Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่3แรงจูงใจ(1)

บทที่3แรงจูงใจ(1)

Published by เจนนิษา ทองเพ็ญ, 2022-01-20 08:50:25

Description: บทที่3แรงจูงใจ(1)

Search

Read the Text Version

บทที่3 แรงจงู ใจ

ความหมายของแรงจูงใจ • แรงจูงใจ คอื สภาวะที่ถกู กระตนุ้ ภายในแตล่ ะคน ซึ่งนาไปสพู่ ฤติกรรมทม่ี ี จดุ มงุ่ หมาย หรอื เปน็ เหตผุ ลของพฤตกิ รรมแตล่ ะครั้ง • แรงกระตนุ้ คอื ลักษณะทางจติ วิทยาชนิดหน่ึง ซ่งึ เป็นตวั แทนของพลงั ภายในมอง ไม่เห็น ทาหนา้ ทก่ี ระตนุ้ และออกแรงบังคบั ให้มีปฏกิ ริ ยิ าตอบสนอง ตลอดจน ใหท้ ศิ ทางท่ชี ัดเจนสาหรบั การตอบสนองน้นั ๆ (คาวา่ แรงจูงใจและแรงกระตุ้นนามาใชแ้ ทนทกี่ นั ได้)

ประเภทของแรงจงู ใจ แรงจูงใจมี 2 ประเภทดงั นี้ แรงจูงใจภายใน แรงจงู ใจภายนอก

1.แรงจงู ใจภายใน แรงจูงใจภายในเปน็ ส่ิงผลักดนั จากภายในตวั บคุ คลซงึ่ อาจจะเปน็ เจตคติ ความคดิ ความสนใจ ความตงั้ ใจ การ มองเหน็ คณุ คา่ ความพอใจ ความต้องการฯลฯส่งิ ต่างๆ ดงั กล่าวนีม้ อี ทิ ธิพลตอ่ พฤติกรรมค่อนขา้ งถาวร

2.แรงจูงใจภายนอก แรงจูงใจภายนอกเปน็ ส่ิงผลกั ดนั ภายนอกตวั บคุ คลที่มา กระตนุ้ ให้เกดิ พฤตกิ รรมอาจจะเปน็ การไดร้ บั รางวัล เกียรตยิ ศ ชือ่ เสยี ง คาชม หรือยกยอ่ ง แรงจูงใจนีไ้ มค่ งทนถาวร บุคคล แสดงพฤตกิ รรมเพ่อื ตอบสนองส่ิงจูงใจ

ธรรมชาติของแรงจงู

1.ความต้องการ (Need) เปน็ สภาพที่บคุ คลขาดสมดุลทาใหเ้ กดิ แรงผลกั ดนั ใหบ้ คุ คลแสดงพฤตกิ รรมเพ่ือสรา้ งสมดลุ ให้ตวั เอง

1.1ความตอ้ งการทางกาย (Physical Needs) เป็นความต้องการทเี่ กิดจากธรรมชาตขิ องรา่ งกาย เชน่ ตอ้ งการกนิ อาหาร หายใจ ขับถ่ายของเสยี การเคลื่อนไหว พกั ผ่อน ความต้องการทางกายทาใหเ้ กดิ แรงจงู ใจ ใหบ้ คุ คล กระทาการ เพ่อื สนองความต้องการดงั กล่าว เรียกแรงจูงใจทเี่ กิดจากความต้องการทางกายนว้ี ่า แรงจงู ใจทางชวี ะภาพ หรอื ทาง สรรี ะ (Biological motives)

1.2ความต้องการทางสังคม หรือ ความตอ้ งการทางจิตใจ (Social or Psychological Needs) เปน็ ความต้องการท่เี กิดจาก การเรยี นรทู้ างสงั คม เช่น ต้องการความรัก ความมนั่ คง ปลอดภัย การเป็นที่ยอมรับในสังคม ตอ้ งการอิสระภาพ ความสาเรจ็ ในชวี ติ และตาแหนง่ ทางสังคม ความตอ้ งการทางสังคมหรือทางจิตใจดังกล่าวนี้ เปน็ เหตุใหม้ นษุ ยแ์ สดง พฤติกรรม ทา ให้เกดิ แรงจูงใจท่เี รยี กวา่ แรงจงู ใจทางสงั คม (Social Motives)

2. แรงขบั แรงขบั (drives) เป็นแรงผลกั ดนั ท่เี กิดจากความต้องการทางกาย และส่งิ เรา้ จาก ภายในตัวบุคคล ความตอ้ งการ และแรงขับมกั เกดิ ควบคู่กัน คือ เม่ือเกดิ ความ ตอ้ งการแลว้ ความตอ้ งการนั้นๆ ไปผลกั ดนั ให้เกดิ พฤติกรรม เราเรียกว่า เปน็ แรงขับ นอก จากนัน้ แรงขับ ยงั หมายถงึ สภาพทางจิตวทิ ยาที่เป็นผล เน่อื งมาจากความ ตอ้ งการทางกาย

3.ส่งิ ล่อใจ สง่ิ ลอ่ ใจ (Incentives) เป็นสงิ่ ชกั นาบุคคลใหก้ ระทาการอย่างใดอยา่ งหน่ึงไปสู่ จดุ มงุ่ หมายทตี่ ั้งไว้ จดั เปน็ แรงจูงใจภายนอก เช่น การชกั จูงให้คนงานมาทางานอย่างสมา่ เสมอ โดยยกย่องพนกั งาน ที่ไมข่ าด งานให้เปน็ ที่ปรากฏ การประกาศเกียรตคิ ุณ หรอื การจัดสรรรางวัล

4.การตื่นตวั การตน่ื ตัว (Arousal) เปน็ ภาวะทีบ่ ุคคลพรอ้ มทจี่ ะแสดงพฤติกรรม สมองพร้อมทจ่ี ะคิด กล้ามเน้ือพร้อมท่ีจะเคลื่อนไหว นักกฬี าที่อ่นุ เคร่อื งเสร็จพร้อมที่จะแข่งขนั หรือเลน่ กีฬา พนกั งานตอ้ นรับท่พี ร้อมให้บริการแก่ลูกค้า พฤติกรรมของมนุษย์พบว่า การต่นื ตวั มี 3 ระดับ คือ - การตนื่ ตวั ระดับสูง - การต่นื ตวั ระดับกลาง - การตื่นตัวระดบั ต่า

5.การคาดหวัง การคาดหวัง (Expectancy) เปน็ การตง้ั ความปรารถนา หรอื การพยากรณ์ ลว่ งหน้าของบคุ คล ในสง่ิ ท่จี ะเกิดข้นึ ตอ่ ไป ตัวอย่างเช่น การทคี่ นงานคาดหวงั ว่า พวกเขาจะไดร้ บั โบนสั ประจาปสี ัก 4-5 เท่าของเงนิ เดอื น การคาดหวังดังกลา่ วน้ี ส่งผลให้พนักงาน ดังกล่าว กระปร้กี ระ เปล่า มชี วี ติ ชวี า ซงึ่ บางคนกอ็ าจจะสมหวงั และมีอีหลายคนทผี่ ดิ หวัง

6. การต้งั เปา้ หมาย การต้ังเปา้ หมาย (Goal settings) เป็นการกาหนดทิศทางและ จดุ มุง่ หมายปลายทาง ของ การกระทากจิ กรรมใด กจิ กรรมหนึง่ ของบคุ คล จดั เปน็ แรงจงู ใจจากภายในของ บคุ คลผู้น้นั เช่น - จุดมุ่งหมาย คือ การลดนา้ หนัก - การกาหนดทิศทาง คือ จะออกกาลังกาย ควบคมุ อาหาร - จุดมุ่งหมายปลายทาง คอื สขุ ภาพดี



ทฤษฎแี รงจงู ใจ

1.ทฤษฎลี าดับข้ันความต้องการของมาสโลว์ ทฤษฎีลาดบั ขนั้ ความต้องการของมาสโลว์ คอื แนวคิดทางจิตวทิ ยาทีเ่ สนอว่า มนษุ ย์จะถูกกระตนุ้ ให้เตมิ เตม็ ความต้องการขนั้ พืน้ ฐานในลาดับต้นกอ่ นที่จะมีพฒั นา ความต้องการนอ้ี อกไปจากดา้ นลา่ งสดู่ า้ นบน ซง่ึ คอื ความต้องการดา้ นตา่ งๆ ดังน้ี



2. ทฤษฎี ERG ของอลั เดอร์เฟอร์ เนื่องจากทฤษฎลี าดบั ขน้ั ความต้องการของมาสโลวไ์ ด้รบั คาวิพากษ์วจิ ารณใ์ น หลายประเด็นดังกล่าว แอลเดอร์เฟอร์ (Alderfer) ไดน้ าทฤษฎีของมาสโลว์มา ปรับและพฒั นาใหมเ่ ป็นทฤษฎคี วามตอ้ งการเชงิ ลาดับขน้ั ประยกุ ตข์ องแอลเดอร์ เฟอร์ โดยยุบรวมความต้องการตา่ งๆ ของมนษุ ยเ์ ปน็ 3 กลุ่มดงั นี้

3. การงอกงาม (Growth) 2. สมั พนั ธภาพ (Relatedness) 1. การดารงชพี (Existence)



Thank you


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook