Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ การใช้เครื่องใช้สำนักงาน ชั้น ม.4 ภาคเรียน2.63

แผนการจัดการเรียนรู้ การใช้เครื่องใช้สำนักงาน ชั้น ม.4 ภาคเรียน2.63

Published by kwkanokorn, 2021-03-05 14:47:59

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ การใช้เครื่องใช้สำนักงาน ชั้น ม.4 ภาคเรียน2.63

Search

Read the Text Version

8. จงบอกวธิ กี ารดูแลและบารุงรักษาเครื่องปาลม์ หรือพ็อกเกต็ พซี ี การดแู ลและบารงุ รักษาเคร่ืองปาล์ม (Palm) หรอื Pocket PC เครือ่ งปาลม์ หรอื พอ็ กเกต็ พีซนี ้นั หน๎าจอจะเปน็ สวํ นทถ่ี กู สัมผสั บํอยทส่ี ุด เพราะเปน็ สวํ นทใ่ี ชส๎ งั่ งานเชํนเดียวกบั คอมพิวเตอรร์ ะบบ Touch Screen ซ่งึ มีวธิ กี ารดูแลและบารุงรักษา ดังน้ี 1. ควรใช๎สไตลสั (Stylus) สั่งงานแทนการใชน๎ ว้ิ มอื เพราะการใช๎น้ิวมือจะทาให๎หนา๎ จอเป็นรอยและมคี ราบน้ิวมอื ตดิ ทาให๎ หนา๎ จอมัวลดความชดั เจนได๎ 2. ควรสงั เกตบรเิ วณปลายของสไตลสั คมเกินไปหรือไมํ ถา๎ คมกค็ วรเปล่ยี นใหมํ 3. ควรตดิ ฟิล์มทหี่ นา๎ จอ เพอื่ ปูองกันรอยขีดขวํ น 4. การทาความสะอาดหน๎าจอ ควรใชผ๎ า๎ ที่มีความนมุํ นวล เชํน ผา๎ สาลเี ชด็ เบาๆ

กิจกรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้ กิจกรรมที่ 1 ให๎แบํงนักเรียนออกเปน็ 6 กลมํุ กลุมํ ละเทาํ ๆ กนั แลว๎ ใหป๎ ฏบิ ัติกิจกรรมดังน้ี 1. ใหแ๎ ตลํ ะกลุํมหาตน๎ ฉบับทีเ่ ปน็ รปู ภาพมากลํุมละ 1 ภาพ 2. ใหแ๎ ตลํ ะกลมํุ นาภาพท่ีหามาทาเป็นต๎นฉบบั เพื่อสแกนภาพดว๎ ยเครอ่ื งสแกนเนอร์ โดยให๎ สมาชิกทุกคนใน กลํมุ ไดท๎ าการสแกนภาพด๎วยตนเอง 3. ให๎สมาชิกทุกคนในกลุํมรํวมกันพจิ ารณาเลือกภาพที่ดีที่สุดจากการสแกนภาพได๎ของสมาชิก ในกลมํุ แลว๎ ให๎ สง่ั พมิ พอ์ อกทางเคร่ืองพิมพ์ 4. นาผลงานทไ่ี ดจ๎ ากการสแกนภาพของแตลํ ะกลมุํ มาอภิปรายเปรยี บเทยี บผลงานวําภาพทีไ่ ด๎ จากการสแกนมี ความสมบรู ณ์ ชดั เจนแตกตาํ งกันอยํางไร และในการสแกนภาพมีปัญหาและอุปสรรค อยํางไร 5. ใหส๎ มาชกิ ของแตํละกลุํมแลกเปล่ยี นข๎อมูล แล๎วสรุปวิธกี ารใช๎เครอ่ื งสแกนเนอร์ แลว๎ จัดพิมพ์ ลงในกระดาษ A4 สํงครผู ส๎ู อน กิจกรรมที่ 2. ใหแ๎ บงํ นักเรยี นออกเปน็ 6 กลํุม กลุํมละเทําๆ กนั แล๎วใหป๎ ฏิบัติกิจกรรมดังน้ี 1. ใหแ๎ ตลํ ะกลมํุ ถํายภาพด๎วยกล๎องโทรศัพท์มอื ถือ โดยเลือกโปรแกรมถํายภาพบุคคล (Portrait) โดยใหถ๎ ํายภาพคร่งึ ตัวใน แนวตงั้ หรอื แนวนอนกไ็ ด๎ จานวน 1 ภาพ และเลือกโปรแกรมถาํ ยภาพทิวทศั น์ จานวน 1 ภาพ 2. ใหแ๎ ตลํ ะกลุมํ นาโทรศัพท์ที่ถํายภาพแล๎วตํอพวํ งเข๎ากับเคร่อื งคอมพวิ เตอรผ์ ํานทางพอร์ต ยูเอสบี เพื่อดูภาพขยายจาก จอคอมพวิ เตอร์ แลว๎ ส่งั พิมพ์ออกทางเครอื่ งพิมพ์ 3. ให๎แตํละกลุํมนาผลงานท่ีไดจ๎ ากการถาํ ยภาพดว๎ ยกล๎องโทรศัพท์มือถือมาอภิปรายเปรียบเทยี บ ผลงานวาํ มีความสวยงาม คมชดั แตกตาํ งกนั อยาํ งไร และในการถาํ ยภาพมีปญั หาและอปุ สรรคอะไรบ๎าง 4. ใหส๎ มาชิกของแตํละกลํุมแลกเปลยี่ นข๎อมลู แลว๎ สรุปวธิ กี ารใชก๎ ล๎องโทรศัพท์มอื ถือ แล๎วจดั พิมพ์ลงใน กระดาษ A4 สํง ครผู ๎สู อน

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่อื ง เคร่อื งถา่ ยเอกสาร แผนจัดการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรือ่ ง เครอื่ งถ่ายเอกสาร รายวชิ า การใช้เครื่องใช้สานกั งาน รหสั วิชา ง31233 ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 น้าหนักเวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ชว่ั โมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 6 ช่วั โมง ............................................................................................................................. ............................. 1. สาระสาคัญ (ความเขา้ ใจทีค่ งทน) เครอ่ื งถํายเอกสารเปน็ เคร่อื งใช๎สานักงานท่ีใช๎สาหรับทาสาเนาเอกสารท่ีมีความสาคัญ และจาเป็นในการปฏิบัติงานใน สานักงานทุกๆ ประเภท เนื่องจากสามารถทาสาเนาได๎เหมือนต๎นฉบับทุกประการ มีทั้งชนิด ที่ทาสาเนาภาพขาว -ดา และ สาเนาภาพสีให๎เลือกใช๎ตามความต๎องการของหนํวยงาน เครื่องถํายเอกสารมี มากมายหลายชนิดหลายย่ีห๎อ แตํละชนิดก็มี วิธีการใชง๎ านทีแ่ ตกตาํ งกันออกไป จงึ จาเป็นทพ่ี นักงานในสานกั งานจะต๎องเรยี นรูถ๎ งึ ระบบ และวิธีการใช๎งาน เพ่ือสะดวกตํอการ ปฏบิ ตั งิ านท่รี วดเรว็ และมีประสิทธภิ าพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ดั ชั้นป/ี ผลการเรียนร้/ู เปา้ หมายการเรยี นรู้ 1.บอกประวตั ิและวิวัฒนาการของเคร่ืองถํายเอกสารได๎ 2.อธบิ ายความสาคญั ของเครื่องถํายเอกสารได๎ 3.บอกประเภทของเคร่ืองถาํ ยเอกสารได๎ 4.บอกประโยชนข์ องเคร่อื งถํายเอกสารได๎ 5.อธิบายหลกั เกณฑ์ และข๎อควรปฏิบตั ใิ นการใชเ๎ ครือ่ งถํายเอกสารได๎ 6.อธบิ ายวิธกี ารดูแลและบารุงรักษาเครือ่ งถํายเอกสารได๎ 7.อธิบายสวํ นประกอบของเครือ่ งถาํ ยเอกสารได๎ 8.อธิบายข้ันตอนและวธิ กี ารใชง๎ านเคร่อื งถํายเอกสารได๎ 9.ใชเ๎ ครอ่ื งถํายเอกสารไดถ๎ กู ตอ๎ งตามหลกั วธิ ีการและตามข๎อกาหนดของกิจการได๎ 10.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู๎สอนสามารถสังเกตเห็น ได๎ ในด๎านความมี มนษุ ยสัมพนั ธ์ ความมวี นิ ัย ความรับผดิ ชอบ ความเช่ือมน่ั ในตนเอง ความสนใจใฝุร๎ู ความรกั สามคั คี ความกตัญญกู ตเวที 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เน้ือหาสาระหลัก : Knowledge (นกั เรียนต๎องรู๎อะไร) 1. ประวตั ิและวิวฒั นาการของเคร่ืองถํายเอกสาร 2. ความสาคัญของเครือ่ งถาํ ยเอกสาร 3. ประเภทของเคร่ืองถาํ ยเอกสาร 4. ประโยชนข์ องเคร่ืองถํายเอกสาร 5. หลักเกณฑ์และขอ๎ ควรปฏิบตั ิในการใชเ๎ ครื่องถํายเอกสาร 6. การดแู ลและบารุงรักษาเคร่ืองถาํ ยเอกสาร 7. สวํ นประกอบของเครื่องถาํ ยเอกสาร 8. ข้ันตอน และวธิ ีการใชเ๎ ครือ่ งถํายเอกสาร 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process (นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิอะไรได๎) 3.2.1 นกั เรยี นสามารถใช๎เครื่องถํายเอกสารได๎ถูกต๎องได๎

3.3 คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ : Attitude (นกั เรียนควรแสดงพฤติกรรมการเรียนอะไรบ๎าง) 3.3.1 นักเรยี นรับผิดชอบในการทางานท่คี รผู ส๎ู อนมอบหมายให๎ และสํงงานตรงเวลา 3.3.2 นักเรยี นศกึ ษาคน๎ ควา๎ ขอ๎ มลู หรอื เนื้อหาในสํวนที่ไมํคํอยเข๎าใจจากทาอนิ เทอร์เน็ต 4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะของวิชา 5.1 ความรบั ผดิ ชอบ 5.2 ความรอบคอบ 6. คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ 6.3.1 ความรับผิดชอบ 6.3.2 ความสนใจใฝรุ ๎ู 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน -แบบทดสอบกํอนเรียน -แบบทดสอบหลงั เรียน -ใบงานที่ การใชเ๎ ครือ่ งถํายเอกสาร ในรูปแบบตํางๆ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ (จัดกิจกรรมการเรยี นร๎โู ดยใชก๎ ระบวนการใด แสดงตามข้ันตอน : เวลาท่ีใช๎ 6 ชว่ั โมง ขั้นนาเขา๎ สํบู ทเรยี น/ขนั้ ต้งั คาถาม 1. ครูผ๎ูสอนนาสนทนาเรื่อง เครื่องใช๎สานักงานท่ีใช๎ทาสาเนาเอกสาร หลังจากนั้นให๎นักเรียนทาแบบทดสอบกํอน เรียน เมื่อนักเรียนทาแบบทดสอบเสร็จแล๎วให๎นักเรียนชํวยกันอภิปรายถึงความสาคัญ และความจาเป็นของการมีเคร่ืองถําย เอกสารไวใ๎ ชใ๎ นสานกั งาน ขั้นสารวจและคน๎ พบ/ขั้นการเตรยี มการค๎นหาคาตอบ 2. ครูผ๎ูสอนสรุปประโยชน์ของเครื่องถํายเอกสาร และกลําวนาเข๎าสูํบทเรียน ขน้ั อธบิ ายและลงข๎อสรปุ /ข้นั ดาเนินการคน๎ หาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ 3. นักเรียนแบํงกลุํมตามความเหมาะสม กลุํมละ 4-5 คน เลือกประธานและเลขานุการกลํุมศึกษาและอภิปรายและ เขียนสรุปสาระสาคญั จากเอกสารประกอบการเรยี นในหวั ข๎อยํอยของเร่ือง เครือ่ งถํายเอกสาร ดงั ตอํ ไปนี้  ประวตั ิและววิ ัฒนาการของเคร่ืองถํายเอกสาร  ความสาคญั ของเครื่องถาํ ยเอกสาร  ประเภทของเคร่ืองถํายเอกสาร  ประโยชนข์ องเครื่องถาํ ยเอกสาร 4. ครผู ส๎ู อนสรปุ สาระสาคัญของเนือ้ หาข๎างตน๎ และให๎นักเรียนอภิปรายซกั ถาม 5. ครูผ๎ูสอนแจกใบงานให๎แตํละกลมํุ 6. นักเรยี นอาํ นคาสั่ง และทากจิ กรรมในใบงานแล๎วนาเสนอหน๎าชั้นเรยี น ขน้ั ขยายความรแู๎ ละนาเสนอผลการค๎นหาคาตอบ 6. นกั เรียนอํานคาสั่ง และทากิจกรรมในใบงานแล๎วนาเสนอหน๎าช้นั เรียน 7. ในขณะปฏบิ ตั ิงานกลมํุ ครูผู๎สอนและประธานกลมํุ ประเมนิ พฤติกรรมการปฏิบัติงานบนั ทึกไว๎ 8. ครูผู๎สอนสรปุ ผลจากใบงานอกี คร้ัง 9. นกั เรยี นจัดกลมุํ ใหมํ กลมํุ ละ 4 คน แตลํ ะกลํมุ ประกอบดว๎ ยคนเกํง ปานกลางคํอนข๎างเกํง ปานกลางคํอนข๎างอํอน ออํ นคละกนั (ครผู สู๎ อนจดั กลํุมไวล๎ ํวงหน๎า)

10. แตํละกลุํมรํวมกันศึกษาหลักเกณฑ์ข๎อควรปฏิบัติในการใช๎เครื่องถํายเอกสารและการดูแลบารุงรักษาเครื่องถําย เอกสาร โดยรวํ มกันอภิปรายซักถามกันให๎เข๎าใจทุกคน 11. ครผู สู๎ อนและนักเรียนรวํ มกันสรปุ หลักเกณฑ์ข๎อควรปฏิบตั ใิ นการใช๎เครื่องถํายเอกสาร และการดูแลและบารุงรักษา เครื่องถํายเอกสาร 12. นกั เรียนแตลํ ะกลุํมรํวมกนั ทากิจกรรมในใบงานท่ี 2 โดยแบํงหน๎าทก่ี นั ปฏบิ ตั ดิ งั น้ี คนท่ี 1 อํานคาส่ัง คาถามในกิจกรรม คนที่ 2 รวบรวมข๎อมูล หรอื คาตอบ คนที่ 3 เขียนคาตอบ หรือขอ๎ มูล คนที่ 4 ตรวจสอบคาตอบ หรือข๎อมูล เมื่อนักเรียนคนใดทาในสํวนของตนเสร็จแล๎วให๎หมุนเวียนเปล่ียนสลับหน๎าท่ีกันปฏิบัติกิจกรรม ข๎อตํอไปจนครบ ทุกข๎อ 13. แตลํ ะกลํุมสํงกระดาษคาตอบ หรอื ผลงานเพียงชุดเดียวถือวําเปน็ ผลงานที่สมาชกิ กลุมํ ยอมรับ 14. ตรวจผลงาน หรือคาตอบโดยกลุํมอ่ืนๆ สลับกันตรวจ กลุํมที่ได๎คะแนนสูงสุดจะได๎ติดประกาศท่ีบอร์ดหน๎า หอ๎ งเรียน 15. นักเรียนแบํงกลุํมใหมํ กลํุมละ 10 คน ตามความเหมาะสมเลือกประธานและเลขานุการกลํุมรํวมกันฟังครูผู๎สอน อธบิ ายเรอ่ื ง สํวนประกอบของเคร่อื งถํายเอกสาร และข้ันตอนการใช๎เครอ่ื งถํายเอกสาร 16. ครผู ๎สู อนอธิบายสวํ นประกอบ และวธิ ีการใช๎เครือ่ งถํายเอกสาร โดยใชแ๎ ผํนใสประกอบการอธิบายโดยละเอยี ด 17. นกั เรยี นซักถามข๎อสงสยั 18. ครูผู๎สอนนานักเรียนแตํละกลํุมไปดูวิธีการใช๎เคร่ืองถํายเอกสารในสานักงานตํางๆ ของสถานศึกษา และทดลอง ปฏิบัติจริง โดยผลัดเปล่ียนกันคร้ังละ 1-2 กลํุม กลุํมท่ียังไมํได๎เข๎าดูวิธีการใช๎ให๎ ทบทวนบทเรียนอยํูใน ห๎องเรียน ข้นั สรปุ และประเมินผล 19. ครผู ส๎ู อนสรปุ เน้อื หาเรอ่ื ง เครอื่ งถํายเอกสารอกี ครงั้ โดยวธิ ีถามตอบ 20. นกั เรียนซกั ถามขอ๎ สงสัย 21. นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นร๎ู หนํวยท่ี 4 22. นักเรยี นตรวจคาตอบดว๎ ยตนเองเพ่อื ทดสอบความซื่อสตั ย์

ชวั่ โมงท่ี 1-3 (ความสามารถในการวิเคราะห์ / ใฝุเรียนรู๎ / เทคนคิ การสบื คน๎ ) เขียนให๎สอดคลอ๎ งกบั หัวข๎อสมรรถนะและคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์) ข้นั นาเข๎าสํบู ทเรียน/ข้นั ตงั้ คาถาม 1. ครูผู๎สอนนาสนทนาเร่ือง เครื่องใช๎สานักงานท่ีใช๎ทาสาเนาเอกสาร หลังจากนั้นให๎นักเรียนทาแบบทดสอบกํอน เรียน เมื่อนักเรียนทาแบบทดสอบเสร็จแล๎วให๎นักเรียนชํวยกันอภิปรายถึงความสาคัญ และความจาเป็นของการมีเคร่ืองถําย เอกสารไว๎ใช๎ในสานกั งาน ขน้ั สารวจและคน๎ พบ/ขน้ั การเตรียมการค๎นหาคาตอบ 2. ครูผ๎ูสอนสรุปประโยชน์ของเครื่องถํายเอกสาร และกลําวนาเข๎าสํูบทเรียน ขนั้ อธบิ ายและลงข๎อสรปุ /ขน้ั ดาเนินการค๎นหาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ 3. นักเรียนแบํงกลํุมตามความเหมาะสม กลุํมละ 4-5 คน เลือกประธานและเลขานุการกลํุมศึกษาและอภิปรายและ เขียนสรุปสาระสาคัญจากเอกสารประกอบการเรยี นในหวั ข๎อยํอยของเร่ือง เคร่อื งถํายเอกสาร ดงั ตอํ ไปนี้  ประวตั แิ ละววิ ัฒนาการของเครอ่ื งถํายเอกสาร  ความสาคญั ของเครอ่ื งถํายเอกสาร  ประเภทของเคร่อื งถาํ ยเอกสาร  ประโยชน์ของเครอื่ งถํายเอกสาร 4. ครูผสู๎ อนสรุปสาระสาคัญของเน้ือหาขา๎ งต๎น และใหน๎ ักเรียนอภปิ รายซกั ถาม 5. ครูผู๎สอนแจกใบงานใหแ๎ ตํละกลุํม 6. นักเรยี นอาํ นคาสงั่ และทากิจกรรมในใบงานแล๎วนาเสนอหน๎าช้นั เรยี น ขั้นขยายความร๎แู ละนาเสนอผลการค๎นหาคาตอบ 6. นกั เรยี นอํานคาส่งั และทากิจกรรมในใบงานแล๎วนาเสนอหนา๎ ชน้ั เรยี น 7. ในขณะปฏบิ ัติงานกลํุม ครูผส๎ู อนและประธานกลมุํ ประเมินพฤติกรรมการปฏิบตั ิงานบนั ทึกไว๎ 8. ครผู ส๎ู อนสรปุ ผลจากใบงานอกี คร้ัง 9. นักเรียนจดั กลํุมใหมํ กลํมุ ละ 4 คน แตํละกลุํมประกอบดว๎ ยคนเกงํ ปานกลางคํอนขา๎ งเกํง ปานกลางคํอนขา๎ งอํอน ออํ นคละกนั (ครูผู๎สอนจดั กลํุมไวล๎ ํวงหนา๎ ) 10. แตํละกลํุมรํวมกันศึกษาหลักเกณฑ์ข๎อควรปฏิบัติในการใช๎เคร่ืองถํายเอกสารและการดูแลบารุงรักษาเคร่ืองถําย เอกสาร โดยรํวมกันอภปิ รายซกั ถามกันให๎เขา๎ ใจทกุ คน 11. ครูผสู๎ อนและนกั เรียนรํวมกนั สรุปหลักเกณฑข์ ๎อควรปฏบิ ัติในการใช๎เคร่ืองถํายเอกสาร และการดูแลและบารุงรักษา เคร่ืองถํายเอกสาร ช่วั โมงที่ 4 -6 (ความสามารถในการวิเคราะห์ / ใฝเุ รยี นร๎ู / ชวํ ยกนั คดิ ชํวยกันเรียน) 12. นกั เรยี นแตํละกลุํมรวํ มกนั ทากจิ กรรมในใบงานที่ 2 โดยแบํงหนา๎ ท่กี ันปฏิบตั ดิ ังน้ี คนที่ 1 อาํ นคาสั่ง คาถามในกิจกรรม คนที่ 2 รวบรวมขอ๎ มลู หรอื คาตอบ คนท่ี 3 เขียนคาตอบ หรือขอ๎ มลู คนท่ี 4 ตรวจสอบคาตอบ หรือขอ๎ มลู เมื่อนักเรียนคนใดทาในสํวนของตนเสร็จแล๎วให๎หมุนเวียนเปลี่ยนสลับหน๎าท่ีกันปฏิบัติกิจกรรม ข๎อตํอไปจนครบ ทุกขอ๎ 13. แตํละกลมํุ สงํ กระดาษคาตอบ หรอื ผลงานเพียงชดุ เดยี วถอื วาํ เปน็ ผลงานทส่ี มาชกิ กลมํุ ยอมรบั 14. ตรวจผลงาน หรือคาตอบโดยกลุํมอื่นๆ สลับกันตรวจ กลุํมที่ได๎คะแนนสูงสุดจะได๎ติดประกาศที่บอร์ดหน๎า หอ๎ งเรียน

15. นักเรียนแบํงกลุํมใหมํ กลํุมละ 10 คน ตามความเหมาะสมเลือกประธานและเลขานุการกลุํมรํวมกันฟังครูผ๎ูสอน อธิบายเรอ่ื ง สํวนประกอบของเครื่องถาํ ยเอกสาร และขน้ั ตอนการใชเ๎ คร่ืองถํายเอกสาร 16. ครผู ๎ูสอนอธิบายสํวนประกอบ และวิธกี ารใช๎เครอ่ื งถาํ ยเอกสาร โดยใช๎แผํนใสประกอบการอธิบายโดยละเอียด 17. นกั เรยี นซกั ถามข๎อสงสัย 18. ครูผ๎ูสอนนานักเรียนแตํละกลุํมไปดูวิธีการใช๎เคร่ืองถํายเอกสารในสานักงานตํางๆ ของสถานศึกษา และทดลอง ปฏิบัติจริง โดยผลัดเปล่ียนกันครั้งละ 1-2 กลุํม กลํุมที่ยังไมํได๎เข๎าดูวิธีการใช๎ให๎ ทบทวนบทเรียนอยํูใน หอ๎ งเรียน ข้ันสรปุ และประเมนิ ผล 19. ครูผสู๎ อนสรปุ เนื้อหาเร่อื ง เครื่องถํายเอกสารอกี คร้งั โดยวธิ ีถามตอบ 20. นักเรียนซักถามขอ๎ สงสัย 21. นักเรียนทาแบบประเมินผลการเรียนรู๎ หนํวยที่ 4 22. นักเรียนตรวจคาตอบดว๎ ยตนเองเพือ่ ทดสอบความซ่ือสัตย์ 9. สื่อการเรียนการสอน / แหลํงเรียนรู๎ จำนวน สภาพการใช้สอื่ รายการส่อื 1 ชุด ขน้ั ตรวจสอบความรู๎เดิม 1. แบบทดสอบกํอนเรยี น 1 ชดุ ข้ันขยายความรู๎ แบบทดสอบหลังเรียน 1 ชดุ ขนั้ ขยายความร๎ู 2. ใบงานท่ี การใชเ๎ ครื่องถํายเอกสาร ในรปู แบบ ตาํ งๆ 3. แบบประเมินผลการเรียนรู๎ หนวํ ยที่ 4 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรยี นรู้ ประเดน็ / การเรยี นรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน วธิ ีวัด เคร่อื งมอื วดั ฯ เกณฑ์การ นักเรียนสามารถใช๎ -แบบทดสอบกอํ นเรียน เคร่ืองถาํ ยเอกสาร -ตรวจแบบทดสอบ ให้คะแนน ได๎ถูกต๎องได๎ -แบบทดสอบหลังเรยี น ใบงานท่ี การใช๎เครอ่ื งถาํ ย -ใบงานท่ี การใชเ๎ ครอ่ื ง -แบบทดสอบ -ผํานเกณฑ์ เอกสาร ในรปู แบบตาํ งๆ ถํายเอกสาร ในรปู แบบ ตํางๆ กํอนเรยี น -หลงั เรียน 70% -แบบบันทกึ การตรวจใบงาน -แบบประเมนิ ผลการเรียนร๎ู -ตรวจแบบประเมนิ ผล -แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู๎ หนํวยที่ 4 การเรียนรู๎ หนํวยที่ 4 หนํวยที่ 4

11. จดุ เนน้ ของโรงเรยี น การบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ปรัชญาเศรษฐกจิ ครู ผเู้ รยี น พอเพียง 1.ความพอประมาณ พอดีดา้ นเทคโนโลยี พอดีด้านจติ ใจ รจู๎ กั ใช๎เทคโนโลยมี าผลติ สื่อท่ีเหมาะสมและ มจี ติ สานกึ ทดี่ ี เอ้ืออาทร ประนีประนอม สอดคลอ๎ งเน้อื หาเปน็ ประโยชนต์ อํ ผ๎ูเรยี นและ นึกถึงประโยชน์สวํ นรวม/กลุมํ พัฒนาจากภมู ิปัญญาของผู๎เรียน 2.ความมีเหตผุ ล - ยดึ ถือการประกอบอาชพี ด๎วยความถูกต๎อง ไมหํ ยดุ นงิ่ ท่ีหาหนทางในชวี ติ หลุดพน๎ จาก สจุ ริต แมจ๎ ะตกอยูใํ นภาวะขาดแคลน ในการ ความทุกข์ยาก (การค๎นหาคาตอบเพ่ือให๎ ดารงชีวิต หลุดพน๎ จากความไมํร๎ู) - ปฏบิ ัตติ นในแนวทางทีด่ ี ลด เลกิ สิ่งยั่ว กเิ ลสใหห๎ มดส้ินไป ไมกํ ํอความช่วั ให๎ เปน็ เคร่ืองทาลายตวั เอง ทาลายผ๎อู ื่น พยายาม เพ่ิมพนู รกั ษาความดี ท่ีมีอยูํใหง๎ อกงาม สมบูรณย์ ่งิ ขึน้ 3.มภี ูมิคมุ กันในตัวที่ดี ภูมิปัญญา : มคี วามร๎ู รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู๎ รอบคอบ และ ระมดั ระวัง ระมัดระวัง สร๎างสรรค์ ภูมิธรรม : ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ ขยนั อดทน ภมู ิธรรม : ซื่อสัตย์ สจุ ริต ขยนั อดทน ตรงตอํ เวลาและแบงํ ปนั ตรงตํอเวลา เสยี สละและ แบํงปนั 4. เง่อื นไขความรู๎ ความรอบร๎ู เร่ือง การใช๎งานเคร่ืองถําย ความรอบร๎ู เรอื่ ง การใช๎งานเครื่องถําย เอกสาร เอกสาร 5.เงอื่ นไขคณุ ธรรม มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มีความ มีความตระหนักใน คุณธรรม มคี วาม ซ่อื สัตยส์ จุ ริตและมคี วามอดทน มีความเพียร ซ่ือสัตย์สจุ รติ และมคี วามอดทน มีความ กจิ กรรม ใช๎สตปิ ัญญาในการดาเนนิ ชวี ิต เพียร ใช๎สติปญั ญาในการดาเนนิ ชีวิต สวนพฤกษศาสตร์ ครู ผู้เรยี น โรงเรยี น การใช๎งานเครื่องถํายเอกสารในการถําย การใช๎งานเครื่องถํายเอกสารในการถาํ ย การใชง๎ านเคร่ืองถําย ผลงานช้นิ งานสวนพฤกษศาสตรใ์ นรปู แบบ ผลงานชิ้นงานสวนพฤกษศาสตร์ในรูปแบบ เอกสารในการถาํ ย ตาํ งๆ ตาํ งๆ ผลงานชนิ้ งานสวน พฤกษศาสตร์ใน รปู แบบตํางๆ ลงชอื่ ..................................................ผสู้ อน (วาํ ทร่ี ๎อยตรหี ญงิ กนกอร วงศษ์ า)

ใบงานเรอ่ื ง การใชเ้ ครื่องถา่ ยเอกสาร จงตอบคาถามตํอไปน้ี 1. เครอื่ งถาํ ยเอกสารมีวิวัฒนาการมาจากอะไร ............................................................................................................................. ............................................................. .......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ 2. จงอธบิ ายถึงความสาคญั และความจาเป็นของเครื่องถํายเอกสารตอํ การปฏิบัติงานในสานักงาน ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ....................................................................................................................................... ................................................... 3. เครอ่ื งถาํ ยเอกสารมปี ระโยชนต์ อํ การปฏบิ ัติงานในสานักงานและผป๎ู ฏบิ ตั ิงานอยํางไรบ๎าง ............................................................................................................................. ............................................................. .......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................. 4. จงอธิบายหลกั เกณฑ์ในการติดตัง้ เครอื่ งถํายเอกสารมาให๎เขา๎ ใจ ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. .......................................................................................................................................................... ................................ 5. การดูแลและบารุงรักษาเครื่องถาํ ยเอกสารมหี ลักเกณฑแ์ ละข๎อควรปฏิบตั ิอยํางไรบ๎าง .................................................................................................................................................. ........................................ ........................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................. 6.การเก็บรักษากระดาษและผงหมกึ มีวธิ ีการเก็บรักษาอยํางไรบา๎ ง ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................ .................................................................................................................................................................................. ........ . 7. อนั ตรายท่เี กดิ จากเคร่ืองถํายเอกสารมีอะไรบา๎ ง .......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. .............................................................

8. วธิ กี ารปอู งกนั อนั ตรายท่ีเกิดจากเครื่องถํายเอกสารมอี ะไรบา๎ ง ............................................................................................................................. ............................................................. .......................................................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ............................................................. 9. เครือ่ งถาํ ยเอกสารประกอบด๎วยสํวนใหญๆํ กี่สํวน อะไรบา๎ ง ............................................................................................................................. ............................................................. .......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................. 10. จงอธิบายข้ันตอนและวิธกี ารใชเ๎ ครอ่ื งถาํ ยเอกสารในระบบธรรมดามาใหเ๎ ข๎าใจ ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. .............................................................................................................................................. ............................................

เฉลย 1. เครอ่ื งถํายเอกสารมีววิ ัฒนาการมาจากอะไร กลอ๎ งถาํ ยภาพ 2. จงอธบิ ายถงึ ความสาคัญและความจาเปน็ ของเคร่อื งถาํ ยเอกสาร ตอํ การปฏบิ ตั ิงานในสานักงาน เครื่องถํายเอกสารเป็นเคร่ืองใช๎สานักงานท่ีใช๎สาหรับทาสาเนาเอกสาร ที่มีความสาคัญและ จาเป็นในการปฏิบัติงานสานักงานทุกๆ ประเภท เพราะสามารถทาสาเนาเอกสารไดเ๎ หมือนตน๎ ฉบบั ทกุ ประการ ทาให๎ประหยัดเวลาในการพิมพ์เอกสารท่ีเหมือนกันซ้าๆ กันเป็นจานวน มาก โดยเฉพาะเอกสารท่ียากๆ เชนํ รูปภาพ แผนผัง โฉนดที่ดิน ฯลฯ ก็ทาได๎อยํางสะดวกรวดเร็วโดยไมํจากัดจานวน อีกท้ังยังสะดวกและงํายตํอ การใชง๎ านสาหรบั พนักงานทุกคนในหนํวยงาน 3. เครือ่ งถํายเอกสารมปี ระโยชนต์ อํ การปฏิบตั ิงานในสานักงานและผป๎ู ฏิบตั งิ านอยาํ งไรบ๎าง การใชเ๎ ครือ่ งถาํ ยเอกสาร มีประโยชน์ตอํ การปฏิบตั งิ านในสานักงานดงั น้ี 1. ประหยัดเวลาและแรงงาน ไมํต๎องพิมพ์งานที่เหมือนกันซ้าๆ กันหลายครั้ง และไมํต๎องเขียนหรือวาดใหมํ เพราะสาเนาภาพที่ได๎ เหมือนกบั ต๎นฉบับจริงทุกประการ 2. ใช๎ทาสาเนาไดส๎ ะดวกรวดเรว็ ไมจํ ากดั จานวน ถ๎ามที ่ีพมิ พ์ผดิ ไวท๎ ่ีต๎นฉบบั และแกไ๎ ข เรียบรอ๎ ยแลว๎ เมอื่ ถาํ ยเอกสารจะไมํปรากฏรอยให๎ เหน็ 3. ขนั้ ตอนและวธิ กี ารใช๎งานงําย ไมํต๎องใช๎เวลาในการเรียนหรือฝึกฝนมากนักเพียงแตํแนะนาวิธีการใช๎งานให๎ผ๎ูปฏิบัติเข๎าใจในคร้ังแรก ก็ สามารถใชง๎ านได๎ทันที 4. สามารถสาเนาเอกสารโดยการยํอ ขยาย และซูมภาพได๎ตามความต๎องการ 4. จงอธบิ ายหลกั เกณฑ์ในการติดตงั้ เครื่องถาํ ยเอกสารมาใหเ๎ ขา๎ ใจ กํอนการตดิ ตั้งเครือ่ งหรอื เคลอ่ื นย๎ายเครื่องถํายเอกสารควรปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1. ตดิ ต้ังเครอื่ งใกลก๎ บั ท่ีเสียบปลั๊กไฟ เพือ่ สะดวกในการใชง๎ าน 2. ใช๎สายไฟทตี่ ํอเข๎ากบั ทีเ่ สยี บปลัก๊ ตามขนาดทก่ี าหนด และควรตํอสายดินไวเ๎ สมอ ไมคํ วรตอํ ไฟฟาู พํวงกบั อุปกรณ์เครือ่ งใชไ๎ ฟฟาู ชนดิ อนื่ ๆ 3. ติดตั้งเครื่องไว๎บนพื้นท่ีเรียบ และแข็งแรง และเหลือเน้ือที่วํางรอบตัวเครื่อง หรือวางเคร่ืองให๎หํางจากฝาผนังอยํางน๎อย 10 เซนติเมตร เพื่อให๎มีอากาศระบายอยาํ งเหมาะสม และสะดวกในการดูแลและบารงุ รกั ษา 4. อยาํ ติดตง้ั เครือ่ งในสถานท่อี ับหรอื เปียกชื้น มีแสงแดดสํองถึงโดยตรง มีฝุนละอองมาก มีการระบายของอากาศได๎น๎อย หรือใกล๎ กบั บริเวณที่มีอณุ หภมู แิ ปรปรวนมีความช้นื สงู เชนํ ใกลก๎ บั เครือ่ งปรับอากาศ หรือเครอ่ื งทาความร๎อน เป็นตน๎ 5. การดูแลและบารุงรักษาเครอื่ งถํายเอกสารมหี ลกั เกณฑ์และข๎อควรปฏิบัติอยํางไรบา๎ ง การดแู ลและบารุงรกั ษาเครื่องถาํ ยเอกสาร มีข๎อควรปฏิบัติ ดังน้ี 1. ศึกษาขน้ั ตอนและวิธกี ารใช๎เครอ่ื งแตลํ ะชนิดจากคูํมือประจาเคร่อื ง 2. ตัง้ เคร่ืองให๎อยํูในท่ีท่อี ากาศถาํ ยเทได๎สะดวก หาํ งไกลจากความชื้นและแสงแดด 3. หมั่นเช็ดและทาความสะอาดตัวเครื่องด๎านนอก กระจกวางต๎นฉบับ และฝาปิดต๎นฉบับด๎านในเป็นประจาสม่าเสมอทุกวันด๎วยผ๎านุํม และสะอาด ถ๎าสกปรกมากให๎ใช๎ผ๎านุํมชุบน้าพอเปียกช้ืนทาความสะอาดเพียงอยํางเดียว ถ๎าติดต้ังถาดปูอนต๎นฉบับอัตโนมัติให๎ทาความสะอาด บรเิ วณถาดปอู นตน๎ ฉบบั อัตโนมัตดิ ว๎ ย 4. ตรวจดูผงหมึกใหอ๎ ยใูํ นปรมิ าณเพียงพอที่ถาํ ยเอกสารไดช๎ ัดเจนอยูํเสมอ 5. ใช๎ผา๎ คลุมเครื่องทกุ ครง้ั หลงั จากการเลกิ ใชง๎ าน และควรรอใหเ๎ คร่อื งเย็นกอํ นจึงทาการคลุมเครอื่ ง เพ่ือปูองกันฝนุ ละอองและความช้ืน 6. ขณะเครอื่ งกาลงั ทางาน ห๎ามหมนุ หนา๎ ปัดเลอื กอตั ราสํวนการถํายเอกสารโดยเด็ดขาด 7. ไมํเปิด-ปิดเครื่องถํายเอกสารบํอยๆ ควรระมัดระวังเก่ียวกับสายไฟ ปลั๊กไฟท่ีใช๎กับเคร่ืองถํายเอกสาร เม่ือเลิกใช๎เคร่ืองให๎ปิดสวิตช์และ ถอดปล๊กั ไฟใหเ๎ รยี บรอ๎ ย 8. ทาประวตั ิการใช๎งาน การซอํ มแซมและบารงุ รักษาเครื่องถํายเอกสารให๎ละเอยี ด 9. ถ๎าเคร่ืองไมํสามารถใชง๎ านได๎ ควรเรยี กชํางผชู๎ านาญการมาทาการตรวจซอํ ม

6. การเก็บรกั ษากระดาษและผงหมกึ มีวธิ กี ารเกบ็ รักษาอยาํ งไรบา๎ ง การเก็บรักษากระดาษและผงหมกึ มวี ิธเี กบ็ รกั ษาดงั น้ี 1. เก็บในสถานท่ีสะอาดและแห๎ง อุณหภูมิคงที่ไมํเปลี่ยนแปลง ไมํถูกแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะผงหมึกควรเก็บในท่ีอากาศเย็นและไมํควร ใกลบ๎ รเิ วณแหลงํ กาเนิดความรอ๎ นอื่นๆ 2. ไมํควรวางสิ่งของทีม่ นี า้ หนักทบั บนกระดาษ เชํน ขวดหมกึ หรอื ตลับหมึก 3. กระดาษถํายเอกสารควรอยูํในหอํ และวางตามแนวราบ ไมวํ างกระดาษในลกั ษณะแนวต้ังหรือไมํได๎หํอกระดาษไว๎เพราะจะทาให๎กระดาษ งอและชืน้ ได๎ เป็นสาเหตใุ หก๎ ระดาษตดิ ในขณะถํายเอกสาร 4. กระดาษในหํอที่เปิดใช๎งานแล๎วแตํยังใช๎ไมํหมด ควรเก็บรักษาไว๎ในหํอให๎เรียบร๎อยเชํนกัน และควรใช๎กระดาษรีมเกําให๎หมดกํอน จึงใช๎ กระดาษรมี ใหมํ 5. เก็บผงหมึกไว๎ใหพ๎ น๎ มอื เดก็ เพราะเป็นสารอนั ตรายหา๎ มรบั ประทาน 7. อันตรายทเี่ กิดจากเครือ่ งถํายเอกสารมอี ะไรบ๎าง อนั ตรายท่ีเกิดจากเครอ่ื งถาํ ยเอกสารมีดังน้ี กล่ินไหมข๎ องเคร่ืองถํายเอกสารท่ีเป็นก๏าซโอโซนจะไปกดระบบประสาท ทาให๎งํวง ปากแห๎ง ระบบทางเดินหายใจสํวนบนขาดความชํุม ช้ืน เกิดการระคายเคืองบริเวณตา จมูกและลาคอ สํงผลทาให๎ปอดถูกทาลาย สารปรับความเข๎มในการถํายภาพ ทาให๎ผิวหนังเป็นผ่ืนหรือเป็นภูมิแพ๎ สวํ นนา้ ยาปรบั ความเขม๎ บางชนดิ ทาให๎งวํ งนอนและระคายเคืองบรเิ วณจมูก คอ และสารเคมีท่ีใช๎ทากระดาษสาเนายังเป็นเหตุให๎ผิวหนังอักเสบได๎ แสง ไฟท่สี วํางวาบข้ึนมาเวลาถํายเอกสารจะแผรํ งั สีอัลตราไวโอเลต ทาให๎นัยนต์ าและผวิ หนังระคายเคอื ง และประสาทตาเครียด สารไตรโนโตฟลูออรีโนนที่ ใช๎เคลือบลกู กล้งิ ในเครอื่ งถํายเอกสารบางยห่ี ๎ออาจกอํ ใหเ๎ กิดโรคมะเรง็ ได๎ 8. วิธีการปอู งกนั อันตรายทีเ่ กิดจากเครื่องถํายเอกสารมีอะไรบา๎ ง วิธปี ูองกนั อันตรายที่เกดิ จากเครื่องถํายเอกสารมดี ังนี้ 1. ถ๎าไดก๎ ล่นิ ไหม๎ หรือฉนุ มากกวําปกติ ตอ๎ งเรียกชํางมาตรวจเช็กทนั ที 2. ควรตัง้ เคร่ืองไวใ๎ นที่โลํง อากาศถาํ ยเทสะดวก 3. ขณะถํายเอกสารทกุ ครั้งให๎ใชแ๎ ผํนปดิ แสง หากตอ๎ งจบั สารเคมใี นเครื่องถาํ ยเอกสาร ให๎สวมถงุ มือยางและชดุ กันเปอ้ื น สํวนการเทผง หมกึ ใหเ๎ ทชา๎ ๆ เพราะการเทเรว็ ๆ จะทาให๎ฝุนคลง๎ุ เป็นอันตรายตํอสุขภาพ 9. เคร่ืองถํายเอกสารประกอบด๎วยสํวนใหญํๆ ก่สี วํ น อะไรบ๎าง ประกอบด๎วย 2 สํวนใหญํๆ คอื 1. สํวนประกอบท่วั ไป แบํงเป็น 2 สํวนยํอย คือ 1.1ลักษณะทั่วไปภายนอกเคร่อื ง 1.2 ลกั ษณะทว่ั ไปภายในเครือ่ ง 2. แผงหนา๎ ปดั ควบคมุ การทางานของเครื่อง 10. จงอธบิ ายขั้นตอนและวิธกี ารใช๎เครอ่ื งถาํ ยเอกสารในระบบธรรมดามาใหเ๎ ข๎าใจ ขัน้ ตอนและวธิ กี ารถํายเอกสารในระบบธรรมดา มีดงั น้ี 1. เปิดฝาปดิ แทํนกระจกขึ้นแล๎ววางต๎นฉบบั ควา่ หน๎าลงบนแทํนกระจกให๎ตรงตามมาตราสํวนท่รี ะบไุ ว๎ 2. ปดิ ฝาปดิ แทนํ กระจก และกดปมุ Tray Select เพื่อเลือกถาดบรรจุกระดาษปรับความเข๎ม-จางของสาเนาตามความต๎องการ มี 3 ระบบ คือ การปรบั ภาพอตั โนมัติ การปรบั ภาพดว๎ ยมือ และการปรับภาพดว๎ ยรปู ภาพ 3. กดปุมตัวเลขเพ่ือตง้ั จานวนสาเนาท่ตี อ๎ งการ แตถํ ๎าตอ๎ งการถํายสาเนาเพียงแผํนเดยี ว ใหก๎ ดปมุ Start ได๎ทนั ที 4. ถา๎ ปูอนตัวเลขท่ีตอ๎ งการถาํ ยสาเนาผิด ให๎กดปุม Clear และใสํตวั เลขทถี่ ูกตอ๎ งลงไปใหมํ 5. กดปุม Start เคร่ืองจะทาการถํายสาเนา โดยตัวเลขจะลดจานวนลงไปทีละ 1 เมื่อมีการถํายสาเนาออกมา ถ๎าต๎องการยกเลิกการถําย เอกสารให๎กดปุม Clear All เคร่อื งจะหยุดทางาน และตวั เลขหนา๎ จอจะเปล่ยี นเป็นศนู ย์

แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรียน บทท่ี 4 เร่อื งเครือ่ งถา่ ยเอกสาร จงเลอื กคาตอบท่ถี กู ต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียว 1. เครื่องถํายเอกสารมีววิ ัฒนาการมาจากอะไร ก. เคร่ืองอัดสาเนาระบบดจิ ทิ ัล ข. กล๎องถาํ ยภาพ ค. เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ง. เครอ่ื งอัดสาเนาชนดิ มอื หมุน 2. เครอ่ื งถาํ ยเอกสารชนิดเตมิ นา้ ยาเป็นเคร่อื งถํายเอกสารระบบใด ก. Dual Spectrum ข. Photostat ค. Copyflo ง. Photocopy 3. การแบงํ ประเภทของเครอ่ื งถํายเอกสารตามลักษณะงานทีผ่ ลิตไดแ๎ บงํ ได๎ก่ีประเภท ก. เคร่อื งถํายเอกสารขนาดเล็ก, เคร่ืองถํายเอกสารขนาดใหญํ ข. เคร่อื งถํายเอกสารขนาดเล็ก, เครอื่ งถํายเอกสารขนาดกลาง ค. เคร่อื งถํายเอกสารชนิดขาวดา, เครื่องถํายเอกสารชนดิ สี ง. เคร่ืองถํายเอกสารชนดิ ผงหมกึ , เครื่องถาํ ยเอกสารชนดิ น้าหมึก 4. ปัจจบุ นั เครื่องถํายเอกสารที่ใช๎ในสานกั งานทวั่ ไปเป็นเครอ่ื งถํายเอกสารชนิดใด ก. เครอื่ งถํายเอกสารระบบอัตโนมตั ิ ชนิดเติมน้าหมึก ข. เครอื่ งถํายเอกสารระบบอัตโนมตั ิ ชนิดเตมิ ผงหมกึ ค. เครอ่ื งถํายเอกสารระบบอัตโนมตั ิ ชนิดใช๎ผ๎าหมึก ง. เคร่อื งถาํ ยเอกสารระบบอตั โนมัติ ชนดิ เตมิ นา้ ยา 5. การพจิ ารณาคุณสมบตั ิดา๎ นการใชง๎ านของเครือ่ งถํายเอกสารกาหนดมาตรฐานการใช๎งานเปน็ อะไร ก. ดจู ากขนาดของตัวเคร่ือง ข. ดจู ากชนิดของงานท่ผี ลติ ได๎ ค. ดจู ากอตั ราความเร็วในการถํายเอกสาร ง. ดูจากความคมชัดของช้ินงาน 6. ขอ๎ ใดคือวธิ กี ารเกบ็ รักษากระดาษถํายเอกสารที่ถกู ต๎อง ก. ควรเกบ็ รกั ษากระดาษในที่สะอาดและแห๎ง และปูองกันไมํให๎ถูกแสงแดด ข. กระดาษถํายเอกสารควรเก็บไวใ๎ นหอํ และวางตามแนวตั้งให๎เรียบร๎อย ค. กระดาษถาํ ยเอกสารทเี่ ปิดใชง๎ านแล๎ว ควรแกะออกจากหอํ ให๎เรียบรอ๎ ย ง. ควรนาสงิ่ ของท่ีมีนา้ หนกั มาวางทับบนกระดาษถํายเอกสารเพือ่ ชวํ ยใหก๎ ระดาษเรียบ

7. ถ๎าไมมํ ีกระดาษถํายเอกสารบรรจอุ ยูใํ นถาดปูอนกระดาษหนา๎ จอจะปรากฏ ข๎อความอะไร ก. Ready to copy ข. Open tray and add paper ค. Push paper tray in unit ง. Add toner 8. ถา๎ ปรากฏข๎อความที่หนา๎ จอวํา “Ready to copy Add toner.” หมายถงึ อะไร ก. ผงหมกึ ใกลห๎ มด ควรเตมิ ผงหมกึ ไดแ๎ ลว๎ ข. ผงหมึกหมดแล๎ว ไมสํ ามารถถํายเอกสารได๎ ค. ไมมํ ีผงหมึกอยภํู ายในตวั เครือ่ ง ง. เครอ่ื งพร๎อมท่จี ะถาํ ยเอกสาร 9. เมอ่ื เครอ่ื งถาํ ยเอกสารแสดงขอ๎ ความวํา “Ready to copy” ผู๎ใช๎ต๎องกดปุมอะไรเคร่ืองถงึ จะทาการถํายเอกสารให๎ ก. Stop ข. Start ค. Clear ง. Zoom 10. ข๎อใดคืออันตรายทเี่ กิดจากเครื่องถํายเอกสาร ก. สารไตรโนโตฟลูออรีโนน ท่ีใชเ๎ คลอื บลกู กล้งิ ในเคร่ืองถํายเอกสาร อาจกํอใหเ๎ กิดโรคมะเร็ง ข. แสงไฟท่สี วํางวาบเวลาถาํ ยเอกสาร เป็นสาเหตุทาใหผ๎ วิ หนา๎ เป็นผน่ื หรือเปน็ ภูมแิ พ๎ได๎ ค. สารปรับความเขม๎ ในการถํายเอกสาร เป็นสาเหตุทาใหป๎ วดสายตาได๎ ง. กล่นิ ท่ีออกมาจากเครื่องถาํ ยเอกสารจะทาให๎ระคายเคอื งระบบการหายใจ

เฉลย แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรียน บทที่ 4 เร่ืองเครอื่ งถ่ายเอกสาร จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกต้องที่สดุ เพียงคาตอบเดียว 1. เคร่ืองถํายเอกสารมีววิ ัฒนาการมาจากอะไร ก. เครอ่ื งอัดสาเนาระบบดจิ ิทัล ข. กล๎องถาํ ยภาพ ค. เครอื่ งคอมพิวเตอร์ ง. เคร่ืองอัดสาเนาชนดิ มอื หมุน 2. เครอ่ื งถํายเอกสารชนดิ เติมน้ายาเปน็ เครอื่ งถาํ ยเอกสารระบบใด ก. Dual Spectrum ข. Photostat ค. Copyflo ง. Photocopy 3. การแบงํ ประเภทของเคร่ืองถาํ ยเอกสารตามลักษณะงานทีผ่ ลติ ไดแ๎ บงํ ได๎ก่ีประเภท ก. เคร่ืองถํายเอกสารขนาดเล็ก, เครื่องถํายเอกสารขนาดใหญํ ข. เครอ่ื งถํายเอกสารขนาดเล็ก, เครอ่ื งถํายเอกสารขนาดกลาง ค. เคร่ืองถํายเอกสารชนิดขาวดา, เครื่องถํายเอกสารชนิดสี ง. เครอ่ื งถํายเอกสารชนิดผงหมกึ , เคร่อื งถาํ ยเอกสารชนดิ น้าหมกึ 4. ปัจจุบนั เครอ่ื งถาํ ยเอกสารท่ใี ช๎ในสานักงานทว่ั ไปเป็นเครือ่ งถาํ ยเอกสารชนดิ ใด ก. เครื่องถํายเอกสารระบบอัตโนมัติ ชนิดเตมิ นา้ หมกึ ข. เคร่อื งถํายเอกสารระบบอัตโนมัติ ชนดิ เตมิ ผงหมกึ ค. เครอ่ื งถํายเอกสารระบบอัตโนมัติ ชนดิ ใชผ๎ ๎าหมึก ง. เครือ่ งถาํ ยเอกสารระบบอัตโนมตั ิ ชนดิ เติมน้ายา 5. การพจิ ารณาคุณสมบัติด๎านการใช๎งานของเครื่องถํายเอกสารกาหนดมาตรฐานการใช๎งานเปน็ อะไร ก. ดูจากขนาดของตัวเครอื่ ง ข. ดจู ากชนิดของงานทผ่ี ลิตได๎ ค. ดูจากอตั ราความเร็วในการถาํ ยเอกสาร ง. ดูจากความคมชดั ของช้นิ งาน 6. ข๎อใดคือวธิ กี ารเก็บรักษากระดาษถาํ ยเอกสารที่ถกู ต๎อง ก. ควรเก็บรักษากระดาษในที่สะอาดและแหง๎ และปูองกันไมใํ หถ๎ กู แสงแดด ข. กระดาษถํายเอกสารควรเก็บไวใ๎ นหํอและวางตามแนวตั้งใหเ๎ รียบร๎อย ค. กระดาษถาํ ยเอกสารท่เี ปิดใชง๎ านแล๎ว ควรแกะออกจากหํอให๎เรียบร๎อย ง. ควรนาสิ่งของท่ีมีนา้ หนักมาวางทบั บนกระดาษถาํ ยเอกสารเพ่อื ชวํ ยใหก๎ ระดาษเรยี บ

7. ถ๎าไมมํ ีกระดาษถํายเอกสารบรรจอุ ยูใํ นถาดปูอนกระดาษหนา๎ จอจะปรากฏ ข๎อความอะไร ก. Ready to copy ข. Open tray and add paper ค. Push paper tray in unit ง. Add toner 8. ถา๎ ปรากฏข๎อความที่หนา๎ จอวํา “Ready to copy Add toner.” หมายถงึ อะไร ก. ผงหมกึ ใกลห๎ มด ควรเตมิ ผงหมกึ ไดแ๎ ลว๎ ข. ผงหมึกหมดแล๎ว ไมสํ ามารถถํายเอกสารได๎ ค. ไมมํ ีผงหมึกอยภํู ายในตวั เครือ่ ง ง. เครอ่ื งพร๎อมทจ่ี ะถาํ ยเอกสาร 9. เมอ่ื เครอ่ื งถาํ ยเอกสารแสดงขอ๎ ความวํา “Ready to copy” ผู๎ใช๎ต๎องกดปุมอะไรเคร่ืองถงึ จะทาการถํายเอกสารให๎ ก. Stop ข. Start ค. Clear ง. Zoom 10. ข๎อใดคืออันตรายทเี่ กิดจากเครื่องถํายเอกสาร ก. สารไตรโนโตฟลูออรีโนน ท่ีใชเ๎ คลอื บลกู กล้งิ ในเคร่ืองถํายเอกสาร อาจกํอใหเ๎ กิดโรคมะเร็ง ข. แสงไฟท่สี วํางวาบเวลาถาํ ยเอกสาร เป็นสาเหตุทาใหผ๎ วิ หนา๎ เป็นผน่ื หรือเปน็ ภูมแิ พ๎ได๎ ค. สารปรับความเขม๎ ในการถํายเอกสาร เป็นสาเหตุทาใหป๎ วดสายตาได๎ ง. กล่นิ ท่ีออกมาจากเครื่องถาํ ยเอกสารจะทาให๎ระคายเคอื งระบบการหายใจ

กจิ กรรมส่งเสริมการเรียนรู้ 1. กจิ กรรมรายบุคคล ใหน๎ ักเรียนแตลํ ะคนหาเอกสารเพื่อใช๎เปน็ ต๎นฉบบั สาหรับถาํ ยเอกสาร คนละ 1 ฉบับ จากน้นั ให๎ ปฏิบัตดิ งั นี้ 1.1 ใหน๎ กั เรยี นแตลํ ะคนถํายเอกสารเทํากับตน๎ ฉบบั จริง คนละ 1 แผนํ 1.2 ใหน๎ ักเรียนแตลํ ะคนนาต๎นฉบับเดมิ มาถาํ ยเอกสารใหมํแบบยอํ สํวน 50% และขยาย 25% 1.3 ใหน๎ กั เรียนแตํละคนเขียนบรรยายสรปุ ขั้นตอนวิธกี ารถํายเอกสาร การยํอ การขยาย วาํ มี วิธีการอยํางไร พร๎อมอภปิ ราย ผลงานทีไ่ ดว๎ ํามีความสมบรู ณ์ ความชดั หรอื ไมเํ พยี งใด และเกดิ ปัญหาและ อปุ สรรคในขณะปฏบิ ัติงานหรอื ไมํ

จดุ ประสงค์ ใบงานท่ี 1 คาสัง่ เรือ่ ง เคร่อื งถ่ายเอกสาร เพอ่ื ใหม๎ คี วามร๎ู ความเขา๎ ใจเรือ่ ง ประวัติ ความสาคญั ประเภท และประโยชนแ์ ละเครอ่ื งถาํ ยเอกสาร ใหน๎ ักเรียนแตํละกลํมุ รวํ มกนั ตอบคาถามในใบงาน และสํงผลงานเพียงชดุ เดียวถือวําเปน็ ผลงานของกลมุํ 1. เครื่องถาํ ยเอกสารมวี ิวัฒนาการมาจากอะไร ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. 2. จงอธิบายถงึ ความสาคัญ และความจาเป็นของเครอื่ งถํายเอกสารตํอการปฏิบตั ิงานในสานักงาน ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. 3. เครอ่ื งถํายเอกสารแบงํ ตามลักษณะของงานทผี่ ลติ ได๎เปน็ กปี่ ระเภท อะไรบ๎าง ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. 4. เครอ่ื งถํายเอกสารมปี ระโยชน์ตอํ การปฏบิ ตั ิงานในสานกั งาน และผป๎ู ฏบิ ัติงานอยาํ งไรบา๎ ง ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….. ชื่อกลมํุ ……………………………. ชอ่ื ……………………………… สกลุ ………………..………..ประธานกลํมุ ชื่อ……………………………… สกลุ ……………..…………..สมาชกิ ช่อื ……………………………… สกุล……………..…………..สมาชิก ชือ่ ……………………………… สกุล……………..…………..สมาชิก ช่อื ……………………………… สกลุ ……………..…………..สมาชิก ชอื่ ……………………………… สกุล……………..…………..เลขานกุ ารกลํมุ

จดุ ประสงค์ ใบงานที่ 2 คาสง่ั เร่ือง เคร่อื งถ่ายเอกสาร เพื่อให๎มีความร๎ู ความเข๎าใจเรื่อง หลักเกณฑ์ข๎อปฏิบัติ และการดูแลรักษาเครื่องถํายเอกสาร และสามารถ นาไปปฏิบตั ไิ ด๎ถูกต๎อง ให๎แตํละกลุํมรํวมกันทากิจกรรมในใบงาน โดยแบํงหน๎าท่ีกันปฏิบัติดังตํอไปน้ี (ให๎หมุนเวียนเปลี่ยนหน๎าที่กัน ปฏิบตั ิจนเสร็จกิจกรรม) คนท่ี 1 อํานคาสั่ง คาถามในกจิ กรรม คนท่ี 2 รวบรวมขอ๎ มูล คนที่ 3 บันทึกขอ๎ มูล คนที่ 4 ตรวจสอบข๎อมูล จงตอบคาถาม 1. จงอธิบายหลกั เกณฑ์ในการติดต้งั เครอ่ื งถํายเอกสารมาให๎เขา๎ ใจ 2. จงบอกขอ๎ ควรระวังในการใชเ๎ คร่อื งถาํ ยเอกสาร 3. จงอธิบายวธิ ีการเก็บรักษากระดาษ และการบรรจุกระดาษถํายเอกสารมาใหเ๎ ขา๎ ใจ 4. ใหอ๎ ธิบายวิธกี ารเปลี่ยนถาดบรรจกุ ระดาษวําทาอยํางไรบา๎ ง 5. จงอธิบายการปูอนกระดาษสาเนาดว๎ ยถาดปูอนกระดาษ และการปูอนกระดาษสาเนาดว๎ ยมอื 6. จงบอกหลกั ปฏิบตั ิในการเติมผงหมกึ ในเครื่องถํายเอกสาร 7. จงบอกผลกระทบ และอนั ตรายท่ีเกดิ จากเครื่องถํายเอกสาร และวธิ ปี ูองกนั อนั ตราย โดยอธิบายเป็นข๎อๆ ใหเ๎ ขา๎ ใจ 8. จงอธิบายแนวทางการดแู ล และบารงุ รกั ษาเคร่ืองถํายเอกสารโดยทั่วไป

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เรือ่ ง เครื่องโทรศพั ท์ แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 เร่ือง เครอ่ื งโทรศัพท์ รายวชิ า การใชเ้ ครือ่ งใช้สานักงาน รหสั วิชา ง31233 ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 นา้ หนกั เวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3 ช่ัวโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ (ความเขา้ ใจทคี่ งทน) ปจั จุบนั โทรศพั ท์อาจกลําวได๎วาํ เป็นสงิ่ จาเปน็ สาหรับคนทุกคน เนอื่ งจากโทรศัพทเ์ ปน็ เครื่องมือท่ใี ช๎ในการ ติดตํอสอ่ื สารท่อี านวยความสะดวกไดอ๎ ยํางรวดเร็ว ประหยัดเวลา และคําใช๎จาํ ย โดยเฉพาะโทรศัพท์จดั เป็น เครื่องใช๎ สานักงานทสี่ าคัญอยาํ งยิง่ ทีส่ านกั งานทุกแหํงจะขาดมิได๎โดยเดด็ ขาด เพราะในการดาเนินธรุ กจิ ตํางๆ ของหนวํ ยงานมีความ จาเป็นต๎องตดิ ตํอส่ือสารกับบุคคลตํางๆ ภายนอกหนํวยงาน ไดแ๎ กํ ลูกค๎า พันธมติ ร เปน็ ตน๎ โทรศัพทจ์ งึ เป็นเคร่ืองมือที่ชํวย อานวยความสะดวกในการปฏิบัตงิ านได๎อยาํ งรวดเรว็ นอกจากน้ใี นสานกั งานอาจมีเคร่ืองตดิ ตํอภายใน (Intercommunication) หรอื โทรศัพท์ภายใน เพ่ืออานวยความสะดวกในการติดตํอส่อื สารระหวาํ งบุคลากรภายในสานักงานอกี ดว๎ ย 2. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัดชั้นปี/ผลการเรียนร/ู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ 1. บอกประวตั แิ ละววิ ัฒนาการของโทรศัพท์ได๎ 2. บอกระบบโทรศัพทไ์ ด๎ 3. บอกหลกั ในการใชโ๎ ทรศัพท์ได๎ 4. อธิบายวธิ ีดแู ลและบารุงรกั ษาเครอื่ งโทรศัพทไ์ ด๎ 5. อธบิ ายสํวนประกอบตาํ งๆ ของเคร่อื งโทรศัพท์ได๎ 6. บอกวธิ ีการใชเ๎ ครอื่ งโทรศพั ท์เพอื่ การติดตอํ ทง้ั ภายในและภายนอกสานักงานได๎ 7. มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีผู๎สอนสามารถสังเกตเห็นได๎ ในด๎าน ความมมี นุษยสัมพันธ์ ความมีวนิ ยั ความรับผดิ ชอบ ความเชื่อม่ันในตนเอง ความสนใจใฝรุ ู๎ ความรักสามัคคี ความ กตญั ญูกตเวที 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนอื้ หาสาระหลกั : Knowledge (นักเรยี นต๎องรู๎อะไร) ๑. ประวตั แิ ละวิวัฒนาการของโทรศัพท์ ๒. ระบบโทรศพั ท์ ๓. หลกั ในการใชโ๎ ทรศพั ท์ ๔. การดแู ลและบารุงรกั ษาเคร่ืองโทรศพั ท์ ๕. สํวนประกอบตํางๆ ของเครื่องโทรศัพท์ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิอะไรได)๎ 3.2.1 นักเรียนสามารถอธิบายการวิธกี ารใช๎งานและวิธีการดูแลรักษาโทรศัพท์ได๎ 3.3 คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ : Attitude (นักเรียนควรแสดงพฤตกิ รรมการเรยี นอะไรบา๎ ง) 3.3.1 นักเรียนรบั ผดิ ชอบในการทางานท่คี รูผูส๎ อนมอบหมายให๎ และสํงงานตรงเวลา 3.3.2 นักเรียนศึกษาค๎นควา๎ ขอ๎ มูล หรือเนื้อหาในสํวนท่ีไมํคอํ ยเข๎าใจจากทาอินเทอร์เน็ต

4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรียน 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการใชเ๎ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะของวิชา 5.1 ความรับผดิ ชอบ 5.2 ความรอบคอบ 6. คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ 6.3.1 ความรับผิดชอบ 6.3.2 ความสนใจใฝุรู๎ 7. ชิน้ งาน/ภาระงาน -แบบทดสอบกอํ นเรียน -แบบทดสอบหลังเรียน -ใบงานการใช๎เครื่องโทรศัพท์ในการติดตํอส่ือสาร -ใบงานการใช๎สํวนประกอบของเคร่ืองโทรศัพท์ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ (จดั กิจกรรมการเรยี นรู๎โดยใช๎กระบวนการใด แสดงตามขนั้ ตอน : เวลาทีใ่ ช๎ 6 ช่ัวโมง ขน้ั นาเข๎าสํูบทเรียน/ขัน้ ตง้ั คาถาม 1. ครผู ๎ูสอนให๎นักเรียนทาแบบทดสอบกํอนเรียน ครูผู๎สอนทบทวนความร๎ูเรื่อง ประวัติและวิวัฒนาการของโทรศัพท์ และสนทนากบั นกั เรยี นถงึ เคร่อื งมือท่ใี ชใ๎ นการสอื่ สาร อีกทัง้ ทางานได๎อยํางสะดวก รวดเรว็ พร๎อมทั้งกลําวนาเข๎าสูํ บทเรียนเรอื่ ง เครอ่ื งโทรศพั ท์ ข้นั สารวจและคน๎ พบ/ขน้ั การเตรียมการค๎นหาคาตอบ 2. นักเรยี นจัดกลํมุ ตามความเหมาะสม โดยมีผูท๎ ่เี รยี นเกํง ปานกลาง อํอนอยูํดว๎ ยกัน กลมุํ ละ 5-6 คน เลอื กประธาน และเลขานุการกลมุํ ขน้ั อธบิ ายและลงข๎อสรุป/ขนั้ ดาเนนิ การค๎นหาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ 3. นักเรียนแตํละกลุํมศึกษาและรํวมกันอภิปรายเรื่อง เคร่ืองโทรศัพท์ จากเอกสารประกอบการเรียนวิชา การใช๎ เคร่อื งใช๎สานักงาน ในหัวขอ๎ ยํอยตํอไปนี้  ประวตั ิและววิ ฒั นาการของโทรศพั ท์  ระบบโทรศัพท์  หลกั ในการใช๎โทรศพั ท์  การดูแลและบารุงรกั ษาเคร่ืองโทรศพั ท์  สํวนประกอบตาํ งๆ ของเครื่องโทรศัพท์ 4. นกั เรียนแตลํ ะกลุํมบันทกึ ผลสรปุ ลงในสมดุ 5. ครผู ๎ูสอนสมุํ หรือจับฉลากเลือกกลุํมออกมานาเสนอผลการอภปิ รายหนา๎ ชั้น 1-2 กลํมุ 6. ในขณะปฏิบัตงิ านกลมํุ ครผู ๎ูสอนและประธานกลุํมประเมนิ พฤตกิ รรมการปฏิบตั ิงานจดบันทึกคะแนนไว๎ 7. ครูผ๎ูสอนสรุปสาระสาคัญเร่ือง ประโยชน์ ความสาคัญของเคร่ืองโทรศัพท์ และประเภทของวัสดุท่ีใช๎กับเคร่ือง พรอ๎ มทง้ั การดแู ลบารงุ รักษาเคร่ืองโทรศัพท์ โดยใชแ๎ ผํนใส 8. นักเรยี นซักถามข๎อสงสยั ขั้นขยายความร๎ูและนาเสนอผลการค๎นหาคาตอบ 9. นกั เรยี นรับใบงานไปปฏบิ ัติกจิ กรรมเป็นรายบคุ คล 10. นักเรียนตรวจคาตอบในใบงาน โดยการแลกเปล่ียนกันตรวจ และนาผลคะแนนของแตํละคนในกลํุมมารวมเป็น คะแนนกลมํุ กลมุํ ทไี่ ด๎คะแนนรวมสูงสุดเป็นกลํมุ ท่ไี ด๎รบั คาชมเชย 11. นกั เรียนจัดกลํมุ ใหมตํ ามความเหมาะสม กลํุมละ 10 คน เลอื กประธานและเลขานุการกลมํุ พรอ๎ มทงั้ ต้ังชอื่ กลมํุ

12. ครูผู๎สอนอธิบายสํวนประกอบของเคร่ืองโทรศัพท์ และขั้นตอนวิธีการใช๎เคร่ืองเครื่องโทรศัพท์ โดยใช๎แผํนใส ประกอบการอธบิ ายโดยละเอียด 13. นักเรียนซักถามขอ๎ สงสัย และจดบันทึกสาระสาคญั การใชเ๎ ครื่องลงในสมดุ 14. ครูผ๎ูสอนนานักเรียนแตํละกลุํมไปศึกษาวิธีการใช๎เครื่องโทรศัพท์ ในสานักงานของสถานศึกษา และทดลองปฏิบัติ จริงโดยครผู ส๎ู อนใหค๎ าแนะนาปรกึ ษาข๎อสงสัยอยํางใกล๎ชิด (นักเรียนแตํละกลํุมผลัดเปลี่ยนกันไปศึกษาคร้ังละ 1-2 กลํุม สวํ นกลุมํ ทเี่ หลอื ทบทวนบทเรยี นในหอ๎ งเรยี น) ข้นั สรปุ และประเมนิ ผล 15. ครผู ูส๎ อนสรุปเนอ้ื หาเร่อื ง เคร่อื งเครื่องโทรศัพทอ์ กี คร้ัง โดยวธิ ถี ามตอบ 16. นกั เรียนซักถามขอ๎ สงสยั 17. นกั เรียนทาแบบประเมินผลการเรยี นรู๎ หนวํ ยท่ี 5 18. นักเรียนตรวจคาตอบจากแผนํ ใสด๎วยตนเองเพอ่ื ทดสอบความซอ่ื สตั ย์ 19. นักเรยี นแตลํ ะคนปฏิบตั กิ ิจกรรมในใบงาน ชั่วโมงท่ี 1-3 (ความสามารถในการวิเคราะห์ / ใฝุเรยี นร๎ู / เทคนิคการสบื ค๎น) เขียนใหส๎ อดคลอ๎ งกับหวั ข๎อสมรรถนะและคุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์) 1. ครผู ู๎สอนให๎นักเรียนทาแบบทดสอบกํอนเรียน ครูผ๎ูสอนทบทวนความร๎ูเร่ือง ประวัติและวิวัฒนาการของโทรศัพท์ และสนทนากบั นักเรยี นถงึ เครอ่ื งมอื ท่ีใช๎ในการสอ่ื สาร อีกทั้งทางานได๎อยํางสะดวก รวดเร็ว พร๎อมท้ังกลําวนาเข๎าสํู บทเรยี นเรอ่ื ง เคร่อื งโทรศพั ท์ 2. นกั เรยี นจัดกลมํุ ตามความเหมาะสม โดยมีผู๎ท่ีเรียนเกํง ปานกลาง อํอนอยํดู ๎วยกัน กลํมุ ละ 5-6 คน เลือกประธาน และเลขานุการกลํมุ 3. นักเรียนแตํละกลํุมศึกษาและรํวมกันอภิปรายเร่ือง เคร่ืองโทรศัพท์ จากเอกสารประกอบการเรียนวิชา การใช๎ เครือ่ งใช๎สานักงาน ในหวั ขอ๎ ยอํ ยตอํ ไปน้ี  ประวัตแิ ละววิ ัฒนาการของโทรศพั ท์  ระบบโทรศพั ท์  หลักในการใชโ๎ ทรศพั ท์  การดแู ลและบารุงรกั ษาเคร่ืองโทรศพั ท์  สํวนประกอบตํางๆ ของเครื่องโทรศพั ท์ 4. นักเรยี นแตลํ ะกลํุมบันทกึ ผลสรุปลงในสมดุ 5. ครผู ส๎ู อนสํุม หรือจับฉลากเลอื กกลุํมออกมานาเสนอผลการอภิปรายหน๎าชนั้ 1-2 กลุํม 6. ในขณะปฏิบตั งิ านกลํมุ ครผู ส๎ู อนและประธานกลมุํ ประเมนิ พฤติกรรมการปฏบิ ตั งิ านจดบันทกึ คะแนนไว๎ 7. ครูผู๎สอนสรุปสาระสาคัญเรื่อง ประโยชน์ ความสาคัญของเครื่องโทรศัพท์ และประเภทของวัสดุที่ใช๎กับเครื่อง พรอ๎ มทงั้ การดแู ลบารุงรกั ษาเครือ่ งโทรศัพท์ โดยใชแ๎ ผนํ ใส 8. นักเรียนซักถามข๎อสงสยั ช่ัวโมงท่ี 4 -6 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝเุ รยี นรู๎ / ชํวยกนั คิดชํวยกนั เรียน) 9. นักเรียนรับใบงานไปปฏบิ ัติกจิ กรรมเป็นรายบุคคล 10. นักเรียนตรวจคาตอบในใบงาน โดยการแลกเปลี่ยนกันตรวจ และนาผลคะแนนของแตํละคนในกลุํมมารวมเป็น คะแนนกลุํม กลํุมท่ไี ด๎คะแนนรวมสูงสุดเปน็ กลํุมทีไ่ ดร๎ บั คาชมเชย 11. นักเรยี นจดั กลุํมใหมตํ ามความเหมาะสม กลุมํ ละ 10 คน เลือกประธานและเลขานุการกลํมุ พร๎อมท้ังตั้งชอ่ื กลํุม 12. ครูผู๎สอนอธิบายสํวนประกอบของเครื่องโทรศัพท์ และข้ันตอนวิธีการใช๎เคร่ืองเคร่ืองโทรศัพท์ โดยใช๎แผํนใส ประกอบการอธิบายโดยละเอยี ด 13. นักเรยี นซกั ถามข๎อสงสยั และจดบนั ทกึ สาระสาคัญการใช๎เคร่ืองลงในสมดุ

14. ครูผ๎ูสอนนานักเรียนแตํละกลุํมไปศึกษาวิธีการใช๎เคร่ืองโทรศัพท์ ในสานักงานของสถานศึกษา และทดลองปฏิบัติ จรงิ โดยครูผู๎สอนให๎คาแนะนาปรึกษาข๎อสงสัยอยํางใกล๎ชิด (นักเรียนแตํละกลํุมผลัดเปลี่ยนกันไปศึกษาคร้ังละ 1-2 กลํุม สํวนกลมํุ ทเี่ หลอื ทบทวนบทเรยี นในหอ๎ งเรยี น) ขน้ั สรปุ และประเมนิ ผล 15. ครผู ๎สู อนสรปุ เน้ือหาเร่ือง เคร่ืองเครื่องโทรศัพทอ์ ีกครง้ั โดยวิธีถามตอบ 16. นักเรียนซกั ถามข๎อสงสัย 17. นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู๎ หนํวยท่ี 5 18. นักเรียนตรวจคาตอบจากแผนํ ใสดว๎ ยตนเองเพื่อทดสอบความซ่ือสัตย์ 19. นักเรียนแตลํ ะคนปฏิบตั ิกิจกรรมในใบงาน 9. ส่ือการเรียนการสอน / แหลํงเรียนรู๎ จำนวน สภาพการใชส้ ื่อ รายการสื่อ 1 ชดุ ขน้ั ตรวจสอบความร๎ูเดิม 1. แบบทดสอบกํอนเรียน 1 ชดุ แบบทดสอบหลงั เรียน 1 ชดุ ขั้นขยายความร๎ู 1 ชุด ขนั้ ขยายความรู๎ 2. ใบงานการใช๎เครอื่ งโทรศัพท์ในการ ขั้นขยายความรู๎ ติดตํอสือ่ สาร 3. ใบงานการใช๎สวํ นประกอบของเคร่ืองโทรศพั ท์ 4. แบบประเมินผลการเรยี นรู๎ หนวํ ยท่ี 1 10. การวัดผลและประเมินผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรียนรู้ ประเด็น/ การเรียนรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน วิธีวัด เครือ่ งมอื วดั ฯ เกณฑ์การ -ตรวจแบบทดสอบ -ตรวจใบงาน ให้คะแนน นักเรียนสามารถ -แบบทดสอบกอํ นเรยี น -ตรวจแบบประเมนิ ผล -แบบทดสอบ -ผํานเกณฑ์ อธิบายการวิธกี ารใช๎ -แบบทดสอบหลังเรียน การเรียนรู๎ หนํวยที่ 5 งานและวธิ ีการดแู ล -ใบงานการใช๎เคร่ืองโทรศัพท์ใน กํอนเรยี น -หลังเรียน 70% รักษาโทรศัพท์ได๎ การตดิ ตํอสอ่ื สาร -แบบบนั ทึกการตรวจใบงาน -ใบงานการใช๎สวํ นประกอบของ เครื่องโทรศัพท์ -แบบประเมนิ ผลการเรียนร๎ู -แบบประเมินผลการเรยี นรู๎ หนวํ ยท่ี 5 หนวํ ยท่ี 5

11. จดุ เนน้ ของโรงเรยี น การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ปรัชญาเศรษฐกิจ ครู ผเู้ รยี น พอเพียง 1.ความพอประมาณ พอดีด้านเทคโนโลยี พอดีด้านจติ ใจ รจ๎ู ักใชเ๎ ทคโนโลยมี าผลติ สื่อทีเ่ หมาะสมและ มจี ติ สานึกทด่ี ี เอื้ออาทร ประนปี ระนอม สอดคลอ๎ งเนื้อหาเป็นประโยชน์ตอํ ผู๎เรียนและ นกึ ถึงประโยชน์สวํ นรวม/กลุมํ พัฒนาจากภมู ปิ ัญญาของผ๎เู รียน 2.ความมีเหตุผล - ยดึ ถือการประกอบอาชพี ด๎วยความถูกต๎อง ไมํหยดุ น่งิ ท่ีหาหนทางในชวี ติ หลดุ พ๎นจาก สุจริต แม๎จะตกอยํูในภาวะขาดแคลน ในการ ความทกุ ขย์ าก (การค๎นหาคาตอบเพื่อให๎ ดารงชวี ิต หลุดพน๎ จากความไมํรู๎) - ปฏบิ ตั ิตนในแนวทางท่ีดี ลด เลิก สงิ่ ยว่ั กเิ ลสใหห๎ มดสิ้นไป ไมกํ ํอความช่ัวให๎ เปน็ เครอ่ื งทาลายตัวเอง ทาลายผ๎อู น่ื พยายาม เพ่ิมพนู รกั ษาความดี ท่ีมอี ยูํให๎งอกงาม สมบูรณย์ ่งิ ข้นึ 3.มีภมู ิคมุ กนั ในตัวท่ีดี ภมู ิปัญญา : มีความรู๎ รอบคอบ และ ภูมิปญั ญา : มีความร๎ู รอบคอบ และ ระมัดระวัง ระมัดระวงั สรา๎ งสรรค์ ภมู ิธรรม : ซอื่ สัตย์ สุจรติ ขยันอดทน ภูมิธรรม : ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ ขยนั อดทน ตรงตํอเวลาและแบงํ ปนั ตรงตอํ เวลา เสียสละและ แบงํ ปนั 4. เง่ือนไขความร๎ู ความรอบรู๎ เรื่อง สํวนประกอบของ ความรอบรู๎ เรอื่ ง สวํ นประกอบของ เครอ่ื งโทรศัพท์ วิธีการใช๎งานเครอื่ งโทรศัพท์ เครื่องโทรศัพท์ วิธีการใช๎งานเคร่อื งโทรศัพท์ 5.เงื่อนไขคณุ ธรรม มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วาม ซื่อสตั ย์สจุ รติ และมีความอดทน มคี วามเพียร ซอ่ื สตั ย์สจุ ริตและมคี วามอดทน มคี วาม ใชส๎ ตปิ ญั ญาในการดาเนนิ ชวี ิต เพียร ใช๎สตปิ ญั ญาในการดาเนนิ ชีวติ กิจกรรม ครู ผู้เรียน สวนพฤกษศาสตร์ โรงเรยี น -- - ลงช่ือ..................................................ผ้สู อน (วาํ ทรี่ ๎อยตรีหญงิ กนกอร วงศษ์ า)

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลังเรียน เรือ่ ง เครอ่ื งโทรศัพท์ จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกต้องที่สดุ เพียงคาตอบเดียว 1. ประเทศไทยมีการนาโทรศัพทเ์ ข๎ามาใช๎ในการตดิ ตํอส่ือสารในรชั สมัยใด ก. พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล๎าเจ๎าอยํูหวั รัชกาลท่ี 4 ข. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล๎าเจ๎าอยูํหัว รชั กาลที่ 5 ค. พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา๎ เจา๎ อยูหํ วั รัชกาลที่ 6 ง. พระบาทสมเด็จพระปกเกล๎าเจา๎ อยหูํ วั รชั กาลท่ี 7 2. ผปู๎ ระดิษฐ์โทรศัพทเ์ ครอ่ื งแรกคือใคร ก. วเิ ลยี ม ออตติน เบอร์ก ข. เฮนรี่ มลิ ล์ ค. ยอร์ช บี แมคฟาร์แลน ง. อเลก็ ซานเดอร์ เกรเฮม เบลล์ 3. ระบบโทรศัพท์ท่ีใชก๎ นั อยใูํ นปจั จุบันได๎แกํระบบใด ก. ระบบโทรศัพท์สายตรง ระบบโทรศพั ท์อัตโนมตั ิ ข. ระบบโทรศัพทพ์ ํวงสาย ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ ค. ระบบโทรศัพท์สายตรง ระบบโทรศัพท์พวํ งสาย ระบบโทรศพั ท์อัตโนมัติ ง. ระบบโทรศพั ทส์ ายตรง ระบบโทรศพั ท์อตั โนมตั ิ ระบบโทรศัพท์เคลอ่ื นที่ 4. ในกรณีทม่ี ีสญั ญาณสายซ๎อนและต๎องการหยดุ สนทนาช่ัวคราวสายที่ 1 และต๎องการรับสายท่ี 2 แทน จะตอ๎ งกดปมุ อะไร ก. ปุม Hold ข. ปมุ Mute ค. ปุม Flash ง. ปุม Auto Lower 5. เมอ่ื ได๎ยนิ สัญญาณโทรศัพทด์ งั ควรรบั โทรศัพทใ์ นสัญญาณกรง่ิ ใด ก. หลังสิ้นสดุ สญั ญาณแรก ข. หลงั ส้ินสดุ สัญญาณที่ 2-3 ค. หลงั สน้ิ สุดสัญญาณที่ 4 ง. รับตอนไหนก็ได๎แตํขอใหร๎ ับสายให๎ทนั 6. ในการพูดโทรศัพทค์ วรถือกระบอกพูดให๎ตรงและหํางจากปากเทาํ ใด ก. ประมาณครงึ่ น้ิว ข. ประมาณหนึ่งนิว้ ค. ประมาณนิว้ คร่ึง ง. ประมาณสองน้วิ

7. ขอ๎ ใดคือวิธีการปฏบิ ัตใิ นการรบั โทรศพั ท์ได๎ถูกต๎อง ก. กลําวคาทักทายดว๎ ยคาวํา \"สวัสดีคะํ ” หรอื “สวสั ดคี รับ\" ข. ควรวางหูโทรศัพทท์ ันทีเมื่อจบการสนทนา ค. กลําวคาทกั ทายดว๎ ยการบอกชอื่ หนวํ ยงานให๎ผูโ๎ ทรมาทราบวําเป็นหนํวยงานใด ง. บอกชือ่ ผูร๎ บั สายวําเป็นใครกํอนจบการสนทนา 8. การดูแลบารุงรักษาเครื่องโทรศัพท์มวี ิธีการอยํางไร ก. ใชผ๎ ๎านํมุ สะอาดชบุ นา้ ใหเ๎ ปียก เชด็ ท่ีเครอ่ื งโทรศัพท์ ข. ไมํควรใช๎สเปรยฉ์ ดี ท่ีปากกระบอกพูด เพราะจะทาใหน๎ า้ เขา๎ ได๎ ค. ใช๎โทรศพั ทใ์ ห๎ถูกต๎องตามขั้นตอนทีร่ ะบุไว๎ในคํูมือ ง. ควรมัดสายโทรศพั ท์ใหเ๎ รียบรอ๎ ย เพ่ือความเป็นระเบียบ 9. ถา๎ ต๎องการพักสายรอจะต๎องกดปุมอะไร ก. ปมุ Mute ข. ปุม Hold ค. ปุม Flash ง. ปมุ Redial 10. ในการโทรศัพท์หมายเลขสุดท๎ายให๎ยกหูขึน้ แล๎วกดปุมอะไร ก. ปุม Pause ข. ปุม Hold ค. ปมุ Redial ง. ปุม Dial Lock

เฉลย แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรียน เร่ือง เครื่องโทรศัพท์ จงเลอื กคาตอบที่ถูกต้องท่ีสดุ เพียงคาตอบเดียว 1. ประเทศไทยมกี ารนาโทรศัพท์เข๎ามาใชใ๎ นการตดิ ตํอสือ่ สารในรัชสมัยใด ก. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล๎าเจา๎ อยูํหัว รัชกาลท่ี 4 ข. พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา๎ เจ๎าอยูหํ วั รชั กาลท่ี 5 ค. พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา๎ เจา๎ อยํูหวั รชั กาลที่ 6 ง. พระบาทสมเด็จพระปกเกล๎าเจ๎าอยูหํ วั รชั กาลที่ 7 2. ผปู๎ ระดษิ ฐ์โทรศัพทเ์ คร่อื งแรกคือใคร ก. วิเลยี ม ออตตนิ เบอร์ก ข. เฮนรี่ มลิ ล์ ค. ยอร์ช บี แมคฟาร์แลน ง. อเลก็ ซานเดอร์ เกรเฮม เบลล์ 3. ระบบโทรศัพท์ท่ใี ชก๎ ันอยใํู นปจั จุบนั ได๎แกรํ ะบบใด ก. ระบบโทรศัพท์สายตรง ระบบโทรศัพท์อตั โนมตั ิ ข. ระบบโทรศพั ท์พํวงสาย ระบบโทรศพั ท์อตั โนมตั ิ ค. ระบบโทรศัพทส์ ายตรง ระบบโทรศพั ท์พวํ งสาย ระบบโทรศพั ทอ์ ตั โนมัติ ง. ระบบโทรศัพท์สายตรง ระบบโทรศัพท์อตั โนมัติ ระบบโทรศพั ทเ์ คลือ่ นที่ 4. ในกรณีท่มี สี ัญญาณสายซ๎อนและต๎องการหยุดสนทนาชั่วคราวสายท่ี 1 และตอ๎ งการรับสายที่ 2 แทน จะต๎องกดปุมอะไร ก. ปุม Hold ข. ปุม Mute ค. ปมุ Flash ง. ปุม Auto Lower 5. เม่อื ได๎ยินสญั ญาณโทรศัพทด์ ังควรรบั โทรศัพทใ์ นสัญญาณกรง่ิ ใด ก. หลงั สิ้นสุดสัญญาณแรก ข. หลังส้นิ สุดสญั ญาณที่ 2-3 ค. หลังส้ินสดุ สญั ญาณท่ี 4 ง. รับตอนไหนก็ไดแ๎ ตํขอให๎รับสายใหท๎ ัน 6. ในการพูดโทรศัพท์ควรถือกระบอกพูดให๎ตรงและหาํ งจากปากเทาํ ใด ก. ประมาณครง่ึ นิ้ว ข. ประมาณหนง่ึ นิ้ว ค. ประมาณน้ิวครึ่ง ง. ประมาณสองน้ิว

7. ขอ๎ ใดคือวิธีการปฏบิ ัตใิ นการรบั โทรศพั ท์ได๎ถูกต๎อง ก. กลําวคาทักทายดว๎ ยคาวํา \"สวัสดีคะํ ” หรอื “สวสั ดคี รับ\" ข. ควรวางหูโทรศัพทท์ ันทีเมื่อจบการสนทนา ค. กลําวคาทกั ทายดว๎ ยการบอกชอื่ หนวํ ยงานให๎ผูโ๎ ทรมาทราบวําเป็นหนํวยงานใด ง. บอกชือ่ ผูร๎ บั สายวําเป็นใครกํอนจบการสนทนา 8. การดูแลบารุงรักษาเครอ่ื งโทรศัพท์มวี ิธีการอยํางไร ก. ใชผ๎ ๎านํมุ สะอาดชบุ นา้ ใหเ๎ ปียก เชด็ ท่ีเครื่องโทรศัพท์ ข. ไมํควรใช๎สเปรย์ฉดี ท่ีปากกระบอกพูด เพราะจะทาใหน๎ า้ เขา๎ ได๎ ค. ใช๎โทรศพั ทใ์ ห๎ถกู ต๎องตามขั้นตอนทีร่ ะบไุ ว๎ในคํูมือ ง. ควรมัดสายโทรศพั ท์ใหเ๎ รียบรอ๎ ย เพ่ือความเป็นระเบียบ 9. ถา๎ ต๎องการพักสายรอจะต๎องกดปุมอะไร ก. ปมุ Mute ข. ปุม Hold ค. ปุม Flash ง. ปมุ Redial 10. ในการโทรศัพท์หมายเลขสุดท๎ายให๎ยกหูขึน้ แล๎วกดปุมอะไร ก. ปุม Pause ข. ปุม Hold ค. ปมุ Redial ง. ปุม Dial Lock

ใบงาน เร่ืองการใชง้ านเครื่องโทรศัพท์ คาส่งั จงตอบคาถามตํอไปน้ี 1. ระบบโทรศัพท์ทีใ่ ชใ๎ นปจั จุบันมีก่ีระบบ ไดแ๎ กํอะไรบ๎าง 2. กํอนโทรศัพท์ทุกคร้งั ผ๎ูโทรควรเตรยี มตวั อยํางไรบ๎าง 3. ในการรับโทรศัพท์มีขัน้ ตอนและวธิ ีปฏิบัตอิ ยาํ งไร จงอธิบาย 4. จงยกตัวอยาํ งมารยาทในการรบั โทรศพั ท์ท่ีดีมา 5 ข๎อ 5. จงบอกวิธกี ารดูแลและบารุงรักษาเคร่ืองโทรศัพทม์ า 3 ขอ๎ 6. จงอธบิ ายความหมายของปุมตํางๆ ของเครอ่ื งโทรศพั ท์ตอํ ไปน้ี 6.1 ปุม Mute 6.2 ปมุ Hold 6.3 ปุม Tone 6.4 ปมุ Redial 6.5 ปมุ Flash 6.6 ปุม Pause 6.7 ปุม Dial Lock 6.8 ปุม SP-Phone

ใบงาน เรอ่ื ง การใชส้ ว่ นประกอบของเครื่องโทรศพั ท์ คาส่งั ให๎นักเรยี นเตมิ ชื่อสํวนประกอบตํางๆ ของเครื่องโทรศัพทเ์ ป็นภาษาอังกฤษ พร๎อมท้งั ระบายสใี หส๎ วยงาม ชอ่ื .............................................................. สกุล................................................. ช้นั .............................

แบบประเมนิ ใบงาน เรื่อง การใชส้ ว่ นประกอบของเครื่องโทรศัพท์ วนั ............../................./.................. ระดบั คณุ ภาพ ผลการประเมนิ (ผาํ นเกณฑ,์ เน้อื หา ความสวยงาม/ คะแนน สร้างสรรค์ ทไี่ ด้/ พอใช๎, ลาดบั ที่ ชื่อ-สกลุ ระดับ ตอ๎ งปรบั พอใ คณุ ภาพ ปรงุ ใหม)ํ 1. ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ดี ช้ ปรับปรงุ 2. (3) (2) (3) (2) 3. (1) (1) 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. เกณฑ์การประเมินผล ประเดน็ การประเมิน ดี(3) ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง(1) พอใช(้ 2) เนื้อหา ข๎อมลู ครบถว๎ นทกุ ประเดน็ หลากหลาย ถูกต๎อง มีข๎อมลู ทขี่ าดไปเพยี ง1-2 ดาเนนิ การค๎นควา๎ ขอ๎ มลู ท่ี ต๎องการไดเ๎ พยี งบางสวํ น สมบูรณ์ ชัดเจน ประเดน็ ความสวยงาม/ รูปแบบสวยงามมีความคิดสร๎างสรรค์ นาเสนอ รูปแบบสวยงาม รปู แบบไมสํ วยงาม สรา้ งสรรค์ รปู แบบแปลกใหมํ ความคิดสร๎างสรรค์นอ๎ ย เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน คะแนน 5-6 คะแนน หมายถึง ผ่านเกณฑ์ คะแนน 3-4 คะแนน หมายถึง พอใช้ คะแนน 2 คะแนน หมายถึง ตอ้ งปรบั ปรงุ ใหม่

เฉลย ใบงาน เรือ่ ง การใช้สว่ นประกอบของเคร่อื งโทรศพั ท์

กิจกรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้ 1. ให๎นักเรียนแบํงกลุํม กลํุมละ 6 คน เลือกประธาน รองประธาน กรรมการ และเลขานุการ 2. ให๎นักเรยี นแตํละกลํุมศกึ ษาค๎นคว๎าหาข๎อมูลเกย่ี วกบั โทรศัพท์ในหวั ขอ๎ ยํอยตํอไปน้ี เพ่ือนาเสนอหนา๎ ชั้นเรยี น 2.1 ประวัตแิ ละวิวฒั นาการของโทรศัพท์ 2.2 ระบบโทรศัพท์ 2.3 หลกั การใชโ๎ ทรศัพท์ 2.4 การดูแลและบารงุ รักษาเครอ่ื งโทรศัพท์ 2.5 สํวนประกอบตํางๆ ของโทรศัพท์ 2.6 วธิ ใี ช๎โทรศพั ท์ 3. เวลาทใ่ี ช๎ในการนาเสนอกลํมุ ละประมาณ 5 นาที 4. ผ๎นู าเสนอคัดเลือกจากสมาชกิ ในกลํุม 5. เมือ่ นาเสนอจบใหเ๎ ปิดโอกาสใหม๎ กี ารซักถาม อภิปราย แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ ระหวํางกนั 6. รูปเลมํ รายงานสํงในวนั ทนี่ าเสนอรายงาน

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 เรอื่ ง เคร่ืองโทรสาร แผนจดั การเรยี นร้ทู ่ี 6 เร่อื ง เครือ่ งโทรสาร รายวชิ า การใช้เคร่ืองใช้สานกั งาน รหสั วิชา ง31233 ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 นา้ หนกั เวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ช่วั โมง/สัปดาห์ เวลาที่ใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 6 ชั่วโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ (ความเขา้ ใจท่ีคงทน) เครื่องโทรสาร (Facsimile) เปน็ เคร่ืองถํายเอกสารชนดิ พิเศษทีถ่ ูกเชื่อมดว๎ ยสื่อกลางท่ีเป็นสายโทรศัพท์ตาม เลขหมาย โทรศัพทท์ มี่ ีอยูํแล๎ว จากจดุ หนึ่งไปยังที่หาํ งไกล เป็นระบบการส่อื สารด๎วยภาพ สามารถรับ-สํงเอกสารและภาพได๎พร๎อมกัน โดยใช๎ เคร่ืองโทรศัพท์เป็นสวํ นประกอบสาคัญ โดยไมํต๎องเขา๎ คํูสายเพ่ิม เครื่องโทรสารเป็นวิวฒั นาการของระบบโทรศัพท์ ทสี่ ามารถสํง ข๎อมูลได๎อยํางรวดเรว็ ชวํ ยลดปัญหาการส่ือสารข๎อความผิดพลาดและชวํ ยให๎การตดิ ตํอสื่อสารระหวาํ งกันสะดวกรวดเร็วย่ิงข้ึน 2. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชว้ี ดั ชั้นปี/ผลการเรียนร้/ู เป้าหมายการเรียนรู้ ๑. บอกความสาคญั ของเครื่องโทรสารได๎ ๒. บอกวิธีการดแู ลและบารงุ รกั ษาเครอ่ื งโทรสารได๎ ๓. อธบิ ายสวํ นประกอบของเครือ่ งโทรสารได๎ ๔. อธิบายวธิ กี ารใชเ๎ ครื่องโทรสารได๎ ๕. ใชเ๎ ครอ่ื งโทรสารได๎ถูกต๎อง ๖. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผ๎ูสอนสามารถสังเกตเห็นได๎ ในด๎าน ความมีมนุษยสมั พนั ธ์ ความมีวนิ ัย ความรับผิดชอบ ความเช่อื มน่ั ในตนเอง ความสนใจใฝุรู๎ ความรักสามัคคี ความกตัญญกู ตเวที 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้อื หาสาระหลัก : Knowledge (นกั เรียนตอ๎ งรู๎อะไร) ๑. ความสาคญั ของเคร่อื งโทรสาร ๒. การดูแลและบารงุ รกั ษาเคร่อื งโทรสาร ๓. สํวนประกอบของเครอ่ื งโทรสาร ๔. วิธกี ารใชเ๎ ครอื่ งโทรสาร 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (นกั เรยี นสามารถปฏิบัตอิ ะไรได๎) 3.2.1 นกั เรยี นสามารถอธิบายใชเ๎ ครอื่ งโทรสารได๎ 3.3 คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ : Attitude (นกั เรียนควรแสดงพฤติกรรมการเรียนอะไรบ๎าง) 3.3.1 นักเรยี นรับผดิ ชอบในการทางานทค่ี รูผส๎ู อนมอบหมายให๎ และสํงงานตรงเวลา 3.3.2 นกั เรียนศึกษาค๎นควา๎ ขอ๎ มูล หรอื เนื้อหาในสํวนท่ีไมํคอํ ยเข๎าใจจากทาอินเทอรเ์ น็ต 4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการใชเ๎ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะของวิชา 5.1 ความรับผิดชอบ 5.2 ความรอบคอบ

6. คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ 6.3.1 ความรับผดิ ชอบ 6.3.2 ความสนใจใฝรุ ๎ู 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน -แบบทดสอบกอํ นเรยี น -แบบทดสอบหลงั เรียน -ใบงานท่ี การใชเ๎ คร่ืองโทรสาร 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ (จัดกิจกรรมการเรียนรู๎โดยใช๎กระบวนการใด แสดงตามขน้ั ตอน : เวลาทใ่ี ช๎ 3 ชั่วโมง ข้ันนาเขา๎ สูํบทเรยี น/ขัน้ ตั้งคาถาม 1. ครผู ๎ูสอนทบทวนความรู๎เร่ือง ความสาคญั ของเคร่ืองโทรสาร และสนทนากับนักเรียนถึงเครื่องมือที่ใช๎ในการส่ือสาร อกี ท้งั ทางานไดอ๎ ยํางสะดวก รวดเร็ว พรอ๎ มทงั้ กลําวนาเข๎าสบํู ทเรียนเร่อื ง เครือ่ งโทรศัพท์ ข้ันสารวจและคน๎ พบ/ขนั้ การเตรียมการคน๎ หาคาตอบ 2. นักเรยี นจัดกลมุํ ตามความเหมาะสม โดยมีผท๎ู เ่ี รียนเกํง ปานกลาง อํอนอยํูดว๎ ยกนั กลํมุ ละ 5-6 คน เลอื กประธาน และเลขานุการกลมุํ ขนั้ อธิบายและลงข๎อสรุป/ขน้ั ดาเนนิ การค๎นหาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ 3. นักเรียนแตํละกลํุมศึกษาและรํวมกันอภิปรายเร่ือง เครื่องโทรสาร จากเอกสารประกอบการเรียนวิชา การใช๎ เครอื่ งใชส๎ านกั งาน ในหวั ขอ๎ ยํอยตอํ ไปน้ี  ความสาคญั ของเครอ่ื งโทรสาร  การดูแลและบารงุ รักษาเคร่อื งโทรสาร  สํวนประกอบของเครอ่ื งโทรสาร  วิธกี ารใชเ๎ ครือ่ งโทรสาร 4. นักเรยี นแตลํ ะกลมํุ บนั ทกึ ผลสรุปลงในสมุด 5. ครูผู๎สอนสมํุ หรือจับฉลากเลอื กกลมํุ ออกมานาเสนอผลการอภปิ รายหนา๎ ชน้ั 1 กลมุํ 6. ในขณะปฏิบัติงานกลมุํ ครูผู๎สอนและประธานกลมุํ ประเมินพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิงานจดบนั ทึกคะแนนไว๎ 7. ครผู สู๎ อนสรปุ สาระสาคัญเรื่อง ประโยชน์ ความสาคัญของเคร่ืองโทรสาร และประเภทของวสั ดทุ ่ีใชก๎ บั เครื่อง พร๎อม ทัง้ การดแู ลบารุงรักษาเคร่ืองโทรสาร ขัน้ ขยายความรแ๎ู ละนาเสนอผลการคน๎ หาคาตอบ 8. นกั เรียนซักถามขอ๎ สงสยั 9. นกั เรียนรับใบงานไปปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเปน็ รายบุคคล 10. นักเรียนตรวจคาตอบในใบงาน โดยการแลกเปล่ียนกันตรวจ และนาผลคะแนนของแตํละคนในกลุํมมารวมเป็น คะแนนกลํุม กลํุมทไี่ ดค๎ ะแนนรวมสงู สดุ เป็นกลุํมทไ่ี ดร๎ ับคาชมเชย 11.นกั เรียนจัดกลํมุ ใหมตํ ามความเหมาะสม กลุมํ ละ 10 คน เลอื กประธานและเลขานกุ ารกลมุํ พรอ๎ มท้งั ต้ังชือ่ กลุํม 12. ครูผู๎สอนอธิบายสํวนประกอบของเคร่ืองโทรสาร และข้ันตอนวิธีการใช๎เคร่ืองเคร่ืองโทรสาร โดยใช๎แผํนใส ประกอบการอธิบายโดยละเอียด 13. นักเรียนซกั ถามขอ๎ สงสัย และจดบนั ทึกสาระสาคญั การใช๎เครอื่ งลงในสมุด 14. ครูผู๎สอนนานักเรียนแตํละกลุํมไปศึกษาวธิ ีการใช๎เคร่ืองโทรสาร ในสานกั งานของสถานศึกษา และทดลองปฏิบัติจริง โดยครูผู๎สอนให๎คาแนะนาปรึกษาข๎อสงสัยอยํางใกล๎ชิด (นักเรียนแตํละกลุํมผลัดเปลี่ยนกันไปศึกษาคร้ังละ 1 กลุํม สํวนกลุํมท่ี เหลือทบทวนบทเรียนในหอ๎ งเรียน)

ข้นั สรปุ และประเมินผล 15. ครูผส๎ู อนสรปุ เนื้อหาเร่อื ง เครื่องเครอื่ งโทรสารอกี ครัง้ โดยวิธถี ามตอบ 16. นกั เรียนซักถามขอ๎ สงสยั 17. นกั เรียนทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นร๎ู หนํวยที่ 6 18. นักเรียนตรวจคาตอบจากแผนํ ใสด๎วยตนเองเพอื่ ทดสอบความซื่อสัตย์ 19. นกั เรียนแตลํ ะคนปฏิบัติกิจกรรมในใบงาน ชัว่ โมงที่ 1-3 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝเุ รียนรู๎ / เทคนคิ การสืบค๎น) เขียนใหส๎ อดคลอ๎ งกับหวั ข๎อสมรรถนะและคุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์) 1. ครูผูส๎ อนทบทวนความรูเ๎ รอื่ ง ความสาคัญของเคร่ืองโทรสาร และสนทนากับนักเรียนถึงเครื่องมือท่ีใช๎ในการสื่อสาร อกี ทง้ั ทางานได๎อยาํ งสะดวก รวดเรว็ พรอ๎ มทงั้ กลาํ วนาเขา๎ สบํู ทเรยี นเรื่อง เคร่ืองโทรศัพท์ ข้ันสารวจและค๎นพบ/ขั้นการเตรียมการค๎นหาคาตอบ 2. นกั เรยี นจดั กลํมุ ตามความเหมาะสม โดยมผี ๎ทู ่เี รียนเกํง ปานกลาง อํอนอยํูด๎วยกัน กลุมํ ละ 5-6 คน เลือกประธาน และเลขานุการกลํมุ ขนั้ อธิบายและลงข๎อสรุป/ขนั้ ดาเนินการค๎นหาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ 3. นักเรียนแตํละกลํุมศึกษาและรํวมกันอภิปรายเร่ือง เคร่ืองโทรสาร จากเอกสารประกอบการเรียนวิชา การใช๎ เคร่ืองใชส๎ านกั งาน ในหวั ขอ๎ ยํอยตอํ ไปนี้  ความสาคัญของเคร่ืองโทรสาร  การดูแลและบารุงรักษาเคร่ืองโทรสาร  สวํ นประกอบของเครอ่ื งโทรสาร  วิธีการใช๎เครอ่ื งโทรสาร 4. นกั เรียนแตลํ ะกลุมํ บนั ทึกผลสรุปลงในสมดุ 5. ครผู ๎ูสอนสํุม หรอื จบั ฉลากเลอื กกลุํมออกมานาเสนอผลการอภปิ รายหนา๎ ชน้ั 1 กลมํุ 6. ในขณะปฏิบัตงิ านกลุมํ ครผู สู๎ อนและประธานกลมุํ ประเมินพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิงานจดบันทกึ คะแนนไว๎ 7. ครูผ๎สู อนสรุปสาระสาคัญเรื่อง ประโยชน์ ความสาคญั ของเคร่ืองโทรสาร และประเภทของวัสดทุ ี่ใชก๎ ับเคร่ือง พรอ๎ ม ท้งั การดแู ลบารุงรกั ษาเครื่องโทรสาร ชวั่ โมงที่ 4 -6 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝุเรียนรู๎ / ชํวยกนั คิดชํวยกันเรยี น) 8. นักเรียนซกั ถามขอ๎ สงสยั 9. นกั เรียนรับใบงานไปปฏิบตั ิกจิ กรรมเปน็ รายบุคคล 10. นักเรียนตรวจคาตอบในใบงาน โดยการแลกเปลี่ยนกันตรวจ และนาผลคะแนนของแตํละคนในกลุํมมารวมเป็น คะแนนกลํมุ กลํุมทไ่ี ดค๎ ะแนนรวมสงู สุดเป็นกลมุํ ทีไ่ ด๎รับคาชมเชย 11.นกั เรียนจดั กลํมุ ใหมตํ ามความเหมาะสม กลํมุ ละ 10 คน เลือกประธานและเลขานกุ ารกลํมุ พรอ๎ มทงั้ ตงั้ ชื่อกลุมํ 12. ครูผ๎ูสอนอธิบายสํวนประกอบของเครื่องโทรสาร และข้ันตอนวิธีการใช๎เคร่ืองเคร่ืองโทรสาร โดยใช๎แผํนใ ส ประกอบการอธิบายโดยละเอยี ด 13. นกั เรยี นซกั ถามขอ๎ สงสยั และจดบันทึกสาระสาคญั การใช๎เครือ่ งลงในสมดุ 14. ครูผูส๎ อนนานักเรียนแตลํ ะกลํุมไปศึกษาวิธกี ารใชเ๎ ครือ่ งโทรสาร ในสานักงานของสถานศึกษา และทดลองปฏิบัติจริง โดยครูผ๎ูสอนให๎คาแนะนาปรึกษาข๎อสงสัยอยํางใกล๎ชิด (นักเรียนแตํละกลุํมผลัดเปล่ียนกันไปศึกษาคร้ังละ 1 กลุํม สํวนกลุํมที่ เหลือทบทวนบทเรยี นในหอ๎ งเรยี น)

ข้ันสรปุ และประเมนิ ผล 15. ครผู ๎ูสอนสรุปเน้อื หาเร่ือง เคร่ืองเครือ่ งโทรสารอกี คร้ัง โดยวธิ ถี ามตอบ 16. นกั เรยี นซักถามขอ๎ สงสยั 17. นักเรียนทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นร๎ู หนํวยท่ี 6 18. นักเรียนตรวจคาตอบจากแผํนใสด๎วยตนเองเพอ่ื ทดสอบความซ่ือสตั ย์ 19. นกั เรยี นแตลํ ะคนปฏิบัติกิจกรรมในใบงาน 9. สอ่ื การเรียนการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ จำนวน สภาพการใชส้ ื่อ รายการสือ่ 1 ชุด ขั้นตรวจสอบความรู๎เดิม 1. แบบทดสอบกํอนเรยี น 1 ชดุ ขนั้ ขยายความรู๎ แบบทดสอบหลังเรียน 1 ชุด ขั้นขยายความร๎ู 2. ใบงานท่ี การใช๎เครื่องโทรสาร 3. แบบประเมินผลการเรยี นร๎ู หนํวยท่ี 6 10. การวัดผลและประเมินผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรียนรู้ ประเด็น/ การเรยี นรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน วิธวี ัด เครอื่ งมือวดั ฯ เกณฑ์การ นักเรียนสามารถ -แบบทดสอบกํอนเรียน -ตรวจแบบทดสอบ อธิบายใช๎ -แบบทดสอบหลงั เรียน -ตรวจใบงาน ใหค้ ะแนน เครอ่ื งโทรสารได๎ -ใบงานท่ี การใชเ๎ คร่อื งโทรสาร -แบบทดสอบ -ผาํ นเกณฑ์ กํอนเรยี น -หลังเรยี น 70% -แบบบันทกึ การตรวจใบงาน -แบบประเมินผลการเรียนร๎ู -ตรวจแบบประเมินผล -แบบประเมนิ ผลการเรียนรู๎ หนวํ ยท่ี 6 การเรียนรู๎ หนวํ ยท่ี 6 หนํวยที่ 6

11. จุดเนน้ ของโรงเรียน การบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและกจิ กรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ปรชั ญาเศรษฐกจิ ครู ผเู้ รียน พอเพียง 1.ความพอประมาณ พอดีด้านเทคโนโลยี พอดีด้านจิตใจ รู๎จกั ใช๎เทคโนโลยมี าผลิตส่ือทเี่ หมาะสมและ มจี ติ สานกึ ทดี่ ี เอื้ออาทร ประนีประนอม สอดคลอ๎ งเนือ้ หาเปน็ ประโยชน์ตํอผู๎เรียนและ นกึ ถงึ ประโยชนส์ วํ นรวม/กลุํม พฒั นาจากภูมิปัญญาของผ๎ูเรียน 2.ความมีเหตผุ ล - ยึดถือการประกอบอาชีพด๎วยความถูกต๎อง ไมหํ ยดุ นง่ิ ที่หาหนทางในชีวติ หลดุ พน๎ จาก สจุ ริต แมจ๎ ะตกอยํใู นภาวะขาดแคลน ในการ ความทุกข์ยาก (การค๎นหาคาตอบเพ่ือให๎ ดารงชีวิต หลดุ พ๎นจากความไมํรู๎) - ปฏบิ ตั ติ นในแนวทางท่ดี ี ลด เลิก ส่ิงย่ัว กิเลสใหห๎ มดสน้ิ ไป ไมกํ ํอความชั่วให๎ เปน็ เครือ่ งทาลายตวั เอง ทาลายผู๎อื่น พยายาม เพ่มิ พูนรักษาความดี ที่มีอยูํให๎งอกงาม สมบรู ณ์ยิง่ ขึ้น 3.มภี มู ิคุมกันในตวั ที่ดี ภูมิปัญญา : มีความร๎ู รอบคอบ และ ภมู ิปญั ญา : มคี วามร๎ู รอบคอบ และ ระมัดระวงั ระมดั ระวัง สร๎างสรรค์ ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สจุ รติ ขยันอดทน ภูมธิ รรม : ซ่อื สัตย์ สจุ รติ ขยันอดทน ตรงตอํ เวลาและแบงํ ปัน ตรงตํอเวลา เสยี สละและ แบํงปนั 4. เง่อื นไขความร๎ู ความรอบรู๎ เร่อื ง การดูแลและ ความรอบรู๎ เร่อื ง การดแู ลและ บารุงรักษาเครื่องโทรสาร สํวนประกอบของ บารุงรกั ษาเครื่องโทรสาร สวํ นประกอบของ เครื่องโทรสาร วิธีการใชเ๎ คร่ืองโทรสาร เคร่อื งโทรสาร วิธกี ารใชเ๎ คร่ืองโทรสาร 5.เงอ่ื นไขคณุ ธรรม มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มีความ มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วาม กิจกรรม ซอื่ สตั ย์สุจรติ และมคี วามอดทน มีความเพยี ร ซื่อสตั ยส์ ุจริตและมีความอดทน มีความ สวนพฤกษศาสตร์ ใชส๎ ตปิ ญั ญาในการดาเนนิ ชวี ติ เพยี ร ใชส๎ ตปิ ัญญาในการดาเนินชวี ติ โรงเรยี น ครู ผเู้ รียน -- - ลงชื่อ..................................................ผสู้ อน (วาํ ที่ร๎อยตรีหญงิ กนกอร วงศ์ษา)

แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรียน จงเลอื กคาตอบท่ีถกู ต้องที่สดุ เพยี งคาตอบเดียว 1. ในการสงํ โทรสาร ถ๎าต๎องการหมนุ ทวนหมายเลขสดุ ท๎ายทโ่ี ทรเขา๎ มาเพ่ือสงํ เอกสารตอ๎ งกดปมุ อะไร ก. ปุม Ree/Memo ข. ปุม Redial ค. ปมุ Recepion ง. ปุม Repeat 2. การสํงเอกสารทางโทรสารเปน็ การสํงที่อาศยั คลนื่ สัญญาณอะไร ก. คล่นื เสยี ง และสัญญาณไฟฟาู ข. สัญญาณอนาล็อก และสัญญาณดิจิทลั ค. สัญญาณไมโครเวฟ และสัญญาณดาวเทยี ม ง. สัญญาณไฟฟูา และสัญญาณไมโครเวฟ 3. ขอ๎ ใดกลาํ วถูกตอ๎ ง ก. การปูอนเอกสารตน๎ ฉบบั ต๎องปอู นด๎านลํางของเอกสารกํอน ข. การวางเอกสารทตี่ ๎องการสํงลงบนทป่ี ูอนตน๎ ฉบบั ต๎องหงายหนา๎ ดา๎ นท่ีมตี วั หนงั สอื ข้ึน ค. การวางเอกสารทตี่ ๎องการสํงลงบนทปี่ อู นต๎นฉบับต๎องควา่ หน๎าด๎านที่มีตัวอักษรลง ง. เอกสารท่เี ป็นลายเสน๎ หรอื รูปภาพใช๎เวลาในการสงํ เชนํ เดยี วกับเอกสารธรรมดา 4. เสยี งสัญญาณในการรบั สงํ เอกสารเรยี บร๎อยแลว๎ จะมสี ญั ญาณดังอยาํ งไร ก. เสียงสญั ญาณปรากฏประมาณ 1 วินาที ข. เสียงสัญญาณปรากฏเป็นชํวงๆ ชวํ งละประมาณ 3-5 วนิ าที ค. เสยี งสญั ญาณปรากฏประมาณ 18 วนิ าที ง. เสยี งสญั ญาณปรากฏประมาณ 30 วินาที 5. ถา๎ ต๎องการลบขอ๎ ความทีแ่ สดงอยํูทหี่ น๎าจอจะต๎องกดปุมอะไร ก. กดปุม Repeat ข. กดปุม Rapid ค. กดปุม Function ง. กดปมุ Delete 6. เสียงสญั ญาณที่แสดงวาํ การรับ-สํงเอกสารติดขัดหรือมีปัญหามีลกั ษณะอยาํ งไร ก. เสยี งสญั ญาณปรากฏประมาณ 1 วนิ าที ข. เสียงสัญญาณปรากฏเปน็ ชํวงๆ ชวํ งละประมาณ 3-5 วินาที ค. เสียงสญั ญาณปรากฏประมาณ 18 วนิ าที ง. เสยี งสญั ญาณปรากฏประมาณ 30 วนิ าที 7. เมอื่ เสยี งโทรศพั ทด์ ังแล๎วหนา๎ จอของเคร่ืองโทรสารปรากฏข๎อความ “Auto Receive” หมายถงึ อะไร ก. การสงํ เอกสาร Menual ข. การสงํ เอกสารแบบอัตโนมัติ ค. การรบั เอกสารแบบอัตโนมตั ิ ง. การรับเอกสารแบบ Menual 8. เมื่อวางเอกสารที่ต๎องการสํงแฟกซล์ งบนท่ีปูอนตน๎ ฉบบั แล๎วจะต๎องกดปุมอะไรเพื่อปรบั ความคมชัด

ของเอกสาร ก. กดปุม Hook ข. กดปุม Auto ค. กดปุม Contrast ง. กดปมุ Mode 9. ถ๎าต๎องการสํงเอกสารจะต๎องปฏบิ ัติอยาํ งไร ก. ฟังสัญญาณเสียงแลว๎ กดปุม Start ข. ฟังสัญญาณเสยี งแล๎วกดปุม Hold ค. ฟงั สญั ญาณเสยี งแลว๎ กดปุม Play ง. ฟงั สัญญาณเสียงแล๎วกดปุม Redial 10. ปุม Speaker ใช๎ทาอะไร ก. ใชเ๎ มอ่ื ต๎องการหยดุ สนทนาชั่วคราว ข. ใชส๎ าหรับฟงั สัญญาณเสยี งแฟกซ์ ค. ใช๎สาหรับลบขอ๎ ความท่ีไมํต๎องการทีแ่ สดงอยูหํ น๎าจอ ง. ใชส๎ าหรับกดหมายเลขปลายทางอตั โนมตั ิ

เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลงั เรียน จงเลอื กคาตอบทีถ่ กู ต้องท่ีสุดเพยี งคาตอบเดียว 1. ในการสงํ โทรสาร ถา๎ ต๎องการหมุนทวนหมายเลขสุดทา๎ ยท่ีโทรเข๎ามาเพ่ือสงํ เอกสารต๎องกดปมุ อะไร ก. ปุม Ree/Memo ข. ปุม Redial ค. ปุม Recepion ง. ปุม Repeat 2. การสํงเอกสารทางโทรสารเป็นการสํงท่ีอาศัยคลืน่ สญั ญาณอะไร ก. คลื่นเสียง และสญั ญาณไฟฟาู ข. สญั ญาณอนาล็อก และสัญญาณดิจิทัล ค. สญั ญาณไมโครเวฟ และสัญญาณดาวเทียม ง. สัญญาณไฟฟาู และสัญญาณไมโครเวฟ 3. ขอ๎ ใดกลําวถูกตอ๎ ง ก. การปอู นเอกสารต๎นฉบับต๎องปอู นดา๎ นลาํ งของเอกสารกํอน ข. การวางเอกสารท่ีตอ๎ งการสํงลงบนท่ปี อู นต๎นฉบบั ต๎องหงายหน๎าดา๎ นทมี่ ีตวั หนังสือขึ้น ค. การวางเอกสารทต่ี อ๎ งการสํงลงบนที่ปอู นตน๎ ฉบบั ต๎องคว่าหน๎าด๎านท่มี ตี ัวอักษรลง ง. เอกสารท่เี ปน็ ลายเส๎นหรอื รปู ภาพใช๎เวลาในการสงํ เชํนเดียวกบั เอกสารธรรมดา 4. เสียงสญั ญาณในการรบั สํงเอกสารเรียบร๎อยแล๎วจะมสี ญั ญาณดังอยํางไร ก. เสยี งสญั ญาณปรากฏประมาณ 1 วินาที ข. เสยี งสัญญาณปรากฏเปน็ ชํวงๆ ชวํ งละประมาณ 3-5 วินาที ค. เสยี งสญั ญาณปรากฏประมาณ 18 วนิ าที ง. เสยี งสญั ญาณปรากฏประมาณ 30 วินาที 5. ถ๎าต๎องการลบข๎อความทแี่ สดงอยูํทหี่ นา๎ จอจะต๎องกดปมุ อะไร ก. กดปุม Repeat ข. กดปุม Rapid ค. กดปุม Function ง. กดปมุ Delete 6. เสยี งสญั ญาณที่แสดงวําการรบั -สงํ เอกสารตดิ ขัดหรือมีปัญหามลี ักษณะอยํางไร ก. เสียงสัญญาณปรากฏประมาณ 1 วินาที ข. เสียงสญั ญาณปรากฏเปน็ ชํวงๆ ชํวงละประมาณ 3-5 วินาที ค. เสยี งสญั ญาณปรากฏประมาณ 18 วนิ าที ง. เสยี งสญั ญาณปรากฏประมาณ 30 วนิ าที 7. เมื่อเสยี งโทรศพั ทด์ งั แล๎วหนา๎ จอของเครื่องโทรสารปรากฏข๎อความ “Auto Receive” หมายถึงอะไร ก. การสํงเอกสาร Menual ข. การสํงเอกสารแบบอัตโนมัติ ค. การรบั เอกสารแบบอัตโนมัติ ง. การรบั เอกสารแบบ Menual

8. เมื่อวางเอกสารทตี่ ๎องการสํงแฟกซล์ งบนท่ปี ูอนต๎นฉบับแล๎วจะต๎องกดปมุ อะไรเพื่อปรับความคมชดั ของเอกสาร ก. กดปุม Hook ข. กดปุม Auto ค. กดปุม Contrast ง. กดปมุ Mode 9. ถ๎าต๎องการสํงเอกสารจะต๎องปฏบิ ตั อิ ยํางไร ก. ฟังสญั ญาณเสยี งแล๎วกดปุม Start ข. ฟงั สญั ญาณเสียงแล๎วกดปุม Hold ค. ฟงั สัญญาณเสยี งแลว๎ กดปุม Play ง. ฟังสญั ญาณเสยี งแลว๎ กดปุม Redial 10. ปมุ Speaker ใชท๎ าอะไร ก. ใชเ๎ มอื่ ต๎องการหยุดสนทนาช่ัวคราว ข. ใชส๎ าหรับฟงั สัญญาณเสยี งแฟกซ์ ค. ใชส๎ าหรบั ลบขอ๎ ความท่ีไมํตอ๎ งการทแ่ี สดงอยํูหนา๎ จอ ง. ใช๎สาหรบั กดหมายเลขปลายทางอัตโนมตั ิ

ใบงาน เรือ่ ง เครือ่ งโทรสาร 1. ให๎นกั เรยี นแบํงกลมุํ กลุํมละ 6 คน เลอื กประธาน รองประธาน กรรมการ และเลขานุการ 2. ให๎นักเรียนแตลํ ะกลมํุ ศึกษาค๎นควา๎ หาข๎อมูลเกยี่ วกับเคร่ืองโทรสารในหวั ขอ๎ ตอํ ไปนี้ เพ่ือนาเสนอ หนา๎ ชนั้ เรยี น 2.1 ความสาคญั ของเครื่องโทรสาร 2.2 การดแู ลและบารุงรักษาเครอ่ื งโทรสาร 2.3 สํวนประกอบของเคร่ืองโทรสาร 2.4 วิธใี ช๎เคร่ืองโทรสาร 3. เวลาที่ใชใ๎ นการนาเสนอกลุมํ ละ 5 นาที 4. ผ๎ูนาเสนอคัดเลือกจากสมาชิกในกลุํม 5. เมอื่ นาเสนอจบใหเ๎ ปิดโอกาสให๎มีการซักถาม อภิปรายแลกเปลี่ยนความคดิ เห็นระหวาํ งกัน 6. รปู เลํมรายงานสงํ ในวันนาเสนอรายงาน