Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบสืบพันธ์ของสัตว์

ระบบสืบพันธ์ของสัตว์

Published by Warisara Butrpheng, 2021-03-02 05:44:40

Description: ระบบสืบพันธ์ของสัตว์

Search

Read the Text Version

ระบบสืบพนั ธข์ องสตั ว์ นาเสนอโดย คุณครูเมตตา ชาญฉลาด จดั ทาโดย ด.ญ.วริศรา บุตรเพง็ ด.ญ.สุภทั รา ปุสารัมย์

ระบบสบื พนั ธขุ์ องสตั ว์ การสบื พนั ธขุ์ องสตั ว์ สง่ิ มีชีวิตแตกตา่ งจากสง่ิ ไม่มีชีวิต คอื มีสามารถในการใหก้ าเนดิ สง่ิ มีชวี ิตใหม่จากส่งิ มีชวี ิตเดมิ ซ่งึ เป็นสมบตั ิของ ส่งิ มชี วี ติ ทกุ ชนิดท่ที าใหส้ ่งิ มชี ีวิตสามารถดารงพนั ธใุ์ หค้ งไวไ้ ด้ การสบื พนั ธขุ์ องสง่ิ มีชีวติ เซลลเ์ ดียว สง่ิ มชี ีวติ เซลลเ์ ดยี วมกี ารสบื พนั ธทุ์ ง้ั แบบอาศยั เพศและไมอ่ าศยั เพศ การไมอ่ าศยั เพศสว่ นใหญ่เป็นการแบง่ เซลล์ เป็น 2 สว่ นเท่าๆกนั เช่น อะมบี า ส่งิ มีชีวติ เซลลเ์ ดียวบางชนดิ สืบพนั ธโุ์ ดยการแตกหนอ่ เชน่ ยีสต์ การสบื พนั ธขุ์ องสตั ว์ การสบื พนั ธขุ์ องสตั วม์ ที ง้ั การสืบพนั ธแุ์ บบอาศยั เพศและไม่อาศยั เพศ การสบื พนั ธแุ์ บบไม่อาศยั เพศในสตั วท์ ่มี ี โครงสรา้ งของรา่ งกายไม่ซบั ซอ้ นและมีความสามารถในการงอกใหม่ เช่น พลานาเรยี ดาวทะเล สตั วพ์ วกนี้ สามารถสบื พนั ธโุ์ ดยวิธีการงอกใหม่ การสบื พนั ธแุ์ บบอาศยั เพศเกดิ จากการปฏิสนธิของเซลลส์ บื พนั ธเุ์ พศผหู้ รอื อสจุ ิกบั เซลลส์ บื พนั ธเุ์ พศเมยี หรือเซลลไ์ ข่ซง่ึ อาจเกดิ ภายในหรอื ภายนอกเพศเมยี กไ็ ดเ้ ซลลไ์ ข่ท่ไี ดร้ บั การผสม เรยี กวา่ ไซโกต

1.การสบื พนั ธแุ์ บบอาศยั ไม่เพศ การสบื พนั ธุ์ เป็นการสบื พนั ธแุ์ บบท่ไี มจ่ าเป็นจะตอ้ งมกี ารสรา้ งเซลลส์ บื พนั ธุ์ เพยี งแต่สรา้ งตวั จาลองตนเอง โดยมี คณุ สมบตั ิและพนั ธุกรรมเหมอื นตวั เดิมทกุ ประการ คอื มกี ารแสดงออกหรอื ฟี โนไทนเ์ หมอื นเดิมและลกั ษณะทาง พนั ธกุ รรมเหมือนกนั ทกุ ประการ การสบื พนั ธแุ์ บบนีม้ หี ลายวิธี การสบื พนั ธแุ์ บบไมม่ ีเพศ ไดแ้ ก่ 1.การแบง่ แยก (FISSION) เป็นการสบื พนั ธแุ์ บบไมม่ เี พศของสง่ิ มชี วี ิตเซลลเ์ ดียว เช่น โพรโทซวั แบคทีเรยี ยีสต์ และสาหร่าย ระหวา่ งท่มี กี ารแบง่ แยกจะมกี ารแบง่ สารพนั ธุกรรมดว้ ย ขบวนการนแี้ บง่ ไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ 1.1 แบง่ แยกเป็นสอง (BINARY FISSION) จากหน่งึ เซลลแ์ บง่ ไดเ้ ป็น 2 เซลล์ และ 4 เซลลต์ ่อไปเร่อื ยๆ 1.2 การแบง่ แยกทวคี ณู (MULTIPLE FISSION) นิวเคลยี ส จะมกี ารแบง่ แบบไมโตซีสหลายครง้ั ได้ นิวเคลยี สหลายอนั แลว้ จงึ แบง่ ไซโตพลาซมึ ไดเ้ ป็นหลายเซลลจ์ ะเกิดในพวกสตั วไ์ มม่ ีกระดกู สนั หลงั เช่น ในเชอื้ มาเลเรียบางระยะและในอมีบาบางชนดิ ในระยะเป็นตวั หนอนของฟองนา้ และปลาดาวบางชนิด

2. การแตกหนอ่ (BUDDING) การสบื พนั ธแุ์ บบนี้ หนอ่ เดมิ จะมกี ารแบง่ เซลลไ์ ดห้ นอ่ ใหม่ (BUD) เกดิ ขนึ้ และยงั ติดอย่กู บั หน่อเดมิ มรี ูปรา่ งเหมอื นหน่อเดิม แตม่ ีขนาดเลก็ กว่า การแตกหนอ่ พบไดใ้ นพชื เซลลเ์ ดยี ว เชน่ ยีสต์ ในพืชหลายเซลล์ เชน่ มารเ์ เชนเทยี (MARCHANTIA) ซ่งึ เป็นพชื ชน้ั ต่าพวกตะไคร่ชนดิ หนง่ึ (หรือเรยี กลเิ วอร์ เวธิ ) และตน้ ตนี ตกุ๊ แก ตน้ ตายใบเป็น สว่ นในสตั วห์ ลายเซลล์ ไดแ้ ก่ไฮดรา 3. การหกั (FRAGMENTATION) การสบื พนั ธแุ์ บบนชี้ นิ้ สว่ นของพอ่ แมจ่ ะแยกออก แลว้ เจริญเป็นส่งิ มีชวี ิต ใหม่ ไดแ้ ก่ ฟองนา้ ดอกไมท้ ะเล 4. การสรา้ งใหม่ (REGENERATION) การสบื พนั ธแุ์ บบสรา้ งใหมค่ ลา้ ย การหกั แตต่ า่ งกนั ตรงท่กี าร สรา้ งใหม่เป็นการเจริญเพ่ือซอ่ มแซมสว่ นท่ขี าดหายไป เน่อื งจากไดร้ บั ความเสยี หายจากภายนอก วธิ ีนสี้ ง่ิ มีชวี ติ ท่ี ถกู ตดั ออกเป็นชิน้ ๆแตล่ ะชนิ้ จะสามารถงอก เป็นส่งิ มีชวี ิตใหมไ่ ด้ เช่น ในชนิ้ สว่ นของพชื เกอื บทกุ ชนิด ในไสเ้ ดือน ดิน ฟองนา้ ไฮดรา และปลาดาว พลานาเรีย ซ่งึ เป็นหนอนตวั แบนชนดิ หน่ึง เม่อื ถกู ตดั ออกเป็นท่อนๆแต่ละท่อนจะ เจรญิ เป็นตวั ท่สี มบรู ณไ์ ด้ 5. การสรา้ งสปอร์ สปอรจ์ ดั เป็นหน่วยสบื พนั ธอุ์ ยา่ งหนง่ึ ปกติสปอรม์ กั จะมีผนงั หนา จงึ ทนทานตอ่ ส่งิ แวดลอ้ มท่ไี มเ่ หมาะสม เชน่ ความแหง้ แลง้ นอกจากนสี้ ปอรย์ งั มขี นาดเลก็ เหมาะท่จี ะกระจายไปในอากาศ เม่อื ส่งิ แวดลอ้ มเหมาะสมจะปลอ่ ยสปอรเ์ ป็นจานวนมาก ในพวกเห็ดราบางชนิด สปอรเ์ ก่ยี วขอ้ งกบั การสบื พนั ธุ์ แบบไม่มเี พศ และแบบมเี พศในพืชพวกเมทาไฟตา มีการสรา้ งสปอรซ์ ่งึ เป็นช่วงหนง่ึ ของการสบื พนั ธแุ์ บบสลบั ดว้ ย

2.การสืบพนั ธุแ์ บบอาศยั เพศ

เป็นการสบื พนั ธแุ์ บบท่ตี อ้ งมกี ารสรา้ งเซลลส์ บื พนั ธุท์ ่มี โี ครโมโซมเป็นแฮพลอยด์ (haploin)เป็นเซลลท์ ่ไี ดม้ าจาก การแบง่ ตวั แบบไมโอซิสของเซลล์ spermatogonium(2n)หรอื oogonium(2n)การเปลย่ี นแปลงจะเกิดขนึ้ ภายหลงั ท่เี ซลลส์ ืบพนั ธมุ์ กี ารปฏิสนธิจากเพศตรงขา้ ม การสบื พนั ธแุ์ บบอาศยั เพศของสตั วค์ อื จะตอ้ งมกี ารผสมระหวา่ งเซลลส์ บื พนั ธขุ์ องเพศผทู้ ่ีเรยี กว่า ตวั อสจุ ิ และ เซลลส์ บื พนั ธขุ์ องเพศเมียท่เี รียกว่า ไข่ เม่อื สตั วโ์ ตเตม็ ท่แี ละพรอ้ มท่จี ะสบื พนั ธแุ์ ลว้ เพศเมียจะสรา้ งไข่ และเพศผู้ จะสรา้ งอสจุ ิ ไข่และตวั อสจุ ิของสตั วแื ต่ละชนดิ จะมขี นาดและจานวนตา่ งๆกนั ไป โดยท่วั ไปไข่จะมลี กั ษณะกลม หรือรี เคลอ่ื นท่ไี มไ่ ด้ และมกั มอี าหารสะสมอย่เู พ่อื ไวเ้ ลยี้ งตวั อ่อนท่อี ยภู่ ายใน เช่น ไขแ่ ดงของไขไ่ ก่ ไข่เป็ด นอกจากนยี้ งั มีส่งิ ห่อหมุ้ เพ่ือปอ้ งกนั การกระทบกระเทือนจากสง่ิ แวดลอ้ ม ซง่ึ อาจมีลกั ษณะเป็นวนุ้ เช่น ไขก่ บ หรือ มีลกั ษณะเป็นเย่อื เหนยี ว เชน่ ไข่เต่าทะเล บางชนดิ มเี ปลอื กแข็งหมุ้ เช่น ไข่เป็ด ไขไ่ ก่ ไขจ่ ระเข้ สาหรบั ตวั อสจุ ิจะมี ขนาดเลก็ กว่าไข่มาก และมกั มองไมเ่ หน็ ดว้ ยตาเปลา่ และจะเคลอ่ื นท่ไี ดเ้ ร็วเพราะมสี ว่ นหางชว่ ยในการเคล่อื นท่ี เพ่ือสะดวกในการเขา้ ผสมกบั ไข่ เม่อื ตวั อสจุ ิผสมกบั ไขจ่ ะเกดิ การ ปฏสิ นธิ ขนึ้ ถา้ ตวั อสจุ ิจากสตั วเ์ พศผเู้ ขา้ ผสม กบั ไข่ซ่งึ ยงั อย่ใู นตวั ของสตั วเ์ พศเมยี เราเรียกการปฏิสนธิแบบนวี้ ่า การปฏสิ นธิภายใน แตถ่ า้ มีการผสมระหว่างไข่ และตวั อสจุ ิภายนอกตวั ขอวสตั วเ์ พสเมยี เราเรยี กว่า การปฏิสนธิภายใน ปัจจบุ นั การเลยี้ งปลากดั เป็นท่นี ยิ มมาก ขนึ้

เม่อื ปลาตวั เมียทอ้ งโตขนึ้ เร่อื ยๆจนทอ้ งแก่เตม็ ท่ี เม่อื นามาไวร้ วมกบั ปลาตวั ผู้ ปลาทง้ั สองเพศจะไมก่ ดั กนั ตวั ผจู้ ะ ทาหวอดไวต้ ามขอบตปู้ ลาและตามพชื นา้ ท่ใี สไ่ ว้ จากนน้ั จะไลร่ ดั ตวั เมยี เมอ่ื ปลากดั ตวั เมยี ถกู ตวั ผรู้ ดั จะปลอ่ ยไข่ ออกมา ตวั ผจู้ ะปลอ่ ยอสจุ ิออกมาดว้ ย จากนนั้ จะคลายการรดั แลว้ จงึ เร่มิ รดั ใหม่ ดงั นนั้ ไข่ท่อี อกมาจงึ ออกมาเป็น ชดุ ๆจนหมด ขณะท่ตี วั เมยี ออกไข่แต่ละชดุ ตวั ผจู้ ะรบี เขา้ ไปอมไข่นาไปคายใสไ่ วใ้ นหลอด เม่อื ตวั เมยี ออกไข่ หมดแลว้ จะสงั เกตจากตวั ผเู้ ร่มิ หวงไข่ และเร่มิ ไลก่ ดั ตวั เมยี ใหแ้ ยกตัวเมยี ออกไปเลยี้ งท่ภี าชนะอ่นื ไมเ่ ช่นนน้ั ตวั เมยี จะกินไขห่ มด ตวั ผจู้ ะเฝา้ ดแู ลไข่จนฟักเป็นลกุ ปลาตวั เลก็ ๆ จงึ แยกตวั ผอู้ อก ไมเ่ ช่นนนั้ ตวั ผจู้ ะกนิ ลกู ปลาหมด การปฏิสนธิภายนอกนนั้ ตอ้ งอาศยั นา้ เป็นตวั กลางใหต้ วั อสจุ ิเคล่อื นท่เี ขา้ ไปผสมกบั ไขไ่ ดแ้ ละการปฏสิ นธิแบบนี้ ตอ้ งอาศยั การบงั เอญิ ดงั นน้ั แมว้ ่าปลาท่มี กี ารปฏสิ นธิภายนอกจะวางไขจ่ านวนมาก แตก่ ม็ ไี ขเ่ พียงจานวนหนง่ึ เทา่ นน้ั ท่ไี ดร้ บั การผสม ปลาบางชนดิ ออกลกู เป็นตวั เช่น ปลาเข็ม ปลาหางนกยงู ปลาฉลาม ซง่ึ จะเป็นการปฏิสนธิภายใน โดยปลาตวั ผู้ จะปลอ่ ยอสจุ ิเขา้ ไปในร่างกายของปลาตวั เมียท่มี ีไขส่ กุ อยภู่ ายในร่างกาย ตวั อสจุ ิจะเขา้ ผสมกบั ไข่ เม่อื ไข่ไดร้ บั การผสมแลว้ จะเจรญิ เตบิ โตเป็นลกู ปลาต่อไปจนครบกาหนดคลอด สตั วท์ ่วี างไข่บนบกทกุ ชนิด และสตั วท์ ่อี อกลกุ เป็นตวั มีการปฏิสนธิภายในท้ังสนิ้ หลงั จากมีการปฏิสนธิสตั วบ์ างชนดิ จะวางไข่ซ่งึ มีเปลอื กหมุ้ ไวใ้ นท่ที ่เี หมาะสม เพ่อื ใหไ้ ข่ไดร้ บั การผสมและเจริญเติบโตเป็นตวั ต่อไป สว่ นสตั วท์ ่อี อกลกุ เป็นตวั เม่อื ไข่ไดร้ บั การผสมแลว้ ก็ยงั จะ เจริญเติบโตอยใู่ นตวั แมต่ อ่ ไป จนถึงกาหนดคลอดจงึ คลอดออกมาเป็นลกุ สตั วแ์ ละเติบโตตอ่ ไป ระยะเวลาของการ เจริญเตบิ โตของสตั วแ์ ตล่ ะชนิดจะแตกต่างกนั

การปฏิสนธิ (Fertilization) เป็นการรวมตวั ของนิวเคสยี สสเปิรม์ และไขเ่ มือ่ เกิดการปฏสิ นธิแลว้ จะไดไ้ ซโกตและไซโกตจะเจรญิ เติบโตตอ่ ไป เซลลส์ ืบพนั ธนุ์ ี้ อาจมาจากสงิ่ มชี ีวิตตวั เดยี วหรอื คนละคนกไ็ ด้ ถา้ เซลลส์ บื พนั ธมุ์ าจากส่ิงมชี ีวติ ตวั เดยี วกนั (มกั เป็นคาท่ีใชก้ บั สตั วทื ี่มรี งั ไขแ่ ละ อณั ฑะสามารถสรา้ งไดท้ งั้ ไขแ่ ละสเปิรม์ ) เรียกสตั วพ์ วกนวี้ า่ กระเทย หรือ Hermaphrodite กระเทยนีม้ ีอวยั วะสองเพศอย่ใู นตวั เดียวกนั แตอ่ าจผสมกนั ไมไ่ ด้ เพราะสกุ ไมพ่ รอ้ มกนั เชน่ ไสเ้ ดือนดนิ หอยนางรม พลานาเรีย ไฮดรา สาหรบั พยาธิตวั แบน (พยาธิ ตวั ตืด Tepeworm) สามารถผสมพนั ธภุ์ ายในตวั เองไดเ้ รียกวา่ Self fertilization ขบวนการปฏิสนธิ (Fertilization)แบง่ ออกไดเ้ ป็นสองแบบ คอื 1. การปฏสิ นธิภายนอก (External fertilization)มกั เป็นสตั วท์ ่ีออกลกุ เป็นไข่ ไดแ้ ก่ ปลา ปู กงุ้ หอย กบและสตั วน์ า้ อน่ื ๆท่ีมีการ ปลอ่ ยสเปิรม์ แลบะวางไขใ่ นนา้ จานวนมากเพ่ือเพ่ิมโอกาสใหม้ กี ารผสมของเซลลส์ ืบพนั ธทุ์ ง้ั สอง 2. ปฏิสนธิภายใน (Internal fertilization)มกั เป็นสตั วบ์ กโดยตวั ผปู้ ลอ่ ยสเปิรม์ เขา้ ไปในตวั เมีย ตวั ผจู้ ะมีอวยั วะพิเศษสาหรบั นาสเปิรม์ จากตวั ผไู้ ปสตู่ วั เมยี มกั ออกลกู เป็นตวั ไดแ้ ก่ สตั วป์ ีกและสตั วเ์ ลอื้ ยคลาน (เอมบริโอเจริญนอกตวั แม)่ สาหรบั สตั วเ์ ลยี้ ง ลกุ ดว้ ยนม ตวั ออ่ นเจรญิ ในตวั แม่ จึงมีโอกาสปฏิสนธิสงู แตม่ ีลกู นอ้ ย เมือม่ ีการหล่งั นา้ กาม (Ejaculation)ที่คลมดลกู จากอทิ ธิพลของ Oxytocin จะทาใหม้ ีการบบี ตวั ของท่อสบื พนั ธเุ์ พศเมยี ประกอบกบั การเคลอื่ นไหวของอสจุ ิ ทาใหข้ นึ้ ไปรอไขอ่ ย่ทู ี่ Oviduct หลงั การหล่งั นา้ กามไมเ่ กิน 15 นาที เมื่อไขต่ กจากอิทธิพล ของฮอรโ์ มน LH แลว้ จจะมชี ีวติ อยปู่ ระมาณ 12 ช่วั โมงเพือ่ รอใหอ้ สจุ ิเจาะเปลือกไขเ่ ขา้ ไปเม่อื อสจุ ิตวั ใดตวั หนึง่ เจาะเปลือกไขเ่ ขา้ ไปแลว้ เปลอื กไข่ (Zona pellucida)จะเกิดปฏิกิริยา (Zona reaction)ป้องกนั อสจุ ิตวั อนื่ เขา้ ผสมซา้ อีก (Polysermy) ตามปกตอิ สจุ เิ มือ่ ถกู ขบั เขา้ สอู่ วยั วะเพศเมยี อแวจะมีชีวิตอยไุ่ ดป้ ระมาณ 24 ช่วั โมง ยกเวน้ สตั วป์ ีกจะอย่ไู ดถ้ งึ 4 สปั ดาห์ จงั หวะการผสมพนั ธุ์ เพ่ือใหม้ เี ปอรเ์ ซน็ ตก์ ารผสมติดสงู จงึ มีความสาคญั มาก ควรผสมตอนใกลๆ้ จะหมดอาการเป็นสดั เพราะ การตกไขจ่ ะเกิดหลงั จากการหมดสดั 10-14 ช่วั โมงโดยเฉล่ียและอสจู ิก็ตอ้ งการเวลาประมาณ 4-6 ช่วั โมงภายในอวยั วะสืบพนั ธุ์ ของเพศเมยี ในการสลดั ปลอกหมุ้ หวั ออก (Sperm capacitation)จึงจะเจาะเปลอื กไขไ่ ด้

ฮอรโ์ มนที่เก่ียวขอ้ งและควบคมุ การสืบพนั ธุ์ (Hormonal Control of Animal Reproduction)

ฮอรโ์ มนที่มีผลตอ่ ระบบสบื พนั ธุ์ ไดแ้ ก่ 1. FSH (Follicle stimulating hormone)ผลิตจากตอ่ มใตส้ มองสว่ นหนา้ (Anterior pituitary gland)มหี นา้ ท่ีชว่ ย กระตนุ้ ใหถ้ งุ ไขแ่ ละไจรญิ เตบิ โต กระตนุ้ ใหม้ กี ารเจรญิ และพฒั นาของ Germ cells ไปเป็นอสจุ ิช่วยในการสรา้ ง Estrogen 2. LH (Luteinzing hormone)ผลโดยตรงของมนั ทาใหเ้ กิดการตกไข่ (Ovulation)และช่วยกระตนุ้ Leydig cell ให้ ผลผลติ ฮอรโ์ มนเพศผู้ (Testosrone) 3. Prolaction ผลติ จากตอ่ มใตส้ มองสว่ นหนา้ เชน่ กนั มีฤทธิช์ ว่ ยกระตนุ้ การสรา้ งนา้ นมในสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนม และช่วย กระตนุ้ พฤติกรรมฟักขแ่ ละเลยี้ งลกู ในสตั วป์ ีก 4. Oxytocin เป็นฮอรโ์ มนที่สรา้ งจากสมองสว่ นไฮโปธาลามสั (Hypothalamus)แตส่ ง่ มาเก็บไวท้ ่ีตอ่ มใตส้ มองสว่ นหลงั (Posterior pituitary gland)ช่วยใหเ้ กิดการหล่งั นา้ นม ทาใหม้ ดลกู บีบตวั ขณะสตั วค์ ลอด และยงั ช่วยทาใหท้ อ่ ระบบสืบพนั ธุ์ เพศเมยี มีการบบี ตวั เป็นคลน่ื (Persistalsis)ทาใหอ้ สจุ ิถกู ขบั เคลื่อนขนึ้ ไปจนถึง Oviduct

5.Estrogen สรา้ งมาจากเซลล์ Theca interna ของกระเปาะไข่ กระตนุ้ พฤตกิ รรมการเป็นสดั ใหเ้ ตา้ นมและเย่ือบมุ ดลกู ขยายตวั และยงั ชว่ ยกระตนุ้ ลกั ษณะของเพศเมยี (Female sex characterisics) 6. Progesterone สรา้ งจาก Corpus luteum และรก ทาหนา้ ที่คมุ้ ครองการตงั้ ทอ้ ง ทาใหเ้ ตา้ นมและเย่ือบมุ ดลกู ขยายตวั และยงั มีผลยบั ยงั้ การหล่งั ของ FSH กบั LH 7. Relaxin สรา้ งมาจากรงั ไขแ่ ละรกขณะท่ีสตั วท์ อ้ งแกใ่ กลค้ ลอดทาใหเ้ กิดการคลายตวั ของคอมดลกู และกระดกู เชิง กราน ช่วยในการคลอด 8. Testosterone สรา้ งจาก Leydig cells ของอณั ฑะทาหนา้ ท่ีกระตนุ้ ลกั ษณะของเพศผ(ู้ Male sex characteristics) ควบคมุ ความสมบรูณพ์ นั ธขุ์ องเพศผู้ ทาใหอ้ สจุ ิสมบรูณแ์ ละแขง็ แรงทาใหเ้ พศผอู้ ยากผสมพนั ธุ์ (Libido) 9. GH (Growth hormone), Thyroxine และ Corticosterone สรา้ งจากตอ่ มใตส้ มองสว่ นหนา้ ตอ่ มไทรรอยด์ (Thyroid)และตอ่ มหมวกไต (Adrenal)สว่ นนอก(Cortex)ตามลาดบั เกี่ยวขอ้ งกบั การเจรญิ เติบโตของรางกาย การเผาผลาญ อาหารและ metabolism ของรา่ งกาย ซ่งึ จะมกี ารกระทบตอ่ การเป็นหนมุ่ สาว (Puberty)ของสตั ว์

การสบื พนั ธขุ์ องสตั ว์ (Animal Reproduction) การสบื พนั ธขุ์ องสตั วเ์ ป็นพนื้ ฐานสาคญั ตอ่ การผลติ สตั วท์ กุ ชนิด ถา้ สตั วไ์ ม่สามารถสบื พนั ธตุ์ ามปกติไดจ้ ะ ทาความเสยี หายใหก้ บั การเลยี้ งสตั วข์ น้ ไดอ้ ยา่ งมหาศาล และสง่ ผลกระทบกระเทือนโดยตรงต่อเจา้ ของกจิ การ และสงั คมสว่ นรวม เพราะอาหารของมนษุ ย์ ไดแ้ ก่ เนอื้ นม และไข่ เป็นผลโดยตรงจากการสบื พนั ธขุ์ องสตั วท์ ง้ั สนิ้ ความสาคญั ของการสบื พนั ธใุ์ นการผลติ สตั ว์ ( Relation of Animal Reproduction to Livestock Production ) ในการเลยี้ งสตั วเ์ พ่อื ใชเ้ ป็นพ่อแม่พนั ธุ์ และในการผลติ สตั วเ์ พ่อื เป็นการคา้ เม่อื พจิ ารณาอย่างกวา้ งๆจะ พบวา่ เราไดก้ าหนดหนา้ ท่ขี องพอ่ แมพ่ นั ธไุ์ วแ้ ลว้ กลา่ วคอื ในพอ่ พนั ธุ์ มีหนา้ ท่ใี นการผสมพนั ธกุ์ บั แม่พนั ธใุ์ หม้ ีเปอรเ์ ซน็ การผสมติดสงู และถา่ ยทอดลกั ษณะทาง กรรมพนั ธุ์ (Genetic traits)ท่ดี ีลงไปใหล้ กู โดยผา่ นทางอสจุ ิ เพ่ือใหล้ กู ท่เี กดิ มาสมบรูณแ์ ข็งแรง ใหผ้ ลผลติ สงู ตาม เผา่ พนั ธขุ์ องพอ่ สว่ นทางแม่ มหี นา้ ท่คี ลา้ ยคลงึ กบั พอ่ พนั ธุ์ น่นั คือ การอมุ้ ทอ้ ง การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่ดี ีผ่าน ทางไขไ่ ปสลู่ กู นอกจากนี้ แมพ่ นั ธจุ์ ะตอ้ งออกลกู ดกในกรณีของสตั วท์ ่อี อกลกู เป็นครอก เชน่ สกุ ร หรอื ใหไ้ ขด่ กใน กรณีของสตั วป์ ีก และใหล้ กู อยา่ งสม่าเสมอ เช่น ในโค-กระบอื ควรจะใหล้ กู ปีละ 1 ตวั ไก่ปีละ 200 ตวั หรือสกุ รปี ละ 20ตวั

จากหนา้ ท่ขี องพ่อแม่พนั ธดุ์ งั กลา่ วขา้ งตน้ เราจะพบว่าการสบื พนั ธขุ์ องสตั วจ์ งึ เก่ยื วขอ้ งกบั 1.การออกไข่ 2.การคลอดลกู ใหม้ ีชีวติ รอดและสมบรู ณแ์ ขง็ แรง 3.การใหน้ ม ซง่ึ ก็เป็นผลมาจากการสบื พนั ธทุ์ ง้ั สนิ้ ดงั น้ัน ถา้ การสบื พนั ธขุ์ องสตั วไ์ มส่ มบรูณห์ รอื เกิดปัญหาขนึ้ ยอ่ มจะ ทาใหก้ ระทบกระเทอื นโดยตรงต่อกาไลและขาดทุนของฟารม์ และยงั สง่ ผลกระทบกระเทือนไปถงึ ผลทางเศษฐกิจ ของประเทศชาตโิ ดยสว่ นรวมดว้ ย หรือในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ เราสามารถยกระดบั การสบื พนั ธขุ์ องสตั วใ์ หม้ ี ประสทิ ธิภาพสงู ขนึ้ ก็จะสง่ ผลดกี ลบั มาไดเ้ ช่นกนั

อวยั วะสบื พนั ธขุ์ องสตั วเ์ พศผู้ (Male Reproductive Organs) อวยั วะสบื พนั ธขุ์ องสตั วเ์ พศผู้ มหี นา้ ท่ใี นการสรา้ งอสจุ ทิ ่สี มบรูณพ์ นั ธ(ุ์ Fertility)สรา้ งสารละลายท่ีช่วย หลอ่ เลยี้ งตวั อสจุ แิ ละปอ้ งกนั อนั ตรายจากสภาพแวดลอ้ มตา่ งๆ ช่วยนาสง่ อสจุ ิออกสภู่ ายนอกร่างกาย ผสมพนั ธุ์ และขบั ฉีดนา้ เชือ้ (Semen)ท่มี ตี วั อสจุ อิ ยเู่ ขา้ ไปยงั จดุ รองรบั การผสมพนั ธใุ์ นรา่ งกายของสตั วเ์ พศเมยี นอกจากนี้ ยงั ชว่ ยสรา้ งฮอรโ์ มนเพศผ(ู้ Androgen)ดว้ ย

สว่ นประกอบท่สี าคญั ของอวยั วเพศผู้ 1.อณั ฑะ(testis หรือ testes)ลกั ษณะรูปร่างกลมคอ่ นขา้ งรใี นสตั วท์ ่วั ไป และคลา้ ยเมลด็ ถ่วั หรอื ไต (Kidney shape)ในสตั วป์ ีกมีอย่เู ป็นคู่ ในสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนา้ นมโดยท่วั ไปจะหอ้ ยอยภู่ ายในถงุ หมุ้ อณั ฑะ (Scrotum)นอกรา่ งกาย เพ่ือประโยชนต์ อ่ การปรบั อณุ หภมู ริ ่างกายประมาณ 2-3 องศาเซลเซส ทาใหก้ ระบวนการ สรา้ งอสจุ ิ(Spermatogenesis)เป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพสงู สดุ มีท่อเช่ือม(Spermatic cord)กบั อวยั วะภายใน ผ่านทางชอ่ งทอ้ ง(Inguinalcanal)สว่ นในสตั วป์ ีกและชา้ ง อณั ฑะจะอย่ใู นชอ่ งทอ้ ง ไมอ่ อกมาขา้ งนอก อาการ ผิดปกติของอณั ฑะเรียกว่า อณั ฑะทองแดง(Cryptochid)เป็นอาการท่ีอณั ฑะไมเ่ คล่อื นท่เี ขา้ ไปอยใู่ นถงุ หมุ้ อณั ฑะ (Scrotum)ในสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนา้ นม จะทาใหเ้ ป็นหมนั ได้ ภายในอณั ฑะจะพบองคป์ ระกอบท่แี ตกต่างกนั อยู่ 2 ชนิด คือ ก.ทอ่ เซมินิเฟอรสั (Seminiferous tubules)มีลกั ษณะเป็นท่อเลก็ ๆขดไปมาภายในอณั ฑะเต็มไปหมด ข.เลยกิ เซลล(์ Interstial cells หรือ Leydig cells)เป็นกลมุ่ เซลลท์ ่แี ทรกอยรู่ ะหว่างท่อ Seminiferous turbules มอี ยปู่ ระมาณ 10% ของเซลลท์ งั้ หมด สว่ นประกอบภายในอณั ฑะ 1.หลอดสรา้ งอสจุ ิ (Seminiferous tubules)เป็นท่อเลก็ ๆซ่งึ แตละขา้ งของอณั ฑะมีประมาณพนั หลอด ทา หนา้ ท่สี รา้ งอสจุ อิ อกมาตามท่อท่ีเรยี กวา่ Rete testes เขา้ สหู่ ลอดเก็บอสจุ (ิ Epididymis) 2. เซลลอ์ ินเตอรส์ ตเิ ชยี ล (Interstitial cells of leydig) เซลลท์ ่แี ทรกอย่รู ะหวา่ งหลอดสรา้ งอสจุ ิทาหนา้ ท่ี สรา้ งฮอรโ์ มนเพศ tesosterone 3. หลอดเก็บอสจุ ิ (Epididymis)เม่อื อสจุ ิถกู สรา้ งจากหลอดสรา้ งอสจุ ิแลว้ จะถกู สง่ ไปเก็บไวใ้ นหลอดเก็บอ สจู ิ อสจุ จิ ะเจริญเตม็ ท่ใี นหลอดนใี้ ชเ้ วลา 1 เดือน หลอดนจี้ ะติดต่อกบั ท่อนาอสจุ ิ (Ves deferens) 2. ท่อนาอสจุ ิ ท่อปัสสาวะ และลงึ ค์ (Ves deferens, Urethra, Prenis)มีหนา้ ท่รี ว่ มกนั ในการสง่ ทมี อี สจุ ิ อย่อู อกสภู่ ายนอกรา่ งกาย ท่อนาอสจุ ิ (Ves deferens) เป็นท่อคเู่ ช่ือมระหวา่ งทอ่ เก็บอสจุ ิ (Epididymis)กบั ทอ่ ปัสสาวะ (Urethra)ท่อนาสง่ อสจุ จิ ะขยายตวั เป็นกระเปาะ (Ampulla)บรเิ วณกระดกู เชงิ กราน ท่กี ระเปาะนจี้ ะ เป็นท่พี กั ของตวั อสจุ ิ มกี ารผลติ อาหารสาหรบั หลอ่ เลยี้ งอสจุ ิดว้ ย กระเปาะของท่อทง้ั 2 ขา้ ง

3. ต่อมนา้ กาม ก. ต่อมสรา้ งนา้ เลยี้ งอสจุ อิ สจุ ิ (Seminal vesicles)มี 2 ตอ่ ม ทาหนา้ ท่สี รา้ งอาหารและนา้ เลยี้ งใหแ้ ก่อสจุ ิ ต่อมนสี้ รา้ งอสจุ ิหรอื Semen (ประกอบดว้ ยตวั อสจุ แิ ละของเหลว)ประมาณ 80%ของซเี มน ของเหลวตอ่ มนไี้ ดแ้ ก่ - นา้ เลยี้ งอสจุ ิ (Seminal fluid)มฤี ทธ์ิเป็นด่างออ่ น - อาหารของอสจุ ิ ซง่ึ รวมอยกุ่ บั นา้ เลยี งอสจุ ิ ประกอบดว้ ย วิตามินซี ฟรุกโตส และโปรตนี ประเภทโกลบลู นิ ดงั นนั้ ตวั อสจุ จิ ะไดอ้ าหารจากขบวนการเมแทโบลซิ มึ ของอาหารดงั กลา่ ว ข. ตอ่ มลกู หมาก (Prostate gland) เป็นตอ่ ม 1 ตอ่ ม ท่อี ย่ลุ อ้ มรอบท่อฉีดอสจุ ิและตอนตน้ ของท่อ ปัสสาวะ ทาหนา้ ท่ีสร้ างสารท่ีมลี กั ษณะคลา้ ยนา้ นมชนิดด่างอ่อนเพ่อื ทาลายฤทธิ์กรดปัสาวะหรอื ในช่องคลอดของ ผหู้ ญิงต่อมสรา้ งนสี้ ารออกมาประมาณ 15-20% ของนา้ อสจุ ิ ต่อมนา้ จะเพม่ิ ขนาดขนึ้ ตามวยั ทาใหโ้ ตกดทอ่ ปัสสาวะ ถา่ ยปัสสาวะไมส่ ะดวกตอ้ งผา่ ตัดตอ่ มออก ค. ต่อมคาวเปอร์ (Cowper's gland หรอื Bulbo-Urethral gland)อย่ใู ตต้ ่อมลกู หมากลงไป เป็น กระเปาะเลก็ ๆทาหนา้ ท่ีสรา้ งสารหลอ่ ลน่ื ท่อปัสสาวะในขณะท่เี กดิ การกระตนุ้ ทางเพศ ตอ่ มนสี้ รา้ งสรนอ้ ยมากใน การหล่งั นา้ อสจุ ิ (มีทงั้ นา้ เลยี้ งอสจุ ิ (Seminal fluid)และตวั อสจุ ิรวมกนั เรียกวา่ นา้ อสจุ ิ หรือ Semen) ครง้ั หนง่ึ ประมาณ 3 มล. จานวนตวั อสจุ ิของชายปกติจะมีประมาณ 300-500 ลา้ นตวั ฉะนน้ั ผทู้ ่มี จี านวนนา้ อสจุ ิต่ากว่า 30 ลา้ นตวั ต่อ ลบ.ซม. หรอื มอี สจุ ิท่มี ีรูปร่างผิดปกตมิ ากอาจจะมลี กู ไดย้ าก อสจุ ิปกตจิ ะเคล่อื นท่ไี ดร้ วดเรว็ และมีอายุ ประมาณ 48 ช่วั โมงเม่อื เขา้ ไปในมดลกู หรือทอ่ นาไข่ การปฏสิ นธิเกิดในบรเิ วณสว่ นตน้ ของท่อนาไข่ (Oviduct) 4. ท่อนาอสจุ ิ (Vasdeferens) อย่ตู ่อจากหลอดเก็บอสจุ ิ ทาหนา้ ท่นี าอสจุ ิใหผ้ า่ น PENS และออกจาก ร่างกายทางการตอ่ เช่ือมระหว่างอณั ฑะกบั ท่อนี้ ถา้ เป็นท่อจาก Semniferous tubule ไปเกบ็ ท่หี ลอดเกบ็ อสจุ ิ เรยี กว่า Vas efferens

5. องคชาต(Penis)เป็นทอ่ กลวง และมเี นอื้ เย่อื ท่สี ามารถท่สี ามารถทาใหแ้ ขง็ ตวั ได้ (Erectile tissue)เมอื ่ มเี ลอื ดสง่ เขา้ ไปค่งั อย่ภู ายใน ซง่ึ ทอ่ ปัสสวะและอสจุ ิจะออกทางทอ่ ปัสสาวะ (Urethra) การหล่งั นา้ อสจุ เิ ป็นรแี ฟลกซร์ บั สญั ญาณจากรีเซฟเตอรท์ ่ี gland penis สง่ ไปยงั สนั หลงั และมีคาส่งั ตาม ประสาทพาราซมิ พาเธติกทาใหก้ ลา้ มเนอื้ ท่ออสจุ หิ ดตวั อสจุ อิ อกมาพรอ้ มนา้ อสจุ ิ (SEMEN)ท่ปี ระกอบดว้ ยอสจุ ิ นา้ เลยี้ งจากตอ่ มลกู หมาก ตอ่ ม Cowper และจากตอ่ ม Seminal vesicle อวยั วะสบื พนั ธขุ์ องสตั วเ์ พศเมีย (Female Reproductive Organs) อวยั วะสบื พนั ธขุ์ องสตั วเ์ พศเมียมีหนา้ ท่สี รา้ งไขไ่ วร้ อบรบั การผสมจากอสจุ ิ สรา้ งจากอาหารไวห้ ลอ่ เลยี้ งตวั ออ่ น รองรบั การผสมพนั ธจุ์ ากเพศผู้ นอกจากนยี้ งั ผลติ ฮอรโ์ มนเพศเมีย(Estrogen)

สว่ นประกอบท่สี าคญั ของอวยั วะสบื พนั ธเุ์ พศเมีย สว่ นประกอบท่สี าคญั ของเพศเมีย 1.รงั ไข(่ Ovary) ตงั้ อย่ภู ายในชอ่ งทอ้ งเป็นค่ซู า้ ยขวาอย่บู รเิ วณเหนือมดลกู รงั ไขป่ ระกอบดว้ ยกระเปาะไข่ (Follies)ภายใน ไข(่ Voum)เม่อื เกิดการตกไข่ (Ovulation)กระเปาะไข่จะฉกี ออกใหไ้ ขต่ กออกมาสทู่ ่อทางเดนิ ของอวยั วะสบื พนั ธุ์ ของเพศเมีย สว่ นรอยแผลฉกี ขาดนนั้ จะมีการเปลย่ี นแปลงไปเป็น Corpusb Iuteum(CL)ซง่ึ จะทาหนา้ ท่ผี ลิต Progesterone ซง่ึ เป็นฮอรโ์ มนท่จี ะช่วยทาหนา้ ท่คี มุ้ ครองการตงั้ ทอ้ ง CL มเี ฉพาะในสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมเท่านน้ั 2.ท่อสบื พนั ธอุ์ วยั วะเพศเมีย ก. ปากแตร(Infundiblum)มลี กั ษณะ เป็นกรวยคลา้ ยปากแตร มหี นา้ ท่รี องรบั ไข่ท่ตี กออกมาจากรงั ไข่เม่อื เกดิ การตกไข่ ข. ทอ่ นาไข่ (Oviduct)เป็นทอ่ ท่ตี ่อกบั Infundibulum ทาหนา้ ท่ใี หไ้ ขต่ กมาผา่ นไปและเป็นจดุ ท่เี กิดการ ปฏสิ นธิ (Fertilizฟtion)ระหว่างไขก่ บั อสจู ิ ค. มดลกู (Uterus) แบง่ เป็น 2 สว่ น คอื สว่ นปีกมดลกู (Uterine horn)เป็นท่ฝี ังตวั ของลกู อ่อน ในกรณีท่ี สตั วอ์ อกลกู เป็นครอก เช่น สกุ ร หรอื โค-กระบอื แมว้ ่าจะออกลกู คราวละ 1-2 ตวั อกี สว่ นหน่งึ คือ ตวั มดลกู (Uterine body)เป็นท่ฝี ่ังตวั ของลกู ออ่ นเช่นกนั เช่น คน แต่คนในปีกมดลกู จะมีขนาดคอ่ นขา้ งเลก็ และสนั้ ไมค่ อ่ ย สาคญั ในการตงั้ ทอ้ ง

ง. คอมดลกู (Cervix)หรอื ปากมดลกู เป็นกลา้ มเนอื้ แขง้ แรง เม่อื สตั วเ์ กิดการตง้ั ทอ้ งจะเกดิ มสี ารเหนียว (Muscous of pregnancy plug)มาอดุ ตนั ไวเ้ พ่ือปอ้ งกนั เชอื้ โรคและส่งิ แปลกปลอมเขา้ ไปทาลายการตงั้ ทอ้ ง จ. ชอ่ งคลอด (Vagina)มีลกั ษณะเป็นกระบอกกลวงท่หี ุบแฟบ มเี ซลลป์ ระสาทรบั ความรูส้ กึ อย่คู อ่ นขา้ ง หนาแน่น เซลลเ์ หลา่ นจี้ ะช่วยผลติ นา้ เมือกหลอ่ ลน่ื ฉ. ปากชอ่ งคลอด (Vulva)ประกอบดว้ ยแคมใน (Labia minora)แคมนอก(Labia majiora) เมด็ ละมดุ หรือป่มุ กระสนั (Clitoris)ซ่งึ เป็นท่ตี ง้ั ของตอ่ มบาโธลนี (Bartholin's glands)ซ่งึ มอี ยเู่ ป็นคู่ จะหล่งั นา้ หลอ่ ลน่ื ออกมาปลอ่ ยท่ผี ิวของแคมใน ทาใหป้ ากชอ่ งคลอดและแคมในเปียกชนื้ อยเู่ สมอ เมด็ ละมนุ (Clitoris)ตงั้ อยบู่ น รอยต่อของแคมในกบั Vulva เป็นศนู ยร์ วมของประสาทสมั ผสั ในการผสมพนั ธุ์

การเจรญิ ของไขใ่ นรงั ไข่ บริเวณผิวชน้ั นอกของรงั ไข่ (Cortex)จะมีฟองไข่(Oocyte) อยเู่ ป็นจานวนมาก และมีจานวนท่แี นน่ อน ตงั้ แต่สตั วแ์ รกเกิด แต่ยงั ไม่มกี ารเจริญพฒั นาขนึ้ ต่อเม่อื สตั วถ์ งึ วยั สาว อทิ ธิพลของฮอรโ์ มน FSH(Follicle stimulating hormone) จากต่อมใตส้ มองสว่ นหนา้ (Anterior pituitary gland)จะเหน่ยี วนาใหไ้ ขเ่ กดิ เจรญิ พฒั นาไปตามลาดบั คือ จาก Primary follicle ซ่งึ เป็นถงุ ท่หี อ่ หมุ้ ไข่อยแู่ ละเป็นเวลลช์ น้ั เดยี ว จะไปเป็น Secondary follicle ซง่ึ มี เซลลล์ อ้ มหลายชนั้ จนกลายเป็น Tertiary follicles ท่มี เี ซลลห์ ลายชน้ั และเร่มิ สะสมนา้ ขณะท่ไี ข่ซ่งึ อย่ภู ายในยงั มีการพฒั นาอย่างชา้ ๆจนสดุ ทา้ ยไดเ้ ป็น Matrue follice จะไดช้ อ่ งว่างภายในเรียกวา่ Antrum สาหรบั ตวั Follicle จะมีเซลลบ์ ุ 2ชน้ั ชนั้ นอกเรยี กว่า Theca externa สว่ นชน้ั ในเรียกวา่ Theca interna ซ่งึ เวลลช์ น้ั ในนจี้ ะ ทาหนา้ ท่ผี ลิตฮอรโ์ มนเพศเมีย (Estrogen)ซ่งึ จะสง่ ผลใหส้ ตั วแ์ สดงออกการเป็นสตั วอ์ อกมา และEstrogen จะขนึ้ สรู่ ะดบั สงู สดุ เมือ่เป็น Mature follicle ฮอรโ์ มน Estrogen ท่ผี ลติ ขนึ้ ไดน้ จี้ ะบรรจใุ นชอ่ งวา่ ง Antrun น่นั เอง เม่อื Estrogen ขนึ้ สงู สดุ จะมกี ารเจริญพฒั นาของไขจ่ นแก่ตวั เตม็ ท่จี ะใชเ้ วลาเพียง 3 วนั หลงั จากนนั้ ฮอรโ์ มน LH (Luteinizing hormone)จากตอ่ มใตส้ มองสว่ นหนา้ เชน่ กนั จะกระตนุ้ ใหผ้ นงั ของ Follice ฉีกขาด ไข่อย่ภู ายใน (Ovum)ซง่ึ มเี ปลอื กหมุ้ 2 ชนั้ คอื ชน้ั ในเรียกวา่ Vitelline membrane และชน้ั นอกเรยี กว่า Zona pellucida ก็ จะตกออกมา แลว้ ตกลงยงั ปากแตร (Infundiblum)ท่รี องรบั อยู่ เซลลท์ ่เี หลอื ของ Follicle ซ่งึ เป็น Granulosa cell กจ็ ะพฒั นาตวั เองไปเป็น Corpus Iuteum ตอ่ ไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook