อปุ มาโว“เหมาอื่ รตัดสินใจแยกทางกัน เขาเดินจากไป เธอกร็ อ้ งไห้ประหนึ่งว่าใจจะขาด” “บนเขาเป็นธรรมชาตมิ าก ทกุ วันเราจะออกเดินป่าโดยไปเป็นกลุ่มบา้ ง เด่ียวบา้ ง” บรรยายโวหาร “ท้องฟ้าสีครามสดใส โอบคลมุ ไปดว้ ยปยุ เมฆขาวสะอาดตา” พรรณนาโวหาร
“คนเราเกิดมาทั้งทีควรทำความดีให้มากท่ีสุดถึงแม้การทำดีจะต้องใช้เวลานานกว่าจะ เหน็ ผลเรากต็ อ้ งอดทน สักวันความดีจะสนองให้ไดด้ ีคนดีย่อมตกนา้ ไมไ่ หลตกไฟไมไ่ หม”้ เทศนาโวหาร “อำนาจความสัตย์เป็นอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงแต่จับหัวใจคน แม้แต่สัตว์ก็ยังมี ความรสู้ ึกในความสัตย์ซ่อื เมื่อกวนอูตายแลว้ ม้าของกวนอูก็ไม่ยอมกินหญ้ากินน้า และ ตายตามเจา้ ของไปในไม่ชา้ ไมย่ อมใหห้ ลังของมันสัมผัสกับผู้อนื่ นอกจาก นายของมัน” สาธกโวหาร
โวหารการเขยี น
๑. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของการเขียนได้ ๒. นักเรยี นสามารถเลอื กใชภ้ าษาในการเขียนได้ถกู ต้อง
การเขียน การส่ือสารเร่ืองราว ความต้องการ ความคิดเห็น หรือความรู้สึกไปสู่ผู้อ่านเพ่อื ให้เกิด ความรู้ ความเขา้ ใจ ตามท่ีผู้เขียนตอ้ งการ
เป ็ น ศิ ล ป ะ อ ย ่ า ง ห น่ึ ง ใน ก า ร เขี ย น เพ่ือให้ผู้อ่านเข้าใจความคิดและเกิดจินตภาพ ได้ชัดเจนมากกว่าการใช้ถ้อยคำธรรมดา
โวหารแบ่งออกเปน็ ๕ ประเภท บรรยายโวหาร เล่าเรือ่ งราว บอกเลา่ พรรณนาโวหาร เหตกุ ารณ์ไปตามลำดับ เลา่ รายละเอยี ด แทรก อารมณ์ความรสู้ ึกให้เห็นภาพ อุปมาโวหาร เปรยี บเทียบให้เข้าใจความหมาย เทศนาโวหาร สอนใจใหค้ ดิ สาธกโวหาร ยกตวั อยา่ งเพอ่ื อธบิ ายให้แจ่มแจง้
๐๑ บรรยายโวหาร
บรรยายโวหาร บรรยายโวหารใช้ในการเล่าเร่อื ง บอกเล่า หรอื อธิบายเรอ่ื งราวตา่ ง ๆ ใชถ้ อ้ ยคำธรรมดา ใช้ภาษางา่ ย ๆ ตรงไปตรงมาเหน็ แบบไหนกเ็ ขียนแบบนั้น วันน้ีเป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณยาย แม่ของฉันต่ืนแต่เช้าเพ่ือ หุงข้าวและทำกับข้าวเตรียมไว้ให้คุณยายใส่บาตรในตอนเช้า ส่วนฉันกับ คุณยายกำลังนั่งพับดอกบัวรออยู่หน้าบ้าน คุณยายบอกว่า การพับ ดอกบัว เป็นงานละเอียดอ่อน ต้องอาศัยสมาธิ และใจท่ีหยุดน่ิง ผ่องใส ประณีต จงึ นับเป็นการฝกึ สมาธิ และฝึกใจให้ผ่องใสไปในตัว
บรรยายโวหาร อย่างแรกที่บอกได้เลยคือ บ้านของบอย และบ้านของพ่ีก๊ิบมี กำแพงสูงเกือบเท่าตัวบ้านกั้นอยู่หน้าบ้าน ส่วนบ้านของเราเป็นรั้วตาข่าย แล้วปลูกต้นไม้จนหนาทบึ จากเรอ่ื ง บ้านพลิ กึ ของ ว.วินิจฉัยกลุ
หลกั การเขยี นบรรยายโวหาร ๑ เรอ่ื งทเ่ี ขยี นต้องเป็นเรือ่ งจริง ผู้เขียนควรมีความรู้เกี่ยวกับเร่ืองท่ีจะเขียน เปน็ อย่างดี โดยอาจรมู้ าจากประสบการณ์ หรอื การค้นคว้ากไ็ ด้ ๒ เลือกเขียนเฉพาะสาระสำคัญไม่เน้นรายละเอียด แต่เขียนตรงไปตรงมา ไมอ่ ้อมคอ้ ม กระชับ ชัดเจน
หลกั การเขยี นบรรยายโวหาร ๓ ใช้ภาษาใหเ้ ข้าใจงา่ ย หากต้องการจะกลา่ วให้ชัดเจนอาจใช้อุปมาโวหารและ สาธกโวหารเข้าช่วยได้บ้าง แต่ต้องไม่มากจนส่วนท่ีเป็นสาระสำคัญ กลายเปน็ ส่วนดอ้ ยไป ๔ เรียบเรยี งความคิดให้ต่อเนอ่ื ง และสัมพันธ์กัน
๐๒ พรรณนาโวหาร
พรรณนาโวหาร โวหารท่ีใช้ในการเขียนเรื่องราวอย่างละเอียด เพ่ือให้ผู้อ่านเห็นภาพ ชัดเจนย่ิงขึน้ เขา้ ใจอารมณ์และความรู้สึก ใชภ้ าษาไพเราะ ทะเลหมอกในยามเช้าเรียงรายกันเหมือนกับท้องทะเลไม่มีผิดแสง หมอกอุ่นๆ กระจายเต็มทั่วบริเวณ ความงดงามยามรุ่งอรณุ ที่เคยต้อนรับ ให้เราเดินทางสู่วันใหม่ด้วยความอบอุ่นใจ อากาศหนาวพร้อมทั้งความเย็น ที่มาสัมผัสร่างกาย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังมากับสายลมอ่อน ๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขท่ามกลางธรรมชาติท่ีแสนสวยงาม ในยาม เชา้ ทแ่ี สนจะสดใส
พรรณนาโวหาร “บ้านดอยเมื่อสมัยสิบปีก่อนยังเป็นชนบทห่างไกล เต็มไปด้วยกล่ินอายเก่า ๆ เสียงซึงดัง ควันไฟลอยพลุ่ง ๆ พ้นยอดไม้เม่ือยามเย็น สายแห่งหมอกเหมยเฉียบช้ืนยามใกล้ แจ้ง นา้ คา้ งตกจากชายคาดังเปาะ ๆ” หุบเขากินคน : มาลา คำจันทร์
หลักการเขียนพรรณนาโวหาร ๑. ต้องใช้คำดี หมายถึง การเลือกสรรถ้อยคำ เพื่อให้ส่ือความหมาย ส่ือภาพ ส่ืออารมณ์เหมาะสมกับเนื้อเร่ืองที่ต้องการบรรยายควรเลือกคำ ที่ให้ ความหมายชัดเจน ทั้งอาจต้องเลือกให้เสียงคำสัมผัสกันเพื่อเกิดเสียงเสนาะ อยา่ งสัมผัสสระ สัมผัสอักษรในงานร้อยกรอง ๒. ต้องได้ใจความแม้จะพรรณนายืดยาว แต่ใจความต้องมุ่งให้เกิดภาพและ อารมณค์ วามร้สู กึ สอดคลอ้ งกับเนือ้ หาที่กำลังพรรณนา
หลักการเขยี นพรรณนาโวหาร ๓. อาจต้องใช้อุปมาโวหาร คือ การเปรียบเทียบเพ่ือให้ได้ภาพชัดเจน และมักใช้ศิลปะ การใชค้ ำทเี่ รยี กว่า ภาพพจน์ประเภทต่าง ๆ ทั้งนเ้ี ป็นวิธีการที่จะทำให้พรรณนาโวหาร เด่น ทั้งการใช้คำ และการใช้ภาพที่แจ่มแจ้ง อ่านแล้วเกิดจินตนาการและความรู้สึก คล้อยตาม ๔. ในบางกรณีอาจต้องใช้สาธกโวหารประกอบด้วย คือการยกตัวอย่าง เพื่อให้เกิด ความแจ่มแจ้ง โดยยกตัวอย่างส่ิงท่ีละม้ายคล้ายคลึงกันเพ่ือให้เกิดภาพ และอารมณ์ เด่นชัดพรรณนาโวหารมักใช้กับการชมความงามอ่ืน ๆ เช่น ชมสถานท่ี สรรเสริญ บคุ คล หรอื ใช้พรรณนาอารมณ์ ความร้สู กึ เชน่ รัก เกลียด โกรธ แค้น เศร้าสลด
ประเภทของเรือ่ งท่ใี ช้วิธกี ารเขยี นพรรณนา ๑. การพรรณนาบุคคล ๒. การพรรณนาสถานที่ ผู ้ เขี ย น ค ว ร สั ง เก ต รู ป ร ่ า ง ห น ้ า ต า ผู้เขียนควรสังเกตลักษณะของ เพ่ือค้นหาบุคลิกลักษณะเฉพาะของ สถานที่ ตำแหน่งที่ตั้ง เหตุการณ์ บคุ คลมาเป็นขอ้ มลู ในการพรรณนา ที่ทำให้ประทับใจ เพ่ือนำมาเป็น ข้อมลู ในการพรรณนา
ประเภทของเรือ่ งท่ใี ช้วธิ กี ารเขยี นพรรณนา ๓. การพรรณนาธรรมชาติ ๔. การพรรณนาเหตกุ ารณ์ ผู้เขียนควรสังเกตทิวทัศน์บรรยากาศ ผเู้ ขยี นควรสังเกตลักษณะเด่น สิง่ มชี ีวติ และไมม่ ชี วี ติ โดยรอบ เพอ่ื นำมา ของเหตกุ ารณ์ เปน็ ข้อมลู ในการเขยี น
กจิ กรรม จากภาพสู่ตัวอักษร ใหน้ ักเรยี นเลอื กเขียนบรรยายโวหาร หรอื พรรณนาโวหาร จากภาพทไี่ ดร้ ับ
๐๓ อปุ มาโวหาร เปรยี บเทยี บให้เข้าใจความหมาย
อุปมาโวหาร โวหารท่มี ีการเปรยี บเทียบใหผ้ อู้ นื่ เขา้ ใจมากยิ่งขึ้น เปน็ โวหารเสริมท่ี ใช้เสรมิ บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร และเทศนาโวหาร เม่ือย่ีสิบปีที่แล้ว ฉันเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง วันนี้ทุก อย่างเปล่ียนไปจากเดิมมาก โดยเฉพาะอาคารเรียนถูกร้ือทิ้งไปราวกับ วา่ ทต่ี รงนี้ไมเ่ คยมีอาคารเรียนมาก่อน โดย กานต์ธิดา แก้วกาน
หลักการเขียนอุปมาโวหาร ๑. เปรียบเทียบของส่ิงหนึ่งเหมือนส่ิงหนึ่ง ใช้คำว่า เหมือน ราว ดุจ ดัง เพียง เสมือน ประดุจ ฯลฯ เป็นตัวเชอ่ื มข้อความ เชน่ เธอสวยราวกับนางฟ้า เขาดีใจเหมือนถกู รางวัล แมร่ ักลกู ดังดวงใจ ๒. เปรียบเทยี บโดยโยงความคิดผู้อ่านไปส่สู งิ่ หนงึ่ เช่น ชวี ติ เหมือนนวนิยาย
๐๔ เทศนา โวหาร
เทศนาโวหาร โวหารท่มี จี ุดมงุ่ หมายในการเขยี นเพื่อแนะนำ สั่งสอน หรือมุง่ ให้ผู้อ่านปฏิบัติตาม “ความสำเร็จ” ไม่ได้เกิดข้ึนง่าย ๆ และไม่ได้เกิดข้ึนกับทุกคน แค่ ความคิดอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้ประสบความสำเร็จ หากเราไม่เริ่มลงมือทำ หากไม่อยากล้มเหลว ผิดหวัง ก็ต้องลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูสักครั้ง “คาดหวังให้น้อย ลงมือทำให้มาก” ในทุกความพยายามอาจจะไม่ประสบ ความสำเรจ็ แตท่ กุ ความสำเร็จ ต้องใช้ความพยายาม โดย สโรชา สุพันธ์
หลักการเขยี นเทศนาโวหาร ๑ การเขียนเทศนาโวหารต้องใช้โวหารประเภทต่าง ๆ มาประกอบ กล่าวคือ ทั้งใช้บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร อุปมาโวหาร และสาธกโวหารด้วย เพ่อื ให้ใจความชัดเจนแจม่ แจ้ง จนเกดิ ความรสู้ ึกนึกคดิ คลอ้ ยตาม ๒ หากเป็นการแสดงความคดิ เห็นควรอธิบายทั้งด้านท่ีเป็นประโยชน์และโทษ หรอื แสดงเหตุและผล ๓ ผู้เขยี นต้อง มคี วามรเู้ กี่ยวกับเร่ืองทีเ่ ขยี นเปน็ อย่างดี สามารถอธิบายอย่าง ชัดเจน อีกทั้งควรพรรณนาให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซ้ึง ต้องรู้จักใช้ เหตุผลและหลักฐานสนับสนนุ ความคดิ เหน็ ท่ีตนเสนอดว้ ย
๐๕ สาธกโวหาร ยกตัวอย่างเพ่ืออธบิ ายให้แจ่มแจ้ง
สาธกโวหาร โวหารท่ีมกี ารยกตัวอยา่ ง นำเรื่องราวอื่นเข้ามาประกอบให้ชัดเจนขน้ึ หรือสนับสนุนความคิดเหน็ ใหน้ า่ เชอื่ ถือมากยง่ิ ขนึ้ ใชเ้ ขียนเสริมบรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร และเทศนาโวหาร ตัวอย่าง คนเราจะไปดูถูกคนอ่ืนเพียงเพราะเขาอ่อนแอกว่าหรือมีฐานะด้อย กว่าไม่ได้ นิทานอีสปเรื่องราชสีห์กับหนูก็บอกอยู่แล้วว่าแม้ราชสีห์จะมี อำนาจและทรงพลังเพียงใด แต่วันหนึ่งเม่ือเกิดปัญหาก็ต้องให้หนูตัวเล็ก ๆ มาช่วย ดังนั้นเราจึงควรปฏบิ ัติดตี ่อผู้อ่ืน มีน้าใจไมตรีต่อกันช่วยเหลือซ่ึงกัน และกัน ไม่วา่ จะเป็นใครก็ตาม โดย สโรชา สพุ ันธ์
หลักการเขียนสาธกโวหาร ๑. การเขียนสาธกโวหารจะเขียนควบคู่กับเทศนาโวหาร หรือ บรรยายโวหารโดยการยกตัวอย่างประกอบ ๒. ตัวอย่างท่ยี กมาประกอบต้องสอดคล้องสัมพันธ์กับเนื้อความ ในเทศนาโวหารหรอื บรรยายโวหาร ๓. ต้องยกตัวอย่างชัดเจนใช้ถ้อยคำง่าย และควรสรุปหลังจาก ยกตัวอย่างประกอบแล้ว ให้เห็นความสัมพันธ์ของเทศนาโวหาร กับสาธกโวหารหรอื บรรยายโวหารกับสาธกโวหาร
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: