จดั ทาโดย น.ส.อาภสั ราภรณ์ เหลาแตว เลขที่ 28 น.ส.ขวญั ฤทยั เวยสาร เลขท่ี 8 นาย ธวิ า บุตเพ็ง เลขท่ี 18 เสนอ อาจารย์ ทนงศกั ดิ์ ผวิ บญุ เรอื ง
การใชพ้ นั ธุศาสตรเ์ พ่ือศกึ ษา คน้ ควา้ หายนี และหนา้ ทข่ี อง ยนี
ปลามา้ ลายเรอื งแสง – ปลามา้ ลายเรอื งแสงเกิดการใชเ้ ทคนิคพนั ธวุ ิศวกรรม (genetic engineering) นายีนท่ีไดจ้ ากแมงกะพรุน หรอื ดอกไมท้ ะเลชนิดพเิ ศษ ซ่งึ ควบคมุ การสรา้ งโปรตนี ท่ีเรอื งแสงไดเ้ องตามธรรมชาตใิ นตวั สง่ิ มีชีวิตนนั้ ๆ หากไดร้ บั การกระตนุ้ ดว้ ยชว่ งความยาวคล่ืนแสงท่ีเหมาะสม ไปใสไ่ วใ้ นสายของดีเอ็นเอท่ีทา หนา้ ท่ีควบคมุ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของปลามา้ ลาย จงึ ทาใหป้ ลามา้ ลายซง่ึ ปกติมี ลกั ษณะใสและไมเ่ รอื งแสง เปลยี่ นแปลงลกั ษณะกลายไปเป็นปลามา้ ลายท่ีเรืองแสง ไดเ้ ช่นเดียวกบั แมงกะพรุนหรอื ดอกไมท้ ะเลท่ีเป็นเจา้ ของดีเอ็นเอนนั้ ๆ
เม่ือฉีดดีเอน็ เอควบคมุ การสรา้ งโปรตนี เรอื งแสงเขา้ ในเซลลไ์ ขข่ องปลามา้ ลายและคดั เลอื กดว้ ยวธิ ีการท่ี เหมาะสม ตวั ออ่ นสว่ นหนง่ึ จะพฒั นาจนเป็นปลามา้ ลายเรอื งแสง (ขวาสดุ ) ซง่ึ แตกตา่ งจากปลามา้ ลายท่วั ไป (ซา้ ยสดุ )โปรตนี เรอื งแสงสเี ขียวในแมงกะพรุน และโปรตีนเรอื งแสงสแี ดงในดอกไมท้ ะเลเป็น แหลง่ กาเนิดของแสงสีตา่ ง ๆ ในปลามา้ ลายเรอื งแสงท่ีสรา้ งขนึ้
ประโยชน์ – ปลามา้ ลายเป็นสง่ิ มีชีวติชนิดหน่งึ ท่ีนกั วิทยาศาสตรน์ ิยมใชเ้ ป็นตนแ้ บบ (model) ในการศกึ ษาพฒั นาการของตวั ออ่ น สตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั และลกั ษณะตา่ ง ๆ ทางพนั ธศุ าสตร์ สาหรบั ปลามา้ ลายเรอื งแสงนนั้ สรา้ งขนึ้ เป็นครงั้ แรกโดยทีม นกั วทิ ยาศาสตรท์ ่ีมหาวิทยาลยั แหง่ ชาติสงิ คโปรน์ าโดย ดร. ซีหยวน กง(Dr. Zhiyuan Gong) โดยมีจดุ ม่งุ หมายเพ่อื ใชป้ ลามา้ ลายเรอื งแสงเหลา่ นีเ้ ป็นตวั ชีวดั (indicator) ปรมิ าณสารพษิ (toxin) หรอื สภาพความเป็นพษิ ของแหลง่ นา้ โดยเปา้ หมายในขน้ ั สดุ ทา้ ยที่ตอ้ งการก็คือ ปลามา้ ลายท่ีจะเรอื งแสงก็ตอ่ เมื่อมีสารพษิ ปะปนอยใู่ นแหลง่ นา้
โครงสรา้ งจา เพาะของโปรตนี เรืองแสง เป็นตวกั า หนดแสงสี ตา่ ง ๆ ของปลามา้ ลายเรอื งแสง – แตเ่ พ่ือเป็นการพิสจู นค์ วามเป็นไปไดข้ องแนวคิด และทดสอบกระบวนการตา่ ง ๆ ท่ีจาเป็นตอ้ งใชใ้ นการสรา้ งปลามา้ ลายลกั ษณะพิเศษจา เพาะดงกั ลา่ วจงึ ตอ้ งมีการสรา้ งปลามา้ ลายท่ีเรอื งแสงตลอดเวลาขนึ้ ก่อน ซง่ึ ก็ทา ใหไ้ ดป้ ลามา้ ลายเรอื งแสงท่ีมีลกษั ณะสวยงาม และเป็นท่ีตอ้ งการของผเู้ ลยี้ งปลาสวยงาม นอกจากกลมุ่ ของนกั วิจยั ชาวสงิ คโปรแ์ ลว้ กลมุ่ นกั วิจยั ท่ีมหาวิทยาลยั แหง่ ชาติ ไตห้ วนั ก็ประสบความสาเรจ็ ในการสรา้ งปลามา้ ลายเรอื งแสงสีเขียว (ในช่ือ TK-1) เช่นกนั และไตห้ วนั เป็นประเทศแรกท่ีอนญุ าตใหม้ ีการจาหน่ายปลา มา้ ลายเรอื งแสงดงั กลา่ ว ตงั้ แต่ปี2546
อนั ตรายตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม – มีการจา หน่ายปลามา้ ลายเรอื งแสงสีแดงในช่ือโกลฟิช (GoldFish) เป็นครงั้ แรกในประเทศสหรฐั ฯ ในเดือนมกราคม 2547 โดยกอ่ นหนา้ นนั้ มีการทดลองเพ่ือตรวจสอบประเมินความเสีย่ งอยา่ งเขม้ งวดเป็นเวลานานกวา่ 2 ปี จนในท่ีสดุ องคก์ ารอาหารและยา (Food and Drug Administration, FDA) ของประเทศสหรฐั ฯ ก็อนญุ าตใหจา้ หนา่ ย ไดโ้ ดยระบชุ ดเั จนวา่่
“ไมม่ ีหลกั ฐานวา่ ปลามา้ ลายดงั กลา่ วมีอนั ตรายตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม มากกวา่ ปลามา้ ลายท่วั ไปแตอ่ ยา่ งใด” จงึ อาจนบั ไดว้ า่ ปลามา้ ลายเรอื งแสงเป็นตวั อยา่ งท่ีชดั เจนตวั อยา่ งหน่งึ ในการประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชนอ์ ยา่ ง หลากหลายแนวทางจากปลาดดั แปลงพนั ธกุ รรม ไมว่ า่ จะเป็นในแงข่ องการศกึ ษาวิจยั ทางวิทยาศาสตรก์ าร ปกปอ้ งสง่ิ แวดลอ้ ม การใชเ้ ป็นสตั วเ์ ลยี้ งสวยงาม ตลอดไปจนถงึ การใชเ้ ป็นสอ่ื การเรยี นรูเ้ พ่ือดงึ ดดู ให้ เยาวชนหนั มาสนใจเรอ่ื งทางวิทยาศาสตรม์ ากย่งิ ขนึ้
จดั ทาโดย 1.นางสาวจณิสตา ขาลพล เลขท่ี 9 2.นายวทิ วสั ภมู ิพะนา เลขท่ี 29 3.นางสาวอาลิญา ขนั ทะชา เลขท่ี 19 เสนอ ครูทนงศกั ดิ์ ผิวบญุ เรอื ง
แหลง่ อา้ งองิ : http://pirun.ku.ac.th/~g5174004/pa ge3.htm
Search