37 กด Save รูปที่ 3.2 ขั้นตอนการลงรายการบรรณานุกรมในระบบ INNOPAC Millennium การสร้าง ITEM 1. คลิกที่ Summary จะปรากฏหน้านี้ คลิ๊กที่ช่อง View เลือก ITEM คลิ๊ก Summary เลือก Item 2. สร้างข้อมูล ITEM ใส่ รายละเอียดดังนี้
38 Copy : ใส่หมายเลขว่าเป็น Copy ที่เท่าไร ITEM : ใส่หมายเลขตามประเภทของหนังสือเช่นถ้าเป็นหนังสือที่ได้รับ บริจาค ใส่เลข 5 (Give Book) PRICE : ใส่ราคาของหนังสือ LOCATION : ใส่ nucat STATUS : ใส่ I (In Process) CALL : ใส่เลข INPROCESS VOLUME : ไม่ต้องใส่ BARCODE : ใส่เลขบาร์โค๊ดหนังสือ ใส่ข้อมูลครบแล้ว คลิ๊ก Save > Close ออก กด Save กด Close เพื่อออก รูปที่ 3.3 ขั้นตอนการสร้าง ITEM
39 3.2 งานวิเคราะห์หัวเรื่อง การก าหนดหัวเรื่องสารนิเทศ เป็นวิธีการจัดเก็บและควบคุมสารนิเทศอีกวิธีหนึ่ง โดยการท าควบคู่ ไปกับการจัดหมวดหมู่หนังสือ เพื่อก าหนดที่อยู่ของหนังสือ และสามารถค้นเนื้อหาของสารนิเทศที่มีอยู่ จากบัตรรายการ ในระยะหลังเมื่อมีการท าเทคโนโลยี สารนิเทศมาใช้กับศูนย์สารนิเทศ บรรณารักษ์หรือ นักสารนิเทศสามารถเรียกใช้สารนิเทศได้ โดยตรงจากคอมพิวเตอร์ การจัดหมวดหมู่มาเป็นการให้หัวเรื่อง เพื่อสะดวกต่อการจัดเก็บ และค้นหาโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ การก าหนดหัวเรื่องสารนิเทศ จัดท าไดั 2 ลักษณะ คือ 1. หัวเรื่องสารนิเทศทั่วไป (Subject Headings) การให้หัวเรื่องสารนิเทศทั่วไปเป็นการก าหนดหัวเรื่องที่ ใช้ในวิชาชีพบรรณารักษศาสตร์ ก าหนดวิธีการใช้เพื่อการสรุปเนื้อหา ของหนังสือในสาขาวิชาต่าง ๆ โดย ทั่ว ๆไป ห้องสมุดประเภทต่าง ๆ หรือศูนย์สารนิเทศโดยทั่วไป อาจก าหนดหัวเรื่อง จากคู่มือหนังสือหัว เรื่อง ในการก าหนดเนื้อหาวิชาเพื่อค้นหาสารนิเทศได้ตามต้องการ หัวเรื่องประกอบด้วยค าหรือวลี ซึ่งก าหนดใช้แทนเนื้อเรื่องของหนังสือแต่ละเล่ม หัวเรื่องส่วนมากเป็นค าที่ สั้น ได้ใจความ และมีความหมายเฉพาะอย่างเด่นชัด ค าที่ ก าหนดเป็นหัวเรื่องมีลักษณะ คือ 1. ค านามที่เป็นค าเดียว เช่น กฎหมาย, การศึกษา, จราจร, ดนตรี, ปรัชญา, ธง, ผลไม้, ภาษา, ยางพารา, วิทยุ, สถิติ, หมากรุก, อาหาร ฯลฯ เป็นต้น 2. ค านามสองค าขึ้นไปเชื่อมด้วยสันธาน 'กับ' หัวเรื่องประเภทนี้ใช้กับหนัง สือที่มีเนื้อเรื่องสอง เรื่องสัมพันธ์กัน หรือเนื้อเรื่องสองเรื่อง ตรงข้ามกัน แต่เขียนให้สัมพันธ์กันหรือเกี่ยวข้องกัน เช่น ธนาคารและการธนาคาร, อาชญากรรมและอาชญากร 3. กลุ่มค า ประกอบด้วย ค าหลายค าเรียบเรียงเป็นข้อความที่ได้ใจความ เช่น จีนในประเทศไทย, ทาสในประเทศไทย, ประเทศที่ก าลังพัฒนา เป็นต้น 4. กลุ่มค าในข้อ 3 เมื่อน ามาท าเป็นหัวเรื่องแล้วไม่ได้เรียบถ้อยค าตามนั้น หากย้ายที่ ค าซึ่ง ประสงค์จะเน้นหนัก มาเรียงไว้เป็นค าแรก หัวเรื่องประเภทนี้ดัดแปลงขึ้น เพื่อสะดวกในการเรียง บัตร ค าดังกล่าวนี้ส่วนมากมักเป็นค าที่ขึ้นต้นด้วยค าว่า 'การ' ท า ใช้น าหน้าค ากริยาให้เป็น ค านาม การกลับค าในที่นี้ใช้เครื่องหมายจุลภาคคั่นระหว่างค าที่กลับ เช่น การสอบสวนคดีอาญา น าเอาค าการสอบสวนไปไว้หลัง คดีอาญา เป็นคดีอาญา, การสอบสวนหรือการปรุงอาหาร เป็น อาหาร, การปรุง เป็นต้น 5. หัวเรื่องที่มีค าอธิบายประกอบ ค าอธิบายประกอบนี้เป็นค าที่มีอยู่ในวงเล็บ ทั้งนี้ก็เพราะค า หรือวลีที่ก าหนดขึ้น เป็นหัวเรื่องนั้นมีความหมายได้หลายอย่าง เช่น กระท่อม อาจหมายถึงที่อยุ่ อาศัย ดังนี้เป็นต้น
40 2. หัวเรื่องสารนิเทศเฉพาะเจาะจง หรือ หัวเรื่องเฉพาะวิชา(Thesaurus) ในศูนย์เอกสารหรือศูนย์สารนิเทศเฉพาะวิชา ซึ่งมีสารนิเทศเฉพาะวิชา เป็นจ านวนมากประสบ ปัญหาต่อการให้หัวเรื่อง ของสารนิเทศที่มีอยู่ เพราะไม่สามารถก าหนดหัวเรื่องจากหัวเรื่องทั่ว ๆ ไปได้ ทั้งนี้เพราะศูนย์สารนิเทศเฉาะวิชามีความจ าเป็นในการควบ คุมการให้หัวเรื่องเฉพาะวิชามากกว่าการให้ หัวเรื่องในห้องสมุดโดยทั่วๆไป นักสารนิเทศ จึงได้ก าหนดหัวเรื่องสารนิเทศเฉพาะเจาะจง เพื่อใช้เป็นของ ตนเอง หัวเรื่องเฉพาะเจาะจง หรือ หัวเรื่องเฉพาะวิชา (Thesaurus) เป็นค าใหม่ ยังไม่มีการบัญญัติศัพท์ ส า หรับค านี้โดยเฉพาะ บรรณารักษ์และนักสารนิเทศเรียกค านี้แตกต่างกันไป เช่น เรียกว่า ศัพท์สัมพันธ์ (ประดิษฐา ศิริพันธ์ 2531 : 14; ณรงค์ ป้อมบุปผา 2530 : 88) หรือ ทะเบียนศัพท์สัมพันธ์ (สอางค์ อิศ รางกูร ณ อยุธยา 2530 : 4) หรือรายการค าศัพท์ บัญชีค าศัพท์ (จิรวรรณ ภักดีบุตร 2522 : 110) เป็นต้น หัวเรื่องเฉพาะเจาะจง หมายถึง ศัพท์ที่รวบรวมส าหรับใช้เป็นหัวเรื่องในการจัดระบบสารนิเทศ เป็นศัพท์ที่ รวบรวมเอกสาร และศัพท์ที่นักวิชาการใช้หรือบัญญัติขึ้น ศัพท์ที่สัมพันธ์มีลักษณะเป็นศัพท์บังคับ โดย ก าหนดให้ศัพท์ค าหนึ่งมีหน้าที่ควบคุม ให้ใช้แทนค าหลายค าที่มีความหมายเช่นเดียวกัน จุดมุ่งหมายเพื่อ ความเป็นมาตรฐาน และช่วยให้ค้นเรื่องได้รวดเร็ว ศัพท์สัมพันธ์ไม่อธิบายความหมายหรือค าแปล แต่โครงสร้างของศัพท์แสดงความสัมพันธ์ เริ่มจากศัพท์ที่มี ความหมายกว้าง แสดงความสัมพันธ์กับศัพท์ที่มีความหมายแคบ โดยจ าแนกชนิด ประเภท และพันธุ์ ตามล าดับชั้น และโยงศัพท์ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกันด้วย การใช้ค าศัพท์หรือหัวเรื่องหลาย ๆ ค าเพื่อ อธิบายข้อคิดเนื้อหาเพียงด้านเดียว อัตราผลลัพท์ที่ได้จากการค้นคืนออกจากฐานข้อมูล จะมีผลไม่ สมบูรณ์และจะต่ ามาก เพราะข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับข้อคิดอันเดียวกันจะแตกแยกอยู่ภายใต้ค าศัพท์ หลาย ๆ ค า และไม่อาจดึงออกมาได้ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน จึงจ าเป็นต้องมีการก าหนดและบังคับให้ใช้ ค าศัพท์หนึ่งศัพท์ได้ ในจ านวนศัพท์ต่าง ๆ ที่มีความหมายเหมือนกัน และต้องมีการก าหนดไว้ให้ใช้ในการ ก าหนดสาระของข้องมูล (สอางค์ อิศรางกูร ณ อยุธยา 2530 : 4) ดังนั้น การใช้หัวเรื่องเฉพาะเจาะจงจะเป็นคู่มือแนะน าให้รู้จักศัพท์ทุกค าที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เพื่อ เพิ่มพูนประสิทธิภาพ ในการก าหนดค าศัพท์ให้แก่เอกสารในการท าดรรชนี รวมทั้งการใช้ศัพท์ในการค้น ข้อมูล เช่น ศัพท์ที่อยู่ในสายสกุลเดียวกัน จะปรากฎอยู่ในรายการเดียวกันทั้งหมด หัวเรื่องเฉพาะวิชา จะมีประโยชน์ในการอ านวยประโยชน์แก่นักสารนิเทศ ดังต่อไปนี้ 1. ควบคุมการใช้ค าศัพท์หรือหัวเรื่องต่าง ๆ ที่มีความหมายเหมือนกัน แต่ประ เด็นหัวเรื่อง แตกต่างกัน 2. ให้ความสะดวกต่อการสืบค้นข้อมูล เนื่องจากรวบรวมหัวเรื่องที่อยู่ในสายเดียวกันและ
41 เกี่ยวข้องกันเข้าไว้ด้วยกัน นักสารนิเทศ สามารถค้นข้อสารนิเทศออกมาได้อย่างกว้างขวาง 3. ใช้เป็นคู่มือในการจัดท าดรรชนี หรือสาระสังเขปของข้อมูลสารนิเทศต่าง ๆ มีความละเอียด มากกว่าและใช้ได้ดีกว่า การให้หัวเรื่องจากหนังสือหัวเรื่องทั่ว ๆ ไป 4. เป็นเครื่องมือในการสร้างดรรชนีคอมพิวเตอร์ 3.2.1 โครงสร้างของหัวเรื่องเฉพาะวิชา หัวเรื่องเฉพาะเจาะจง หรือหัวเรื่องเฉพาะวิชา เป็นการรวบรวมค าศัพท์หรือบัญชีค าศัพท์ ถ้าเป็นค าศัพท์ ในสาขาวิชาเดียวกันเรียกว่า Micro-thesaurus ถ้ารวมหลายสาขาวิชาเข้าด้วยกันเรียกว่า Macro- thesaurus(จิรวรรณ ภักดีบุตร 2528 : 110) รายการหัวเรื่องจะประกอบ ด้วยค าศัพท์เรียงตามล าดับ อักษร โดยทั่ว ๆ ไป หนังสือหัวเรื่องเฉพาะวิชาจะจัดเรียงตามล าดับอักษรของหัวเรื่อง และสาย ความสัมพันธ์ ของหัวเรื่อง และแสดงการค้นรายการอื่น ๆ เช่น การจัดแสดงหมวดหมู่เนื้อหาวิชา เป็นต้น ตัวอย่าง การให้รายการขอบเขตเนื้อหาวิชาเฉพาะเรื่องต่าง ๆ จากหนังสือ UNBIS Thesaurus Z1985 : xv - xvii) ปรากฎ รายการขอบเขตวิชาทั้งหมด 17 วิชา ดังตัวอย่าง 08 POPULATION 08.01.00 Population Dynamics 08.02.00 Family Planning 08.03.01 Special Groups 08.03.02 National Groups 09 HUMAN SETTLEMENTS 09.01.00 Settlement Planning 09.02.00 Housing
42 3.2.2 การวิเคราะห์หัวเรื่อง 1. เข้าเว็บหัวเรื่องภาษาไทยออนไลน์ http://161.200.145.23/thaiccweb/main.php คีย์ค าที่ต้องการ ค้นหาที่ช่องสืบค้นข้อมูล กดค้นหา คลิ๊ก คีย์ค ำที่ต้องกำร 2. แสดงหน้าจอรายการที่เกี่ยวข้องกับค าค้น เลือกหัวเรื่องที่ตรงความต้องการที่สุด
43 3. เมื่อเลือกหัวเรื่องที่ตรงแล้วจะแสดงหน้าข้อมูลหัวเรื่อง เลขหมู่หรือชื่อหัวเรื่องไปค้นใน Main Menu 4. เปิดหน้า Main Menu หน้าจอจะแสดงหัวข้อต่างๆที่เราจะใช้สืบค้น คลิ๊ก Browse LC Subject Headings คลิก
44 5. เอาชื่อภาษาอังกฤษที่ตรงกันค าหัวเรื่องภาษาไทยมาค้นในช่อง Subject (Left match) กด Enter เพื่อค้นหาจะแสดง รายชื่อที่ เกี่ยวข้องต่างๆ ดูหัวเรื่องที่ตรงที่สุด แล้วคลิ๊กที่หัวเรื่องเพื่อเข้าไปดูรายละเอียด เอาชื่อภาษาอังกฤษที่ตรงกันค าหัวเรื่องภาษาไทย มาค้นในช่อง Subject (Left match) กด Enter 6. แสดงเลขหมู่ของหัวเรื่อง น าหัวเรื่องและเลขหมู่ที่ได้ไปเขียนกระดาษโน๊ตแนบไว้ที่หนังสือก่อนเพื่อรอที่จะท า Catalog หนังสือ รูปที่ 3.4 ขั้นตอนการวิเคราะห์หัวเรื่อง
45 3.3 งานลงรายการบรรณานุกรมและหัวเรื่องดรรชนีวารสาร ดรรชนีวารสารคือคู่มืออ้างอิงประเภทหนึ่งที่ใช้ให้ทราบว่าเรื่อง ที่ต้องการลงพิมพ์ในวารสารชื่อใด โดยมักให้ รายละเอียดเกี่ยวกับ ปีที่ ฉบับที่ เดือน ปี ของวารสาร และเลขหน้าที่ บทความนั้นปรากฏอยู่ มีการเรียงรายการ ดรรชนีตามล าดับอักษรของหัวเรื่องหรือชื่อผู้แต่งหรือชื่อบทความหรือเป็นการน าดรรชนีประเภทต่าง ๆ มาเรียง รวมกัน การจัดท าดัชนีวารสารของส านักหอสมุด มหาวิทยาลัยนเรศวร ในระยะแรกได้ มีการจัดท าในระบบมือ (Manual System) จัดเก็บในรูปบัตรดัชนีวารสาร ต่อมาได้มีการเปลี่ยนมาบันทึกข้อมูลดัชนีวารสารลงในฐาน ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยใช้โปรแกรม CDS/ISIS และต่อมาได้มีการพัฒนาฐานข้อมูลเองโดยฝ่ายเทคโนโลยี สารสนเทศ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2553 ได้เริ่มน าเอาโปรแกรม INNOPAC ใน Catalog Module เข้ามาจัดการข้อมูล ดัชนีวารสารเป็นต้นมา ปัจจุบันมีดัชนีวารสารเพิ่มขึ้นเป็นจ านวนมาก ผู้ใช้บริการก็ย่อมมีจ านวนการใช้ฐานข้อมูล มากขึ้นด้วย ซึ่งผู้จัดท าดัชนีวารสารได้ตระหนักถึงความต้องการของผู้ใช้บริการที่ต้องการสารสนเทศจากบทความ วารสารที่ทันสมัยและมีรายละเอียดทางบรรณานุกรมของบทความที่ครบถ้วนสมบูรณ์เพื่อประโยชน์ต่อการเรียน การสอน การค้นคว้าวิจัยที่มีประสิทธิภาพ ผู้จัดท าดัชนีวารสารจึงได้พยายามจัดท าดัชนีวารสารให้รวดเร็วทันความ ต้องการของผู้ใช้บริการ พร้อมกันนี้ก็ได้ให้ความส าคัญกับการลงรายละเอียดทางบรรณานุกรมของดัชนีวารสารให้ ได้ครบถ้วน สมบูรณ์มากที่สุด 3.3.1 การจัดท าดัชนีวารสาร หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกวารสารและบทความดัชนีวารสารของส านักหอสมุด มหาวิทยาลัยนเรศวร สามารถพิจารณาขอบเขตเนื้อหา ได้ดังนี้ การคัดเลือกวารสาร 1. เป็นวารสารวิชาการที่มีเนื้อหาตรงตามหลักสูตรการเรียนการสอนและการวิจัย ของมหาวิทยาลัย นเรศวร 2. เป็นวารสารที่ตีพิมพ์บทความวิจัย บทความวิชาการ บทความปริทัศน์ บทความเรื่องสั้นและบทวิจารณ์ หนังสือ 3. เป็นวารสารที่จัดพิมพ์อย่างต่อเนื่องทุกปี และออกตรงตามเวลาที่กองบรรณาธิการของแต่ละวารสาร ก าหนด 3.3.2. การคัดเลือกบทความดัชนีวารสาร 1. บทความที่พิจารณาเห็นว่ามีคุณค่าทางวิชาการ 2. บทวิจารณ์และแนะน าหนังสือ ฯลฯ
46 3. ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรือบทวิจารณ์ซึ่งมีเนื้อหาสาระด้านวิชาการ มีเหตุผลและมีคุณค่าที่จะใช้ อ้างอิงได้ มีความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของตัววารสารเองและผู้เขียน 4. ชีวประวัติบุคคล พิจารณาเนื้อหาสาระของแต่ละบทความ 5. รายงานผลการวิจัยและบทคัดย่อ 6. รายงานประจ าปีหรือแนะน ากิจการของบริษัทห้างร้าน หรือองค์การหนึ่งองค์การใด ซึ่งไม่ได้มี จุดมุ่งหมายใหญ่ที่การโฆษณา 7. กฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ซึ่งมีการอธิบาย ตีความประกอบเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจลึกซึ้งขึ้น 3.3.3 ขั้นตอนการจัดท าดัชนีวารสาร การจัดท าดัชนีวารสาร มีหลักการในการจัดท าตามล าดับขั้นตอน ดังนี้ 1. ส ารวจและคัดเลือกวารสารที่จะจัดท าดรรชนีตามลักษณะของเนื้อหาและการจัดเก็บ 2. การตรวจสอบวารสาร คือ การตรวจสอบรายการวารสารที่ได้รับมาท าดัชนีในฐานดรรชนีวารสารเพื่อ ป้องกันการท าซ้ า 3. การคัดเลือกบทความ คือ การคัดเลือกบทความจากวารสารที่เราจะน ามาท าดรรชนีโดยพิจารณาตาม หลักเกณฑ์การพิจารณาบทความที่ท าดรรชนี 4. การวิเคราะห์เนื้อหา/สาระในบทความ คือ การวิเคราะห์เนื้อหาบทความจ าเป็นต้องอ่านบทความ เพื่อให้ทราบเนื้อหาที่แท้จริง บรรณารักษ์จึงต้องมีวิธีการหรือเทคนิคในการอ่านเพื่อตัดสินใจว่าบทความนั้นมี เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่ออะไรโดยพิจารณาจากส่วนประกอบของบทความดังนี้ 4.1 ชื่อบทความ 4.2 บทคัดย่อหรือสาระสังเขป 4.3 อ่านบางบทความ โดยเฉพาะบทน าและเนื้อหาเรื่องบางบท หรือบางตอนพอสังเขป 4.4 หัวข้อต่างๆ ในบทความจะช่วยให้ก าหนดขอบเขตของเนื้อเรื่องได้ 5. รายการทางบรรณานุกรมดัชนีวารสารที่เครื่องสามารถอ่านได้ 6. เลือกหรือก าหนดค าส าคัญ/ค าศัพท์ที่เป็นหัวเรื่อง (Subject Headings) คือ ค า วลี หรือ ชื่อบุคคล รวมทั้งชื่อเฉพาะอื่นๆ ที่ได้ก าหนดขึ้นใช้แทนเนื้อหาของบทความ ค าหรือวลีที่ใช้แทนเนื้อหาของบทความนั้นมัก เป็นค าสั้นๆ กะทัดรัด มีความหมายเฉพาะและชัดเจนครอบคลุมเนื้อหาที่แท้จริงของบทความนั้นๆ การก าหนดหัว เรื่องจะใช้คู่มือโปรแกรมการให้หัวเรื่องจากฐานข้อมูล หัวเรื่องหนังสือภาษาไทย (Subject Heading Database) ส าหรับสืบค้นข้อมูลหัวเรื่องใหม่ที่ใช้ส าหรับงานห้องสมุด
47 7. ลงรายการและบันทึกรายละเอียดทางบรรณานุกรมดัชนีวารสารที่เครื่องอ่านได้ ตามหลักเกณฑ์ MARC 21 และคู่มือการลงรายการดัชนีวารสารภาษาไทยที่เครื่องอ่านได้ ที่จัดท าโดยคณะท างานโครงการจัดท าคู่มือการ ลงรายการดัชนีวารสารภาษาไทยที่เครื่องอ่านได้ พิมพ์เผยแพร่ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2542 ในการบันทึกข้อมูลลงฐานข้อมูลการท างานดัชนีวารสารนั้นจะใช้โปรแกรม INNOPAC ในการสร้าระเบียบบรรณานุกรมบทความดัชนีวารสาร (Key new record) 8. จัดล าดับรายการดรรชนีและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล 3.4 การก าหนดหัวเรื่องดัชนีวารสาร ของส านักหอสมุด มหาวิทยาลัยนเรศวร การวิเคราะห์เนื้อหาและก าหนดหัวเรื่องดัชนีวารสารไทยของส านักหอสมุด มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นแบบ ค าศัพท์ควบคุม (Controlled Vocabulary) โดยบรรณารักษ์ผู้จัดท าดัชนีวารสารต้องใช้วิจารณญาณในการคิดและ วิเคราะห์เนื้อหา เลือกและก าหนดค า วลีจากคู่มือบัญชีหัวเรื่องเพื่อเป็นตัวแทนเนื้อหาของบทความให้เหมาะสม และครอบคลุมเนื้อหาของบทความ การวิเคราะห์เนื้อหาของบทความและก าหนดหัวเรื่องดัชนีวารสาร ของส านักหอสมุดมหาวิทยาลัยนเรศวร มี ขั้นตอนดังนี้ 1. การอ่านเนื้อหาของบทความ การอ่านเนื้อหาของบทความเพื่อวิเคราะห์แนวคิดส าคัญของบทความ โดยอ่านจากตันฉบับของบทความ วารสารเพื่อวิเคราะห์จับประเด็นที่ส าคัญ บรรณารักษ์ผู้จัดท าดัชนีวารสารจะต้องพิจารณาส่วนประกอบต่าง ๆ ของ บทความดังนี้ 1.1 ชื่อเรื่องหรือบทความซึ่งชื่อเรื่องหรือบทความนั้น ผู้เขียนบทความได้ก าหนดขึ้นเพื่อสื่อให้เห็นถึง เนื้อหาสาระส าคัญของบทความอยู่แล้ว จึงใช้ประกอบการพิจารณาอันดับแรก แต่ต้องตระหนักอยู่เสมอว่าการ ก าหนดหัวเรื่องจะต้องก าหนดให้ตามเนื้อหาเนื้อหาของบทความ มิใช่ก าหนดตามชื่อเรื่องของบทความ เพราะบาง บทความชื่อเรื่องหรือชื่อบทความอาจไม่สื่อถึงเนื้อหาชัดเจนนัก 1.2 บทคัดย่อหรือสาระสังเขป (ถ้ามี) จะช่วยให้สรุปขอบเขตเนื้อหาบทความได้ง่ายขึ้น 1.3 หัวข้อส าคัญต่าง ๆ ในบทความ จะช่วยสรุปขอบเขตเนื้อหาของบทความได้ 1.4 บทน าหรือบทสรุปของบทความ 1.5 สารบัญ ค าน า ภาคผนวก ตลอดจนรายการอ้างอิง และภาพประกอบก็สามารถอ่านประกอบเพื่อสรุป แนวคิดส าคัญของบทความได้ 1.6 อ่านทุกส่วนของบทความ หากใช้วิธีดังกล่าวข้างต้นแล้วยังจับประเด็นแนวคิดส าคัญของบทความไม่ได้ เพราะบางบทความมีเนื้อหาที่เป็นวิชาการเฉพาะด้านเกินไปยากที่จะจับประเด็นแนวคิดส าคัญได้
48 1.7 เมื่ออ่านทั้งบทความแล้วแต่ก็ยังยากที่จะจับประเด็นแนวคิดส าคัญของบทความ เนื่องจากบาง บทความมีเนื้อหาที่เป็นวิชาการเฉพาะด้านเกินไป ดังได้กล่าวมาข้างต้น บรรณารักษ์ผู้จัดท าดัชนีวารสาร จะปรึกษา เพื่อนร่วมงาน และประกอบกับการใช้พจนานุกรม ศัพท์บัญญัติสาขาวิชาต่าง ๆ ร่วมด้วยหากยังจับประเด็นไม่ได้อีก ต้องมีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา 2. การก าหนดหัวเรื่องหลังจากอ่านเนื้อหาบทความ การก าหนดหัวเรื่องหลังจากอ่านเนื้อหาบทความนับว่ายาก หากจะก าหนดให้ครอบคลุมตรงตามเนื้อหา ของบทความมากที่สุด บรรณารักษ์ต้องอาศัยความรู้ รวมทั้งประสบการณ์ในการฝึกฝนการก าหนดหัวเรื่องให้ ถูกต้องและครอบคลุมเนื้อหาของบทความมากที่สุด ไม่ก าหนดหัวเรื่องที่กว้างจนเกินไปจนผู้ใช้บริการที่ค้นคว้านึก ไม่ถึงหรือแคบจนเกินไปจนผู้ใช้บริการมองข้ามไป ทั้งนี้ต้องใช้ค าหัวเรื่องจากแหล่งข้อมูลหัวเรื่องและจากคู่มือบัญชี หัวเรื่องที่เป็นศัพท์เฉพาะควบคุมเพื่อใช้ก าหนดหัวเรื่องที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน 3.4.1 คู่มือที่ใช้ในการจัดท าดัชนีวารสาร ในการจัดท าดัชนีวารสารมีคู่มือที่ใช้ในการท าดรรชนี แบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1. คู่มือที่ใช้ในการลงรายการดรรชนี 1.1 คู่มือการลงรายการรายการดัชนีวารสารภาษาไทยที่เครื่องอ่านได้ 1.2 โครงสร้างระเบียบ USMARC : หนังสือ/เอกสารฉบับปรับปรุงแก้ไขครั้งที่ 7 1.3 คู่มือ MARC 21 การลงรายการระเบียนบรรณรานุกรมวารสาร 2. คู่มือ/แหล่งอ้างอิงที่ใช้ในการก าหนดหัวเรื่อง 2.1 หนังสือ คณะท างานกลุ่มวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ ห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา.(2557). หัว เรื่องส าหรับหนังสือภาษาไทย เล่ม1-2. พิมพ์ครั้งที่4. 2.2 คู่มือLC Subject Headings 2.3 เว็บไซต์หัวเรื่องภาษาไทยออนไลน์ ของคณะท างานฝ่ายวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศห้องสมุด สถาบันอุดมศึกษา ที่ http://161.200.145.23/thaiccweb/main.php/?actioon=login (Username/Password=nu/nu65000) 3. คู่มืออื่น ๆ ได้แก่ 3.1 พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 3.2 พจนานุกรมภาษา เช่น พจนานุกรมภาษาอังกฤษ-ไทย และพจนานุกรมภาษาไทย-อังกฤษ 3.3 พจนานุกรมสาขาวิชาต่าง ๆ
49 3.4.2 การโยง วารสาร การลงรายการ Marc ดรรชนีจะต้องโยงลิงค์ที่เก็บรวมวารสารฉบับต่างๆ โดยใส่ลิงค์วารสารที่ Tag 856 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสืบค้นหาฉบับอื่นของวารสารได้ง่าย 1. เปิดหน้าเว็บ http://library.nu.ac.th/ คีย์เลข ISBN/ISSN ของหนังสือ คลิกที่ ค้นหาข้อมูล คลิ๊ก คีย์เลข ISBN/ISSN
50 2. จะแสดงรายละเอียดของวารสาร คลิกที่ Latest Received คลิ๊ก 3. หน้านี้จะปรากฏการรวบรวมวารสาร Copy ลิงส์ของหน้านี้ไปใส่ในการท าดรรชนีวารสาร ที่ช่อง U รายละเอียด เพื่อให้ผู้ใช้สืบค้นวารสารได้ง่าย http://library.nu.ac.th/search~S0?/i08576653/i08576653/1,1,1,E/crC100341&FF=i08576653&1,1, รูปที่ 3.5 ขั้นตอนการโยง วารสาร
51 โครงสร้างการลงรายการดรรชนีวารสารการลงรายการ Marc ส าหรับดรรชนีวารสาร Group Tag Indicator รายละเอียดข้อมูล Tag y 008 Date one ปีที่ออกของวารสารเล่มนั้น ๆ c 099 Article/บทความ a 100 0 ชื่อผู้แต่ง (คนไทย) 1 ชื่อผู้แต่ง (ต่างชาติ) t 245 1 0 ชื่อเรื่อง รายการมีผู้แต่ง 0 0 ชื่อเรื่องเป็นรายการหลัก ไม่มีผู้แต่ง 1/0 2 ชื่อเรื่องขึ้นต้นด้วย A 1/0 3 ชื่อเรื่องขึ้นต้นด้วย An 1/0 4 ชื่อเรื่องขึ้นตันด้วย The u 246 3 0 ชื่อเรื่องที่ใช้ในการค้น 3 1/2/3/4 ชื่อเรื่องเทียบเคียง (จากปก) 3 8 ชื่อเรื่อง (จากสัน) p 260 ปีพิมพ์ ตัวอย่าง |c2552 r 344 รายละเอียดบทความ ตัวอย่าง ชีวจิต. ปีที่ 2, ฉบับที่ 16 (ม.ค.2552), หน้า 1-9 d 600 0 4 หัวเรื่องชื่อบุคคล d 610 2 4 หัวเรื่องชื่อนิติบุคคล d 650 4 หัวเรื่องทั่วไป (ภาษาไทย) 0 หัวเรื่องทั่วไป (ภาษาอังกฤษ) d 651 4 หัวเรื่องชื่อภูมิศาสตร์ d 653 1 หัวเรื่องที่ก าหนดขึ้นเอง b 700 0 ชื่อผู้แต่งร่วม (คนไทย) 1 ชื่อผู้แต่งร่วม (ต่างชาติ) b 710 2 ชื่อผู้แต่งนิติบุคคล
52 y 856 |zView Holding/รายละเอียดวารสาร|u y 856 |zสารบัญ|u y 949 ชื่อคนลงรายการ ตารางที่ 3.2 โครงสร้างการลงรายการดรรชนีวารสาร 3.4.3 ขั้นตอนการลงรายการดัชนีวารสารในระบบ Millennium 1. เปิดหน้าจอ Millennium Cataloging คลิ๊ก New เพื่อเปิดหน้าลงรายการ คลิ๊ก
53 2. จะแสดงหน้าจอที่ให้ลงรายการทางดรรชนีบทความ คลิ๊ก 3. ลงข้อมูลรายละเอียดของบทความเพิ่ม Tag 650 โดยการ คลิ๊ก “Insert” ในกรณีที่เพิ่มหัวเรื่อง Tag 856 จะต้องใส่ ลิ๊งส์ที่ค้นในเว็บที่รวบรวมวารสารเล่มนั้น และดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Tag 008 เพื่อใส่รายละเอียดอื่นๆ หัวข้อ 856 ลิงค์ที่ค้นในเว็บ รูปที่ 3.6 ขั้นตอนการลงรายการดัชนีวารสารในระบบ Millennium
54 หลังจากสร้าง Bibliography record แล้ว ต้องสร้าง item record ของบทความวารสารนั้น ๆ ดังต่อไปนี้ 4. เลือก Summary เพื่อดูข้อมูล item record และสร้าง item record หลังจากสร้าง Bibliography record แล้ว ต้องสร้าง item record ของบทความวารสารนั้น ๆ ดังต่อไปนี้ รูปที่ 3.7 แถบเมนูเครื่องมือส าหรับสร้าง item สร้าง ITEM เมื่อตรวจสอบรายละเอียดแล้ว คลิก Save จะแสดงหน้าจอนี้ และคลิกที่ช่อง View เลือก ITEM กด View และกดเลือก Item
55 5. เลือกประเภทของสิ่งที่จะสร้างซึ่งได้แก่ i item สร้าง item ของหนังสือส าหรับ Cataloging Module o order สร้าง รายการ order record ส าหรับ Acquisition module c checkin สร้าง Card Checkin ส าหรับ Serial Control Module h Hold สร้าง Hold record ส าหรับ Circulation 3. เลือก Attach New Item เพื่อสร้าง item ใหม่ 4. เลือก I TYPE ใช้ 6 = ARTICLE 5. เลือก Location ใช้ NUSER 6. เลือก Status ใช้ o = LIB USE ONLY สร้างข้อมูล ITEM 6. หลังจากการสร้าง item เสร็จแล้วเสร็จแล้วให้ท าการตรวจสอบข้อมูลและบันทึกข้อมูล กด Save > และ คลิ๊ก Close เพื่อออก
56 กด Save กด Close เพื่อออก รูปที่ 3.8 ขั้นตอนการสร้าง ITEM 3.4.4 งานพิมพ์สติ๊กเกอร์ติดสันหนังสือ 1. ประทับตัวย่อแต่ละประเภทของหนังสือลงบนสติ๊กเกอร์ที่พิมพ์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีตัวย่อดังต่อไปนี้ - ว คือ วิจัย - อ คือ อ้างอิง - สร คือ สิ่งพิมพ์รัฐบาล - มน คือ หนังสือที่ทางมหาวิทยาลัยนเรศวรจัดขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแผนงาน หรือ หน่วยงานต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยนเรศวร - ป คือ ปริญญานิพนธ์ - T คือ วิทยานิพนธ์ (ภาษาอังกฤษ) - ภน คือ สิ่งพิมพ์ภาคเหนือ 2. วัดขนาดที่สันหนังสือ โดยวัดจากด้านล่างให้มีขนาดเท่ากับแบบที่วัดตัดเอาไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อต้องการ ให้สติ๊กเกอร์ที่ติดลงบนสันหนังสือยู่ในต าแหน่งเดียวกันทั้งหมด ติดสติ๊กเกอร์ที่พิมพ์และผ่านการประทับตัวย่อ เรียบร้อยแล้วลงบนสันหนังสือ โดยติดให้อยู่เหนือเส้นที่วัดเอาไว้ 3. ติดชื่อเรื่องที่ด้านในของปกหลัง โดยติดในต าแหน่งตรงกลางของปก เพื่อความเหมาะสมและสะดวกต่อ การดูข้อมูลที่พิมพ์ไว้ในสติ๊กเกอร์
57 4. ทากาวใบก าหนดส่ง ติดใบก าหนดส่ง บริเวณด้านบนของแผ่นรองปกหลัง 5. กรณีที่เป็นหนังสืออ้างอิง ไม่ต้องติดใบก าหนดส่ง แต่ให้ประทับตราหนังสืออ้างอิงไว้ที่หน้าปกใน และ ด้านในปกหลัง 6. ติดสติ๊กเกอร์ใสลงบนสติ๊กเกอร์สันหนังสือ เพื่อป้องกันการหลุดลอกและข้อมูลสูญหายของสติ๊กเกอร์ติด สันหนังสือ 7. ตรวจสอบความถูกต้องของสันหนังสือ ก่อนส่งออกให้บริการ 8. น าหนังสือที่ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วไปส่งต่อให้กับฝ่ายบริการ เพื่อขึ้นชั้นให้บริการต่อไป รูปที่ 3.9 สติ๊กเกอร์ที่พิมพ์เสร็จเตรียมติดลงบนสันหนังสือ
58 3.5 สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ เริ่มต้น รับหนังสือจากงานทะเบียน วิเคราะห์เลขหมุ่ทรัพยากรสารสนเทศโดยใข้ระบบ LC และให้เลขผู้แต่ง กรอกข้อมูลบรรณานุกรม เลขหมู่/เลขผู้แต่งลงใน แยกประเภททรัพยากร สารสนเทศ ว่าใช่หนังสือ ปริ้นสัน/ติดสัน หรือไม่ ติดแถบแม่เหล็ก ปริ้นสัน/ติดสัน ท าสัญญาณ RFID ห่อปก เปลี่ยนสถานะทรัพยากรฯในระบบ Alist น าขึ้นชั้นบริการ รูปที่ 3.10 สรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ จบ ทรัพยากรสารสนเทศ
59 ข้อควรระมัดระวังในการใช้ลงรายการทางบรรณานุกรม 1. ส าหรับการใช้ MARC และ AACR2 หากยังขาดความช านาญในการท างานจะต้องสอบถามผู้ฝึกสอน เพื่อให้งานไม่เกิดความผิดพลาด 2. การก าหนดเลขหมู่ LC ต้องมีความรู้อย่างมาก หากยังไม่แน่ใจควรถามผู้ฝึกสอน 3. การลงรายการบรรณานุกรมเป็นงานระเอียดจะต้องพิจารณาให้เพื่องให้งานเรียบร้อย วิธีแก้ปัญหา 1. ศึกษาและสอบถามผู้ฝึกสอนเมื่อไม่ให้รายการเกิดความผิดพลาด และท าให้งานถูกต้องมากที่สุด 2. เราควรตรวจสอบความถูกต้องของงานทุกครั้ง ข้อควรระมัดรัวังในงานวิเคราะห์หัวเรื่อง 1. ควรระมัดระวังการให้หัวเรื่องที่เราก าหนดขึ้น 2. หัวเรื่องที่ใช้ควรครอบคลุมเนื้อเรื่อง อาจจะมีหัวเรื่องที่กว้างกว่า(BT) เละมีหัวเรื่องที่แคบกว่า(NT) จะต้อง ตรวจดูหัวเรื่องอย่างรอบครอบเพื่อให้สามารถสื่อถึงเรื่องที่ผู้ใช้จะค้นหา 3. เพื่อให้เกิดความแม่นย าในการให้หัวเรื่อง เราควรใช้เว็บหัวเรื่องภาษาไทยออนไลน์ในการหาหัวเรื่อง 4. หากหนังสือเล่มนั้นบอกถึงสถานที่หรือที่มาของเรื่องนั้นให้ใส่ |xสถานที่ เช่น |aวัด|Xกรุงเทพฯ วิธีแก้ปัญหา 1. การให้หัวเรื่องควรรอบครอบ และตรวจสอบความถูกต้องว่าหัวเรื่องจะใช้สืบค้นได้ โดยสอบจากเว็บหัว เรื่องภาษาไทยออนไลน์ในการหาหัวเรื่อง 1. สอบถามเมื่อไม่เข้าหรือตีความในเนื้อไม่ได้ เพื่อป้องกันการผิดพลาด
61 บทที่ 4 งานฝ่ายซ่อมบ ารุงรักษาทรัพยากรสารสนเทศ ระยะเวลาในการฝึกงานซ่อม คือ วันที่ 15 กุมภาพันธ์-4 มีนาคม 2559 ผู้ควบคุมการฝึกคือ นายจิรทีปต์ แตงเส็ง ต าแหน่ง ผู้ปฎิบัติงานห้องสมุด 4.1 กระบวนการซ่อมบ ารุงทรัพยากรสารสนเทศ 1. รับหนังสือช ารุดจากงานบริการสารสนเทศ/ห้องสมุดสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ 2. บันทึกข้อมูลหนังสือซ่อมในระบบ Millennium - ระบุ status เป็น r หมายถึง in repair หนังสือส่งซ่อม - ระบุสถานที่จัดเก็บ เช่น หมายเลขตู้/ชั้น 3. ตรวจสอบสภาพการช ารุดของหนังสือเพื่อแยกการซ่อมเป็นกรณี - กรณีช ารุดมากซ่อมไม่ได้ ให้คัดแยกไว้เพื่อรอท าการจ าหน่าย/บริจาค - กรณีซ่อมได้ ให้แยกตามลักษณะการช ารุด 4. ด าเนินการซ่อมตามกระบวนการ 5. จัดส่งหนังสือที่ซ่อมเรียบร้อยแล้วให้งานวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศด าเนินการปรับเปลี่ยนข้อมูลใน ระบบ - ปรับเปลี่ยน status - ลบข้อมูลที่บันทึกโน๊ตไว้ 6. งานวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศจัดส่งหนังสือให้งานบริการสารสนเทศ/ห้องสมุดสาขาวิทยาศาสตร์ สุขภาพ
62 4.1.1 การบวนการซ่อมบ ารุงหนังสือ ล าดับ กิจกรรม ผู้รับผิดชอบ เอกสารที่เกี่ยวข้อง 1 พนักงานห้องสมุด 1. เอกสารจ านวน รับหนังสือช ารุดมาจากงานบริการสารสนเทศ/ห้องสมุดสาขา ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด รายชื่อ หรือช ารุด 2 พนักงานห้องสมุด 1. ฐานข้อมูล บันทึกข้อมูลหนังสือส่งซ่อมในระบบ Millennium ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด Millennium 3 พนักงานห้องสมุด ซ่อมไม่ได้ ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด ตรวจสอบสภาพการ จ าหน่ายออก/ ช ารุดเพื่อแยกการซ่อม บริจาค ตามกรณี ซ่อมได้ 4 พนักงานห้องสมุด 1. คู่มือปฏิบัติงานซ่อม ด าเนินการซ่อมตามกระบวนการ ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด บ ารุง 5 พนักงานห้องสมุด จัดส่งหนังสือที่ซ่อมเรียบร้อยและให้งานวิเคราะห์ ทรัพยากรฯปรับเปลี่ยนข้อมูลในระบบ ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด 6 งานวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศจัดหนังสือให้งานบริการ สารสนเทศ/ห้องสมุดสาขาฯ ตารางที่ 4.1 การบวนการซ่อมบ ารุงหนังสือ
63 4.1.2 กระบวนการเย็บเชือกวารสาร ล าดับ กิจกรรม ผู้รับผิดชอบ เอกสารที่เกี่ยวข้อง 1 พนักงานห้องสมุด 1. เอกสารจ านวน รับตัวเล่มวารสารมาจากงานบริการสารสนเทศ/ห้องสมุด ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด รายชื่อ วารสาร 2 พนักงานห้องสมุด ไม่ถูกต้อง ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด ตรวจสอบจ านวน/รายการ แจ้งผู้ ตามเอกสารการจัดส่ง จัดส่ง ถูกต้อง 3 พนักงานห้องสมุด 1. คู่มือปฏิบัติงานซ่อม ด าเนินการเย็บเชือกตามกระบวนการ ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด บ ารุง 4 พนักงานห้องสมุด จัดส่งวารสารที่เย็บเชือกแล้วให้งานบริการสารสนเทศ/ ห้องสมุดสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด ตารางที่ 4.2 กระบวนการเย็บเชือกวารสาร
64 4.1.3 กระบวนการเข้าเล่มปกแข็งวารสาร ล าดับ กิจกรรม ผู้รับผิดชอบ เอกสารที่เกี่ยวข้อง 1 พนักงานห้องสมุด 1. เอกสารจ านวน รับตัวเล่มวารสารจากงานบริการสารสนเทศ/ห้องสมุด ผู้ปฏิบัติงาน รายชื่อ วารสาร ห้องสมุด 2 พนักงานห้องสมุด ผู้ปฏิบัติงาน ตรวจสอบจ านวน/รายการ แจ้งผู้ ตามเอกสารการจัดส่ง จัดส่ง ห้องสมุด ถูกต้อง 3 พนักงานห้องสมุด 1. คู่มือปฏิบัติงานซ่อม ด าเนินการเย็บเชือกตามกระบวนการ ผู้ปฏิบัติงาน บ ารุง ห้องสมุด 4 พนักงานห้องสมุด 1. คู่มือปฏิบัติงานซ่อม ด าเนินการเข้าเล่มปกแข็งตามกระบวนการ ผู้ปฏิบัติงาน บ ารุง ห้องสมุด 5 พนักงานห้องสมุด จัดส่งวารสารที่เย็บเชือกแล้วให้งานบริการสารสนเทศ/ ห้องสมุดสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ผู้ปฏิบัติงาน ห้องสมุด ตารางที่ 4.3 กระบวนการเข้าเล่มปกแข็งวารสาร
65 4.2 ความหมายของการระวังรักษาหนังสือ การระวังรักษาหนังสือ หมายถึง ระมัดระวังให้พ้นจากภัยต่างๆ เช่น ปลวก แมลง แสงแดด ความชื้น ตลอดจนการใช้ของมนุษย์ที่เป็นสาเหตุท าให้หนังสือช ารุดการดูแลรักาและการท าให้หนังสืออยู่ในสภาพ เรียบร้อย แน่นหนาแข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานได้นานและไม่ช ารุดก่อนถึงเวลาอันควร หนังสือ จัดเป็นวัสดุสารนิเทศที่ส าคัญยิ่ง ดังนั้น ห้องสมุดจ าเป้นต้องรักษาหนังสือให้อยู่ในหนังสือ การ ช ารุดเสียหายก็ย่อมเกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร การระวังรักษาหนังสือจึงเป็นหน้าที่ของบรรณารักษ์ที่จะต้องให้ ความส าคัญดูแลแก้ไข ตลอดจนศึกษาหาความรู้ในเรื่องดังกล่าว เพื่อหาวิธีการป้องกัน และสามารถซ่อมแซม สิ่งพิมพ์ได้อย่างเหมาะสม การระวังรักษาหนังสือ เป็นการอนุรักษ์หนังสือ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. การป้องกัน อาจท าได้ดังนี้ 1.1 แนะน าการใช้หนังสืออย่างถูกวิธี 1.2 เลือกหนังสือที่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ และเข้าเล่มแข็งแรง ทนทาน 1.3 หนังสือจัดหามาใหม่ควรเสริมปกแข็งแรงก่อนน าออกบริการด้วยการเย็บสัน หุ้มสัน หุ้มปก พลาสติก หนังสือก่อนควรท าปกแข็ง โดยเฉพาะหนังสืออ้างอิง หรือหนังสือที่มีคุณค่าราคาแพง 2. การซ่อมแซม เป็นการซ่อมหนังสือที่ช ารุดให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อย สามารถน าออกบริการได้อีก หนังสือที่ช ารุดเล็กน้อยควรรีบซ่อมก่อนให้บริการ 4.2.1 ลักษณะสาเหตุที่ท าให้หนังสือช ารุด หนังสือของห้อมสมุดมีโอกาศช ารุดและเสียหายได้ตลอดเวลา บรรณารักษ์จะต้องศึกษาหาวิธีป้องกัน และดูแลรักษาซ่อมแซมหนังสือให้อยู่ในสภาพที่ดี มีอายุการใช้งานยืนยาว ลักษณะและสาเหตุส าคัญที่ท าให้หนังสือช ารุด มีดังนี้ 1. การผลิตหนังสือ 1.1 การใช้วัสดูคุณภาพต่ า กระดาษจะเหลือกรอบช ารุดและขาดง่าย 1.2 ความบอบบางของหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือปกอ่อน การเย็บเล่มไม่แน่นหนาท าให้สันหลุดง่าย เนื่องจากผู้จัดพิมพ์มุ่งลดต้นทุนารผลิตให้ต่ า และจะได้ตั้งราคาหนังสือให้ถ฿กลง เพื่อท าให้จ าหน่ายได้ง่ายขึ้น หนังสือจึงพร้อมจะช ารุด แม้ใช้อย่างถนอมแล้วก็ตาม 2. อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม 2.1 อุณหภูมิ อุณภูมิสูงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ท าให้หนังสือเสื่อมคุณภาพได้เร็วขึ้น กระดาษจะกรอบเหลือง และอุณภูมิต่ าจะท าให้เกิดความชื้นมีผลท าให้เกิดเชื้อราได้ ถ้าอุณภูมิที่เหมาะสมจะมีผลดีต่อการบ ารุงรักษา หนังสือ เนื้อกระดาษอยู่ในอุณภูมิระหว่าง 15-20 องศาเซลเซียล ดังนั้น ลักษณะและโครงสร้างของห้องสมุด ควรออกแบบให้สถานที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ซึ่งช่วงลดอุณหภูมิ
66 2.2 ความชื้น ช่วงฤดูฝนความชื้นจะสูง ท าให้เกิดกระดาษพองตัว และเกิดเชื้อราเกาะหนังสือได้ง่าย เชื้อราจะเจรฺญเติบโตและแพร่ขยายได้อย่างรวดเร็ว ความชื้นจะท าให้กาวที่ปกหนังสือสันหลวมและหลุดออก ง่าย การควบคุมอุณภูมิความชื้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีผลดีต่อการรักษาทรัพยากรห้องสมุด 2.3 แสงสว่าง ความร้อนจากแสงแดดจะท าให้เหลืองกรอบ สีซีดจาง ช ารุด และฉีกขาดได้ง่ายไม่ควร วางหนังสือตรงที่แสงแดดส่องถึง ควรติดม่านหน้าต่างจะช่วยกันแสงแดดได้ดี ความร้อนจากแสงแดดมได้ก่อท า ให้เกิดโทษเพียงอย่างเดียว แต่ยังประโยชน์เนื่องจากจะช่วยหนังสือรอดพ้นจากการท าลายของเชื้อราและแมลง ได้ 2.4 ฝุ่น เป็นตัวการส าคัญท าให้หนังสือสกปรก เก่าเร็ว และหนังสือไม่น่าหยิบใช้ 2.5 มลพิษ มลภาวะของสิ่งแวดล้อมเป็นตัวการส าคัญที่เป็นอันตรายต่อหนังสือและวัสดุของห้องสมุด ได้ มลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่น จะท าให้หนังสือเก่า ไม่น่าใช้ ควันพิษจากท่อไอเสียในเขตการจราจรแออัดท า ให้กระดาษแปรสภาพเป็นกรด หรือในเขตโรงงานอุตสาหกรรม 3.สัตว์ต่างๆ 3.1 แมลง มีแมลงหลายชนิดที่สามารถท าลายหนังสือ แมลงที่พบมากที่ ได้แก่ แมลงสาบ แมลงหาง สามแฉก มอด ปลวก หนอนหนังสือ มด เป็นต้น 1) แมลงสาบ แมลงสาบจะกินสิและแป้งเปียกที่ปก ท าให้ปกหนังสือเป็นรอยด่างควรใช้ยาฆ่า แมลงฉีดพ่นเพื่อไล่แมลงสาบ โดยเฉพาะตามวอกชั้นหนังสือ ควรฉีดบ่อยๆ จะท าให้แมลงสาบหายไป เอง 2) แมลงหางสามงามหรือแมลงหางสามแฉก เป็นแมลงตัวเล็กๆ รูปร่างเรียวยาวมีสีขาวอม เทา ล าตัวเป็นปล้องๆ ขนาดยาวประมาณครึ่งนิ้วมีหางคล้ายหนวดสามเส้า วิ่งเร็วแมลงหางสามแฉก จะเจริญได้เร็วในที่ที่มีความเย็น มักพบอยู่ในบริเวณที่มีความชื้นและมีกลิ่นอับ วิธีป้องกันและท าลาย แหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงหางสามแฉก ท าได้โดยโรยส่วนผสมของโซเดียม ฟลูออไรด์ 12 ส่วน แป้ง สาลี 100 ส่วน ไว้บนชั้นและหนังสือ 3) ปลวก ชอบหนังสือมากที่สุด และกัดกินอย่างรวดเร็ว วิธีป้องกันควรหมั่นตรวจตราดูแลท า ความสะอาดบริเวณที่เก็บหนังสือบ่อยๆ หากพบรังปลวกให้ใช้ยากันปลวกเทลงไปในรูเพื่อก าจัดและ ท าลายโดยเร็ว 4) หนอนหนังสือ มักพบในบริเวณหนังสือเก่า และหนังสือที่เต็มไปด้วยฝุ่น หนอนหนังสือจะ กัดกินหนังสือ กระดาษ รูปภาพ จนทะลุเป็นรูพรุน และจะวางไข่แพร่พันธุ์ไว้อีกด้วย วิธีป้องกัน หมั่น ท าความสะอาด ปัดเช็ดหนังสือสม่ าเสมอ เพื่อไม่ให้ฝุ่นเกาะ หากพบหนังสือที่ทีหนอนหนังสือให้น าไป ผึ่งแดดแล้วฉีดยาฆ่าแมลง 5) มด ดดยทั่วไปมักจะไม่ท าร้ายหนังสือ แต่มักจะเข้าไปท ารังและวางไข่ตามซอกมุมของ หนังสือบนชั้นหนังสือ ท าให้เกิดคราบสกปรก วิธีป้องกันหมั่นดูแลท าความสะอาด หากพบรังมดให้ใช้ ยาฆ่ามดฉีดพ่นบริเวณที่พบทันที
67 6) มอด มอดจะกัดกินผ้าและหนังที่หุ้มปกหนังสือ วิธีป้องกันโดยการหมั่นตรวจตตราท าความ สะอาดหนังสือ ชั้นวางหนังสือ และวัสดุทุกชนิดในห้องสมุดอย่างสม่ าเสมอ รวมทั้งควบคุมการถ่ายเทอากาศ ภายในห้องสมุดให้เหมาะสม 3.2 หนู หนูชอบอาศัยอยู่ในห้องสมุด มักจะอาศัยอยู่ตามซอกตามมุมที่อับทึบ เช่น ด้านหลังของชั้น วางหนังสือ ซึ้งมีที่ว่างพอที่หนูจะเข้าไปท ารังอาศัยแพร่พันธุ์ได้ หากพบร่อยรอยของหนูให้ใช้ยาเบื่อหนูทันที 4. ธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นสาเหตุที่ท าให้หนังสือเสียหายอย่างเฉียบพลันทันที และเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ภัยจาก ธรรมชาติมีดังนี้ 4.1 น้ า สาเหตุเกิดจากน้ าฝนและน้ าท่วม หนังสืออาจเสียหายจากน้ าได้ ละอองฝนท าให้กระดาษพองตัว ติดกัน ตัวพิมพ์เลอะเลือน ช ารุดใช้การไม่ได้อีก 4.2 ไฟ ภัยจากไฟไหม้อาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร และบุหรี่ ท าให้เกิดความเสียหาย อย่างรุนแรง ต่อวัสดุ และหนังสือของห้องสมุด เพราะหนังสือเป็นเชื้อเพลงติดไฟได้ง่าย 4.3 ลม ภัยจากลมธรรมชาติ เช่น ลมพายุ หรือลมจากพายุ ควรมีการควบคุมระดับความแรงของพัดลม ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การป้องกันภัยจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเกิดน้ าท่วม ลมพายุ หรือไฟไหม้ สิ่งเหล้านี้จะท าให้เกิดความ เสียหายได้มากที่สุด วิธีการป้องกันมีปัจจัยส าคัญ คือ โครงสร้างที่ดีของอาคารห้องสมุด การฝึกอบรมบุคลากร ห้องสมุด ให้มีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและมีสัญญาณเตือนภัยในห้องสมุด ตลอดจนหมั่นตรวจตราดูแลความ เรียบร้อยอย่างสม่ าเสมอ 5. มนุษย์ ผู้อ่านหนังสือ เป็นตัวการส าคัญที่ท าความเสียหายให้กับหนังสือได้มาก เช่น การขีดเขียนข้อความท า เครื่องหมายต่างๆ เติมข้อความลงในหนังสือ การฉีกหนังสือ การตัดรูปภาพจากหนังสือ การพับมุม เป็นต้น ถ้า หากเป็นหนังสือของห้องสมุด ผู้อ่านจะไม่ระมัดระวัง โดยเฉพาะห้องสมุดโรงเรียนต้องแนะน าและสอนให้ นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับวิธีใช้หนังสือ การปฎิบัติต่อหนังสืออย่างถูกวิธี เพื่อปลูกฝังจิตส านึกให้นักเรียนมีความ รับผิดชอบในการใช้หนังสือซึ่งเป็นสมบัติที่มีคุณค่าของส่วนรวม การปฎิบัติต่อหนังสือ ข้อควรปฎิบัติขั้นต้นที่ช่วยยืดอายุของหนังสือให้ยืดยาว อาจท าได้ ดังนี้ 1. ตรวจความเรียบร้อยของหนังสือ พลิกดูทีละหน้าว่ามีหน้าใดขาดหาย ตอนใดช ารุดจะได้รีบน าไปเปลี่ยน หน้าใดที่ไม่ได้ตัดขาดออกจากกัน ก้ตัดออกด้วยมีดตัดกระดาษหรือถ้ามุมของหนังสือพับอยู่ ควรคลี่ออก มาแล้วใช้กรรไกรตัดกระดาษส่วนเกินออก 2. เปิดหนังสือให้ถูกวิธี เปิดหนังสือให้ถูกต้องตามวิธีการ ซึ่งจะช่วยไม่ให้หนังสือขาดง่ายไม่ให้กาวซึ่งทาสัน หนังสือแตกแยกออก ท าให้หนังสือหลวมและขาดได้
68 3. รักษาความสะอาดในการเตรียมหนังสือขึ้นชั้น 4. ระมัดระวังในการจัดเรียงหนังสือบนชั้น ควรใช้เหล็กกั้นหนังสือเพื่อไม่ให้หนังสือล้มและไม่ควรเรียง หนังสือเข้าชั้นแน่นจนเกินไป จ าท าให้หนังสือช ารุดง่าย 5. ควรวางชั้นหนังสือในต าแหน่งที่เหมาะสม ไม่ควรว่างไกล้หน้าต่าง หรือที่มีแสงแดดส่องถึงหรือฝนสาดได้ 6. ระมัดระวังเมื่อมีการขนย้ายหนังสือ ควรใช้รถเข็นหนังสือ ไม่ควรโยนหนังสือ ควรท าด้วยความระมัดระวัง 4.3 การอนุรักษ์หนังสือ หนังสือมีการพัฒนาการกันมาอย่างต่อเนื่อง และก่อประโยน์ชแก่ผู้อ่านและสังคมในการส่งเสริมให้เกิด การอ่านอย่างกว้างขวาง ห้องสมุดจะเป็นแหล่งร่วมหนังสืออันหลากหลาย และมีส่วนสนับสนุนให้เกิดการอ่าน อย่างแพร่หลาย ดังนั้น ห้องสมุดจึงต้องมีการบ ารุงและรักษาทั้งวัสดุ และครุภัณฑ์และอื่นๆ โดยเฉพาะหนังสือ อาทท าได้ ดังนี้ 1. ชั้นวางหนังสือต้องไม่วางหนังสือหนาแน่นจนเกินไป 2. ไม่ว่างหนังสือซ้อนกันเป็นกอง หรือสูงเกินไป 3. ระวังไม่ให้หนังสือตกและมีฝุ่นมากเกินไป 4. ระวังสัตว์ต่างๆ เช่น แมลง มอด ปลวก หนู กัดแทะ 5. ชี้แจงแนะน าผ้ใช้หนังสือให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้หนังสือที่ถูกต้อง 6. จัดท าหนังสือใหม่ให้มั่นคงแข็งแรงเพื่ออายุการใช้งาน 7. ซ่อมแซมหนังสือเก่าหรือเพื่อใช้งานได้อีก 4.4. เครื่องมืออุปกรณ์การซ้อมหนังสือ 1. เครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ 2. เครื่องมือการซ่อมหนังสือ เครื่องคอมพิวเตอร์ รูปที่ 4.1 เครื่องคอมพิวเตอร์
69 เครื่องคอมพิวเตอร์ การบ ารุงรักษาหนังสือ จ าเป็นต้องใช้เครื่องมือเพื่อพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตาม สมัยที่มีเทคโนโลยีที่เอื้ออ านวยความสะดวกต่องานซ่อมบ ารุงหนังสือและการปรับปรุงงานให้เจริญก้าวหน้า เครื่องคอมพิวเตอร์จึงเป็นส่วนส าคัญที่เราน ามาใช้ประโยน์ชได้มากในงานซ่อมหนังสือ เช่น เราใช้เครื่อง คอมพิวเตอร์พิมพ์สันหนังสือที่ช ารุดพิมพ์หน้าปกหนังสือ พิมพ์หน้าปกรายงานโครงการ แทนจากเดิมที่ใช้ ปากกาไฟฟ้าในการเขียนสันหนังสือ เขียนหน้าปกหนังสือเพราะปากกาไฟฟ้าไม่สามารถเขียนชื่อเรื่องหนังสือ ติดสันหนังสือที่มีขนาดเล็กได้ อีกทั้งรายมือของผู้เขียนต้องสวยงามและเที่ยงตรง ระยะเวลาที่ใช้ปากาไฟฟ้า เขียนสันและปกก็ใช้เวลานาน เครื่องตัดกระดาษไฟฟ้า รูปที่ 4.2 เครื่องตัดกระดาษไฟฟ้า เครื่องตัดกระดาษไฟฟ้าใช้ในการตัดกระดาษได้หลายอย่าง งานซ่อมบ ารุงหนังสือจึงต้องมีไว้เพื่อตัด ตัวเล่มของหนังสือ ตัดสันหนังสือ รายงาน โครงงาน ที่เข้าเล่มแบบสันกาว ตัดกระดาษโน๊ต ตัดกระดาษแข็งท า ปกหนังสือตัดกระดาษสมุดท าด้วยมือ ตัดขอบกระดาษหนังสือซ่อมและวารสารรวมเล่ม ให้แต่ละเล่มเสมอกัน
70 สว่านแท่นไฟฟ้า รูปที่ 4.3 สว่านแท่นไฟฟ้า สว่านแท่นไฟฟ้า สว่านแท่นใช้ส าหรับเจาะรูหนังสือซ่อมที่เกิดจากการช ารุดจากการใช้งานจึงส่งมาซ่อม เพื่อยืดอายุการใช้งานได้ต่อไป เราจึงใช้สว่านแท่นเจาะรูหนังสือเย็บด้าย หนังสือที่เย็บด้วยด้าย นั้นหลังจาก การซ่อมแล้วจะยืดอายุการใช้งานได้ต่อไปอีก สว่านจึงเป็นเครื่องมือส าคัญในการซ่อมหนังสือ เครื่องอัดหนังสือขนาดกลาง รูปที่ 4.4 เครื่องอัดหนังสือขนาดกลาง
71 เครื่องอัดหนังสือขนาดกลาง เป็นเครื่องมือส าหรับใช้อักหนังสือให้เรียบหลังจากการทากาวติดผ้า และกระดาษแร็กซีนท าปกหนังสือ เพื่อให้การเข้าปกหนังสือมีความเรียบเนียน เราจึงจ าเป็นต้องใช้เครื่องอัด หนังสือ เพื่อให้การเข้าปกหนังสือมีความเรียบเนียน เราจึงจ าเป็นต้องใช้เครื่องอัดหนังสือ เครื่องอัดหนังสือท า ด้วยเหล็กหล่อที่มีน้ าหนักมาก แต่ก่อนใช้เป็นเครื่องอัดกลีบผ้าแต่ปัจจุบันน ามาใช้เป็นเครื่องอัดหนังสือ การใช้ งานอัดหนังสือต้องใช้กระดาษรองสองแผ่นปิดหนังสือทั้งด้านบนและด้านล่างแล้วสอดเข้าไปในตัวเครื่องอัด หนังสือ แล้วจึงหมุนเครื่องอัดทับลงไปพอตึงมือ เครื่องอัดช่วยเลื่อยสันหนังสือ รูปที่ 4.5 เครื่องอัดช่วยเลื่อยสันหนังสือ เครื่องอัดช่วยเลื่อยสันหนังสือ ใช้อัดช่วยหนังสือที่มีความหนามากที่ไม่สามารถเจาะรูด้วยสว่านไฟฟ้าได้ หรือหนังสือที่เย็บกี่สันของหนังสือจะโค้งถ้าเจาะรูสว่านเราจะไม่สามาถรเปิดดูตัวหนังสือที่อยู่ด้านในที่ชิดกับสัน หนังสือได้ ท าให้ต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องอัดช่วยการเลื่อนเพื่อที่จะใช้เลื่อนสันหนังสือแทน ตรงบริเวณหลังของ สันหนังสือ จ านวน 4-6 ร่องตามความกว้างหรือขนาดของหนังสือ
72 ตัวแม็กเย็บหนังสือ รูปที่ 4.6 ตัวแม็กเย็บหนังสือ ใช้ซ่อมหนังสือบางเล่ม ใช้เย็บหนังสือรายงาน หรือ โครงงานวิจัยต่างๆที่เข้าเล่มแบบสันกาว หรือติด เทปกาว ผ้าขาวบางหรือผ้าขาวดิบ รูปที่ 4.7 ผ้าขาวบางหรือผ้าขาวดิบ ผ้าขาวบางหรือผ้าขาวดิบ เป็นชนิดเดียวกับผ้าดิบที่ใช้เขียนป้ายมีขายเป็นม้วนใหญ่เป็นส่วนประกอบ ส่วนหนึ่งที่มีความส าคัญในงานซ่อมหนังสือ ผ้าดิบหรือผ้าขาวบางใช้หุ้มสัน หนังสือเมื่อทากาวประกอบเข้ากับ
73 ปกและสันแล้ว ผ้าดิบจะช่วยยึดติดกับปกหนังสือและตัวเล่มหนังสือเข้าด้วยกัน ร่วมกับใบร่องปก หนังสือจึงมี ความคงทนมากยิ่งขึ้น ผ้าคิ้ว รูปที่ 4.8 ผ้าคิ้ว ผ้าคิ้วหนังสือมีหลายสีด้วยกันใช้ติดเข้ากับตัวเล่มในของหนังสือโดยวัดตามขนาดความหนาของหนังสือติดเข้า กับสันหนังสือด้านล่างและด่านบนให้ขอบสีที่นูนหันออกด้านนอกและผ้าคิ้วยังติดเพื่อเพิ่มความสวยงามของ หนังสือและป้องกันการแยกของขอบหนังสือได้อีกด้วย ปัจจุบันผ้าคิ้วหนังสือมีขายเป็นม้วนและราคาค่อนข้าง แพง แต่ผ้าคิ้ว 1 ม้วน ก้อสามารถใช้ซ่อมหนังสือได้หลายเล่ม
74 กระดาษรองปก รูปที่ 4.9 กระดาษรองปก กระดาษรองปก ใช้กระดาษหนา 120 แกรม หรือ 150 แกรม ตัดกระด่ษเท่า A3 ใบรองปกจะมีขนาดหนากว่า ธรรมดา หรือตามความหนาที่ได้ตามมาตรฐานของกระดาษ กระดาษใบรองปกใช้ทากาวติดกับเล่มในหนังสือ เมื่อทากาวติดกับเล่มในหนังสือแล้วจะใหญ่กว่าเล่มในหนังสือเล็กน้อยแล้วจึงใช้คัดเตอร์ตัดส่วนที่เกินออกให้กับ ตัวเล่ม เมื่อประกอบตัวเล่มเสร็จแล้วจะเห็นใบรองปกหนึ่งยึดกับปก อีกแผ่นหนึ่งยึดกับเล่ม กาวทาเท็กซ์ TOA รูปที่ 4.10 กาวทาเท็กซ์ TOA
75 กาวทาเท็กซ์ TOA เครื่องมื่อหรือวัสดุการซ่อมหนังสือทุกประเภทมีความส าคัญที่ต้องใช้ในการซ่อม หนังสือหรือการเข้าเล่มปกแข็งหนังสือหรือวารสาร ถ้าขาดวัสดุอุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่งไปก็จะไม่สมบูณณื อย่างแน่นอน กาวก็เป้นวัสดุที่จ าเป็นต้องใช้เป็นตัวเชื่อม ประโยน์ชของกาวลาเท็กซ์ เช่นใช้ทาติดผ้าและ กระดาษแล็กซีนท าปก ใช้ทาใบรองปก ใช้ทาติดผ้าคิ้วและผ้าดิบท าสันหนังสือ ใช้ทาติด ชื่อ-เรื่อง ท าสันหนังสือ และปกหนังสือ ใช้ทาติดหน้ากระดาษที่หลุดออกจากตัวเล่ม ใช้ทาเพื่อเข้าเล่มรายงาน โครงงานวิจัยต่างๆ แผ่นยางรองตัดกระดาษ รูปที่ 4.11 แผ่นยางรองตัดกระดาษ แผ่นยางรองตัดกระดาษ เป็นอุปกรณืใช้รองตัดกระดาษแข็งเพื่อท าปกหนังสือและใช้รองกระดาษใบรองปก แผ่นยางรองตัดกระดษแข็งควรจะมีความกว้างยาวอย่างน้อย 60x90 เซนติเมตร เพื่อใช้รองตัดกระดาแข็ง เบอร์ 24 กระดาษจะใหญ่กว่าแผ่นยางเล้กน้อย แผ่นยางรองตัดมีตารางใช้วัดแทนไม้บรรทัดได้ ประดยน์ชของ ตาราง ใช้วัดและใช้รองตัด ชื่อ-เรื่อง หนังสือและสันหนังสือ ซึ่งท าพร้อมกันไปจะท าให้ประหยัดเวลาในการ ซ่อมหนังสือ
76 กระดาษแข็งท าปกหนังสือ รูปที่ 4.12 กระดาษแข็งท าปกหนังสือ กระดาษแข้งท าปกหนังสือ หรือกระดาษหลังรูป เบอร์ 24 ใช้ตัดท าปกหนังสือที่ปกช ารุดไม่สามารถซ่อมได้ ควรท าปกใหม่หรือเข้าเล่มใหม่ กระดาษที่ใช้ท าปกหนังสือควรใช้กระดาเกรด A กระดาษจะมีความแข็งแรงไม่ ขาดและไม่ยุ่ยง่าย เมื่อตัดด้วยมีดคัตเตอร์ก้อจะประหยัดใบมีดคัตเตอร์อีกด้วย กระดาษและผ้าแร็กซีน รูปที่ 4.13 กระดาษและผ้าแร็กซีน
77 กระดาษและผ้าแร็กซีน ใช้หุ่มท าปกหน้าปกหลังและสันหนังสือ ผ้าแร็กซีนที่ใช้ควรเป็นผ้าคุณภาพดี ปัจจุบัน ที่ใช้เป็นผ้าแร็กซีนตราเพรชจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและทนทานต่อการใช้งาน วัสดุและอุปกรณ์ขนาดเล็ก รูปที่ 4.14 วัสดุและอุปกรณ์ขนาดเล็ก กรรไกร มีดคัดเตอร์,ใบมีด NT-Cutter BD-100 ฆ้อน เข็ม เบอร์ 4.5 ดอกสว่าน SIZE 1/8 ไม้บรรทัดเหล็ก ลูกกลิ้นพับใบรองปก เหล็กถอนลวด แปรงทากาว ไม้เนียน ผ้าเช็ดกาว เครื่องเย็บกระดาษ(แม็ก) เท็ปใส 3 เอ็ม เทปผ้าแร็กซีน เยื่อกาว 2 หน้า ด้ายตรากวาง เบอร์ 20/18
78 4.5. หลักการและวิธีการซ่อมบ ารุงหนังสือ ขั้นที่ 1 คัดแยกหนังสือที่มีขนาดเท่ากัน รูปที่ 4.15 คัดแยกหนังสือที่มีขนาดเท่ากัน ขั้นตอนแรกในการซ่อมหนังสือ คัดแยกหนังสือที่มีตัวเล่มเท่ากัน โดยเริ่มจากการซ่อมหนังสือที่มีขนาดใหญ่ ไปหาขนาดเล็กตามล าดับ เพื่อสพดวกและประหยัดเวลาในการซ่อม ขั้นตอนที่ 2 ดึงปกหน้าและปกหลังหนังสือออกจากตัวเล่ม รูปที่ 4.16 ดึงปกหน้าและปกหลังหนังสือออกจากตัวเล่ม น าหนังสือที่เราจะท าการซ่อม ดึงปกหน้า ปกหลัง และสันหนังสือ ออกจากตัวเล่ม แยกสันเก็บไว้เพื่อน ามาใช้ ประกอบตัวเล่มในขั้นต่อไป
79 ขั้นตอนที่ 3 น าตัวเล่มหนังสือมาเจาะรู ด้วยสว่านไฟฟ้า รูปที่ 4.17 น าตัวเล่มหนังสือมาเจาะรู ด้วยสว่านไฟฟ้า หนังสือที่มีขนาดขนาดใหญ่ให้เจาะ 4 รู เล่มที่มีขนาดเล็กเจาะ 3-4 รู หรือเจาะรูตามความเหมาะสมกับขนาด หนังสือที่ต้องการซ่อม โดยเว้นระยะห่างจากสั้นหนังสือ 0.5 เซนติเมตร และเว้นระยะห่างจากขอบด้านบนและ ด้านล่างของหนังสือประมาณ 1 นิ้ว ระยะห่างระหว่างแต่ละรู ห่างกันตามความเหมาะสมของขนาดตัวเล่ม หนังสือ โดยเว้นช่วงห่างระหว่างแต่ละรูเท่าๆกัน ขั้นตอนที่ 4 ใช้เข็มและด้ายร้อยรูตัวเล่มหนังสือ รูปที่ 4.18 ใช้เข็มและด้ายร้อยรูตัวเล่มหนังสือ
80 ใช้เข็มร้อยรูด้ายที่เตรียมไว้ ร้อยขึ้นรูที่ 2 นับจากทางขวามือ และร้อยลงรูที่ 1 จากนั้นร้อยรูที่ 3 นับจากทาง ขวามือ จากนั้นร้อยรูที่ 4 และขึ้นรูที่ 3 และร้อยลงรูที่ 2 จะเป็นรูเดียวกับรูที่ร้อยเข็มขึ้นตอนแรก จากนั้นกลับ ด้านหนังสือ เพื่อดึงด้ายให้ตึง แล้วมัดให้แน่นสองครั้ง เป็นอันเสร็จขั้นตอนตัวเล่มหนังสือ ขั้นตอนที่ 5 ทากาวบนเชือกเย็บเล่มหนังสือด้านหน้าปกและด้านหลังปกหนังสือ รูปที่ 4.19 ทากาวบนเชือกเย็บเล่มหนังสือด้านหน้าปกและด้านหลังปกหนังสือ ทากาวบนเชือกเย็บเล่มหนังสือด้านบนหรือหน้าปกหนังสือบริเวณด้านข้างติดกับสันหนังสือ โดยทาเป็นแนว ยาวให้ทั้วบริเวณที่เป็นด้ายเย็บหนังสือ และห่างจากขอบสั้นหนังสือประมาร 1 เซนติเมตร โดยใช้กาวทาบางๆ เพื่อเตรียมติดใบรองปกหนังสือ ขั้นตอนที่ 6 ติดใบรองปกตัวเล่มหนังสือด้านหน้าและด้านหลัง รูปที่ 4.20 ติดใบรองปกตัวเล่มหนังสือด้านหน้าและด้านหลัง
81 ติดใบรองปกด้านหน้าของตัวเล่มหนังสือ ใช้ส่วนที่พับของกระดาษรองปกติดขนาดตามแนวยาวของสันหนังสือ เมื่อติดในรองปกเรียบร้อยแล้วใช้คัตเตอร์ตัดกระดาษรองปกส่วนที่เกินออกให้เท่ากับตัวเล่มหนังสือ ส่วนใบรอง ปกด้านหลังก็ท าเหมือนกันด้านหน้าเป็นอันเสร้จขั้นตอนการติดใบรองปก ขั้นตอนที่ 7 วัดขนาดตัวเล่มหนังสือ เพื่อเตรียมตัดกระดาษแข็งท าปก รูปที่ 4.21 วัดขนาดตัวเล่มหนังสือ เพื่อเตรียมตัดกระดาษแข็งท าปก วัดความยาวของตัวเล่มหนังสือแล้วบวกเพิ่มอีก 0.6 มิลลิเมตร เป็นความยาวของปกหนังสือ จากนั้นวัดความ กว้างของหนังสือ เท่ากับความกว้างของตัวเล่ม ส่วนของสันหนังสือ คยาวยาวของสันหนังสือเท่ากับความยาว ของปกที่บวกเพิ่ม 0.6 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างของสันเท่าดับความกว้างที่วัดได้ของตัวเล่มหนังสือ จากนั้น เขียนความกว้าง ความยาวและสันหนังสือที่ได้ลงบนหน้าปก เพื่อเตรียมตัดกระดาแข็งท าปกหนังสือต่อไป ขั้นตอนที่ 8 ตัดกระดาแข็ง ท าปกหน้า ปกหลัง และสันหนังสือ รูปที่ 4.22 ตัดกระดาแข็ง ท าปกหน้า ปกหลัง และสันหนังสือ
82 ตัดกระดาษแข็งท าปกหน้า ปกหลัง และสันหนังสือ โดยเริ่มวัดกระดาษท าปกหน้าทางด้านความยาวของ ตัวเล่มที่วัดได้ก่อน จากนั้นวัดด้านความกว้างของตัวเล่ม เสร็จแล้วใช้มีดคัตเตอร์ตัดด้านกว้างของปกหนังสือ ปกหน้า ปกหลัง และสันยาวไปจนสุดกระดาษ โดยไม่ให้เหลือเศษไว้ทั้งสองด้าน แล้วจึงตัดแบ่งส่วนของปกหน้า ปกหลัง และสัน ดังภาพขั้นตอนที่ 8 ขั้นตอนที่ 9 ติดผ้าคิ้วและผ้าดิบเพื่อยึดสันหนังสือ รูปที่ 4.23 ติดผ้าคิ้วและผ้าดิบเพื่อยึดสันหนังสือ น าผ้าคิ้วมาตัดให้พอดีกับความกว้างของสันหนังสือ จ านวนสอนชิ้น แล้วน ามาติดขอบสันทั้งด้านบน และด้านล่าง โดยให้แถบสีของผ้าคิ้วหันออกด้านนอกตัวเล่มหนังสือ จากนั้นน าผ้าดิบติดตรงกลางระหว่างผ้าคิ้ว ตัดผ้าดิบให้ได้ความกว้างเลยขอบสันหนังสือออกมาพอประมาณ และความยาวของผ้าดิบสั้นกว่าสันหนังสือ เล็กน้อย ขั้นตอนที่ 10 ตัดผ้าแร็กซีน ทากาวติดกับกระดาษแข็งท าปก รูปที่ 4.24 ตัดผ้าแร็กซีน ทากาวติดกับกระดาษแข็งท าปก
83 ตัดผ้าแร็กซีนให้มีขนาดใหญ่กว่ากระดาษแข็งท าปก เลยจากขอบกระดาษแข้งประมาณ 1 นิ้ว จากนั้นทากาว ลงบนผ้าแร็กซีน แล้วน ากระดาแข้งลงบนผ้าแร็กซีน ให้สูงเสมอกันสัน และให้ปกทั้งสองด้านห่างจากสั้น ประมาณ 0.8 มิลลิเมตร จากนั้นตัดมุมผ้าแร็กซีนทั้ง 4 ด้าน ห่างจากมุมกระดาษแข็ง 0.5 เซนติเมตร แล้วผับ ผ้าแร้กซีนห่อปกทั้ง 4 ด้าน เสร้จแล้วน าไปอัดด้วยเครื่องอัดหนังสือให้เรียบและดูสวยงาม ขั้นตอนที่ 11 ทากาวประกอบตัวเล่ม รูปที่ 4.25 ทากาวประกอบตัวเล่ม จัดตัวเล่มหนังสือให้อยู่กึ่งกลางปก แล้วทากาวที่กระดาษแข็งบริเวณสันหนังสือ และใบรองปกให้ทั่ว โดยปัด แปรงทากาวออกด้านข้างและด้านล่างตัวเล่มหนังสือ จากนั้นพับกระดาษแข็งส่วนที่เป็นปกเข้าหาตัวเล่มทั้งสอง ด้าน เป็นอันเสร็จขั้นตอนที่ 11 ขั้นตอนที่ 12 ใช้เครื่องอัดหนังสืออัดหนังสือให้เรียบ รูปที่ 4.26 ใช้เครื่องอัดหนังสืออัดหนังสือให้เรียบ
84 น าหนังสือที่เข้าเล่มเรียบร้อยไปอัดด้วยเครื่องอัด เพื่อให้เรียบร้อยและดูสวยงาม โดยใช้กระดาษรองหนังสือทั้ง ด้านบนและด้านล่าง ขั้นตอนที่ 13 ตัดปกหน้าและสั้นหนังสือติดลงบนตัวเล่ม รูปที่ 4.27 ตัดปกหน้าและสั้นหนังสือติดลงบนตัวเล่ม น าปกและสัน ที่ดึงออกจากตัวเล่มมาตัดขอบ และทากาวติดลงบนปกและสันหนังสือให้เรียบร้อย ขั้นตอนที่ 14 อัดปกหนังสือให้เรียบด้วยเครื่องอัด รูปที่ 4.28 อัดปกหนังสือให้เรียบด้วยเครื่องอัด น าหนังสือที่ติดปกและสันเรียบร้อยแล้ว เข้าเครื่องอัดอีกครั้งและตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวเล่มหนังสือ เป็นอันเสร็จขั้นตอนและวิธีการการซ่อมบ ารุงรักษาหนังสือ
85 -ตัวเล่มที่เสร็จเรียบร้อย รูปที่ 4.29 ตัวเล่มที่เสร็จเรียบร้อย การให้ค าแนะน าแก่ผู้ใช้เกี่ยวกับการระมัดระวังหนังสือที่ถูกต้อง 1. อย่าสอดของหนาๆ ไว้ในเล่มหนังสือ 2. ไม่พับหน้าหนังสือ 3. ไม่วางหนังสือคว่ าหรือหงายทิ้งไว้ 4. ไม่ขีดเขียนหรือท าเครื่องหมายลงในหนังสือ 5. ไม่ฉีกหรือตัดหน้าหนังสือ 6. ไม่ใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น บังแดด บังฝน หนุนศีรษะ 7. ไม่เปิดกลางเกิน 180 องศา 8. อย่านอนอ่าน อาจหลับทับหนังสือได้ 9. อย่ารับประทานอาหารขณะอ่าน 10. อย่าใช้มือเปรอะเปื้อนหยิบจับหนังสือ 11. อย่าวางหนังสือซ้อนทับกันหลาย ๆ เล่ม 12. อย่าวางหนังสือไว้ใกล้มือเด็กหรือสัตว์เลี้ยง 13. อย่าโยนหนังสือท าให้หนังสือตกจากที่สูง 14. เมื่อหยิบหนังสือออกจากชั้นวาง อย่าดึงที่บนขอบสัน ให้พยายามจับที่กลางสัน 15. ถือและเปิดหนังสือให้ถูกต้อง 16. อย่าใช้นิ้วแตะน้ าลายเพื่อเปิดหนังสือ 17. ควรมีการเปิดหนังสือใหม่ก่อนน าไปอ่าน ปัญหาในการปฏิบัติงานการซ่อมและการบ ารุงรักษาหนังสือ อุปกรณ์ในการซ่อมหนังสือมีจ านวนน้อยไม่เพียงพอต่อจ านวนผู้ฝึก รวมถึงพื้นที่ในการซ่อมบ ารุงคับ แคบเกินไป จ านวนหนังสือที่จะท าการซ่อมมีมากท าให้ต้องเร่งรีบในการซ่อม
86 4.6.สรุปการปฎิบัติงานฝ่ายบ ารุงรัษาทรัพยากรสารนิเทศโครงการเข้าปกหนังสือ เริ่มต้น รับหนังสือจากงานบริการ ด าเนินการซ่อมตามกระบวนการ ดึงปกด้าน เจาะรูเย็บ ตัดกระดาษ น าปก/สันหนังสือ นอกของ เชือก ทากาวติด แข็งพันแร็กซี ทากาวติด ซ่อม มาติด ติด หนังสือ ใบรองปก นกระดาษแร็ก ปกหนังสือ ทับกับปกใหม่ หนังสือ ซ่อมเก็บไว้ ซีนท าปก (ปก) หนังสือ ตรวจสอบความเรียบร้อยของปก หนังสือ แก้ไขงานที่ไม่เรียบร้อย ติดผ้าคิ้ว / ติดสัน ทากาวติดปกเข้าเล่มหนังสือแล้วน าเข้าเครื่องอัด ตรวจสอบความถูกต้องรูปเล่มก่อน ส่งคืนฝ่ายต่างๆ แก้ไขงานที่ไม่เรียบร้อย ส่งงานวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศด าเนินการ จบการท างาน รูปที่ 4.30 สรุปการปฎิบัติงานฝ่ายบ ารุงรักษาทรัพยากรสารนิเทศโครงการเข้าปกหนังสือ
87 บทที่ 5 งานฝ่ายบริการทรัพยากรสารสนเทศ ระยะเวลาในการฝึกปฏิบัติงาน 7 มีนาคม – 25 มีนาคม 2559 ผู้รับผิดชอบ นางสาวขวัญตระกูล กลิ่นสุคนธ์ ต าแหน่ง หัวหน้าฝ่ายบริการสารสนเทศ บริการของหอสมุด คือ การให้บุคคลได้ใช้หนังสือและวัสดุต่าง ๆ ที่หอสมุดจัดหามาเพื่อประโยชน์แก่ การศึกษา การค้นคว้า ความรู้ทั่ว ๆ ไป ความจรรโลงใจ และความเพลิดเพลิน งานด้านนี้จึงมีการให้ยืมหนังสือ และพยายามให้คนได้ใช้หนังสือด้วยวิธีต่าง ๆ และให้ความช่วยเหลือในการตอบค าถามต่าง ๆ อันจะหาได้จาก หนังสือ งานบริการของส านักหอสมุดเปิดให้ผู้ใช้ได้เข้าใช้บริการ 3 ชั้นด้วยกัน ดังนี้ บริการชั้นที่ 1 one-stop Service Counter 1 บริการท าบัตรสมาชิกห้องสมุด บริการยืม–คืน บริการยืมระหว่างห้องสมุด บริการตอบค าถามและช่วยการค้นคว้า แนะน าการใช้ห้องสมุด การสืบค้นสารสนเทศ วารสารและหนังสือพิมพ์ นวนิยาย เรื่องสั้น พื้นที่นั่งอ่าน 24 ชั่วโมง (Zone-24) บริการเครื่องถ่ายเอกสาร/พิมพ์งานด้วยตนเอง บริการชั้นที่ 2 one-stop Service Counter 2 บริการยืม–คืน บริการสื่อโสตทัศนวัสดุ และโสตทัศนูปกรณ์ แนะน าการใช้ห้องสมุด การสืบค้นสารสนเทศ บริการมัลติมีเดีย ห้องอบรมคอมพิวเตอร์ หนังสือภาษาไทย บริการเครื่องถ่ายเอกสาร/พิมพ์งานด้วยตนเอง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190