน็ สามเหล่ียม สามารถกางซี่โครงออกไดก้ ว้าง ทำ�ตัวแบนได้มาก หางเล็กส้ัน งกู ะปะทย่ี งั มขี นาดเล็กจะสามารถทำ�ตวั แบน แลว้ งอตัว ดีดตัวพ่งุ ไปข้างหน้าได้ประมาณ 2-3 ฟุต 34
การสงั เกตชนิดของงูกะปะ ดูไดจ้ ากลายเป็นลำ�ตวั จะมีเสน้ ลาก จากสว่ นบนไปถงึ หาง มีลายรูปทรงสามเหลี่ยมตลอดตัว 35
อาการเมื่อถูกงูกะปะกดั บริเวณแผลจะมีเลือดออก ซึ่งอาจจะซมึ ออกมาเรื่อยๆ เกิดอาการบวมตามแขน หรอื ขาท่ีถกู กัด หลงั จากนัน้ แผลและบริเวณใกล้ เคียงจะมีสคี ล้ำ�ขึน้ เป็นรอยจำ้ � ห้อเลือด มีรอย พองและตุ่มใสเกดิ ข้นึ ถ้าได้รับพษิ เขา้ ไปมากจะเกิด รอยพองมากท่บี ริเวณอืน่ ด้วย หากถูกกัดท่ีน้ิวจะ เกดิ เนื้อตาย และค่อยๆเปอื่ ยเน่าหลดุ ไปเรอ่ื ยๆ ซง่ึ จะใชเ้ วลารักษานานเป็นเดือนๆ ผทู้ ี่มอี าการรนุ แรง จะคลนื่ ไส้ อาเจยี นและถ่ายเปน็ เลือด มเี ลือดออก ตามไรฟัน และมีเลือดกำ�เดาออก หากมกี ารตก เลือดภายใน อาจทำ�ให้เสยี ชวี ติ ได้ 36
แงู มวเซา 37
งแู มวเซา : Russell’s Viper [Daboia russelii siamensis (Smith, 1917)] ขนาด : 90 - 150 เซนตเิ มตร ลักษณะ : ลำ�ตวั อว้ นเทอะทะ พื้นลำ�ตัวมีสีน้ำ�ตาลอ่อนแต้มลายเป็นวงสนี ้ำ�ตาลเข้มกระจายอยู่ทวั่ ตวั โดยมี ขอบดา้ นในสดี ำ� สว่ นขอบดา้ นนอกสขี าว ลายบางลายเชอ่ื มติดกนั หรือมขี นาดแตกตา่ งกันไป หัวเป็นรูป สามเหลย่ี มปกคลุมด้วยเกลด็ ขนาดเล็กมสี ัน ลวดลายบนหัวมีสีน้ำ�ตาลเขม้ มองดคู ล้ายหัวลูกศร ปกติ เคล่ือนไหวเช่ืองชา้ แตเ่ มือ่ ถกู ศัตรูคกุ คามจะขดตัวเป็นวง แล้วทำ�เสียงขโู่ ดยการสูบลมเขา้ ไปในตัวจนตัว พอง แล้วพ่นลมออกมาทางรูจมูกแรงๆ เป็นเสยี งดังฟังดนู ่ากลัว และสามารถฉกกัดได้อยา่ งรวดเร็ว จากทา่ น้ี 38
งแู มวเซามนี สิ ยั ดุ เม่อื ตกใจหรือถูกคกุ ครามจะขดตัวและสง่ เสยี งขู่ และงูแมวเซาสามารถฉกกัดไดอ้ ย่างรวดเรว็ อกี ดว้ ย 39
งแู มวเซามีเกลด็ ขนาดเลก็ เป็นสนั พนื้ ลำ�ตัวมีสนี ้ำ�ตาลออ่ นแตม้ ลายเปน็ วงสีน้ำ�ตาลเขม้ กระจายอยทู่ วั่ ตวั โดยมี ขอบด้านในสีดำ� สว่ นขอบดา้ นนอกสขี าว ลายบางลายเช่ือมตดิ กันหรือมีขนาดแตกต่างกันไป หวั เปน็ รปู ทรง สามเหลีย่ มและมลี ายดำ�คล้ายลกู ธนู มีเกล็ดเล็กละเอียดบนหวั 40
การสงั เกตชนดิ งแู มวเซา ดูได้จากลายท่ีเป็นเอกลักษณ์ ตามลำ�ตัว มลี กั ษณะเปน็ ดวงๆรูปทรงวงรี 41
พษิ งแู มวเซา มฤี ทธต์ิ ่อระบบโลหติ อาการหลังถูก กัด บริเวณแผลมเี ลือดออกซมึ ๆ มอี าการปวดมาก และบวมเล็กนอ้ ย ผวิ หนังรอบแผลเปน็ สคี ลำ้ � ถ้าได้ รับพิษมากรอยคลำ้ �จะกระจายมาก และมตี ุ่มใสเกิด ขน้ึ ต่อมาจะมเี ลือดออกตามสว่ นตา่ งๆของร่างกาย มีจ้ำ�เลอื ดทผี่ วิ หนัง อาเจียนเป็นเลือด มีเลือดออก ตามไรฟนั เหงอื ก ลกู นัยน์ตา ปสั สาวะเป็นสีแดง สดของเลอื ด ไอเป็นเลือด หากไมไ่ ด้รบั การรักษา ผ้ปู ว่ ยจะเสยี ชวี ติ เนื่องจากเสียเลือดมาก หวั ใจวาย ไตวาย หรือเลือดออกในอวยั วะท่ีสำ�คญั 42
วิธีทำ�ไม้จับงูแบบงา่ ย อุปกรณ์ : 1.ทอ่ แป๊ปหรือท่อPVC ขนาดพอดี มือยาวประมาณ 1.5 - 2.5 เมตร หรือยาว มากพอในระยะปลอดภัย 2.เชอื ก 3.เทปกาว วธิ ีทำ� : 1.นำ�ปลายเชือกทีเ่ ตรียมไว้ สอดรอดไปอกี ด้านให้ปลายเชือกโผล่ 43
2.พับปลายเชือกทโี่ ผล่ออกมา แล้วใชเ้ ทปกาวพันให้แนน่ เสร็จสมบูรณ์ 44
วิธจี ับงูด้วยไม้จบั งู วิธีจบั : 1.ให้ดนั เชอื กจากดา้ นทา้ ยให้มขี นาด ห่วงใหญพ่ อจะรอดหัวงไู ปได้ แล้วอ้อมไป ด้านหลังของงู โดยให้มคี นหลอกล่องู ไวข้ ้างหน้า 45
2.คอ่ ยเอาหว่ งรอดหวั งูให้อยู่ในระดบั คอแลว้ ดึงเชือกใหร้ ัดคองใู ห้แน่นพอทง่ี ูจะไม่หลุดหรือเจ็บจนเกินไป แล้วจงึ เอางูใสถ่ งุ กระสอบมัดปากถงุ ให้แนน่ แล้วนำ�ไปปล่อยเอง แตห่ ากไม่กลา้ ใหน้ ำ�ไปให้ตำ�รวจ ตำ�รวจดบั เพลงิ กูภ้ ยั แถวบา้ น หน่วยงานท่ีเก่ยี วขอ้ งชว่ ยปล่อยใหก้ ไ็ ด้ 46
วิธปี ฏบิ ัติเมอื่ รบั พษิ สู่รา่ งกาย 1) กรณที ่ผี ู้ป่วยไม่หายใจ หรือหัวใจหยุดเตน้ ให้ชว่ ยฟืน้ คนื ชีพเบือ้ งต้นก่อน 2) ใหด้ ูรอยแผลที่งูพิษกดั วา่ มรี อยเขยี้ ว 1 หรือ 2 จุด (งูไม่มีพิษ แผลจะเปน็ รอยถลอก) 3) จดั ให้มอื หรือเทา้ ที่ถกู กัด อยใู่ นระดบั เดียวกนั หรอื ตำ่ �กว่าระดับหัวใจ 4) บีบเลอื ดบรเิ วณปากแผลออกให้มากที่สดุ บาดแผลที่ถกู กัดควรล้างด้วยสบูห่ รือนำ้ � 5) ใชเ้ ชือก ผา้ หรือสายยางรัดแขนหรือขา ระหวา่ งแผลงกู ดั กบั หัวใจ (เหนือรอยเข้ยี ว 2-4 น้ิวฟุต) เพอ่ื ปอ้ งกนั มใิ หพ้ ษิ งถู กู ดูดซมึ เขา้ รา่ งกายโดยเรว็ ให้รดั แนน่ พอท่จี ะหยุดการไหลเวยี นของเลือดดำ� ควรคลายเชอื กทกุ ๆ 15 นาที โดยคลายนานครั้งละ 30-60 วินาที จนกว่าจะถงึ สถานพยาบาล 6) ให้ยาพาราเซตามอลระงับความเจบ็ ปวดได้ แตอ่ ย่าให้ยาทีม่ ีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ยาระงับประสาทหรอื ยา นอนหลับ หา้ มใหแ้ อสไพรนิ เพราะอาจทำ�ใหเ้ ลอื ดออกง่ายข้นึ 7) ใชค้ วามเย็นประคบบรเิ วณแผล เพ่ือให้พิษเข้าสู่หวั ใจชา้ ลง 8) พยายามเคลอ่ื นไหวรา่ งกายให้นอ้ ยท่สี ดุ และให้นอนลง ระหว่างเดนิ ทางไปสถานพยาบาล อย่าใหผ้ ู้ป่วยเดนิ ใหน้ ง่ั รถหรือแคร่หาม ทัง้ นี้เพือ่ ปอ้ งกันการแพรก่ ระจายของพิษงู 9) ปลอบโยนให้กำ�ลงั ใจผปู้ ว่ ย 10) ถา้ จบั งูได้ใหน้ ำ�งูมาให้เจ้าหน้าที่ด้วย ควรดูให้รู้แน่ว่าเป็นงอู ะไร และนำ�ไปยงั สถานพยาบาลดว้ ย (อย่าตีใหเ้ ละ จนจำ�ลักษณะไมไ่ ด)้ (ถา้ ผ้ปู ว่ ยหยุดหายใจ (จากงทู ีม่ พี ษิ ต่อประสาท) ให้ทำ�การเปา่ ปากชว่ ยหายใจไปตลอดทาง จนกว่าจะถงึ สถานพยาบาลท่ใี กล้บ้านท่ีสดุ ) 47
Search