1 กลุ่มภาษาไทย เร่ือง พระเอกไทยในวรรณคดี จดั ทาโดย นายพชร วงษ์มา ม.5/8 เลขท่ี 1 นายนวรัตน์ ลอยจันทกึ ม.5/8 เลขท่ี 35 นายปรเมษฐ์ วิไธสง ม.5/8 เลขท่ี 36 นายพรี ภาส ปรเมษวเิ ศษฐ์ ม.5/8 เลขท่ี 43 เสนอ ครสู ุภลกั ษณ์ พลเรือง รายงานฉบับนี้เปน็ ส่วนหนึ่งของรายวชิ า ภาษาไทย ท32102 โรงเรยี นราชสมี าวิทยาลัย ปีการศึกษา 2563 ภาคเรียนท่ี 2
2 คานา ประเทศไทยเป็นประเทศมปี ระวตั ศิ าสตรย์ าวนาน หนงึ่ ในวัฒนธรรมอนั เปน็ เอกลักษณค์ ือวรรณกรรม และวรรณคดี ตลอดชว่ งระยะเวลาหลายรอ้ ยปมี กี ารบม่ เพาะขดั เกลาทางภาษาจนมคี วามเปน็ เอกเทศน์ นา่ สนใจ ยืดหย่นุ และคายคม เมือ่ มีการปรบั ปรงุ และนามาใชใ้ นงานบนั เทงิ คดกี ็กลายเป็นวา่ มคี วามงดงามงดย่งิ ท้ังในแง่ของการใช้ภาษา เนื้อหาทก่ี ินใจและตัวละครท่ีมีมติ ิและชวนให้หลงรกั ทางคณะผจู้ ดั ทาจึงมีความประสงคจ์ ดั ทารายงานที่มเี นอ้ื หาเกย่ี วกบั ตัวละคร ในขอบเขตเนอ้ื หาที่ว่า “พระเอกในวรรณคดีท่มี ีรักเดียวใจเดียว กบั พระเอกทีม่ เี มียมากทสี่ ุด” เพื่อใหผ้ ูส้ นใจใชส้ าหรบั การศกึ ษาต่อ และการอา้ งอิงในกาลต่อไป คณะผจู้ ดั ทา 3/03/2564
สารบัญ 3 คานา 2 รามเกียรต์ิ 4 สังข์ทอง 5 ทา้ วแสนปม 7 อุทยั เทวี 10 พระรถเมรี 12 ลลิ ิตพระลอ 14 ขุนช้างขนุ แผน 16 พระอภยั มณี 19 อเิ หนา 21 อ้างองิ 26
4 เร่ืองที่ 1 รามเกยี รติ์ เร่อื งย่อ เหตุเกิดเมือ่ นนทกไปเกิดใหมเ่ ป็นทศกณั ฐม์ สี ิบหนา้ ยสี่ บิ มอื ตามคาพระนารายณ์กอ่ นนัน้ เมอื่ พระนารายณส์ งั หาร นนทกแล้ว ได้ไปขอพระอิศวรจะใหเ้ หลา่ เทวดา และตนไปตามสังหารนนทกในชาติหนา้ หลังจากนั้น ทหารเอกทงั้ ห้า จึงเกิดตามกนั ไป ไดแ้ ก่ หนุมานเกดิ จากเหล่าศาสตราวธุ ของพระอศิ วรไปอยใู่ น ครรภน์ างสวาหะ สุครพี เกดิ จากพระอาทติ ย์แล้วโดนคาสาปฤๅษีท่เี ป็นพ่อของนางสวาหะ องคต เป็นลูกของ พาลที เ่ี ปน็ พขี่ องสุครีพ ชมพูพาน เกดิ จากการชบุ เลย้ี งของพระอินทร์ นลิ พทั เปน็ ลกู ของพระกาฬ ฝ่ายพระราม และฝ่ายทศกณั ฐ์ได้เกดิ ศกึ ชงิ นางสีดา จนไพล่พลฝา่ ยยกั ษล์ ้มตายเป็นจานวนมาก และสุดทา้ ย ทศกัณฐ์เองกถ็ ูก พระรามฆา่ ตายเช่นเดยี วกนั ลกั ษณะคาประพันธ์ กลอนบทละคร คือ คากลอนทแี่ ตง่ ขนึ้ เพ่ือแสดงละครรา เชน่ พระราชนิพนธบ์ ทละครเรือ่ ง รามเกยี รต์ิ, พระราชนพิ นธ์ บทละครเรื่องอเิ หนา เปน็ ต้น หลักเกณฑใ์ นการแต่งโดยทั่วไปกเ็ หมือนกับการแตง่ กลอนสภุ าพแต่ละวรรคมีคาไดต้ ง้ั แต่ ๖- ๙ คา การนับกลอนบทละครจะนบั เป็นคากลอนคอื ๒ วรรคเทา่ กบั ๑ คากลอน การจะใชค้ ามากน้อยขึ้นอยู่ กับทานองร้องเป็นสาคญั
5 เรื่องที่ 2 สังขท์ อง เรื่องย่อ ณ เมืองยศวมิ ลนคร อนั มีท้าวยศวมิ ลเป็นเจา้ เมือง พระมเหสจี นั เทวไี ด้คลอดลกู ออกมาเปน็ หอยสังข์ จึงถูกพระนางจนั ทา มเหสีรอง ใส่รา้ ยว่าเป็นกาลีบา้ นเมือง จนถกู ขับออกจากเมืองไปอยู่กระทอ่ มตา ยายทชี่ ายป่า จนกระทงั่ พระสังขท์ ีซ่ ่อนอยู่ในหอย ได้ออกมาพบแม่ สรา้ งความยนิ ดกี บั พระนางจนั เทวีมากข่าว ล่วงร้ไู ปถึงนางจันทา จงึ ไดส้ ง่ คนมาจบั พระสังข์ไปถ่วงนา้ แต่ท้าวภชุ งค์พญานาคราชชว่ ยเอาไว้ และสง่ ให้ไปอยู่ กบั นางพนั ธรุ ัต พระสงั ขร์ ู้ว่านางพนั ธรุ ัตเปน็ ยักษจ์ งึ ขโมยรูปเงาะ ไมเ้ ท้า เกอื กแก้ว เหาะหนมี าอยู่บนเขา นาง พันธุรัตตามมาทันแต่ ไม่สามารถขน้ึ ไปหาพระสังข์ได้ จึงได้มอบมนตม์ หาจินดา เรียกเนื้อเรยี กปลาใหแ้ ก่พระ สงั ขก์ ่อนทีจ่ ะอกแตกสิ้นใจตายทเ่ี ชิงเขา นน่ั เอง พระสังขเ์ หาะมาจนถงึ เมืองสามล ท้าวสามลและนางมณฑา กาลังจดั พธิ ีเลอื กคู่ใหธ้ ดิ าท้งั เจ็ด แต่รจนาพระธดิ าองคส์ ดุ ท้อง ไมย่ อมเลอื กใครเป็นคู่ ท้าวสามลจงึ ใหค้ นไปตาม เจา้ เงาะมาให้เลอื ก รจนาเห็นรูปทองที่ซ่อนอยใู่ นรูปเงาะจึงเส่ียงมาลยั ไปให้ สรา้ งความพิโรธใหท้ ้าวสามาลจงึ ถงึ กบั ขับไล่รจนาให้ไปอยู่กระท่อมปลายนากับเจา้ เงาะท้าวสามลหาทางแกลง้ เจ้าเงาะ โดยการใหไ้ ปหาเนื้อหา ปลาแขง่ กับเขยทัง้ หก เจ้าเงาะให้มนต์ที่นางพนั ธุรัตใหไ้ วเ้ รียกเนอ้ื เรียกปลามารวมกันทาให้หกเขยหาปลาไม่ได้ จงึ ต้องยอมตัดปลายหูและปลายจมูกแลกกบั เน้ือและปลาท้าวสามลพโิ รธมากจนถึงกับคดิ หาทางประหารเจ้า เงาะ ร้อนถงึ พระอินทรต์ ้องหาทางช่วยโดยการลงมาท้าตคี ลีชงิ เมือง กับท้าวสามล ท้าวสามลสง่ หกเขยไปสกู้ ส็ ู้ ไมไ่ ด้ จงึ ตอ้ งยอมให้เจ้าเงาะไปสูแ้ ทน เจา้ เงาะถอดรปู เป็นพระสังข์และสกู้ ับพระอนิ ทร์ จนชนะ ท้าวสามลจงึ ยอมรบั พระสงั ข์กลบั เขา้ เมืองและจดั พิธีอภเิ ษกให้ พระอนิ ทร์ไปเขา้ ฝนั ท้าวยศวิมล เพื่อบอกเร่ืองราวทง้ั หมด ท้าวยศวมิ ลจงึ ออกตามหาพระนางจนั เทวีจนพบ และได้เดินทาง ไปเมืองสามลนครเพ่ือพบพระสังข์ โดยพระ นางจนั เทวีได้ปลอมเป็นแม่ครัวในวังและได้แกะสลกั เรื่องราวทัง้ หมดบนชิ้นฟัก ให้พระสงั ข์เสวย ทาใหพ้ ระสังข์ รู้ว่าแม่ครวั คือพระมารดาน่นั เอง พระสังข์และรจนาจงึ ได้เสดจ็ ตามท้าวยศวมิ ลและพระนาง จนั เทวกี ลับไป ครองเมืองยศวมิ ลสืบไป
6 ลกั ษณะคาประพันธ์ 1.1.เป็นกลอนบทละคร บทหน่ึงมี 4 วรรค วรรคละ 6 คา หนึ่งบทมี 2บาท เรยี กว่าบาทเอกและบาท โท 1 บาท เทา่ กบั 1 คากลอน 2.คาขน้ึ ตน้ บท กลอนบทละครมคี าขน้ึ ตน้ หลายแบบ และคาข้นึ ต้นนัน้ ไม่จาเปน็ ต้องมจี านวนเทา่ กบั วรรคสดับ อาจจะมีเพยี ง 2 คาก็ได้ บทละครพระราชนิพนธเ์ รือ่ ง สังขท์ อง มี 9 ตอน คือ กาเนิดพระสงั ข์ ถว่ งพระสังข์ นางพันธรุ ัตน์เล้ยี ง พระสงั ข์ พระสงั ข์หนีนางพันธรุ ัต ทา้ วสามนตใ์ ห้นางทั้งเจด็ เลอื กคู่ พระสังขไ์ ด้นางรจนา ท้าวสามนต์ใหล้ ูกเขย หาปลาหาเนอ้ื พระสงั ขต์ ีคลี ท้าวยศวมิ ลตามพระสังข์
7 เร่ืองท่ี 3 ทา้ วแสนปม เร่ืองย่อ กล่าวถึงเมืองไตรตรึงษ์ ซงึ่ ท้าวไตรตรงึ ษ์ชั่วที่ มีราชธดิ าองคห์ นงึ่ ชือ่ วา่ นางอุษามีรปู งดงาม มาก กิตติศพั ทเ์ ล่าลือระบอื ไปในเมืองต่าง ๆ ทราบถงึ เจา้ นครศรีวิไชย จึงใช้ฑูตไปทาบทามเพ่ือขอนางนนั้ เป็น มเหสีแหง่ พระชนิ เสนราชโอรสผ้เู ปน็ ยุพราช แต่ท้าวไตรตรึงษไ์ ม่มรี าชโอรสก็ปรารถนาจะใหเ้ ขย มาเปน็ กษตั รยิ ์ ครองเมอื งสืบไป จงึ ตอบวา่ ถา้ ทา้ วศรีวิไชยยอมเป็นเมืองขึน้ จงึ จะยกพระธิดาให้ ทา้ วศรีวิไชยก็ไมย่ อจงึ งดกันไป กาลต่อมาพระชนิ เสนมีความปรารถนาจะเห็นตัวพระธิดาของทา้ วไตรตรงึ ษ์ จึงลาพระราช บดิ าไปยังเมืองไตรตรงึ ษ์ คร้นั ว่าจะเข้าไปตรง ๆ ก็เห็นวา่ ไม่สะดวก ดว้ ยพระบดิ าและทา้ วไตรตรึงษผ์ ดิ ใจกนั อยู่ จึงใช้อบุ ายแปลงตวั เป็นยาจกเอาฝุน่ และเขม่าทาตวั ให้เป้ือนเปรอะ เอารงค์แตม้ ตัวให้ดูประหน่งึ ว่าเปน็ ปมปุ่ม ท่วั ไปท้ังตัว นงุ่ ห่มให้ปอน ใช้ชื่อว่าแสนปม แล้วก็เข้าไปในเมืองไตรตรงึ ษ์โดยไปอาสารับใชผ้ ู้เฝ้าสวนหลวงอยู่ เพ่อื หาช่องทางดูตวั นางอุษา อยมู่ าวนั หนงึ่ นางอุษา ออกไปประพาสสวนหลวง ส่วนแสนปมไปเท่ียวเดนิ เก็บผลหมากราก ไมแ้ ละผกั หญา้ อยู่ จงึ ไดเ้ หน็ ตัวนางกเ็ กดิ ความรัก จึงเขา้ ไปหาและนาผักไปถวาย ฝา่ ยนางอุษาสงั เกตดูนายแสน ปมเหน็ วา่ ไมใ่ ช่ไพรจรงิ เพราะประการหน่ึง มิได้ไหว้ตน อกี ประการหน่งึ นนั้ นายแสนปมตาจอ้ งดูนางไม่หลบ เลย นางจึงใหข้ า้ หลวงซกั ดู ก็ไดค้ วามแตเ่ พยี งว่าช่อื นายแสนปมแต่ไม่บอกว่ามาแต่ไหน หรือเปน็ ลูกเตา้ เหล่า ใคร นางอุษานกึ ในใจว่าต้องเป็นคนมตี ระกูลแปลงตัวมาเป็นแน่แท้ คร้นั จะพดู จาอะไรต่อไปกไ็ มถ่ นดั จึงสั่งนาย แสนปมวา่ ตอ่ ไปใหห้ มน่ั เก็บผักส่งเข้าไปในวัง แลว้ นางก็กลบั เขา้ วังฝา่ ยพระชินเสนไตร่ตรองจากท่าทางของนาง กร็ วู้ ่า นางมีใจตอบ จงึ ใชอ้ ุบายเอาเหล็กแหลมจารเปน็ หนงั สือบนมะเขือเปน็ ถ้อยคาเกีย้ วเลียบเคียงเป็นนัย ๆ แลว้ นามะเขือกับผักอน่ื ๆ ส่งไปให้นาง ฝา่ ยนางอุษาไดเ้ ห็นหนงั สอื นน้ั แล้ว กเ็ ขยี นหนังสือตอบใส่หอหมากฝาก ไปให้ นายแสนปม พระชินเสนไดร้ บั หนงั สือตอบก็เข้าใจได้ดวี า่ นางสมัครรกั ใคร่ในตนแน่แล้วมี ความบอกเป็นนัย จึงเข้าไปหานางที่ในวงั ต่อจากนนั้ กน็ ดั พบปะไดเ้ สียกนั โดยวธิ ีมหี นังสอื เขียนบนมะเขือในการ ตดิ ตอ่ นดั แนะ จงึ เกิดปรากฏข้ึนวา่ นางอุษานัน้ โปรดเสวยมะเขือนัก ตอ่ มาพระชนิ เสนตอ้ งรบี กลบั ไปนครศรีวิชยั อันเนอื่ งมาจากพระบิดาป่วย จงึ มทิ ันพานางไปด้วย ตอ่ จากน้ันกม็ ขี ้อข้องขัดบงั เกิดขึ้นจงึ เปน็ อันยังไมม่ ีโอกาสท่ี จะจัดการไปรับนางอษุ า จนนางประสตู โิ อรสโหรทานายตามดวงชะตาว่าพระโอรสของนางจะได้เป็นพระยาม หากษตั รยิ ท์ รงเดชานภุ าพใหญ่ยงิ่ ทา้ วไตรตรึงษผ์ ู้เป็นตา จึงอยากจะใครท่ ราบว่าใครเปน็ บดิ าของหลาน เพราะ ถามพระธิดาก็ไม่ใหก้ ารอย่างไรทัง้ สน้ิ ถามพวกขา้ หลวงก็ไม่มใี ครรเู้ ร่อื งอะไร จงเปน็ แต่โจษกันวา่ ต้ังแต่ได้เสวย มะเขือซ่ึงนายแสนปมถวายแล้วก็ทรงครรภ์ ท้าวไตรตรึงษ์ทรงไตร่ตรองเหน็ ว่า ผชู้ ายถา้ ไมเ่ ป็นคนดที ี่ไหนจะ บงั อาจลอบรักสมัครสังวาสกับพระธิดาไดถ้ ้ารตู้ ัวและเห็นวา่ เป็นผูท้ ส่ี มควรกันกจ็ ะได้อภิเษกให้เป็นคคู่ รองกัน จงึ คดิ หาอุบายท่จี ะได้รู้ตัวผวั แห่งนางอุษา โดยใหป้ า่ วประกาศบรรดาทวยลกู เจา้ ขนุ มูลนายและทวยราษฎรมา พรอ้ มกนั ใหถ้ ือขนมนมเนยติดมือมาแล้วก็ทรงอธษิ ฐานวา่ ถา้ ผู้ใดเปน็ บดิ าพระกมุ าร ขอใหพ้ ระกมุ ารรบั ของ
8 จากมอื ผู้นน้ั แลว้ ท้าวไตรตรึงษ์จะไดย้ กพระธดิ าอภเิ ษกให้ ทีค่ ิดอุบายเชน่ น้ีก็โดยเช่ือวา่ ธดิ าน้ัน อย่างไรก็คงจะ ไมย่ อมให้ลกู รบั ของจากมือผู้อื่นนอกจากผวั ของตน เพราะถ้ากมุ ารรบั ของคนอ่ืน นางกต็ ้องตกไปเปน็ เมียของ คนอื่น ที่ไหนจะปลงใจยอมได้ความทราบถึงพระชนิ เสนจึงจัดทัพใหญ่ตั้งพระทัยจะต้องรบั นางผ้เู ป็นชายามาให้ จงได้ จงึ ตอ้ งเตรยี มกาลังเพื่อรบไดท้ ่ีเดียว พอใกลน้ ครไตรตรึงษ์กส็ ัง่ ให้ทัพหยดุ พัก และส่ังให้อุบายแก่ขุนพลไว้ แลว้ พระชนิ เสนจึงแปลงเป็นนายแสนปมถือขา้ วเย็นก้อนหน่ึงไปยังพระลาน ครั้นถงึ เวลากาหนดทา้ วไตรตรงึ ษ์ จึงกระทาการตามอุบายท่ีออกไว้ พระกมุ ารก็ไมร่ บั ของใครสกั คนเดียว จนกระท่งั นายแสนปมชูก้อนข้าวเยน็ ให้ จงึ ไดร้ ับ (พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว ทรงอธบิ ายว่า ไมเ่ ปน็ การอัศจรรย์ เพราะนางนมคงจะไดร้ บั คาส่ังมาชัดเจนแล้วว่าให้รบั แตข่ องจากมือนายแสนปมคนเดยี วเทา่ น้นั )ท้าวไตรตรึงษ์เห็นเช่นนน้ั รู้สึกอบั อาย เพราะคดิ วา่ พระธดิ าเล่นช้กู ับคนเลวตา่ ชาติ จึงขับพระธิดาออกจากพระนคร ท้งั ด่าว่านายแสนปมตา่ ง ๆ นานา นายแสนปมจึงกลา่ วว่าถึงขับไลก่ ็ไม่วติ ก เมืองจะสรา้ งอยเู่ องไดส้ กั เมืองไตรตรึงษก์ ็ได้ ทัง้ ไมม่ คี วามเกรงกลวั ใคร เพราะถ้าตนตีอนิ ทเภรขี ึน้ ร้ีพลกจ็ ะมีมาเหมือนนา้ มหาสมุทร ท้าวไตรตรึงษ์สาคัญว่า นายแสนปมพูดอวดดจี งึ ทา้ ใหต้ กี ลอง แสนปมกต็ ีกลองขึ้นสามลา กองทัพที่ได้เตรยี มอุบายกันไวน้ อกเมือง ก็โห่ร้องข้ึน ทา้ วไตรตรงึ ษ์ ตกใจและรวู้ า่ เปน็ ทัพของพระชนิ เสนซ่ึงปลอมตัวมา มริ ูท้ ี่จะทาประการใด คร้ันจะวิงวอนงอนงอ้ พระชนิ เสนให้ อยู่ เขาก็คงไม่อยเู่ พราะดถู ูกพ่อของเขาไว้ พระชนิ เสนจงึ ได้รับนางอุษาและพระราชโอรสกลับไปนครศรีวิชยั (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ ไดท้ รงพระราชนิพนธเ์ ป็นกลอนบทละครจบั ต้ังแตพ่ ระชินเสนทลู ลาพระบิดา ไปดูตวั นางอุษาในเมืองไตรตรึงษ์ จงึ ไดน้ างกลับมาศรีวิไชยแลว้ กจ็ บ)
9 ลกั ษณะคาประพันธ์ เปน็ ลกั ษณะของวรรณกรรมประเภท คากลอนบทละคร กลอนบทละคร ตามความหมายของ พจนานกุ รมไทย หมายถงึ กลอนที่แต่งสาหรับการขับร้อง ไม่บังคบั คาตายตวั ในวรรค อาจมวี รรคละ ๖-๘ คา (พยางค์). ลกั ษณะของกลอนบทละคร มีดงั นี้ ๑. กลอนบทละครใชค้ าในวรรคหนึ่งไดต้ ้งั แต่ ๖-๘ คา แต่ทีน่ ิยมกนั มกั เปน็ ๖ หรอื ๗ คา เพราะเขา้ จงั หวะและทานองร้องได้ดกี ว่า ๒. สมั ผสั ให้ถอื หลักเกณฑข์ องกลอนสุภาพเป็นหลกั ๓. เสยี งวรรณยกุ ตท์ น่ี ิยมทา้ ยวรรคของกลอนสุภาพดังได้กล่าวมาแล้วนน้ั ไม่เคร่งครัด ตามระเบยี บนัก เพราะต้องอาศยั ทานองรอ้ งและปี่พาทยเ์ ป็นสาคัญ ๔. วรรคแรกหรอื วรรคสดับของกลอนบทละคร นยิ มใชค้ านา หรอื คาขึ้นต้นเพอ่ื ขึน้ ความ ใหม่หรอื เปลย่ี นทานองร้องใหม่ คานาน้บี างทีใช้ ๒ พยางค์ หรอื ๓ พยางค์ หรือ ๔ พยางค์ แต่ต้องนบั เปน็ หน่งึ วรรคเต็ม เชน่ “เมือ่ น้นั ” “บัดนัน้ ” หรอื “มาจะกล่าวบทไป” เป็นตน้ ๕. ความยาวของกลอนบทละครแต่ละตอนไม่จากดั ข้นึ อยู่กับเนื้อความ มีตงั้ แต่ ๒ บาท หรอื ๒ คากลอน หรือ ๒ คา เป็นต้นไป เมื่อจบแต่ละตอน ผู้แตง่ ก็จะบอกจานวนบาทไว้ข้างทา้ ย และกากบั ดว้ ยทานองเพลงหนา้ พาทย์ ส่วนทานองเพลงร้องจะกากบั ไว้ตอนตน้
10 เร่ืองท่ี 4 อุทยั เทวี เรือ่ งย่อ ณ เมืองบาดาล ธดิ าพญานาคหนมี าเทีย่ วเมอื งมนษุ ย์และพบรักกับรุกขเทวดาที่สงิ สถิตอยู่ ใน ต้นไมร้ ิมสระน้า ธิดาพญานาคต้งั ครรภ์รอจนคลอดเปน็ ไขฟ่ องหนึ่ง จงึ ใชส้ ไบห่อไขแ่ ละพ่นพิษคุม้ ครองไว้ ก่อนแล้วลงกลบั ไปเมืองบาดาล บงั เอญิ มีนางคางคกผ่านมาเหน็ จึง กินไข่และตายด้วยพษิ พญานาค พอดีกบั ไข่ ฟกั เป็นเด็กหญิงซึ่งคดิ ว่านางคางคกเป็นแมข่ องตน จงึ อาศยั อยูใ่ นซากคางคกเน่าๆ ตายายสองผัวเมียมาตกปลา พายเรอื ผ่านมาเห็นเขา้ ก็ชว่ ยเล้ียงดูจนโต ตั้งชือ่ ใหว้ า่ อทุ ยั เทวี อทุ ัยเทวีได้แตง่ งานกับเจา้ ชายสุทธราช ซง่ึ ก่อนแต่ง ตากบั ยายไดม้ ีขอ้ กาหนดว่า ตอ้ งสรา้ งสะพานทอง ต้ังแต่วัง จนถงึ บ้านตายยายแต่ก็ผา่ นไปไดด้ ว้ ยดี อุทัยเทวีจึงเป็นสะใภ้แหง่ เมืองหลวง มารดาของเจ้าชายไม่ คอ่ ยชอบอทุ ัยเทวนี กั จึงหาทางใหล้ ูกของตนเป็นของคนอ่ืนไป ซง่ึ น่ันคือ เจ้าชายตอ้ งไปแตง่ งานกับเจ้าหญิง ฉันทนา ซง่ึ อุทัยเทวีก็ตามไปด้วยตามสญั ญา เจ้าหญิงฉนั ทนาคดิ กาจัดอทุ ยั เทวโี ดยฆา่ นางอุทยั เทวี แต่พอ่ ของ อุทยั เทวี ชว่ ยไว้ จงึ บอกวา่ ใหร้ อแก้แค้นนางฉนั ทนาอยนู่ อกวงั ต่อมาไม่นานนางฉนั ทนากล้มุ ใจเรือ่ งผีนางอุทยั เทวจี ะมาหลอก หวั จงึ หงอก ผมที่เคยดากลับขาวไปทุกเสน้ จงึ เอาผ้าพันศีรษะไว้ตลอดเวลา ต่อมานางอุทยั เทวีแปลง กายเป็นแม่คา้ ขายขนมแกๆ่ ผ่านมา ซ่งึ ผมดายาวสลวยผิดกับนางฉันทนา นางฉันทนาเห็นเขา้ จึง คดิ ว่ายายแก่ คนน้กี ม็ เี คล็ดลับในการบารงุ รักษาผมอยา่ งแนน่ อน จงึ ใหย้ ายแกเ่ ข้าไปในวงั และใหร้ ักษาผมของตนเองให้ แต่ นางอทุ ยั เทวกี จ็ ะรักษาให้ แต่ตอ้ งยอมให้ทาทุกอยา่ ง หา้ มถามอะไรท้ังส้นิ นางฉันทนาตกลง จงึ นอนลงแลว้ นาง อุทัยเทวี กเ็ อามีดโกนโกนผมนางฉันทนา ออกจนหมด แล้วกรดี ศีรษะนางฉันทนาแลว้ เอาปลาร้าให้หม้อครอบ หวั นางฉนั ทนาไว้ และหา้ มเอาหม้อออกก่อนวนั ท่ี 7 แต่ไม่ถึง นางฉนั ทนาทนพษิ บาดแผลไมไ่ หวจึงส้นิ ใจตาย เจา้ ชายสทิ ธิราช รู้ดังนน้ั จึงกลบั ไปเมืองของตน ซง่ึ ก็ยงั เห็นอุทยั เทวอี ยู่ทีเ่ มอื งอยู่กท็ รงโลง่ ใจ อทุ ัยเทวี ได้ครอง รักกับเจ้าชายอย่างมีความสขุ ตราบนานเท่านาน
11 ลักษณะคาประพนั ธ์ ใช้กาพยย์ านี 11 ,รอ้ ยกรอง 1.กาพยย์ านี 11 หนึ่งบทมี 2 บาท บาทเอกและบาทโท บาทหนง่ึ แบง่ เป็น 2 วรรค วรรคหน้ามี 5 วรรคหลงั มี 6 2.การสมั ผัสบังคบั หรือสัมผัสนอก จะเปน็ สัมผัสสระเท่าน้ัน แบง่ เป็น 2 ชนดิ (1) สมั ผสั ระหว่างวรรค ได้แก่ คาสดุ ท้ายวรรคแรก สมั ผัสกับคาที่ 1 หรือคาที่ 2,3 ของวรรคทสี่ อง คาสุดท้ายของวรรคท่สี องส่งสัมผสั ไปท่คี าสดุ ท้ายของวรรคทสี่ าม (2) สัมผสั ระหว่างบท ได้แก่ คาสุดท้ายของบทแรกส่งสัมผสั ไปยังคาสุดทา้ ยของวรรคที่สองในบท ต่อไป
12 เรอ่ื งที่ 5 พระรถเมรี เรือ่ งย่อ พรหมจันทร์กับนางพราหมณีเปน็ เศรษฐีอยู่ที่เมืองไพศาลี ตอ่ มาเกดิ อาเพศ ครอบครัวของ เศรษฐยี ากจนลง พรหมจันทรจ์ งึ ลวงบุตรสาวทั้ง 12 คนไปปล่อยป่า พวกนางเดนิ ทางไปจนพบนางยกั ษ์ สารตราเจา้ เมอื งทานตะวัน (บางสานวนว่าตะวัน) และไดเ้ ปน็ ธดิ าบุญธรรม ตอ่ มาพวกนางรูว้ า่ นางสารตราเปน็ ยกั ษจ์ ึงชวนกันหนี แล้วไดอ้ ภิเษกกบั ท้าวรถสิทธิ์ (บางสานวนวา่ รถยสิทธ์ิ หรือยาสิทธ)์ิ เจ้าเมืองขดี ขิน นาง ยกั ษ์ตามหาพวกนางจนพบ ร่ายมนตร์ให้ท้าวรถสิทธิห์ ลงใหล แล้วทาอบุ ายวา่ ป่วย ขอให้ควักดวงตาของนาง สิบสองมาเป็นโอสถ แล้วขับพวกนางซง่ึ ทรงครรภ์อยู่ออกจากเมืองไป นางเภาน้องสดุ ท้องในกลมุ่ นางสิบสองประสูติโอรสชอ่ื รถเสน เมอ่ื เจรญิ วยั รถเสนได้พบพระบดิ า นาง สารตราต้องการกาจัดรถเสนจงึ ใหเ้ ปน็ ผูถ้ อื สารไปขอหมากง่ัวและหมากนาวที่เมืองทานตะวนั ระหว่างทางฤๅษี กศุ ลช่วยแปลงสารให้รถเสนไดอ้ ภิเษกกบั นางเมรธี ิดาบญุ ธรรมของนางสารตรา หลังจากรถเสนเกบ็ ผลหมากงว่ั และหมากนาวได้แล้วก็มอมเหล้านางเมรี ขโมยของวิเศษ ศรกาพต พรอ้ มทงั้ ห่อดวงตานางสบิ สองหนไี ป รถ เสนต่อส้กู บั นางยักษ์สารตราแลว้ สังหารนางได้ รถเสนกลับไปหานางเมรี เม่ือพบว่านางตายแล้วกเ็ สียใจจนสลบไป (บางสานวนวา่ นางเมรียงั ไม่ตาย เมือ่ รถเสนกลับไปหา นางเมรีบอกใหร้ ถเสนไปอภิเษกกบั นางทัศนารขี นิษฐาของนางซึ่งอยู่ทเี่ มืองกาพชุ หรือสงั กัศแลว้ นางจงึ สนิ้ ใจ) ฝา่ ยนางเมรีซงึ่ ไปเกิดเป็นเทพบุตรไดช้ ว่ ยให้รถเสนฟน้ื แลว้ บอกให้ไปครองคู่กบั ทศั นารฝี าแฝดของนางทเี่ มืองกาพชุ (บางสานวนวา่ สังกัศ หรือสงั กัด) ของท้าวประทมุ ราช (บางสานวนว่าสนั นุ ราช) รถเสนจงึ ได้นางทัศนารีเปน็ ชายา กระทัง่ นางวรทาศรีพ่ีเลี้ยงของนางทศั นารีไปทูลฟ้องทา้ วประทุมราช รถเสนจงึ ถูกจับขงั ไว้ มา้ ทรงของรถเสนไปแจง้ แก่พระฤๅษี พระฤๅษีจงึ เดินทางมาช่วยรถเสนไวไ้ ด้ บทละครเรื่องพระรถเมรมี ีการใชภ้ าพพจนป์ ระเภทการกลา่ วอ้างถงึ จากวรรณคดสี าคญั หลายเร่อื ง เชน่ นางมโนหร์ า พระลอ อณุ รทุ และโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เรอ่ื งรามเกียรติ์ ทาให้ร้ทู ม่ี าของศรกาพตอาวธุ วิเศษ ประจาเมืองทานตะวนั วา่ เป็นศรพรหมาสตร์ของพระรามแหง่ กรงุ อยธุ ยา และหลังจากพระรามสน้ิ พระชนม์แลว้ พระโอรสและพระนดั ดาของพระรามได้สืบราชสมบตั ติ ่อกันมาอย่างราบรื่น เพราะเหลา่ ศตั รูเกรงกลัวฤทธ์ิศร พรหมาสตร์ ครั้นเวลาผ่านไปวงศ์ของพระนารายณ์และเหล่าพานรินทร์เสื่อมถอย ทา้ วโกมติ เจา้ เมือง ทานตะวันจึงไปลักศรพรหมมาสตรม์ าแล้วเปลี่ยนช่ือเป็นศรกาพต ศรน้ีสืบทอดต่อกันมาจนทา้ ยท่ีสุดอยู่ใน ความครอบครองของนางยักษ์สารตรา กลา่ วได้ว่าบทละครเรื่องพระรถเมรีนอกจากจะมีเนือ้ เร่ืองสนุกสนาน ชวนอา่ นแลว้ ยังนาวรรณคดเี รอื่ งอน่ื ๆ มาผสมผสานและเช่ือมโยงเขา้ กับเน้ือหาของเรือ่ งไดอ้ ย่างลงตัวอีกดว้ ย
13 ลักษณะคาประพนั ธ์ ความเรยี งบทละคร เขยี นขึ้นเพ่ือเป็นพาหะในการนาเสนอเรื่องราว ความคดิ ของผปู้ ระพันธต์ ่อผ้ชู มใน รปู แบบของการแสดง
14 เรอื่ งท่ี 6 ลิลติ พระลอ เนือ่ งจากเมืองเหนือสองเมืองเปน็ ศตั รูคู่อริไม่ถูกกนั กษตั ริยเ์ มอื งสรวงพระองคห์ นงึ่ ทรง พระนามว่า พระลอ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ทมี่ ีพระสิรวิ รกายงดงามหล่อเหลายงิ่ จนเป็นทปี่ รากฏของหญงิ ทง้ั หลาย และยงั มีเมืองอีกเมืองหนึง่ ชอ่ื ว่า เมืองสรอง เมืองนี้ปกครองโดยกษัตรยิ ์พิชยั พิษณกุ รกษัตรยิ พ์ ชิ ัย พษิ ณุกรทีพระราชธิดาอยู่ 2 พระองค์ พระองค์พี่ พระนามว่า พระเพ่ือน พระองค์น้องพระนามวา่ พระแพง พระราชธิดาทง้ั สองพระองค์ทรงตอ้ งพระทัยในพระลอย่ิงนกั ทง้ั ๆ ท่ยี ังไมเ่ คยเห็น นางร่ืนกับนางโรย สองพระ พี่เล้ียงร้คู วามจรงิ ดว้ ยความสงสารจึงทูลอาสาเขา้ ช่วยเหลือให้สมกับพระประสงค์ ส่งคนไปสีซอให้พระลอฟัง เป็นการพรรณนา ความงามของพระเพื่อนกบั พระแพง ไปหาหญงิ แม่มดใหช้ ่วยทาเสนห่ ์ แต่แม่มดปฏิเสธ เพราะมนตร์เสน่หข์ องตนหมดฤทธ์ขิ ลงั เสยี แล้ว แมม่ ดจึงพาไปหาป่เู จา้ สมิงพราย ปูเ่ จา้ สมงิ พรายให้ความ ชว่ ยเหลือ จนพระลอต้องเสด็จมาเองสรองพระลอตอ้ ง มนตรเ์ สน่ห์เขา้ ก็ทรงเกิดความอยากทอดพระเนตรดู พระเพื่อนกบั พระแพงขนึ้ มาทันที จงึ อาลาพระนางบญุ เหลอื พระราชมารดา และพระนางลกั ษณวดีพระมเหสี เสด็จโดยด่วนไปยงั เมืองสรองพรอ้ มดว้ ยนายแกว้ นายขวญั สองพระพีเ่ ลี้ยงเม่ือเสด็จ ถงึ แม่นา้ กาหลง พระลอก็ ทรงเสย่ี งนา้ ปรากฏเป็นลางร้ายไม่ต้องาพระทัยเลย แตก่ ต็ ้องเสดจ็ ตอ่ ไป เพราะต้องมนตรเ์ สนห่ ์ของเจา้ ปู่สมิง พรายเข้าแล้ว ปรากฏมไี กผ่ ีของเจา้ ปสู่ มิงพรายคอยวง่ิ ล่อพระลอ กบั พระพเี่ ลี้ยงใหต้ ้องไปจนถึงเมืองสรองจนได้ เมอ่ื ไปถงึ สวนหลวง นางรน่ื กับนางโรยออกมาทสี่ วนหลวงก็ทราบขา่ วว่าพระลอเสด็จมาถึงแลว้ จงึ ออกอบุ ายที่ สาคญั คือ ใหพ้ ระเพื่อนและพระแพงเสด็จออกไปพบพระลอ จากนน้ั ก็พาพระลอเขา้ ไปอยใู่ นตาหนักพระเพือ่ น พระแพง ส่วนนายแก้วให้อยู่กับนางรื่น นายขวญั ใหอ้ ยู่กับนางโรย ทกุ อยา่ งลงตวั หมดเวลาล่วงเลยไปถงึ คร่งึ เดือน กษัตริยพ์ ชิ ยั พิษณุกรจึงทรงทราบเมื่อเสด็จมาพระตาหนกั พระราชธิดา ทรงเหน็ พระลอแล้วกส็ งสาร ทรง เมตตารบั ส่งั ให้จัดพธิ ีอภเิ ษกสมรสให้ แตพ่ ระเจา้ ย่าของพระเพ่อื นพระแพง ไม่ทรงชอบพระลอจงึ ทรงขดั ขวาง ทกุ วถิ ีทาง ทรงอ้างรับสัง่ ของกษตั ริย์พชิ ยั พษิ ณุกรว่าใหท้ รงสง่ั จับพระลอ ทหารจึงพากันจับพระลอไว้ ฝ่ายพระ เพ่ือนพระแพง และพระพี่เลย้ี งของทง้ั สองฝา่ ยรวม 4 คนก็ไดช้ ่วยขัดขวางจนถงทส่ี ุด จนส้ินพระชนมแ์ ละ สิน้ ชวี ติ กันท้ังหมด กษัตรยิ ์พิชัยพษิ ณุกร เมื่อทรงทราบเร่ืองราวก็ทรงให้มรี ับส่งั ให้จับพระเจ้ายา่ และพรรคพวก ประหารชวี ิตเสยี ให้ ตายตกไปตามกัน เพราะทรงพระพิโรธยิ่งนักจากนน้ั กษัตรยิ ์พิชยั พิษณุกรไดโ้ ปรดให้จัดพิธี พระศพอย่างยิ่งใหญ่ นางบญุ เหลอื พระราชมารดาของพระลอสง่ ทตู มารว่ มงานพระศพกษัตริย์(คอื พระลอ พระเพอ่ื น และพระแพง) แล้วทรงขอแบง่ พระอฐั ธิ าตุ ไปส่วนหนึ่งต้งั แตน่ นั้ มา เมืองสรองและเมืองสรวงกม็ ี สัมพันธไมตรีทดี่ ตี ่อกนั
15 ลักษณะคาประพันธ์ ฉนั ทลักษณ์ ฉนั ทลักษณข์ องวรรณคดเี รื่องนเ้ี ปน็ คาประพันธท์ ัง้ ส้นิ ๖๕๘ บท เปน็ คาประพันธ์แบบ ผสมทเ่ี รยี dว่า “ลิลติ ” ประกอบด้วยคาประพนั ธ์ ๒ ประเภทคือรา่ ยกบั โคลงแต่งสลบั กันและพบว่ามีการ เปล่ียนชนดิ ของคาประพันธ์ค่อนข้างบ่อยมาก มีหลายคร้ังท่ีแตง่ เพียงบทเดียวก็เปลี่ยนไปเปน็ คาประพนั ธ์ชนดิ อื่น เชน่ ตอนพระลอได้ฟังข่าวความงามของพระเพื่อนและพะแพงจากการขับซอยอโฉมกวพี รรณนาความรู้สึก ของพระลอโดยแต่งเป็นโคลงสองสุภาพ ๒ บท รา่ ยโบราณ ๑ บท โคลงสองสุภาพ ๒ บท โคลงสสี่ ภุ าพ ๑ บท โคลงสอง -สุภาพ ๑ บท เป็นตน้ จะเหน็ ไดว้ ่าขนาดของบทประพันธ์ที่มีจานวนบทนอ้ ยที่สดุ ได้แก่ หนึ่งบท เทา่ น้ัน และบางแห่งร่าย ๑ บทมีเพียง ๕ วรรคเท่านัน้ เอง๑ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดารงราชานุ ภาพ ได้สันนษิ ฐานว่าแต่งก่อนรชั กาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพราะหนงั สือจินดามณีของพระโหราธบิ ดี กวีในสมยั นั้นได้คดั โคลงบทหน่ีงจากลลิ ิตพระลอมาเป็นแบบอยา่ งในการแต่งโคลงส่ีสภุ าพทม่ี ีฉนั ทลักษณ์ ถูกต้อง
16 เรอ่ื งที่ 7 ขุนชา้ งขนุ แผน เร่อื งย่อ ขุนชา้ ง ขุนแผน นางพิมพ์ เป็นเพ่ือนกนั มาตง้ั แต่เด็กๆ แล้วนางพมิ พ์เปน็ คนสวยมากต้ังแต่ เด็กๆเลย ขนุ ชา้ งเปน็ ลกู ของนางเทพทอง กับขนุ ศรีวิชยั และนางพมิ พ์เปน็ ลูกของศรปี ระจันตก์ ับพันศรโยธา ขนุ แผนเป็นลกู ของนางทองประศรี กบั ขนุ ไกร ซึง่ ตายตัง้ แต่ขนุ แผนยังเลก็ เพราะว่ารับคาเจ้านายคอื พระ พันวษาให้ไปต้อนกระบือ แล้วฝูงกระบือแตกหายไปหมดเลย พระพันวษาทรงพโิ รธก็รับส่งั ใหป้ ระหารชีวติ ขุน ไกร นางทองประศรี ก็พาพลายแก้วไปที่อื่นเพราะถกู ยึดสมบัตโิ ดยพระพันวษาฐานละเมิดคาสั่ง หลังจากน้ัน นางทองประศรีก็พาพลายแก้วหนีไปอยทู่ ่ีกาญจนบรุ ี ข้างฝ่ายพลายแก้วพอโต แม่กใ็ ห้ไปบวชเณร เสรจ็ แลว้ ก็ กลบั มาอยู่ทวี่ ดั ปา่ เลไลยก์ เมืองสพุ รรณบรุ ี ซึ่งก็เป็นเมืองของนางพมิ พ์พอดี กเ็ ลยปรากฏวา่ ไปเจอนางพิมพเ์ ข้า ก็หลงรักทันที ก็เลยเป็นชู้กบั นางพิมพ์ ข้างฝ่ายขุนชา้ งกร็ ักนางพมิ พด์ ้วย ก็เลยยุ่ง เพราะขุนชา้ งก็ส่งคนมาขอ นางพมิ พ์ แตน่ างพิมพก์ ็ไปได้กับพลายแกว้ เสียแล้ว ในท่สี ดุ นางศรปี ระจันต์แม่ของนางพิมพ์กย็ กนางพมิ พ์ใหก้ ับ ขุนแผน เพราะนางพิมพร์ ักขุนแผนอยู่ ทน่ี ีป้ รากฏวา่ พลายแก้วหรอื ขุนแผนกแ็ ตง่ งานกบั นางพิมพ์ หลงั จากนั้น พลายแก้วถูกเกณฑ์ทัพเป็นทหารไปตเี มืองเชยี งใหม่ ขณะนั้นเอง ขุนช้างก็ไปทากลวา่ พลายแกว้ ตายและกม็ าขอ นางพมิ พ์ ซ่ึงจรงิ ๆแลว้ นางศรีประจนั ต์ก็ไมน่ ่ายกให้รวดเรว็ ขนาดนนั้ เพราะนา่ จะไปเชค็ ขา่ วก่อน แต่อาจเป็น เพราะวา่ สมยั ก่อนการส่งขา่ วไมค่ ่อยดหี รืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ กเ็ ลยยกให้ เร่อื งก็เลยยุง่ นางพิมพ์ก็ไม่ได้อยาก แต่งกบั ขุนชา้ งเลยแมแ้ ต่น้อย เพราะว่าขุนแผนหลอ่ อย่างไร ขนุ ช้างกอ็ ัปลักษณข์ นาดน้นั เรื่องทง้ั หมดจะไมเ่ กดิ ถ้าไม่ยกนางพิมพใ์ ห้ นางพมิ พ์เปล่ียนชอื่ เปน็ วันทอง ขุนชา้ งกไ็ ปหลอกนางศรปี ระจนั ตว์ ่าที่แมย่ ายวา่ ขนุ แผน ตายแลว้ วันทองกร็ ้องไห้ นางศรปี ระจันต์กย็ กวันทองให้กับ ขนุ ชา้ ง ก็ทะเลาะกนั ระหว่างนางศรีประจันต์กบั นางทองประศรีแมข่ องขุนแผน เมื่อขุนแผนกลบั บ้านรู้ ความจริงก็อาละวาดกับขนุ ชา้ ง วันทองกเ็ ลยจะผูกคอ ตาย ขนุ แผนก็เลยทิง้ นางวนั ทองไปจังหวดั กาญจนบรุ ี นางศรปี ระจนั ต์ก็เลยยกนางวนั ทองใหก้ บั ขุนชา้ ง ในท่ีสุด ขนุ แผนก็ไปไดเ้ มยี อีกคนตอนไปเชียงใหม่ กไ็ ดล้ าวทองเปน็ ภรรยา เสรจ็ แล้วกย็ ังคิดถงึ วนั ทองอยู่ก็เลยขึ้นเรือน นางศรปี ระจันต์ ในที่สดุ ตัดสินใจขโมยตวั นางวันทองมา และกอ่ นที่จะไดน้ างวนั ทองมา กไ็ ปข้ึนเรอื นขนุ ช่าง ก่อน แคเ่ ข้าไปแป๊บเดยี วก็ได้นางแก้วกรยิ า นางแกว้ กริยาเป็นหญิงซึ่งพ่อของเขาเป็นเจ้าเมอื งสุโขทัย แลว้ กเ็ อา มาขัดดอกซึ่งตนเอง เปน็ หน้ขี ุนชา้ งอยู่ แตไ่ มไ่ ดเ้ ป็นภรรยา ขนุ แผนขึ้นเรอื นครง้ั เดียวไดน้ างแก้วกริยาเลย หลงั จากนั้นก็พาวนั ทองหนี ตอนน้ีเป็นตอนทีไ่ พเราะ ตอนที่ 17 และ 18 ขนุ ช้างตามวันทองไป แลว้ รบกับ ขุนแผนวุ่นวายไปหมด ในท่ีสุดขุนชา้ งแพ้ เพราะขุนแผนมเี วทย์มนต์ มีกุมารทองซึง่ เป็นลูกของตัวเองซ่ึงได้กับ ภรรยาอีกคนหนง่ึ ซึ่งชว่ ยเหลือขุนแผนตลอด ขนุ ช้างสู้ไมไ่ ด้ก็เลยไปฟอ้ งพระพันวษา กษัตรยิ ์ในสมัยอยุธยาว่า ขนุ แผนเปน็ กบฏ แลว้ กเ็ ลยมีการรบกันตา่ ง ๆ ขุนแผนกช็ นะความ แต่ก็มีความว่นุ วายต่างๆ เกดิ ขึ้น ขนุ แผนตดิ คุก นางวันทองก็ใหก้ าเนดิ พลายงาม ซง่ึ ต่อมาเปน็ จหม่ืนไวยว์ รนาถ ซึง่ เป็นลูกของขนุ แผน ตอ่ มาก็สงสารพ่อ ก็ เลยไปเอาพ่อออกจากคุก แล้วก็ไปรบท่ีเชยี งใหม่ กลบั มาขุนแผนกย็ ังรกั นางวันทองอยู่ ก็เลยขโมยมาอีก และก็ มกี ารทะเลาะกันอีก พระพันวษาก็กร้ิว ในทสี่ ุดก็เลยเรียกมาทง้ั สามคนว่า จะเอาอยา่ งไร นางวนั ทองกบ็ อกว่า รกั ทงั้ คู่ ตัดสนิ ใจไม่ได้ พระพันวษาก็ย่ิงกรว้ิ ใหญ่ บอกวา่ นางวันทองหญิงสองใจ ก็เลยให้นาไปประหารชวี ติ
17 พระไวยว์ รนาถซึ่งเปน็ ลูกของนางวนั ทองกับขุนแผนก็รบี ไปขอโทษ ถกู พระมหากษัตรยิ ์สง่ ไปรบ ก็เลยไดค้ วามดี ความชอบ ไปรบท่ีเชียงใหม่ ก็เลยไปขอชีวติ แม่ พระพันวษาก็เลยอนญุ าต กเ็ ลยถือธงว่งิ ไป พอดเี พชฌฆาต กาลงั จะประหารแม่พอดี เหน็ พลายวงิ่ ถอื ธงไป เขา้ ใจวา่ พระพันวษาสั่งให้ประหารเร็วข้ึน กเ็ อาดาบฟันคอนาง วนั ทองทันที นางวันทองกต็ าย มันน่าเศรา้ มาก แล้วในทสี่ ดุ นางศรีประจนั ต์กเ็ ศรา้ ใจมาก ลกู ๆก็เศรา้ ใจ แล้ว ปรากฏวา่ นางวนั ทองก็กลายเป็นเปรต เพราะในขณะวิญญาณออกจากรา่ งเปน็ วิญญาณทไี่ ม่สงบ เพราะห่วงลูก หว่ งพลายงามตลอดเวลา เลยไปเปน็ เปรต พลายงามก็มีภรรยาสองคน คือ นางสรอ้ ยฟา้ กับ ศรมี าลา ซ่งึ เปน็ ท่ี รักมาก แตป่ รากฏว่าพระเจา้ เชยี งใหมเ่ อาลูกถวายใหก้ ับพระพันวษา เพือ่ บรรเทาสถานการณ์ ก็เลยเอาลูกให้ เมือ่ ใหแ้ ล้ว พระพันวษาไม่ได้โปรดมากเท่าไร คืออกี มีคนซงึ่ ไม่รู้วา่ เป็นลูกใคร คือนางสร้อยทองสวยมาก ก็เลย ใหเ้ อานางสร้อยฟ้าให้กบั พลายงามไป ก็เลยมีการจดั พธิ ี แต่งงาน ทนี ีส้ รอ้ ยฟ้ากับศรมี าลากห็ งึ หวงกนั แล้ว สรอ้ ยฟา้ ไมร่ จู้ ะทาอยา่ งไร เพราะพลายงามรักศรีมาลามากกวา่ สร้อยก็เลยทาเสน่ห์กบั เถรกวาด เอารูปตกุกตา ประกบกันสร้อยฟา้ อีกอันหน่ึงเอารปู ศรีมาลาประกบพลายงามเอาหนามมาขวางไว้ แล้วเอาไปฝงั ไว้ ในทสี่ ดุ ก็ เลยสร้อยฟา้ ก็ทาเสน่ห์จนพลายงามหลงมาก ท่นี ี้รอ้ นถงึ ขนุ แผนตอ้ งมาช่วยลูก ก็บอกวา่ ไมไ่ ด้แล้วอยา่ งนี้ เพราะว่ากุมารทองกระซิบบอกขุนแผนว่า พลายงามโดนเสนห่ ์อะไรต่างๆ ขุนแผนกเ็ ลยไปชว่ ยแก้ไข ไปใชเ้ วทย์ มนต์สู้กับเถรกวาด เถรกวาดสู้ไม่ไดเ้ ลยแปรงตวั ไปเปน็ จระเข้ ในที่สดุ ยอมสารภาพ กเ็ ลยไปขุดดู เห็นรปู ปน้ั จรงิ ๆ เพราะพันวษาก็กริว้ มากกเ็ ลยจับนางสร้อยฟ้าให้มาสารภาพความจรงิ สร้อยฟา้ ก็ปฏเิ สธวา่ ไมไ่ ด้ทา ศรี มาลากเ็ ลยบอกวา่ ทา ก็เลยไม่รู้ว่าจะเช่ือใครก็เลยให้มีการลยุ ไฟตดั สนิ ใครบริสทุ ธิ์กร็ อด ใครทุจรติ ต้องตาย ศรี มาลาก็ลยุ ไฟแลว้ กร็ อดมาได้ สว่ นนางสรอ้ ยฟา้ ถูกไฟไหม้ แตไ่ ม่ตาย พระพันวษารับสงั่ ให้โบย และนาไป ประหารชีวิต แลว้ นาไปเสียบประจานไม่ให้ใครนาไปทาเป็นเยยี่ งอยา่ ง เถรกวาดกเ็ ลยแปลงตวั เปน็ จระเขจ้ ะมา อาละวาด ทน่ี ่ีพระพนั วษากส็ ่งพลายชุมพลซ่ึงเป็นลูกอกี คนหน่งึ ของขุนแผนไปปราบ ในที่สดุ เรอื่ งกจ็ บลงตรงที่ วา่ ปราบจระเขเ้ ถรกวาดได้ พลายชมุ พลก็สกู้ ับเถรกวาดแล้วประสบชยั ชนะ และก็นาเถรกวาดไปประหารชวี ติ พระพนั วษาก็ตั้ง พลายชมุ พลเป็นหลวงนายฤทธ์ิ กจ็ บลงตรงที่ลกู ของขุนแผนกับนางวันทองก็ไดด้ ีไป และนาง วนั ทองก็กลบั มาชว่ ยลูกในเวลาทล่ี ูกตกระกาลาบาก
18 ลักษณะคาประพนั ธ์ เร่ืองขนุ ช้างขุนแผนเปน็ คาประพันธ์ ประเภทกลอนเสภา ๔๓ ตอน ซึ่งมอี ยู่ ๘ ตอนที่ไดร้ บั การยกย่องว่าแต่งดยี อดเยยี่ มจากวรรณคดีสมาคม อนั มีสมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์ กรมพระยาดารงราชานภุ าพ ทรงเปน็ ประธานโดยลงมติเม่ือ พ.ศ.๒๔๗๔ และตอน ขุนช้างถวายฎกี าเปน็ หนง่ึ ในแปดตอนท่ี ไดร้ บั การยก ยอ่ ง ลกั ษณะคาประพนั ธก์ ลอนเสภาเป็นกลอนสภุ าพ เสภาเปน็ กลอนขั้นเล่าเร่ืองอย่างเลา่ นทิ าน จงึ ใช้คามากเพ่ือบรรจขุ ้อความให้ชดั เจนแก่ผฟู้ ัง และมงุ่ เอาการขับได้ ไพเราะเป็นสาคญั สัมผัสของคาประพนั ธ์ คือ คาสดุ ทา้ ยของวรรคตน้ ส่งสัมผสั ไปยังคาใดคาหน่ึงใน ๕ คาแรกของวรรคหลงั สัมผัสวรรคอ่นื และสัมผัส ระหว่างบทเหมือนกลอนสุภาพ
19 เรอ่ื งท่ี 8 พระอภยั มณี เรื่องย่อ พระอภัยมณี นบั แต่อายุได้ 15 ปแี ละออกเดนิ ทางไปศึกษาวิชาความร้เู ชน่ เดียวกับเจ้าชายใน วรรณคดีไทยอื่นๆ แตว่ ชิ าที่พระอภยั มณีไปศึกษามา มใิ ช่วิทยาอาคมหรอื ความร้เู กี่ยวกับการปกครองบ้านเมอื ง กลับเป็นวชิ าดนตรคี อื การเป่าปี่ ทาให้พระบิดากร้ิวมากจนขับไล่ออกจากเมือง การผจญภยั ของพระอภยั มณีก็ เร่มิ ข้ึนนบั แต่นั้น เขากับน้องชายคอื ศรสี วุ รรณ ระเหเรร่ ่อนไปจนเจอกับสามพราหมณ์ ถูกนางผีเส้ือสมุทรจบั ตัวไป มีบตุ รชายชอื่ สนิ สมทุ ร พอ่ เงือกแม่เงือกชว่ ยพาหนไี ปยังเกาะแก้วพิสดาร เขามีบุตรกับอมนุษย์อีกครั้งคือ กับนางเงือก ได้บตุ รชายช่ือสุดสาคร ต่อมาพระอภัยมณีได้รบั ความชว่ ยเหลือจากเจา้ กรุงผลึกและรกั กันกบั ลกู สาวของเจา้ กรุง คือ นางสุวรรณมาลี แตน่ างมคี หู่ มั้นแล้วกับชาวต่างชาตแิ ห่งเกาะลังกา ความขัดแย้งนท้ี าให้ เกิดสงครามใหญ่ระหวา่ งกรุงผลกึ กับกรงุ ลงั กาเปน็ เวลานานหลายปี แตใ่ นทส่ี ดุ สงครามกย็ ุติลงได้เม่อื นาง ละเวงวณั ฬา ลูกสาวเจ้ากรุงลงั กาซงึ่ ต่อมาไดเ้ ปน็ เจา้ เมืองสาวสวย ตกหลุมรกั กับพระอภัยมณีเสียเอง หลัง สงคราม พระอภยั มณปี ลงได้กบั ความไม่แนน่ อนของโลกมนุษย์และออกบวช โดยมีภรรยามนุษย์ท้งั สองคนคือ นางสวุ รรณมาลีกบั นางละเวงออกบวชด้วย
20 ลักษณะคาประพันธ์ คาประพันธใ์ นเร่อื ง พระอภัยมณี เปน็ กลอนสภุ าพท้ังหมด ด้วยเป็นความถนดั อยา่ งพิเศษของกวผี ู้น้ี ภาษาที่ใช้มคี วามเรียบงา่ ยตามแบบฉบับของสุนทรภู่ มสี ัมผสั ในไพเราะงดงามโดยตลอด ทาให้เป็นทน่ี ยิ มอา่ น เร่อื ยมาแมใ้ นปจั จุบัน พระอภยั มณี ตามฉบับพมิ พ์ของหอพระสมุด มคี วามยาวทัง้ ส้นิ 24,500 คากลอน คิดเปน็ จานวนคา ตามวจวี ิภาคได้ 392,000 คา นับเป็นหนังสือกลอนขนาดมหึมา มโี ครงเร่อื งย่อยๆ แทรกไปตลอดทาง คือจาก เหตกุ ารณห์ นง่ึ นาไปสเู่ หตุและผลอกี เหตกุ ารณห์ นึ่ง ซ่ึงเปน็ ลักษณะงานเขียนท่สี ามารถเขยี นไปไดเ้ ร่ือยๆ อยา่ งไรกด็ ีอาจนับเหตกุ ารณ์สาคญั หรอื ไคลแมกซ์ของเรื่องได้ ในตอนทัพลงั กากับทัพพระอภยั มณรี บกนั จนถึง ขัน้ เดด็ ขาด ต้องแหลกลาญกันไปข้างใดข้างหน่ึง แตส่ ุนทรภ่กู ส็ ามารถคลคี่ ลายไคลแมกซน์ ้ีได้อย่างสวยงาม
21 เรอ่ื งที่ 9 อิเหนา เร่อื งย่อ เน้ือเรื่องตอนท่ี 1 บ้านเมอื งและกาเนดิ ตัวละคร ในชวาสมยั โบราณ มกี ษตั รยิ ์ปกครองเมอื งใหญ่เมอื งนอ้ ย กษัตรยิ ว์ งศ์เทวาซึง่ ถอื ว่า เป็นชาตติ ระกูลสูงสดุ ดว้ ยสบื เช้อื สายมาจากเทวดา ใชค้ านาหนา้ พระนามว่า ระเด่น ส่วนกษตั ริยน์ อกวงศ์นนั้ ใช้คาวา่ ระตู เร่ิมตน้ บทละครเรื่องน้ี กล่าวถงึ กษตั ริยว์ งศ์ 4 องค์ ต่างเปน็ พี่น้องร่วมบิดามารดา ทรงพระนามวา่ ท้าวกเุ รปัน ทา้ วดาหา ทา้ วกาหลงั ทา้ วสงิ หัดสา่ หรี ครองเมือง 4 เมือง ซงึ่ มชี ื่อเช่นเดียวกับพระนามกษตั รยิ ์ ทกุ พระองคต์ ่างกม็ ีมเหสี 5 องค์ ตามประเพณี เรยี งลาดบั ศักด์ิ คอื ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต ลกิ ู และเหมา หลาหงี ประไหมสหุ รขี องท้าวกุเรปันและทา้ วดาหานัน้ เป็นธิดาของกษตั ริย์หมันหยาเมอื งใหญ่อีกเมอื งหนึง่ จงึ ทาให้เมืองหมันหยามคี วามเกี่ยวดองกับกษตั ริย์วงศเ์ ทวามากข้ึน ทา้ วกุเรปันมีโอรสกับลิกูองค์หน่ึงทรงพระนาม ว่า กระหรดั ตะปาตี ซง่ึ ไดห้ มั้นไว้กับบุษบารากา ธิดาของท้าวกาหลังซ่ึงเกดิ จากลกิ ู ต่อมาพระองค์ปรารถนาจะ ให้ประไหมสหุ รีมีโอรสบ้าง จงึ ไดท้ าพธิ ี บวงสรวง กอ่ นประไหมสุหรีทรงครรภก์ ็ได้สบุ นิ ว่าพระอาทติ ย์ทรงกลดลอยมาตก ตรงหน้า และนางรับไว้ได้ เมือประสูติกเ็ กดิ อัศจรรยต์ ่าง ๆ เป็นนิมติ ดี องค์ปะตาระกาหลาซ่ึงเปน็ เทวดาตน้ วงศ์ บนสวรรค์ เหาะนากรชิ มาประทานให้ พรอ้ มทง้ั จารึกนามโอรสดว้ ยว่า อเิ หนา ตอ่ มาประไหมสหุ รไี ดธ้ ดิ าอีก หนงึ่ องค์ พระนามวา่ วยิ ะดา ฝา่ ยทา้ วดาหา ประไหมสหุ รีก็ประสูตธิ ิดา ได้พระนามว่า บุษบา ขณะประสตู ิก็ เกดิ อัศจรรยก์ ็มี กล่นิ หอมตลบทัว่ เมอื ง หลงั จากประสูตบิ ุษบาแล้ว ประไหมสหุ รีกป็ ระสตู ิโอรสอกี พระนามสี ยะตรา ท้าวกาหลังมีธิดา พระนามสะการะหนึ่งหรัด ท้าวสิงหัดสา่ หรีมโี อรส พระนามสุหรานากง และธิดา พระนาม จนิ ดาสา่ หรี กษตั รยิ ใ์ นวงศ์เทวาจึงได้จดั ให้มีการตุนาหงนั กนั ขึ้น ระหวา่ งโอรสและธิดาในวงศเ์ ดียวกันโดยให้ อเิ หนาหมั้นไว้กับบษุ บา กระหรัดตะปาตีกบั บุษบารากา สียะตรากบั วยิ ะดา สหุ รานากงกบั สะการะหน่งึ หรัด แตก่ อ่ นจะมีการแต่งงาน ความยุ่งยากก็เกดิ ขนึ้ เน้ือเรื่องตอนที่ 2 ความขดั แยง้ ตน้ เหตขุ องความยุ่งยาก จุดเรม่ิ ต้นทเ่ี ป็นปญั หาหรืออุปสรรคทท่ี าใหต้ ัวละครประกอบความยงุ่ ยาก และเกิดเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ มากมายอนั เป็นการดาเนนิ เรื่อง ของบทละครเรือ่ งน้ี เกิดจากอัยยกิ าของอเิ หนาทเ่ี มืองหมันหยาสิน้ พระชนม์ อิเหนา จงึ เสด็จไปในงานพระเมรแุ ทนทา้ วกเุ รปนั แต่เสร็จพธิ ีแลว้ อิเหนาไม่ยอมกลบั เพราะหลงรักนาง จนิ ตะหรา ธิดา ทา้ วหมนั หยา จนท้าวกเุ รปันตอ้ งมีสารไปเตือน เมื่อกลบั มากรงุ กเุ รปันแลว้ และใกลเ้ วลาอภเิ ษกกับบุษบา
22 อิเหนาก็ไมใ่ ครเ่ ตม็ ใจ จงึ ออกอบุ ายทลู ลาพระบดิ าไปประพาสป่า แล้วปลอมองค์เป็น ปนั หยีหรือโจรปา่ นามวา่ มิสาระปนั หยี คุมไพรพ่ ลรุกรานเมืองต่าง ๆ เมอ่ื เสดจ็ ไปถึงเมอื งใดก็ไดเ้ มืองนัน้ เปน็ เมืองข้ึน ระตูหลายเมืองได้ ถวายโอรสและธดิ าให้ ทสี่ าคัญคอื ระตูปนั จะรากันและระตูปกั มาหงนั ไดถ้ วายธิดาคือมาหยารศั มีและสะการวา ตี ซง่ึ ต่อมาไดเ้ ป็นชายาของอิเหนา และถวายโอรสคือสังคามาระตา ซงึ่ อิเหนายกยอ่ งใหเ้ ปน็ น้องและเป็นทหาร คู่ใจ กองทัพของปันหยรี อนแรมไปจนถึงเมอื งหมนั หยา ทา้ วหมนั หยาไม่กล้าต่อสู้และยอมยกธดิ าให้ แต่พอรู้ว่า เป็นอิเหนา ท้าวหมนั หยาไม่ยอมปฏิบตั ติ ามสัญญา อเิ หนาจึงลอบเข้าหานางจนิ ตะหราและได้เสียกนั ทา้ ว หมนั หยาก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ พอถงึ กาหนดการอภิเษก ท้าวดาหากม็ สี ารถงึ ท้าวกุเรปนั ให้เตรียมพธิ ีอภเิ ษก แต่ อเิ หนาบอกปดั ทาใหท้ า้ วดาหาโกรธมาก จงึ ประกาศจะยกบุษบาใหก้ บั ใครก็ได้ที่มาขอ เพราะฉะนัน้ เม่ือระตูจร กา กษตั รยิ ร์ ูปช่วั ตัวดา ให้พชี่ ายคือระตูลา่ สาไปสู่ขอบุษบาให้ตน ท้าวดาหาก็ยอมยกให้ ตอ่ มา ท้าวกระหมังกหุ นิง สง่ ทตู มาสูข่ อบุษบาใหว้ ิหยาสะกาซึ่งเป็นโอรส แต่ทา้ วดาหาปฏิเสธเพราะได้ ยกใหร้ ะตจู รกาไปแลว้ เปน็ เหตุให้ท้าวกะหมังกุหนิงโกรธและยกกองทัพมาล้อมเมืองดาหา ทา้ ว ดาหา จงึ ขอกาลงั จาก พระเชษฐาและพระอนุชา ท้าวกุเรปันมคี าส่ังให้อิเหนาไปชว่ ยรบ อิเหนาจงึ จาใจต้องจากนางจนิ ตะ หราและยกกองทัพไปช่วยรบ การศึกคร้งั น้ี อิเหนามชี ัยชนะ ทา้ วกะหมงั กหุ นิงถูกอิเหนาฆ่าตายและโอรสคือวิ หยาสะกาถูกสงั คามาระตาฆ่าตาย กองทพั ทล่ี อ้ มเมอื งดาหาก็แตกพา่ ยไป เมื่อชนะศึกแล้ว อเิ หนาก็ได้เขา้ เฝ้า ทา้ วดาหาและไดพ้ บกับบุษบา อิเหนาได้เหน็ ความงามของบุษบากห็ ลงรักและเสียดาย พยายามหาอบุ ายอย่ใู น เมอื งดาหาต่อไป และพยายามหาโอกาสใกลช้ ดิ บุษบา โดยอาศยั สยี ะตราเปน็ สอ่ื รัก อิเหนาพยายามหาวธิ กี าร ทุกทางเพ่ือจะไดบ้ ษุ บาเป็นของตน เช่นตอนท่ีทา้ ว ดาหาไปใช้บนท่ีเขาวลิ ศิ มาหรา อิเหนาได้แอบสลกั สารบนกลีบดอกปะหนัน (ลาเจยี ก) ให้นาง แอบเขา้ ไปในวิหารพระปฏมิ า ตรัสตอบคาถามแทนพระปฏิมา ต้อนค้างคาวมาดบั ไฟแล้วแอบมากอดนาง ตลอดจน คาดคัน้ มะเดหวใี หช้ ว่ ยเหลือตน เป็นต้น และเมื่อท้าวดาหาจะจดั พธิ อี ภิเษกระหว่างบษุ บากบั ระตูจรกา อิเหนา กใ็ ชว้ ิธกี ารสุดท้ายโดยการทาอบุ ายเผาเมือง แลว้ ลอบพานางบษุ บาหนีออกจากเมืองไปซ่อนในถา้ ที่เตรียมไว้ และได้นางเป็นมเหสี เนอ้ื เรือ่ งตอนที่ 3 ปญั หาใหม่ และการมะงุมมะงาหรา หลงั จากอเิ หนากับบษุ บาเขา้ ใจกันแลว้ กเ็ กดิ ความยงุ่ ยากใหม่ขึ้นกับตวั ละครอกี เพราะ องค์ปะตาระกาหลาทรงพโิ รธอิเหนา ทีก่ อ่ เหตุวุ่นวายมาตลอด จงึ ดลบนั ดาลให้ลมหอบเอานางบุษบาพร้อมพเ่ี ลี้ยงสองนาง ไปตกในเมืองปะ มอตนั
23 ขณะทีอ่ เิ หนาเขา้ ไปในเมืองดาหาเพอ่ื แกส้ งสยั อิเหนากลับมาไม่พบบุษบากป็ ลอมองค์เป็นปันหยอี อก ตามหา พร้อมกบั นาวยิ ะดาไปดว้ ยกับตน โดยให้ปลอมเปน็ ปนั หยชี อื่ เกนหลงหน่งึ หรัด ผ่านเมอื งใดก็รบพุง่ เอา ไปเปน็ เมืองข้นึ ไปตลอดรายทาง จนถงึ เมืองกาหลงั จึงไดเ้ ข้าไปขอพักอาศยั อยู่ด้วย สว่ นบุษบา หลังจากลมหอบไปยงั เมืองปะมอตนั แล้ว องค์ปะตาระกาหลา กส็ าแดงตนบอกเลา่ เรอ่ื งราวให้ทราบว่า นเี่ ปน็ การลงโทษอเิ หนา ท้งั สองจะต้องผจญความลาบากอยรู่ ะยะหนึ่ง จงึ จะได้พบกันองค์ ปะตาระกาหลาได้แปลงตัวบุษบาใหเ้ ปน็ ชาย มอบกริชจารึกพระนามว่ามสิ าอณุ ากรรณ ใหม้ ีความสามารถ ทางการรบ หลงั จากน้นั อุณากรรณเดนิ ทางเข้าเมอื งปะมอตัน ท้าวปะมอตันรบั เลี้ยงไวเ้ ป็นโอรส ต่อมาอณุ า กรรณกบั พ่ีเลย้ี งก็ยกพลออกเดนิ ทางเพ่ือตามหาอิเหนา ผ่านเมืองใดเจา้ เมืองไมอ่ ่อนน้อมกร็ บพุ่งได้ชยั ชนะ หลายเมือง จนกระท่ังถึงเมืองกาหลัง ได้พบกบั ปันหยี ท้ังสองฝ่ายต่างกแ็ คลงใจว่าอีกฝา่ ยคอื บคุ คลที่ตนเท่ยี ว หา แตก่ ็ไมก่ ลา้ เปิดเผยตัว ได้แต่สังเกตและคุมเชิงกันอยู่ ที่เมืองกาหลัง ปันหยีและอุณากรรณได้เขา้ อ่อนน้อมต่อท้าวกาหลัง ทา้ วกาหลงั ก็ทรงโปรดท้งั สอง เหมือนโอรส ต่อมามีศกึ มาประชดิ เมืองเพราะทา้ วกาหลงั ไม่ยอมยกธิดา คือสะการะหนึ่งหรัดให้ ปนั หยแี ละ อณุ ากรรณอาสารบ และสามารถชนะศึกได้อยา่ งง่ายดาย เหตกุ ารณ์น้ีทาใหป้ ันหยี อุณากรรณและสะการะหนึ่งหรัด ใกลช้ ดิ สนดิ สนมกันมากยงิ่ ข้ึน ทาใหอ้ ุณากรรณกลวั ความจะแตกว่านางเปน็ หญิง กอปรกับต้องการตดิ ตามหา อิเหนาตอ่ ไป จงึ ทูลลาท้าวกาหลังกลบั เมืองปะมอตัน แต่นางออกอุบายใหท้ หารกลบั เมืองตามลาพัง ส่วนนาง กับพเี่ ลี้ยงหนีไปบวชชี (แอหนัง) เพื่อหาทางหลบหนีการตามพัวพนั ของปนั หยี ฝา่ ยสยี ะตราแหง่ เมืองดาหา คร้ันทาพธิ ีโสกนั ต์เสรจ็ กแ็ อบหนพี ระบิดาปลอมตัวเป็นปัจจุเหร็จโจรป่า ชอ่ื ยา่ หรัน ออกเดินทางหาอเิ หนาและบษุ บา องค์ปะตาระกาหลาแปลงเป็นนกยูงมาล่อยา่ หรันไปถึงเมืองกา หลงั ได้เข้าเฝา้ และพานกั อยใู่ นเมือง ต่อมายา่ หรันและปันหยีเกิดตอ่ สู้กัน เพราะเกนหลงหนึง่ หรดั เปน็ ตน้ เหตุ ในท่ีสุดอเิ หนาและสียะตราก็จากันได้ เพราะมองเหน็ กรชิ ของกันและกนั ตอ่ มาปนั หยที ราบว่ามีแอหนงั บวชบนภเู ขา รูปงามละมา้ ยบษุ บา จงึ ออกอบุ ายปลอมตัวเป็นเทวดา หลอกนางมายังเมืองกาหลงั เมือ่ ปนั หยีพศิ ดูนางก็ยง่ิ ละมา้ ยนางบุษบา แต่พอเหน็ กริชของนาง ช่ืออุณากรรณ ก็ เข้าใจว่านางเปน็ ชายาของอุณากรรณ ฝ่ายพเ่ี ลย้ี งของปนั หยีคิดเล่นหนงั ทดสอบแอหนัง โดยผกู เรอื่ งตามชวี ิต จริงของอเิ หนากับบุษบาทุก ๆ ตอน นางแอหนงั ฟังเรือ่ งราวกร็ อ้ งไห้ครา่ ครวญ ทั้งสองฝา่ ยจงึ จากันได้ อเิ หนา จึงให้นางสกึ จากชี ระเดน่ ท้ังสี่ คอื อิเหนา บุษบา สยี ะตรา และวยิ ะดา จงึ พบกนั และจากันไดห้ ลังจากดั้นดน้ ติดตามกนั โดยปราศจากทิศทาง (มะงุมมะงาหรา) เสียนาน เน้อื เรือ่ งตอนที่ 4 ปิดเรอื่ ง กษัตรยิ ์วงศ์เทวาไดม้ าพรอ้ มกัน ณ เมอื งกาหลงั หลงั จากทราบเรือ่ งและเข้าใจกนั ดีแล้ว จึงไดม้ กี าร อภิเษกสมรสกนั ขึน้ ระหว่างคู่ตุนาหงนั ในวงศเ์ ทวา พร้อมทั้งอภเิ ษกธิดาระตูอื่น ๆ เปน็ มเหสกี ษตั รยิ ว์ งศเ์ ทวาจน
24 ครบตาแหนง่ เชน่ อเิ หนาอภเิ ษกกบั บุษบาและจินตะหรา โดยบุษบาเปน็ ประไหมสหุ รีฝา่ ยซา้ ย จนิ ตะหราเปน็ ประไหมสุหรฝี า่ ยขวา สะการะวาตีเป็นมะเดหวีฝ่ายขวา มาหยารัศมเี ป็นมะเดหวฝี ่ายซา้ ย บุษบาวลิ ิศเปน็ มะโต ฝ่ายขวา บษุ บากันจะหนาเปน็ มะโตฝา่ ยซา้ ย ระหนากะระติกาเป็นลกิ ฝู ่ายขวา อรสานารีเป็นลิกูฝ่ายซ้าย สหุ รัน กันจาสา่ หรี เปน็ เหมาหลาหงีฝา่ ยขวา หงยาหยาเป็นเหมาหลาหงีฝ่ายซา้ ย สียะตราอภิเษกกบั วยิ ะดา สหุ รานา กงกับสะการะหน่งึ หรัด กะหรัดตะปาตีกบั บษุ บารากา สุหรานากงครองเมืองสงิ หัดสา่ หรี กะหรดั ตะปาตีครอง เมืองกาหลงั .
25 ลักษณะคาประพนั ธ์ บทละครรา เรอื่ ง อิเหนา มีรปู แบบการแต่งกลอนบทละครซึง่ มลี ักษณะบังคับเหมือนกลอนสี่สภุ าพ แต่ละวรรคมักจะขึน้ ตน้ ด้วยคาวา่ “เมือ่ น้นั ” “บัดนั้น” และ “มาจะกลา่ วบทไป” กลอนบทละคร บทหนึ่งมี ๔ วรรค วรรคละ ๖ คา หน่ึงบทมี ๒ บาท เรียกวา่ บาทเอก และบาทโท ๑ บาท เท่ากบั ๑ คากลอน
26 อ้างอิง พี่ออน. (2559). 5 พระเอกในวรรณคดไี ทยท่ีใจรกั เดยี ว!!. [ออนไลน์]. แหลง่ ทีม่ า : https://www.dek-d.com/writer/41290/?fbclid=IwAR21- Ao1bF92c_Y1iPZUGRJt_Rp4navRg2Ue__4xUlQUVzSZRuk40LNqod0. [สบื คน้ เมือ่ 4 มนี าคม 2564] พี่ออน. (2559). 5 อนั ดบั พระเอก \"เมียเยอะ\" จากวรรณคดไี ทยทีเ่ ราคุน้ เคย!. [ออนไลน์]. แหล่งทม่ี า : https://www.dek-d.com/writer/40676/. [สบื คน้ เมื่อ 4 มนี าคม 2564] นายรฐั พล หนันกระโทก. (ม.ป.ป.). เกร่นิ นาวรรณคดีเรอ่ื ง ขุนชา้ งขนุ แผน. [ออนไลน์]. แหล่งทม่ี า : https://sites.google.com/site/ssru014thai/wrrnkhdi-reuxng-khun-chang-khunphaen. [สืบค้นเม่อื 4 มนี าคม 2564] โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์. (ม.ป.ป.). เนอ้ื เร่อื งย่อสังขท์ อง. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : https://sites.google.com/a/cnt.go.th/krufon3/neux-reuxng-yx-sangkh- thxng?fbclid=IwAR247VGGLUqt8Rz8x79Y7wbksGvjAYzl7BcJ9_4_9__nyWfjb07lXMXY0ko. [สบื ค้น เมอื่ 4 มนี าคม 2564] บรษิ ัท มตชิ น จากัด (มหาชน). (2562). “อเิ หนา” ผเู้ ปน็ ปฐมเหตคุ วามวุ่นวายในดนิ แดนชวา “เพราะรกั จึงรั้น” . [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : silpa-mag.com/history/article_43233. [สืบค้นเมือ่ 4 มนี าคม 2564]
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: