Garbage In Garbage Out, GIGO ดร.อภริ ชั ศักด์ิ รัชนีวงศ์ ในการรายงานผลการปฏิบัติงาน หลายคนยังไม่ทราบว่า ผลผลิต ผลลัพธ์ ผลกระทบ ผลสัมฤทธิ์ จึงรายงานไปตามความรู้ หรือมโนเอาตามที่ได้รับมอบหมายให้ดาเนินการ นั่นคือ Garbage In Garbage Out, GIGO๑ การนาขยะเขา้ จะไดผ้ ลลัพธ์ขยะออก เป็นคาที่มักกล่าวกันใน งานสารสนเทศท่ีใช้เตือนสติผู้ใช้คอมพิวเตอร์ว่า ถ้าใส่ข้อมูลท่ีไร้คุณค่าลงไปในระบบงาน คอมพิวเตอร์ก็จะได้ข้อมูลท่ีไม่มีค่ากลับมา ซ่ึงตรงกับคาแปลตามตัวคือ นาขยะเข้าได้ขยะออก ส่วนในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน แปลว่า เข้าผิดออกผิด ในที่นี่ยังมีการกล่าวถึงรูปแบบ ข้ันตอนกระบวนการในการจัดการด้วยสรุปได้ดังนี้ (1) การนาข้อมูลขยะเข้าไป หากไม่มีการทา อะไร ก็ย่อมได้ผลลัพธ์ท่ีเป็นขยะออกมาแน่นอน (2) การนาข้อมูลขยะเข้าไป แม้ว่าจะมีขั้นตอน การจดั การท่ีดีมาชว่ ยทา แต่ก็ยังได้ผลลัพธ์ท่ีเป็นขยะออกมาเช่นเดิม (3) การนาข้อมูลท่ีดีมีความ ถูกตอ้ งเข้าไปและมขี ้ันตอนการจัดการท่ดี ีมาชว่ ยทาก็จะได้ผลลัพธ์ทเ่ี ป็นสารสนเทศท่ีดี (4) การนา ข้อมูลท่ีดีมีความถูกต้องเข้าไป แต่ถ้ามีข้ันตอนการจัดการท่ีไม่ดีมาทา ก็จะทาให้ได้ผลลัพ ธ์ที่เป็น ขยะออกมาไดเ้ ชน่ กัน สงิ่ นเ้ี ปน็ ส่งิ ทีส่ าคัญ ถ้าทุกคนรู้ว่าควรเริ่มให้ความสาคัญกับสิ่งที่ทาต้ังแต่ต้น เราจะได้ผลลัพธ์ที่ดี ในตอนท้ายแน่นอน ถ้า input ดีมีความถูกต้อง เราก็จะมีโอกาสท่ีจะต้องได้ ผลลัพธ์ หรือ output ท่ีดีมีความถูกต้องสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ และจะไม่ไปสร้าง ปญั หาใหก้ บั ผลลพั ธห์ รอื คนอน่ื ที่มารับเอาไปใช้ต่อไป สิ่งที่พูดคงไม่ได้หยุดท่ีเพียงการนาเข้าข้อมูล เพียงอย่างเดียว หากยังรวมถึงการนาเข้าปัจจัยอื่นในกระบวนการที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือ การผลิต เช่น บุคคลากรคนท่ีจะมาดาเนินงานมีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถตรงตาม ทคี่ วรนาเขา้ มาหรือไม่ ตัวอยา่ ง กรณีท่ี 1 การทาอะไรที่ผิดพลาดหรือไม่แก้ไขความผิดพลาดไม่ทาอะไรเลยปล่อยให้มี ความผิดพลาดส่งออกไปยังกระบวนการต่อไป การที่มีสิ่งที่ไม่ดีหรือขยะปล่อยมาแต่ต้น ย่ิงไม่ได้ ทาอะไรแก้ไขย่อมมีเกิดผลลัพธ์ท่ีไม่ดีต่อเนื่องออกมาแน่นอน ถือว่าเป็นส่ิงไร้ประโยชน์หรือ เราอาจเรียกวา่ “ขยะ”
๒ กรณีท่ี 2 การทาอะไรท่ีผิดพลาดหรือไม่แกไ้ ขความผิดพลาดไม่ทาอะไรเลย และยังปล่อย ให้มีความผิดพลาดสง่ ออกไปยังกระบวนการต่อไป แม้จะมีการพยายามทาข้นั ตอนกระบวนการท่ีดี เพยี งใด แต่ผลจากการนาเอาสิ่งทไี่ ม่ดีหรอื ขยะเข้ามาใช้ตง้ั แตต่ น้ ทางกม็ กั จะไดผ้ ลลัพธ์ไม่ดีต่อเน่ือง ออกมาแน่นอน ถือว่าพยายามทาเพียงใดก็ไดแ้ คส่ ิ่งไรป้ ระโยชนห์ รอื ทีเ่ รียกวา่ “ขยะ” อกี เช่นกนั กรณีที่ 3 การที่ได้มีการจัดการข้อมูลหรือทาอะไรที่พยายามให้มีคุณภาพไม่มีความ ผิดพลาด เมอ่ื ส่งออกไปยังกระบวนการต่อไป หากมกี ารจัดการข้นั ตอนกระบวนการท่ีดีมีประโยชน์ ก็จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ท่ีดีมีคุณภาพ สามารถนาเอาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป เช่นการนาข้อมูลท่ีดีเข้าไปก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นสารสนเทศท่ีดีมีประโยชน์มีคุณค่าเทียบได้ ดัง่ เพชร นัน่ เอง กรณที ี่ 4 แมว้ ่าจะไดม้ ีการจดั การขอ้ มูลหรอื จดั การข้อมูลให้มีคุณภาพไม่มีความผิดพลาด หากส่งออกไปยังกระบวนการท่ีไม่ดีมีความผิดพลาดมาใช้ดาเนินการจัดการต่อไปก็กลับจะทาให้ ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีต่อเน่ืองกลับออกมาได้เช่นกัน ถือว่าเป็นสิ่งไร้ประโยชน์หรือเราอาจเรียกว่า “ขยะ” เชน่ กัน การนาเอาข้อมูลเข้าท่ีดี คือวิธีการแก้ปัญหาผลลัพธ์ท่ีเลวลงไปได้ ง่ายๆ ก็คืออย่าทาให้มี ปัญหาตง้ั แต่ต้น กรณีเรื่องน้ีไม่เพียงใช้ได้ในงานด้านการจัดการข้อมูลเท่านั้น หากยังใช้ไปในด้าน การจัดการอื่นๆ ได้อีกมากมาย เช่น (๑) การจัดการบุคคลากรหรือคน การท่ีเราใช้คนโดยไม่มี การคดั เลอื ก การใช้คนไม่ตรงกับงาน ซึ่งต้องยอมรับว่าเม่ือไม่ใช่มันก็คือขยะในงานน้ัน แม้จะเป็น คนทมี่ ีความต้ังใจท่ีดี แตถ่ ้าไม่ใช่คนมีความรู้จริงตรงงานก็ยากจะไปสู่จุดหมายผลลัพธ์ท่ีดีที่หวังไว้ แม้ว่าจะมีกระบวนการที่ดีมาช่วย แต่ผลลัพธ์ก็อาจจะได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรืออาจได้ผลลัพธ์ ท่ีไมต่ ่างกันไปจากขยะ ฝร่ังถึงย้าไงว่า “Put the right man in the right Job” (๒) การจัดการ วัตถุดิบในการผลิตให้ดีมีคุณภาพแต่ต้น เมื่อส่งเข้าไปสู่กระบวนการผลิตที่ดีมีประสิทธิภาพ จะพบว่า หากมีการจัดการขั้นตอนกระบวนการท่ีดีมีประโยชน์มาเพ่ิมก็จะยิ่งช่วยให้ได้ผลผลิต สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพท่ีดีมีคุณภาพ สามารถนาเอาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างดี อาจลดปัญหาการสูญเสีย ขยะในการทางาน ลดระยะเวลาและราคาไปได้มากมาย (๓) การที่ จะไดผ้ ลลัพธ์ (Output) ออกมาหนึง่ อย่าง อาจจะมีวิธีการป้อนตัวนาเข้า (Input) ได้หลายร้อยวิธี เพอ่ื ทาใหไ้ ด้ผลลพั ธอ์ อกมา สรปุ ได้ว่า การได้ผลลัพธ์ (output) ท่ีดีถูกต้องและมีคุณภาพน้ัน ควรจะต้องมีส่วนผสม ของสิ่งท่ีนาเข้า (input) ที่ดี
๓ ดังนั้น เวลาท่ีจะทาอะไรทุกคน ควรที่จะต้องให้ความสาคัญกับส่ิงท่ีจะมานาเข้า input คัดเลือกสิ่งที่เหมาะสมมีคุณภาพ อย่ารีบเร่งเอาแค่ทาผ่านๆ ไม่มีคุณภาพหรือท่ีเรียก “ผลงาน ขยะ” เมื่อส่งเข้าไปแม้จะมีข้ันตอนกระบวนการที่ดีมีคุณภาพเพียงใดก็ยากท่ีจะได้ผลลัพธ์ท่ีดี ออกมา เกิดผลเสียติดตามมามากมาย เช่น ได้ผลลัพธ์ท่ีไม่ดี เป็นขยะของเสีย เสียเวลาในการ จัดการซา้ ไปมา สรา้ งปญั หาตอ่ เน่อื งในการจัดการใหม่ และท่ีสาคัญจะกลายเป็นขยะที่เราต้องมา ลาบากจดั การหรือสร้างโทษให้กบั เราตอ่ ไป ทม่ี า https://iok2u.com/index.php?option=com_content&view=article&id=267&catid=8
๔ ทมี่ า https://precision-recruiters.com/garbage-in-garbage-out-taking-advantage-of-all-life-has-to-offer/ ผลผลิต (output)๒ คือ ผลที่เกิดขึ้นทันที ผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการดาเนินโครงการ กิจกรรมเสร็จสิ้น เช่น คุณภาพของนักเรียน สมรรถนะของผู้เรียน หรือผู้เรียนท่ีจบการศึกษา ผู้เรียนผ่านการฝึกอบรม ได้บทความวิจัยตีพิมพ์ ได้ทฤษฎีใหม่ ได้นิทานสองภาษา ได้เทคโนโลยี หรือนวัตกรรม ฯลฯ ผลลัพธ์ (outcome)๒ คือ ผลท่ีเกิดขึ้นต่อยอดจากผลผลิต หรือผลระยะยาว ซ่ึงเกิด เปน็ ผลจดุ หมายปลายทาง หรือผลตอ่ เนอื่ งจากผลกระทบ ผลกระทบ (impact)๒ คือ ผลที่เกิดต่อเน่ืองมาจากผลผลิต ประโยชน์ท่ีเกิดข้ึนจาก ผลผลติ และผลลพั ธ์ ทาให้สังคมเกิดการเปลีย่ นแปลงอยา่ งไร ผลกระทบ (Impact) หรือ ผลลัพธ์ข้ันสุดท้าย (Ultimate Outcome)5 หมายถึง ผลกระทบที่ต่อเนื่องจากผลลัพธ์ (Outcome) เช่น เม่ือประชาชนมีรายได้เพ่ิมข้ึน มีคุณภาพชีวิต ดีขึ้นส่งผลให้สามารถลดช่องว่าง/ความเหลื่อมล้าของรายได้ สามารถเพิ่มการกระจายรายได้ สู่สังคมได้ทางหน่ึง
๕ ผลสัมฤทธ์ิ3 คือ งาน บริการ หรือกิจกรรมที่เกิดจากการทางานไดผลผลิต (Outputs) ตามเปาหมาย และเกิดผลลัพธ Outcomes) ตรงตามวัตถุประสงค กลาวคือ ผลผลิตสามารถ นาไปใชประโยชน์ไดอยางแทจริงหรอื เปนที่พงึ พอใจ เชน ปลูกบานได 1 หลงั (Outputs) บานหลัง ดังกลาวนาอยู มีอากาศถายเทไดสะดวก (Outcomes) หรือ การซอมถนนได 5 กิโลเมตร เปน ผลผลิต (Outputs) ถนนสายนั้น ทาใหประชาชนไดรับความสะดวกในการเดินทางจากการ ซอมแซมเปนผลลพั ธ Outcomes) ตวั อย่าง ผลลพั ธ์ ผลกระทบ ผลผลติ บริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยนา พนกั งานไทยท่ีทางานในบริษัท ทฤษฎที รพั ยากรมนุษย์ แบบใหม่ ทฤษฎีใหม่ไปใช้บริหารคนใน ญี่ปุ่นพัฒนาทักษะการทางาน นทิ านสองภาษา องคก์ ร เป็นทีมจนสามารถขายสินค้า เทคโนโลยสี มาร์ตโฟน ไดม้ ากขึน้ 50% คือ นิ ทานสาม ารถ พัฒนา ก ร ะ ท ร ว ง ศึ ก ษ า ธิ ก า ร ผู้เรียนให้อ่านภาษาอังกฤษได้ ปรับเปลี่ยนหลักสูตรสอ น คล่องและมีความเข้าใจเน้ือหา ภา ษ า อั ง ก ฤ ษ ทั่ ว ป ร ะ เ ท ศ นิทาน ให้เป็นการสอนภาษาผ่าน นทิ าน เทคโนโลยีไปสร้างต้นแบบ บรษิ ัทที่นาสมาร์ตโฟน ไปผลิต สมาร์ตโฟน ขายจนสร้างสัดส่วนการตลาด ได้เพิม่ ขึน้ 10% ความแตกตา่ งระหว่าง Output และ Outcome Output (ผลผลิต) คือสิ่งท่ีทาออกมาเป็นผลิตผล (Product) ซึ่งวัดได้เมื่อส้ินสุดการ กระทา/จบกจิ กรรมนั้นๆ Outcome (ผลลัพธ์) คือผลประโยชน์ที่ได้จาก Product ซ่ึงต้องทอดระยะเวลาไว้ ช่วงหนง่ึ ประมาณ 6 เดอื น หรือ เมือ่ ส้ินสดุ โครงการ หรือ สน้ิ สดุ ปกี ารศกึ ษา การวัดผลลพั ธ์ (Outcome) เป็นการวัดผลท่ไี ดร้ ับจากผลของการดาเนินงาน ซึ่งแสดงถึง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนกับกลุ่มเป้าหมาย/ผู้เรียนทั้งในเร่ืองความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรม หรือการปฏิบัติ โดยนาไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์หรือเป้าหมายที่วางไว้ตามวัตถุประสงค์ของ แผนงานและโครงการ กล่าวคือเป็นการวัดประสิทธิผล (Effectiveness) โดยวัดความสัมพันธ์ ระหวา่ งผลลัพธก์ บั วัตถุประสงค์ของงาน
๖ เรามักได้ยินเสมอว่า “เม่ือทางาน A แล้ว จะได้ผลสัมฤทธิ์อย่างไร” ลองมาดูว่า ความเป นมาการบริหารมุ งผลสัมฤทธ์ิจากแนวคิดของการบริหารจัดการแนวใหม New Management) ที่มุงเนนการใหความสาคัญตอ (๑) ความประหยัด (Economy) การใช้ ตนทุนหรือทรัพยากรการผลิตอยางเหมาะสม และมีความคุมคาท่ีสุด (๒) ประสิทธิภาพ (Efficiency) ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให ได ผลงานในระดับท่ีสูงกว าป จจัยนาเข า (๓) ประสิทธผิ ล (Effectiveness) ประสทิ ธผิ ลการปฏิบัติงานใหบรรลุวัตถปุ ระสงคที่ตงั้ ไว การมงุ่ ผลสัมฤทธิ์4 หมายถึง ความมุ่งมั่นจะปฏิบัติราชการใหด้ ีหรอื ให้เกินมาตรฐานท่ีมีอยู่ โดยมาตรฐานนี้อาจเป็นผลการปฏิบัติงานท่ีผ่านมาของตนเอง หรือเกณฑ์วัดผลสัมฤทธิ์ ที่ส่วนราชการกาหนดขึ้น อีกทั้งยังหมายรวมถึงการสร้างสรรค์พัฒนาผลงานหรือกระบวนการ ปฏบิ ัตงิ านตามเป้าหมายท่ียากหรอื ทา้ ทายชนิดท่อี าจไมเ่ คยมีผใู้ ดสามารถกระทาไดม้ าก่อน การมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Achievement Motivation)4 คือ การปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐาน เกณฑ์ขององคก์ ร สรา้ งสรรคพ์ ฒั นาผลงาน หรือกระบวนงานให้บรรลผุ ลตามเป้าหมาย ทฤษฎีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของแมคคลีแลนด์ (McClelland’s Achievement Motivation Theory)4 ทฤษฎนี ีเ้ นน้ อธิบายการจูงใจของบคุ คลที่กระทาการ เพ่ือให้ได้มาซ่ึงความ ต้องการความสาเร็จมิได้หวังรางวัลตอบแทนจากการกระทาของเขา ซ่ึงความต้องการความสาเร็จ นี้ในแงข่ องการทางาน หมายถึงความตอ้ งการทจี่ ะทางานใหด้ ที ี่สุดและทาให้สาเร็จผลตามท่ีตัง้ ใจไว้ เม่ือตนทาอะไรสาเรจ็ ได้กจ็ ะเปน็ แรงกระตุ้นให้ทางานอ่ืนสาเร็จต่อไป หากองค์การใดท่ีมีพนักงาน ทแ่ี รงจูงใจใฝ่สมั ฤทธิจ์ านวนมากกจ็ ะเจริญรุ่งเรืองและเติบโตเร็ว การบริหารมุงผลสัมฤทธิ์ (Result Based Management)3 คือ วิธีการบริหารท่ีมุง เนนผลสัมฤทธ์ิ หรือผลการปฏิบัติงานเปนหลัก โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานดวยตัวชี้วัดอยาง เปนรูปธรรม เพ่ือใหบรรลุวัตถุประสงคที่ตั้งไว ทาใหผูบริหารทราบผลความกาวหนาของการ ดาเนินงานเป นระยะ ๆ และสามารถแก ไขป ญหาได ทันท วงทีเป นการควบคุมทิศทาง การดาเนนิ งานใหมุงสูวสิ ัยทัศนของหนวยงาน ท่ีมา http://portal.nurse.cmu.ac.th/fonoffice/adminoffice/kmblog/DocLib1/
๗ หลักการบริหารงานมุงผลสัมฤทธ์ิ มี 6 ประการ3 ดงั น้ี 1. หลักนิติธรรม (Rule of Law) หมายถึง ความถูกตองเปนธรรม และการปฏิบัติตาม กฎ กติกาท่ตี กลงกันไวอยางเครงครัด โดยคานึงสทิ ธเิ สรีภาพ ความยุติธรรมของสมาชกิ 2. หลักคุณธรรม (Ethics) หมายถึง การยึดม่ันในความถูกตองดีงาม การสงเสริม สนบั สนนุ ใหพฒั นาตนเองไปพรอม ๆ กนั เพอื่ ใหมีความซื่อสตั ย จริงใจ ขยัน อดทน มรี ะเบยี บวนิ ยั 3. หลกั ความโปรงใส (Transparency) หมายถงึ การสรางความไว้วางใจ ซึ่งกันและกัน โดยปรับปรุงกลไกการทางานขององคกรใหมีความโปรงใส 4. หลักการมีสวนรวม (Participation) หมายถึงการเปดโอกาสใหมีสวนรวมรับรูและ เสนอความเห็นในการตัดสินใจปญหาตางๆ การแสดงความคดิ เห็นอื่น ๆ 5. หลักความรบั ผิดชอบ (Accountability) หมายถึง การตระหนักในสิทธิหนาท่ี ความ สานึกในหนาที่รับผิดชอบ ตลอดจนการเคารพในความคิดเห็นที่แตกตาง และความกลาที่จะ ยอมรับผลดแี ละผลเสียจากการกระทาของตน เชน รับผิดชอบต่อลูกคา ผูมีสวนเกี่ยวของยอมรับ ตอผลการดาเนนิ การ 6. หลักความคุมคา (Utility) หมายถึง การบริหารจัดการและใชทรัพยากรที่มีจากัด เพ่ือใหเกดิ ประโยชนสูงสดแกสวนรวม โดยมีความประหยัด ใชอยางคุมคาสรางสรรคสินคา และ บริการที่มีคุณภาพ สามารถแขงขันไดในเวทีโลก และรักษาพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ ใหส้ มบรู ณ์ยง่ิ ยนื ลักษณะของการบรหิ ารมุงผลสมั ฤทธ์ิ 1. เก่ยี วของกับทกุ กระบวนการของการบรหิ าร (PDCA) ไดแก Plan มีวตั ถปุ ระสงคหรือ เปาหมายที่ชัดเจน (ตองการทราบวาผลสัมฤทธ์ิ คืออะไร), Do มีการปฏิบัติงานที่มุงใหเกิด ผลสัมฤทธิ์ตามแผนทวี่ างไวหรอื ไม, Check มกี ารตรวจสอบวาปฏิบตั ิไดผลสัมฤทธ์ิตามที่วางแผนไว หรอื ไม และ Act ปรบั ปรงุ แกไขใหไดผลสัมฤทธติ์ ามแผนทีว่ างไว 2. เปนสวนหน่ึงของการบริหารเชิงกลยุทธ การบริหารมุงผลสัมฤทธ์ิมีความเชื่อมโยง โดยตรงกับการบริหารงานเชิงกลยทุ ธองคกรใชวิสัยทัศน พันธกิจ วัตถุประสงคและกลยุทธ ซึ่งอยู ในแผนกลยทุ ธขององคกรเปนกรอบในการกาหนดปจจัยหลักแหงความสาเร็จ (CSF) และตัวช้ีวัด ผลการดาเนินงานหลกั (KPI) ของการบริหารมุงผลสัมฤทธ์ิ การบริหารมุงผลสัมฤทธิ์เปนเคร่ืองมือ ชวยประเมนิ ความสาเรจ็ ของการดาเนินการตามกลยทุ ธ องคกรท่ีมีการบริหารเชิงกลยุทธสามารถ ใชปจจัยหลักแหงความสาเร็จ (CSF) และตัวช้ีวัดผลการดาเนินงานหลัก (KPI) ของการบริหาร มุงผลสัมฤทธ์ิเปนกรอบวัดผลการปฏิบัติงานขององคกรเทียบกับเปาหมาย เพ่ือใหรูถึงความ กาวหนาของการบรรลุวิสัยทัศน หากผลงานยังไม เปนไปตามเป าหมาย ผู บริหารองคกร ควรปรับเปลยี่ นกลยุทธใหเหมาะสม
๘ การเช่ือมโยงกลยุทธสกู ารวดั ผลการปฏบิ ตั ิงาน ท่ีมา http://portal.nurse.cmu.ac.th/fonoffice/adminoffice/kmblog/DocLib1/ ข้นั ตอนการพฒั นาระบบการบริหารมุงผลสมั ฤทธ์ิ ท่ีมา http://portal.nurse.cmu.ac.th/fonoffice/adminoffice/kmblog/DocLib1/
๙ กาหนดตัวช้ีวัดผลการดาเนินงานหลัก (Key Performance Indicators – KPIs) ตัวช้ีวัด ผลการดาเนินงานหลัก (KPI) แสดงถึง คาที่วัดจากผลการปฏิบัติงานท่ีเกิดขึ้นจริงเพ่ือแสดงความ คืบหนาของการบรรลุผลตามปจจัยหลักแหงความสาเร็จ (CSF) โดยเปรียบเทียบกับเปาหมาย ท่ีต้ังไว และถือเปนเคร่ืองวัดผลงานที่ตองสัมพันธกับ CSF และจะตองวัดไดในเชิงตัวเลข วัตถุประสงคของตัวชี้วัดผลการดาเนินงานหลัก (KPI) คือสามารถวัดผลการปฏิบัติงานหลักตาม มาตรฐานหรอื เปาหมายทก่ี าหนดไว และสามารถแสดงแนวโนมของขอมูลสาหรับการพัฒนาและ ปรบั ปรุงงาน ท่ีมา http://portal.nurse.cmu.ac.th/fonoffice/adminoffice/kmblog/DocLib1/ เกณฑมาตรฐานของตวั ชว้ี ดั ผลการดาเนนิ งานหลกั (KPI) คอื 1. ประสิทธิภาพ (Effectiveness) เปนความสัมพันธระหวางผลลัพธกับเปาหมายหรือ วัตถุประสงคทกี่ าหนด แบงเปน 1.1 ประสิทธิผลเชิงตนทุน เปนการวัดความคุมคาจากการลงทุน โดยเปรียบเทียบ ผลลพั ธกับจานวนตนทนุ คิดเปนคารอยละ สตู รการคานวณ คอื ผลลัพธ÷จานวนตนทุน × 100 1.2 ประสิทธิผล การวัดไม คานึงถึงตนทุน เชน รอยละของความคิดเห็นของ ผูบริหารรอยละของการเรียกรองของผูรับบริการ 2. ประสิทธิภาพ (Efficiency) แสดงถึงความสามารถในการผลิตและความคุมคาของ การลงทุนมี 2 วิธวี ัด 2.1 วัดจากตนทุน แสดงความคุมคาของการลงทุน เชน วัดผลผลติ ตอจานวนตนทุน หรือวดั ตนทนุ ตอหนวย อาทิ อตั ราคาใชจายตอคนในการผลิตบัณฑติ แพทย 2.2 วัดจากแรงงาน เชน วัดจากจานวนเจาหนาท่ี หรือเวลาที่ใชผลติ 3. ความประหยดั (Economy) เชน รอยละของตนทุนทล่ี ดลง 4. คณุ ภาพ (Quality) วดั ความถกู ตอง ความพึงพอใจของผูรับบริการ
๑๐ 5. ความสามารถในการใหบริการไดตามเวลาท่ีกาหนด (Timeliness) เชน รอยละของ ผูประกอบการทไ่ี ดรับเอกสารการจดทะเบียนภายในเวลามาตรฐาน การประเมินความค้มุ ค่าตามภารกิจภาครัฐ5 1. ประสทิ ธภิ าพ เปรยี บเทียบผลผลิต (Output) กับปจั จยั นาเขา้ (Input) ประสิทธิภาพ (Efficiency) คือ การเปรียบเทียบระหว่างปัจจัยนาเข้า (Input) กับ ผลผลิต (Output) ได้แก่ การสร้างผลผลิตในระดับท่ีสูงกว่าปัจจัยนาเข้า ความมีประสิทธิภาพ สามารถวัดได้ โดยนาผลผลิตหารด้วยปัจจัยนาเข้าจริง หากได้ค่าที่มากแสดงว่ามีผลผลิตเพิ่มข้ึน มากกว่าการเพิ่มข้ึนของปัจจัยนาเข้า ซ่ึงหมายถึงองค์กรน้ีมีประสิทธิภาพ สัดส่วนตัวนี้สามารถ ทาให้ดขี ึ้น โดยการปรับปรุงผลิตภาพ (Productivity) คือการทาให้ผลผลิตเพ่ิมข้ึนในขณะที่ปัจจัย นาเข้าคงท่ี หรือโดยการประหยัด (Economizing) คือ การรักษาระดับผลผลิตให้คงท่ี แต่จะลด ปจั จยั นาเขา้ 2. ประสิทธิผล เปรียบเทียบผลลัพธ์ (Outcome) กับวัตถุประสงค์/เป้าหมาย (Objective/Target) ประสิทธิผล (Effectiveness) คือ การเปรียบเทียบระหว่างวัตถุประสงค์กับผลลัพธ์ ของโครงการ ซึ่งหมายถึง ระดับของการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้ต้ังไว้ล่วงหน้าของโครงการนั้น ๆ ว่าไดผ้ ลลัพธต์ ามวัตถุประสงค์ท่ีต้ังไว้เพียงไร ความมีประสิทธิผลมีความเก่ียวข้องกับผลผลิตและ ผลลพั ธ์ 3. ผลกระทบ (Impact) ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ (Return) เปรียบเทียบผลกระทบที่เกิดขึ้น จริงกับผลกระทบทีต่ ้ังเป้าหมายไว้ การประเมินผล (Evaluation)7 หมายถึง การวัดความสาเร็จจากการทากิจกรรม โดย ประเมนิ จากเป้าหมาย (ประสิทธภิ าพ : ผลผลติ : Output) วตั ถุประสงค์ (ประสิทธิผล : ผลลัพธ์ : Outcome) ผลกระทบ (Impact : ความค้มุ ค่า) การประเมินผลการดาเนินงาน7 คอื การวัดความสาเรจ็ จากการทากิจกรรม โดย 1. วดั เป้าหมายของโครงการ (Output) วัดท่ีตัวผลผลิต มีประสิทธิภาพดีกว่า ประหยัด กว่า รวดเรว็ กว่า 2. วัดวัตถุประสงค์ของโครงการ (Outcome) วัดท่ีกลุ่มเป้าหมายว่าได้รับประโยชน์ ผลลัพธ์ ประสิทธผิ ล 3. ผลกระทบ (Impact) ส่งผลต่อส่วนรวม มีความคุ้มคา่ จะเห็นได้ว่า ผลผลิต ผลลัพธ์ ผลกระทบ ผลสัมฤทธ์ิ จะเกี่ยวข้องกับหลายเร่ือง หรือ หลายสว่ น เช่น ตอ้ งมีความรู้เรื่องโครงการ วัตถุประสงค์ ปัจจัยนาเข้า กิจกรรม ผลผลิต ผลลัพธ์ ความประหยัด ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ สรุปอีกครั้ง6 ผลผลิต (output) หมายถึงผลท่ีเกิดข้ึน
๑๑ ทันที ผลโดยตรงจากการดาเนนิ โครงการกจิ กรรมเสรจ็ ส้นิ เช่น คณุ ภาพของนักเรียน สมรรถภาพ ของบัณฑติ หรอื ผ้ผู า่ นการฝกึ อบรม ผลกระทบ (impact) หมายถึง ผลที่เกดิ ตอ่ เนอื่ งมาจากผลผลติ ผลลพั ธ์ (outcome) หมายถึง ผลระยะยาวซ่ึงเกิดเปน็ ผลจดุ หมายปลายทาง หรือผลต่อเน่ืองจาก ผลกระทบ ผลลัพธ์ หมายถึง ผลประโยชน์ท่ีได้จาก Product ซ่ึงต้องทอดระยะเวลาไว้ช่วงหน่ึง ตวั อย่าง ถ้าทาโครงการ หรือกิจกรรมใดๆ แล้วพิจารณาผลการประเมินผลการเรียนรู้ คุณลักษณ์ หรือส่ิงอื่นๆ ตามวัตถุประสงค์ในช่วงเวลาที่กาหนดไว้ จะใช้คาว่า ผลผลิต และหากเวลาล่วงเลย (นาน) จากท่ีกาหนดไว้ในโครงการหรือกิจกรรมแล้ว ผลผลิตนั้นมีการเรียนรู้ หรือคุณลักษณ์ เปลี่ยนแปลงไปท้งั ในทางที่ดี หรอื ไม่ดี จะใช้ คาวา่ ผลกระทบ และหากเวลานานๆ เข้า ผลกระทบ ท่เี กดิ ข้นึ นน้ั สอดคลอ้ งเปา้ หมายปลายทางของโครงการ หรือกิจกรรม เช่น ทาโครงการรักการอ่าน ผลผลิต ผลกระทบและผลลัพธ์ท่ีควรเป็น ได้แก่ ผลผลิต คือนักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน ผลลัพธ์ คือนักเรียนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ผลกระทบ คือนักเรียนเรียนหนังสือ เก่งขึน้ ผลงาน (Performance) = ผลผลติ (Outputs) + ผลลพั ธ์ (Outcomes) + ผลกระทบ (Impact) ในการทางานต้องคานึงถึงผลงาน (ผลผลิต + ผลลัพธ์ + ผลกระทบ) หรือผลสัมฤทธิ์ โดยเฉพาะการทาโครงการ หรือกิจกรรม จาต้องมีความรู้และคานึงถึงวัตถุประสงค์ ปัจจัยนาเข้า กิจกรรม แล้วจึงนามาสู่ผลงาน แต่ส่วนใหญ่มักทาตามสั่ง หรือตามทาที่เคยทาตามๆ กันมา แล้วผลงานจะเกดิ ขน้ึ ตามแผน หรือวัตถปุ ระสงคท์ ีก่ าหนดไว้ และจะเกดิ ประสทิ ธิผล ประสิทธิภาพ ความประหยัด ความคมุ้ ค่า หรือไม่ เพยี งใดก็ลองจนิ ตนาการดเู ถิด ที่มา http://getgareth.github.io/2016/12/27/Garbage-in,-garbage-out.-A-developer-story.html
๑๒ ตวั อย่าง หน่วยงานหนึ่ง (ก) เข้าร่วมประชุมประจาเดือนกับองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติ ประชาธรรม วัตถุประสงค์ของหน่วยงาน (ก) เพื่อบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียงการขับเคลื่อน แผนงานใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อพ้ืนท่ีและประชาชนในพ้ืนที่ ดังนี้ (๑) องค์กรภาคประชาชนเพ่ือสันติ ประชาธรรมแต่ละหน่วยย่อย วางแผนงานในการปฏิบัติงานในปีน้ันๆ ให้กับสมาชิกในเร่ืองการ สร้างจุดเด่นใหก้ ับแตล่ ะหนว่ ยยอ่ ยให้เปน็ ทรี่ ้จู กั ของประชาชนในแต่ละพื้นท่ี เพ่ือเป็นแบบอย่างใน การดาเนินชีวติ ตามหลักสันตปิ ระชาธรรม พรอ้ มเปน็ ศูนยเ์ รยี นรใู้ ห้กับประชาชน ผู้ท่ีสนใจได้เข้าไป ศึกษาเรียนรู้ พร้อมวางแผนในการส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจ ซ่ึงเป็นพืชเศรษฐกิจในพื้นท่ี ปลกู ง่าย และต้องดูแลไม่มาก สามารถสร้างรายได้เสริมให้กับสมาชิกได้ (๒) หน่วยงานที่เข้าร่วม ประชุม ฝากเครอื ข่ายในการตดิ ตามผลการเลย้ี งสัตว์น้า เร่ืองการต่อยอดการแจกจ่ายพันธุ์สัตว์น้า ให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจในการแก้ปัญหาในพื้นท่ีตามกรอบนโยบาย เรง่ ด่วน รวมท้งั การแก้ไขปญั หายาเสพติดในชุมชน จาเป็นที่ทุกคนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการ ดึงกลุ่มผูต้ ดิ ยาเสพติดเขา้ สู่กระบวนการบาบดั ฟนื้ ฟูรักษารว่ มกนั และหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่าง เป็นรูปธรรมและยั่งยืน รวมทั้งการสร้างความเข้าใจแบบบูรณาการในมิติความยั่งยืนและการ พัฒนา เพ่ือนาไปสู่การแก้ไขปัญหาของชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ (๓) หน่วยงานที่ร่วมประชุม มอบงบประมาณเพื่อสบทบทุนกองกลางเพ่ือสนับสนุนการดาเนินกิจกรรมในพื้นที่ให้กับองค์กร ภาคประชาชนเพื่อสันติประชาธรรม ผลสัมฤทธ์ิในการเข้าร่วมประชุม เครือข่ายมีความยินดี ใหค้ วามรว่ มมือในการปฏิบัติงานช่วยเหลือสังคม ช่วยประเทศชาติ ให้มีความอยู่ดี กินดี เกิดการ อยู่ร่วมด้วยความสงบสุข ได้รับความเป็นธรรมโดยทั่วถึงทุกภาคส่วน ให้เกิดข้ึนอย่างยั่งยืนและ ตลอดไป ตามนโยบายเร่งดว่ นใหเ้ กิดสันติประชาธรรมในพืน้ ที่อย่างย่ังยนื ตอ่ ไป ลองมาพจิ ารณารายละเอยี ดของการประชุม : นิยามและความหมายของการประชมุ 7 ชานาญ นิศารัตน์ กล่าวว่า การประชุม คือการที่บุคคลต้ังแต่ 2 คนขึ้นไปมาพบปะ ปรึกษาหารอื กนั เพอื่ อภิปราย แลกเปล่ียน แสดงความคิดเห็น ลงเป็นมติ เพ่ือนามติไปบริหารหรือ ปฏบิ ตั ติ ่อไป การประชุมต้องกาหนดเป็นระเบียบแบบแผนด้วยวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งหรือหลาย อย่างก็ได้ วินัย ไชยอุดม กล่าวว่า การประชุม คือการที่บุคคลกลุ่มหนึ่ง อาจเป็นกลุ่มเล็กหรือ กลุ่มใหญ่ นัดมาพบกัน เพ่ือแจ้งข่าวคราว สนทนา ปรึกษาหารือ ขอความคิดเห็น ฯลฯ เพอ่ื วตั ถุประสงค์อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง หรอื หลายอยา่ ง นุชรัตน์ สิริประภาวรรณ ให้คานิยามว่า การประชุม หมายถึง บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป มาร่วมปรกึ ษาหารือ ช้แี จง อธบิ าย เสนอแนะ แลกเปล่ยี นความคิดเห็นรว่ มกนั เพ่ือดาเนินงานของ องค์กรใหบ้ รรลุวัตถปุ ระสงค์ตามทีก่ าหนดไว้
๑๓ รปู แบบของการประชุม 5 ประเภท7 คือ 1. การประชุมเพ่ือแจ้งข้อมูลข่าวสาร เป็นการประชุมเพ่ือทาความเข้าใจในความ เปลย่ี นแปลงตา่ งๆ ขององค์กร นโยบายเป้าหมายและกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงวิธีปฏิบัติและระเบียบ ตา่ งๆ ดงั นนั้ จึงตอ้ งมีการจัดกลมุ่ ผ้เู ขา้ ประชุมใหส้ อดคลอ้ งเหมาะสมกบั เรอื่ งท่จี ะแจง้ ใหท้ ราบ 2. การประชุมเพอ่ื เรง่ เรา้ จูงใจ การประชมุ เพือ่ เรง่ เร้าจงู ใจและประกาศผลสาเร็จของงาน เป็นสงิ่ สาคัญในยามทีอ่ งคก์ รต้องการรวบรวมพลงั ความมุ่งมั่นท่มุ เทของพนักงาน การประชุมใหญ่ ที่มีผู้เข้าร่วมประชุมหลายร้อยคน ควรต้ังช่ือการประชุมนี้ให้น่าสนใจ ถ้ามีงบประมาณเพียงพอ ทีจ่ ะไปจดั ท่ีต่างจังหวัด ก็ยิ่งไดบ้ รรยากาศ และควรมีวิทยากรท่ีมีชอ่ื เสียงเปน็ ทรี่ ้จู กั ไปร่วมบรรยาย 3. การประชุมเพ่ือร่วมกันคิดสร้างสรรค์ การประชุมประเภทนี้เป็นการประชุมที่องค์กร ตา่ งๆ ปฏบิ ตั ิกนั อย่อู ย่างสม่าเสมอ และประยุกต์ใช้ได้กบั ทุกๆ ระดบั ของการทางาน การร่วมกันคิด สร้างสรรค์ โดยการประชุมนี้อาจมีวัตถุประสงค์ได้หลากหลาย เช่น เพื่อร่วมกันวิเคราะห์และ หาแนวทางแก้ไขปญั หา เพอื่ ระดมความคิด (Brainstorming) ในการพัฒนาการทางาน เพ่ือระดม ความคิดเห็นในการค้นหาวิธกี ารทางานทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ 4. การประชุมเพื่อร่วมกันตัดสินใจ การประชุมในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่มี ความสาคัญต่อองค์กรไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจแก้ปัญหา กาหนดกลยุทธ์ หรือกาหนดเป้าหมาย ซ่ึงองค์ประชุมจะต้องประกอบด้วยผู้นาประชุมท่ีเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือผู้นาองค์กร และ สมาชกิ ผเู้ ข้าร่วมประชุมกจ็ ะต้องเปน็ ผ้ทู ีม่ สี ่วนเกี่ยวข้อง และมีอานาจการตัดสินใจสั่งการในระดับ หนว่ ยงานผ้ปู ฏิบัติงาน (User Department) 5. การประชุมเพื่อสอนงานและฝึกอบรม เป็นการประชุมสืบเน่ืองจากการเปลี่ยนแปลง วิธกี ารทางาน หรือติดตงั้ ระบบงานใหม่ เช่น การนาระบบคอมพิวเตอร์เข้าไปใช้ จาเป็นต้องมีการ ฝกึ อบรมให้เขา้ ใจขน้ั ตอนและวธิ กี ารใช้เคร่ืองอุปกรณ์ต่างๆ อยา่ งถอ่ งแท้ จงึ จะช่วยให้การสง่ มอบ ระบบเป็นไปโดยราบร่ืน ซึ่งการประชุมประเภทน้ีจะเสียท้ังเวลาและค่าใช้จ่ายในอัตราที่สูง ซง่ึ ผบู้ ริหารจะตอ้ งเข้าใจในความจาเป็นอยา่ งแท้จรงิ การประชุมท้งั 5 ประเภท จะเห็นไดว้ ่า การประชมุ ท้งั 5 ประเภทมีความสาคัญเป็นอย่าง ย่ิงตอ่ การบรหิ ารงานในทุกๆ องค์กรและสามารถแยกได้เป็นกลุ่มตามความคล้ายคลึงกันของการ เตรียมการและการดาเนินการในการประชุม ดังนี้ กลุ่มแรก ได้แก่ การประชุมเพ่ือร่วมกัน คิดสร้างสรรค์และการประชุมเพื่อร่วมกันตัดสินใจ กลุ่มที่สอง ได้แก่ การประชุมเพื่อแจ้งข้อมูล ข่าวสาร การประชุมเพื่อเร่งเร้าจูงใจและประกาศเกียรติคุณ และการประชุมเพ่ือสอนงานและ ฝึกอบรม ปจั จยั สาคญั แห่งความสาเร็จในการประชมุ 7 ปัจจัยแห่งความสาเร็จที่สาคัญสาหรับการประชุม จะต้องนาผู้ท่ีมีทักษะ ความรู้ ท่ีเหมาะสมและเปน็ ท่ตี ้องการ ให้อยใู่ นหอ้ งประชุม และส่ิงท่ีจะต้องเตรียมก่อนการประชุมทุกคร้ัง ผู้ทีจ่ ะเป็นผู้นาการประชุมควรที่จะตอ้ งกาหนดใหช้ ัดเจนก่อนว่า อะไรคือผลลัพธ์ท่ีอยากจะได้จาก
๑๔ การประชุม พอจะแบ่งความสาเร็จหรือผลลัพธ์ท่ีได้จากการประชุมออกเป็นสองลักษณะ ได้แก่ ความสาเร็จเชิงพฤติกรรม และความสาเร็จท่ีออกมาในรูปของผลลัพธ์ ความสาเร็จเชิงพฤติกรรม คือการทาให้สมาชิกผู้เข้าร่วมประชุมได้ปรับเปลี่ยนวิธีการ แนวคิด พฤติกรรม ในระหว่างหรือ ภายหลงั จากการประชุม ความสาเร็จเชงิ พฤติกรรมนน้ั เป็นส่ิงที่ผู้นาการประชุมจะต้องสังเกตเห็น ดว้ ยตนเอง น่ันคือ เมื่อผูเ้ ขา้ ร่วมประชุม เร่ิมเห็นคล้อย หรือเห็นตาม หรือการปรับเปล่ียนทัศนคติ ในระหว่างการประชุม ประเด็นสาคัญอีกประการหน่ึง สาหรับการประชุมให้เกิดผลก็คือ ตัวผู้นา การประชุมจะต้องแสดงออกถึงความกระตือรือร้น หรือความสนใจในการประชุม ซึ่งจะพบว่า ในการประชุมทุกครั้ง ความกระตือรือร้นและความสนใจของผู้บริหาร จะเป็นตัวกระตุ้นที่สาคัญ ท่ีทาให้การประชุมมีชีวิตชีวา และพร้อมท่ีจะแสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ต่อที่ประชุม นอกจากนี้ เม่ือสมาชิกในที่ประชุมได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นท่ีดี หรือเมื่อการประชุมทาให้ได้ ผลลัพธ์ที่ต้องการ ก็จะทาให้เกิดความประทับใจและน่าจดจา ซึ่งเป็นการประชุมที่ตัวผู้นาการ ประชุมต้องการให้เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม เมื่อผู้นาแสดงความกระตือรือร้น และความสนใจต่อกระบวนการและผลลัพธ์ของการประชุม ส่วนผลสาเร็จในรูปของผลลัพธ์ จะต้องมกี ารกาหนดล่วงหน้าให้ชัดเจนก่อนประชุม คือ ภายหลังจากจบการประชุมแล้ว ผลลัพธ์ ท่ไี ด้จากการประชุมคือ อะไร หนา้ ท่สี าคัญของผู้นาการประชุมก็คือ จะต้องมีการสื่อสารในผลลัพธ์ ทเ่ี ป็นท่คี าดหวงั (ทง้ั ในเชิงพฤติกรรมและผลลัพธ์) ให้กับทปี่ ระชุมไดร้ ับทราบกอ่ นการประชุม จากตวั อยา่ งในการเข้าร่วมการประชุมของหน่วยงานหนึ่งเป็นการประชุมเพ่ือแจ้งข้อมูล ขา่ วสาร เรอ่ื งทแี่ จ้ง (๑) การตดิ ตามผลการเลีย้ งสตั ว์น้า เรื่องการต่อยอดการแจกจ่ายพันธุ์สัตว์น้า ให้กับประชาชนในพน้ื ท่ี (๒) สร้างความเข้าใจในการแก้ปัญหาในพ้ืนท่ีตามกรอบนโยบายเร่งด่วน รวมท้ังการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน การมีส่วนร่วมในการดึงกลุ่มผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่ กระบวนการบาบดั ฟนื้ ฟูรกั ษารว่ มกัน (๓) มอบงบประมาณเพื่อสบทบทุนกองกลางสนับสนุนการ ดาเนนิ กิจกรรมในพื้นที่ ผลสมั ฤทธ์ิในการเขา้ รว่ มประชุม (๑) เครอื ข่ายมีความยินดีให้ความร่วมมือ ในการปฏิบตั งิ านชว่ ยเหลือสงั คม ช่วยประเทศชาติ ให้มีความอยู่ดี กินดี เกิดการอยู่ร่วมด้วยความ สงบสุข ได้รับความเป็นธรรมโดยท่ัวถึงทุกภาคส่วน ให้เกิดข้ึนอย่างยั่งยืนและตลอดไป ตาม นโยบายเรง่ ดว่ นให้เกิดสันติประชาธรรมในพ้นื ที่อยา่ งย่ังยนื ต่อไป การรายงานผลการทางาน น่นั คือ ผลงาน = ผลผลติ + ผลลัพธ์ + ผลกระทบ การร่วมประชุมประจาเดือนของหน่วยงานหนึ่งกับองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติ ประชาธรรม วัตถุประสงค์เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสาร (๑) การติดตามผลการเล้ียงสัตว์น้า (๒) สร้าง ความเข้าใจในการแกป้ ญั หาในพน้ื ทต่ี ามกรอบนโยบายเร่งดว่ น (๓) มอบงบประมาณเพ่ือสบทบทุน สนับสนุนการดาเนินกิจกรรม
๑๕ ผลผลิต ผลลพั ธ์ ผลกระทบ ผู้ ร่ ว ม ป ร ะ ชุ ม รั บ รู้ ข้ อ มู ล 1. การเล้ียงสัตว์นา้ มกี ารเจรญิ 1. วถิ ีชวี ติ แบบเศรษฐกจิ ขา่ วสาร เติบโต พอเพียง 2. เกิดการขบั เคลอื่ นนโยบาย 2. ลดปัญหายาเสพตดิ และ เร่งดว่ น อาชญากรรมในพ้ืนท่ี 3. การขยายกิจกรรมของ 3. การสร้างเศรษฐกิจฐานราก องคก์ ร ใหเ้ ขม้ แข็ง 4. การถ่ายทอดความรู้ 4. การกระจายการรบั รู้ข้อมูล ข่าวสาร หมายเหตุ การรายงานไม่ไดม้ ีการรายงานผลตามกรอบ “ผลงาน = ผลผลิต + ผลลัพธ์ + ผลกระทบ” การรายงานที่ปรากฏ คอื ผลสัมฤทธ์ิในการเข้าร่วมประชุม (๑) เครือข่ายมีความยินดีให้ ความร่วมมอื ในการปฏิบัติงานช่วยเหลือสังคม ช่วยประเทศชาติ ให้มีความอยู่ดี กินดี เกิดการอยู่ ร่วมด้วยความสงบสุข ได้รับความเป็นธรรมโดยท่ัวถึงทุกภาคส่วน ให้เกิดขึ้นอย่างย่ังยืนและ ตลอดไป ตามนโยบายเร่งดว่ นให้เกดิ สนั ตปิ ระชาธรรมในพนื้ ที่อย่างย่งั ยืนต่อไป ในความหมาย “ผลสัมฤทธ์ิ คืองาน บรกิ าร หรอื กจิ กรรมทเ่ี กิดจากการทางานไดผลผลิต (Outputs) ตามเปาหมาย และเกิดผลลพั ธ Outcomes) ตรงตามวัตถุประสงค์ กลาวคือ ผลผลิต สามารถนาไปใชประโยชนไ์ ดอยางแทจรงิ หรือเปนท่ีพงึ พอใจ” จากตวั อยา่ งการทางานและการรายงาน เชน การร่วมประชุมกับหน่วยงานหน่ึง ได้แจ้ง ข้อมูลข่าวสารเป็น Objective ผู้ร่วมประชุมรับรู้ข้อมูลข่าวสารเป็น Output เกิดการถ่ายทอด ความรู้เป็น Outcome ในเรื่อง (1) การเล้ียงสัตว์น้ามีการเจริญเติบโต (2) เกิดการขับเคลื่อน นโยบายเร่งด่วน (3) การขยายกิจกรรมขององค์กร และประชาชนในพ้ืนที่เกิด (1) วิถีชีวิตแบบ เศรษฐกิจพอเพียง (2) ลดปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมในพื้นท่ี (3) การสร้างเศรษฐกิจ ฐานรากให้เข้มแข็งเป็น Impact นั่นคือ ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลผลิต (Outputs) + ผลลัพธ์ (Outcomes) ส่วน ผลงาน (Performance) = ผลผลิต (Outputs) + ผลลัพธ์ (Outcomes) + ผลกระทบ (Impact) สรุป ๑. การจัดการบคุ ลากรหรอื คน โดยไม่มีการคัดเลือก หรือคัดเลือกจากคนที่ไม่มีความรู้ จริง หรือคัดเลือกจากระบบอุปถัมภ์ การใช้คนไม่ตรงกับงาน เมื่อไม่ใช่มันก็คือขยะในงานน้ัน แม้จะเป็นคนท่ีมคี วามตัง้ ใจท่ีดี แต่ถ้าไม่ใช่คนมคี วามร้จู รงิ ตรงงานกย็ ากจะไปสูจ่ ุดหมายผลลัพธ์ที่ดี ท่ีหวงั ไว้ แมว้ า่ จะมกี ระบวนการทด่ี มี าช่วย แต่ผลลพั ธ์ก็อาจจะได้ไมด่ ีเทา่ ทค่ี วร หรืออาจได้ผลลัพธ์ ที่ไม่ต่างกันไปจากขยะ ฝร่ังถึงยา้ วา่ “Put the right man in the right Job”
๑๖ 2. คนที่ทางานได้เสร็จ (worker) กับคนท่ีทางานได้สาเร็จ (successful worker) ซ่ึง worker คือส่ิงที่จะมานาเข้า input คัดเลือกสิ่งท่ีเหมาะสมมีคุณภาพ อย่ารีบเร่งเอาแค่ ทาผา่ นๆ ไม่มคี ณุ ภาพ หรอื ท่เี รยี ก “ผลงานขยะ” (junk works) 3. เมื่อคน (Input) ทางานได้ไม่ตรงกับสิ่งที่คาดหวัง หรือสมรรถนะ (capacity) ต่า หรอื คนไรค้ ุณภาพกไ็ ม่ตา่ งอะไรกับ Garbage In ประกอบกับการทางานที่ขาดเป้าหมาย (Target) ทดี่ ี ขาดวธิ ีการ (way, Mean) ท่ดี ี หรือดีก็ตามที ผลงานท่อี อกมาก็ไม่ต่างจาก Garbage Out 4. ทรัพยากรในการทางานทุกอย่างมีคุณค่า ข้อควรคานึง “Garbage In Garbage Out” ท่มี า https://www.hobotraveler.com/psychology/american-children-garbage-in-and-garbage-out.php
๑๗ ที่มา https://www.winchesterstar.com/winchester_star/cartoon-garbage-in-garbage-out/article_c6572b45- 51a8-5803-a3cf-a498d559791c.html อา้ งองิ 1 iok2u.com. ม.ป.พ. การนาขยะเข้า จะได้ผลลพั ธข์ ยะออก (Garbage In Garbage Out, GIGO). เข้าถึงขอ้ มูลได้จาก https://iok2u.com/index.php?option=com_content &view=article&id=267&catid=8 วนั ทีส่ ืบคน้ ข้อมลู 8 พฤศจิกายน 2565. 2 ผศ.ดร.วรวิทย์ จันทร์สวุ รรณ. 2564. ผลผลติ ผลลัพธ์ ผลกระทบ. เข้าถงึ ขอ้ มูลได้จาก https://web.rmutp.ac.th/woravith/?page_id=5839 วนั ท่ีสบื ค้นข้อมลู 8 พฤศจกิ ายน 2565. 3 สถาบนั วิจยั พฤติกรรมศาสตร มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ. 2551. “การบรหิ าร มุงผลสมั ฤทธ์ิ (Result Based Management - RBM)” เอกสารประกอบการฝกอบรม เชงิ ปฏบิ ตั ิการ เร่ืองการเสริมสรางแนวคดิ และการปรบั ปรงุ โครงการปรับเปล่ยี นพฤติกรรม สุขภาพในเขตกรุงเทพมหานคร. เขา้ ถงึ ข้อมูลไดจ้ าก http://portal.nurse.cmu.ac.th/ fonoffice/adminoffice/kmblog/DocLib1/ วนั ที่สืบคน้ ขอ้ มูล 8 พฤศจิกายน 2565. 4 บารมี จรสั สงิ ห์. 2559. การม่งุ ผลสัมฤทธิ์ (Achievement Motivation). เข้าถงึ ข้อมูล ไดจ้ าก https://plan.dmh.go.th/forums/index.php?topic=1031.0 วันที่สบื ค้นขอ้ มูล 8 พฤศจกิ ายน 2565. 5 วรรณา ทองเจรญิ ศิรกิ ลุ . ม.ป.พ. เทคนิคการจดั ทาโครงการอจั ฉริยะ (Smart Project). เขา้ ถงึ ข้อมลู ได้จาก https://www.oie.go.th/assets/portals/1/fileups/2/files/Semi- academic%20articles/smart_project.pdf วนั ท่ีสืบค้นขอ้ มูล 8 พฤศจิกายน 2565.
๑๘ 6 ดร.จกั รกฤษณ์ จันทะคุณ. ม.ป.พ. ผลผลติ ผลกระทบ ผลลพั ธ์ อยา่ สับสน. เขา้ ถึงขอ้ มูลไดจ้ าก https://www.gotoknow.org/posts/320692%5D วนั ที่สบื ค้นข้อมลู 8 พฤศจกิ ายน 2565. 7 สถาบันดารงราชานุภาพ ส่วนพัฒนาและบรหิ ารจดั การความรู้. ม.ป.พ. การประชุมท่มี ี ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล. เข้าถงึ ข้อมูลไดจ้ าก http://www.stabundamrong.go.th/ web/book/53/b8_53.pdf วันท่ีสบื คน้ ขอ้ มลู 8 พฤศจกิ ายน 2565.
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: