การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ก คำนำ เอกสารการจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) สานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลาปาง เรื่อง พิธีสืบชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเช่ือชาวล้านนา ในโครงการ พฒั นาองค์กรสู่สถาบนั แหง่ การเรียนรู้ ประจาปีงบประมาณ 256๕ เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และ เกิดการจัดการความรู้อย่างมีประสิทธิภาพในด้านการปฏิบัติงาน ข้ันตอนและวิธีการจัดพิธีการใน วันสาคัญต่างๆ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏลาปาง โดยสานักศิลปะและวัฒนธรรมเป็นผู้รวบรวมเพ่ือใช้ สาหรับเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ซึ่งถือเป็นตัวช้ีวัดพัฒนาการและคุณภาพของงาน มุ่งหวังให้เกิด การปฏิบตั งิ านอย่างเป็นระบบขนั้ ตอน และสามารถเผยแพร่การปฏิบตั ิงานดงั กลา่ วสู่หน่วยงานอื่นได้ เอกสารฉบับนี้ สามารถเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นสารสนเทศอ้างอิงในงานประกันคุณภาพ การศึกษา และเป็นแนวทางในการพฒั นางานดา้ นการบริหารจัดการด้านการทานุบารุงศิลปวัฒนธรรมใน ปตี อ่ ไป สานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏลาปาง พิธีสบื ชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเช่ือชาวลา้ นนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ข สารบัญ หน้า คานา ก สารบัญ ข สว่ นท่ี ๑ โครงการพฒั นาองค์กรสู่สถาบันแห่งการเรียนรู้ (KM) ๑ สว่ นท่ี ๒ การจัดการความรู้ พธิ ีสบื ชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเช่ือชาวล้านนา ๓ ความเปน็ มาและความเชื่อ ๔ เครื่องประกอบพิธกี รรม : เคร่อื งสืบชะตา ๘ คาถาพิธี : บทสวดสืบชะตา ๒๐ การประกอบพธิ ีสบื ชะตา ๒๘ ส่วนที่ ๓ ภาคผนวก 32 แหลง่ อ้างองิ 33 พิธีสบื ชะตา : เสริมมงคลชวี ติ ตามความเชื่อชาวล้านนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑ โครงการพฒั นาองค์กรสู่สถาบันแห่งการเรียนรู้ (KM) สานกั ศิลปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั ลาปาง หลักการและเหตผุ ล ตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ในมาตราที่ 8 การศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพ่ือความเจริญงอกงาม ของบุคคล และสงั คม โดยการถา่ ยทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลง ความก้าวหนา้ ทางวิชาการ การสรา้ งองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และ ป๎จจยั เกื้อหนนุ ให้บคุ คลเรียนรอู้ ย่างตอ่ เนื่องตลอดชีวิต และตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และ วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี พ.ศ. 2546 หมวด 3 มาตรา 11 กล่าวว่า “ส่วนราชการมีหน้าที่ พัฒนาความรู้ใน ส่วนราชการเพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ อย่างสมํ่าเสมอ โดยต้องรับรู้ ข้อมูลข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อนํามาประยุกต์ใช้ในด้านการปฏิบัติ ราชการได้อย่างถูกต้องรวดเร็วและเหมาะสมกับสถานการณ์ รวมท้ังต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้ ความสามารถ สร้างวิสัยทัศน์และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการในสังกัดให้เป็นบุคลากรท่ีมี ประสิทธิภาพและมีการเรียนรู้ร่วมกัน ท้ังนี้เพ่ือ ประโยชน์ในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการให้ สอดคล้องกับการบริหารราชการให้เกิดผลสัมฤทธ์ิตามพระราชกฤษฎีกา” ดังน้ัน การจัดการความรู้จึง เป็นส่ิงจําเป็นท่ีสถานศึกษาต้องถือปฏิบัติ โดยการวิเคราะห์แนวทางการจัดการความรู้ภายในองค์กร อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อค้นหาความรู้ท่ีมีอยู่ในองค์กรนํามาพัฒนาให้เป็นองค์ความรู้ มีการถ่ายทอด และแบ่งป๎นความรู้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ พัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้รู้ ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) ท่ี ย่ังยืน การจัดการความรู้เป็นกิจกรรมรวบรวมองค์ความรู้ท่ีมีอยู่ในองค์กร ซ่ึงกระจัดกระจายอยู่ ในตวั บคุ คลหรอื เอกสาร มาพฒั นาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้และพัฒนา ตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมท้ังปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิง แข่งขนั สูงสุด การจัดการความรู้ท่ีมีอยู่เหล่าน้ัน ตามแนวคิดระบบบริหารความรู้ในองค์กรจึงเป็นส่ิงที่จะ ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างย่ิงต่อองค์กร และจะสามารถพัฒนาไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นการ สร้างจิตสํานึกของบุคลากรในการพฒั นาตนเองและพัฒนาองค์กรอย่างต่อเน่ือง มีการแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณซ์ ึง่ กนั และกัน พัฒนาตนเองเป็นผู้รู้และประยุกต์ความรู้ท่ีได้ใช้ในการปฏิบัติงานให้เกิด ประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผล พธิ สี บื ชะตา : เสริมมงคลชวี ติ ตามความเชือ่ ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒ วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพือ่ ใหเ้ กดิ การสง่ เสริมใหม้ กี ารแลกเปล่ยี นเรียนรู้ของบคุ ลากรสายสนับสนุน ๒. เพ่ือใหเ้ กดิ การพฒั นาระบบการจัดการความรูอ้ ย่างเป็นระบบของบคุ ลากรสายสนบั สนุน ๓. เพือ่ ใหบ้ ุคลากรสายสนับสนนุ สามารถนาํ ความรู้ที่ได้ไปใชป้ ระโยชน์ในการพัฒนางาน ผลผลติ สํานักศิลปะและวัฒนธรรม มีการส่งเสริมให้มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้และการพัฒนาระบบการ จัดการความรู้ของบคุ ลากรสายสนับสนุน ซึง่ สามารถนาํ ความรู้ท่ีได้ไปใช้ประโยชนเ์ พื่อการพัฒนางาน พิธีสบื ชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเชื่อชาวล้านนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๓ พธิ ีสืบชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเชอ่ื ชาวลา้ นนา พธิ ีสืบชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเช่ือชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๔ ความเปน็ มาและความเชือ่ การสืบชะตาน้ัน คาว่า “สืบ” หมายถึง ต่อเน่ือง ก้าวไปข้างหน้า และคาว่า “ชะตา” อาจารย์ เปลื้อง ณ นคร ใหค้ วามหมายว่า เวลาทีค่ นหรอื สิ่งต่างๆมีกาเนิดขึ้น ราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายว่า แบบรูปราศี ท่ีบอกดาวพระเคราะห์เดินถึงราศีนั้นๆ ในเวลาเกิดของคนหรือเวลาสร้างส่ิงสาคัญ เช่น บ้านเมอื ง เปน็ ต้น ท่โี หรคานวณไว้ โดยแบ่งเป็น ๑๒ ราศเี รยี กว่า ดวงชะตา หรือ ดวง,ชาตา กว็ ่า พิธีสืบชะตา หมายถึง การประกอบพิธีกรรมอย่างหน่ึงของคนล้านนา ท่ีเกิดข้ึนจากความเช่ือ ทางโหราศาสตร์ ซ่ึงถือว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กลุ่มดาวจักรราศีต่างๆรวมถึงดาวเคราะห์ มีอานาจ อทิ ธพิ ล ตอ่ ชีวิตของคน เม่อื ดาวเคราะหม์ ีการเคล่อื นที่มาถึงดวงชะตาของคนหรือเมืองนั้นๆ มักจะสาแดง เหตุร้ายข้ึน ดังนั้นจึงเกิดวิธีการแก้ไขเพ่ือหลีกเลี่ยงกับเคราะห์ภัยที่เกิดข้ึน โดยการทาพิธีสะเดาะเคราะห์ และสืบชะตา ตามวิธกี ารในคมั ภีร์โบราณที่บันทึกไว้ เพ่ือเสริมดวงชะตาชีวิตหรือบ้านเมืองให้ดาเนินต่อไป สืบต่ออายุให้ยืนยาวออกไป โดยนิมนต์พระสงฆ์มาเป็นผู้ประกอบพิธีหลัก และมัคนายกเป็นผู้นาในการ ดาเนินพิธี โดยแบ่ง พิธีเป็น ๓ ช่วง เริ่มด้วยพิธีการปัดเคราะห์ ต่อด้วยพิธีการสวดสืบชะตาและพิธีสู่ขวัญ โดยให้ผู้เข้าพิธียึดถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยในขณะการสาธยายมนต์ ประกอบกับการนาพืชพรรณธรรมชาติมาเป็นเคร่ืองประกอบพิธีเพื่อนาพาความอุดมสมบูรณ์มาบาบัดให้ ธาตุท้ัง ๔ ในร่างกายเกิดความสมดุล เม่ือเสร็จพิธีแล้วจึงนาเคร่ืองประกอบพิธีต่างๆไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่น นาไม้ค้าชะตาไปคา้ ทต่ี ้นศรีมหาโพธิ์ คือการค้าชูพระพุทธศาสนา นาต้นกล้วยต้นอ้อยไปปลูกเพื่อเป็น อาหารและให้เกดิ ความร่มเยน็ นาไม้ขัว (สะพาน) ไปพาดทาทางเดินข้ามร่องน้า เปน็ ต้น ในปัจจุบันพิธีการสืบชะตานิยมทาในโอกาสสาคัญเช่น วันคล้ายวันเกิด วันได้รับยศศักดิ์ ตาแหน่ง ทาบุญขน้ึ บ้านใหม่ ทาบุญกุฏิสงฆ์ใหม่ ทาบุญอาคารร้านค้าใหม่ หรือเมื่อเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วย สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง อีกท้ังได้รับการคานวณดวงชะตาจากหมอโหร มีการทายทักว่าดวงชะตาตก อยู่ในเกณฑ์ท่ีไม่ดี อาจเกิดเคราะห์ภัยต่างๆขึ้น ควรจะทาพิธีสะเดาะเคราะห์สืบชะตา เพ่ือมุ่งหวังให้ปัด เป่านาพาส่ิงท่ีไม่ดีให้หายไป เกิดความเป็นสิริมงคล สร้างขวัญและกาลังใจให้เข้มแข็ง ปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ เกิดความสุขความเจริญรุ่งเรืองกับชีวิต อีกท้ังมุ่งหวังให้มีอายุยืนยาวเพื่อการดารงวิถีชีวิตตาม ครรลองคลองธรรม สร้างคุณงามความดีให้กับสังคม รวมถึงการอยู่ทานุบารุงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง สืบไป พิธีสืบชะตาเป็นพิธีใหญ่ท่ีต้องอาศัยผู้ท่ีมีความชานาญมาช่วยจัดเตรียมการและมีเคร่ือง ประกอบพิธีกรรมที่มีรายละเอียดปลีกย่อยเป็นจานวนมาก ซ่ึงยึดถือปฏิบัติตามคัมภีร์โบราณท่ีครูบา อาจารย์ในอดีตได้มีการจดบันทึกไว้ พิธีกรรมการสืบชะตาแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความ เช่ือในพระพุทธศาสนา พราหมณ์ ฮินดู และผีสางเทวดา พิธีสืบชะตานอกจากจะปรากฏในภาคเหนือ ของไทยแล้ว ยังพบได้ในกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ ไทเขิน ไทล้ือ ซ่ึงมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไปบ้าง ตามแต่ละพื้นท่ี พธิ ีสบื ชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเช่อื ชาวลา้ นนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๕ ความเช่ือเรื่องการสืบชะตาน้ี มีปรากฏในคัมภีร์ช่ืออานิสงส์สืบชะตา ว่าในสมัยพุทธกาลนั้น พระ สารบี ุตรไดร้ ับเอาสามเณรอายุ ๗ ปี รูปหน่ึง ช่อื ติสสะมาอยใู่ นความดแู ลของท่านเป็นเวลาหน่ึงปี วันหน่ึง พระสารีบุตรสังเกตเห็นลักษณะของสามเณรว่าจะมีอายุได้อีก ๗ วันเท่านั้น ท่านจึงเรียกสามเณรไปพบ แลว้ แจ้งให้สามเณรทราบและใหส้ ามเณรไปบอกกล่าวแก่ญาติพี่น้องเสีย สามเณรจึงนมัสการลาพระสารี บตุ รเพื่อไปส่ังความแก่ญาติมิตร ระหวา่ งทางทส่ี ามเณรเดนิ ทางกลับไปนั้น สามเณรได้พบสระน้าที่กาลังงวดแห้งและในสระน้ันมี ปลา ที่กาลังกระเสือกกระสนรอความตายอยู่ จึงใช้บาตรช้อนเอาปลาเหล่าน้ันไปปล่อยที่แม่น้าใหญ่ ต่อมาก็ได้พบอีเก้งที่ติดแร้วของนายพราน สามเณรก็ปล่อยอีเก้งนั้นให้พ้นจากความตายอีก เม่ือกลับถึง บ้านสามเณรก็เลา่ เร่ืองตามที่พระสารีบุตรบอกนนั้ พร้อมทั้งส่ังลาญาติมิตรเพื่อเตรียมตัวท่ีจะตาย ทุกคน ท่ที ราบเรือ่ งต่างก็รา่ ไหส้ งสารสามเณรและรอเวลาท่ีสามเณรจะมรณภาพ ครั้นครบกาหนดตามท่ีพระสารีบุตรพยากรณ์ไว้นั้น สามเณรก็ยังมีชีวิตอยู่เป็นปกติ และแม้จะ เลยเวลาไปถึง ๗ วันแล้ว สามเณรก็ยังดารงชีวิตอยู่ สามเณรจึงเดินทางไปหาพระสารีบุตรพร้อมทั้งบอก ถึงเหตุการณ์ต่างๆ ท่ีตนได้กระทาโดยตลอด พระสารีบุตรจึงสรุปเร่ืองจากเหตุทั้งหลายได้ว่า การที่ได้ ประกอบกศุ ลกรรมน้นั สามารถตอ่ อายุให้ยนื ยาวตอ่ ไปได้ ด้วยเหตนุ ี้ จึงทาใหช้ าวลา้ นนาเหน็ ถึงอานสิ งสข์ องการทาพิธสี ืบชะตา และได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา พธิ ีสบื ชะตาแบง่ เป็น ๔ ประเภท คอื ๑. สืบชะตาคน ๒. สบื ชะตาบ้าน ๓. สบื ชะตาเมอื ง ๔. สืบชะตาแมน่ ้า ๑. สบื ชะตาคน การสืบชะตาคน เป็นการทาพิธีสืบชะตาให้กับบุคคล นิยมสืบชะตาบุคคลท่ีเป็นเจ้าของเรือนในโอกาสพิธีทาบุญข้ึนบ้านใหม่ หรือบุคคลท่ีอยู่ในอาการป่วยเป็นระยะเวลานานหรือหายจากการ เจ็บป่วย หรือบคุ คลใดที่หมอโหรทานายดวงชะตาว่ามีดาวพระเคราะห์ เดินถงึ ราศีเกิดของตน ทาให้ดวงชะตาตกอยู่ในเกณฑ์ท่ีไม่ดีมักจะมีเร่ือง ทาให้เกิดความทุกข์ทางกาย อาจจะทาให้ประสบกับเหตุร้ายต่างๆ ได้รับบาดเจ็บ เกิดการสูญเสียข้าวของเงินทองมีเรื่องทุกข์ใจเกิดข้ึน มีความวิตกกังวล กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทาให้จิตใจไม่เบิกบาน การประสบเหตเุ ช่นน้ีเรียกว่า ชะตาร้าย จะต้องจัดให้มีพิธีการสืบชะตา ข้ึน โดยจดั เตรียมและตง้ั เครื่องประกอบพิธีภายในบ้าน นิมนต์พระสงฆ์ มาเปน็ ผูป้ ระกอบพธิ ี ก็สง่ิ ไม่ดีท้ังหลายอาการเจ็บปว่ ยก็จะบรรเทาลง พิธีสืบชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเช่อื ชาวล้านนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๖ ๒. สืบชะตาบา้ น การสืบชะตาบ้าน เป็นการทาพิธีต่ออายุ หมู่บ้าน จัดพิธีข้ึนเม่ือหมู่บ้านเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ เป็นมงคล เช่น ไฟไหม้บ้านหลายหลังใน ระยะเวลาใกล้เคียงกัน ฟ้าผ่าบ้านเรือน ผู้คน ประสบกับความเดือดร้อน เกิดการเจ็บป่วยพร้อม กันเป็นจานวนมาก หรือมีคนตายติดต่อกันเกิน กว่า ๓ คน เหตุการณ์เหล่านี้เรียกว่า ขึดตกบ้าน ตกเรือน จะร่วมกันประกอบพิธีสืบชะตาบ้าน จัดต้ังเครื่องประกอบพิธี ณ จุดใดจุดหน่ึงของ หมู่บ้าน อาจจะเป็นหอผีเส้ือบ้านหรือศาลา อเนกประสงค์กลางหมู่บ้าน แล้วทาการโยงสายสิญจน์ไปยังทุกหลังคาเรือน เพ่ือให้เกิดเป็นสวัสดิมงคล เกดิ ความสงบร่มเย็นแก่บ้านเรือนและประชากรในหมบู่ า้ น ๓. สืบชะตาเมือง การสืบชะตาเมือง เป็นพิธีท่ีจัดทาข้ึนโดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่บ้านเมือง ทั้งนี้เพราะการคานวณ ดวงชะตาเมืองของหมอโหรท่ีทานายว่าเกิดจากอิทธิพลของ ดาวพระเคราะห์มาเบียดเบียน ทาให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย การจลาจล การศึกสงคราม ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลทาให้ บ้านเมืองแห้งแล้ง หรือการเกิดโรคระบาดข้ึนท่ัวเมือง ดังน้ันผู้ท่ี เป็นเจ้าเมืองจึงให้จัดพิธีทาบุญสืบชะตาเมือง โดยจัดมณฑลพิธี ตั้งเครื่องประกอบพิธี ณ ใจกลางเมืองหรือเสาหลักเมือง เพื่อทาบุญให้กับผู้สร้างบ้านแปงเมือง อดีตเจ้าเมือง เทวดา อารักษ์ท่ีปกปักรักษาเมือง และขออานาจแห่งพระรัตนตรัยปัด เป่าสิ่งที่ไม่เป็นมงคลให้ระงับดับหายไป เกิดสิริมงคลแก่เมือง ผู้ปกครองเมืองและประชาชนในบ้านเมือง ให้ผู้คนมีกาลังใจ กาลังกาย ในการดารงชีวิต และการประกอบสัมมาอาชีพ สร้าง คุณงามความดใี ห้แกบ่ ้านเมือง จึงเป็นการสืบต่ออายุของเมืองให้ ดาเนนิ ตอ่ เนือ่ งไป พิธีสืบชะตา : เสริมมงคลชีวติ ตามความเชอ่ื ชาวล้านนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๗ ๔. สืบชะตาแมน่ า้ นา้ เปน็ ทรัพยากรที่มีความสาคัญอย่างย่ิงต่อการดารงชีวิต ของมนุษย์ น้าจึงเป็นปัจจัยท่ีก่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ แหล่งกาเนิดต้นน้าสาคัญหลายสายอยู่บริเวณภาคเหนือ ผู้คนใน แถบน้ีจึงมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้า โดยใช้น้าในการอุปโภค บริโภค ด้านการเกษตรกรรม รวมถึงเป็นแหล่งอาหารและแหล่ง อาชีพ เม่ือชาวบ้านในพ้ืนท่ีเห็นว่าลาน้าเร่ิมมีสภาพเสื่อโทรม เกิด การเปลีย่ นแปลงด้านระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมของลาน้า ที่เกิดข้ึน เองตามธรรมชาติหรือจากมนุษย์ จึงเกิดการตระหนักถึงสภาพ ปัญหาและผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้น โดยสร้างความร่วมมือร่วมใจ ของคนในชุมชนที่อาศัยอยู่ตลอดสองฝั่งแม่น้า ช่วยกันฟ้ืนฟู ดูแล รักษาแมน่ า้ แลว้ จงึ จดั ให้มีพิธีสืบชะตาแม่น้าข้ึน โดยจัดมณฑลพิธี ริมฝ่ังแม่น้าและจัดต้ังเคร่ืองประกอบพิธีกลางแม่น้า เพื่อขอขมา แมน่ า้ ต่ออายุ ตอ่ ชีวิตให้กับแม่น้าและสรรพสิ่งท้ังมวลรวมถึงผู้คน ท้ังสองฝั่งน้า การสืบชะตาแม่น้าจึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักความสามัคคีของชุมชน เป็นการ กระตุ้นผคู้ นทอี่ าศยั ตลอดสองฝง่ั แมน่ า้ ให้เกิดความศรทั ธา ความเคารพ สรา้ งจิตสานึกให้ชาวบ้านช่วยกัน หวงแหนรักษาปา่ และแมน่ ้า ให้มีน้าอดุ มสมบูรณ์เพยี งพอตลอดปีและย่งั ยนื ตลอดไป พธิ สี ืบชะตา : เสริมมงคลชวี ติ ตามความเชือ่ ชาวล้านนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๘ เคร่ืองประกอบพิธกี รรม : เครอ่ื งสืบชะตา เคร่ืองสืบชะตาเป็นเครื่องพลีกรรมท่ีมีความละเอียดและปลีกย่อยมากกว่าพิธีกรรมอ่ืนๆ ของ ล้านนา การจัดเตรยี มเครอ่ื งสบื ชะตาตอ้ งอาศัยระยะเวลาและแรงคนช่วยจัดเตรียม ซึง่ ประกอบไปดว้ ย ๑. ไม้ค้าชะตา สูงเท่ากับความสูงของผู้สืบชะตา หรือสูงตามความเหมาะสมกับสถานที่ ในเขต พ้ืนที่จังหวัดลาปางนิยมใช้ไม้คาชะตา จานวน ๔ เล่ม โดยหมายถึง ธาตุทั้ง ๔ ท่ีประกอบขึ้นกลายเป็น ร่างกายมนุษย์ ได้แก่ ดิน น้า ลม ไฟ เม่ือธาตุทั้ง ๔ เกิดความไม่สมดุลกัน จะส่งผลให้มนุษย์เกิดความ เจบ็ ปว่ ย หรือประสบภัยอนั ตรายตา่ งๆ พธิ สี บื ชะตา : เสริมมงคลชีวติ ตามความเชือ่ ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๙ ๒. ไม้ค้าชะตาเล็ก เป็นไม้สองงามขนาดเล็ก มีความยาวเท่ากับศอกของเจ้าชะตา หรือ ประมาณ ๓๐ – ๕๐ เซนติเมตร จานวน ๔ มัด มัดละ ๒๗ เล่ม รวมเป็น ๑๐๘ เล่ม บางตาราใช้จานวน เท่ากบั อายุของผูส้ ืบชะตา และนยิ มเพ่มิ จานวนไปอีกประมาณ ๒ – ๓ อัน โดยนามาแบ่งออกเป็น ๔ มัด เทา่ ๆ กนั ๓. ไมข้ ัวเทา่ คิง จานวน ๒ คู่ เปน็ ไม้ไผ่หรอื ต้นอ้อ ยาวขนาดหนึ่งวาของผู้สืบชะตา นามามัดติด หรอื เจาะใส่สลักให้ติดกัน เช่ือว่าเป็นสะพานทท่ี อดให้เดินผา่ นไปส่ฟู ากฝั่งทด่ี ี ๔. เกนิ เงิน จานวน ๑ ชดุ เปน็ บันไดท่ที าจากไม้ไผ่ขนาดเล็ก มีความสูงเท่ากับความสูงของผู้สืบ ชะตา มีขั้นบันไดจานวน ๕ ข้ัน ๗ ขั้น หรือ ๙ ข้ัน แล้วแต่ละท้องถิ่น หุ้มด้วยกระดาษเงิน โดยมีความ เชอื่ วา่ เปน็ บันไดเงนิ ทน่ี าใหผ้ ้คู นขึ้นไปสู่ทด่ี อี นั เป็นสุข พิธสี ืบชะตา : เสริมมงคลชีวติ ตามความเช่อื ชาวล้านนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑๐ ๕. เกนิ คา จานวน ๑ ชุด เป็นบันไดที่ทาจากไม้ไผ่ขนาดเล็ก มีความสูงเท่ากับความสูงของผู้สืบ ชะตา มีข้ันบันไดจานวน ๕ ข้ัน ๗ ข้ัน หรือ ๙ ข้ัน แล้วแต่ละท้องถิ่น หุ้มด้วยกระดาษทอง โดยมีความ เชือ่ วา่ เปน็ บันไดเงินทนี่ าให้ผคู้ นขนึ้ ไปสทู่ ีด่ อี ันเปน็ สขุ ๖. ลวดเงิน จานวน ๒ เสน้ ลวดเงินทามาจากเส้นด้ายทร่ี ้อยปลอ้ งกระดาษเงิน จากนั้นนาลวด เงินไปพันรอบกา้ นไม้ไผ่ขนาดเทา่ ไม้เรียว แต่มคี วามยาวเท่ากับความสงู ของผสู้ บื ชะตา โดยมีความเช่ือวา่ เม่อื บุคคลหลดพ้นจากความทุกข์ กจ็ ะมเี งินเปน็ ทรพั ยส์ มบตั ิทีม่ คี า่ ๗. ลวดคา จานวน ๒ เส้น ลวดทอง ทามาจากเส้นด้ายทร่ี อ้ ยปล้องกระดาษทอง จากนั้นนาลวด ทองไปพันรอบก้านไม้ไผ่ขนาดเท่าไม้เรียว แต่มีความยาว เท่ากับความสูงของผู้สืบชะตา โดยมีความเช่ือว่า เม่ือบุคคลหลดพ้นจากความทุกข์ ก็จะมีทองเป็นทรัพย์ สมบตั ิทีม่ ีคา่ ๘. ลวดหมาก จานวน ๔ เส้น ลวดหมาก ทามา จากเส้นด้ายที่ผูกมัดหมากตากแห้ง เป็นคาๆ จากนั้นนา ลวดหมากไปพันรอบก้านไม้ไผ่ขนาดเท่าไม้เรียว แต่มีความ ยาวเท่ากับความสูงของผู้สืบชะตา โดยมีความเช่ือว่า เม่ือ บุคคลหลดพ้นจากความทุกข์ ก็จะมีหมากเป็นของขบเค้ียว ในยามวา่ ง ๙. ลวดพลู จานวน ๔ เส้น ลวดพลู ทามาจากใบ พลูที่ทาปูนเรียบร้อยแล้ว ม้วนคล้ายบุหรี จากนั้นนา เส้นดา้ ยมามัดให้กลายเป็นเส้นลวด จากน้ันนาลวดหมากไป พันรอบก้านไม้ไผ่ขนาดเท่าไม้เรียว แต่มีความยาวเท่ากับความสูงของผู้สืบชะตา โดยมีความเช่ือว่า เมื่อ บคุ คลหลดพ้นจากความทกุ ข์ กจ็ ะมีพลู ไว้กนิ คกู่ ับหมาก เปน็ ของขบเค้ยี วในยามวา่ ง ๑๐. ลวดเหมี้ยง จานวน ๔ เสน้ ทามาจากเหม้ียงทหี่ ่อไว้ใน แลว้ นาเสน้ ด้ายมามดั ใหก้ ลายเป็น เสน้ ลวด จากนัน้ นาลวดเหมย้ี งไปพันรอบก้านไมไ้ ผ่ขนาดเท่าไมเ้ รียว แต่มีความยาวเท่ากับความสูงของผู้ สบื ชะตา โดยมคี วามเชื่อวา่ เมอื่ บุคคลหลดพ้นจากความทุกข์ ก็จะมีเหมยี ง เปน็ ของขบเคีย้ วในยามวา่ ง พธิ สี บื ชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเชือ่ ชาวล้านนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑๑ ๑๑. ลวดบหุ ร่ี ใชบ้ ุหรมี่ าผกู มัดเข้ากับเสน้ ดา้ ยสายสญิ จน์ แล้วนาไปพนั เข้ากับก้านไม้ไผ่ จานวน ๔ ก้าน มคี วามเชื่อวา่ เม่ือพ้นจากทกุ โศกโรคภยั ตา่ งๆ จะมีบุหรี่ไวส้ บู ยามเมื่อสุขกายสบายใจ ๑๒. ลวดเบีย้ จานวน ๔ เส้น ทามาจากเสน้ ด้ายทรี่ ้อยหอยเบ้ยี หา่ งกันเป็นช่วงๆ จากนน้ั นาลวด เบีย้ ไปพันรอบกา้ นไมไ้ ผเ่ หมือนกับลวดอื่นๆ โดยมีความเชื่อว่า เม่ือบุคคลหลุดพ้นจากความทุกข์ ก็จะมี สมบตั ิไวใ้ ชอ้ ย่างมากมาย ไม้ไผ่ท่พี ันดว้ ยเสน้ ลวดต่างๆ จะนามาผูกมัดกบั ไม้ค้าชะตาทง้ั ๔ ต้น พิธีสบื ชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเชอื่ ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑๒ ๑๓. ลวดเข้าตอก จานวน ๔ เส้น ทามาจากเส้นด้ายที่มัดเข้าตอกที่ห่อไว้ในกระดาษเป็นคาๆ จากน้ันนาลวดเข้าตอกไปพันรอบก้านไม้ไผ่ขนาดเท่าไม้เรียว แต่มีความยาวเท่ากับความสูงของผู้สืบ ชะตา โดยมีความเชอ่ื ว่า เมื่อบคุ คลหลดพ้นจากความทุกข์ ก็จะมเี ขา้ ตอกดอกไม้ ไวก้ ราบไหว้บูชาพระ ๑๔. ลวดดอกไม้ จานวน ๔ เส้น โดยการนาดอกไม้มาผูกมัดเข้ากับเส้นด้าย แล้วนามาพันกัน ก้านไม้ไผ่ ซ่ึงมีความเช่ือว่า เป็นการบูชาดวงชะตา ส่วนหน่ึงไว้ใช้กราบไหว้บูชาพระด้วยดอกไม้นานา พนั ธ์จะทาใหช้ วี ิตมคี วามสดใสรงุ่ เรอื ง พธิ ีสบื ชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเชอ่ื ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑๓ ๑๕. ลวดเทียน ทามาจากเสน้ ดา้ ยทีผ่ กู มัดเทยี นทีละเล่ม จากน้ันนาลวดเทียนไปพันรอบก้านไม้ไผ่ โดยมี ความเชื่อว่า ให้นาเทียนไปกราบไหว้บูชาพระ จะช่วยให้ชีวิตมีแต่ความสว่างไสวรุ่งเรือง เหมือนกับแสง เทยี นท่สี วา่ งในยามค่าคนื ๑๖. ลวดส้มป่อย นาฝักส้มป่อยมาผูกมัดเข้ากับเส้นด้าย จากน้ันนาลวดส้มป่อยไปพันเข้ากับ กา้ นไม้ไผ่ เชอื่ วา่ ส้มป่อยเป็นของมงคลสามารถปดั เป่าสง่ิ ชว่ั ร้าย รวมถึงเคราะห์หามยามร้ายออกจากตัว เราไดจ้ นหมดส้ิน พธิ สี บื ชะตา : เสริมมงคลชีวติ ตามความเชือ่ ชาวลา้ นนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑๔ ๑๗. ตุงค่าคิง จานวน ๔ ตัว คือธงที่มีความยาวเท่ากับความสูงของผู้สืบชะตา ซึ่งหมายถึง ชัย ชนะ ส่ือความหมายถึงความสาเร็จแห่งชีวติ ๑๘. เทยี นชะตา จานวน ๔ เล่ม สาหรบั ปกั ประมุมท้ัง ๔ ของไม้ค้าชะตา มีนัยคือความรุ่งโรจน์ ชัชวาลของชีวิต พธิ ีสบื ชะตา : เสริมมงคลชวี ติ ตามความเชือ่ ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑๕ ๑๙. ชอ่ ๑๐๘ เป็นช่อกระดาษสามเหล่ียม จานวน ๑๐๘ ผืน นามาปักรวมกันบนต้นคา ๑ ต้น หมายถึง การบูชาคุณของพระรัตนตรัย อันประกอบด้วย คุณพระพุทธ ๕๖ คุณพระธรรม ๓๘ และคุณ พระสงฆ์ ๑๔ รวมเป็นจานวน ๑๐๘ ๒๐. ตาแหลว ๗ ช้ัน พร้อมเชือกคาเขียว จานวน ๑ ชุด สาหรับตาแหลว หรือ เฉลว เป็น เครื่องรางชนิดหนึ่ง ชาวล้านนาเช่ือว่าช่วยท่ีป้องกันสิ่งช่ัวร้าย ไม่ให้เข้ามาใกล้ ส่วนเชือกคาเขียว หมายถึง การมีอายุท่ียืนยาว ดว้ ยหญ้าคาเป็นวชั พืชท่ีตายยาก สามารถเจริญเติบโตได้ทุกภูมิอากาศ และ ภูมปิ ระเทศ ด้วยความแข็งแรงและอดทนดังกล่าว จึงนิยมนามาทาเป็นเชือกสาหรับร้อยตาแหลว ผูกติด กบั ไมค้ ้าชะตา หรือนาไปแขวนไวท้ ี่ประตูบ้านในช่วงประเพณีปใี หม่เมือง พิธสี ืบชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเชอื่ ชาวล้านนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑๖ ๒๑. หน่อกล้วย หน่ออ้อย อย่างละจานวน ๔ หน่อ ภายหลงั การประกอบพธิ จี ะนยิ มนาหน่อ กล้วย หนอ่ ออ้ ย ไปปลกู ให้กลายเป็นต้นเป็นกอ ซึ่งมนี ัยหมายถงึ ความเจริญรุง่ เรือง ๒๒. เสอ่ื ใหม่ หมอนใหม่ มคี ตวิ า่ ตอ่ จากน้ีไปผูส้ บื ชะตาจะมชี วี ิตทดี่ ี มบี ้านเรือนที่อยู่ทีน่ อน อยา่ งสุขกายสบายใจ พธิ ีสบื ชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเชื่อชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑๗ ๒๓. หม้อข้าวเปลือก หม้อข้าวสาร มีความเช่ือว่า ภายหลังการสืบชะตาจะทาให้ชีวิตมี ความสุขอดุ มสมบูรณ์ไปดว้ ยข้าวปลาอาหาร ๒๔. สสี ายเทา่ คงิ คอื เส้นด้ายมีความยาวเท่ากับความสูงของผู้สบื ชะตา ชุบนา้ มนั มะพร้าว จดุ ไฟเมื่อเริม่ ประกอบพิธกี รรม มคี ตเิ ชอ่ื วา่ เปน็ การเผาทุกข์ โศก โรค ภัย และเคราะห์อบุ าทตา่ งๆ ให้หมด หายไปจากตัวผ้สู ืบชะตา ๒๕.หอยเบีย้ จานวน ๙ ตวั จดั เป็น ๙ ชุด จัดเตรยี มไว้สาหรับใหพ้ ระสงฆน์ ับจานวนรอบการ สวดมนต์ หลงั จากประกอบพิธเี สร็จจะมีการรวบรวมหอยเบ้ียมาใส่ไว้ในบายศรี มคี ติหมายถึง ทรัพย์ สมบตั ทิ ่มี ีมากมายเกนิ คณานับ ๒๖. สายสญิ จน์ สาหรบั ผูกโยงใหเ้ ปน็ มณฑลพิธี พื้นท่ศี ักดิ์สทิ ธิ์ ๒๗.บายศรี สาหรับประกอบพิธีเรยี กขวญั ให้เขา้ มาอยใู่ นร่างกายให้ครบ ๓๒ ขวัญ เปน็ การ สรา้ งขวัญและกาลงั ใจท่ดี ีแกผ่ ู้สบื ชะตา พิธสี ืบชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเช่อื ชาวลา้ นนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑๘ ขันต้ัง ขันตั้ง คือ เครือ่ งพลกี รรมสาหรบั การไหว้ครกู ่อนการประกอบพิธีสืบชะตา ซ่ึงจะจัดเตรียมใส่ พานหรือขนั โตก โดยท่ัวไปเครอ่ื งพลีกรรมในขันตง้ั สืบชะตาประกอบด้วย ๑. กรวยดอกไม้ จานวน ๘ กรวย ๒. กรวยหมากพลู จานวน ๘ กรวย ๓. หมากพันสาม จานวน ๑ หัว ๔. เบ้ียพนั สาม จานวน ๑ หวั ๕. ผา้ ขาว จานวน ๑ ผืน ๖. ผา้ แดง จานวน ๑ ผืน ๗. หมากขด จานวน ๔ ขด ๘. หมากก้อม จานวน ๔ ก้อม ๙. พลแู หลบ จานวน ๔ แหลบ ๑๐. ขา้ วเปลอื ก จานวน ๑ ถว้ ย ๑๑. ขา้ วสาร จานวน ๑ ถ้วย ๑๒. เทยี น ๑ บาท จานวน ๑ คู่ ๑๓. เทียนเฟ้อื ง จานวน ๑ คู่ ๑๔. มะพร้าว จานวน ๑ ทะลาย ๑๕. กลว้ ย จานวน ๑ เครือ ๑๖. เงินจานวนเงินท่ใี ส่ในขนั ต้ังข้ึนอยู่กบั ครบู าอาจารยท์ ี่ทา่ นกาหนดไว้ ส่วนใหญน่ ิยมใช้ จานวน ๓๒ บาท หรือ ๓๖ บาท พิธีสืบชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเชือ่ ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๑๙ สะตวง สะตวงท่ีใชใ้ นพิธีสืบชะตา เป็นสะตวงเคร่ือง ๔ สาหรับพิธีส่งเคราะห์ หรือปัดเคราะห์ ซ่ึงจะทา ก่อนการเร่ิมพิธีสืบชะตา สะตวงทามาจากกาบกล้วยพับให้เป็นสี่เหล่ียมจัตุรัส เสียบยืดด้านล่างด้วยซ่ีไม้ ไผ่ ประมาณ ๕ – ๗ ซี่ ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของสะตวง กรุภายในสะตวงด้วยใบตอง แล้วนาเคร่ืองพลี กรรมใสไ่ ว้ภายในประกอบด้วย ๑. ขา้ วเหนยี ว ๔ คา ๒. แกงส้มแกงหวาน ๔ คา ๓. กล้วย ๔ คา ๔. ออ้ ย ๔ คา ๕. หมากและพลู ๔ คา ๖. เหม้ยี ง ๔ คา ๗. บหุ ร่ี ๔ มวน ๘. เนอ้ื มะพร้าว ๔ คา ๙ ขนม ๔ คา ๑๐. ช่อขาว ๔ ตวั ๑๑. เทียน/ธปู ๔ เลม่ พธิ ีสืบชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเชือ่ ชาวล้านนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒๐ บทสวดสืบชะตา พิธีสืบชะตาจะเรม่ิ การจากการป๎ดเคราะห์ หรอื สง่ เคราะหเ์ ปน็ อันดับแรก จากนั้นต่อด้วยพิธีการ สืบชะตา โดยการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ไหว้พระและกล่าวคําถวายชีวิต สมาทานเบญศีล รับศีล จากน้ันศาสนาพิธีการ หรือพ่ออาจารย์จะกล่าวคําอาราธนาพระปริตรต่อด้วยบทชุมนุมเทวดา พระสงฆ์ จึงเริ่มสวดเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตา บทสวดท่ีใช้ในพิธีสืบชะตาในแต่ละท้องถ่ินอาจจะมีความ แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นจารีตประเพณีของแต่ละท้องถิ่นที่สืบทอดกันมา สําหรับบทสวดท่ีนํามาเสนอใน การจัดการความรู้ของสํานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลําปาง เป็นบทสวดท่ีนิยมใช้ใน เขตพื้นทอ่ี าํ เภอเมืองลําปาง จงั หวัดลาํ ปาง โดยมีรายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปนี้ บทสวดพระพุทธมนต์ท่ใี ชใ้ นการสง่ เคราะห์ ๑. เมตตาหลวง อะก๋าติเมตต๋า อินตาติเมตต๋า เทวาติเมตต๋า พรหมาติเมตต๋า ยะมะราจาติเมตต๋า เวสสุวัณโณติเมตต๋า จะตุโลกะปาละราจาติเมตต๋า ราจาโนติเมตต๋า อะสุระกายะติเมตต๋า สัพพะ มิจฉาทิฏฐีมิตตะระติเมตต๋า นักขัตตะระติเมตต๋า สุสาราจาติเมตต๋า กามะโภชะกาติเมตต๋า ชุมพูติ เมตต๋า สัพพญั ํูตญั ญาตเิ มตต๋า อะระหนั ตาตเิ มตตา๋ มะหาอานันทะติเมตต๋า มะหากัสสะปะติเมตต๋า มะหาโมคคัลลานะตเิ มตต๋า มะหาสารีปุตตะระติเมตต๋า ธะระณีสะรีค๋ ุตตะระติเมตตา๋ ฯ ( ๓ จบ ) ๒. ยันทนุ เกา้ บงั้ พุทธังสะระณัง ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะสัทโท ปาป๎คคะโห ทสุ สปุ นิ งั อะกนั ตัง พุทธานุภาเวนะ วนิ าสะเมนตฯุ ทุติยัมปิ พุทธังสะระณัง ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะสัทโท ปาปค๎ คะโห ทุสสุปนิ งั อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ วนิ าสะเมนตุฯ ตะติยัมปิ พุทธังสะระณัง ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะสัทโท ปาป๎คคะโห ทุสสุปนิ ัง อะกันตัง พทุ ธานภุ าเวนะ วนิ าสะเมนตุฯ ธัมมังสะระณัง ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาป๎คคะโห ทุสสปุ ินงั อะกันตงั ธมั มานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ ทุติยัมปิ ธัมมังสะระณัง ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปค๎ คะโห ทสุ สปุ นิ ัง อะกนั ตัง ธัมมานุภาเวนะ วนิ าสะเมนตฯุ ตะติยัมปิ ธัมมังสะระณัง ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาป๎คคะโห ทสุ สปุ นิ ัง อะกนั ตัง ธัมมานภุ าเวนะ วินาสะเมนตฯุ สังฆังสะระณัง ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะสัทโท ปาป๎คคะโห ทุสสุปนิ งั อะกันตังสังฆานุภาเวนะ วนิ าสะเมนตฯุ ทุตยิ ัมปิ สงั ฆังสะระณงั ยันทนุ นมิ ติ ตัง อะวะมังคะลญั จะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะสัทโท ปาป๎ค คะโห ทุสสปุ ินงั อะกันตงั สงั ฆานภุ าเวนะ วนิ าสะเมนตุฯ ตะติยัมปิ สังฆังสะระณัง ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะสัทโท ปาป๎คคะโห ทุสสปุ ินงั อะกนั ตัง สงั ฆานภุ าเวนะ วินาสะเมนตุฯ พธิ สี บื ชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเช่อื ชาวลา้ นนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒๑ ๓. ราชะโต ราชะโต วา โจระโต วา มะนสุ สะโต วา อะมะนุสสะโต วา อัคคิโต วา อุทะกะโต วา ปิ สาจะโต วา ขาณุกะโต วา กณั ฏะกะโต วา นกั ขตั ตะโต วา ชะนะปะทะโรคะโต วา อะสัทธัมมะโต วา อะสันทิฏฐิ โต วา อะสปั ปุริสะโต วา จณั ฑะหัตถิอัสสะมิคะโคณะกุกกุระอะหิวิจฉิกะมะนิสัปปะทีปิอัจฉะ ตะรัจฉะสุ กะระมะหิสะ ยักขะรักขะสาทีหิ นานา ภะยะโต วา นานาโรคะโต วา นานาอุป๎ททะวะโต วา อารักขัง คณั หนั ตุ ฯ ( 3 จบ ) ๔. เทวตาอยุ โยชนคาถา ทุกขัปป๎ตตาจะ นทิ ทกุ ขาภะยัปปต๎ ตา จะ นพิ ภะยาโสกปั ป๎ตตาจะ นิสโสกาโหนตุ สัพเพปิ ปาณิ โนเอตตาวะตา จะอมั เหหิสัมภะตงั ปุญญะสัมปะทังสัพเพ เทวานุโมทันตุสัพพะสัมป๎ตติสิทธิยาทานัง ทะ ทันตุ สัทธายะสีลัง รักขันตุ สัพพะทาภาวะนาภิระตา โหนตคัจฉันตุ เทวะตาคะตาสัพเพ พุทธา พะลัปปต๎ ตาปจ๎ เจกานัญจะ ยงั พะลังอะระหันตานัญจะ เตเชนะรักขัง พนั ธามสิ พั พะโส บทสวดพระพุทธมนต์ทใี่ ช้ในพธิ ีสบื ชะตา ๑. บทปพุ พะภาคะนะมะการะปาฐะ (ปพุ พภาคนมการ) นะโมตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโมตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พุทธัสสะ นะโมตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสัมพุทธัสสะ ๒. บทสะระณะคะมะนะปาฐะ (สรณคมนปาฐะ) พทุ ธงั สะระณงั คัจฉามิ ธมั มงั สะระณงั คจั ฉามิ สงั ฆัง สะระณงั คัจฉามิ ทุตยิ มั ปิ พทุ ธัง สะระณงั คจั ฉามิ ทตุ ยิ มั ปิ ธัมมงั สะระณัง คัจฉามิ ทตุ ิยมั ปิ สงั ฆงั สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณงั คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธมั มัง สะระณงั คจั ฉามิ ตะตยิ ัมปิ สังฆงั สะระณงั คจั ฉามิ ๓. บทสมั พุทเธ สัมพุทเธ อัฏฐะวีสัญจะ ทวาทะสัญจะ สะหัสสะเก ป๎ญจะสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง นะมะการานุภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ อุป๎ททะเว อะเนกา อันตะรายาปิ วนิ สั สันตุ อะเสสะโต ฯ สัมพุทเธ ป๎ญจะป๎ญญาสัญจะ จะตุวีสะติสะหัสสะเก ทะสะสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหังเตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง นะมะการานุภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ อุป๎ททะเว อะเนกา อันตะรายาปิ วินสั สันตุ อะเสสะโต ฯ สัมพุทเธ นะวุตตะระสะเต อัฏฐะจัตตาฬีสะสะหัสสะเก วีสะติสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง นะมะการานุภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ อุป๎ททะเว อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสนั ตุ อะเสสะโต ฯ พิธีสืบชะตา : เสริมมงคลชีวติ ตามความเช่ือชาวลา้ นนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒๒ ๔. นะโมแปดบท นะโม อะระหะโต สัมมา สมั พทุ ธัสสะ มเหสิโน นะโม อุตตะมะธมั มสั สะ สะวากขาตัสเสวะ เตนิธะ นะโม มะหาสังฆัสสาปิ วสิ ุทธะสิละทฏิ ฐโิ น นะโม โอมาตยารทั ธสั สะ ระตะนตั ตะยัสสะ สาธุกงั นะโม โอมะกาตีตสั สะ ตสั สะ วตั ถตุ ตะยัสสะปิ นะโม การัปปะภาเวนะ วิคจั ฉันตุ อุปท๎ ทะวา นะโม การานุภะเวนะ สวุ ัตถิ โหตุ สพั พะทา นะโม การัสสะ เตเชนะ วธิ ิมหิ โหมิ เตชะวา ฯ ๕. มงคลสตู ร อะเสวะนา จะ พาลานัง ป๎ณฑิตานัญจะ เสวะนา ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ ปะฏริ ปู ะเทสะวาโส จะ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตาอัตตะสัมมาปะณิธิ จะ เอตัมมังคะละมุตตะมังฯ พาหุสัจจญั จะ สิปป๎ญจะ วนิ ะโย จะ สสุ ิกขโิ ต สภุ าสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมงั คะละมุตตะมัง ฯ มาตาปติ อุ ปุ ฏ๎ ฐานัง ปตุ ตะทารสั สะ สังคะโห อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมงั คะละมุตตะมัง ฯ ทานัญจะ ธัมมะจะริยา จะ ญาตะกานัญจะ สังคะโห อะนะวัชชานิ กัมมานิ เอตัมมังคะละมุตตะมังฯ อาระตี วิระตี ปาปา มัชชะปานา จะ สัญญะโม อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ คาระโว จะ นิวาโต จะ สันตุฏฐี จะ กะตัญํุตา กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ ขันตี จะ โสวะจัสสะตา สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ ตะโป จะ พรัหมะจะรยิ ญั จะอะรยิ ะสจั จานะ ทสั สะนงั นพิ พานะสัจฉิกริ ยิ าจะเอตมั มงั คะละมตุ ตะมงั ฯ ผฏุ ฐสั สะ โลกะธัมเมหิ จติ ตัง ยัสสะ นะ กมั ปะติ อะโสกัง วริ ะชงั เขมัง เอตมั มงั คะละมุตตะมัง ฯ เอตาทิสานิ กตั ว๎ านะ สพั พตั ถะมะปะราชติ า สพั พตั ถะ โสตถิง คัจฉนั ติ ตนั เตสงั มังคะละมุตตะมนั ติ ฯ ๖. รตั นสูตร ยงั กิญจิ วิตตัง อธิ ะ วา หรุ งั วา สัคเคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีตัง นะ โน สะมัง อัตถิ ตะถาคะเต นะ อิทมั ปิ พเุ ธ ระตะนัง ปะณตี งั เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหตฯุ ขะยัง วิราคัง อะมะตัง ปะณีตัง ยะทัชฌะคา สักยะมุนี สะมาหิโต นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ อทิ ัมปิ ธัมเม ระตะนงั ปะณตี งั เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหตุฯ ยมั พุทธะเสฏโฐ ปะรวิ ณั ณะยี สุจิง สะมาธิมานันตะริกัญญะมาหุ สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิช ชะติ อิทมั ปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณตี ัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวตั ถิ โหตุฯ เย ปคุ คะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสฏั ฐา จตั ตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สา วะกา เอเตสุ ทินนานิ มะหปั ผะลานิ อิทมั ปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง เอเตนะ สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหนตุฯ เย สปุ ปะยุตตา มะนะสา ทัฬเหนะ นกิ กามิโน โคตะมะสาสะนัมหิ เต ป๎ตติป๎ตตา อะมะตัง วิคัย หะ ลัทธา มุธา นิพพตุ ิง ภุญชะมานา อิทัมปิ สงั เฆ ระตะนัง ปะณีตงั เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ ขีณัง ปุราณัง นะวัง นัตถิ สัมภะวัง วิรัตตะจิตตายะติเก ภะวัสมิง เต ขีณะพีชา อะวิรุฬหิฉันทา นพิ พันติ ธรี า ยะถายัมปะทีโป อิทัมปิ สงั เฆ ระตะนงั ปะณตี ัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตฯุ พธิ ีสืบชะตา : เสริมมงคลชวี ติ ตามความเช่ือชาวลา้ นนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒๓ ๗. กรณยี เมตตสตู ร เมตตัญจะ สัพพะโลกัส๎มิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพา ธัง อะเวรัง อะสะป๎ตตัง ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ เอตัง สะติง อะธฏิ เฐยยะ พ๎รหั ม๎ ะเมตัง วหิ ารงั อธิ ะมาหุ ทิฏฐิญจะ อะนปุ ะคัมมะ สีละวา ทสั สะเนนะ สัมป๎นโน กาเม สุ วิเนยยะ เคธัง นะ หิ ชาตุ คพั ภะเสยยัง ปุนะเรตตี ิ ฯ ๘. ขันธปริตตะคาถา อัปปะมาโณ พุทโธ อัปปะมาโณ ธัมโม อัปปะมาโณ สังโฆ ปะมาณะวันตานิ สิริงสะปานิ อะหิ วิจฉกิ า สะตะปะที อุณณานาภี สะระพู มูสิกา กะตา เม รักขา กะตา เม ปะริตตา ปะฏิกกะมันตุ ภูตานิ โสหัง นะโม ภะคะวะโต นะโม สตั ตนั นงั สมั มาสมั พทุ ธานัง ฯ ๙. โมรปริตร อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะ วัณณังปะฐะวปิ ปะภาสัง ตะยัชชะ คตุ ตา วหิ ะเรมุ ทิวะสัง เย พราหม๎ ะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม เต เม นะ โม เต จะ มัง ปาละยันตุ นะมตั ถุ พทุ ธานัง นะมตั ถุ โพธิยา นะโม วมิ ตุ ตานัง นะโม วิมุตติยา อิมัง โส ปะ ริตตัง กัต๎วา โมโร จะระติ เอสะนา อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชาหะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส ตัง ตัง นะมัสสามิ หะรสิ สะวัณณงั ปะฐะวิปปะภาสงั ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุ สพั พะธัมเม เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยนั ตุ นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโม วมิ ุตตยิ า อมิ ัง โส ปะรติ ตงั กตั ๎วา โมโร วาสะมะกปั ปะยตี ิ ฯ ๑๐. วัฏฏกปริตร อัตถิ โลเก สีละคโุ ณ สจั จัง โสเจยยะนทุ ทะยา เตนะ สจั เจนะ กาหามิ สัจจะกิริยะมะนุตตะรังอา วัชชิต๎วา ธัมมะพะลัง สะริต๎วา ปุพพะเก ชิเน สัจจะพะละมะวัสสายะ สัจจะกิริยะมะกาสะหังสันติ ป๎ก ขาอะปต๎ ตะนา สันติ ปาทา อะวัญจะนา มาตา ปิตา จะ นิกขันตา ชาตะเวทะ ปะฏิกกะมะ สะหะ สัจเจ กะเต มัยหัง มะหาป๎ชชะลิโต สิขี วัชเชสิ โสฬะสะ กะรีสานิ อุทะกัง ป๎ต๎วา ยะถา สิขีสัจเจนะ เม สะโม นตั ถเิ อสา เม สัจจะปาระมีติ ฯ ๑๑. โพชฌังคะปริตรตงั โพชฌังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา วิริยัมปีติป๎สสัทธิ โพชฌังคา จะ ตะถาปะเร สะมาธุเปกขะโพชฌังคา สัตเตเต สัพพะทัสสินา มุนินา สัมมะทักขาตา ภาวิตา พะหุลีกะตา สังวัตตันติ อะภญิ ญายะ นพิ พานายะ จะ โพธิยา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สพั พะทา ฯ เอกัส๎มิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานัญจะ กัสสะป๎ง คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา โพชฌังเค สัตตะ เท สะยิ เต จะ ตัง อะภนิ นั ทติ วาโรคา มุจจิงสุ ตงั ขะเณ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา ฯ เอกะทา ธัมมะราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปต๎วานะ สาทะรัง สัมโมทติ ๎วา จะ อาพาธา ตมั หา วุฏฐาสิ ฐานะโส เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา ฯ ปะหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มะเหสินัง มัคคาหะตะกิเลสา วะ ป๎ตตานุปป๎ตติธัมมะตัง เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ โสตถิ เต โหตุ สพั พะทา ฯ พิธีสบื ชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเชือ่ ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒๔ ๑๒. อาฏานาฏิยะปะริตตงั วิปส๎ สิสสะ นะมัตถุ จกั ขุมนั ตัสสะ สริ มี ะโต สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นะหาตะกัสสะ ตะป๎สสิโน นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พ๎ราห๎มะณัสสะ วุสีมะโต กัสสะป๎สสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สกั ย๎ ะปตุ ตัสสะ สริ มี ะโต โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง เย จาปิ นิพพุตา โลเก ยะถาภู ตงั วิปส๎ สสิ งุ เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา หิตัง เทวะมะนสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง วิชชาจะระณะสัมป๎นนัง มะหันตงั วีตะสาระทัง ฯ (วิชชาจะระณะสัมปน๎ นงั พุทธงั วนั ทามะ โคตะมันติ) ๑๓. อภยปริตรตัง ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาป๎คคะโห ทุสสุปินัง อะ กนั ตงั พทุ ธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาป๎คคะโห ทุสสุปินัง อะ กันตัง ธมั มานภุ าเวนะ วนิ าสะเมนตุ ฯ ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาป๎คคะโห ทุสสุปินัง อะ กันตัง สังฆานภุ าเวนะ วนิ าสะเมนตุ ฯ ๑๔. ถวายพรพระ อิตปิ ิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะ-สัมป๎นโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะ โร ปรุ ิสะทมั มะสาระถิ สัตถาเทวะมะนสุ สานงั พทุ โธ ภะคะวาติ ฯ สว๎ ากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิป๎สสิโก โอปะนะยิโก ป๎จจัตตัง เวทิตัพ โพ วญิ ํหู ตี ิ ฯ สุปะฏปิ น๎ โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ อุชปุ ะฏปิ ๎นโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิป๎น โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิป๎นโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะ ระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญกั เขตตงั โลกัสสาติ ฯ ๑๕. พุทธชัยมงคลคาถา พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธิ นา ชติ ะวา มุนินโท ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ มาราติเร กะมะภยิ ชุ ฌิตะสพั พะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธิ นา ชิตะวา มนุ ินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะตมิ ัตตะภูตงั ทาวคั คจิ ักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชติ ะวา มุนนิ โท ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ พธิ ีสืบชะตา : เสริมมงคลชวี ติ ตามความเช่ือชาวลา้ นนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒๕ อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสทุ ารุณนั ตงั ธาวนั ติโยชะนะปะถงั คลุ มิ าละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชติ ะวา มุนินโท ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธนิ า ชิตะวา มุนนิ โท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ สจั จงั วหิ ายะ มะติสจั จะกาวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ป๎ญญาปะทีปะชะลิ โต ชติ ะวา มุนนิ โท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะ วธิ นิ า ชติ ะวา มุนินโท ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธิ นา ชิตะวา มุนนิ โท ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมงั คะลานิ เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะเนกะวิ วิธานิ จุปท๎ ทะวานิ โมกขงั สุขัง อะธคิ ะเมยยะ นะโร สะปญ๎ โญ ๑๖. มหาการณุ โิ ก มะหาการุณโิ ก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ป๎ตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอ เตนะ สจั จะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมงั คะลงั ฯ ชะยนั โต โพธิยา มเู ล สกั ยานงั นันทวิ ฑั ฒะโน เอวงั ตวัง วชิ ะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะ ปะราชิตะป๎ลลังเก สเี ส ปะฐะวโิ ปกขะเร อะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปป๎ตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สมุ งั คะลงั สุปะภาตงั สหุ ุฏฐิตงั สุขะโณ สมุ ุหตุ โต จะ สุยิฏฐัง พรัมหมะจาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วา จากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขเิ ณฯ ๑๗. นักขตั ตะยกั ข์ นักขตั ตะยักขะภตู านัง, ปาป๎คคะหะนิวาระณา, ปะรติ ตสั สานุภาเวนะ, หนั ตวา เตสัง อปุ ๎ททะเว นกั ขัตตะยกั ขะภตู านัง, ปาป๎คคะหะนิวาระณา, ปะริตตสั สานุภาเวนะ, หันตวา เตสงั อุปท๎ ทะเว นักขตั ตะยกั ขะภูตานัง, ปาปค๎ คะหะนวิ าระณา, ปะริตตสั สานุภาเวนะ, หนั ตวา เตสัง อปุ ท๎ ทะเว ฯ ๑๘. สกั กัตวา สักกัตวา พทุ ธะรตั ตะนงั โอสะถงั อตุ ตะมงั วะรัง หิตัง เทวะมะนุสสานัง พุทธะเตเชนะ โสตถินา นัสสนั ตุ ป๎ททะวา สัพเพ ทกุ ขา วปู ะสะเมนตุ เมฯ สักกัตวา ธัมมะรัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง ปะริฬาหูปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ โสตถินา นัสสนั ตุ ปท๎ ทะวา สัพเพ ภะยา วปู ะสะเมนตุ เมฯ สกั กตั วา สงั ฆะรตั ตะนัง โอสะถงั อุตตะมงั วะรัง อาหเุ นยยงั ปาหเุ นยยัง สังฆะเตเชนะ โสตถินา นัสสนั ตุ ปท๎ ทะวา สพั เพ โรคา วปู ะสะเมนตุ เมฯ พิธสี บื ชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเชือ่ ชาวลา้ นนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒๖ ๑๙. อณุ หัสสวชิ ัย อัตถิ อุณหสิ สะ วิชะโย ธัมโม โลเก อนุตตะโร สัพพะตัสสะ หิตัตถายะ ตัง ตะวัง คัณหาหิ เทวะ เต ปะริวัชเช ราชะฑัณเฑ อะมะนุสเสหิ ปาวะเก พะยัคเค นาเค วิเส ภูเต อะกาละมะระเณนะ วา สัพพัสมา มะระณา มตุ โต ฐะเปตวฺ า กาละมารติ ัง ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา สุทธะสีลัง สะมาทายะ ธัมมัง สุจะริตัง จะเร ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุชี สะทา ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง ธา ระณัง วาจะนงั คะรุง ปะเรสัง เทสะนัง สตุ วฺ า ตสั สะ อายุ ปะวฑั ฒะ ตีติ ฯ ๒๐. อินทะชาตา อินทะชาตา เทวะชาตา พรัหมะชาตา มหาพรัหมะชาตา อิสีชาตา มหาอิสีชาตา มุนีชาตา มหา มุนีชาตา ปุริสะชาตา มหาปุริสะชาตา จักกะวัตติชาตา มหาจักกะวัตติชาตา พุทธชาตา ป๎จเจกพุทธ ชาตา อรหันตาชาตา สัพพะสิทธิวิชชา ธะราณังชาตา สัพพะ่โลกาจะริยานังชาตา สัพพะโลกา ธิปะ ติญาณังชาตา เอเตนะ สัจจะวชั เชนะ ตยุ หัง สวุ ตั ถิ โหตุ ตุยหงั สวาหายะ ฯ ๒๑. มงคลจกั รวาลน้อย (ยอ่ ) โสตถิภาคย๎ ัง สขุ ัง พะลงั ชะยะสทิ ธิ ธะนัง ลาภัง โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ ชีวะสทิ ธี ภะวนั ตุ เต ฯ สะตะวสั สา จะ อายุ จะ ๒๒. เทวตาอยุ โยชนคาถา ทุกขัปป๎ตตาจะ นิททุกขา ภะยัปป๎ตตา จะ นิพภะยา โสกัปป๎ตตาจะ นิสโสกา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน เอตตาวะตา จะอัมเหหิ สัมภะตัง ปุญญะสัมปะทัง สัพเพ เทวานุโมทันตุ สัพพะสัมป๎ตติสิทธิยา ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ สีลัง รักขันตุ สัพพะทา ภาวะนาภิระตา โหนตุ คัจฉันตุ เทวะตาคะตา สัพเพ พุทธา พะลปั ป๎ตตา ป๎จเจกานญั จะ ยงั พะลัง อะระหนั ตานัญจะ เตเชนะ รักขัง พันธามิสพั พะโส ฯ ๒๓. จลุ ลไชยยปกรณ์ สุโข พุทธานัง อุปปาโท สุขา สัทธัมมะเทสะนา สุขา สังฆัสสะ สามัคคี สามัคคานัง ตะโป สุโข ทิวาตะปะติ อาทจิ โจ รตั ติง อาภาติ จันทิมา สันนัทโธ ขัตติโย ตะปะติ ฌายี ตะปะติ พ๎ราห๎มะโณ อะถะ สัพพะมะโหรตั ตงิ พทุ โธ ตะปะติ เตชะสา หิริโอตตัปปะ สัมป๎นนา สุกกา ธัมมา สะมาหิตา สันโต สัปปุริ สาโลเก เทวาธัมมาติ วุจจะเร สันติป๎กขา อะป๎ตตะนา สันติปาทา อะวัญจะนา มาตาปิตา จะ นิกขันตา ชาตะเวทะปะติกกะมะ สุวัณณะภูมิง คันต๎วานะ โสนุตตะรา มะหิทธิกา ปิสาเจ นิททะมิต๎วานะ พ๎รัห๎มะ ชาลัง อาเทเสยยงุ เอเต สพั เพ ยักขา ปะลายนั ตุ ฯ พิธสี บื ชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเชอื่ ชาวลา้ นนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒๗ ๒๔. ภะวะตสุ พั ภะวะตุ สพั พะมังคะลัง, รักขนั ตุ สพั พะเทวะตา, สัพพะพุทธานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวนั ตุ เต ฯ, ภะวะตุ สพั พะมังคะลัง, รกั ขนั ตุ สัพพะเทวะตา, สัพพะธมั มานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวนั ตุ เต ฯ, ภะวะตุ สพั พะมังคะลัง, รกั ขันตุ สพั พะเทวะตา, สัพพะสังฆานภุ าเวนะ, สะทา โสตถี ภะวนั ตุ เต ฯ พิธสี บื ชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเช่ือชาวลา้ นนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒๘ ขั้นตอนการประกอบพธิ ี พธิ สี ืบชะตาตามความเช่อื ของชาวลา้ นนา ทั้ง ๔ ประเภท มขี น้ั ตอนในการประกอบพธิ ีที่ คลา้ ยคลึงกนั ดังตอ่ ไปนี้ กอ่ นดาเนนิ การ ๑. กาหนดวัน เวลา สถานท่ี - ควรเป็นวันที่มีฤกษ์งามยามดี ซ่ึงจะต้องไม่ตรงกับวันเสียประจําเดือนของล้านนา ควร ปรึกษาผรู้ ู้ เช่น พระสงฆ์ อาจารย์ผปู้ ระกอบพธิ ี ฯลฯ - การประกอบพิธีสืบชะตา ส่วนใหญ่นิยมประกอบพิธีในช่วงเช้าก่อนเที่ยง เวลา ประมาณ ๐๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. ๒. การนิมนต์พระสงฆ์ - จํานวนพระสงฆ์ทตี่ ้องการนมิ นต์ ควรเป็นจาํ นวนคี่ และควรนิมนต์พระสงฆ์ให้มีจํานวน ที่เหมาะสมกบั สถานท่ีจดั งาน - การนิมนตพ์ ระเทศน์ ๑ กัณฑ์ หรอื จะไม่มกี ารเทศน์ขึน้ อย่กู ับเจา้ ภาพ - การติดต่ออาจารย์ผู้ประกอบพิธี หากไม่รู้จัก หรือไม่รู้จะติดต่ออาจารย์ผู้ประกอบพิธี อย่างไร ใหข้ อรบกวนพระสงฆท์ ีร่ ับกจิ นมิ นต์ ช่วยตดิ ตอ่ ประสานงานให้ - การถวายภัตตาหาร ควรแจ้งพระสงฆ์ให้ทราบว่าจะจัดถวายภัตตาหารด้วยหรือไม่ ซ่ึง จะมผี ลต่อเวลาเร่ิมประกอบพิธีกรรมทางศาสนา - การเดินทางของพระสงฆ์ มี ๒ กรณี คือ ๑. มีรถรับ-ส่ง พระสงฆ์ ๒. พระสงฆ์เดินทาง เอง ๓. การจัดเตรียมสถานที่ - สถานที่ควรเป็นห้องโถง สามารถรองรับผูเ้ ขา้ รว่ มพธิ ีได้อยา่ งเป็นอย่างดี สะอาด ซึ่งควร ปูพ้นื ดว้ ยเสอื่ เพ่ือให้ผูเ้ ขา้ รว่ มพธิ ีสามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย ๔. การจัดเตรียมโตะ๊ หมู่ - การเลือกขนาดโต๊ะหมู่ ควรเลือกขนาดโต๊ะท่ีมคี วามเหมาะสมกบั ขนาดของพนื้ ที่ โตะ๊ หมู่มี ๓ ประเภท ได้แก่ โต๊ะหมู่ ๕ โต๊ะหมู่ ๗ และโตะ๊ หมู่ ๙ ๕. การจัดเตรียมอาสนะสงฆ์ - ก่อนถึงวันงานพิธี ให้ไปติดต่อวัดเพ่ือยืมอาสนะสงฆ์ตามจํานวนที่นิมนต์ไว้ ในวัน จัดเตรียมงาน เมื่อต้ังเครื่องสืบชะตาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ปูอาสนะสงฆ์ล้อมรอบ เครื่องสืบชะตาในลักษณะรูปวงกลม ท้ังนี้ให้จัดเตรียมบาตรน้ํามนต์เพ่ือใส่น้ําอบ นํา้ หอมนาํ้ ขม้นิ ส้มป่อยที่ประพรมน้าํ มนต์ และเทยี นนา้ํ มนต์ จํานวน ๑ เล่ม พิธีสบื ชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเช่อื ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๒๙ ๖. การจดั วางเคร่อื งสบื ชะตา - การจัดวางเครื่องสืบชะตาต้องคํานึงถึงพื้นท่ีจัดงานว่ามีพ้ืนท่ีมากน้อยเพียงใด สูงต่ํา มากแคไ่ หน ซ่งึ มผี ลตอ่ การตัง้ เครือ่ งสืบชะตา เนื่องจากการจัดวางเครื่องสืบชะตาจะทํา ในลักษณะฐานกว้าง ปลายสอบเข้าหากัน เหมือนรูปทรงพีระมิด บริเวณส่วนยอด สูงสุดจะมีช่อ ๑๐๘ ประดับอยู่ พร้อมผูกตาแหลวและเชอื กคาเขียวไวด้ ว้ ยกนั ๗. การจดั เตรยี มเคร่ืองไทยธรรมและเครื่องประกอบพธิ ีกรรมอืน่ ๆ - เคร่ืองไทยธรรม ได้แก่ข้าวของเคร่ืองใช้อันเป็นส่วนประกอบของ ป๎จจัย ๔ อย่าง โดย ต้องจัดเตรียมให้เท่ากับจํานวนพระสงฆ์ท่ีนิมนต์ไว้ และบวกเพ่ิมอีก ๓ ชุด อันได้แก่ พระพุทธ กัณฑ์เทศน์ และอาจารย์ผู้ประกอบพิธี ในกรณีเร่งด่วน หรือในงานพิธีเล็กๆ สามารถใช้กรวยดอกไม้พร้อมปจ๎ จัยถวายพระสงฆแ์ ทนเครือ่ งไทยธรรมได้ - ขนั ตัง้ - สะตวง เครือ่ ง ๔ ๘. การจดั เตรียมนา้ ถวายพระสงฆ์ - การจัดเตรียมน้ําถวายพระสงฆ์ควรจัดเตรียมไว้เป็นชุดตามจํานวนพระสงฆ์ท่ีนิมนต์ไว้ และเตรียมเผ่ือไว้อีกชุดสําหรับอาจารย์ผู้ประกอบพิธี ชุดนํ้าควรประกอบด้วย นํ้าเย็น นา้ํ ชา น้าํ ผลไม้ ฯลฯ ตามความสมควร ๙. การจัดเตรยี มรถรบั – ส่ง พระสงฆ์ - ในกรณีจัดเตรียมรถรับ – ส่ง พระสงฆ์ ให้ไปรับพระก่อนประกอบพิธีประมาณ ๑ ชัว่ โมง และตอ้ งจัดเตรียมรถให้มคี วามพอดกี บั จาํ นวนพระสงฆ์ พิธีสืบชะตา : เสริมมงคลชวี ติ ตามความเชือ่ ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๓๐ ระหวา่ งดาเนนิ การ ๑. เจ้าชะตาหรือเจ้าภาพประเคนขันตั้งให้กับประธานสงฆ์ (พระสงฆ์รูปแรก) พระสงฆ์ทาพิธี กล่าวคาขึน้ ขนั ต้งั ๒. จุดธูปเทียนในสะตวงทง้ั ๔ สะตวง แลว้ วางไวด้ า้ นหน้าพระสงฆ์ ๓. พระสงฆ์พร้อมกันสวดสะเดาะเคราะห์ ปัดเคราะห์ลงในสะตวง (กรณีพระสงฆ์นั่งล้อมผู้สืบ ชะตา ขณะสวดพระสงฆ์จะทาการเวียนสะตวง โดยย่ืนรับ - ส่งสะตวง ไปรอบๆผู้สืบชะตา ตามเข็ม นาฬกิ า) ๔. พิธีปัดเคราะห์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ญาติท่ีร่วมพิธีนาสะตวงท้ัง ๔ สะตวง ออกจากพิธีไปวาง เรยี งไว้ดา้ นนอกรว้ั บ้าน ๕. เจา้ ชะตาหรือเจ้าภาพจดุ ธปู เทยี นบชู าพระรัตนตรยั ๖. เจ้าชะตาหรือเจา้ ภาพประเคนพานขนั ขอศลี ให้กับประธานสงฆ์ ๗. มคั นายกนากลา่ วไหวพ้ ระ ๘. มัคนายกนากล่าวคาถวายชีวิต (ไตรสรณะคมนะปาฐะ - ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอด ชีวิตตราบเท่านพิ พาน) ๙. มคั นายกกล่าวอาราธนาศีลหา้ ๑๐. พระสงฆ์สมาทานศีลหา้ - รบั ศีล ๑๑. มคั นายกกล่าวอาราธนาพระปรติ ร ๑๒. มัคนายกกลา่ วชมุ ชุมเทวดา ๑๓. พระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ - จดุ เทียนชะตา ที่ปักอยู่กบั ไมค้ ้าแตล่ ะด้าน - เมื่อถึงบท อะเสวะนา จะ พาลานัง.. เจ้าชะตาหรือเจ้าภาพจุดเทียนในขันน้ามนต์ แล้วยกประเคนใหก้ ับประธานสงฆ์ - พระสงฆ์สวดอณุ หัสวิชยั คาถา จานวน ๙ รอบ โดยการหยอดเบ้ยี หรอื เหรียญลงในขัน เพอ่ื กากบั รอบของการสวดใหค้ รบ ๙ รอบ - เมื่อจบอุณหัสวิชัยคาถา จึงเก็บรวบรวมเทียนชะตา ท่ีปักอยู่กับไม้ค้าแต่ละด้านโดย ไมใ่ หเ้ ทียนดับ แลว้ นาไปส่งให้กบั ประธานสงฆ์เพื่อทาพิธเี จรญิ นา้ พระพุทธมนต์ พิธสี บื ชะตา : เสริมมงคลชวี ิต ตามความเชอ่ื ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๓๑ ๑๔. มคั นายกกลา่ วอาราธนาธรรม ๑๕. พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนาแบบพื้นเมือง (โดยเลือกเรื่องใดเรื่องหน่ึง เช่น อุณหัสสะ วชิ ยั สารากรวิ ิชชาสูตร จยั ยะสังคหะ จยั ยะตงั ๗ เป็นต้น) ๑๖. เจ้าชะตาหรอื เจ้าภาพประเคนบายศรีมอบให้กับประธานสงฆ์ พระสงฆ์ทาพิธีผูกข้อมือด้วย ด้ายมงคล ๑๗. นาจตุปจั จัยเครื่องไทยธรรมมาจัดเรียงดา้ นหนา้ พระสงฆ์ ๑๘. มัคนายกกล่าวคาสูมาครัวตาน แล้วจึงนาน้าขมิ้นส้มป่อยไปประพรมจตุปัจจัยเคร่ืองไทย ธรรม สังฆทานกณั ฑ์เทศน์ และบรวิ ารทั้งหลายให้ครบถว้ น ๑๙. มัคนายกนากลา่ วคาถวายจตปุ ัจจัยเคร่อื งไทยธรรม ๒๐. เจ้าชะตาหรอื คณะเจา้ ภาพรว่ มประเคนถวายจตปุ ัจจัยเครอ่ื งไทยธรรมให้กับพระพุทธรูป ๑ กณั ฑ์ สังฆทานกัณฑเ์ ทศน์ ๑ กณั ฑ์ พระสงฆ์ทุกรปู ในพธิ ตี ามลาดับ และประเคนมอบใหก้ ับมัคนายก ๒๑. พระสงฆ์อนโุ มทนา ๒๒. กรวดนา้ ๒๓. มคั นายกนากลา่ วคาไหว้พระ เพอ่ื ลาพระพร้อมกนั ๒๔. พระสงฆส์ วดชยปริตร (ชยนั โต) พรอ้ มประพรมนา้ พระพทุ ธมนต์ ๒๕. พระสงฆ์ทาพิธปี ลดขันตงั้ เสร็จพธิ ี หลังดาเนินการ ๑. การจัดเตรียมรถสง่ พระสงฆ์ - จัดเตรียมรถส่งพระสงฆ์ ก่อนเสรจ็ พิธีประมาณ ๓๐ นาที ๒. จัดเก็บและทาความสะอาดสถานท่ี - ดําเนินการจัดเกบ็ เครือ่ งประกอบพธิ ีตา่ งๆ - เครอ่ื งสบื ชะตา นาํ ไปคํ้าตน้ โพธทิ์ ว่ี ัด - ดําเนนิ การทําความสะอาดสถานที่ให้เรยี บรอ้ ย พธิ ีสืบชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเชือ่ ชาวลา้ นนา
การจดั การความรู้ Knowledge Management (KM) | ๓๒ ภาคผนวก พธิ สี ืบชะตา : เสริมมงคลชีวติ ตามความเชอ่ื ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๓๓ แหล่งอ้างองิ ที่มา https://www.facebook.com/งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลําปาง : ภาพ เคร่อื งสืบชะตา ที่มา https://www.facebook.com/บายศรีลําปาง เคร่ืองบวงสรวงล้านนา : ภาพเคร่ืองสืบ ชะตา ที่มา https://www.m-culture.go.th/th/article_view.php?nid=34298 : พิธสี บื ชะตา ที่มา https://art-culture.cmu.ac.th/Lanna/articleDetail/1921 : พิธีสบื ชะตาคน ท่มี า http://www.culture.ru.ac.th/document/KM/km2564.pdf : ข้นั ตอนพธิ สี บื ชะตา สัมภาษณ์ พระอธิการน้อย นรุตฺตโม เจ้าอาวาสวัดปงสนุกด้านเหนือ ตาบลเวียงเหนือ อาเภอ เมอื ง จังหวัดลาปาง สัมภาษณ์ นายบุญโชติ ไชยโลกา มัคนายกวัดพระเจ้าทันใจ, วัดกู่คา ตาบลต้นธงชัย อาเภอ เมอื ง จังหวดั ลาปาง พธิ ีสืบชะตา : เสริมมงคลชีวิต ตามความเชือ่ ชาวล้านนา
การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) | ๓๔ คณะจดั ทารายงาน ทีป่ รกึ ษา อาจารยเ์ สาวรยี ์ บญุ สา ผู้อํานวยการสํานกั ศิลปะและวฒั นธรรม รองผอู้ าํ นวยการสํานกั ศิลปะและวัฒนธรรม อาจารย์ปราการ ใจดี รองผอู้ าํ นวยการสํานักศิลปะและวัฒนธรรม รองผู้อาํ นวยการสาํ นกั ศลิ ปะและวฒั นธรรม ผู้ชว่ ยศาสตราจารยช์ นันกาญจน์ สวุ รรณเรอื ง ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารยเ์ จษฎา ทองสุข ผูจ้ ัดทา รนิ ดวงดี หวั หนา้ สํานักงานผอู้ ํานวยการ ริยาคํา เจา้ หนา้ ทบี่ รหิ ารงานท่วั ไป นางพรพิศ ของเดิม นกั วชิ าการศึกษา นางสาวพักตร์ชนก สุปนิ ะ นักวชิ าการศกึ ษา นายวีรศักดิ์ กลู พรม นกั วิชาการศกึ ษา นายอาทิตย์ อนิ นนั ชัย เจา้ หนา้ ทีท่ ่ัวไป นางโสมลักษณ์ นางปญ๎ นบ รูปเล่ม/ออกแบบปก นางสาวพกั ตรช์ นก รยิ าคาํ เจา้ หนา้ ทบี่ ริหารงานท่วั ไป ผเู้ รยี บเรียงข้อมลู สปุ ินะ นกั วชิ าการศึกษา นายอาทิตย์ ผตู้ รวจสอบรายงาน รนิ ดวงดี หัวหน้าสํานกั งานผอู้ ํานวยการ นางพรพิศ พิธีสบื ชะตา : เสริมมงคลชีวติ ตามความเชอื่ ชาวล้านนา
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: