Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 3

บทที่ 3

Published by Natnicha Panghae, 2020-02-12 22:49:41

Description: บทที่ 3

Search

Read the Text Version

บทที่ 3 ทศพิธราชธรรม

เม่ือพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชมีพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพธิ ีพระบรมราชาภเิ ษก วา่ เราจะครองแผ่นดนิ โดยธรรม เพอื่ ประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ตลอดเวลาท่ีผา่ นมาจนถึงปัจจบุ นั “ธรรม” ที่พระองคต์ รัสไวน้ ้นั ส่งผลให้ประเทศชาติบา้ นเมืองและประชาชนเป่ี ยม ไปดว้ ยความสุข เพราะธรรมของพระองคค์ ือรูปธรรมท่ีนามาซ่ึงประโยชนข์ องชาวสยามอยา่ งแทจ้ ริง ทาน หมายถึง การเสียสละพระราชทรัพย์ เพ่อื บาเพญ็ สาธารณประโยชนท์ ้งั ในดา้ นบารุงพระศาสนาและบรรเทาความ ยากไร้ใหป้ ระชาชนอยเู่ ป็ นกิจวตั ร ท้งั ยงั ทรงเป็นผนู้ าในการบริจาคพระราชทรัพยเ์ พ่อื ช่วยเหลอื ผตู้ กทุกขไ์ ดย้ ากจาก ภยั ธรรมชาติหลายตอ่ หลายคร้ังนอกจากทรัพยแ์ ลว้ ทาน ของในหลวงยงั หมายถึงการพระราชทานความรู้ เพอ่ื ประชาชนจะไดใ้ ชเ้ ป็ นเครื่องมือเล้ียงชีพไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื

ศีล เป็ นความดีงามของกาย วาจา ใจ ที่ประชาชนจะเห็นไดใ้ นทุกพระราชจริยวตั รของในหลวงที่ท้งั กาย วาจา และพระราชหฤทยั ของพระองคท์ ่านเป็ นไปเพื่อประโยชนข์ องประชาชน ท้งั ยงั หมายถึงศีลในการปกครอง อนั ไดแ้ ก่กฎหมายและนิติราชประเพณี และในทางศาสนา ที่พระองคท์ รงออกผนวชเพื่อศึกษาและปฏิบตั ิ พระธรรมวนิ ยั ท้งั อทุ ิศพระราชกศุ ลพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยในหลวงทรงผนวช และไดร้ ับพระสมณ ฉายาวา่ “ภูมิพโลภิกข”ุ ทรงจาพรรษา ณ วดั บวรนิเวศวหิ ารเป็ นเวลา ๑๕ วนั ระหวา่ ง ๑๕ วนั น้นั ทรงครอง สมณเพศดว้ ยพระจริยวตั รอนั สมถะงดงาม แมเ้ มื่อลาผนวชแลว้ กย็ งั ทรงปฏิบตั ิธรรมสม่าเสมอ พลตารวจเอก วสิษฐ เดชกญุ ชร เขียนไวใ้ นบทความเรื่อง “การปฏิบตั ิธรรมและพระสมาธิในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ” วา่ ตนเองมีปัญหาในเรื่องการปฏิบตั ิสมาธิ จึงขอพระราชทานคาแนะนาจากพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั รับสงั่ ตอบวา่ ถา้ ทาไมไ่ ดก้ ต็ อ้ งใชว้ ธิ ีนบั หน่ึง – เขา้ หน่ึง – ออก สอง – เขา้ สอง – ออก ตรัสวา่ การปฏิบตั ิกรรมฐานของพระองคท์ ่านกท็ าเช่นน้ี

ปริจจาคะ เสียสละความสุขส่วนพระองคเ์ พ่ือประชาชนมีความสุข ในพระราชกรณียกิจท่ีเป็ นไปเพอ่ื แกป้ ัญหาความ เดือดร้อนของประชาชนน้นั ในหลวงตอ้ งเสียสละความสุขส่วนพระองค์ ตอ้ งทนลาบากในการเดินทาง อดทนตอ่ ความแปรปรวนของอากาศ ความร้อนหนาว ก็เพือ่ สร้างความสุขใหป้ ระชาชนท้งั สิ้นรงบนั ดาล พระราชหฤทยั ของในหลวงในการสร้างสรรคส์ ิ่งตา่ ง ๆ เพอื่ ประโยชน์สุขของพสกนิกรส่วนหน่ึงมาจาก ภูมิปัญญาชาวบา้ น อยา่ งเช่น กงั หนั น้าชยั พฒั นา ท่ีทรงประดิษฐข์ ้ึนเพอ่ื ใชเ้ ป็ นเคร่ืองมือในการบาบดั น้า เสียอยา่ งมีประสิทธิภาพก็ทรงไดแ้ รงบนั ดาลพระราชหฤทยั จากเครื่องวดิ น้าเขา้ นาของชาวบา้ นท่ีเรียกวา่ “หลกุ ” ทรงนามาพฒั นาตอ่ ยอดเพ่อื ใหใ้ ชป้ ระโยชนไ์ ดห้ ลากหลายมากข้ึน และปรับใชไ้ ดใ้ นทุกพ้ืนที่ นบั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๓๑ จนถึงปัจจุบนั มีการวจิ ยั พฒั นากงั หนั ออกมาแลว้ ถึง ๙ รูปแบบ

อาชชวะ ส่ิงน้ีสะทอ้ นใหเ้ ห็นผา่ นความแน่วแน่ต่อ พระราชดารัสท่ีเคยตรัสไวอ้ นั เป็ นปฐมบรมราชโองการเมื่อทรง ครองราชยว์ า่ เราจะครองแผ่นดนิ โดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ซ่ึงพระองคท์ รง กระทาตามพระราชดารัสเสมอมา ในหลวงคือความหวงั คือแสงสวา่ งในหวั ใจของปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะในยามที่ประชาชนรู้สึกวา้ เหว่ ไร้ท่ีพ่งึ และเหตุผลที่ทาใหท้ รงงานเพอื่ ประชาชนอยา่ งไม่รู้จกั เหน็ดเหนื่อยปรากฏในพระราชนิพนธ์เร่ือง ‘เมื่อขา้ พเจา้ จากสยามมาสู่สวติ เซอร์แลนด’์ ซ่ึงบนั ทึกเหตกุ ารณ์เมื่อวนั ท่ี ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ วา่ “ถึงวดั เบญจมบพติ รรถแล่นเร็วขึน้ ได้บ้าง ตามทางทผี่ ่านมาได้ยนิ เสียงใครคนหน่ึงร้องขนึ้ ดงั ๆ ว่า ‘อย่าละทงิ้ ประชาชน’ อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า ถ้าประชาชนไม่ ‘ทงิ้ ’ ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะ ‘ละทงิ้ ’ อย่างไรได้ แต่รถวง่ิ เร็วและเลยไปไกลเสียแล้ว”

มทั ทวะ ในหลวงทรงเป็ นพระมหากษตั ริยท์ ่ีไม่ถือพระองค์ โดยเฉพาะกบั ประชาชน ทรงมีสมั มาคารวะตอ่ พระสงฆ์ ต่อผเู้ จริญโดยวยั และโดยคุณ ทรงรับฟังปัญหา คาช้ีแนะ และแกไ้ ขดว้ ยเหตุผลดว้ ยความ เมตตาและอ่อนโยนในหลวงเคยตรัสวา่ ความสุขของพระองค์คอื การได้อย่ทู ่ามกลางประชาชน ภาพ ท่ีทรงคอ้ มพระองคล์ งจนพระพกั ตร์แทบจรดศีรษะของแมเ่ ฒ่าแยม้ พระโอษฐอ์ ยา่ งมีความสุข บอกให้ เห็นชดั เจนวา่ ประชาชนทุกคนสาคญั ตอ่ ในหลวงเสมอ

ตบะ ทรงมีความอตุ สาหะวริ ิยะในการปฏิบตั ิพระราชกรณียกิจดว้ ยความอดทน ปราศจากความเกียจคร้าน เพอื่ ประโยชนข์ องประชาชนและบา้ นเมือง ไม่ยอ่ ทอ้ แมบ้ างขณะจะทรงพระประชวร แมใ้ นบางพ้ืนท่ีบาง เหตกุ ารณ์จะเตม็ ไปดว้ ยอนั ตราย ซ่ึงส่ิงน้ีสะทอ้ นใหเ้ ห็นจากพระราชนพนธเ์ ร่ือง พระมหาชนก ที่ พระราชทานใหป้ วงชนชาวไทยในหลวงทรงบอกเล่า ใหเ้ ราเห็นถึงผลของความเพียรในหลายวาระ และ ทรงปฏิบตั ิพระองคใ์ หเ้ ห็นเป็ นแบบอยา่ งผา่ นทางโครงการพระราชดาริและสิ่งประดิษฐข์ องพระองค์ ซ่ึง จะเห็นวา่ แต่ละอยา่ งน้นั ตอ้ งอาศยั ท้งั เวลาและความเพยี รเพ่ือฟันฝ่ าอุปสรรค และหลายโครงการตอ้ งใช้ เวลานบั สิบปี ในการศึกษาแกไ้ ขปัญหาอยา่ งตอ่ เนื่องกวา่ จะประสบความสาเร็จ ทรงเป็ นตวั อยา่ งใหเ้ ห็นถึง ความไมย่ อ่ ทอ้ โดยเฉพาะการแกป้ ัญหาความทุกขย์ ากของราษฎร ดงั พระบรมราโชวาทเม่ือวนั ที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖

อกั โกธะ ความไม่โกรธน้ีเป็ นหน่ึงในทศพิธราชธรรม ขอ้ ท่ี ๗ ซ่ึงผทู้ ่ีถวายงานใกลช้ ิดในหลวงลว้ นไม่เคยเห็น พระองคท์ รงกริ้วเลย แตจ่ ะทรงเตือน ทรงย้าใหต้ ระหนกั ถึงหนา้ ที่ดว้ ยพระเมตตา อีกท้งั ยงั มีพระ อารมณ์ขนั ดร.สุเมธ ตนั ติเวชกลุ เลขาธิการมูลนิธิชยั พฒั นา ไดเ้ ล่าวา่ คราวหน่ึงพระบาทสมเด็จพระ เจา้ อยหู่ วั ทรงมอบหมายใหต้ นเป็ นผแู้ ทนไปขออนุญาตจดทะเบียนต้งั มูลนิธิ เจา้ หนา้ ท่ีทางราชการถาม วา่ เจา้ ของมลู นิธิ ชื่ออะไร อยทู่ ี่ไหน และมีอาชีพอะไร จึงนาความกราบบงั คมทูลพระองค์ ตรัสวา่ “ถ้า ต่อไปมใี ครถามว่ามีอาชีพอะไร ให้ตอบว่ามอี าชีพทาราชการ”

อวหิ งิ สา ดว้ ยพระราชอธั ยาศยั ที่เปี่ ยมไปดว้ ยพระเมตตา พระองคจ์ ึงทรงต้งั อยดู่ ว้ ยการไม่เบียดเบียนท้งั ราชวงศแ์ ละขา้ พระบาท รวมถึงประชาชน ให้ตอ้ งเดือดร้อนดว้ ยเหตุอนั ไม่ควรการกระทาใหด้ ูเป็นตวั อยา่ งคือการสอนอยา่ งเป็นรูปธรรม แตใ่ นหลวง ทรงเป็นมากกวา่ น้นั เพราะส่ิงที่ทรงกระทาอนั มีนยั ของการสอนน้นั มิใช่เป็นการกระทาชวั่ ครู่ชวั่ ยาม แต่ทรงปฏิบตั ิจนเป็น กิจวตั ร โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในเรื่องของความมธั ยสั ถ์ ไมว่ า่ จะเป็นฉลองพระบาท หรอื ฉลองพระองคท์ ่ีเราจะเห็นวา่ เป็น ของเดิมเสมอ เพราะทรงเนน้ ความเรียบงา่ ย และสะดวกต่อการใชง้ าน

ขนั ติ ขนั ติ คือความอดทนตอ่ ส่ิงที่ไมพ่ อใจ แตข่ นั ติอนั เป็นหน่ึงในทศพิธราชธรรมท่ีในหลวงทรงปฏิบตั ิให้เราเห็นก็คือความอดทน อดกล้นั ต่อความลาบากและอปุ สรรคท้งั ปวงในการปฏิบตั ิภารกิจเพ่อื ประชาชนเร่ืองหน่ึงท่ีเล่าขานกนั ก็คือ เม่ือกรุงเทพฯเกิดน้า ทว่ มในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ คืนน้นั พระทนตข์ องในหลวงหกั ขณะที่แพทยเ์ ขา้ ถวายการรักษาน้นั ทรงถามวา่ จะตอ้ งใชเ้ วลานาน เท่าไหร่ เม่ือแพทยก์ ราบบงั คมทูลวา่ จะตอ้ งใชเ้ วลา ๑ – ๒ ชว่ั โมง ในหลวงจึงมีรับสง่ั วา่ “ขอรอไว้ก่อนนะ ฉันทนได้ วันนีข้ อ ไปดูราษฎรและแก้ไขเร่ืองปัญหานา้ ท่วมก่อน”

อวโิ รธะ ทรงรักษาความเที่ยงธรรมและความยตุ ิธรรมไมใ่ หเ้ บ่ียงเบนไปจากความถกู ตอ้ ง ท้งั ในพระราชจริยวตั รและ พระราชวนิ ิจฉยั ไม่เอียนเองหวน่ั ไหว ไม่ยนิ ดียนิ ร้ายตอ่ อคติท้งั ปวง ไม่ประพฤติผดิ ไปจากพระราชประเพณี นอ้ ยคนนกั ท่ีจะรู้วา่ ความรักความผกู พนั ท่ีในหลวงมีตอ่ ประชาชนน้นั เริ่มข้ึนต้งั แต่คร้ังพระองคย์ งั ดารงพระ อิสริยยศเป็ นสมเด็จพระเจา้ นอ้ งยาเธอ ซ่ึงในคร้ังน้นั ไดท้ รงติดตามสมเดจ็ พระบรมเชษฐาธิราชออกเยยี่ ม ราษฎรท้งั ในกรุงเทพฯและจงั หวดั ใกลเ้ คียง ท่ีจากนั ไดด้ ีก็คือการเสด็จเยยี่ มสาเพง็ เม่ือวนั ท่ี ๓ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๘๙ คร้ังน้นั ชาวจีนในสาเพง็ ร่วมกนั บริจาคเงินโดยเสดจ็ พระราชกศุ ลเป็ นจานวนมากถึง ๑๓,๐๐๐ บาท และในหลวงรัชกาลท่ี ๘ ทรงต้งั เป็ น “ทุนพอ่ คา้ หลวง”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook