10 สถานที่ท่องเที่ยวในอาเภอ ศรีเทพ เร่อื ง หนา้ ประวตั ิความเป็นมา 1 ศาลเจา้ พอ่ ศรเี ทพ 2 อทุ ยานประวตั ิศาสตรศ์ รเี ทพ 3 เขาคลงั นอก 4 เขาถมอรตั น์ 5 ปรางคฤ์ ษี 6 สระแกว้ 7 สระขวญั 8 ปรางคส์ องพ่ีนอ้ ง 9 วดั ป่าสระแกว้ 10
ประวตั คิ วามเป็นมา อทุ ยานประวตั ิศาสตรศ์ รีเทพ เป็นโบราณสถานสาคญั แหง่ หน่ึงของจงั หวดั เพชรบูรณ์ อุทยานมีพ้ืนท่ีครอบคลุมโบราณสถานในเมืองเกา่ ศรีเทพ ศรีเทพ เป็นเมืองโบราณท่ีอยูใ่ นทอ้ งท่ีอาเภอศรีเทพ เดิมมีช่ือวา่ \"เมืองอภยั สาลี\" ถูก คน้ พบเม่ือสมเด็จกรมพระยาดารงราชานุภาพเสด็จไปตรวจราชการมณฑล เพชรบูรณ์ และไดท้ รงเรียกเมืองน้ีเสียใหมว่ า่ \"เมืองศรีเทพ\" เม่ือปี พ.ศ. 2447-2448 เมืองโบราณศรีเทพน้ีมีลกั ษณะเป็นเมืองซอ้ นเมืองขนาดใหญ่ ท่ีตงั้ ของเมืองอยูใ่ นชุมทาง ท่ีสามารถติดตอ่ กบั ภาคอ่ืน ๆ ไดส้ ะดวก ดงั นัน้ จึง ไดร้ ับอิทธิพลทางศิลปวฒั นธรรมจากอาณาจกั รขา้ งเคียง มาผสมผสาน
ศาลเจา้ พอ่ ศรเี ทพ เป็นท่ีประดิษฐานของเจา้ พอ่ ศรเี ทพซง่ึ เป็นท่ีเคารพเช่ือถือของชาว อาเภอศรเี ทพและบรเิ วณใกลเ้ คียงเป็นอยา่ งมาก โดยจะมีการจดั งาน ประเพณีบวงสรวงขนึ้ ทกุ ปีในระหวา่ งวนั ขนึ้ 2-3 ค่า เดือน 3 (ประมาณ ปลายเดอื นมกราคม-ตน้ เดือนกมุ ภาพนั ธ)์ เดิมศาลนีจ้ ะตงั้ อยนู่ อกคนั ดนิ เมอื งโบราณศรเี ทพ ตอ่ มาจงึ ไดย้ า้ ยมาตงั้ ในบรเิ วณดา้ นในประตู แสนงอน (ประตดู า้ นทิศตะวนั ตก) ท่เี ป็นทางเขา้ อทุ ยานประวตั ศิ าสตรศ์ รเี ทพในปัจจบุ นั ตวั ศาลมี ลกั ษณะเป็นอาคารไมท้ รงไทยสองหลงั อาคารดา้ นหนา้ ใชเ้ ป็นท่ี ประดิษฐานเจา้ พอ่ ศรเี ทพ สว่ นอาคารดา้ นหลงั ใชเ้ ป็นอาคาร เอนกประสงคส์ รา้ งขนึ้ เม่ือปี พ.ศ.2545
เขาคลงั นอก เขาคลงั นอก เป็นโบราณสถานท่ีพ่ึงคน้ พบลา่ สุดในหมู่ โบราณสถานของอุทยานประวตั ิศาสตรศ์ รีเทพ จงั หวดั เพชรบูรณ์ บูรณะแลว้ เสร็จเม่ือปี พ.ศ. 2555 ลกั ษณะของ เขาคลงั นอกเป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ สรา้ งข้ึนในสมยั ทวารวดี ราวพุทธศตวรรษท่ี 13–14 สนั นิษฐานวา่ เดิมมี ลกั ษณะเป็นมหาสถูป (เจดียข์ นาดใหญท่ ่ีสามารถข้ึนไป ดา้ นบนเจดียไ์ ด)้ ปัจจบุ นั เหลอื เพียงฐานขนาดใหญ่ ทรงส่เี หล่ยี มจตั รุ สั กอ่ ดว้ ยศลิ าแลง สภาพคอ่ นขา้ งสมบรู ณ์ มีทางขนึ้ ทงั้ 4 ดา้ น สงู ประมาณ 5 เมตร ลกั ษณะท่ีแปลกตานีท้ าให้ นกั ทอ่ งเท่ียวบางคนขนานนามเป็น \"พีระมดิ เมืองไทย\" ตามลกั ษณะท่ีคลา้ ยมหาพีระมดิ แห่งกีซา
เขาถมอรตั น์ เขาถมอรตั น์ เป็นศาสนสถานซง่ึ ดดั แปลงจากคหู าธรรมชาติ หนั ปากถา้ ไปทางทิศเหนือ พืน้ ท่ีบรเิ วณถา้ ประมาณ 1.5 ไร่ ปัจจบุ นั อยรู่ ะหว่างสารวจศกึ ษาเพ่อื ขอขนึ้ ทะเบียน โบราณสถาน ภายในถา้ มีแทง่ หนิ ธรรมชาติตงั้ อยกู่ ่ึงกลาง หอ้ ง สามารถเดินวนไดโ้ ดยรอบและมภี าพสลกั บนแทง่ หิน แหลง่ โบราณคดีแหง่ นีค้ งจะถกู ทงิ้ รา้ งไปในชว่ งหลงั สมยั ลพบรุ ี เน่ืองจากพบเศษภาชนะดินเผาท่ีมีลกั ษณะและ เทคนิคอย่ใู นสมยั ลพบรุ ี ซง่ึ เป็นหลกั ฐานทางโบราณคดยี คุ สดุ ทา้ ยท่พี บในแหลง่ โบราณคดีแหง่ นีแ้ ละพรอ้ มกนั นี้ ประวตั ศิ าสตรข์ องแหลง่ โบราณคดถี า้ เขาถมอรตั นก์ ็ไดย้ ตุ ลิ ง
ปรางคฤ์ ษี ตงั้ อยูน่ อกเมืองศรีเทพ ออกไปราว 3 กิโลเมตร ภายในบริเวณวดั ป่า สระแกว้ เป็นเทวาลยั ในศาสนาฮินดู ลทั ธิไศวนิกาย มีลกั ษณะ สถาปัตยกรรมแบบเขมรโบราณ หนั หนา้ ไปทางทิศตะวนั ออก ตวั ปราสาทกอ่ ดว้ ยอิฐไมส่ อปูนตงั้ อยูบ่ นฐานศิลาแลงขนาดไมส่ ูงนัก และมี อาคารขนาดเล็กในบริเวณเดียวกนั ลอ้ มรอบดว้ ยแนวกาแพงกอ่ ดว้ ยศิลา แลง พบโบราณวตั ถุเน่ืองในศาสนาฮินดู ไดแ้ ก่ ศิวลึงค์ ฐาน ประติมากรรม และช้ินสว่ นโคนนทิ สนั นิษฐานวา่ ปรางคฤ์ าษีน่าจะมีอายุเกา่ กวา่ หรือร่วมสมยั กบั โบราณสถานปรางคศ์ รีเทพและปรางคส์ องพ่ีนอ้ ง ท่ีตง้ั อยูภ่ ายในเมือง โบราณศรีเทพ ซ่ึงมีอายุราวพุทธศตวรรษท่ี 16 แตห่ ากมองจากภาพแลว้ คงน่าสงสยั วา่ ทาไมถึงเรียกวา่ ปรางคฤ์ าษี ปรางคฤ์ าษีคืออะไร มีความหมายอยา่ งไร ซ่ึงยงั ไมม่ ีคาอธิบายท่ีแน่ชดั
สระขวญั สระแหง่ น้ี ตงั้ อยูเ่ กือบกลางเมืองศรีเทพสว่ น เมืองนอก คอ่ นไปทางดา้ นทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ เป็นสระ ขนาดใหญร่ ูปส่ีเหล่ียมผืนผา้ กวา้ ง ๑๕๐ เมตร ยาว ๒๐๐ เมตร ลึกประมาณ ๔ เมตร ขอบสระเป็นคนั ดิน สูงประมาณ ๒ เมตร เหนือระดบั ผิวดิน มีชอ่ งทาง ระบายน้าจากดา้ นนอกเขา้ สูส่ ระทางดา้ นทิศตะวนั ออก สระแหง่ น้ี เป็นแหลง่ สาคญั ท่ีใชส้ าหรับอุปโภค บริโภค ในพ้ืนท่ีสว่ นเมืองนอก สาหรับชาวเมืองศรีเทพ ในอดีต และดว้ ยความเช่ืออนั เป็นมงคล
วดั พระวรราชาทินดั ดามาตุ วดั พระวรราชาทินัดดามาตุ หรือช่ือเกา่ ของวดั น้ีคือ วดั ซบั อดุ มมงคลธรรม เป็นวดั ท่ีมีความ สวยงามดา้ นสถาปตั ยกรรม อลงั การงานสรา้ ง ไมแ่ พว้ ดั ผาซอ่ นแกว้ เลยทีเดียว ใครท่ีมา เพชรบูรณแ์ ลว้ อยากมาไหวพ้ ระ ตอ้ งมาท่ีวดั พระวรราชาทินดั ดามาตุหน่อยก็ดีเลยครับ มี ศาลรูปหลอ่ พระมหากษตั ริยไ์ ทยหลายพระองค์ ใหส้ กั การะดว้ ย
ปรางคส์ องพ่ีนอ้ ง ปรางคส์ องพ่ีนอ้ ง เป็นโบราณสถานภายในอทุ ยานประวตั ิศาสตรศ์ รี เทพ จงั หวดั เพชรบูรณ์ มีลกั ษณะเป็นพระปรางคห์ รือปราสาท ประธาน กอ่ ดว้ ยศิลาแลงเป็นฐานปทั มซ์ อ้ นกนั 3 ชนั้ มีบนั ได ก่ึงกลางดา้ น ยอดปราสาทอยูใ่ นสภาพชารุดไมส่ ามารถระบุรูปทรงได้ ภายในมีแทน่ ศิลาแลงสนั นิษฐานวา่ เคยประดิษฐานรูปเคารพ จาก การขุดแตง่ ทางโบราณคดีพบช้ินสว่ นประกอบทางสถาปัตยกรรม เชน่ ทบั หลงั รูปอุมามเหศวร เสาประดบั กรอบประตู ช้ินสว่ นศิวลึงค์ ฐาน โยนิโทรณะ และประติมากรรมโคนนทิ สนั นิษฐานวา่ แรกเร่ิมสรา้ งเป็นเทวาลยั ในศาสนาฮินดูลทั ธิไศว นิกาย ในราวพุทธศตวรรษท่ี 17 และตอ่ มาในรชั สมยั ของพระเจา้ ชยั วรมนั ท่ี 7 ไดถ้ ูกเปล่ียนใหเ้ ป็นวดั ในพุทธศาสนานิกายมหายาน
ถา้ ถมรตั น์ ภายในถา้ สนั นิษฐานวา่ เป็นศาสนสถานท่ีดดั แปลงจากถา้ หินปูนธรรมชาติ โดยพบประติมากรรมสลกั นูนต่าดงั น้ี พระพุทธรูปประทบั ยืนบนฐานดอกบวั ปางแสดงธรรม, พระโพธิสตั ว,์ พระพุทธรูปปางสมาธิ รวมทง้ั หมด 11 องค์ ลกั ษณะของภาพแกะสลกั นัน้ คลา้ ยกบั ศิลปะเขมรแบบกาพงพระ คาดวา่ สรา้ ง ตามคติความเช่ือในพุทธศาสนานิกายมหายาน เม่ือราวพุทธศตวรรษท่ี 14[1] ราวปี พ.ศ. 2505 กรมศิลปากรไดร้ ับแจง้ วา่ มีการทาลายและขโมยช้ินสว่ น ของพระพุทธรูปแกะสลกั ไปจากถา้ ไดแ้ กพ่ ระเศียรและพระหตั ถ์ ภายหลงั สืบ ทราบวา่ อยูภ่ ายใตก้ ารครอบครองของนายจิม ทอมป์ สนั หลงั เจา้ หนา้ ท่ีกรม ศิลปากรไดเ้ ดินทางไปตรวจสอบก็พบวา่ พระพุทธรูปจาหลกั ท่ีมีอยูถ่ ูกสกดั เอา เศียรและมือไปจนหาท่ีสมบูรณไ์ มไ่ ด้ จึงเขา้ แจง้ ความตอ่ นายอาเภอวิเชียรบุรี สุดทา้ ยหลงั การตอ่ รองและเขา้ เจรจาตอ่ หลายครงั้ นายทอมป์ สนั ยินยอมคืน สมบตั ิรวม 28 ช้ินแกก่ รมศิลปากร หน่ึงในนน้ั คือเศียรพระโพธิสตั วศ์ รีอารย เมตไตรย ซ่ึงถูกโจรกรรมจากถา้ เขาถมอรัตน์[ตอ้ งการอา้ งอิง] ปัจจุบนั ไดจ้ ดั แสดงอยูท่ ่ีอยูท่ ่ีพิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติพระนคร
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: