วนั ลอยกระทงของทุกปีจะตรงกบั วนั ข้นึ 15 คำ่ เดอื น 12 ตำมปฏทิ ินจนั ทรคตไิ ทย หรือถำ้ เป็นปฏทิ ินจนั ทรคตลิ ำ้ นนำจะตรงกบั เดือนย่ี และหำกเป็นปฏทิ นิ สุริยคติจะรำวเดอื นพฤศจิกำยน ซ่ึงเดอื น 12 เป็นช่วงตน้ ฤดูหนำว อำกำศจงึ เยน็ สบำย และอยู่ในช่วงฤดูนำ้ หลำก มนี ำ้ ข้นึ เตม็ ฝ่ัง ทำใหเ้ หน็ สำยนำ้ อย่ำงชดั เจน อกี ทงั้ วนั ข้นึ 15 คำ่ เป็นวนั ท่พี ระจนั ทรเ์ ตม็ ดวง ทำใหส้ ำมำรถเหน็ แม่นำ้ ทม่ี แี สงจนั ทรส์ ่องกระทบลงมำ เป็นภำพทด่ี ูงดงำมเหมำะแก่กำรชมเป็นอย่ำงย่งิ และ วนั ลอยกระทง 2561 ตรงกบั วนั ท่ี 22 พฤศจกิ ำยน
ประวตั วิ นั ลอยกระทงนนั้ ไม่มหี ลกั ฐำนระบุแน่ชดั ว่ำเร่ิมตงั้ แต่เมอ่ื ใด แต่เช่ือว่ำประเพณีน้ีไดส้ ืบต่อกนั มำยำวนำนตงั้ แต่สมยัสุโขทยั โดยในรชั สมยั พ่อขุนรำมคำแหง เรียกประเพณีลอยกระทงน้ีว่ำ \"พิธจี องเปรียญ\" หรือ \"กำรลอยพระประทปี \" และมีหลกั ฐำนจำกศิลำจำรึกหลกั ท่ี 1 กล่ำวถึงงำนเผำเทยี นเล่นไฟว่ำเป็นงำนร่ืนเริงท่ใี หญ่ท่สี ุดของกรุงสุโขทยั ทำใหเ้ ช่ือกนั ว่ำงำนดงั กล่ำวน่ำจะเป็นงำนลอยกระทงอย่ำงแน่นอน
ในสมยั ก่อนนนั้ พิธลี อยกระทงจะเป็ นกำรลอยโคม โดยพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยู่หวัรชั กำลท่ี 5 ไดท้ รงสนั นิษฐำนว่ำ พิธลี อยกระทงเป็นพิธขี องพรำหมณ์ จดั ข้ึนเพ่ือบูชำเทพเจำ้ 3 องค์คอื พระอศิ วร พระนำรำยณ์ และพระพรหม ต่อมำไดน้ ำพระพุทธศำสนำเขำ้ ไปเก่ยี วขอ้ ง จึงใหม้ กี ำรชกั โคม เพ่ือบูชำพระบรมสำรีริกธำตุ และลอยโคมเพ่ือบูชำรอยพระบำทของพระพุทธเจำ้
ก่อนท่นี ำงนพมำศ หรือ ทำ้ วศรีจุฬำลกั ษณ์ สนมเอกของพระร่วงจะคดิ คน้ ประดิษฐก์ ระทงดอกบวั ข้ึนเป็นคนแรกแทนกำรลอยโคมดงั ปรำกฏในหนงั สอื นำงนพมำศท่วี ่ำ \"ครนั้ วนั เพ็ญเดอื น 12 ขำ้ นอ้ ยไดก้ ระทำโคมลอย คดิตกแต่งใหง้ ำมประหลำดกว่ำโคมสนมกำนลั ทงั้ ปวงจงึ เลอื กผกำเกสรสตี ่ำง ๆ มำประดบั เป็นรูปกระมุทกลบี บำนรบั แสงจนั ทรใ์ หญ่ประมำณเท่ำกงระแทะ ลว้ นแต่พรรณดอกไมซ้ อ้ นสสี ลบั ใหเ้ ป็นลวดลำย...\"
เมอ่ื สมเดจ็ พระร่วงเจำ้ ไดเ้ สดจ็ ฯ ทำงชลมำรค ทอดพระเนตรกระทงของนำงนพมำศกท็ รงพอพระรำชหฤทยั จึงโปรดใหถ้ อื เป็นเยย่ี งอย่ำง และใหจ้ ดั ประเพณีลอยกระทงข้ึนเป็นประจำทุกปี โดยใหใ้ ชก้ ระทงดอกบวั แทนโคมลอย ดงั พระรำชดำรสั ทว่ี ่ำ \"ตงั้ แต่น้ีสบื ไปเบ้อื งหนำ้ โดยลำดบั กษตั ริยใ์ นสยำมประเทศถงึ กำลกำหนดนกั ขตั ฤกษ์วนั เพญ็ เดอื น 12 ใหท้ ำโคมลอยเป็นรูปดอกบวั อุทศิ สกั กำรบูชำพระพุทธบำทนมั มทำนทตี รำบเท่ำกลั ปำวสำน\" พธิ ลี อยกระทงจึงเปลย่ี นรูปแบบตงั้ แต่นนั้ เป็นตน้ มำ
ประเพณีลอยกระทงสบื ต่อกนั เร่ือยมำ จนถึงกรุงรตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ สมยั รชั กำลท่ี 1 ถึงรชั กำลท่ี 3 พระบรมวงศำนุวงศต์ ลอดจนขุนนำงนิยมประดิษฐก์ ระทงใหญ่เพ่ือประกวดประชนักนั ซ่ึงตอ้ งใชแ้ รงคนและเงินจำนวนมำก พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกลำ้ เจำ้ อยู่หวั รชั กำลที่ 4ทรงเหน็ ว่ำเป็นกำรส้นิ เปลอื ง จึงโปรดใหย้ กเลกิ กำรประดิษฐก์ ระทงใหญ่แข่งขนั
และโปรดใหพ้ ระบรมวงศำนุวงศท์ ำเรือลอยประทปี ถวำยองคล์ ะลำแทนกระทงใหญ่ และเรียกช่ือว่ำ \"เรือลอยประทปี \" ต่อมำในรชั กำลท่ี 5 และรชั กำลท่ี 6 ไดท้ รงฟ้ื นฟูพระรำชพิธนี ้ีข้ึนมำอกีครงั้ จนมำถงึ พระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยู่หวั ภูมพิ ลอดุลยเดชรชั กำลท่ี 9 ท่ที รงกระทำเป็นกำรสว่ นพระองคต์ ำมพระรำชอธั ยำศยั
สำเหตุทม่ี ปี ระเพณีลอยกระทงข้ึนนนั้ เกดิ จำกควำมเช่ือหลำย ๆ ประกำรของแต่ละทอ้ งท่ี ไดแ้ ก่ 1. เพ่อื แสดงควำมสำนึกถึงบุญคุณของแม่นำ้ ทใ่ี หเ้ รำไดอ้ ำศยั นำ้ กนิ นำ้ ใช้ ตลอดจนเป็นกำรขอขมำต่อพระแม่คงคำ ทไ่ี ดท้ ้งิ ส่งิ ปฏกิ ูลต่ำง ๆ ลงไปในนำ้ อนั เป็นสำเหตุใหแ้ หล่งนำ้ ไมส่ ะอำด 2. เพ่อื เป็นกำรสกั กำระรอยพระพุทธบำทนมั มทำนที เมอ่ื ครำวทพ่ี ระพุทธเจำ้ เสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนำคพิภพ และไดท้ รงประทบั รอยพระบำทไวบ้ นหำดทรำยแม่นำ้ นมั มทำนที ซ่ึงเป็นแม่นำ้ สำยหน่ึงอยู่ในแควน้ทกั ขิณำบถของประเทศอนิ เดีย ปัจจุบนั เรียกว่ำแม่นำ้ เนรพุททำ
3. เพ่อื เป็นกำรสะเดำะเครำะห์ เพรำะกำรลอยกระทงเปรียบเหมอื นกำรลอยควำมทุกข์ ควำมโศกเศรำ้ โรคภยั ไขเ้ จ็บ และส่งิ ไม่ดีต่ำง ๆ ใหล้ อยตำมแม่นำ้ ไปกบั กระทง คลำ้ ยกบั พิธลี อยบำปของพรำหมณ์ 4. เพ่อื เป็นกำรบูชำพระอุปคุต ทช่ี ำวไทยภำคเหนือใหค้ วำมเคำรพ ซ่ึงบำเพ็ญเพยี รบริกรรมคำถำอยู่ในทอ้ งทะเลลกึ หรือสะดอื ทะเล โดยมตี ำนำนเล่ำว่ำพระอุปคุตเป็นพระมหำเถระรูปหน่ึงทม่ี อี ทิ ธฤิ ทธ์มิ ำก สำมำรถปรำบพญำมำรได้
5. เพ่ือรกั ษำขนบธรรมเนียมของไทยไวม้ ใิ หส้ ูญหำยไปตำมกำลเวลำ และยงั เป็นกำรส่งเสริมกำรท่องเท่ียวใหเ้ กดิ ข้ึนทงั้ ชำวไทยและชำวต่ำงประเทศ 6. เพ่ือควำมบนั เทงิ เริงใจ เน่ืองจำกกำรลอยกระทงเป็นกำรนดั พบปะสงั สรรคก์ นั ในหมู่ผูไ้ ปร่วมงำน 7. เพ่ือสง่ เสริมงำนฝีมอื และควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ เพรำะเมอ่ื มเี ทศกำลลอยกระทง มกั จะมกี ำรประกวดกระทงแข่งกนั ทำใหผ้ ูเ้ ขำ้ ร่วมไดเ้ กดิ ควำมคิดแปลกใหม่ และยงั รกั ษำภูมปิ ัญญำพ้ืนบำ้ นไวอ้ กี ดว้ ย
ลกั ษณะกำรจดั งำนลอยกระทงของแต่ละจงั หวดั และแต่ละภำคจะมเี อกลกั ษณท์ ่แี ตกต่ำงกนั คอื - วนั ลอยกระทง ภำคเหนือ (ตอนบน) จะเรียกประเพณีลอยกระทงว่ำ \"ยเ่ี ป็ง\" อนั หมำยถงึ กำรทำบุญในวนั เพ็ญเดือนย่ี (เดือนยถ่ี ำ้ นบั ตำมลำ้ นนำจะตรงกบั เดอื นสบิ สองในแบบไทย) โดยชำวเหนือจะนิยมประดิษฐโ์ คมลอย หรือทเ่ี รียกว่ำ \"ว่ำวฮม\" หรือ \"ว่ำวควนั \" โดยกำรใชผ้ ำ้ บำง ๆ แลว้ สุมควนั ขำ้ งใต้ ใหโ้ คมลอยข้ึนไปในอำกำศเพ่ือเป็นกำรบูชำพระอุปคุต ซ่ึงเช่ือกนั ว่ำท่ำนบำเพ็ญบริกรรมคำถำอยู่ในทอ้ งทะเลลกึ หรือสะดอื ทะเล ตรงกบั คติของชำวพม่ำ
- วนั ลอยกระทง จงั หวดั ตำก จะประดิษฐก์ ระทงขนำดเลก็ แลว้ ปล่อยลอยไปพรอ้ ม ๆ กนั เพ่ือใหเ้ รียงรำยเป็นสำยเรียกว่ำ \"กระทงสำย\" - วนั ลอยกระทง จงั หวดั สุโขทยั เป็นอกี หน่ึงจงั หวดั ทมี่ ชี ่ือเสยี งในเร่ืองประเพณีลอยกระทง ดว้ ยควำมเป็นจงั หวดั ตน้กำเนิดของประเพณีน้ี โดยกำรจดั งำน ลอยกระทงเผำเทียนเล่นไฟ ทจ่ี งั หวดั สุโขทยั ถูกฟ้ื นฟูกลบั มำอีกครงั้ หน่ึงในปี พ.ศ.2520 ซ่ึงจำลองบรรยำกำศงำนมำจำกงำนลอยกระทงสมยั กรุงสุโขทยั และหลงั จำกนนั้ กม็ กี ำรจดั งำนลอยกระทงเผำเทียนเล่นไฟข้ึนท่จี งั หวดั สุโขทยั ทุก ๆ ปี มที งั้ กำรจดั ขบวนแห่โคมชกั โคมแขวน กำรเล่นพลุ ตะไล และไฟพะเนียง
- วนั ลอยกระทง ภำคตะวนั ออกเฉียงเหนือ งำนลอยกระทงจะเรียกว่ำ เทศกำลไหลเรือไฟ โดยจดั เป็นประเพณีย่งิ ใหญ่ทุกปีในจงั หวดั นครพนม มกี ำรนำหยวกกลว้ ย หรือวสั ดุต่ำง ๆ มำตกแต่งเรือ และประดบั ไฟอย่ำงสวยงำมและตอนกลำงคนื จะมกี ำรจุดไฟปล่อยกระทงใหไ้ หลไปตำมลำนำ้ โขง - วนั ลอยกระทง กรุงเทพมหำนคร มกี ำรจดั งำนลอยกระทงหลำยแห่ง แต่ท่เี ป็นไฮไลทอ์ ยู่ท่ี \"งำนภูเขำทอง\" ท่จี ะเนรมติ งำนวดั เพ่ือเฉลมิ ฉลองประเพณีลอยกระทง สว่ นใหญ่จดั อยู่รำว 7-10 วนั ตงั้ แต่ก่อนวนั ลอยกระทงจนถงึ หลงั วนั ลอยกระทง
เมอ่ื เรำไดย้ นิ เพลง \"รำวงลอยกระทง\" ทีข่ ้นึ ตน้ ว่ำ \"วนั เพ็ญเดือนสบิ สอง นำ้ นองเตม็ ตล่งิ ...\" น่นั เป็นสญั ญำณว่ำใกลจ้ ะถงึ วนั ลอยกระทงแลว้ ซ่ึงเพลงน้ีเป็นท่คี ุน้ หูของทงั้ ชำวไทย และชำวต่ำงชำติ เพรำะในต่ำงประเทศมกั เปิดเพลงน้ีตอ้ นรบั นกั ท่องเท่ยี ว เพ่อื แสดงถึงควำมเป็นประเทศไทย เพลงรำวงวนั ลอยกระทงแต่งโดยครูแกว้ อจั ฉริยะกุล ผูใ้ หท้ ำนองคอื ครูเอ้อื สุนทรสนำน แห่งสุนทรำภรณ์ ซ่ึงครูเอ้อื ไดแ้ ต่งเพลงน้ีตงั้ แต่ ปีพ.ศ. 2498 ขณะทไ่ี ดไ้ ปบรรเลงเพลงท่บี ริเวณคณะบญั ชี มหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร์ และมผี ูข้ อเพลงจำกครูเอ้อื ครูเอ้อื จึงน่งั แต่งเพลงน้ีท่รี ิมแม่นำ้เจำ้ พระยำ ในระยะเวลำเพยี งคร่ึงชว่ั โมงจงึ เกดิ เป็น เพลงรำวงลอยกระทง ที่ตดิ หูกนั มำทุกวนั น้ี มเี น้ือรอ้ งว่ำ วนั เพ็ญเดอื นสบิ สอง นำ้ นองเตม็ ตล่งิ เรำทงั้ หลำยชำยหญงิ สนุกกนั จริง วนั ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอยกระทงกนั แลว้ ขอเชิญนอ้ งแกว้ ออกมำรำวง รำวงวนั ลอยกระทง รำวงวนั ลอยกระทง บุญจะสง่ ใหเ้ รำสุขใจ บุญจะสง่ ใหเ้ รำสุขใจ
ด.ช ภำนุวฒั น์ ใจวงัม.3เลขท่1ี
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: