Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore jojohistory

jojohistory

Published by samlee saleedang, 2018-09-17 03:22:32

Description: jojonew

Keywords: hit,historyofchina

Search

Read the Text Version

1

กคานา เอกสารประกอบการสอนการสอน เร่ือง ประวัตศิ าสตร์จีน เล่มนี้สาหรับชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 5 จัดทาขึน้ เพ่ือให้ผู้เรียนได้มีความรู้ถึงประวัติความเป็ นมา ความสาคัญ วัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ ของประเทศจีน โดยการให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าจากเอกสารประกอบการสอน ฝึ กทากิจกรรมต่างๆหลังจากเรียนจบในบทเรียน พร้ อมทัง้สามารถประเมนิ ผลการเรียนของตวั เองได้จากกิจกรรมการเรียนรู้ เอกสารประกอบการสอนชุดนี้ สามารถนาไปใช้ได้ในการสอนเสริม หรือทบทวนเนือ้ หาเพ่มิ เตมิ ได้อย่างเหมาะสม โดยเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง เอกสารประกอบการสอน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 5ผู้สอนได้จัดทาขึน้ ทัง้ หมด 1 เล่ม คือ เร่ือง ประวัติศาสตร์จีน หวังเป็ นอย่างย่ิงว่าเอกสารประกอบการสอนชุดนี้ จะเป็ นประโยชน์ต่อผู้เรียนผู้สนใจและผู้สอนได้ นาไปศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมหรือผู้สอนท่ีนาไปใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ให้มปี ระสิทธภิ าพมากย่งิ ขึน้

สารบญั ข第一课 第一课史前时期(Shǐqián shíqí) หน้า บทที่1 ยุคกอ่ นประวัติศาสตร์ 1-5第二课 远古时代 (Yuǎngǔ shídài) บทท่ี2 ยคุ โบราณ การกาเนดิ ประเทศจนี 6-16第三课 王朝和帝国 (Wángcháo hé dìguó) 17-31 บทที่3 สมยั ราชวงศแ์ ละจกั รวรรดิ第四课 革命的中国 (Gémìng de zhōngguó) 32-36 บทท่4ี ยคุ ปฏวิ ตั ปิ ระเทศจนี第五课 中国新时代(Zhōngguó xīn shídài) 37-44 บทท่ี5 จนี ยคุ สมยั ใหม่

ก1 . เพ่อื ให้นักเรียนมคี วามรู้ทางวชิ าการ ให้ผู้เรียนมคี วามรู้เก่ียวกับประวตั ศิ าสตร์จนี ของประเทศจีน2 . เพ่อื ให้นักเรียน ได้เข้าใจถงึ วฒั นธรรมของประเทศจนี อย่างลึกซงึ้3. เพ่อื สร้างทกั ษะด้านต่างๆให้ผู้เรียนได้พฒั นาทกั ษะการฟัง พดู อ่านเขยี นภาษาจีน

1 第一课 :史前时期(Shǐqián shíqí) บทท่1ี ยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ยคุ หนิ เริ่มขนึ ้ ตงั้ แต5่ 00,000 ถงึ 4,000ปี แบง่ ออกเป็น 3ยคุ ยอ่ ยไดแ้ ก่ยคุ หนิ เกา่ คนในยคุ หินเกา่ ดํารงชีพด้วยการลา่ สตั ว์ และเสาะแสวงหาพชื ผกั ผลไม้กินเป็นอาหารมีการพงึ่ พาอาศยั ธรรมชาติและสภาวะแวดล้อมอยา่ งเตม็ ท่ี กลา่ วคอื เมอื่ ฝงู สตั ว์ทลี่ า่ เป็นอาหารหมดลงก็ต้องอพยพย้ายถิ่นติดตามฝงู สตั ว์ไปเร่ือย ๆการท่ีมนษุ ย์จําเป็นต้องแสวงหาถ่ินที่อย่ใู หม่เพราะต้องลา่ สตั ว์ดงั กลา่ ว อาจทําให้คนต้องปรับพฤติกรรมการบริโภคไปในตวั ด้วย เนื่องจากชีวิตสว่ นใหญ่ของคนในยคุ หนิ เก่าต้องอยู่ กบั การแสวงหาอาหารและการป้องกนั ตวั จากสตั ว์ร้ายและภยัธรรมชาติรวมถึงการตอ่ ส้ใู นหมพู่ วกเดยี วกนั เพือ่ การอยรู่ อด จึงทาํ ให้ต้องพฒั นาเก่ียวกบั เครื่องมือลา่ สตั ว์ โดยการพฒั นาอาวธุ ท่ีทําด้วยหนิ สาํ หรับตดั ขดู หรือ สบั เชน่ หอก มดี และเข็ม เป็นต้นมกี ารพบหลกั ฐานแสดงวา่ คนยคุ หินเกา่ ในชว่ งปลายมคี วามสามารถในการจบั สตั ว์นาํ ้ ได้ดีและมกี ารคมนาคมทางนาํ ้ เกิดขนึ ้ แล้วเทคโนโลยีของยคุ กินเกา่ ตอนปลายจะมีขนาดเลก็ กวา่ ยคุ หินเกา่ ตอนต้น หนิ ขูดและประโยชน์ใช้สอยดขี นึ ้ กวา่ เดมิ คนยคุ หนิ เก่าตอนกลางจะมีวฒั นธรรมแบง่ ออกเป็น 2 กลมุ่ คอื กลมุ่ หนง่ึ อาศยั อยบู่ นภเู ขา ตามถาํ ้ หรือเพงิ ผา สว่ นอกี กลมุ่ หนง่ึ อาศยั อยบู่ นพนื ้ ราบ ริมนาํ ้ หรือชายทะเล

2ยคุ หนิ กลางมอี ายปุ ระมาณ 10,000 ปี – 6,000 ปีลว่ งมาแล้ว เคร่ืองใช้ยุคหนิ กลางใช้ชวี ติ กึง่ เร่ร่อน ไมม่ กี ารตงั้ หลกั แหลง่ ถาวร มนษุ ย์ในชว่ งเวลานมี ้ กี ารพฒั นาขนึ ้ จากยคุ หินเกา่ จบั ปลาและลา่ สตั วเ์ กง่ กวา่เร่ิมรู้จกั การเพาะปลกู แบบง่าย ๆมีการปรับ ปรุงการทําเคร่ืองมือหนิ กะเทาะให้มคี วามประณีตมากขนึ ้และมีการใช้สะเก็ดหนิ ทําเคร่ืองมอื ด้วย รู้จกั ทําเคร่ืองปัน้ ดินเผา ขวานหนิมกี ารประกอบพธิ ีกรรมในการฝังศพยุคหินใหม่ มีอายปุ ระมาณ 6,000 ปี – 4,000 ปีลว่ งมาแล้วเริ่มตงั้ หลกั แหลง่ เป็นชมุ ชน รู้จกั เพาะปลกู ข้าวฟ่าง เลยี ้ งสตั ว์ ทอผ้า ปลกู บ้านมหี ลงั คา ในยคุ หินใหมน่ มี ้ มี นษุ ย์ทําเคร่ืองปัน้ ดินเผาทส่ี วยงามมากขนึ ้ และเขยี นลายสี มนษุ ยย์ คุ นี ้มีความเจริญทางวตั ถมุ ากกวา่ ยคุ หินกลาง รู้จกั ควบคมุ ธรรมชาตมิ าก ขนึ ้ รู้จกั พฒั นาการทาํ เครื่องมอื หินอยา่ งประณตี โดยมีการขดั ฝนหนิ ทงั้ ชิน้ ให้เป็นรูปร่างลกั ษณะตา่ งๆ เพ่ือให้เคร่ืองมือมปี ระสทิ ธิภาพในการใช้สอยมากขนึ ้ กวา่เครื่องมอื รุ่นก่อนหน้านี ้ เช่น มีดหินทสี่ ามารถตดั เฉือนได้แบบมดี โลหะ มีการตอ่ ด้ามยาวเพอ่ื ใช้แผน่ หนิ ลบั คมเป็นเสยี มขดุดนิ หรือตอ่ ด้ามไม้สาํ หรับจบั เป็นขวานหิน สามารถปัน้ หม้อดนิ และใช้ไฟเผา สามารถทอผ้าจากเส้นใยพืชและทอเป็นเชือกทาํ เป็นแหหรืออวนจบั ปลา ลกั ษณะสาํ คญั อีกประการหนงึ่ ทจ่ี ําแนกมนษุ ย์ยคุ หินใหมอ่ อกจากมนษุ ย์ยคุ หินกลางก็คือการที่มนษุ ยย์ คุ นรี ้ ูจกั การเพาะปลกู และเลยี ้ งสตั ว์ในระดบั ทซี่ บั ซ้อนมากขนึ ้ เชน่ มกี ารปลกู ข้าวและพชื อื่นๆ เชน่ ถว่ั ฟัก บวบและเลยี ้ งสตั ว์หลายชนดิ มากขนึ ้ เชน่ แพะ แกะ และ ววั ซง่ึ ก็คงทงั้ ไว้ใช้งานและเป็นอาหาร การเพาะยุคหนิ ใหม่

3ยุคโลหะมีอายปุ ระมาณ 4,000 ปีลว่ งมาแล้วหลกั ฐานทเี่ ก่าสดุ คือมดี ทองแดง แล้วยงั พบเครื่องสาํ ริดเกา่ ท่ีสดุ ซง่ึ นาํ มาใช้ทําภาชนะตา่ ง ๆเชน่ ที่บรรจไุ วน์ กระถาง กระจกเงา มีขนาดใหญแ่ ละสวยงาม มากโดยเฉพาะสมยั ราชวงค์ชาง และ ราชวงค์โจวในยคุ นคี ้ วามเป็นอยขู่ องมนษุ ยเ์ ปลยี่ นแปลงไปมากทงั้ ด้านการเมอื งและสงั คม ชมุ ชนเกษตรกรรมขยายตวัจนกลายเป็นชมุ ชนเมอื ง จงึ มีการจดั แบง่ ความสมั พนั ธ์ตามความสามารถ เช่น กลมุ่ อาชพี มกี ารจดั ระเบยี บสงั คม การล่าสัตว์ยุคโลหะเป็นกลมุ่ ชนชนั้ ตา่ งๆ ซง่ึ เออื ้ อาํ นวยตอ่ การผลติอนั นําไปสคู่ วามมน่ั คงปลอดภยั กวา่ เดมิ และมคี วามสะดวกสบายมากขนึ ้ นําไปสพู่ ฒั นาการทางสงั คมสคู่ วามเป็นรัฐในเวลาตอ่ มายคุ โลหะแบ่งออกเป็ น 3 ยคุ ย่อย คอื ยุคทองแดง ยุคสาริด และยุคเหลก็1. ยคุ ทองแดง มนษุ ย์ยคุ นไี ้ ด้มกี ารนําทองแดงมาทาํ อาวธุ สง่ิ ของเคร่ืองใช้และเคร่ืองประดบั แตก่ ็ยงั คงมเี ครื่องมอื หนิ ขดัใช้อยู่2. ยุคสาริด ยคุ สาํ ริดเร่ิมต้นในภภู าคตา่ งๆ ของโลกเม่ือประมาณ 4,000 – 2,700 ปีมาแล้ว3. ยคุ เหลก็ ชว่ งเวลานเี ้ริ่มต้นจากพฒั นาการทางด้านเทคโนโลยีการผลติ โลหะของมนษุ ย์ที่สามารถหลอมโลหะประเภทเ ห ล็ ก ขึ น้ ม า ทํ า เ ค รื่ อ ง มื อ เ ค รื่ อ ง ใ ช้ ไ ด้ เ ม่ื อ ป ร ะ ม า ณ ปี 2,700 – 2,000 ปี ม า แ ล้ ว เคร่ืองมอื ยคุ โลหะ

4ประเทศจีนเป็นประเทศที่มอี ารยธรรมที่เก่าแกท่ ี่สดุ ในโลก เป็นประเทศทค่ี ้นพบมนษุ ย์โบราณ ซงึ่ เป็นมนษุ ย์ยคุ แรกเร่ิมการกําเนดิ ของมนษุ ย์ชาติรวมทงั้ อารยธรรมมนษุ ย์ตงั้ แตย่ คุ หนิ เกา่ และเป็นประเทศที่มีมรดกทางวฒั นธรรมท่ีหลากหลายที่สดุในโลก โดยมกี ารค้นพบมนษุ ย์ในช่วงนี ้元某人 , 蓝田人, 北京人( Homo erectus yuan mouensis )มนษุ ย์ยคุ แรกของการค้นพบ ถกู ค้นพบในปี ค.ศ. 1965 ท่ีมณฑลยูนาน(云南省)อาเภอ หยวนโมว (元谋县)หลกั ฐานการค้นพบโดยนกั โบราณคดี ได้ค้นพบซากฟันของมนษุ ย์ กระดกู และอปุ กรณ์การดํารงชีวิตและสณั นิษฐานการกําเนิดของมนษุ ย์ยคุ นี ้ ราว17 ล้านปีมาแล้ว โครงกระดกู มนุษย์โบราณ北京人 (Sinanthropus pekinensis) ถกู ค้นพบในปี ค.ศ. 1929 บริเวณตะวนั ตกและตะวนั ตกของ ภูเขาหลงกู่ซาน (龙骨山 ) มณฑลปักกิ่ง เลยเป็นที่มาของช่ือ มนษุ ย์โบราณ ปักก่ิง หรือมนุษย์วานรปักก่ิง ( 中国猿人北京 )โดยหลกั ฐานที่ค้นพบก็ คือ ชิน้ สว่ นกะโหลกมนษุ ย์โบราณ และอปุ กรณ์การใช้ในการดาํ รงชีพ โดยพบวา่ อปุ กรณ์เหลา่ นี ้ มีการพฒั นาเพอ่ื ความอยรู่ อดในการดํารงชีวิต หุ่นจาลองมนุษย์หยวนโหม่ว เช่น มีอปุ กรณ์ในการล่าสตั ว์ มีการเรียนรู้การใช้ไฟช่วงเวลาของมนษุ ย์ปักกิ่ง ราว 7-2 ล้านปีมาแล้ว顶洞人 ยคุ มนษุ ย์ถํา้ ถกู ค้นพบในปี ค.ศ. 1930 บริเวณตะวนั ตกและตะวนั ออกของภเู ขาหลงกู่ซาน (龙骨山 ) มณฑลปักกิ่ง ช่วงเวลาของมนษุ ย์ถํา้ ราว 18,000 ปี โดยมนษุ ย์ยคุ ถํา้ ในยคุ นีม้ ีลกั ษระใกล้เคียงกบั มนษุ ย์ยคุปัจจบุ นั มากท่ีสดุ มกี ารคิดค้นอปุ กรณ์ในการดาํ รงชีวติ โดยทาํ มาจากหนิ แตม่ คี วามประณีตกวา่ ยคุ กอ่ นๆ มีการนํากระดกูมาทําเป็นอปุ กรณ์ตา่ งๆ เชน่ เขม็ กระดกู ริเร่ิมการถกั ทอ เย็บผ้า มนษุ ย์ถํา้ ยคุ นีม้ กี ารใช้ไฟลา่ สตั ว์ เช่น จบั หมู จบั ปลา และแบง่ แยกพืชมาทาํ เป็นอาหารลกั ษณะพิเศษของมนษุ ย์ถํา้ อีกอยา่ งคอื การจดั ตงั้ กลมุ่ การรวมกลมุ่ โดยอาศยั เลอื ดเนอื ้ เชือ้ ไข วิวัฒนาการของมนุษย์

5คาถามท้ายบทท่ี11 มนุษย์ยุคหนิ เก่ามีลักษณะสาคัญอย่างไร……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………2 มนุษย์ยุคหนิ กลางมีลักษณะสาคญั อย่างไร……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………3 มนุษย์ยุคหนิ ใหม่มีลักษณะสาคญั อย่างไร……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………4 มนุษย์ยุคโลหะมีลักษณะสาคญั อย่างไร……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………5 มนุษย์หยวนโมวมลี ักษณะสาคัญอย่างไร……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

6第二课:远古时代 (Yuǎngǔ shídài) บทท่2ี ยุคโบราณเมื่อ 4000 ปีกอ่ น ลมุ่ แมน่ าํ ้ หวงเหอหรือแมน่ าํ ้ เหลอื งเกิดอทุ กภยั ครัง้ ร้ายแรง “ต้าอว่ี” (อ)่ีได้รับคาํ สง่ั ให้ไปแก้ปัญหาอทุ กภยั และประสบความสาํ เร็จในท่สี ดุจึงกลายเป็นบคุ คลทีไ่ ด้รับความเลอ่ื มใสศรัทธาจาก ประชาชนทว่ั ไปซุน่ หวั หน้าผ้ยู ่งิ ใหญ่ของชนเผา่ หวั เซ่ยี ในเวลานนั้ ได้มอบราชบลั ลงั ก์ให้อวีส่ บื ทอดตอ่ เร่ืองราวเกี่ยวกบั “ต้าอว่ี”แก้ปัญหา อทุ กภยั ไดเลา่ ขานกนั มาจนกระทง่ั ทกุ วนั นี ้ ต้าหยว่ี แก้ปัญหานา้ ท่วมเลา่ กนั ว่า ในขณะท่ีเหยาเป็นหวั หน้าเผ่าอย่นู นั้ เกิดอทุ กภยั ครัง้ ร้ ายแรงมาก ไร่นาและบ้านถกู นํา้ ท่วมไปหมด ชาวบ้านทวั่ ไปต้องย้ายไปอยเู่ นนิ สงู เหยาเรียกเปิดประชมุ เพอ่ื ปรึกษาหารือแก้ปัญหาอทุ กภยั บรรดาหวั หน้าเผา่ ตา่ งก็เสนอชื่อให้ ”กนุ่ ” ซง่ึ เป็นบิดาของอว่ีไปหาทางแก้ไข ก่นุ ใช้เวลา 9 ปีใช้วิธีการถมดินปิดกนั้ ทางนํา้ ไหล แตไ่ มป่ ระสบความสําเร็จ ซํา้อทุ กภยั กลบั ร้ายแรงย่ิงขนึ ้ และยงั ถกู ฟอ้ งร้องกลา่ วหาวา่ ทจุ ริต“ซุน่ ” ผ้ไู ด้สืบราชบลั ลงั ก์ต่อจากเหยาได้สง่ั ให้ลงโทษประหารชีวิต ”ก่นุ ” และมอบหมายให้ ”อวี่” (อ่ี) ลกู ชายของ”ก่นุ ”ไปแก้ปัญหาอทุ กภยั“อว่ี” ได้รับบทเรียนจากความล้มเหลวของบดิ าตนทใ่ี ช้ทํานบ ปิดกนั้ ทางนํา้ ไหลไม่ได้ผลจึงใช้วิธีขดุ คลองระบายนํา้ ท่ีทว่ มอยใู่ ห้ไหลลงทะเลและขดุ ลอกแม่นํา้ เพ่ือระบายนํา้ แทน เขาใช้วิธีสํารวจทางนํา้ และสร้างแผนท่ีขนึ ้ มาก่อน แล้วจึงขดุคลองระบายนํา้ ให้นํา้ ที่ท่วม อย่มู ีทางไหลออกไปส่ทู ะเลได้ เขาม่งุ มนั่ นําพาพลเมืองให้ร่วมกันแก้ไขปัญหานํา้ ทวมด้วยตนเอง นําหน้าขดุ ดินและหาบดินด้วยตนเอง ในระหวา่ งการแก้อทุ กภยั เขาได้คิดประดิษฐ์เครื่องวดั หลายชนิด ตลอดจนวิธีการรังวดั และเขียนผงั หลายอย่าง ด้วยการใช้ความ พยายามเป็นเวลานานถึง13ปี จึงสามารถระบายนํา้ ลงส่ทู ะเลและปลูกพืชพันธ์ุธญั ญาหารในไร่นาได้ ด้วยคณุ งามความดใี นการแก้ปัญหานํา้ ท่วม ซุน่จึงได้มอบราชบลั ลงั ก์ให้อวี่สบื ทอดตอ่ ต้าหยว่ี แก้ปัญหานา้ ท่วม

7เลา่ กนั วา่ เพอ่ื แก้ไขนาํ ้ ทว่ ม อว่ีแตง่ งานได้ไมน่ านก็ต้องเดินทางออกจากบ้าน ในช่วงเวลา 13 ปีทเี่ ขาทํางานหนกั มาก เขาเคยผา่ นหน้าบ้านถึงสามครัง้ แตก่ ็ไมไ่ ด้แวะเข้าบ้านเลยแม้สกั ครัง้ ครัง้ หนงึ่ ขณะท่เี ขาผา่ นหน้าบ้านนนั้ ภรรยาเขาได้คลอด ลกู ชายชื่อ ”ฉี่” พอดี แม้อวี่ได้ยินเสยี งร้องไห้ของทารกแล้ว แตก่ ็อด กลนั้ ใจไว้ไมแ่ วะเข้าบ้านของตน ชนรุ่นหลงั ตา่ งยกยอ่ งสรรเสริญคณุ งามความดีในการแก้ไขปัญหา อทุ กภยั ของ ”อว่ี” จงึ เรียกเขาวา่ “ต้าอว”่ี (พระเจ้าอ)่ี แปลวา่ ”อวผ่ี ้ยู ง่ิ ใหญ่”ความเสียหายจากนา้ ท่วม เร่ืองเลา่ ขานนี ้ได้สะท้อนถงึ สภาพจิตใจของชมุ ชน ทไ่ี มห่ วาดหวน่ั คร่ันคร้ามตอ่ ภยั ธรรมชาติเม่ืออวแี่ ก้ปัญหาอทุ กภยั ได้ ก็เปรียบเสมอื นหนง่ึ วรี บรุษก้ชู าติ จงึ ได้รับการยกยอ่ งทวั่ ไปทงั้ จากผ้ปู กครองและประชาชน“ซุน่ ” จึงได้มอบราชสมบตั ใิ ห้เม่ืออวเี่ ป็นหวั หน้าเผา่ แล้วก็ได้เปลยี่ นช่ือเมืองหลวง เป็น ”เซ่ีย“ และเปลย่ี นเขตปกครองเสยี ใหมโ่ ดยแบง่ อาณาเขตประเทศเป็น 9 เขต เขาปกครองประเทศอยา่ งแขง็ ขนั ด้วยความพากเพยี ร ทําให้สงั คมในยคุ สมยั นนั้ พฒั นาก้าวไปสยู่ คุสมยั ใหม่ การขึน้ ครองราชย์ของกษัตร์ เซ่ยี

8ราชวงศเ์ ซยี่สถาปนาราชวงศ์เซ่ยี โดยพระเจ้าอว่ีราชวงศ์เซ่ีย (ภาษาองั กฤษ : Xia Dynasty) (ภาษาจีนกลาง : 夏朝) (: xià cháo)เป็นราชวงศ์แรกของจีน ปกครองประเทศจีนในชว่ ง 2100-1600 ปีกอ่ นคริสตกาลมีอายอุ ยไู่ ด้ราว 500 ปี การก่อตงั้ ราชวงศเ์ ซี่ยซงึ่ มีรากฐานของอาํ นาจจากการยดึ ครองทรัพย์สนิ เป็นของสว่ นตวั เป็นสญั ญาณวา่ สงั คมยคุ ดกึ ดําบรรพ์ พระเจ้าเซ่ยีทที่ รัพย์สนิ เป็นของสาธารณะอนั ยาวนาน กําลงั ถกู แทนทดี่ ้วยสงั คมแบบยดึ ครองทรัพย์สนิ สว่ นตวั และนีก่ ็เป็นววิ ฒั นาการในประวตั ศิ าสตร์ชว่ งเวลาหนง่ึ ทวา่ โดยปกตกิ ารกอ่ เกิดของระบบใหม่ มกั ต้องเผชิญกบั แรงต้านจากฝ่ายอนรุ ักษ์ เม่อื เซี่ยฉ่ี(夏启) บตุ รของเซี่ยหวีเ่ ข้ารับสบื ทอดตําแหนง่ ของบดิ า (禹) ก็ได้เชิญบรรดาหวั หน้าชนเผา่ จากดนิ แดนตา่ งๆ มาร่วมในงานเลยี ้ ง เพ่ือรับรองการขนึ ้ สตู่ าํ แหนง่ ใหมข่ องตนเมือ่ ถงึ ปลายราชวงศ์ ศนู ย์อาํ นาจภายในเกิดความวนุ่ วายทงั้ ภายในและภายนอกไมห่ ยดุ ยงั้ ข้อขดั แย้งทางชนชนั้ ทวีความรุนแรงมากขนึ ้ เมอื่ เซ่ียเจี๋ย (夏桀) ได้ขนึ ้ ครองบลั ลงั ก์ (ชว่ งกอ่ นคริสต์ศกั ราช 1,763 ปี ครองราชย์ 52 ปี) ก็ไมค่ ดิ จะปฏิรูปแก้ไขสง่ิ ใด ยงั คงเหอ่ เหมิ ฟงุ้ เฟ้อในอาํ นาจ โดยสงั่ ให้ก่อสร้างตําหนกั พระราชวงั ใช้จ่ายเงินทองฟ่ มุ เฟือยมากมาย มวัเมาอยกู่ บั สรุ านารี โดยไมส่ นใจใยดีตอ่ ความทกุ ขย์ ากของเหลา่ ประชาราษฎร์พากนั กน่ ดา่ ประณาม เหลา่ ขนุ นางที่จงรักภกั ดี กลบั ถกู สงั่ คมุ ขงั หรือประหารชีวติ บรรดาเจ้านายชนั้ สงู ตา่ งก็พากนั เอาใจออกหา่ ง เซย่ี เจ๋ียจงึ ตกอยใู่ นฐานะโดดเด่ยี ว ซางทงั (商汤) ซงึ่ เป็นปฐมกษตั ริย์ตอ่ มาคือราชวงศ์ซาง เหน็ เป็นโอกาสเหมาะ จงึ ใช้ข้ออ้างวา่ \"ฟา้ กําหนด\"กลา่ วหาวา่ เซย่ี ทําผดิ ตอ่ ฟา้ จงึ ต้องถกู ลงทณั ฑ์ โดยขอให้ทกุ คนรวมพลงั กนั เข้าโจมตี เพอ่ื บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์แหง่ ฟา้ การศกึระหวา่ งซางทงั และเซยี่ เจย๋ี ทห่ี มิงเถียว (鸣条) ซางทงั ชนะ เจี๋ยหลบหนไี ป และเสยี ชีวติ ทีห่ นานเฉา ราชวงศเ์ ซย่ี จงึ ถึงกาลอวสานอาณาเขตสมัยราชวงศ์ เซ่ยี

9ราชวงศช์ าง (商朝; พนิ อนิ : Shāng cháo)(จีน: 商朝; พินอนิ : Shāng cháo; องั กฤษ: Shang dynasty) สมยั ราชวงศ์ชาง เป็นราชวงศ์โบราณท่ีสดุ ของจีนที่มบี นั ทกึ ทางประวตั ิศาสตร์ วงการประวตั ศิ าสตร์ของจีนมกั จะเหน็ วา่ ราชวงศ์เซย่ี เป็นราชวงศ์ที่โบราณทส่ี ดุ ของจีน แต่ข้อมลู เก่ียวกบั ราชวงศ์เซย่ี สว่ นใหญ่เป็นบนั ทกึ ในหนงั สอื ยคุ หลงั ทงั้ สนิ ้ จนถงึ ปัจจบุ นั ก็ยงั ค้นไมพ่ บพยานหลกั ฐานท่ีนา่ เชื่อถือทางโบราณคดี สว่ นราชวงศ์แรกท่ีมพี ยานหลกั ฐานทเี่ ช่อื ถือได้ และได้จากการค้นพบทางโบราณคดขี องจีน คอืราชวงศช์ าง เคร่ืองมือท่ีทาจากสาริดราชวงศช์ าง สถาปนาขนึ ้ ประมาณศตวรรษที่ 16 ก่อนคริสต์ศกั ราช สนิ ้ สดุ ลงเมอื่ ศตวรรษที่ 11 ก่อนคริสต์ศกั ราช กินเวลาประมาณ 600 ปี ชว่ งแรกราชวงศช์ างเคยย้ายเมืองหลวงหลายครงั้ ในทีส่ ดุ ได้ตงั้ เมืองหลวงขนึ ้ ทกี่ รุงยิน (บริเวณเมอื งอนั หยางของมณฑลเหอหนานในปัจจบุ นั ) พยานหลกั ฐานทางโบราณคดพี สิ จู น์ได้วา่ ในช่วงราชวงศ์ชาง อารยธรรมจีนได้พฒั นาไปถงึ ระดบั สงู พอสมควร สญั ลกั ษณ์ที่สาํ คญั คอื ตวั อกั ษรโบราณทสี่ ลกั ไว้บนกระดองเตา่ หรือกระดกู สตั ว์และวฒั นธรรมทองสมั ฤทธิ์ การขดุ ค้นทางโบราณคดแี ละการวจิ ยั ทางศกึ ษาวชิ าการพสิ จู น์วา่ ในสมยั ราชวงศ์ซาง มีประเทศเกิดขนึ ้ แล้วระบอบกรรมสทิ ธิ์ก็ได้กําหนดขนึ ้ ตงั้ แตส่ มยั นเี ้ป็นต้นมา จีนก็ได้พฒั นาเข้าสสู่ มยั อารยธรรม อักษรบนกระดองเต่า

10ราชวงศ์ชางปกครองชนเผา่ ตา่ งๆ ในเขตสองฝ่ังลมุ่ แมน่ าํ ้ หวางเหอ แตอ่ ํานาจมีอยอู่ ยา่ งแท้จริงเฉพาะบริเวณรอบๆ เม่อื งหลวงเทา่ นนั้ กษตั ริย์ราชวงศ์ชางยงั ต้องทาํ สงครามกบั ชนเผา่ ตา่ งๆ อยู่ จงึ ต้องสะสมกาํ ลงั ทหารให้เข้มแขง็ และสร้างระบบความเช่ือและพิธีกรรมทางศาสนามาสนบั สนนุ ความชอบธรรมในการใช้อํานาจปกครองสงั คมในสมยั ราชวงศ์ชางมีการแบง่ ชนชนั้ โดยใช้ฐานะทางสงั คมและเศรษฐกิจเป็นตวั กําหนด ชาวชางนบั ถือเทพเจ้าในธรรมชาติ บรรพบรุ ุษผ้ลู ว่ งลบั และเทพเจ้าแหง่ สงครามปลายสมยั ราชวงศ์ชาง ชนเผา่ ทตี่ งั้ อยทู่ างตะวนั ตกของมณฑลฉา่ นซี มีอํานาจมากขนึ ้ และยกทพั เข้ามาโคน่ ล้มอาํ นาจของราชวงศช์ างพร้อมกบั สถาปนาราชวงศ์โจวขนึ ้อารยธรรมสมยั ราชวงศ์ชาง➟ มีการปกครองแบบนครรัฐ ➟ มีการประดษิ ฐ์ตวั อกั ษรขนึ ้ ใช้เป็นครัง้ แรก พบจารึกบนกระดองเตา่ และกระดกู ววั เรื่องทจ่ี ารึกสว่ นใหญ่เป็นการทํานายโชคชะตา จงึ เรียกวา่ “กระดกู เสย่ี งทาย” ➟ มีความเชื่อเร่ืองการบชู าบรรพบรุ ุษ บรรดาสนมใน ยคุ ราชวงศ์ชาง

11ราชวงศโ์ จว (ภาษาองั กฤษ:Zhou Dynasty, ภาษาจีนกลาง:周朝, พนิ อิน: Zhōu Cháo)สมยั โจว (ตะวนั ตกกบั ตะวนั ออก) ราชวงศโ์ จวเป็นราชวงศท์ ี่สามหลงั จากราชวงศเ์ ซ่ียและราชวงศซ์ าง สถาปนาข้ึนประมาณปี 1027 ก่อนคริสตศ์ กั ราช และถูกกก๊ ฉินโค่นในปี 256 ก่อนคริสตศ์ กั ราช กินเวลานานกวา่ 770 ปี แบ่งสมยั โดยยดึ การยา้ ยเมืองหลวงของราชวงศโ์ จว ช่วงแรกเป็ น ‘โจวตะวนั ตก’ ช่วงหลงั เป็น ‘โจวตะวนั ออก’ โจวตะวนั ออกยงั แบ่งไดอ้ ีกเป็ น สมยั ชุนชิวและจ้นั กวั๋โจวตะวนั ตกเร่ิมต้งั แตป่ ระมาณปี 1027 ก่อนคริสตศ์ กั ราช สูญสิ้นลงในปี 771 ก่อนคริสตศ์ กั ราช กินเวลาประมาณ 257 ปีกษตั ริยอ์ งคแ์ รกของราชวงศโ์ จว คือ พระเจา้ โจวอู่หวาง หลงั จากไดย้ า้ ยเมืองหลวงไปสู่เมืองเก๋า (อยแู่ ถบเมืองซีอนั ในปัจจุบนั ) แลว้ ไดพ้ าทหารพนั ธมติ รไปโจมตีราชวงศช์ าง และสถาปนาราชวงศโ์ จวข้ึน โจวเฉิงหวาง เมือ่ กษัตริย์องค์ที่สองโจวเฉิงหวางผ้เู ป็นโอรสของโจวอหู่ วางขนึ ้ ครองราชย์ เนอื่ งจากยงั ทรงพระเยาว์จงึ ไมส่ ามารถบริหารประเทศ โจวกงผ้เู ป็นพระปิตลุ าของโจวเฉิงหวางจงึ เสดจ็ ออกวา่ ราชการแทน เมอื่ ปรับปรุงกจิ การภายในเสร็จแล้ว โจวกงก็ได้พาทหารไปโจมตภี าคตะวนั ตกเพอ่ื ปราบการกบฎ หลงั จากนนั้ โจวกงได้ใช้มาตรการสาํ คญั เสริมสร้างความมนั่ คงตา่ งๆ ชว่ งทพ่ี ระเจ้าโจวเฉิงหวางและพระเจ้าโจวคงั หวางผ้เู ป็นโอรสของโจวเฉิงหวางครองราชย์ นกั ประวตั ิศาสตร์จีนเรียกกนั วา่ “ชว่ งเจริญรุ่งเรืองยคุ เฉิง-คงั ”ระบอบการเมืองของราชวงศ์โจวมีเอกลกั ษณ์พเิ ศษของตน สง่ิ ที่สาํ คญั มรี ะบบท่ีนาสาธารณะ ระบบสบื ทอดอํานาจ ระบบตวั เมอื งชานเมือง ระบบเซน่ ไหว้และดนตรีสาํ หรับการเซน่ ไหว้

12โจวตะวันออกแบ่งเป็ น 2 สมัย1. สมัยชุนชวิ ระหวา่ งปี 770-476 ก่อนคริสตศ์ กั ราช ในสมยั นเี ้มอ่ื เศรษฐกิจเติบโตและประชาชนมีจํานวนมากขนึ ้ ก๊กตา่ งๆ พากนั ตอ่ ส้กู นั อยา่ งรุนแรงเพอ่ื ช่วงชิงอาํ นาจครองความเป็นเจ้าของจีน สภาพสงั คมเกดิ การเปลยี่ นแปลงอยา่ งมากในการผลติ ทางการเกษตร ได้ใช้เคร่ืองมือเหลก็ มกี ารเผยแพร่ใช้วธิ ีการใช้ควายไถนา การชลประทานได้รับการพฒั นาปริมาณการผลติ พืชธญั ญาหารเพ่ิมพนู มากขนึ ้ สมยั ชนุ ชิวเป็นชว่ งระยะผา่ นทรี่ ะเบยี บการเมอื งในสงั คมทส่ี บื ทอดลงมาจากโบราณกาลของโจวตะวนั ตกเริ่มเสอื่ มโทรมลงเรื่อยๆ ขงจ๊ือ นกั คิดและนกั การศกึ ษา ผ้ยู ่ิงใหญ่คนแรกของจีนก็อยใู่ นชว่ งหลงั ของสมยั ชนุ ชิว ขงจื๊อภายหลงั จากสรุปวฒั นธรรมและความคดิ ในอดตี เป็นพนื ้ ฐานแล้ว ก็ได้ประสานกบัสถานการณ์สงั คมทมี่ คี วามวนุ่ วายในชว่ งหลงั ของสมยั ชนุ ชิว เสนอแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกบั ปัญหาอภปิ รัชญา ศีลธรรมสงั คมและการเมอื งของตนขนึ ้ ทงั้ ชดุ และได้สร้างสาํ นกั ขงจ๊ือในสมยั โบราณขนึ ้ แผนท่ี อาณาเขตแต่ละแค้วนในยคุ ชุนชิว2. สมัยจนั้ ก๋วั เป็นสมยั ทกี่ ๊กตา่ งๆ แบง่ แยกประเทศและแยง่ ชิงอํานาจครองความเป็นใหญ่จีนอกี สมยั หนงึ่ หลงั จากสมยัชนุ ชิว ความจริงสมยั ชนุ ชิวกบั สมยั จนั้ กวั๋ ไมม่ ีขอบเขตท่ีชดั แจ้ง แตต่ ามความเคยชินในปัจจบุ นั ได้ถือเอาการทีส่ ามก๊กแบง่ แยกก๊กจิน้ และสถาปนาเป็นก๊กเจ้า ก๊กหนั และก๊กเวย่ ทเี่ กิดขนึ ้ ในปี 403 กอ่ นคริสต์ศกั ราช เป็นสญั ลกั ษณ์เริ่มต้นสมยั จนั้ กว๋ั ตงั้ แตน่ นั้ ไปจนถึงปี 221 ก่อนคริสตศ์ กั ราช เมอื่ ก๊กฉินรวมจีนเป็นเอกภาพ ระยะเวลาดงั กลา่ วเรียกวา่ ‘สมยั จนั้กว๋ั ’ ในสมยั จนั้ กวั๋ สถานการณ์ของจีนได้เกิดการเปลยี่ นแปลงก๊กขนาดเลก็ ตา่ งๆ ถกู ก๊กใหญ่กลนื กิน 7 ก๊กท่เี หลอื ได้แก่ฉิน ฉู่ เอียน หาน เจ้า เวย่ และฉี กลายเป็นก๊กสาํ คญั ในสมยั จนั้ กวั๋ ก๊กตา่ งๆ พากนั ปรับปรุงกฎหมาย ในจํานวนนกี ้ ารปฏริ ูประบบทางการเมอื งซางเอยี ง ได้ดาํ เนินการอยา่ งถงึ ท่สี ดุ และได้สง่ อิทธิพลมากทส่ี ดุ

13 ใน สมัยจนั้ ก๋วั แม้มีการปะทะกนั ไมข่ าดสาย แตก่ ไมไ่ ด้สง่ ผลกระทบตอ่ การพฒั นาวฒั นธรรมสมยั โบราณของจีนนกัสงั คมจีนมีชนชนั้ ปัญญาชนซงึ่ เป็นชนชนั้ ใหมป่ รากฏขนึ ้ พวกนมี ้ คี วามรู้วิทยาศาสตร์ซงึ่ เป็นสญั ลกั ษณ์แสดงฐานะของชนชนั้ นี ้การเคลอื่ นไหวของพวกนไี ้ ด้ผลกั ด้นให้วฒั นธรรมทางวชิ าการมคี วามเจริญ รุ่งเรือง ในสมยั ชนุ ชิว วฒั นธรรมทางความคิดสมยั โบราณของจีน บรรลจุ ดุ สงู สดุ เป็นครัง้ แรกในประวตั ศิ าสตร์จีน ในจํานวนนี ้แนวคดิ และทฤษฎีตา่ งๆ เชน่สาํ นกั ขงจื๊อที่มขี งจื๊อและเมงิ่ จ่ือเป็นตวั แทน ลทั ธิเตา๋ ทีม่ ีเหลาจื๊อ จวงจ๊ือและเลย่ี จ่ือเป็นตวั แทน วชิ ากฎหมายท่ีมีหนั เฟยเป็นตวั แทน และสาํ นกั มอ่ จื๊อทม่ี มี อ่ จื๊อเป็นตวั แทน เป็นต้น ตา่ งได้รับการยกยอ่ งจากคนในยคุ หลงั การปรากฏขนึ ้ ของสาํ นกัวชิ าเหลา่ นที ้ าํ ให้วงการความคดิ ในสมยั จนั้ กว๋ั เกิดสภาพ “ร้อยสาํ นกั ประชนั กนั ” ขนึ ้ มอ่ จือ เลา่ จ๊ือแนวคิดและทฤษฎีเหลา่ นไี ้ มเ่ พยี งแตม่ บี ทบาทสง่ เสริมตอ่ การเมืองและเศรษฐกิจในสมยั จนั้ กว๋ั เทา่ นนั้ หากยงั มีอทิ ธิพลยาวนานและลกึ ซงึ ้ จนกระทง่ั ปัจจบุ นั และเป็นผลงานที่ไมอ่ าจลบล้างได้ในประวตั ศิ าสตร์ความคดิ ของจีน ปี 230คริสต์ศกั ราช เจ้าก๊กฉินอิ๋งเจิง้ ได้เริ่มกระบวนการรวมจีนให้เป็นเอกภาพ ในชว่ งเวลา 9 ปีหลงั จากนี ้ก๊กฉินผนวกเอา 6 ก๊กอืน่ ทงั้ หมด รวมจีนเป็นเอกภาพได้ในปี 221 กอ่ นคริสต์ศกั ราช สภาพแบง่ แยกเป็นก๊กเป็นเหลา่ ท่ยี ดื เยอื ้ มานานประมาณ600 ปีของจีนก็ได้สนิ ้ สดุ ลงอารยธรรมสมยั ราชวงศ์โจว➟ แนวความคดิ ด้านการปกครอง เช่ือเรื่องกษัตริย์เป็น “โอรสแห่งสวรรค์” สวรรค์มอบอํานาจให้มาปกครองมนษุ ย์เรียกวา่ “อาณตั ิแหง่ สวรรค์”➟ เริ่มเต้นยคุ ศกั ดินาของจีน➟ เกิดลทั ธิขงจ๊ือ ที่มีแนวทาง - เป็นแนวคิดแบบอนรุ ักษ์นยิ ม - เน้นความสมั พนั ธ์และการทําหน้าทีข่ องผ้คู นในสงั คมระหวา่ งจกั รพรรดกิ บั ราษฎร บิดากบั บตุ ร พ่ีชายกบั น้องชาย สามีกบั ภรรยา เพือ่ นกบั เพอื่ น, - เน้นความกตญั ํู เคารพผู้อาวโุ ส ให้ความสาํ คญั กบั ครอบครัว - เน้นความสาํ คญั ของการศกึ ษา➟ เกิดลทั ธิเตา๋ โดยเลา่ จ๊ือ ท่มี แี นวทาง - เน้นการดาํ เนนิ ชีวติ ท่ีเรียบง่าย ไมต่ ้องมรี ะเบยี บแบบแผนพธิ ีรีตองใดใด - เน้นการปรับตวั เข้าหาธรรมชาติ - ลทั ธินมี ้ ีอิทธิพลตอ่ ศลิ ปิน กวี และจิตกรจีน

14ลัทธิขงจอื ้ลทั ธิขงจ๊ือ (Confucianism) เป็นศาสนาหรือลทั ธิ ท่มี ีขงจื๊อ (551 – 479ปีก่อน ค.ศ.) เป็นผ้วู างรากฐานให้กบั ลทั ธิขงจ๊ือท่มี งุ่ แก้ไขปัญหาการเมอื งและสงั คมของจีนในสมยั จลาจล โดยเน้นให้มนษุ ย์อยรู่ ่วมกนั ในสงั คมด้วยความสงบสขุเรียบร้อย ทงั้ นจี ้ ะถือหลกั การเรื่องมนษุ ยธรรมและจารีตประเพณี ซงึ่ ตงั้ อยบู่ นพนื ้ ฐานของหลกั แหง่ สมั พนั ธภาพ 5 ประการ ได้แก่ เมตตาธรรม มโนธรรมจริยธรรม สตั ยธรรม ปัญญาธรรม (สอดคล้องกบั หลกั ศีล 5 ของพทุ ธศาสนา)มีบคุ คลบางคนกลา่ ววา่ ศาสนาขงจ๊ือเป็นระบบศีลธรรมหรือหน้าทพ่ี ลเมอื งดมี ากกวา่ศาสนา เพราะขงจื๊อมไิ ด้สง่ เสริมให้มคี วามเชื่อถือในพระเจ้าทเ่ี ป็นตวั ตน หรือการสวดอ้อนวอน ตลอดจนการบชู าพระผ้เู ป็นใหญ่ แม้ขงจ๊ือจะสอนหนกั ไปทาง อนุสาวรีย์ ขงจือ๊จริยธรรมและหน้าท่พี ลเมืองดี แตห่ นงั สอื บางเลม่ ที่ขงจือ้ แตง่ ไว้กไ็ ด้กลา่ วถงึ เทพเจ้าและอาํ นาจของเทพเจ้าท่มี ีอยเู่ หนอื โลก เช่นคมั ภีร์อจี ้ ิง หรือคมั ภรี ์วา่ ด้วยความเปลยี่ นแปลงได้กลา่ วถึง ซา่ งตี ้หรือเซยี่ งต่ีซง่ึ เป็นผ้สู ร้างโลก เป็นท่ีนา่ สงั เกตวา่ ขงจื๊อ เขยี นคมั ภีร์อจี ้ ิง อนั วา่ ด้วยจกั รวาลและการสร้างโลกนนั้ เป็นเพียงการรวบรวม ความเชื่อของเกา่ ที่มมี าดงั้ เดมิ เก่ยี วกบั การสร้างโลก ตามความเหน็ และความ เชื่อถือของคนโบราณ ขงจ๊ือสงั่ สอนลกู ศษิ ย์โดยไมเ่ ลอื กชนั้ วรรณะ ลกู ศษิ ย์ของขงจ๊ือจงึ มที กุ ชนชนั้ ทาํ ให้ โรงเรียนขงจ๊อื เกิดชนชนั้ ปัญญาชนขนึ ้ ในสงั คมจีน ปัญญาชนเหลา่ นมี ้ เี ปา้ หมายอยทู่ กี่ ารเข้ารับราชการ โดยหวงั วา่ ปัญญาความรู้ความสามารถทีไ่ ด้รับการอบรมมาจะเป็นประโยชน์ตอ่ การปกครองบ้านเมือง และยงั เป็นการสร้างชื่อเสยี งและฐานะให้กบั ตนเอง ครอบครัว วงศ์ตระกลู อีกด้วย ลทั ธิขงจื๊อ เรียกกนั ในอกี ชื่อหนงึ่ วา่ แนวคดิ หยู ซงึ่หมายถงึ แนวคิดของปัญญาชน ผ้ทู ศี่ กึ ษาแนวคดิ ของขงจื๊อและนกั คิดคนอื่นๆ ในกลมุ่ นเี ้รียกกนั ในสมยั โบราณวา่ ปัญญาชนหยู หรือชาวหยู ปัจจบุ นั ลทั ธิขงจ๊ือแม้จะหมดบทบาทในด้านการเมือง แตใ่ นด้านวฒั นธรรม ลทั ธิขงจ๊ือยงั ฝังลกึ อยใู่ นสงั คมจีนนานนบั เป็นศตวรรษจนกลายเป็นสว่ นหนงึ่ ของวถิ ชี ีวติ และวฒั นธรรมของชาวจีน แนวคดิ ของ ขงจอื๊

15ลัทธิเต๋าประวตั ิความเป็นมาและต้นกําเนดิ ของลทั ธิเตา๋ ผ้กู อ่ ตงั้ ลทั ธิเตา๋ มชี อื่ เดิมวา่ หลโี อว แตร่ ู้จกั กนั ทว่ั ไปวา่ เลา่ จือ้ เลา่ จือ้ เป็นนกัปรัชญาท่มี ชี ื่อเสยี งมากผ้หู นงึ่ ความคดิ เห็นสว่ นใหญ่ของเลา่ จอื ้ ปรากฎอยใู่ นหนงั สอื เตา๋ เตอเชง ปรัชญาในหนงั สอื นมี ้ ีอิทธิพลแกค่ วามคดิ และศลิ ปวิทยาของจีนเป็นอยา่ งย่ิง หนงั สอื เตา๋ เตอเชงนสี ้ ว่ นใหญ่บรรจขุ ้อเขยี นเกี่ยวกบั แนวปฏิบตั ใิ นชีวติ อาทิเช่น ผ้ทู ่รี อบรู้มกั จะไมพ่ ดู มาก และผ้ทู ่ีพดู มากมกั จะไมร่ ู้ เป็นต้นนักปรัชญาในลทั ธิเต๋า สญั ลักษณ์เต๋านกั ปราชญท์ ี่สาคญั ในปรัชญาเต๋าคือ เลา่ จ๊ือ (เหลาจ้ือ) (Lao Zi หรือ Lao Tzu) ผทู้ ี่ไดร้ บั การยกยอ่ งใหเ้ ป็ นศาสดา และจวงจื๊อ(Zhuang Zi) ศิษยค์ นสาคญั ของเลา่ จ๊ือ เป็ นผสู้ ืบทอดและขยายความหมายของเต๋าจนกลายเป็ นปรัชญาเต๋าที่สมบูรณ์ โดยมี“เต๋าเต๋อจิง” (Tao Te Ching) เป็ นคมั ภีร์ท่ีสาคญั ของปรัชญาเต๋าแนวคิดและหลกั คําสอน ปรัชญาเตา๋ ความเชื่อถือบชู าธรรมชาติปรัชญาเตา๋ (Taoism) เกิดขนึ ้ จากความเช่ือถือบชู าพระเจ้าประจําธรรมชาติ ซงึ่ เป็นความเชื่อดงั้ เดมิ ของจีน คําวา่ “เตา๋ ”ในความหมายทางปรชั ญาและศาสนาหมายถงึ “สง่ิ สมบรู ณ์สงู สดุ ” เตา๋ เป็นต้นกาํ เกิดของสงิ่ ทงั้ ปวง และครอบคลมุ ทกุอยา่ งเอาไว้ ทงั้ จกั รวาล โลก สงั คมและชีวติ เตา๋ เป็นกฎธรรมชาติ สรรพสง่ิ จงึ ดําเนินไปตามวิถีของเตา๋แนวคดิ และหลกั คาํ สอน ปรัชญาเตา๋ ความเชื่อถือบชู าธรรมชาติ รูปภาพเต๋าปรัชญาเตา๋ (Taoism) เกิดขนึ ้ จากความเช่ือถือบชู าพระเจ้าประจําธรรมชาติ ซงึ่ เป็นความเช่ือดงั้ เดมิ ของจีน คาํ วา่ “เตา๋ ” ในความหมายทางปรชั ญาและศาสนาหมายถงึ “สงิ่สมบรู ณ์สงู สดุ ” เตา๋ เป็นต้นกําเกดิ ของสงิ่ ทงั้ ปวง และครอบคลมุ ทกุ อยา่ งเอาไว้ ทงั้ จกั รวาลโลก สงั คมและชีวติ เตา๋ เป็นกฎธรรมชาติ สรรพสง่ิ จงึ ดาํ เนนิ ไปตามวิถีของเตา๋

16กจิ กรรมท้ายบทท่ี2ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 2กลุ่ม แล้วศึกษา ในเนือ้ หาเกี่ยวกับลัทธิขงจื๊อและลทั ธิเต๋า จากนนั้ สรุปลงในกระดาษชาป แล้วมานําเสนอเพื่อนหน้าชนั้ เรียนคาถามท้ายบทท่ี 21 ราชวงศ์ใด เป็นราชวงศ์แรกของจีน…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………2 หลกั ฐานทางโบราณคดีทถี่ กู ค้นพบในสมยั ราชวงศ์ชาง ได้แก่…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………3 ในสมยั ราชวงศ์โจว แบง่ เป็น 2 ยคุ ได้แก่…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

17第三课:王朝和帝国 (Wángcháo hé dìguó) บทท่3ี เร่ือง สมยั ราชวงศแ์ ละจกั รวรรดิ กาแพงเมืองจีนราชวงศฉ์ นิ 秦 (221-206 B.C.)ป็นยคุ แหง่ การรวมชาติจีนหลงั จากทแี่ ตกแยกเป็นก๊กเป็นเหลา่ ในสมยั จ้านกวั๊ 战国 เมื่อรัฐฉินซงึ่ อยทู่ างตะวนั ตกของจ้านกวั๊ ได้รวบรวมก๊กตา่ ง ๆ สาํ เร็จก็สถาปนาตนเองเป็นกษตั ริย์องค์แรกของแผน่ ดนิ โดยเรียกวา่ “ฉินสอื่ ฮว๋ ง”秦始皇ในปี 221 ก่อนคริสตกาล แผนท่ยี คุ ฉินกษัตริย์ได้ปฏิรูปการปกครองประเทศจีนอยา่ งขนานใหญ่ การรวมศนู ย์ อาณาเขตราชวงศเซ่ยีอํานาจโดยไมค่ าํ นงึ ถงึ รัฐทถ่ี กู ปกครอง การใช้รูปแบบตวั หนงั สอื ระบบเงินตรา ระบบกฏหมาย ระเบยี บงานในราชการ รวมถึงระบบปรัชญาแนวคิดเป็นไปในแบบเดียวกนั หมด ฉะนนั้ นกั ปราชญ์ท่ีแนวคดิ ตรงข้ามกนั จงึ ถกู จบั ไปลงโทษหรือถกู ฆา่ ตําราของสาํ นกั หยหู รือขง่ จ่ือถกู เผาทงิ ้ในด้านการทหาร กษัตริย์ฉินสร้างแนวปกกนั พวกป่ าเถื่อนจากทางเหนือโดยการสร้างกําแพงตอ่ เช่ือมกําแพงเดมิ ทอ่ี ยเู่ ดมิจากการก่อสร้างของรัฐตา่ ง ๆ สมยั จ้านกวั๊ การก่อสร้างนที ้ ําให้กลายเป็นกาํ แพงขนาดยาวนบั หมน่ื ลี ้จึงเรียกกาํ แพงนวี ้ า่“กําแพงหมื่นล”ี ้ 万里长城 การกอ่ สร้างกําแพงต้องใช้เงินทองและแรงงานมหาศาล ผ้คู นล้มตายจํานวนมากขณะกอ่ สร้าง ความไมพ่ อใจจึงเกดิ ขึน้ ทกุ ท่ี ฉะนนั้ ทนั ทที ฉี่ ินสอื่ ฮ๋องสนิ ้ ลงในปี 210 กอ่ นคริสต์กาล ผ้คู นท่ไี มพ่ อใจเป็นทนุ เดิมอยู่แล้วก็ลกุ ขนึ ้ มาล้มล้างทนั ที รวมอายขุ องราชวงศ์ฉินแล้วไมถ่ งึ 20 ปี แตอ่ ยา่ งไรก็ตาม รูปแบบการปกครองก็ได้สบื ทอดสู่ราชวงศ์สมยั ตอ่ ๆ มา

18จน๋ิ ซฮี อ่ งเต้ (秦始皇帝) ฉินซฮี ่องเต้[Qín Shǐ Huángdì]จ๋นิ ซีฮ่องเต้ (260-210 ปีกอ่ นคริสตกาล) แซอ่ งิ๋ ช่ือเจงิ ้ ขนึ ้ ครองราชย์เม่ือ 246 ปีก่อนคริสตกาล ในระหวา่ งท่ีพระองคป์ กครองรัฐฉิน ได้สบื ทอดเจตนารมณ์ของ 6 รัชกาลตงั้ แต่ ฉินเซีย่ วกงเป็นต้นมา ใช้การปฏิบตั ิทางการเมอื งและการปฏริ ูประบอบตา่ งๆ ทาํ ให้รัฐฉินมน่ั คงเข้มแข็งขนึ ้ อาศยั กลยทุ ธ์ รุกราน ผนวก 6 รัฐเป็นเอกภาพปิดฉาก เกณฑ์ แรงงานก่ อสร้ างกาแพง ยคุ จ้านกวอ๋ สถาปนาราชวงศ์ฉินขนึ ้ เมื่อ ก่ อสร้ างกําแพงฮอ่ งเต้) 220 ปีกอ่ นคริสตกาล ออกโจมตชี นเผา่ ซง หนทู างเหนือ พิทกั ษ์ดินแดนของฉิน รุกรานชนเผา่ ไป่ เยวท่ างใต้ และได้สร้างรัฐ ศกั ดนิ าที่เป็นเอกภาพหลายประชาชาติ และรวบอาํ นาจเข้ามาสสู่ ว่ นกลางเป็นรัฐ แรกในประวตั ิศาสตร์ของประเทศจีน ขนานนามพระองคเ์ องวา่ ฉินสอ่ื หวงตี ้(จ๋ินซีและพระองค์ ยงั เป็นผ้มู บี ญั ชา ให้เกณฑ์ชาวบ้านมาสร้าง ในปีพ.ศ.300-329 มีความยาวถึง 1,684 ไมล์ ทอดตวัไปตามป่ าเขา หบุ เหว และแม่นําคล้ายกบั พญามงั กรยกั ษ์ ตวั กําแพงสงู จากพืน้ ดิน 20-30 ฟุต หนา 15-20 ฟุต บนกําแพงมีทางเดนิ กว้าง 10 ฟตุ และทกุ ระยะ 300 ฟตุ จะมีป้อมกบั เชิงเทินอยปู่ ระมาณกวา่ 15,000 แหง่ ใช้เวลาก่อสร้ างไม่น้อยกว่า 10 ปี และต่อมามีการสร้ างต่อเติมอีกหลายครัง้ ใช้แรงงาน ที่เกณฑ์มาจากทวั่ประเทศ นบั จํานวนล้านคน และมีผ้เู สยี ชีวิต เพราะการสร้างกําแพงนนี ้ บั หม่ืนคน จวบจนปัจจบุ นั กําแพงนกี ้ ็ยงั คงอยู่ กาแพงเมืองจีนความสาเร็จของกาแพงเมอื งจนี ได้ขึน้ ช่ือว่าเป็ นคน ..สร้างกาแพงเมอื งจีน เช่อื มกาแพงใน .....หลายๆเมืองเข้าด้วยกัน สร้ างกาแพงเมืองจนี ฉินซีฮ่องเต้

19ตานานเมง่ิ เจยี งหนี่กบั กาแพงเมืองจีน2000 ปีท่ผี า่ นมานี ้ตาํ นานเร่ืองเลา่ เก่ียวกบั นางเมิ่งเจยี งร้องให้จนทาํ ให้กาํ แพงเมืองจีนพงั ทลายลงนนั้ แพร่หลายในทว่ั ประเทศจีน จนกลายเป็นท่ีรู้กนั ในทวั่ ไปเลา่ กนั วา่ ให้สมยั จ๋ินซีฮ่องเต้ มสี ามีภรรยาคหู่ นง่ึ ชายช่ือวา่ นสเี่ หลยี ง หญิงชื่อ เม่ิงเจียง แตง่ งานได้ 3 วนั สามีถกู เกณฑ์ไปสร้างกําแพงเมอื งจีนกาลลว่ งผา่ นไปเน่นิ นานก็หามีขา่ วคราวจากสามีไม่ เมงิ่ เจียงเฝา้ คอยจนในท่สี ดุ ก็ เม่งิ เจียงหน่ีไมอ่ าจทนตอ่ ไป จงึ เตรียมเสอื ้ กนั หนาวเดินทางจากบ้านเกิดตรงไปยงั กาํ แพงเมอื งจีน เพื่อจะเอาเสอื ้ กนั หนาวสง่ ให้สามีนางเมง่ิ เจียงเดนิ ทางฝ่าพายหุ ิมะลมแรง ชา่ งยากเยน็ เข็ญใจนกั แม้กระนนั้ นางเมง่ิเจียงก็หายอ่ ท้อไม่ เพราะคิดอยวู่ า่ ถ้าฝ่าทกุ ข์หนกั อนั นไี ้ ปได้ ก็คงจะได้เจอกนั กบั สามีแล้วนางเมง่ิ เจยี งก็มาถงึ ณ กําแพงเมอื งจีน นางเฝา้ เสาะหาสามอี ยเู่ ป็นนานก็หาพบไม่ เธอจึงไปไตถ่ ามก็ได้ความวา่ สามีถกู กาํ แพงทพ่ี งั ลงมาทบั ตายเสยี แล้วครัน้ เม่งิ เจียงหน่แี จ้งวา่ สามตี วั ตายนนั้ ก็มคี วามเศร้าโศกพลงุ่ ขนึ ้ เป็นอนั มาก จงึ ล้มตวั ลงร้องไห้คร่ําครวญเป็นท่นี า่ เวทนานกั ตอ่ ถงึ 7 วนั 7 คืนไมห่ ยดุ เลย จนทําให้กําแพงท่สี ร้างเสร็จแล้วพงั ทลายลงแถบหนงึ่ และซากฟ่านสเี่ หลยี งก็ปรากฏตอ่สายตานางเมง่ิ เจียง พอเห็นศพสามอี อกมาให้เหน็ แกต่ าดงั นนั้ นางเมง่ิ เจียงก็กระโดดทะเลตาย ช่ือเมง่ิ เจียงก็ปรากฏสบื มาให้ชนรุ่นหลงั ได้ซาบซงึ ้ กบั ความรักอนั มนั่ คงของนางไมล่ มื เลอื น จนได้เป็นถงึ หนงึ่ ในสน่ี ิยายรักอมตะของจีนมาจนถึงเด๋ียวนี ้ความพรัดพรากจากคนรัก

20ยคุ ราชวงศฮ์ นั่ (汉朝 Hàn cháo 206 กอ่ นครสิ ศกั ราช)หลงั จากที่ผา่ นสงครามกลางเมืองชว่ งสนั้ ๆ ราชวงศ์ฮน่ั ก็ได้สถาปนาขนึ ้ มาโดยมีเมอื งหลวงตงั้ อยทู่ ฉี่ างอนั 长安 ราชวงศ์ฮน่ั สว่ นใหญ่ยงั คงรูปแบบการปกครองเดียวกบั ฉิน เพียงแตบ่ างสว่ นได้ปรับให้เข้ากบั สถานการณ์ อยา่ งในเร่ืองการปกครองแบบรวมศนู ย์อาํ นาจ ก็มกี ารนาํ เอาระบบศกั ดนิ ามาปรับใช้ในบางพนื ้ ท่ี แนวคดิ ของปรัชญาขง่ จ่ือถกู นาํ กลบั มาใช้อกี ครงั้ นกั ปรัชญ์ตา่ งๆ ได้รับสถานะเป็นข้าราชการมกี ารกําหนดมาตรฐานในการสอบเพ่อื เข้ารับราชการยคุ นจี ้ ึงเป็นยคุ รุ่งเรืองของวรรณกรรม ศิลปะกรรม และเป็นยคุ ทเี่ กดินกั ประวตั ศิ าสตร์ชาวจีนที่มชี ื่อเสยี งมากทีสดุ คือ ซือหมา่ เชยี น 司马遣 อาณาเขตราชวงศ์ฮ่ันจากผลงานบนั ทกึ ประวตั ิศาสตร์คอื “สอื่ จี”้ 史记 (Historical Records)ซงึ่ เป็นการบนั ทกึ เหตกุ ารณ์ตงั้ แตส่ มยั ราชวงศ์เซย่ี จนถงึ ราชวงศฮ์ น่ั สมยั อตู่ ี ้武帝 (141-87 ปีก่อนคริสต์กาล) เทคโนโลยีท่กี ้าวหน้ามากในสมยั นคี ้ อื เทคโนโลยีการผลติ กระดาษ และเคร่ืองปัน้ ดินเผาเน่อื งจากประชาชนสว่ นใหญใ่ นพนื ้ ทก่ี ารปกครองของอาณาจกั รฮนั่ เป็นชนเผา่ ฮนั่ จงึ เรียกชาวจีนวา่ “ชาวฮนั่ ” ในด้านของอาณาเขตมีการขยายไปทางตะวนั ตกจรดทาริม บาซิน หรือเขตปกครองตนเองซนิ เจียง-เออกยุ ในปัจจบุ นั การขยายอาณาจกั รไปทางตะวนั ตกสว่ นหนงึ่ เพอ่ื ความปลอดภยั ในการเดินทางของกองคาราวาน เพ่อื การค้าในเส้นทางสายไหมในทางใต้นนั้ ขยายอาณาเขตไปถงึ ตอนเหนือของเวยี ตนาม ทางทศิ ตะวนั ออกถงึ เกาหลเี หนอื แตก่ ารยดึ ครองดนิ แดนท่ไี ม่ใช้จีนนนั้ ยอมไมเ่ ป็นการปลอดภยั สาํ หรับในด้านการปกครอง ราชวงศฮ์ นั่ จงึ ได้จดั ระบบ “ราชบรรณการ” 朝贡 คอืยงั คงปลอ่ ยในรัฐท่ีไมใ่ ช้รัฐจีนยงั คงปกครองตอ่ ไป แตต่ ้องสง่ สงิ่ ของไปให้เพือ่ เป็นสญั ลกั ษณ์แหง่ การยอมรับการปกครองของราชวงศ์ฮน่ัยคุ แห่งความขดั แย้งหลงั การลม่ สลายของฮนั่ ประเทศจีนก็เข้าสยู่ คุ แหง่ การแตกแยกนานถงึ สี่ศรรตวรรษ สงครามกลางเมอื งเร่ิมต้นในยคุ ของซานกวั๊ (สามก๊ก) 三国 ถึงแม้จะสามารถรวมแผน่ ดนิ ได้ในช่วงสนั้ ๆ ของยคุ จิน้ 晋 (ค.ศ. 265-420) แตส่ ดุ ท้าย จิน้ ก็ถกูพวกเลยี ้ งสตั วเ์ ร่ร่อนโคน่ ลงในปี ค.ศ. 317 และได้ย้ายเมอื งหลวงจากเมืองลว่ั หยางไปสหู่ นานจงิ 南京 ในชว่ งเวลาของฮน่ั พระพทุ ธศาสนาได้เร่ิมเผยแพร่สปู่ ระเทศจีนทงั้ ทางเหนือและทางใต้สง่ิ ประดษิ ฐ์ทเี่ กดิ ขนึ ้ ในช่วงนคี ้ อื การผลติ ดินปืน(ใช้ในดอกไม้ไฟ) รถลากหรือรถเทยี มเกวียน ขณะเดียวกนั วิทยาการด้านการแพทย์ ดาราศาสตร์ และการทําแผนทกี่ ็มีความก้าวหน้าอยา่ งมาก

21ราชวงศจ์ น้ิ (晋朝 Jìn cháo) อาณาเขตราชวงศ์ จนิ ้ราชวงศ์จิน้ (คริสต์ศกั ราช 265 – คริสต์ศกั ราช 420) เป็นราชวงศ์หนง่ึ ของจีน สถาปนาในปี ค.ศ. 265 เมอื่ พระเจ้าจิน้ หวขู่ นึ ้ครองราชย์ ปราบสามก๊กได้ในปี ค.ศ. 280 ตอ่ มาจกั รพรรดจิ ิน้ หยวน จกั รพรรดอิ งค์ท่ี 5 ของราชวงศ์ ทรงย้ายเมืองหลวงไปทีเ่ จีย้ งคงั และสถาปนาราชวงศ์จนิ ้ ตะวนั ออกขนึ ้ ราชวงศ์จิน้ ลม่ สลายในปี ค.ศ. 420 และแตกออกเป็นราชวงศ์หลวิ ซง่ เข้าสู่ยคุ ราชวงศ์เหนอื -ใต้ราชวงศจ์ ิน้ แบง่ ออกเป็น 2ชว่ งคอื จิน้ ตะวนั ตก และจิน้ ตะวนั ออกจิน้ ตะวันตก (คริสต์ศักราช 265 – 316)ประวัติ ซือหมา่ เอย๋ี น (สมุ าเอ๋ียน) ประกาศตงั้ ราชวงศจ์ ิน้ ตะวนั ตก ขนึ ้ แทนท่รี าชวงศ์เวย่ (วยุ ก๊ก)ของเฉาเชาหรือโจโฉ เมอื่ถงึ ปี 280 จิน้ ตะวนั ตกปราบก๊กอลู๋ งได้ สภาพการแบง่ แยกอาํ นาจของสามก๊กก็สลายตวั ไป ทงั้ แผน่ ดนิ จีนรวมเป็นหนงึ่ เดียวอกี ครัง้ เกิดความสนั ติสขุ ขนึ ้ ในชว่ งเวลาหนง่ึราชวงศจ์ ิน้ ตะวนั ตกเป็นยคุ สมยั ทีก่ ลมุ่ ตระกลู ใหญ่ก้าวเข้ามาเป็นผ้มู อี ิทธิพลทางการเมืองอยา่ งสงู เน่ืองจากนโยบายการปกครองของซือหมา่ เอยี๋ นหรือ จนิ ้ อตู่ ี ้โน้มเอียงไปในทางเออื ้ ประโยชน์ตอ่ กลมุ่ ตระกลู ชนชนั้ สงู อีกทงั้ กฎหมายยงั ให้สทิ ธิพิเศษตอ่ ขนุ นางเจ้าทดี่ นิ ในการจดั สรรการถือครองที่ดนิ และผลประโยชน์อน่ื ๆ โดยอ้างองิ จากระดบั ชนั้ ตาํ แหนง่ ขนุ นางระเบยี บเหลา่ นไี ้ ด้กลายเป็นเครื่องมือการเพาะสร้างอาํ นาจแบบเบด็ เสร็จให้กบั กลมุ่ ตระกลู ใหญเ่ หลา่ นี ้ทําให้เกิดการแบง่ แยกทางชนชนั้ ในสงั คมครัง้ ใหญ่ เพราะเพอื่ รักษาสทิ ธิพิเศษนี ้ถงึ กบั ตงั้ ข้อรังเกียจไมย่ อมนงั่ ร่วมโต๊ะหรือแตง่ งานข้ามสายเลอื ดกบั ตระกลู ทไ่ี มไ่ ด้รับสทิ ธิพเิ ศษ ทาํ ให้ผ้อู ยนู่ อกวงถงึ แม้จะได้เข้ารับราชการก็จะยงั คงถกู มองอยา่ งแปลกแยกและกีดกนั ไมใ่ ห้ได้รับการเลอ่ื นขนั้ ในตาํ แหนง่ สงู ขนึ ้จวบถงึ ปี 316 กองกําลงั ของชนเผา่ ซง่ หนบู กุ เข้านครฉางอนั เมอื งหลวงเกา่ ของราชวงศ์ฮนั่ ตะวนั ตก จบั กมุ ผ้ทู ่มี อี าํ นาจ เพื่อรับโทษทณั ฑ์ จิน้ ตะวนั ตกจงึ ถงึ กาลลม่ สลายราชวงศ์จิน้ ตะวนั ตกอยใู่ นอาํ นาจรวม 51 ปี มีกษัตริยเ์ พยี ง 4 พระองค์ และเป็นราชวงศ์เดยี วในยคุ สมยั วยุ่ จนิ ้ เหนอื ใต้ (คริสต์ศกั ราช 220 – 589) ทม่ี ีการปกครองแผน่ ดนิ จีนเป็นหนง่ึ เดียว

22จนิ้ ตะวนั ออก (คริสต์ศักราช 317 – 420)ราชวงศ์จิน้ ตะวนั ออก กอ่ ตงั้ ขนึ ้ หลงั จากการอพยพโยกย้ายราชธานีของเหลา่ ข้าราชสาํ นกั จิน้ ลงสภู่ าคใต้ ภายหลงั การลม่สลายของ ราชวงศ์จิน้ ตะวนั ตก ซง่ึ แม้วา่ จะยงั คงนบั เน่ืองเป็นราชวงศ์หนง่ึ ในหน้าประวตั ิศาสตร์โบราณของจีน แตแ่ ท้จริงแล้ว ขอบขา่ ยอาํ นาจการปกครองเพียงสามารถครอบคลมุ ดินแดนทางตอนใต้ของลาํ นาํ ้ ฉางเจียงเทา่ นนั้ ในชว่ งเวลาเดียวกนั นี ้บ้านเมอื งทางตอนเหนอื ระสา่ํ ระสายไปด้วยไฟสงครามการแยง่ ชิงของแวน่ แคว้นตา่ ง ๆภายใต้การนําของกลมุ่ชนเผา่ จากนอกดา่ น รวมทงั้ ชาวฮน่ั เอง สถานการณ์ความแตกแยกนี ้ยงั คงดาํ เนินไปทา่ มกลางการผลดุ ขนึ ้ และลม่ สลายลงของราชวงศ์จิน้ ตะวนั ออก จวบจนถึงยคุ แหง่ การตงั้ ประจนั ของ ราชวงศ์เหนอื -ใต้ ซง่ึ กินเวลากวา่ 300 ปี สถาปนาจิน้ตะวนั ออกบ้านเมอื งไมเ่ ป็นระบบ เหตแุ หง่ ความลม่ สลาย สงครามกลางเมอื งภายหลงั การศกึ ทเี่ ฝยสยุ่ ทาํ ให้ฝ่ายเหนอื แตกแยกกนั อกี ครัง้ ภาวะภยั คกุ คามจากภายนอก (ราชวงศ์จิน้ ตะวนั ออก) ผอ่ นคลายลง ข้อขดั แย้งจากการแบง่ ชนชนั้ การปกครอง การแกง่ แยง่ อาํ นาจของชนชนั้ สงู และการกดข่ีขดู รีดราษฎรทวีความรุนแรงขนึ ้ อีกครัง้ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ปัญหาการเกณฑ์แรงงานปี 420 ฮอ่ งเต้สละราชย์ ประกาศสถาปนารฐั ซง่ แล้วตงั้ ตนขนึ ้ เป็นฮอ่ งเต้ มีพระนามวา่ ซง่ อตู่ ี ้เป็นอนั สนิ ้ สดุ ราชวงศ์จิน้ตะวนั ออกเน่อื งจากราชวงศ์จิน้ ตะวนั ออกย้ายเมืองหลวงมายงั เจียงหนนั ทางตอนใต้ เปิดโอกาสให้บรรดานกั ปราชญ์ผ้มู ีความรู้จํานวนมากเดินทางอพยพมาด้วย ทาํ ให้เกิดปฏสิ มั พนั ธ์กบั คนทางใต้มากขนึ ้ เกิดการหลอมรวมทางวฒั นธรรมและสงั คมประเพณี รวมทงั้ งานฝีมือของทางเหนือและใต้ก็มกี ารผสมผสานกลมกลนื กนั ทาํ ให้งานฝีมือในยคุ จิน้ ตะวนั ออกมีความก้าวหน้าก้าวใหญ่ นอกจากนี ้นบั แตร่ าชวงศ์วยุ่ ของโจโฉจากยคุ สามก๊กเป็นต้นมา ประเทศจีนได้มวี วิ ฒั นาการด้านตวั อกั ษรอยา่ งก้าวกระโดด เม่ือถงึ ยคุ จิน้ ตะวนั ออก จงึ กําเนิดปราชญ์ กวีและนกั เขยี นพกู่ นั จีนทีม่ ชี อ่ื มากมาย อาทิ หวงัซีจือ เซย่ี หลงิ ยนุ่ ว์ เถาหยวนหมงิ เป็นต้น ได้มกี ารปฏริ ูปรูปแบบการเขยี นกาพย์กลอนครงั้ ใหญ่ วางรากฐานให้กบั การวิวฒั นาการสยู่ คุ ทองของวรรณคดีจีนในสมยั ราชวงศ์สยุ และถงั ในเวลาตอ่ มา การปฏิรูปด้านการทหารครัง้ ใหญ่

23ราชวงศส์ ยุ (隋朝 Suí cháo )ราชวงศ์สยุ (พ.ศ. ๑๑๒๔-๑๑๖๐) (ค.ศ. 581 – 618) “หลงั จากได้ผ่านการต่อสู้แย่งชิงแผ่นดินกันมากว่า 270 ปี ในท่ีสุดหยางเจียนได้สถาปนาราชวงศ์สยุ รวมแผ่นดินเข้าด้วยกนั อีกครัง้ หนึ่ง แต่ความสงบสขุ มีได้ไม่นาน เม่ือจกั รพรรดิสยุ หยางตี ้ผ้สู ืบราชบลั ลงั ก์ต่อมาเต็มไปด้วยความลมุ่หลงมวั เมาในอํานาจ พร่าผลาญเงินทองในท้องพระคลงั จนหมดสิน้ ใช้ทรัพยากรและแรงงานฝีมืออยา่ งสนิ ้ เปลอื ง ทําลายรากฐานที่สง่ั สมมาจากคนรุ่นก่อน จดุ ไฟสงครามแย่งชิงอํานาจขนึ ้ อีกครัง้ ”ปลายราชวงศ์เหนือ อาณาเขตราชวงศ์ใต้ หลงั จากได้ผ่านการแบ่งแยกและส้รู บกันมากว่า 270 ปี ราษฎรต่างก็ม่งุ หวงั การรวมแผ่นดินเป็นหนสึ่งุยอีกครัง้ แต่ว่าราชวงศ์เป่ ยโจวทางเหนือและราชวงศ์เฉินทางตอนใต้ต่างไมม่ ีศกั ยภาพพอ ตอ่ เม่ือหยางเจียนเข้ายึดอํานาจทางการเมืองการปกครองของราชวงศ์เป่ ยโจว สถาปนาราชวงศ์สยุ ภารกิจการรวมแผน่ ดนิ จึงตกเป็นของหยางเจียนหรือสยุ เหวนิ ตี ้ปี 613 ต้ฝู เู วย และ ฝ่กู งซอื เร่ิมกอ่ การในแถบซานตงุ จากนนั้ เคลอื่ นกองกําลงั ลงใต้ ครอบครองพนื ้ ที่ลมุ่ แมน่ าํ ้ หวยเหอ ทางตะวนั ออกเฉียงใต้ ในปี 617 ราชสํานกั สยุ ได้สง่ กําลงั มาปราบ แตถ่ กู ตีโต้กลบั ไป เมื่อสยุ หยางตีส้ นิ ้ พระชนม์ ต้ฝู เู วยยอมโอนออ่ นตอ่ หยางต้งเชือ้ พระวงศ์ในลวั่ หยาง ได้รับการอวยยศ ต่อมาเม่ือราชวงศ์ถงั เข้มแข็งขนึ ้ ก็สวามิภกั ดิ์ต่อหลหี ย่ วนที่ฉางอนั (ซอี านในปัจจบุ นั )ในปี 622 ปีถดั มา ฝ่ กู งซือลกุ ฮือขนึ ้ ต่อกรราชวงศ์ถงั โดยยึดครองพืน้ ที่ละแวกมณฑลเจียงซูและอนั ฮยุ ไว้ได้ แตส่ ดุ ท้ายพา่ ยแพ้ในปี 624 การสนิ ้ สดุ ของราชวงศ์สยุ ปี 617 กองกําลงั หวากง่ั เข้าประชิดเมืองหลวงตะวนั ออกลว่ั หยาง ขณะนนั้ สยุ หยางตีเ้ สด็จประพาสเจียงหนาน เหลือเพียงกองกําลงั ของหยางต้ง ท่ีเป็นเชือ้ พระวงศ์เฝา้ เมืองลว่ัหยางไว้ สยุ หยางตเี ้รียกระดมพลของหวงั ซ่ือชง ซง่ึ ประจําอย่ทู ่ีเจียงตู มาช่วยรักษาเมืองลว่ั หยางโดยรอบ แต่ต้องพา่ ยแพ้ให้กบั กองกําลงั หวากง่ั ราชสาํ นกั สยุ ถกู เหลา่ กองกําลงั ท่ีลกุ ฮือขนึ ้ บกุ โจมตีจนสญู เสยี พนื ้ ที่โดยรอบไป หลห่ี ยวนที่เฝา้ รักษาเมืองไทห่ ยวนในซานซกี ็ฉวยโอกาสรุกเข้าฉางอนั ตงั้ ตนเป็นใหญ่ทแี่ ดนไทห่ ยวนระหวา่ งนนั้ อวีเ่ หวินฮว่ั จี๋ สมคบกบั ซือหมา่เต๋อคนั แม่ทพั กองกําลงั รักษาพระองค์และทหารองครักษ์ลกุ ฮือขึน้ ก่อการที่เมืองเจียงตู(เมืองหยางโจว มณฑลเจียงซู)สงั หารสยุ หยางตี ้ในปี 618 หล่หี ยวนเมื่อทราบขา่ วก็ตงั้ ตนขนึ ้ เป็นกษัตริย์ สถาปนาราชวงศ์ถงั บรรดานายทพั ท่ีคมุ กองกําลงั ตา่ งพากนั ตงั้ ตนเป็นอสิ ระ แม้วา่ หวงั ซื่อชงจะยอมยกให้หยางต้งในลว่ั หยางขนึ ้ เป็นฮอ่ งเต้ แตใ่ นเวลาไมน่ านก็ใช้กําลงับกุ เข้าลว่ั หยางยดึ เป็นฐานท่มี น่ั ของตน แผน่ ดนิ กลายเป็นสนามรบของการชว่ งชิงอํานาจอีกครัง้ จากนนั้ กลมุ่ กบฎชาวนาและกองกําลงั ท่ตี งั้ ตนเป็นใหญ่ขนึ ้ ตา่ งทยอยถกู กองทพั ราชวงศ์ถงั กําจดั กวาดล้างไป ราชวงศ์ถงั จึงสบื ทอดการรวมแผน่ ดินของราชวงศ์สยุ ตอ่ มา ความร่มเยน็ ของประชาชน ในสมัยราชวงศ์สุย

24ราชวงศถ์ งั (唐代 Táng dàiค.ศ. 618-907)สถาปนาราชวงศ์ถงัปฐมจกั รพรรดถิ งั เกาจ(ู่ ถงั โกโจ)หรือหลหี่ ยวน ถือกําเนดิ ในเชือ้ สายชนชนั้ สงู อาณาเขตราชวงศ์ถงัจากราชวงศเ์ หนอื มีความเก่ียวดองสายเครือญาติกบั ปฐมจกั รพรรดริ าชวงศ์สุยอยา่ งใกล้ชิด ครัน้ ถึงปลายราชวงศ์สยุ แผน่ ดนิ อยใู่ นสภาพระสา่ํ ระสายจากกลมุ่ กองกําลงั ตา่ งๆ ทล่ี กุ ฮือขนึ ้ ปี 617 หลห่ี ยวนที่รักษาแดนไทห่ ยวน ตกอยใู่ นภาวะลอ่ แหลม เน่ืองจากไทห่ ยวนเป็นจดุยทุ ธศาสตร์สาํ คญั ทกี่ ลมุ่ กองกําลงั ตา่ งต้องการแยง่ ชิง ขณะเดยี วกนั ก็ทราบวา่ สยุ หยางตีท้ รงระแวงวา่ หลย่ี วนจะแปรพกั ตร์จึงประกาศตวั เป็นอสิ ระจากราชสาํ นกั เวลานนั้ กองกําลงั หวากงั่ และเหอเป่ ย เข้าปะทะกบั กองทพั สยุ เป็นเหตใุ ห้กําลงัปอ้ งกนั ของเมืองฉางอนั ออ่ นโทรมลง หลย่ี วนได้โอกาสบกุ เข้ายดึ เมอื งฉางอนั ไว้ได้ จากนนั้ ตงั้ หยางโยว่ เป็นฮอ่ งเต้หนุ่ ปีถดัมา สยุ หยางตถี ้ กู ลอบปลงพระชนม์ทเ่ี มืองเจียงตู หลหี่ ยวนจงึ ปลดหยางโยว่ ประกาศตงั้ ตนเป็นจกั รพรรดิ สถาปนาราชวงศ์ถงั โดยมีนครหลวงอยทู่ ่ีเมอื งฉางอนั พร้อมกบั แตง่ ตงั้ โอรสองค์โตหลเี่ จีย้ นเฉิง เป็นรัชทายาท หลซี่ อื่ หมิน โอรสองค์รองเป็นฉินหวงั และหลหี่ ยวนจี๋ โอรสองคท์ ส่ี ามเป็นฉีหวงั สาํ หรับ หลห่ี ยวนปา้ โอรสองค์ท่สี ี่ เสยี ชีวติ ในการรบเนอ่ื งจากฟา้ ผา่ (ตามพงศาวดาร ซุยถงั )ภายหลงั กบฏอนั ลซู่ นั เศรษฐกิจสงั คมเสยี หายหนกั มรี าษฎรสญู เสยี ทรัพย์สนิ และทด่ี ินทาํ กินเป็นจํานวนมาก ประกอบกบัการโกงกินของข้าราชการขนุ นาง ทําให้ระบบการปกครองล้มเหลว ประชาชนไมอ่ าจดํารงชีวิตอยตู่ ามปกติสขุ สดุ ท้ายต้องลกุ ฮือขนึ ้ ก่อการ เร่ิมจากปี 875 กลมุ่ พอ่ ค้าเกลอื เถื่อนหวงั เซยี นจือ ลกุ ฮือขนึ ้ กอ่ การ จากนนั้ เป็นกบฏหวงเฉา ลกุ ฮือขนึ ้ หนนุเสริม ภายหลงั หวงั เซยี นจือเสยี ชวี ิตในการตอ่ สู้ หวงเฉาจึงกลายเป็นผ้นู ําตอ่ มา โดยยดึ ได้ดนิ แดนทางตอนใต้เกือบทงั้ หมดจากนนั้ มงุ่ ตะวนั ออกอยา่ งรวดเร็ว กบฏหวงเฉาสยายปีกขนึ ้ เหนือ ยดึ ได้ฉางอนั สถาปนาแคว้นต้าฉี ในปี 880 บีบให้ถงั ซจี ง(873 – 887)หลบหนไี ปยงั แดนเสฉวน ภายหลงั แม้วา่ กบฏหวงเฉาถกู ปราบราบคาบลง แตค่ รัง้ นี ้ ราชสาํ นกั ได้รับความเสยี หายอยา่ งหนกั ไมอ่ าจฟืน้ ตวั ได้อีก ได้แตร่ อวนั ดบั สญู อยา่ งช้าๆหลงั จากถงั เจาจง (888 – 904)ขนึ ้ ครองราชย์ ก็ร่วมมอื กบั กลมุ่ เสนาบดชี ยุ ย่ิน เพอ่ื กําจดั อาํ นาจขนั ทใี นวงั จงึ นดั หมายกบั จูเฉวียนจงให้เป็นกาํ ลงั สนบั สนนุ จากภายนอก ปี 903 หลงั จากจเู ฉวยี นจงโจมตกี องกําลงั ของหลเี่ มา่ เจินที่ให้การสนบั สนนุฝ่ายขนั ทีแตกพา่ ยไป ก็นาํ กําลงั ทหารบกุ เข้าฉางอนั กวาดล้างเขน่ ฆา่ ขนั ทใี นวงั ครัง้ ใหญ่ เป็นอนั สนิ ้ สดุ ยคุ ขนั ทีครองเมืองจูเฉวียนจงได้รับการปนู บําเหนจ็ ความดคี วามชอบจากการกวาดล้างขนั ที ให้เป็นเหลยี งหวงั กมุ อํานาจบริหารแผน่ ดินอยา่ งเบด็ เสร็จแตผ่ ้เู ดยี ว แตแ่ ล้วในปี 904 จเู ฉวยี นจงสงั หารเสนาบดีชยุ ย่ินและถงั เจาจง แตง่ ตงั้ ถงั อยั ตี ้ วยั 13 ขวบขนึ ้ เป็นฮอ่ งเต้หนุ่ เชิดแทนจากนนั้ ในปี 907 จเู ฉวียนจงปลดถงั อยั ตี ้ ตงั้ ตนเป็นใหญ่ สถาปนาแคว้นเหลยี งขนึ ้ โดยมีนครหลวงที่เมือง เปีย้ นโจว (ปัจจบุ นั คอื เมืองไคฟง) ราชวงศ์ถงั จงึ ถึงกาลอวสาน

25ราชวงศ์ซง่ (จนี : 宋朝; พินอิน: Sòng Cháo)ราชวงศ์ซง่ ตามสาํ เนยี งกลาง หรือ ซ้อง ตามสาํ เนยี งฮกเกีย้ น (จีน: 宋朝; พินอิน: Sòng ซ่งไท่จูCháo; เวด-ไจลส์: Sung Ch'ao) เป็นหน่งึ ในราชวงศ์ซ่ึงปกครองประเทศจีนอยู่ระหว่างปี พ.ศ. 1503 ถึง ปีพ.ศ. 1822 รัฐบาลซ่งเป็นรัฐบาลแรกในโลกที่ใช้เงินตราแบบกระดาษจ้า ควงอนิ ้ ได้ชื่อวา่ พระเจ้าซง่ ไทจ่ ู่ ได้พฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมขนึ ้ มาใหม่ แตก่ ลบั ตดั ทอนอํานาจทางการทหาร ของแม่ทพั เน่ืองจากความระแวง กลวั จะยดึ อํานาจ ทําให้การทหารออ่ นแอ อย่างไรก็ดี ในราชวงศ์นี ้ศิลปกรรมและวฒั นธรรมรุ่งเรืองมาก การศึกษาของประชาชนดีขึน้ และเปาบ้นุ จิน้ ก็ได้มาเกิดในยคุ ในสมยั ของจกั รพรรดิซง่ เหรินจง ซงึ่ เป็นยุคที่ฮอ่ งเต้ออ่ นแอ อํานาจอยใู่ นมอื พวกกงั ฉิน ทา่ นตดั สนิ คดีอย่างยตุ ิธรรม และเด็ดขาด ไมเ่ กรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ จนเป็นทเ่ี ลอ่ื งลอื มาถึงปัจจบุ นั ในสมยั ราชวงศ์ซ่ง จีนถกู รุกรานโดยชนเผา่ ต่างๆ คือ พวกเซี่ย พวกชิตนั (เมอื งเหลยี ว) จึงมีศกึ อยตู่ ลอดมา แถมยงั ต้องยอมเซน็ สญั ญาสงบศกึ กบั \"คนป่ าเถ่ือน\" ต้องส่งบรรณาการให้ ทําให้การเงินไม่คล่องตัว จนมี นกั ปฏิรูปชื่อ \"หวงั อนั้ จี่\" ออกกฎหมายมาควบคุมการใช้เงิน ของบรรดา เชือ้ พระวงศ์ แต่สดุ ท้าย ก็ต้องยกเลกิ เพราะไปขดั ผลประโยชน์เจ้าใหญ่ นายโต ครัน้ ต่อมา มีชนเผ่าจินหรือกิม (บรรพบรุ ุษของแมนจู) เข้ามาตี และเนื่องจากมีขนุ นางกงั ฉิน ไปเข้ากบั ศตั รู (ดงั เช่น ฉินไคว่ กงั ฉินชื่อดงัอาณาเขตราชวงศ์ซ่ง ซึ่งใส่ความแม่ทพั งกั ฮุย และสงั หารงักฮุยกบั ลกู ชายเสีย ทําให้ชาวจีน เคียดแค้นชิงชังอย่างย่ิง) บวกกับการทหารที่อ่อนแออยู่แล้ว (ผสมกับฮอ่ งเต้ที่ไร้สามารถ หเู บา เช่ือฟังกงั ฉิน) ทําให้พวกจินสามารถบกุ จนถึงเมืองไคฟง (เมืองหลวง) จึงต้องย้ายเมืองหลวง ไปอยทู่ างทิศใต้ มีชื่อเรียกวา่ ซง่ ใต้ ซง่ึ พวกจินก็ยงั ตามล้างผลาญตลอด แตต่ อ่ มา ในทส่ี ดุ พวกจิน, เซี่ยกบั ชิตนั ก็ถกู มองโกลซ่ึงนําโดย เจงกิสข่าน (เตมูจิน) เข้าตี แล้วหนั มาตีจีนต่อจนถึงปักก่ิง หลงั จากนนั้ กุบไลข่าน หลานป่ ขู องเจงกิสข่าน ได้โจมตีราชวงศ์ซง่ ใต้ โดยได้ความร่วมมือจากขนุ นาง และทหารของราชวงศ์ซง่ บางคน ท่ีกลบั ลําหนั มาช่วยเหลือมองโกลโจมตีพวกของตวั เอง จนสนิ ้ ราชวงศ์ในท่สี ดุ แล้วกบุ ไลขา่ นจึงตงั้ ราชวงศ์หยวนขนึ ้ มาแทน

26ราชวงศห์ ยวน(元朝; พนิ อนิ : Yuáncháo) แผนท่รี าชวงศ์หยวนราชวงศ์หยวน (จีน: 元朝; พินอิน: Yuáncháo; หยวนเฉา) (พ.ศ. 1814 - 1911) คือหนงึ่ ในราชวงศ์ของจกั รวรรดิจีนก่อตงั้ ขนึ ้ เมอ่ื กบุ ไลขา่ นผ้นู าํ เผา่ ชาวมองโกล ได้โคน่ อํานาจราชวงศ์ซง่ ลง แล้วเปิดศกั ราชชาวมองโกลครองประเทศจีนชาวมองโกลได้เข้ายดึ ครองภาคเหนือของจีนเป็นเวลากว่าทศวรรษ ได้มีความพยายามเปล่ยี นเป็นจีน ตงั้ แต่สมยั มองเกอขา่ น พระเชษฐาของกบุ ไลขา่ น แตไ่ มส่ าํ เร็จ จนกระทงั่ ในสมยั ของกบุ ไลขา่ น ในปี ค.ศ. 1271 เมื่อมองโกลโคน่ ราชวงศ์ซง่ ลงได้สาํ เร็จและยดึ ครองดินแดนจีนได้ทงั้ หมด กบุ ไลขา่ นได้ประกาศตงั้ ราชวงศ์แบบจีนขนึ ้ อยา่ งเป็นทางการ[1] มีการตงั้ กรุงปักกิ่งเป็นเมอื งหลวง (สมยั นนั้ ชื่อวา่ เมืองต้าต)ู ทรงตงั้ ความหวงั จะเป็นกษัตริย์ที่ดี จึงปกครองอยา่ งสขุ มุ รอบคอบ เอาใจใสป่ ระชาชน จึงสามารถชนะใจชาวจีนได้ และเป็นจกั รพรรดิมองโกลพระองค์เดียว ท่ีชาวจีนยอมรับ (เดิมทีนนั้ พวกมองโกลขึน้ ช่ือลือชามากในเร่ืองความโหด ทงั้ นีอ้ าจเนื่องมาจากวิถีชีวิตเดิม ท่ีอย่ใู นท่งุ หญ้า ทะเลทราย เร่ร่อนไปเร่ือย ๆ)นอกจากนี ้ กุบไลข่านยงั พยายามใช้นโยบายขยายดินแดนครอบครองโลกและพาชาวจีนบกุ ยึดครองดินแดนต่างๆไปกว้างไกลมาก ถึงกบั ยกทพั เรือจะไปตญี ี่ป่ นุ แตเ่ รือถกู มรสมุ จึงไมส่ าํ เร็จกุบไลข่านสนใจทางอกั ษรศาสตร์และวรรณกรรมมาก จึงสง่ เสริมบทประพนั ธ์ตา่ งๆ ปรากฏว่า บทงิว้ ในสมยั กุบไลขา่ นดีมาก จนไมม่ บี ทงิว้ สมยั ใดเทยี บได้ การติดตอ่ กบั ตา่ งประเทศ ก็เป็นไปด้วยดี ไมว่ ่าจะเป็นมาร์โคโปโลและเอกอคั รสมณทตูจากสนั ตะสาํ นกั ก็ได้มาเยอื นแดนจีนในยคุ ของกบุ ไลขา่ นนีเ่ องพอสนิ ้ ยคุ ของกุบไลข่าน ก็ไม่มีกษัตริย์มองโกลพระองค์ใดเด่นเหมือนพระองค์อีก ตอ่ มาจึงมีการพยายามโคน่ ล้มราชวงศ์หยวนอยตู่ ลอดเวลา จกั รพรรดิพระองค์ต่อ ๆ มาของราชวงศ์หยวน สว่ นใหญ่ครองราชย์ได้ไมน่ าน และได้ครองราชย์โดยการแย่งชิงอํานาจกัน สาเหตุก็มาจากสาเหตทุ ี่ว่ามองโกลไม่มีกฎแน่นอนเก่ียวกับการสืบราชบลั ลงั ก์ จวบจนจกั รพรรดิหยวนฮยุ่ จง ประมขุ พระองค์สดุ ท้ายซง่ึ ครองราชย์นานกวา่ องค์ก่อน ๆ ในยคุ นไี ้ ด้มคี วามวนุ่ วายเกิดขนึ ้ มาก เกิดภยั พิบตั ิขนึ ้หลายที่ เชือ้ พระวงศ์กบั ขนุ นางตา่ งร่วมกนั ขม่ เหงชาวบ้าน จึงมีกบฏเกิดขนึ ้ ทวั่ ไปครัง้ นนั้ มชี ายผ้หู นงึ่ ชื่อ จหู ยวนจาง ตอนอายไุ ด้ 17 ปี ครอบครัวได้ตายหมดจากโรคระบาด จึงไปบวชที่วดั หวงเจี๋ย ต่อมาไปเร่ร่อนต่ออีก 3 ปี เนื่องจากเสบียงอาหารหมด แล้วจึงกลบั มาท่ีวดั ดงั เดิม ครัน้ สาวกลทั ธิบวั ขาวก่อกบฏโพกผ้าแดงขนึ ้เขาก็เดนิ ทางไปสมทบกบั พวกกบฏ เริ่มนําทพั ออกตกี ๊กตา่ งๆ ในแผ่นดิน แล้วในที่สดุ ก็ได้สง่ แมท่ พั ช่ือสีต๋า ไปตีเมืองปักก่ิงได้สําเร็จ เป็นการโค่นล้มราชวงศ์หยวนลงได้ จากนนั้ เขาก็ได้ตงั้ ราชวงศ์หมิงขึน้ สถาปนาตนเองเป็นจกั รพรรดิหงหวู่ ใช้เมืองหนานจิงเป็นเมอื งหลวง

27กบุ ไลขา่ น มหาจกั รพรรดสิ ายเลอื ดมองโกล...ครองแผน่ ดนิ เกอื บครง่ึ โลกจกั รพรรดิกุบไลขา่ น ได้ขนึ ้ ครองบลั ลงั ก์เป็นขา่ น หรือจกั รพรรดิแหง่ จกั รวรรดิมองโกล เมื่อ ค.ศ. 1260 และสงิ่ ที่ทําให้โลกต้องจารึกชื่อจกั รพรรดิกบุ ไล ข่าน ลงในประวตั ิศาสตร์ก็เน่ืองจากจกั รพรรดิกบุ ไล ขา่ น ได้เข้ายดึ ครองแผ่นดินจีนและโค่นล้มราชวงศ์ซ้อง จากนนั้ ก็ทรงสถาปนาราชวงศ์หยวนขนึ ้ ปกครองจีน เป็นจกั รพรรดิองค์แรกของราชวงศ์ ในพระนาม หยวนซีโจ๊วฮ่องเต้ กุ๊บไล่ข่านวิธีท่ีจักรพรรดิกุบไลข่าน ใช้ในการยึดครองแผน่ ดินจีนคือการเปลี่ยนแปลงความคิดของชาวจีนเป็นหลกั และใช้วิธีทางการทหารเป็นรองลงมา เนื่องจากสมยั นนั้ คนจีนกระจดั กระจาย จึงทําให้มวี ฒั นธรรมและภาษาทตี่ า่ งกนั ไปในแตล่ ะท้องถิ่นนนั้ ๆ แตส่ งิ่ ทีเ่ หมือนกนั ก็คอื ภาษาเขียนเทา่ นนั้ ทาํ ให้ชาวจีนรวมตวั กนั ได้อยา่ งหลวมๆผา่ นวรรณกรรมตวั หนงั สอื นน่ั ทําให้จกั รพรรดิกุบไลขา่ น ประกาศว่าตนเองจะเป็นผ้รู วบรวมแผ่นดินจีน โดยใช้ชาวจีน เป็นหลกั ในการเข้ายึดครองครัง้ นี ้ และจกั รรพรรดิกบุ ไล ขา่ น ยงั ได้เปล่ยี นชื่อตวั เองเป็นภาษาจีนวา่ ซีหยวน (zhiyuan) ที่แปลว่า การเริ่มต้นท่ีสมบรู ณ์ มีการตงั้ราชวงศ์ต้าหยวน ขนึ ้ มา ท่ีมีความหมายวา่ การเร่ิมต้นที่ย่ิงใหญ่ และยงั มีการรับวฒั นธรรมบางอย่างของจีนมาด้วย เช่นการสร้างสสุ าน มกี ารสร้างปา้ ยช่ือหน้าสสุ านให้แกค่ นตายด้วยท่ีโด่งดงั ท่ีสุดในเรื่องการติดต่อกับชาติตะวันตกก็คือการมาถึงของ มาร์โก โปโล นกั เดินทางสํารวจ ชาวอิตาลี เป็นชาวตะวนั ตกคนแรกที่ค้นพบเส้นทางสายไหมสดู่ ินแดนจีน และเข้าสเู่ มืองปักก่ิงในปี ค.ศ. 1271 ได้เข้าพบจกั รพรรดิกบุ ไลขา่ น หลงั จากนนั้ มาร์โก โปโล ก็ใช้ชีวิตอยทู่ ี่เมืองหางโจว มีหน้าท่ีช่วยงานในราชสํานกั ยาวนานถึง 17 ปี ก่อนท่ีจะเดินทางกลบั บ้านเกิด การเดินทางตามเส้นทางสายไหมมายงั แผน่ ดนิ จีนของมาร์โค โปโล นนั้ ได้บนั ทกึ ลงในหนงั สือท่ีช่ือว่าอิลมีลีโอเน (Il Milione) การเดินทางและการบนั ทึกนีเ้ ป็นสาเหตหุ นึ่งท่ีทําให้ชาวตะวนั ตกรู้จกั แผ่นดินจีนและชาติตะวนั ออก มาร์โก โปโล เข้าเฝ้า ก๊บุ ไล่ข่าน

28ราชวงศห์ มงิ (明朝 Míng cháo)ราชวงศ์หมิง (พ.ศ. ๑๙๑๑-๒๑๘๗) จูหยวนจาง ตงั้ พระนามตนเองว่า หมิงไท่จู่ฮ่องเต้หรือหงหวู่ ได้ดําเนินการฟื ้นฟูเศรษฐกิจ และสงั คม ด้วยความประหยดั มธั ยสั ถ์ ผ่อนปรน แก่ประชากรสว่ นใหญ่ แต่ในทางการเมืองแล้ว ทรงมีความโหดเหยี ้ มเอาการ จนได้ชื่อวา่ \"ทรราชผ้ผู อ่ นปรน\" ดงั กรณีของหเู หวยยง ซง่ึ ตอนแรกทรงไว้ใจมาก แตต่ อนหลงั หเู หวยยงได้ก้าวก่ายฎีกาของพระองค์ รับสินบน สมคบกับโจรจะก่อกบฏ จึงทรงประหารเขาเสีย พร้ อมกบั พวกท่ีเก่ียวข้องอีกกว่า๓๐,๐๐๐ คน หรือ ในกรณีของหลานอี ้แมท่ พั ใหญ่ ซง่ึ ใช้อํานาจขม่ เหงราษฎร ขนสนิ ค้าหนีภาษี จึงทรงประหารเขา พร้อมกบั คนทพี่ วั พนั ถงึ ๑๕,๐๐๐ คน พวกข้าราชการ ทฉ่ี ้อราษฎร์บงั หลวง ก็ถกู ประหารแล้วถลกหนงั มายดั ฟาง แขวนประจานรวมทงั้ ผ้ตู อ่ ต้านด้วย ทรงรักษากฎหมายเข้มงวดมาก ครัง้ หนงึ่ พระโอรสได้พยายามห้ามปราม ขณะทีพ่ ระองค์จะประหารผู้ทบ่ี ริสทุ ธิ์ ก็ทรงลมื ตวั จะทาํ ร้ายพระโอรส แตใ่ นท่สี ดุ ก็สาํ นกึ ได้ แล้วร้องไห้เข้ากอดกนั ทงั้ พอ่ ลกูผลงานอีกชิน้ หนงึ่ ของหมิงไทจ่ ่คู ือ การใช้ศกั ราชเดียวตลอดทงั้ รัชกาล (ปี \"หงหว่\"ู หรือ \"หงหว่\"ู ศก) ไม่เปลี่ยนศกั ราชพร่ําเพรื่อเหมอื นในราชวงศ์กอ่ นๆ ซงึ่ เป็นแบบอยา่ งให้ฮ่องเต้องค์ตอ่ ๆ มา รวมถึงราชวงศ์ชิงนํามาใช้ด้วย การที่ใช้ศกั ราชเดียวตลอดทงั้ รัชกาลนี ้ทําให้ราษฎรนําช่ือศกั ราชมาใช้เรียกเป็นช่ือฮอ่ งเต้ (เช่น หยง่ เลอ่ , ฉงเจิน, คงั ซี ล้วนเป็นช่ือศกั ราชทงั้ สนิ ้ )ปลายสมยั พระองค์ รัชทายาทจูเปียว ซ่งึ มีจิตใจอ่อนโยน ได้สนิ ้ พระชนม์ไปก่อน หมิงไท่จ่เู ศร้าพระทยั มาก จึงตงั้ ลกู ของจูเปียวเป็นรัชทายาท ทาํ ให้โอรสองค์อนื่ ๆ ไมพ่ อใจมาก ครัน้ ตอ่ มา หมิงไท่จ่สู วรรคต รัชทายาทได้ขนึ ้ เป็น เจีย้ นเหวินฮ่องเต้หรือฮยุ่ ตฮี ้ อ่ งเต้ (ในจอมใจจกั รพรรดิ เรียกวา่ \"เจีย้ นเหวินตี\"้) ต่อมาไม่นาน เจ้าเอีย้ นอ๋อง จตู ี ้อาคนที่ ๔ ของเจีย้ นเหวินตี ้(โอรสองค์ที่ ๔ ของหมิงไท่จู่) ซ่งึ ครองเมืองปักกิ่ง ได้ก่อกบฏ และเข้าตีเมืองนานกิงได้ เจีย้ นเหวินตีไ้ ด้หายไปอย่างลกึ ลบับางกระแสวา่ พระองค์สนิ ้ พระชนม์ตอนกรุงแตก แตบ่ างกระแสก็วา่ พระองค์ปลอมเป็นภิกษุ หลบหนอี อกไปจากเมอื ง หรือบางกระแสก็ว่า พระองค์หนีออกไปตา่ งประเทศ อยา่ งไรก็ตาม เจ้าเอีย้ นอ๋องได้ขนึ ้ ครองราชย์ นามว่า หยง่ เล่อหรือเฉิงจู่ฮอ่ งเต้ กลา่ วกนั วา่ หยง่ เลอ่ กงั วลกบั คาํ ครหาของผ้อู น่ื มาก เก่ียวกบั เร่ืองทช่ี ิงราชบลั ลงั ก์หลานตวั เอง จึงพยายามหาทางแก้ต่างให้ตัวเองตลอดเวลา ต่อมา ได้ย้ายเมืองหลวงมาท่ีปักก่ิง (ซึ่งชัยภูมิทางการศึกไม่ดีเท่านานกิง) และได้ก่อสร้ างพระราชวงั ปักกิ่งขนึ ้ (จริงๆ ไม่ได้เป็นคนสร้างเองหรอก แต่เป็นคนออกคําสง่ั ให้สร้างต่างหาก) โดยใช้ศิลปะตามแบบของสมยั ราชวงศ์ถงั และซ้อง หยง่ เลอ่ เป็นผ้รู ิเร่ิมการค้าขาย กบั ตา่ งประเทศมากมาย เพื่อเสริมศกั ยภาพให้แก่จีน โดยได้ให้ เจิง้เหอ (ซมั ปอกง) ขนั ทีคนสนิทลอ่ งเรือออกไปในมหาสมทุ ร รวม ๗ ครัง้ จนสนิ ้ รัชสมยั หย่งเลอ่ ในสมยั นี ้มีชนเผา่ ทะม่เู ออร์ซงึ่ สบื เชือ้ สายมาจากเจงกิสขา่ น นําโดย พระเจ้าทะมเู่ ออร์แหง่ ซามลั ขา่ น (บางเลม่ เรียกว่า ทาเมอร์เลน) ได้โจมตีชาวบ้านเขาไปทวั่ บกุ ถึงอินเดีย และรบชนะอินเดีย แถมยงั เผาเมืองเดลลีจนราบ (พวกคนโบราณน่ีสนั ดานเสียจงั ตีเมืองได้แล้วเป็นต้องเผาเมืองทกุ ที ไม่รู้มนั จะอะไรกนั นกั กนั หนา) ได้ยกทพั มาจะตีจีนให้ได้ แตว่ ่าระหว่างทาง ทะม่เู ออร์ได้สนิ ้ ชื่อลงกลางทาง ทาํ ให้ความทะเยอทะยานของเขาสนิ ้ สดุ ลง จีนซ่ึงตงั้ รับอย่แู ล้วจึงสง่ ทตู ไปสกั การะศพ และความตงึ เครียดก็จบลงด้วยดี การค้าขายในสมัยนัน้ รุ่งเร่ือง

29ราชวงศช์ งิ(清代 Qīng dài) แผนท่รี าชวงศ์ชิงราชวงศ์ชิงไมไ่ ด้ก่อตงั้ โดยชาวฮ่ันซง่ึ เป็นชนสว่ นใหญ่ของประเทศจีน แต่เป็นชาวแมนจูซึ่งอาศยั อย่ใู นเขตแมนจเู รีย ทางตะวนั ออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบนั ในสมัยนนั้ ชาวแมนจูเพียงเป็นชนกล่มุ น้อยเร่ร่อนทางตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของจีน ซง่ึ ยงั ไมม่ คี นรู้จกั มากนนั้ ในชว่ งท่รี าชวงศ์หมิงของชาวจีนฮน่ั อยใู่ นสภาพออ่ นแอ เกิดจลาจลและการเมอื งไร้เสถียรภาพในปลายสมยั ของราชวงศ์ชิง ถือวา่ ได้เป็นยคุ ตกตํ่าของราชวงศ์ เน่ืองจากได้เกิดจกั รวรรดินิยมและลทั ธิลา่ อาณานิคมขนึ ้ประเทศตะวนั ตกในยโุ รป ได้เร่ิมลา่ อาณานคิ มในเมอื งจีน โดยมีจกั รวรรดิองั กฤษเป็นชาติแรก องั กฤษได้นําฝ่ินมามอมเมาชาวจีนทาํ ให้ราชสาํ นกั ชิงออ่ นแอ นําไปสสู่ งครามฝิ่นถงึ 2 ครัง้ ซง่ึ ราชวงศ์ชิงเป็นฝ่ายพา่ ยแพ้ทําให้ต้องสญู เสยี เกาะฮ่องกงแก่องั กฤษ อีกทงั้ ต้องทําสนธิสญั ญาไม่เป็นธรรมจํานวนมากกับชาติตะวนั ตก และต้องเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตราชวงศ์ชิงยงั พา่ ยแพ้สงครามจีน-ญี่ป่ นุ ครัง้ ท่ีหนง่ึ ซงึ่ ทําให้จีนสญู เสยี เกาหลีและเกาะไต้หวนั แก่ญี่ป่ นุ อีกทงั้ การเกิดกบฎนกั มวย ในปี พ.ศ. 2442 ทาํ ให้ชาวจีนรู้สกึ อปั ยศอดสเู ป็นอย่างมาก จกั รพรรดิกวางสไู ด้ทรงพยายามทําการปฏิรูปพฒั นาประเทศให้ทนั สมยั แต่แผนการของพระองค์กลบั ถูกทําลายลงโดย พระนางซูสีไทเฮา ซ่ึงถือเป็นผู้ขดั ขวางการพัฒนาสู่สมยั ใหมข่ องจกั รวรรดิต้าชิงตลอดระยะเวลาท่รี าชวงศ์ชิงระสาํ่ ระสา่ ย เป็นประเทศล้าหลงั และว่นุ วาย ชาวจีนถกู ชาวตะวนั ตกและญ่ีป่ นุ ขนานนามว่าเป็น ขโี ้ รคแหง่ เอเชีย ทําให้ชาวจีนบางสว่ นต้องการกอบก้ศู กั ดิ์ศรีของประเทศ โดยมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เจริญและเป็นประชาธิปไตย โดยมีขบวนการถงเหมิงฮ่ยุ มี ดร. ซุน ยตั เซ็น เป็นผ้นู ํา ราชวงศ์ชิงครองแผน่ ดินจีนจนถึงปีพ.ศ. 2454 เกิดการปฏิวตั ิซินไฮ่ซง่ึ เป็นการลกุ ฮือต่อต้านราชวงศ์ชิง ราชวงศ์ชิงถูกยึดอํานาจในปีนนั้ และใน พ.ศ. 2455จกั รพรรดิผอู่ ๋ี จกั รพรรดิองค์สดุ ท้ายถกู บงั คบั ให้สละราชสมบตั ิ ถือเป็นจุดอวสานของราชวงศ์ชิง และการปกครองระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชย์เป็นเวลานบั 5,000 ปีของประวตั ิศาสตร์จีน ถงเหมิงฮ่ยุ ได้เปลย่ี นแปลงประเทศนําไปสกู่ ารปกครองแบบประชาธิปไตย และมชี ่ือประเทศวา่ สาธารณรัฐจีน

30ซสู ไี ทเฮา ซสู ไี ทเฮาฉือสไี่ ทโ่ ฮว่ ตามภาษาจีนมาตรฐาน หรือ ซูสไี ทเฮา ตามภาษาจีนฮกเกีย้ น (จีน: 慈禧太后; พินอิน: Cíxǐ Tàihòu; 29พฤศจิกายน ค.ศ. 1835 – 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908) เป็นสตรีชาวแมนจจู ากตระกูลเย่เฮ่อนา่ ลา (葉赫那拉氏)ดาํ รงตําแหนง่ ไทโ่ ฮ่ว (พระราชชนนีพนั ปีหลวง) และสาํ เร็จราชการแทนจกั รพรรดิจีนหลายพระองค์ในช่วงปลายราชวงศ์ชิงพระนางจึงควบคมุ การปกครองจกั รวรรดจิ ีนโดยพฤตนิ ยั เป็นเวลา 47 ปีตงั้ แต่ ค.ศ. 1861 จนเสด็จสวรรคตใน ค.ศ. 1908ขณะทรงพระเยาว์ พระนางฉือสไี่ ด้รับเลอื กเป็นพระสนมของจกั รพรรดเิ สยี นเฟิง (咸豐帝) และใน ค.ศ. 1856 ได้ประสตู ิพระราชโอรส คือ ไจ้ฉนุ (載淳) ตอ่ มาเมอ่ื จกั รพรรดเิ สยี นเฟิงสวรรคตใน ค.ศ. 1861 ไจ้ฉนุ ขนึ ้ สบื ราชสมบตั เิ ป็นจกั รพรรดิถงจือ้ (同治帝) พระนางฉือสจี่ ึงได้เป็นพระราชชนนีพนั ปีหลวง พระนางขบั คณะผ้สู าํ เร็จราชการท่ีจกั รพรรดิเสียนเฟิ งทรงตงั้ ไว้ออกจากตําแหนง่ และเข้าเป็นผ้สู าํ เร็จราชการแทนพระองค์จกั รพรรดิถงจือ้ พร้อมด้วยพระนางฉืออนั ไทโ่ ฮ่ว (慈安太后) พระอคั รมเหสขี องจกั รพรรดิเสยี นเฟิ ง ภายหลงั เมื่อจกั รพรรดิถงจือ้ สวรรคตใน ค.ศ. 1875 พระนางฉือสต่ี งั้ หลานผ้เู ยาว์ของตนเป็นจกั รพรรดิกวงั ซวฺ ี่ (光緒帝) ซงึ่ ขดั กบั ประเพณีการสบื ราชสมบตั ิของราชวงศ์ชิงที่เข้าปกครองประเทศมาตงั้ แต่ ค.ศ. 1644 และพระนางก็สําเร็จราชการแทนจกั รพรรดิผ้เู ยาว์ต่อไป ทําให้สามารถรวบอํานาจการปกครองแผน่ ดนิ ไว้ในพระหตั ถ์

31คาถามท้ายบทท่ี31 ใครคอื ผู้สร้างกาแพงเมืองจนี……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………2 ตานานเม่ิงเจยี หน่ีร้องให้กาแพงเมืองถล่ม อย่ใู นยุคสมัยใด……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………3 ใครคอื ผู้สถาปนาราชวงศ์ จนิ้……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………4 ราชวงศ์ใดของจนี ท่แี ผ่ขยายอาณาเขต ไปจนถงึ ยุโรปตะวนั ออก……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………5 สตรีคนสาคัญท่กี ุมอานาจในราชสานักราชวงศ์จีน คอื ใคร……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

32第四课:革命的中国 (Gémìng de zhōngguó) บทท่ี 4 ยุคปฏวิ ตั จิ นี ขบวนประท้วงของ ดร.ซุนยดั เซ้นการปฏิวัติซินไฮ่ (องั กฤษ: Xinhai (Hsinhai) Revolution) หรืออีกช่ือวา่ การปฏิวตั ิ ค.ศ. 1911 หรือการปฏิวตั จิ ีน เจียง ไคเช็ก เป็นผ้นู ําของจีนระหวา่ ง พ.ศ. 2471 ถึง พ.ศ. 2492การปฏิวตั ิครัง้ แรกของจีนเกิดขนึ ้ เมื่อปี พ.ศ. 2454 (ค.ศ.1911) ซงึ่ เป็นการโคน่ ล้มอาํ นาจการปกครองของราชวงศ์ชิง โดยการนําของ ดร. ชนุ ยตั เซน หวั หน้าพรรคก๊กมินตง๋ั เป็นผลทําให้จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสปู่ ระชาธิปไตยในท่ีสดุ สาเหตทุ ี่ก่อให้เกิดการโคน่ ล้มอํานาจครัง้ นีน้ ่าจะมาจากความเสือ่ มโทรมของสภาพสงั คมจีน ผ้นู ําประเทศจกั รพรรดิแมนจูไมม่ ีอํานาจกําลงั พอที่จะปกครองประเทศได้ ซง่ึ ตลอดระยะเวลาปกครอง 268 ปี (พ.ศ. 2187 – 2455) มีแตก่ ารแย่งชิงอํานาจในหมผู่ ้นู ําราชวงศ์ ด้วยเหตนุ ีร้ าษฎรสว่ นมากจึงตกอย่ใู นสภาพยากจน ชาวไร่ชาวนาถูกขูดรีดภาษีอย่างหนกั ถกู เอารัดเอาเปรียบจากเจ้าของที่ดิน ชาวต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ แผน่ ดินจีนถกู คกุ คามจากตา่ งชาติ โดยเฉพาะชาตมิ หาอาํ นาจตะวนั ตก และญ่ีป่ นุ ซ่งึ จีนทําสงครามต่อต้านการรุกรานของกองกําลงั ต่างชาติเป็นฝ่ ายแพ้มาโดยตลอด ทําให้คณะปฏิวตั ิไม่พอใจระบอบการปกครองของราชวงศ์แมนจูเพอ่ื ความสาํ เร็จในการแก้ปัญหาของของประเทศชาติ ซนุ ยตั เซ็น ผ้นู าํ ฯ จงึ ได้ประกาศอดุ มการณ์ของการปฏิวตั ิ 3 ประการเรียกวา่ “ลทั ธิไตรราษฎร์” มีหวั ข้อดงั นี ้ประชาธิปไตย มีการปกครองในระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย และมีรัฐธรรมนญู เป็นกฎหมายสงู สดุ ในการปกครองประเทศชาตนิ ยิ ม ต้องขบั ไลอ่ ํานาจและอิทธิพลของตา่ งชาตอิ อกไปจากจีนสงั คมนิยม มกี ารจดั สรรท่ีดนิ ให้แก่เกษตรกร

33ซุน ยตั เซ็น นายแพทย์[1] ซุน ยตั เซ็น (12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1866 - 12 มีนาคม ค.ศ. 1925) เป็นนกั ปฏิวตั ิ และ ได้รับการ กล่าวขานว่าเป็น \"บิดาของชาติ\" ในสาธารณรัฐจีน และ \"ผู้ บกุ เบกิ การปฏวิ ตั ิประชาธิปไตย\" ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยความเป็นผู้ริเริ่มจีนชาตินิยมคนสําคัญ ซุนมีบทบาท สาํ คญั ในจดุ ประกายการโคน่ ล้มราชวงศ์ชิงที่ปกครองแผน่ ดิน จีนเป็นราชวงศ์สุดท้ ายและเกือบนําประเทศไปสู่ความ หายนะ ซุนได้ปลกุ กระแสให้ชาวจีนหนั มาตระหนกั ถึงความดร.ซนุ ยดั เซน็ ล้มเหลวของราชวงศ์ชิง กระท่ังกลายเป็นกระแสต่อต้าน ราชวงศ์และนําไปส่กู ารปฏิวตั ิซินไฮ่ ซึ่งเปลี่ยนประเทศจีน เป็นประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ ซุนเป็นประธานาธิบดีเฉพาะกาลคนแรกเม่ือสาธารณรัฐจีนก่อตงั้ ขนึ ้ ใน ค.ศ. 1912 และภายหลงั ร่วมก่อตงั้ พรรคก๊กมินตง๋ั ซ่งึ เขาเป็นหวั หน้าพรรคคนแรก[2] ซุน ยตั เซ็น เป็นบุคคลผ้สู ร้างความสามคั คีในจีนหลงั ยคุ จกั รวรรดิ และยงั คงเป็นนกั การเมืองจีนสมยัคริสต์ศตวรรษท่ี 20 เพียงหนึ่งเดียวท่ีได้รับความเคารพนบั ถืออย่างกว้างขวางจากประชาชนทงั้ สองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวนัแม้ซุนถกู มองวา่ เป็นหนงึ่ ในผ้นู ําทยี่ ่ิงใหญ่ทสี่ ดุ ของจีนสมยั ใหม่ ชีวิตการเมอื งของเขากลบั ต้องตอ่ ส้ไู ม่หยดุ หยอ่ นและต้องลี ้ภยั บอ่ ยครัง้ หลงั ประสบความสําเร็จในการปฏิบตั ิ เขากลบั สญู เสียอํานาจอยา่ งรวดเร็วในสาธารณรัฐจีนที่เพ่ิงก่อตงั้ ขึน้และนํารัฐบาลปฏิวตั สิ บื ตอ่ มาเป็นการท้าทายขนุ ศกึ ทค่ี วบคมุ พนื ้ ทสี่ ว่ นใหญ่ของประเทศ ซนุ มไิ ด้มีชีวติ อยเู่ หน็ พรรคของเขารวบรวมอํานาจเหนือประเทศระหว่างการกรีฑาทพั ขนึ ้ เหนือ (Northern Expedition) พรรคของเขา ซึ่งสร้ างพนั ธมิตรอนั ละเอียดอ่อนกับพวกคอมมิวนิสต์ แตกเป็นสองฝ่ ายหลงั เขาเสียชีวิต มรดกสําคญั ของซุนอย่ใู นการพฒั นาปรัญาการเมืองของเขา ซ่ึงรู้จักกนั ในชื่อ หลกั 3 ประการแห่งประชาชน อนั ได้แก่ ชาตินิยม ประชาธิปไตย และความเป็นอยขู่ องประชาชน พพิ ภิ ณั ฑ์ ดร.ซุนยดั เซ็น

เจยี ง ไคเชก 34 จอมพล[2] เจียง ไคเชก (อกั ษรโรมนั : Chiang Kai-shek; 31 ตลุ าคม ค.ศ. 1887 — 5 เมษายน ค.ศ. 1975) หรือช่ือตามภาษาจนี มาตรฐาน คอื เจี่ยง จงเจงิ ้ (蔣中正) หรือ เจ่ียง เจีย้ ฉือ (蔣介石) เป็นผ้นู ําจีน เจียงจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้ อยของญี่ป่ ุนและกลับมาเป็นขุนศึกคํา้ บลั ลงั ก์ของซนุ ยตั เซน ได้เป็นผ้นู ําของจีนระหวา่ ง ค.ศ. 1928 ถึง ค.ศ. 1949 เจยี งไคเชก็ ตอ่ มาได้ไปตงั้ รัฐบาลจีนคณะชาติที่ไต้หวนั เป็นผ้หู นงึ่ ที่ร่วมอยใู่ นการปฏิวตั ิ ค.ศ. 1911 ต่อต้านรัฐบาลของหยวน ซื่อไข่ และตัง้ แต่ ค.ศ. 1918 ได้เข้าร่วมรัฐบาลพรรคก๊กมนิ ตงั๋ ของ ซนุ ยตั เซน และเมื่อ ซนุ ยตั เซน ถงึ แกอ่ สญั กรรม ใน ค.ศ. 1925 เจียง ไคเชกได้เป็นผ้นู ําพรรคแทน และพยายามรวบอํานาจในพรรคด้วยการกําจดั แกนนําพรรคคนอื่น ๆ ด้วยวิธีการตา่ ง ๆ ทงั้ ด้วยอํานาจทหารและอํานาจเงิน โดยมีการต่อท่อสายสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกาและญ่ีป่ ุน กระทั่งสามารถยกตนเองก้ าวขึน้ เป็ นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐจีน และได้รับยกย่องเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีนจากคําบรรยายใต้ภาพดังนี ้ 「蔣公於民國三十七年當選中華民國第一任總統」 ใน ค.ศ. 1948[ต้องการอ้างองิ ]เจียง ไคเชกย้ายที่ตงั้ รัฐบาลไปอยเู่ มอื งหนานจิง (นานกิง) ซงึ่ อยใู่ กล้กบั ภมู ิลาํ เนาเดิมบ้านทมี่ ณฑลเจ้อเจียง แตจ่ ากปัญหาฉ้อราษฎร์บงั หลวง และถกู ซาํ ้ เติมด้วยการรุกรานของกองทพั ญ่ีป่ นุ จนเกิดความเดอื ดร้อนไปทกุ หยอ่ มหญ้า เป็นเหตใุ ห้เกิดกลมุ่ ตอ่ ต้านขนึ ้ มามากมายเพอ่ื โคน่ ล้มการปกครองของพรรคก๊กมินตง๋ักลมุ่ ที่สาํ คญั ท่ีสดุ คอื พรรคคอมมวิ นสิ ต์จีน (จงกว๋อก้งฉ่านตา่ ง) โดยมีเหมาเจ๋อตงุ เป็นแกนนําสําคญั ของพรรคนีก้ ่อตงั้ ขนึ ้ เมื่อ ค.ศ. 1921จนกระทงั่ กลายเป็นสงครามกลางเมอื ง ระหว่าง ค.ศ. 1927 ถึง ค.ศ.1937 และระหวา่ ง ค.ศ. 1946 ถงึ ค.ศ. 1949 แตบ่ างครัง้ ทงั้ สองฝ่ายก็หนั มาร่วมมือกนั เช่น ในสงครามจีน-ญี่ป่ นุ ระหวา่ ง ค.ศ. 1937 สุสาน เจยี งไคเชค็ถงึ ค.ศ. 1945 และในสงครามโลกครัง้ ทส่ี องโดยในช่วงหลงั ค.ศ. 1945 การทําสงครามกบั ฝ่ ายคอมมิวนิสต์ รัฐบาลเจียง ไคเชกเป็นฝ่ ายแพ้ต้องอพยพไปตงั้ รัฐบาลจีนคณะชาติท่ีไต้หวนั ใน ค.ศ. 1949 ได้รับการสนบั สนนุ จากสหรัฐอเมริกาด้วยดีตลอดมาจนถึง ค.ศ. 1971 จีนคณะชาติทีไ่ ต้หวนั ถงึ ถกู ถอดออกจากการเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ เปิดทางให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าเป็นสมาชิกแทน

35เหมา เจอ๋ ตงเหมาเจ๋อตง เหมา เจ๋อ ตง หรือ เหมา เจ๋อ ตุง เกิดที่มณฑลหูหนาน จบการศึกษาจากวิทยาลยั ฝึกหดั ครู ก่อนจะเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีน หลงั จากถกู ปราบปรามโดยนายพล เจียงไคเชก เหมาได้ขนึ ้ มาเป็นประธานของคณะโปลติ บโู รของพรรคคอมมิวนิสต์แหง่ ประเทศจีน ภายใต้การปกครองของเหมาเจ๋อตงุ พรรคคอมมิวนิสต์แหง่ ประเทศจีน ได้ชนะสงครามกลางเมืองจีน และปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ได้ เหมาเจ๋อตุงได้ ประกาศตงั้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวนั ท่ี 1 ตลุ าคม ค.ศ. 1949 ท่ีจตั รุ ัสเทียน อนั เหมนิ เหมาได้นําประเทศเข้าเป็นพนั ธมิตรกบั สหภาพโซเวียต ก่อนจะแยกตวั มาภายหลงั เขายงั เป็นผ้นู าํ ให้เกิดการปฏิวตั ิวฒั นธรรมเหมาได้รับการยกยอ่ งให้รวมประเทศจีนเป็นปึกแผ่นอีกครัง้ หลงั จากตกอย่ใู ต้อิทธิพลของตา่ งชาติตงั้ แต่สงครามฝ่ิน ในประเทศเขาถูกเรียกว่า ประธานเหมา (Chairman Mao) แต่เขาปกครองประเทศจีน และก็มีป้ายปรากฏคําวิพากษ์วิจารณ์ตอ่ พรรคคอมมิวนิสต์ เป็นครัง้ สดุ ท้ายที่เหมาจะขอความคิดเห็นกบั ประชาชนจีน ไม่ช้าหลงั จากนนั้ เขาก็กําจดั คนทอ่ี อกมาพดู อยา่ งอํามหิต คนหลายแสนคนถกู ระบวุ า่ เป็นพลเรือนฝ่ายขวา และถกู ไลอ่ อกจากงานคน หลายหม่ืนคนถูกสง่ เข้าคุก แต่เหมาไม่สนใจอีกต่อไป เขาแวดล้อมด้วยลกู ขนุ พลอยพยกั และมีอิสระท่ีจะดําเนินตามความคิด ซ่งึ มีน้อยคนนกั ท่จี ะคาดเดาปลายทางได้เหมารวมพลคนใจเดยี วกนั กอ่ ตงั้ พรรคคอมมิวนสิ ต์จีนใน ค.ศ.1921 และปีเดยี วกนั เขาเป็นแกนนาํ หยดุ งานประท้วงของคนงานเหมืองแร่ท่ีอนั หยวน เขียนหนงั สือ “พลงั ปฏิวตั ิเบ่งบานออกมาจากปากกระบอกปืน” แล้วก่อตงั้ กองทพั แดงกรรมกรและชาวนา ตามด้วยกองทพั ปลดแอกประชาชน ปฏิบตั กิ าร “ป่ าล้อมเมือง” จนมีชยั เหนือเจียงไคเชกเหมาเจอ๋ ตงุ กมุ อํานาจรัฐเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เขาสถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ดาํ รงตาํ แหนง่ ประธานสาธารณรัฐจนถึง ค.ศ.1969หลกั การของเหมาเจ๋อตงุหลกั การของเหมาเจ๋อตงุ นนั้ เน้นการใช้อํานาจเด็ดขาด หรือวิธีการเผด็จการโดยชนชนั้ กรรมาชีพภายใต้การนําของพรรคคอมมิวนิสต์ เหมาเจ๋อตุงเห็นว่าอํานาจนนั้ จะได้มาก็ด้วยการปฏิวตั ิ ดงั คํากลา่ ววา่ “อํานาจรัฐเกิดจากกระบอกปืน”กลา่ วคือ “หลกั การของเราคอื พรรคบญั ชาปืน จะยอมให้ปืนมาบญั ชาพรรคไมไ่ ด้เป็นอนั ขาด แตเ่ ป็นความจริงที่เมื่อมีปืนแล้ว ก็สามารถสร้างพรรคขนึ ้ มาได้” เหมาเจ๋อตงุ ยํา้ วา่ การปฏิวตั ิเป็นการตอ่ ส้โู ดยไม่ต้องคํานึงหรือนําพาต่อคําคดั ค้านใดๆ ทงั้ สนิ ้

36กจิ กรรมท้ายบทท่ี4หลงั จากท่ีนกั เรียนได้ดคู ลิปวีดีโอ สารคดี การปฏิวตั ิซินไห่ นกั เรียนได้ข้อคิดอะไรเก่ียวกับเรื่องนีบ้ ้าง สรุปตามความคิดเห็นตนเองลงในกระดาษA4คาถามท้ายบทท่ี41 อุดมการณ์ของการปฏิวตั ิ 3 ประการ เรียกว่า……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………2 ผู้นาของ พรรคคอมมิวนิสต์ คอื ใคร……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

37第五课:中国新时代(Zhōngguó xīn shídài) บทท่5ี จนี ยคุ ใหม่ เทศกาลโคม ไฟประเทศจีน มีช่ืออยา่ งเป็นทางการวา่ สาธารณรัฐประชาชนจีน (จีนตวั ยอ่ : 中华人民共和国; จีนตวั เต็ม: 中華人民共和國; พินอิน: Zhōnghuá Rénmín Gònghéguó; องั กฤษ: People's Republic ofChina (PRC)) เป็นรัฐเอกราชในเอเชียตะวนั ออก เป็นประเทศที่มีประชากรมากท่ีสดุ ในโลก กว่า 1,300 ล้านคน เป็นรัฐพรรคการเมืองเดยี วปกครองโดยพรรคคอมมิวนสิ ต์จีน มเี มืองหลวงอยทู่ ่กี รุงปักก่ิง ประเทศจีนแบง่ การปกครองออกเป็น22 มณฑล (ไมร่ วมพืน้ ท่ีพิพาทไต้หวนั ) 5 เขตปกครองตนเอง 4 เทศบาลนคร (ปักก่ิง เทียนจิน เซ่ียงไฮ้ และฉงชิ่ง) และ 2เขตบริหารพิเศษ ได้แก่ ฮอ่ งกงและมาเก๊าประเทศจีนมีพืน้ ท่ี 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร นบั เป็นประเทศที่มีพืน้ ท่ีทงั้ หมดใหญ่ที่สดุ ในโลกเป็นอนั ดบั 3 หรือ 4 แล้วแต่วิธีการวดั ลกั ษณะภมู ิประเทศของจีนมีความหลากหลาย ตงั้ แต่ป่ าสเต็ปป์ และทะเลทรายในพืน้ ท่ีแห้งแล้งทางตอนเหนือของประเทศติดกบั ประเทศมองโกเลยี และไซบีเรียของรัสเซีย และป่ าฝนกึ่งโซนร้ อนในพืน้ ที่ชืน้ ทางใต้ซงึ่ ติดกบั เวียดนามลาว และพมา่ สว่ นภมู ิประเทศทางตะวนั ตกนนั้ ขรุขระและเป็นท่ีสงู โดยมีเทือกเขาหิมาลยั และเทือกเขาเทียนชานกนั้ เป็นพรมแดนตามธรรมชาติกบั ประเทศอินเดีย เนปาล และเอเชียกลาง ในทางตรงกนั ข้าม แนวชายฝ่ังด้านตะวนั ออกของจีนแผ่นดินใหญ่นนั้ เป็นที่ราบตํ่า และมีแนวชายฝ่ังยาว 14,500 กิโลเมตร (ยาวท่ีสดุ เป็นอนั ดบั ท่ี 11 ของโลก) ซง่ึ ติดต่อกับทะเลจีนใต้ทางใต้ และทะเลจีนตะวนั ออกทางตะวนั ออก นอกจากนยี ้ งั มีประเทศท่ีเป็นเกาะอยใู่ กล้เคยี ง ได้แก่ เกาหลี และญี่ป่ นุ

38ภมู ศิ าสตร์ประเทศจีนมีอาณาเขตติดตอ่ กบั 14 ประเทศ มากกวา่ ประเทศอื่นใดในโลก (เท่ากับรัสเซีย) เรียงตามเข็มนาฬิกาได้แก่ ประเทศเวียดนาม ลาวพมา่ อินเดีย ภูฏาน เนปาล ปากีสถาน อฟั กานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กีซสถาน คาซคั สถาน รัสเซีย มองโกเลยี และเกาหลเี หนือ นอกเหนือจากนี ้พรมแดนระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับสาธารณรัฐจีนตงั้ อยู่ในนา่ นนํา้ อาณาเขต ประเทศจีนมีพรมแดนทางบกยาว 22,117 กิโลเมตร ซ่ึงยาวท่ีสดุ ในโลก ดินแดนจีนตงั้ อย่รู ะหว่างละตจิ ดู 18° และ 54° เหนอื และลองตจิ ดู 73° และ 135° ตะวนั ออก ประกอบด้วยลกั ษณะภมู ิภาพหลายแบบ ทางตะวนั ออก ตามแนวชายฝ่ังท่ีติดกบั ทะเลเหลอื งและทะเลจีนตะวนั ออก เป็นที่ราบลมุ่ ตะกอนนํา้ พาซึง่ มีประชากรอาศยั อยู่กนั อยา่ งหนาแนน่ และกว้างขวาง ขณะทตี่ ามชายขอบของทร่ี าบสงู มองโกเลยี ในทางตอนเหนือนนั้ เป็นทงุ่ หญ้า ตอนใต้ของจีนนนั้ เป็นดินแดนหบุ เขาและแนวเทอื กเขาระดบั ตา่ํ เป็นจํานวนมาก ทางตอนกลาง-ตะวนั ตกนนั้ เป็นสามเหลย่ี มปากแม่นํา้ของแม่นํา้ สองสายหลกั ของจีน ได้แก่ แม่นํา้ หวงและแม่นํา้ แยงซี ส่วนแม่นํา้ อื่นที่สําคญั ของจีนได้แก่ แม่นํา้ ซี แม่นํา้ โขงแมน่ าํ ้ พรหมบตุ ร และแมน่ ํา้ อามรู ์ ทางตะวนั ตกนนั้ เป็นเทือกเขาสาํ คญั ท่ีโดดเดน่ คือ เทือกเขาหิมาลยั ซึง่ มีจุดสงู สดุ ของจีนอยทู่ างคร่ึงตะวนั ออกของยอดเขาเอเวอร์เรสต์ และทีร่ าบสงู อยทู่ า่ มกลางภมู ิภาพแห้งแล้ง อย่างเช่น ทะเลทรายทาคลามากนั และทะเลทรายโกบีการเมืองประเทศจีนถกู พจิ ารณาโดยนกั รัฐศาสตร์หลายคนว่าเป็นหนึง่ ในห้ารัฐคอมมิวนิสต์สดุ ท้าย (เช่นเดียวกบั เวียดนาม เกาหลีเหนือ ลาว และคิวบา)[45][46][47] แต่การอธิบายลกั ษณะอย่างเรียบง่ายของโครงสร้ างการเมืองของสาธารณรัฐประชาชนจีนไมอ่ าจเป็นไปได้อกี ตงั้ แตค่ ริสต์ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา[48] รัฐบาลจีนได้ถกู อธิบายอยา่ งแพร่หลายวา่ เป็นคอมมิวนิสต์และสงั คมนิยม แต่ยงั รวมไปถึงเผด็จการเบ็ดเสร็จ ซึ่งยงั คงเหลือการควบคมุ อย่างหนกั ในหลายพืน้ ที่ ท่ีมีช่ือเสยี งได้แก่ อินเทอร์เน็ต สื่อ เสรีภาพในการแสดงออก สิทธิอนามยั เจริญพนั ธ์ุ และเสรีภาพในการนบั ถือศาสนาทําให้ประชาชนบางสว่ นไมเ่ หน็ ด้วย เมอ่ื เทียบกบั นโยบายปิดประเทศซงึ่ ดาํ เนนิ มาจนถึงกลางคริสต์ทศวรรษ 1970 แล้ว การเปิดเสรีในสาธารณรัฐประชาชนจีนสง่ ผลทําให้บรรยากาศการบริหารประเทศลดระดบั การจํากดั ควบคมุ ลงกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังห่างจากเสรีประชาธิปไตยหรือสงั คมประชาธิปไตยซ่ึงเกิดขึน้ ในยุโรปหรืออเมริกาเหนือโดยเฉพาะด้านเสรีภาพของประชาชนสว่ นใหญ่ และสภาประชาชนแห่งชาติ (หน่วยงานสงู สดุ ของรัฐ) ถูกอธิบายว่าเป็นหน่วยงาน \"ประทบั ตรายาง\"[49] ตําแหน่งทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและผ้นู ํารัฐบาลมกั ทบั ซ้อนกนั ตงั้ แต่ยคุ ของประธานาธิบดี เจียง เจ๋อมิน เป็นต้นมา ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐประชาชนจีนมกั ดาํ รงตําแหนง่ เป็นเลขาธิการพรรคคอมมวิ นิสต์จีนอกี ตาํ แหนง่ หนง่ึ ด้วย

39ความสัมพนั ธ์กับราชอาณาจกั รไทยทางการไทยได้สถาปนาความสมั พนั ธ์ทางการทูตกบั สาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เม่ือวนั ที่ 1 กรกฎาคมพ.ศ. 2518 ซง่ึ ความสมั พนั ธ์ของทงั้ 2 ประเทศดําเนินมาด้วยความราบร่ืนบนพืน้ ฐานของความเสมอภาค เคารพซึง่ กนัและกนั ไมแ่ ทรกแซงกิจการภายในซง่ึ กนั และกนั และอยภู่ ายใต้หลกั การของผลประโยชน์ร่วมกนั เพอื่ ธํารงไว้ซง่ึ ความมนั่ คงสนั ติภาพ และเสถียรภาพของภมู ิภาค ความร่วมมือกันของทงั้ 2 ได้ดําเนินมาอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด แต่เมื่อสิน้ สดุสงครามเย็นเมื่อจีนสามารถได้สถาปนาความสมั พนั ธ์กับอาเซียนทุกประเทศแล้ว ความสําคัญของประเทศไทยต่อจีนในทางยทุ ธศาสตร์ได้ลดลงไปจากเดิม ความสมั พนั ธ์ในปัจจบุ นั จึงได้เน้นด้านการค้าและเศรษฐกิจบนพืน้ ฐานของผลประโยชน์ต่างตอบแทนเป็นหลกั สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา เสดจ็ เยอื นประเทศจนีไทยและจีนไม่มีปั ญหาหรื อข้ อขัดแย้ งใดๆ ท่ีตกทอดมาจากประวตั ิศาสตร์ การไปมาหาสขู่ องผ้นู าํ ระดบั สงู สดุ ก็ได้เป็นไปอยา่ งดยี งิ่โดยเฉพาะการเสด็จฯ เยือนจีนอยา่ งเป็นทางการของสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อเดือนตลุ าคม ปี 2543การเสด็จฯ เยอื นจีนของพระบรมวงศานวุ งศ์ไทยมีสว่ นสาํ คญั อยา่ งย่ิงตอ่ การเสริมสร้างและกระชบั ความสมั พนั ธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นย่ิงขึน้ รวมทงั้ การส่งเสริมมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างประชาชนของสองประเทศอีกด้วยปัจจบุ นั ความสมั พนั ธ์ไทย - จีน มีความใกล้ชิดกนั มากขึน้ ในทุกด้าน ทงั้ กรอบทวิภาคี พหุภาคี และเวทีภมู ิภาค เช่น การประชมุ อาเซยี นและจีน อาเซียน + 3 ARF ASEM เป็นต้น ในการเยอื นจีนเมือ่ เดอื นสงิ หาคม 2544 ทางไทยและจีนตา่ งเห็นพ้องท่ีจะม่งุ พฒั นาความสมั พนั ธ์และขอบข่ายความร่วมมือระหว่างกนั ให้กว้างขวางยิ่งขนึ ้ ในลกั ษณะของความเป็นห้นุ สว่ นทางยทุ ธศาสตร์ การเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีประสบความสําเร็จหลายด้าน เช่น ความร่วมมือด้านยาเสพติดด้านการเงิน การคลงั พาณิชย์นาวี รวมทงั้ ได้ลงนามความร่วมมือด้านวฒั นธรรมระหวา่ งไทย - จีน และบนั ทึกความเข้าใจวา่ ด้วยการจดั ตงั้ สภาธุรกิจไทย – จีน

40สถานท่ที อ่ งเทย่ี วในประเทศจนี ประเทศจีน เป็นประเทศทม่ี ีพนื ้ ท่ีกว้างใหญ่ไพศาล และเป็นแหลง่ รวมประชากรทีห่ นาแนน่ แหง่ หนง่ึ ของโลก จีน จงึ มีความหลากหลายทางภาษาและศิลปวฒั นธรรม ประเทศจีน เมอื งหลวงคอื กรุงปักกิ่ง มแี หลง่ ทอ่ งเท่ียวท่ีสาํ คญั ๆ หลายแหง่ เชน่ กาํ แพงเมืองจีน และ จตั รุ ัสเทียนอนั เหมนิ เป็นต้น สว่ นเมอื งศนู ยก์ ลางทางเศรษฐกิจนนั้ จะอยทู่ ่ี เซย่ี งไฮ้ และฮอ่ งกง ประเทศจีน มสี ถานท่ที อ่ งเที่ยว มากมายหลายแหง่ ดงั นคี ้ ๊าา1. ปักก่งิ (Beijing)ปักกิ่งเป็นจดุ หมายปลายทางอนั ดบั ต้น ๆ ของนกั ทอ่ งเท่ียวเมอ่ื เดนิ ทางไปถึงประเทศจีน เพราะเป็นเมอื งหลวงปัจจบุ นั ซง่ึแม้จะตงั้ อยทู่ างทศิ เหนอื ของประเทศ แตด่ ้วยความทเี่ ป็นจดุ ศนู ย์รวมของประวตั ศิ าสตร์อนั เก่าแกข่ องจีนกวา่ 3,000 ปี จึงทาํ ให้มสี ถานท่ที อ่ งเทย่ี วในเชิงประวตั ศิ าสตร์ที่นา่ สนใจอยมู่ ากมาย ทงั้ พระราชวงั ยคุ เก่า พพิ ิธภณั ฑ์แหง่ ชาติ อีกทงั้ ปักกง่ิยงั เป็นสถานท่ีที่เกดิ เหตกุ ารณ์ชมุ นมุ ประท้วงทจี่ ตั รุ ัสเทยี นอนั เหมิน เมื่อปี ค.ศ. 1989 อกี ด้วย เมอื งแหง่ นเี ้ลยเหมอื นเมืองประวตั ิศาสตร์ที่ยงั คงกรุ่นกลน่ิ อายของยคุ อดตี ไว้อยา่ งสมบรู ณ์เลยทีเดียว

412. เกาะฮ่องกง (Hong Kong) เกาะฮ่องกงเป็นดินแดนทางทศิ ใต้ของประเทศจีน มีลกั ษณะเป็นเกาะ บนเกาะฮ่องกงมีความทนั สมยั แสงสี และสถานที่ทอ่ งเทีย่ วในแบบวฒั นธรรมจีน ผสมผสานกบั วฒั นธรรมและอิทธิพลจากประเทศองั กฤษในแบบโคโรเนยี ลอยา่ งลงตวันอกจากนี ้บนเกาะฮ่องกงยงั เต็มไปด้วยแหลง่ ช้อปปิง้ ตกึ ระฟา้ แสนไฮเทคมากมาย รวมทงั้ พนื ้ ท่ีสเี ขยี ว และทะเลก็มใี ห้คณุสมั ผสั ทกุ รูปแบบเลยละ่ คะ่3. กาแพงเมืองจีน (Great Wall of China)กําแพงทีส่ ร้างมาจากอิฐ ด้วยแรงงานของคนจีนยคุ เกา่ กอ่ นเพอ่ื ใช้ปอ้ งกนั การบกุ รุกจากดินแดนทางทศิ เหนือ เมื่อประมาณ2,000 ที่แล้ว กลายมาเป็นกําแพงเมอื งท่ีมีขนาดยาวที่สดุ ในโลก โดยมคี วามยาววดั ได้เป็นระยะทางประมาณ 8,800กิโลเมตร และแม้วา่ โครงสร้างจะเกิดการชาํ รุดไปบ้าง แต่กําแพงเมืองจีนกย็ งั คงตงั้ ตระหงา่ น และเป็นจดุ มงุ่ หมายอนั ดบัต้น ๆ ของนกั ทอ่ งเทย่ี วอยเู่ สมอไมเ่ คยเปลย่ี นแปลง4.เซ่ียงไฮ้ (Shanghai) เซี่ยงไฮ้ ตงั้ อยบู่ นทะเลตะวนั ออกจีน และปากแมน่ าํ ้ แยงซี เซ่ียงไฮ้เป็นเมอื งทใ่ี หญ่ท่ีสดุ และเมืองทม่ี ีการพฒั นามาก ที่สดุ ในประเทศจีน ท่ีน่ีมกี ารผสมผสานระหวา่ งวฒั นธรรม ตะวนั ออกของชาวจีน และความทนั สมยั ในแบบตะวนั ตก ด้วยตกึ สงู ระฟา้ กบั โครงสร้างทนั สมยั แสง สี เสยี ง ที่แสดง ถึงความรุ่งเรืองทางการค้าและธรุ กิจทอ่ งเทย่ี วอยา่ งเต็ม รูปแบบ

425. ซอี าน (Xi'an)ซอี านเป็นเมืองทีใ่ หญ่ทสี่ ดุ ทางตะวนั ตกเฉียงเหนือของจีนอีกทงั้ ยงั เป็นเมอื งที่เกา่ แก่ 1 ใน 4 ของประเทศจีนอีกด้วยจงึ ไมแ่ ปลกที่จะมีสถานที่ทอ่ งเที่ยวในเชิงประวตั ิศาสตร์ท่ีน่าเรียนรู้ และน่าสนใจรอให้คณุ เที่ยวชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหอระฆังกลางเมืองซีอาน หรือรูปปัน้ ดินเผาของกองทพั ทหาร และสสุ านของจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งเพ่ิงถกู ค้นพบและถกู จดั ให้เป็นสงิ่ นา่ มหศั จรรย์เทียบเทา่ กําแพงเมืองจีนเม่ือไม่นานมานีอ้ ีกด้วย ทงั้ นี ้ไม่ว่าจะในยคุ สมยั ก่อนจนมาถึงปัจจุบนั เมืองซีอานก็ยงั ถือว่าเป็นศนู ย์กลางการค้า และอตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ทส่ี ดุ ในประเทศจีนด้วยคะ่6. ลาซา (Lhasa)เมืองลาซาเป็นเมืองหลวงของเขตการปกครองตนเองทิเบตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเมืองที่ตงั้ อย่บู นพืน้ ท่ีราบสงู กวา่ 3,500 เมตร หรือประมาณ 11,500 ฟุต จึงถกูจดั อนั ดบั ให้เป็นเมืองท่ีอยสู่ งู ที่สดุ ในโลก ในเมอื งประกอบไปด้วยหลากหลายวฒั นธรรมที่สําคญั อีกทงั้ ยงั เป็นท่ีตงั้ ของพระราชวงั โปตาลา หรือวดั โจคงั 7. เมืองหยางโสว้ (Yangshuo) เมืองหยางโสว้เป็นแม่เหล็กสําหรับนกั ท่องเท่ียวประเภท แบค็ แพก็ เพราะราคาถกู และมีบรรยากาศสถานท่ีที่ผอ่ น คลาย แถมปัจจบุ นั นีก้ ารเดินทางไปยงั หยางโสว้ก็สะดวก มากขนึ ้ คณุ สามารถเพลิดเพลนิ กบั ทศั นียภาพที่สวยงาม และภเู ขาหนิ ปนู อยา่ งชิล ๆ ได้เลย นอกจากนี ้ยงั สามารถ เดินทางไปเมอื งก้ยุ หลนิ ผา่ นแมน่ าํ ้ หลไี่ ด้ง่าย ๆ ด้วยค๊า

438. เมืองหางโจว (Hangzhou) อีกเมอื งทีข่ นึ ้ ช่ือของจีน ซง่ึ มชี ่ือเสยี งในด้านทศั นยี ภาพตามธรรมชาติที่สวยงามจบั ตา จนศิลปินระดบั โลกอย่างมาร์โคโปโล ต้องบรรยายความงดงามของทะเลสาบซีหู (Xihu)ว่าเมืองท่ีสวยท่ีสุดและงดงามท่ีสุดในโลก ทะเลสาบตะวันตกท่ีกว้างขวางแห่งนี ้ เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ท่ีมีสะพานข้ามแม่นํา้ เป็นจุดเช่ือมต่อแผ่นดินซ่ึงกันและกันทัศนียภาพโดยรอบเรียงรายไปด้วยตึกโบราณ และสวนได้รับการออกแบบให้เหมาะสาํ หรับการพกั ผอ่ น นอกจากนี ้ภายในเมอื งยงั มรี ะบบขนสง่ มวลชนทที่ นั สมยั และรูปแบบการดาํ เนินชีวิตของประชาชนในเมืองนี ้ยงั คล้ายคลงึ กบั บ้านเรามาก ๆด้วยนะคะ9. หบุ เขาจ่วิ จ้ายโกว (Jiuzhaigou)หบุ เขาจ่ิวจ้ายโกวเป็นพนื ้ ท่ีเขตอนรุ ักษ์ธรรมชาติทางตอนเหนือของมลฑลเสฉวน มีจุดเด่นอยู่ท่ีนํา้ ตกหลายระดบั ชัน้ และทะเลสาบสวยงามทม่ี ีนาํ ้ สฟี า้ ใสคล้ายคริสตลั ใสชนิดที่เรียกได้ว่าเห็นตวั ปลาและหินด้านล่างได้อย่างชัดเจนเลยละ่ ทงั้ นี ้ หบุ เขาจิ่วจ้ายโกวยงัเป็นแหลง่ ทีอ่ ยอู่ าศยั ของหมีแพนด้ายกั ษ์ด้วยจ้า10. คุณหมิง (Kunming) คุณหมิงตงั้ อย่ทู างทิศตะวนั ตกเฉียงใต้ เป็นเมืองท่าทางเศรษฐกิจ เมอื งแหง่ การคมนาคม การอตุ สาหกรรม และเมืองท่ีรวบรวมประวัติศาสตร์ที่สําคัญของจีนเอาไว้ คุณหมิงมีเส้นทางรถไฟที่เช่ือมต่อไปยังหัวเมืองสําคัญของจีน และกําลงั ก่อสร้ างเส้นทางรถไฟท่ีเช่ือมต่อกับประเทศเวียดนามประเทศไทย และลาว และด้วยสภาพอากาศทีอ่ บอนุ่ ตลอดทงั้ปี จึงถูกขนานนามว่าเป็ นเมืองแห่งฤดูใบไม้ ผลิ ทําให้ มีนกั ท่องเที่ยวหลงั่ ไหลเข้ามาเย่ียมเยือนคุณหมิงตลอดทงั้ ปีเลยค่ะสว่ นสถานที่ทอ่ งเทยี่ วทน่ี า่ สนใจก็มที งั้ ป่ าหินซีซาน, ทะเลสาบเตียนฉือ, วดั ทอง และวดั หยวนทง ฯลฯ เป็นการผสมผสานการทอ่ งเท่ยี วแบบวฒั นธรรมกบั ความทนั สมยั ได้อยา่ งกลมกลอ่ มนา่ สนใจมาก ๆ

44กจิ กรรมท้ายบทท่ี5ใหน้ กั เรียนไปศึกษาคน้ ควา้ สถานท่ีท่องเที่ยวของจีนเพิ่มเติม แลว้เลือกสถานท่ีท่องเที่ยวที่น่าสนใจมา1ท่ี จากน้นั มาพรีเซน้ ตห์ นา้ ช้นัเรียนคาถามท้ายบทท่ี51 ประเทศจนี แบ่งการปกครองออกเป็ น……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………2 แม่นา้ สองสายหลักของจีน ได้แก่……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………3 สถานท่ใี ดตงั้ อย่บู นทะเลตะวันออกจนี และปากแม่นา้ แยงซี เป็ นเมืองท่ีใหญ่ท่ีสุด และเมืองท่ีมีการพัฒนามากท่สี ุดในประเทศจนี……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

45บรรณานุกรมพจนา จนั ทรสันต.ิ บ้านจอมยุทธ.2523.สืบค้นเม่ือ 21กรกฎาคม 2561, จากhttps://www.baanjomyut.com/library/2548/tao/index.html /ดร.พรชัย ดไี พศาลสกลุ .2559.ปรัชญาแห่งลัทธิเต๋า.สืบค้นเม่ือ 23 กรกฎาคม2561, จาก https://storylog.co/story/57c242d6a3dec9b115af3b99ต้น หล่อศิริรัตน์. (2549). เจงกีสข่าน ตอนท่ี 5: เม่ือกบุ ไลข่านบกุ ตะลุยยดึ เมืองจนี .(ออนไลน์). สืบค้นเม่ือ 23 กรกฎาคม2561, จากhttps://www.gotoknow.org/posts/86126เตยจ๋า. (2553). ประวัตกิ บุ ไลข่าน ทายาทเจงกสิ ข่าน. (ออนไลน์). สืบค้นเม่ือ 24กรกฎาคม 2561, จากhttp://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=angelonia17&month=12-2010&date=27&group=23&gblog=10วีมินโฮ. (ม.ป.ป.). กบุ ไลข่าน มหาจักรพรรดสิ ายเลือดมองโกล...ครองแผ่นดนิ เกอื บคร่ึงโลก. (ออนไลน์). สืบค้นเม่ือ 1 สิงหาคม 2561, จากhttp://historyofchina-korea-japan.blogspot.com/2015/11/blog-post.html#.WFz3NlOLTIU


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook