คมู่ อื การเลยี งกงุ้ ขาว ฝ่ ายบริการวิชาการอาหารสัตว์ บริษทั เบทาโกร จาํ กัด (มหาชน) www.Betagrofeed .com 1
คู่มือการเลียงก้งุ ขาว (ทีมา:http://file.siam2web.com/benzsei/logo/2009218_62442.jpg) กุ้งขาวแปซิฟิ ก (Litopenaeus vannamei) เป็ นกุ้ง พนื เมอื งในทวีปอเมริกาใต้ พบทวั ไปบริเวณชายฝังมหาสมทุ รแปซฟิ ิ กตะวนั ออก เกษตรกรในประเทศไทยนิยมเรียกว่ากุ้งขาวแวนนาไมหรือเรียกกันว่า “กุ้งขาว” เป็ นกุ้งทเี ลียงง่าย มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เนืองจากพ่อแม่พันธ์ุได้รับการ พัฒนาสายพันธ์ุมาเป็ นเวลาช้านาน ลักษณะเฉพาะของกุ้งขาวทีสามารถสังเกตเหน็ เด่นชดั คอื บริเวณฟันกรี (หนาม) ด้านบนจะหยกั และถี ปลายกรีจะตรง โดยทีฟันกรีด้านล่าง 2 อนั และด้านบน 8 อัน ความยาวของกรีจะยาวกว่าลูกตาไม่มาก และทสี ังเกตเห็นได้ ชัดคือ จะเห็นลําไส้กุ้งชนิดนีชดั กว่ากุ้งขาวอนื ๆ ขณะทโี ตเต็มวัยสมบูรณ์เตม็ ทขี อง กุ้งชนิดนีจะมีความยาวทังหมด 230 มิลลิเมตร (9 นิว) 2
การเพาะเลียงก้งุ ขาวในประเทศไทย แยกตามความเค็มของนํ าได้เป็ น แบบ ซึ งมีความแตกต่างกันดงั นี ข้อเปรียบเทยี บ นําความเค็มตํา นาํ ความเคม็ ปกติ 1. พนื ทีเลียง ภาคกลาง ภาคใต้, ตะวันออก 2. ความเคม็ นาํ ≥ 10 ส่วนในพนั ส่วน 3. ความหนาแน่นทเี หมาะสม (ตวั /ไร่) ≤ 5 ส่วนในพันส่วน ≤ 100,000 - 120,000 4. ผลผลิต (ตัว/ไร่) ≤ 70,000 - 80,000 5. ขนาดกุ้งจบั ขาย (ตวั /กก.) 3-4 1-2 50-70 60-80 3
ปัจจยั ทีมผี ลต่อความสาํ เร็จในการเลียง “กุ้งขาว” คณุ ภาพลกู ก้งุ ความเหมาะสม การจดั การทีดี ของพืนที • เนืองจากพีอแม่พนั ธ์กุ ้งุ • ก้งุ ขาวสามารถเลียงในนาํ • ในด้านการเลียงและ ขาวได้ผา่ นการ ความเค็มตําทจี ดั ว่าเป็น ควบคมุ คณุ ภาพนาํ มี พฒั นาการปรับปรุงสาย นาํ จืดถึงนาํ ทีมีความเค็ม ความสําคญั มาก พนั ธ์มุ าแล้ว ทําให้พ่อแม่ สงู ฟาร์มเลียงก้งุ บริเวณ เชน่ เดียวกนั เนอื งจากก้งุ พนั ธ์ปุ ลอดเชือสามารถ ชายฝังทะเลอนั ดามนั ขาวมีพฤตกิ รรมต่างๆ ใน ผลติ ลกู ก้งุ ทโี ตเร็วขนาด สามารถเลียงผลผลิตทสี งู ระหวา่ งการเลียงไม่ ทกุ ตวั ไล่เลียกนั ถ้า มากประมาณ 3,000- เหมือนกบั ก้งุ กลุ าดํา เกษตรกรได้ลกู ก้งุ ขาวที 4,000 กิโลกรัม/ไร่ เมือ ดงั นนั เกษตรกรทเี ลียงก้งุ ปลอดเชือมาจากสาย เปรียบเทยี บกบั พืนทภี าค ขาวต้องทาํ ความเข้าใจใน พนั ธ์ทุ ดี ี โอกาสทจี ะ กลางทีเลียงด้วยนําความ ด้านชีววทิ ยาของก้งุ ชนดิ ประสบความสําเร็จสงู เคม็ ตําไม่เกิน 5 พีพีที จะ นเี ป็นอยา่ งดี ซงึ จะทําให้ มาก แต่ในทางตรงข้าม ให้ผลผลติ ประมาณ การเลียงประสบ ถ้าได้ลกู ก้งุ ทมี าจากการ 1,000 กิโลกรัม/ไร่ เทา่ นนั นาํ ก้งุ และนาํ ตวั ทีโตเร็ว การเปลียนถา่ ยนาํ ที ความสําเร็จ มาเป็นพ่อแมพ่ นั ธ์ุ โอกาส สะอาด มีคณุ ภาพดีใน ทีก้งุ เหลา่ นนั ตดิ เชือไวรัส ปริมาณมาก ในชว่ งท้ายๆ บางชนดิ ทีมีผลตอ่ การ ของการเลียงก้งุ ขาวได้ผล เจริญเติบโตมีสงู มาก ลกู ดีกวา่ การเลียงแบบระบบ พนั ธ์เุ หลา่ นีจะมีการ ปิด หรือมีการเปลียนถ่าย เจริญเติบโตช้าและเมือ นาํ เพียงเลก็ น้อยเทา่ นนั จบั ก้งุ จะมีก้งุ หลายขนาด 4
การเตรียมบ่อ . พนื บ่อ การเตรียมบอ่ ทีเหมาะกบั สภาพพืนดิน สามารถพจิ ารณาได้ดงั นี 5
การเตรียมบ่อ . ปูน ปนู ชนิดตา่ งๆ นนั สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์มากน้อยเท่าใดนัน ขึนอยกู่ บั คุณสมบตั ิ ทางเคมี ความบริสทุ ธิ และขนาดอนภุ าคปนู นนั ๆ ปนู ทีมีปริมาณแคลเซียมและแมกนีเซียม ต่อหนึงหน่วยนําหนกั สงู และมีอนภุ าคขนาดเล็ก จะสามารถใช้ประโยชน์และลดความเป็ น กรดของดินได้ดี กลุ่ม • แคลเซยี มออกไซด์ (CaO) และแมกนีเซยี มออกไซด์ (MgO) ออกไซด์ • สว่ นใหญ่ทนี ยิ มใช้ คือ แคลเซยี มออกไซด์ บางทีเรียกว่า ปนู เผา ปนู ชนิดนีมีปฏิกิริยารุนแรง ไม่ควรสัมผัสด้วยมือ การผลิตปูน สามารถผลิตได้จากการนําหนิ ปนู (CaCO3) หรือหนิ โดโลไมต์ (CaMg(CO3)) หรือเปลือกหอยมาเผา กลุ่ม • แคลเซียมไฮดรอกไซด์ (Ca(OH2)) และแมกนีเซียมไฮดรอก ไฮดรอกไซด์ ไซด์ (Mg(OH)2) กลุ่ม • โดยทวั ไปนยิ มเรียกวา่ ปนู ขาว การผลิตปนู ขาวสามารถเตรียม คาร์ บอเนต ได้จากปนู กลมุ่ ออกไซด์ โดยเผาหนิ ปนู ให้ออกไซด์และพรมนาํ ให้ ชมุ่ เมือเย็นลง ออกไซด์จะทําปฏิกิริยากบั นําได้เป็ นผลปูนขาว โดยไมต่ ้องบด • หินปูน (CaCO3) หรือหินโดโลไมต์ (CaMg(CO3)) เปลือกหอยและดนิ มาร์ล (marl) เป็ นต้น • ปูนกลุ่มนีจะเกิดปฏิกิริยาต่อนําและดินอย่างช้าๆ ปฏิกิริยาที เกิดขึนจะไม่รุนแรงการออกฤทธิ จะเร็วหรือช้าขึนอยกู่ บั ขนาด อนภุ าคปูน การผลิตปนู กลุ่มนีอาจได้มาจากหินฝ่ ุนทีเกิดจาก การบดหินปูน เพือนํามาใช้เป็ นวสั ดุกอ่ สร้างและทําถนน หรือ จากเปลือกหอยและดินมาร์ล เป็ นต้น 6
การเตรียมบ่อ . นาํ เลียงกุ้ง นําเข้าบอ่ พกั •กรองและมีปลากินเนือและกนิ พชื เพอื สร้างสมดลุ •ปรับนําให้มคี ณุ ภาพทีเหมาะสม •ถ้าเสียงโรคมาก : ย้ายนําเข้าบอ่ ชงหรือถ้ามบี ่อเดยี วให้ กาํ จดั พาหะในบ่อพกั •ถ้าเสียงโรคน้อย : กําจดั พาหะในบอ่ เลียง นําเข้าบอ่ เลียง •กรองละเอียด (ผ้าป่ านใยแก้ว 4 ชัน หรือกรอง 150 เมซ) •กาํ จดั พาหะตามความจําเป็ น : คลอรีน /ไตรคลอร์ฟอน คลอรีน 60% 50 กก./ไร่ ........................................... (พีเอช 7.3-7.8 เช้ามืด ใส่เร็ว และเคล้าทัวทังบอ่ ) ..... ไตรคลอร์ฟอน 1-1.5 กก./ไร่ ........................................ (พเี อช 7.8 ขนึ ไป ตอนบา่ ย ไมใ่ สก่ าก เคล้าทัวทังบ่อ) •เบือปลา : กากชา นํากากชา กากชา = 20-30 กก./ไร่ (กาํ จัดซโู อแทมเนียม โปรโตชวั หอยเจดีย์ด้วยแตต่ วั ออ่ นหนอนแดงตายด้วย ควรเตรียม นํานานขนึ ) นํากากชา = 10-20 กก./ไร่ ทําสนี ําและ •บอ่ เกา่ : ลากโซ่ทําสีนํารายวนั เตรียมอาหาร ชว่ ยให้พนื บอ่ และตะกอนสารอนิ ทรีย์ฟ้ งุ ป้ องกนั เกิดขีแดดและสาหร่าย ป้ องกนั ซูโอแทม ธรรมชาติ เนียมบลมู ทีก้นบอ่ ช่วยเพมิ จุลินทรีย์ •บ่อใหม่ : เตมิ สารอาหารหมกั ลอ่ แมพ่ นั ธ์ุหนอนแดงลง วางไช่ •กอ่ นปลอ่ ยลูกก้งุ 3-4 วนั ใช้ม้งุ นําตีอวนเพือเอาตวั ออ่ น แมลงปอออก (ตอนพลบคาํ 18.00-22.00 น.) แมลงวา่ ย นํา 7
คุณภาพนาํ ค่าทวี ัด ค่ามาตรฐาน ผลเสียทเี กิดขึน (ก้งุ ) ออกซเิ จน ตาํ กว่าค่ามาตรฐาน สูงกว่าค่ามาตรฐาน ละลายนาํ ≥ พพี เี อม็ - :ก้งุ เจริญเตบิ โตช้าลง สารอนิ ทรีย์ ก้งุ เจริญเตบิ โตดี สารอนิ ทรียส์ ลายตวั สะสมเพิมขนึ ได้เร็ว น้อยกวา่ :กนิ อาหารน้อยลง โตช้า โอกาสป่ วย เพมิ ขนึ น้อยกวา่ :ก้งุ ลอย ก้งุ ตวั ทอี อ่ นแอจะลอกคราบ น้อยกวา่ แล้วตาย :ก้งุ จะตาย ความเป็ น .-. น้อยกวา่ :เป็ นกรดก้งุ จะตาย มากกวา่ - กรด-ดา่ ง มากกวา่ - :เจริญเติบโตช้า ≤ . พีพี : เจริญเติบโตช้า ไนไตร์ท เอ็ม - เลือดก้งุ ไมส่ ามารถจบั ตวั กบั ออกซิเจน แอมโมเนยี ≤ . พีพเี อ็ม - ทาํ ให้ก้งุ ขาดออกซเิ จนได้ สะสมในเลือดและเนอื เยอื มผี ลตอ่ การทํางานของเอนไซม์ ทาํ ลายเหงือก ความสามารถขนสง่ ออกซเิ จนลดลง และก้งุ ออ่ นแอติดเชอื โรคได้งา่ ย ความเป็ น - ลกู ก้งุ ลอกคราบไมอ่ อก คราบติดหวั และตาย ระดบั ถ้าคา่ อลั คาไลนส์ งู มาก และพเี อชของ ดา่ ง พีพีเอม็ นาํ ตอนเช้าเกิด 8.3 และตอนบา่ ยพี ตาํ สดุ ทพี บวา่ ลกู ก้งุ ไมต่ าย แตก่ ารเจริญเตบิ โตช้ามาก เอช คอื 40 พีพเี อม็ แตพ่ เี อชตอนเช้ามดื ต้องไมต่ าํ กวา่ 7.5 จะสงู มากขนึ อกี ก้งุ จะไมล่ อกคราบ พเี อช ตํากวา่ 7.5 ลูกก้งุ จะลอกคราบไมอ่ อกและตาย เป็ นตะกรนั ตามเปลือกและโตช้ามาก แตถ่ ้าพเี อชของนาํ ตอนเช้าไมเ่ กิน 8.0 ก้งุ สามารถเจริญเติบโตได้ตํากวา่ ปกติ เพยี งเล็กน้อยเทา่ นนั 8
อาหารก้งุ และการให้อาหาร การเลียงก้งุ ให้ประสบความสาํ เร็จ นอกจากปัจจยั ในเรืองคณุ ภาพลกู ก้งุ และการจดั การฟาร์มแล้วนนั อาหาร ทีใช้เลยี งก้งุ ยงั ถือเป็นอกี หนึงปัจจยั ที มีความสําคญั ไม่ยิงหย่อนไปกวา่ กนั เนืองจากก้งุ เป็นสตั วท์ ีต้องการอาหาร ทีมีโภชนาการสงู ทงั ปริมาณและ คณุ ภาพ ดงั นนั อาหารก้งุ ทีดีต้อง ประกอบด้วยวตั ถดุ ิบคณุ ภาพสงู และ ยงั ต้องมีสารดึงดดู ให้ก้งุ เข้ามากนิ อาหาร โดยแพร่จากจดุ ทีให้อาหาร ไปสตู่ ่อมรับความรู้สกึ ซงึ พบทีหวั หนวดและตวั เมือก้งุ รบั รู้จงึ เดนิ มาตา มสารดึงดดู นนั ซงึ สารดงึ ดูดให้ก้งุ เข้ามากินอาหารนัน มีความ แตกต่างจากกลินทชี วนกินในคน การตดั สนิ ใจวา่ อาหารทีให้นนั จะทํา ให้ก้งุ กนิ ดหี รือไม่ ต้องสงั เกตจาก ภายในลาํ ไล้ก้งุ มีอาหารเตม็ และการ เจริญเตบิ โตของก้งุ 9
อาหารกุ้งโอเมก็ -วัน อาหารก้งุ โอเม็ก-วนั ของบริษทั เบทาโกร จํากดั (มหาชน) ผลิตด้วยกรรมวิธีทีทนั สมยั โดยเครืองเอ็กซ์ทรูดเดอร์ (Extruder) ซงึ มีข้อดีมากกวา่ กรรมวิธีการผลิตแบบทวั ไปดงั นี คุณภาพทาง แบบเดมิ โอเมก็ -วัน เหตผุ ล กายภาพ (Pelleting) (Extrusion) กระบวนการผลติ โอเม็ก-วนั ใช้ทงั ความสกุ -% -% Thermal Energy และ SME จงึ ทําให้ (Gelatinization) อาหารสกุ มากกว่า ขนาดเม็ด ไมส่ มําเสมอ ความยาวสมําเสมอ โอเม็ก-วนั มคี วามสกุ มากกวา่ ทําให้จบั (Pellet Size) ตวั ได้ดี ไมแ่ ตกหรือหกั ง่าย สามารถตดั อาหารได้ความยาวตามต้องการ ความคงตัวใน น้อยกวา่ แบบ นานกวา่ แบบเดิม ไม่ โอเม็ก-วนั มีความสกุ จบั ตวั ได้ดีกวา่ จงึ นํา ใหม่ มีเศษหลดุ มีเศษหลดุ เป็นชิน ไมแ่ ตกร้าวตามผิวของเมด็ เหมอื น (Water เป็นชินๆ แบบเดิม Stability) ฝ่ นุ มากกว่าแบบ น้อยกวา่ เดิม โอเม็ก-วนั มีความสกุ มากกวา่ ทําให้จบั ใหม่ ตวั ได้ดี ไม่แตกหกั หรือเป็นฝ่ นุ ได้งา่ ย 10
ประโยชน์ทีได้รับจากอาหารกุ้งโอเมก็ -วัน . FCR ตาํ ลง - 3. ทาํ ให้คุณภาพนาํ ระหว่างเลียงไม่ เน่าเสียง่าย - ก้งุ ยอ่ ยและนาํ อาหารไปใช้ประโยชน์ - ของเสยี จากเศษอาหารทลี ะลายในนาํ น้อยลง ได้มากขนึ - ปริมาณขีก้งุ ลดลง เนอื งจากการยอ่ ย และนําไปใช้ประโยชน์ดีขนึ - อาหารสกุ มากขนึ - เปลอื ก ลาํ ตวั และเหงอื กสะอาด - อาหารสญู เสยี ลดลง ~ % - อาหารคงตวั ในนาํ ดีขนึ และฝ่ นุ น้อยลง . กุ้งแตก SIZE ลดลง . รักษาสิงแวดล้อม ทาํ ให้เลียง กุ้งได้ยาวนานขึน - เมด็ อาหารยาวสมาํ เสมอ - นําทิงจากการเลยี งก้งุ มีของเสยี ลดลง - ก้งุ กนิ อาหารได้เต็มที 11
ตารางการให้อาหารกุ้งขาว (Litopenaeus vannamei) ขนาดก้งุ นําหนกั ก้งุ อาหารแบบเดมิ โอเมก็ -วนั ปริมาณอาหาร (ตวั /กก.) (กรมั ) (%/นาํ หนักตัว/วัน) ปริมาณอาหาร (%/นาํ หนักตัว/วัน) ‹ 10,000 ‹ 0.1 35.0 - 25.0 10,000 - 4,167 0.1 - 0.24 25.0 - 20.0 28.0 - 20.0 4,000 - 2,041 0.25 - 0.49 20.0 - 15.0 20.0 - 16.0 2,000 - 1,111 0.5 - 0.9 15.0 - 11.0 16.0 - 12.0 1,000 - 526 1.0 - 1.9 11.0 - 8.0 12.0 - 8.8 2.0 - 2.9 8.0 - 7.0 8.8 - 6.4 500 - 345 3.0 - 3.9 7.0 - 6.0 6.4 - 5.6 333 - 256 4.0 - 4.9 6.0 - 5.5 5.6 - 4.8 250 - 204 5.0 - 5.9 5.5 - 5.0 4.8 - 4.4 200 - 169 6.0 - 6.9 5.0 - 4.5 4.4 - 4.0 167 - 145 7.0 - 7.9 4.5 - 4.3 4.0 - 3.6 143 - 127 8.0 - 8.9 4.3 - 4.0 3.6 -3.4 125 - 112 9.0 - 9.9 4.0 - 3.8 3.4 - 3.2 111 - 101 10.0 - 10.9 3.8 - 3.5 3.2 - 3.0 100 - 92 11.0 - 11.9 3.5 - 3.0 3.0 - 2.8 91 - 84 12.0 - 12.9 3.3 - 3.0 2.8 - 2.4 83 - 78 13.0 - 13.9 3.0 - 2.8 2.6 - 2.4 77 - 72 14.0 - 14.9 2.8 - 2.5 2.4 - 2.2 71 - 67 15.0 - 15.9 2.5 - 2.3 2.2 - 2.0 67 - 63 16.0 - 16.9 2.3 - 2.1 2.0 - 1.8 63 - 59 17.0 - 17.9 2.1 - 2.0 1.8 - 1.7 59 - 56 18.0 - 18.9 2.0 - 1.9 1.7 - 1.6 56 - 53 19.0 - 19.9 1.9 - 1.8 1.6 - 1.5 53 - 50 20.0 - 20.9 1.8 - 1.7 1.5 - 1.4 50 - 48 1.4 หมายเหตุ : - ถ้าสนี ําเข้มขนึ เร็วมากแสดงว่าการให้อาหารมากเกินไป ควรปรบั ลดปริมาณการให้อาหารลง - เมอื ก้งุ มนี ําหนักตวั กรมั /ตวั ขนึ ไป สามารถให้อาหารปริมาณอาหารคงทีได้ไปจนกระทงั จบั เนอื งจากในบ่อมีอาหาร ธรรมชาตทิ ีก้งุ เก็บสามารถกินได้ 12
โรคและการป้ องกนั รักษา : พนั ธ์ุ ขนาด อายุ สภาพภมู ิต้านทาน : แบคทีเรีย ก้งุ : คณุ ภาพนาํ ไวรัส เชอื โรค สภาพแวดล้อม คณุ ภาพดนิ ริกเกต็ เซยี อาหาร เชอื รา การจดั การ พยาธิ สารพษิ สาเหตขุ องการเกิดโรคในก้งุ นันไม่ใช่เกิดจากสาเหตุเดียว แต่จะมีความสมั พนั ธ์เกียวเนืองกับ ปัจจยั จากการจดั การอืนๆ เชน่ คณุ ภาพนําหรือสภาพดินก้นบอ่ รวมถงึ สขุ ภาพตวั ก้งุ เองด้วย ดงั นนั การ รักษาโรคจงึ ไมเ่ ป็นเพยี งแคใ่ ช้ยาหรือสารเคมีในการกาํ จดั เชอื โรคเพียงอยา่ งเดียว แต่จะรวมไปถงึ การ จดั การสภาพต่างๆ ภายในบอ่ เลยี งให้ดีขนึ ควบค่ไู ปด้วย โรคทที ําความเสยี หายมากในระหว่างการเลยี งก้งุ ขาว มกั เป็นโรคทีมสี าเหตจุ ากไวรัส ได้แก่ 1. โรคไวรัสดวงขาว (White spot syndrome virus ; WSSV) 2. โรคทอร่า (Taura syndrome virus ; TSV) 3. โรคหวั เหลอื ง (Yellow-head virus ; YHV) 13
การสังเกตอาการกุ้งป่ วย การสงั เกตอาการของก้งุ เพือให้ได้ทราบความผิดปกติได้เร็วนัน ย่อมทําให้สามารถหาวิธีการ รักษาและป้ องกนั ไมใ่ ห้ก้งุ ทเี หลอื ป่ วยเพมิ ขนึ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพมากขนึ แบง่ เป็ นการสงั เกตดูกุ้งที ในยอและนอกยอ ดงั นี ในยอ นอกยอ อาหารเหลือในยอ เหงือกสีผิดปกติ พบกุ้งมีระยางค์ฉีกขาด, ตาย ว่ายตามผวิ นาํ เคลือนไหวผดิ ปกติ เปลือกมีสีผิดปกต,ิ ขรุยที ในลําไส้ไม่มีอาหาร เปลือก เกยขอบบ่อ 14
โรคไวรัสดวงขาว (White spot syndrome virus ; WSSV) (ทีมา : http://www.dld.go.th/niah/AnimalDisease/images/Aquatic_WhiteSpot.png) โรค สาเหตุ ช่วงอายทุ ี การตดิ ต่อ อาการ การ การป้ องกัน พบ ควบคุม โรค โรค โรคไวรัส White ทกุ ระยะ - กนิ เนือก้งุ - อตั ราตายสงู ไม่มวี ิธี - เพมิ ความ ดวงขาว spot ตงั แตไ่ ข่ ทีมเี ชอื หรือ - % ภายใน รักษาก้งุ ที ปลอดภยั ทาง syndrome จนถงึ ระยะ นําทมี เี ชอื วนั หลงั ติดเชือ เป็นโรคต้อง ชวี ภาพ: virus; พ่อแม่พนั ธ์ุ ปนเปือน - กินอาหารลดลง คดั ทงิ ทงั บอ่ บาํ บดั นํา WSSV - แพร่ผ่าน ฉบั พลนั กําจดั พาหะ ไข่ - ตวั ก้งุ สแี ดง - ใช้ลกู ก้งุ ที - สตั ว์พาหะ - เปลอื กก้งุ ออ่ น ปลอดเชือนี เชน่ อาร์ที ลอกหลดุ งา่ ย มี - หลกี เลยี ง เมีย จดุ หรือดวงขาว การปลอ่ ยก้งุ ตงั แต่ . - มม. ในฤดหู นาว ใต้เปลอื ก (ต.ค. – ม.ค.) 15
โรคทอร่ า (Taura syndrome virus ; TSV) (ทีมา : http://www.dld.go.th/niah/AnimalDisease/images/Aquatic_WhiteSpot.png) โรค สาเหตุ ช่วงอายุ การ อาการ การควบคุม การป้ องกันโรค ทพี บ ตดิ ต่อ โรค โรคทอร่า Taura ระยะเฉียบพลัน - การเลยี งก้งุ รอบ syndrome ก้งุ พี, - กินเนือ กินลดลงมาก ปลาย - ขนึ กบั ความ ตอ่ ไปต้องใช้ virus ; TSV วยั รุ่น, ก้งุ ทีมีเชือ หางและขาวา่ ยนํา รุนแรงของโรค สารเคมฆี ่าเชือและ และโตเตม็ หรือนําทีมี แดง ก้งุ ตายมาก หากก้งุ ยงั มี กําจดั พาหะในนํา วยั เชือ ระหวา่ งลอกคราบ ขนาดเลก็ มาก หรือพกั นําอย่าง ระยะคาบเกียว ป่ วยในระยะ น้อย วนั ก่อน ปนเปื อน ก้งุ ทีรอดพบ เฉียบพลนั ก้งุ ปลอ่ ยลกู ก้งุ บาดแผลสดี าํ ตายมาก ควร - ใช้ลกู ก้งุ ทีปลอด เปลอื กนิมหรือตวั ปิ ดบ่อ เชือนี แดง กินอาหารปกติ - ถ้าก้งุ ตาย ระยะเรือรัง เพียงเลก็ น้อย ไมแ่ สดงอาการ กิน สามารถเลยี ง อาหารและวา่ ยนํา ก้งุ ทีเหลือรอด ปกติ แตเ่ ป็นพาหะ ตอ่ ได้ ของโรค 16
โรคหวั เหลอื ง (Yellow-head virus ; YHV) (ทีมา : http://www.dld.go.th/niah/AnimalDisease/images/Aquatic_WhiteSpot.png) โรค สาเหตุ ช่วงอายุ การ อาการ การควบคุม การป้ องกัน ทพี บ ตดิ ต่อ โรค โรค โรคหวั Yellow- ก้งุ พี สมั ผสั ก้งุ - หวั ก้งุ สเี หลอื ง ไมม่ ีวธิ ีรักษา - เตรียมบอ่ โดย เหลอื ง head virus ระยะ ทมี เี ชอื จากเหงอื กและ ก้งุ ทีเป็นโรค กําจดั ของเสยี ที ; YHV ท้ายๆ โดยตรง เปลอื กทีมสี เี หลอื ง ต้องคดั ทงิ ทงั พืนบอ่ ออก เป็ นต้ น - วา่ ยเกยขอบบอ่ บอ่ ป้ องกนั การเน่า ไป - ตายมากบริเวณ เสยี ทาํ สนี าํ ให้ เครืองตีนาํ นงิ - ปลอ่ ยก้งุ บาง ลงในช่วงฤดู แล้ง - ใช้ลกู ก้งุ ที ปลอดเชอื นี 17
เอกสารอ้างอิง โชคชยั เหลอื งธวุ ปราณีต. 2005 (2548). หลกั การเพาะเลยี งสตั ว์นํา. พมิ พ์ครังที 1. กทม. : สาํ นกั พมิ พ์โฟร์เพช. หน้า ชลอ ลมิ สวุ รรณ. 2000(2543). “ก้งุ ไทย2000:แมกกาซีนออนไลน.์ ”[Online]. Available: http://www.nicaonline.com/nicaonline.asp. ชลอ ลมิ สวุ รรณ นติ ิ ชเู ชิด เกศนิ ี หลายสทุ ธิสาร สาธิต ประเสริฐศรี สธุ ี วงศ์มณี ประทีป และปัทมา วิริยพฒั นทรัพย.์ 2007(2550). โรคหลงั ขาวในก้งุ ขาวแวนนาไม. เอกสารเผยแพร่สาํ หรับเกษตรกรผ้เู ลยี งก้งุ : สาํ นกั งานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาต.ิ 15 หน้า ชลอ ลมิ สวุ รรณ นติ ิ ชเู ชดิ เกศินี หลายสทุ ธิสาร สธุ ี วงศ์มณีประทปี และสาธิต ประเสริฐศรี. 2007(2550). โรคตบั อกั เสบในก้งุ ขาวแวนนาไม. เอกสารเผยแพร่สาํ หรับ เกษตรกรผ้เู ลยี งก้งุ : สาํ นกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ. 15 หน้า ชลอ ลมิ สวุ รรณ นติ ิ ชเู ชิด และปิยนชุ พรมภมร. 2007(2550). โรคตวั พกิ ารและ โรคทอร่าในก้งุ ขาวแวนนาไมและ ลกั ษณะทีคล้ายกบั โรคทงั สองชนดิ . เอกสารเผยแพร่สาํ หรับ เกษตรกรผ้เู ลยี งก้งุ : สาํ นกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ. 15 หน้า นติ ิ ชเู ชิด ชลอ ลมิ สวุ รรณ พรเลศิ จนั ทร์รัชชกลู ภญิ โญ เกยี รตภิ ญิ โญ นิธิศ ภทั รกลุ ชยั ถิรวฒั น์ ลภี ยั สมบรู ณ์ เอกอนนั ต์ ยวุ เบญจพล. 2006(2549). ”อตุ สาหกรรมก้งุ ไทย:Thailand Shrimp.”[Online]. Available : http://www.thailandshrimp.com. 18
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: