Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore covet disaster-ผสาน

covet disaster-ผสาน

Published by riamnamarak, 2021-02-24 06:58:49

Description: covet disaster-ผสาน

Search

Read the Text Version

อุบตั ิเหตหุ มู่ และ สาธารณภัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์เรียม นมรักษ์

อุบัตเิ หตหุ มู่ สาธารณภัย Mass Casualty incident and Disaster ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ เรยี ม นมรกั ษ์

อบุ ตั เิ หตหุ มู่  เหตุการณท์ ี่มีผู้บาดเจบ็ จานวน Mass ต้องระดมกาลังความชว่ ยเหลอื จากทกุ แผนกในโรงพยาบาล Casualty โดยอาจจาตอ้ งส่งตอ่ ไปรับการ incident รักษาท่ีโรงพยาบาลอนื่ ทั้งในและ นอกจังหวัด ต้องมแี ผนการเตรียมรับอบุ ตั ภิ ัย หมู่

การจัดทาแผนรบั อบุ ตั ิภยั หมู่ 1. ให้มคี วามรู้และทกั ษะในดา้ นบรรเทา อุบัตภิ ัยหมู่ และสามารถให้การ รกั ษาผปู้ ระสบเหตเุ ปน็ จานวนมากได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 2. ใหม้ กี ารจัดระบบการช่วยเหลอื เม่ือเกิดอบุ ตั ภิ ัยหมู่ พร้อมด้วย อปุ กรณ์ เวชภณั ฑ์ ในการช่วยเหลอื ชีวติ 3. เพอ่ื ความรวดเรว็ ในการออกไปใหค้ วามช่วยเหลอื ผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ และ ลาเลยี งอย่างถกู ต้อง 4. เพอ่ื ใหท้ ุกหนว่ ยมีความพร้อมในการเตรยี มบคุ ลากร เครื่องมอื ใชใ้ นการ รกั ษาพยาบาลผ้บู าดเจ็บจานวนมากไดร้ วดเรว็ 5. มรี ะบบการประสานงาน การรกั ษา การช่วยเหลอื กนั ของหนว่ ยงานที่ เกย่ี วขอ้ ง

สาธารณภยั •เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ข้ึน ณ สถานทห่ี นึ่ง Or อาจเกิดขึ้นไดท้ ุกเวลาหรือทกุ สถานท่ี จากธรรมชาติเองหรือจาก ภัยพิบตั ิ มนุษย์ Disaster •เป็นอันตรายกับคนหมมู่ าก ต่อชวี ติ และร่างกายความเสยี หายแก่ ทรพั ยส์ ินประชาชน

Disaster cycle 3 ระยะ การเตรียมการทางการ สาธารณสุขประกอบด้วย 3 ด้าน Recovery Post- planning, equipment และ impact การฟ้นื ฟู อาจใช้ Pre- training เวลาหลายวัน phase impact phase Prevention/Mitigation สปั ดาห์ หรือบางที Preparedness อาจหลายปี Impact phase Response Disaster การตอบสนองเม่อื เกดิ เหตุการณส์ าธารณภยั

Preparing for Disaster 1. Planning •ควรเตรยี มพร้อมด้าน รถพยาบาล เตรียมโรงพยาบาลใหพ้ รอ้ มรับ ผปู้ ว่ ยฉุกเฉินวางแผนสาหรบั เหตุการณท์ เี่ สยี่ งทีจ่ ะเกิดสาธารณภยั 2. Equipment •การเตรยี มพรอ้ มดา้ นอปุ กรณ์ เช่น personal protective equipment (PPE) อปุ กรณ์บนรถฉุกเฉนิ และการส่อื สาร 3. Training Education คือ การฝกึ อบรมหลักสูตรให้การชว่ ยเหลอื และรักษา ผูป้ ่วย BLS ACLS Exercise คอื การฝกึ ปฏบิ ัติ เชน่ Table top, radio voice procedure, triage exercise, communication exercise

การตอบสนองตอ่ สถานการณ์สาธารณภยั CSCATTT 1. Command • command หมายถึง การส่งั การ คอื การส่งั การของแต่ละหน่วยงาน • control หมายถึง การควบคุม การกัน้ อาณาเขตที่ปลอดภัยสาหรับการจัดการ ผปู้ ว่ ย 2. Safety self safety scene safety survivor safety

CSCATTT 3. Communication ขอ้ มลู แรกทีส่ าคัญมากทค่ี วรไดจ้ ากทีเ่ กิดเหตุเพอื่ ใชใ้ น การประเมนิ สถานการณ์ เพอ่ื ให้เกดิ การตอบสนองทีเ่ พียงพอและมี ประสิทธิภาพ คอื “METHANE” M Major incident - เหตุสาธารณภยั จรงิ หรือไม่ E Exact location - ตาแหนง่ หรอื สถานทเี่ กดิ เหตุ T Type of incident - ประเภทของสาธารณภยั เช่น อุบัติเหตทุ างถนน H Hazards - มสี ารเคมรี ัว่ ไหลหรือไม่ A Access - เสน้ ทางท่เี ข้าถึงจดุ เกดิ เหตุ N Number of casualties - จานวนผูบ้ าดเจบ็ E Emergency services - ต้องการหนว่ ยงานใดชว่ ยเหลือมากน้อย เท่าใด

CSCATTT 4. Assessment การประเมินจานวนและความรนุ แรงของผู้ป่วยเพอื่ คาดคะเนวา่ จะตอ้ งขอ ความช่วยเหลอื จาก หน่วยงานใดบา้ ง มากน้อยเท่าใด ซ่งึ อาจไม่ จาเป็นต้องสมบูรณต์ ง้ั แตแ่ รก แตค่ วรจะประเมินอยา่ งตอ่ เนอ่ื งเพอ่ื ให้ บรหิ ารจัดการไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพเพอื่ “ •Get the right people, with the right skills and equipment to treat the casualties at the scene and the right transport to move the casualties to the right hospital”

CSCATTT 5. Triage คือ การคดั แยกผ้ปู ่วยหรือผ้บู าดเจบ็ ตามความรนุ แรง ซึ่ง ตอ้ งมกี ารประเมินอย่างต่อเนอื่ ง เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ทง้ั หลังการรกั ษาหรือจากสภาวะของผู้ป่วยเอง 6. Treatment เป้าหมายของการรกั ษาในกรณสี าธารณภัยคอื do the most for the most ซ่งึ หมายถงึ การคน้ หาผู้ทม่ี ีโอกาสรอด ชีวติ และให้การรักษาอย่างเตม็ ท่ี 7. Transport เป้าหมาย คอื “Get the right patient to the right place in the right time” หมายถึง นาสง่ ผู้ป่วย ไปยงั โรงพยาบาลท่ีมีศกั ยภาพเหมาะสม

Declaring a major incident  ทกุ หน่วยงานอ่ืนและโรงพยาบาลตา่ งมแี ผนรองรบั เมอ่ื เกิดเหตุการณ์ สาธารณภยั ดงั น้นั จงึ ตอ้ งมีข้อมลู ทชี่ ัดเจนจากทเ่ี กดิ เหตุ เพือ่ ให้สมารถ ตัดสนิ ใจประกาศใชแ้ ผนได้ถูกต้อง และใชข้ ้อความที่เหมาะสมชดั เจน 1. major incident – standby : เตรียมพรอ้ มรบั สาธารณภยั 2. major incident Declared – Activate Plan : ประกาศใช้แผน สาธารณภัย 3. major incident – Cancelled : ยุตแิ ผนสาธารณภยั

Recovery การฟื้นฟูสภาพผู้ปว่ ยอาจต้องใชเ้ วลาเปน็ ปี •ภาวะ stress กอ็ าจเกิดขน้ึ ได้ • acute stress response • คอ่ ยๆ เกดิ ภายหลงั เหตกุ ารณ์ เชน่ nightmares, anxiety, sleeplessness, poor performance ในการทางาน ที่เรยี กว่า post traumatic stress disorder (PTSD) ซึ่งต้องมีการวเิ คราะห์และรักษา อย่างตอ่ เนื่องรว่ มด้วย

ผลกระทบดา้ นสขุ ภาพจากการเกดิ สาธารณภยั เมอ่ื เกดิ สาธารณภยั จะสง่ ผลกระทบตอ่ บคุ คล ครอบครวั และชมุ ชนท้งั ทางดา้ นกายภาพ พน้ื ฐาน และสุขภาพของผ้ปู ระสบภยั ท้ังทางตรงและทางอ้อม ดังนี้ โครงสรา้ ง ดา้ นกายภาพ 1. ทาลายโครงสร้างพื้นฐานดา้ นสาธารณสุข เช่น อาคาร สถานที่ การ คมนาคม ระบบสาธารณูปโภค ทาใหไ้ มส่ ามารถให้บรกิ ารดา้ นสุขภาพ ได้ตามปกติ 2. ทาใหเ้ กิดการขาดแคลนของอาหาร 3. การสญู เสยี บ้าน ท่ีอยอู่ าศยั ทาให้เกิดการอพยพ เคล่อื นยา้ ยประชากร ส่งผลให้เปน็ ภาระของระบบสขุ ภาพและชุมชนท่ผี อู้ พยพเขา้ ไปอยู่อาศยั

ผลกระทบด้านสขุ ภาพจากการเกิดสาธารณภัย  ดา้ นสุขภาพประชากร 1. ทาให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดสาธารณ ภัยโดยตรง 2. ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ภาวะอารมณ์ และความเป็นอยู่ของ ประชาชน 3. การแพร่ระบาดของโรคติดต่อท่ีเกิดมาจากการเสียสมดุลของ สภาพแวดลอ้ ม

การคัดแยกผ้บู าดเจ็บ (Triage) •ได้มกี ารบันทกึ การคดั แยกผบู้ าดเจบ็ ไวค้ ร้ังแรกในสมยั Baron Dorminique Jean Larrey (คศ. 1766- 1842) ซ่ึงเปน็ ทั้งจอมพลและศลั ยแพทยข์ องกษตั รยิ น์ โปเลียน ไดค้ ดิ ค้นและนาวธิ ีการคัดแยกผูบ้ าดเจบ็ มาใช้ในสนามรบ

การคดั แยกผบู้ าดเจ็บ (Triage) •เปน็ กระบวนการตดั สินใจในการจัดลาดับความสาคัญ ตามระดับความรนุ แรงของผู้บาดเจบ็ ท่จี านวนมากได้ อย่างทนั การในสภาวะ ทท่ี รพั ยากรมจี ากัด

Triage เพอ่ื ? คัดแยกผู้ป่วยไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ไปยังสถานท่เี หมาะสม ในเวลาทเ่ี หมาะสม รวมถึงการบรหิ ารทรัพยากรที่มีอยอู่ ยา่ งจากดั ให้เกดิ ประโยชน์สงู สุด To deliver the “Right patient” to the “Right place” at the “Right time” Managing limited resources for maximum benefit

ประเภทของการคดั แยกผบู้ าดเจบ็ •Primary triage หรอื Triage sieve การคดั แยกขัน้ แรก •ทจี่ ดุ เกดิ เหตุ •มักทาโดยเจา้ หนา้ ทที่ อ่ี อกไปกบั รถพยาบาล •Secondary triage หรือ Triage sortการคัดแยกขัน้ ท่ี 2 •ทจี่ ุดรกั ษาพยาบาล •มักทาโดยบคุ ลากรทางการแพทย์

การจัดระดบั ความรุนแรงของผู้บาดเจบ็ การคัดแยกแบ่งระดับการบาดเจบ็ เปน็ 4 ระดับ P (priority) คอื ระดับการบาดเจ็บ T (treatment) คอื ลาดับของการรักษาพยาบาล P T คาอธบิ าย สี 1 1 Immediate Red 2 2 Urgent Yellow 3 3 Delayed Green 4 4 Expectant Blue Dead Dead Dead White or black (ทม่ี า: MIMMS The Practical Approach at the scene, 3 rd edition)

การจดั ระดบั ความรุนแรงของผบู้ าดเจบ็ ความรนุ แรงระดบั 1 T1 immediate ผ้บู าดเจบ็ วกิ ฤต ที่มภี าวะคกุ คามตอ่ ชวี ิต และตอ้ งไดร้ บั การรกั ษาโดยเรง่ ดว่ นทส่ี ุด ความรนุ แรงระดับ2 T2 urgent ผ้บู าดเจ็บเรง่ ดว่ น ท่คี วรได้รบั การรกั ษา ความรุนแรงระดบั 3 T3 delayed ภายใน 2-4 ชั่วโมง ความรุนแรงระดบั 4 T4 expectant ผู้บาดเจบ็ ที่ไดร้ บั บาดเจ็บเล็กนอ้ ย การ รักษาสามารถลา่ ชา้ ได้มากกว่า 4 ช่ัวโมง ผบู้ าดเจ็บที่ไดร้ ับบาดเจบ็ สาหัส แมว้ า่ จะ ไดร้ ับการรกั ษาอยา่ งเต็มที่ด้วยทรัพยากร ท่ดี ที ี่สุดแล้ว ผู้บาดเจ็บมักจะเสยี ชีวิต

วธิ ีการคดั แยก การทา Triage sieve หลักการการทา Triage sieve •เป็นการคดั แยกเบ้อื งตน้ ณ จดุ เกดิ เหตอุ ยา่ งรวดเรว็ ใชห้ ลักการไม่ ย่งุ ยากและในการคดั แยก ไมต่ ้องใชข้ ้อมูลของผูบ้ าดเจบ็ มากนกั เพื่อ ผบู้ าดเจบ็ จะได้รบั การช่วยเหลือทเี่ หมาะสมและทันท่วงที

วิธีการคดั แยก การทา Triage sieve 1. ผู้บาดเจบ็ ทีเดินไดอ้ อกมาก่อน ให้คัดแยกเปน็ สีเขยี ว T3 – delayed priority 2. ผู้บาดเจ็บทีต่ อ้ งการความชว่ ยเหลือ ใหย้ กมอื ขึ้น ถ้ายกมือได้ ใหค้ ดั แยกเปน็ สเี หลอื ง T2 – urgent priority 3. ประเมิน Airway – Breathing – Circulation ตามลาดับ

Airway – Breathing – Circulation การเปดิ ทางเดินหายใจ ( A:Airway) 1. ผ้บู าดเจบ็ ทไี่ ม่หายใจ ให้ชว่ ยเปิดทางเดินหายใจเบื้องตน้ เช่น head tilt and chin lift, jawthrust ถา้ ผ้บู าดเจ็บยงั คงไม่หายใจ ให้คดั แยกผูบ้ าดเจ็บเป็น ผูเ้ สียชีวิต(dead) 2. ถา้ เปดิ ทางเดินหายใจ แลว้ หายใจได้  ให้คดั แยกผบู้ าดเจ็บเปน็ ระดับฉุกเฉนิ วิกฤตหรอื สแี ดง (T1, immediate)

การประเมินหายใจ ( B:Breathing) ผู้ทีหายใจได้ให้โดยดูอัตราการหายใจ •หายใจนอ้ ยกว่า 9 คร้ัง/นาทีหรอื มากกว่า 30 คร้งั /นาที ให้คดั แยกผู้บาดเจบ็ เป็นระดับฉกุ เฉนิ วิกฤตหรือสีแดง (T1, immediate)

การประเมนิ ภาวะหมุนเวยี นโลหติ Circulation ถ้า RR ระหว่าง 10-29 ครง้ั ตอ่ นาที ให้ประเมนิ P หรอื capillary refill Pulse มากกว่าหรือเท่ากบั 120 คร้งั ตอ่ นาที หรอื capillary refill มากกวา่ 2 วนิ าที ให้คัดแยกผบู้ าดเจ็บเปน็ ระดบั ฉกุ เฉิน วกิ ฤตหรอื สีแดง (T1, immediate) Pulse นอ้ ยกว่า 120 ครง้ั ตอ่ นาที หรือ capillary refill นอ้ ย กว่าหรือเทา่ กบั 2 วนิ าที ให้คัดแยกผบู้ าดเจบ็ เปน็ ระดับเรง่ ดว่ น หรอื สีเหลือง (T2, Urgent)

แสดงขั้นตอนการทา triage sieve

Triage sieve



กล่มุ ท่ี 1 Immediate Red ผูท้ ีต่ ้องไดร้ ับการรักษา เพ่ือชว่ ยชีวิต อย่างเร่งดว่ น มฉิ ะนน้ั จะเสยี ชวี ติ ผู้ปว่ ยวกิ ฤต หมายถงึ ผ้ปู ่วยท่มี ภี าวะคกุ คามถึง แกช่ วี ิต หรอื เสยี่ งต่อการคกุ คามถึงแก่ชวี ติ ต้อง ได้รับการประเมนิ และรักษาอยา่ งรวดเรว็ ทนั ที ภายใน 4 นาที จะถกู นาส่งใน พ้ืนที่สีแดง

ผู้ป่วยวิกฤต •Cardiac arrest •Systolic BP < 50 mmHg •Respiratory arrest (Adult) or severe shock child •คลาชพี จรไมไ่ ด้ แตย่ ังหายใจอยู่ •Respiratory rate < 10ครั้ง/นาที •Unresponsive or responsive •Severe trauma or multiple to pain only (GCS< 7) injury region •ภาวะชอ็ กรนุ แรง มอี าการสับสน •Extreme respiratory distress หรือไม่รสู้ กึ ตัวร่วมด้วย • ชักตลอดเวลา •Severe Respiratory distress

กลุ่มที่ 2 Urgent Yellow ผู้มภี าวะเจบ็ ปว่ ยเฉยี บพลันไม่เรง่ ด่วน ท่ตี ้องไดร้ บั การรกั ษา เพอ่ื ช่วยชีวิต ภายใน 1-4 ชั่วโมง  ผ้ปู ่วยท่ีมภี าวะคุกคามต่อชวี ติ หรือพกิ าร  O2 sat 90 – 95 % หายใจหอบเหน่อื ย  ผู้ปว่ ยกระดูกหกั โดยไม่มอี าการ ดังนี้ ชพี จรเบา ชา อมั พาต

กลุ่มที่ 3 Deleyed สีเขยี ว ผู้ป่วยบาดเจบ็ เล็กนอ้ ย ท่รี อได้นานกว่า 4 ช่วั โมง โดยไม่เกิดอันตรายใดๆ - minor injury - Non- acute abdominal pain -back pain - ปวดศีรษะ อาเจยี นปานกลาง - ปวดทอ้ งเลก็ น้อย รู้สึกตวั ดี - มีบาดแผลถลอก เลก็ นอ้ ย

กล่มุ ท่ี 4 Expectant สนี ้าเงิน 1. ผูอ้ าการหนกั ไม่สามารถช่วย ใหร้ อดชีวติ ได้ 2. อาการหนกั อาจตอ้ งรักษา ใช้ทรพั ยากรมาก ทาใหผ้ ู้อ่ืน เสียโอกาส

Dead สีดา ผ้บู าดเจบ็ ทีห่ นกั หรอื รุนแรงเกิน กวา่ ทีจ่ ะรกั ษาใหร้ อดชีวติ ได้หรอื ผ้ปู ่วยทีเ่ สยี ชวี ิตแล้ว

Triage Sieve •เดินได้ ----- เขียว •ไม่หายใจ เปดิ ทางเดนิ หายใจแลว้ ยงั ไม่หายใจ ----ดา •เดนิ ไมไ่ ด้ ABC ปกติ ------เหลอื ง •เดินไมไ่ ด้ ABC ผิดปกติ ----แดง เม่ือคัดแยกแล้วตอ้ งแขวนป้าย แสดงระดบั การคัดกรอง

Triage sort •การคดั แยกผู้บาดเจบ็ ข้ันทสี่ อง ใช้ The Triage Revised Trauma Score (TRTS) • 3 ปจั จยั หลัก ไดแ้ ก่ RR systolic BP และ Glasgow Coma Scale •นาผลรวมท้งั สามค่ามาจัดลาดบั ความเร่งดว่ นอกี คร้งั



เกณฑก์ ารประเมนิ Triage sort 0 คะแนน , เสียชวี ิต สดี า 1-10 คะแนน ต้องช่วยเหลืออยา่ ง Immediate priority 1, 11 คะแนน เรง่ ดว่ น สแี ดง 12 คะแนน ต้องดแู ลรกั ษาภายใน 2- Urgent 4 ชัว่ โมง priority 2, สเี หลอื ง รอไดน้ านเกนิ 4 ช่วั โมง :Minor/ Deleyed priority 3, สีเขียว

Triage Revised Trauma Score system and priority priority TRTS score T1 Immediate, สีแดง 1-10 T2 Urgent สเี หลือง 11 T3 / Deleyed สีเขยี ว 12 DEAD 0 ผ้บู าดเจบ็ ทไ่ี ดร้ บั การคัดแยกเป็นระดบั T4, expectant จะมีคา่ คะแนน TRTS score 1-3 คะแนน

ป้ายคัดแยกผูบ้ าดเจ็บ ปา้ ยคัดแยกผูบ้ าดเจบ็ ทดี่ ี •ควรมีลักษณะทม่ี องเหน็ ได้งา่ ย มมี าตรฐานเดยี วกนั ไมว่ ่าจะ เปน็ สี ตัวอักษร หรือตัวเลข •สามารถคล้องปา้ ยที่ตวั ผู้บาดเจ็บไดง้ า่ ยและสะดวก 2 ประเภท ได้แก่ ชนดิ single และชนดิ พับได้ (folding label)

ปา้ ยการคัดแยกชนิด single ตัวปา้ ยประกอบดว้ ยสีที่ แสดงระดบั ความรุนแรง ของการบาดเจ็บ เชน่ แดง เหลอื ง เขียว ดา

ปา้ ยการคัดแยกชนิดพบั ได้ หรือ folding label • ปา้ ยทป่ี ระกอบดว้ ยสีแสดงระดับความรุนแรงของการบาดเจบ็ ทุกระดบั มลี ักษณะเปน็ รปู กากบาท และ สามารถพบั สีที่ต้องการคดั แยกออกมาด้านนอก และทบสีอื่นที่ไมต่ ้องการไวด้ า้ นใน

การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภยั มีผู้ชว่ ยเหลอื 1 คน มีผูช้ ่วยเหลือต้งั แต่ มีผชู้ ว่ ยเหลือต้ังแต่ 2 คนขึ้นไป 2 คนข้นึ ไป และใชอ้ ปุ กรณ์ และไมใ่ ชอ้ ปุ กรณ์

การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย มผี ู้ช่วยเหลือ 1 คน การพยงุ เดิน (Supporting carry, Human crutch, Assist to walk) การแบกดว้ ยสะโพก (Hip carry, Nurse carry)

การเคล่ือนย้ายผู้ประสบภัย มผี ู้ช่วยเหลือ 1 คน การอุม้ (Arm carry, Shoulder-Knee arm carry, Cradle carry) การอุม้ กอดและทาบดา้ นหลงั (Back carry, Back-Strap carry)

การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภยั มผี ู้ช่วยเหลือ 1 คน การอุม้ ทาบหลงั (Pack-Strap carry, Pistol-Belt carry) การอุม้ กอดดา้ นหลงั (อุม้ ข่ีหลงั ) (Saddle carry, Pack a Back carry)

การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภยั มผี ู้ช่วยเหลือ 1 คน การอุม้ กอดดา้ นหนา้ (Front Piggyback carry) การลากดว้ ยเส้ือ (Clothes drag)

การเคล่ือนย้ายผู้ประสบภัย มผี ู้ช่วยเหลือ 1 คน การลากผปู้ ่ วยดว้ ยผา้ (Blanket drag) การอุม้ แบกบนบา่ (Fireman’s carry, Fireman’s carry lift)

การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภยั มผี ู้ช่วยเหลือ 1 คน การลากลงบนั ไดหรือที่ชนั (Incline drag) การคลานลาก (Fireman’s drag, Fireman’s crawl)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook