Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เศรษฐกิจพอเพียง

เศรษฐกิจพอเพียง

Published by Natnicha Panghae, 2020-01-14 04:41:08

Description: เศรษฐกิจพอเพียง

Search

Read the Text Version

เศรษฐกิจพอเพียง

เศรษฐกิจพอเพียง ผลจากการใชแ้ นวทางการพฒั นาประเทศไปสู่ความทนั สมยั ไดก้ ่อใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงแก่ สงั คมไทยอยา่ งมากในทุกดา้ น ไม่วา่ จะเป็นดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง วฒั นธรรม สังคมและ สิ่งแวดลอ้ ม อีกท้งั กระบวนการของความเปลี่ยนแปลงมีความสลบั ซบั ซอ้ นจนยากท่ีจะ อธิบายใน เชิงสาเหตุและผลลพั ธ์ได้ เพราะการเปล่ียนแปลงท้งั หมดต่างเป็นปัจจยั เชื่อมโยง ซ่ึงกนั และกนั สาหรับผลของการพฒั นาในดา้ นบวกน้นั ไดแ้ ก่ การเพมิ่ ข้ึนของอตั ราการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจ ความเจริญทางวตั ถุ และสาธารณูปโภคตา่ งๆ ระบบส่ือสารที่ทนั สมยั หรือการ ขยายปริมาณและกระจายการศึกษาอยา่ งทวั่ ถึงมากข้ึน แตผ่ ลดา้ นบวกเหลา่ น้ีส่วนใหญ่ กระจายไปถึงคนในชนบท หรือผดู้ อ้ ยโอกาสในสังคมนอ้ ย

กระบวนการเปล่ียนแปลงของสงั คมไดเ้ กิดผลลบติดตามมาดว้ ย เช่น การขยายตวั ของรัฐเขา้ ไปในชนบท ได้ ส่งผลใหช้ นบทเกิดความอ่อนแอในหลายดา้ น ท้งั การตอ้ งพ่ึงพิงตลาดและพอ่ คา้ คนกลางในการสง่ั สินคา้ ทุน ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ระบบความสมั พนั ธ์แบบเครือญาติ และการรวมกลุ่มกนั ตามประเพณี เพ่ือการจดั การทรัพยากรท่ีเคยมีอยแู่ ต่เดิมแตก สลายลง ภูมิความรู้ที่เคยใชแ้ กป้ ัญหาและสงั่ สมปรับเปล่ียนกนั มาถูกลืมเลือนและเริ่ม สูญหายไป สิ่งสาคญั กค็ ือ ความพอเพียงในการดารงชีวติ ซ่ึงเป็นเง่ือนไขพ้นื ฐานที่ทาใหค้ นไทยสามารถพ่งึ ตนเอง และ ดาเนินชีวติ ไปไดอ้ ยา่ งมีศกั ด์ิศรีภายใตอ้ านาจและความมีอิสระในการกาหนด ชะตาชีวติ ของตนเอง ความสามารถในการควบคุมและจดั การเพือ่ ใหต้ นเองไดร้ ับการสนองตอบต่อความตอ้ ง การต่างๆ รวมท้งั ความสามารถในการจดั การปัญหาต่างๆ ไดด้ ว้ ยตนเอง ซ่ึงท้งั หมดน้ีถือวา่ เป็นศกั ยภาพพ้ืนฐานท่ีคนไทยและ สงั คมไทยเคยมีอยแู่ ต่ เดิม ตอ้ งถูกกระทบกระเทือน ซ่ึงวกิ ฤตเศรษฐกิจจากปัญหาฟองสบู่และปัญหาความ อ่อนแอของชนบท รวมท้งั ปัญหาอื่นๆ ท่ีเกิดข้ึน ลว้ นแต่เป็นขอ้ พสิ ูจนแ์ ละยนื ยนั ปรากฎการณ์น้ีไดเ้ ป็นอยา่ งดี

พระราชดาริวา่ ดว้ ยเศรษฐกิจพอเพยี ง “...การพฒั นาประเทศจาเป็นตอ้ งทาตามลาดบั ข้นั ตอ้ งสร้างพ้ืนฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใชข้ อง ประชาชนส่วนใหญ่เบ้ืองตน้ ก่อน โดยใชว้ ธิ ีการและอุปกรณ์ท่ีประหยดั แต่ถูกตอ้ งตามหลกั วชิ าการ เม่ือได้ พ้ืนฐานความมน่ั คงพร้อมพอสมควร และปฏิบตั ิไดแ้ ลว้ จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทาง เศรษฐกิจข้นั ที่สูงข้ึนโดยลาดบั ต่อไป...” (๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗) “เศรษฐกิจพอเพยี ง” เป็นแนวพระราชดาริในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ที่พระราชทานมานานกวา่ ๓๐ ปี เป็นแนวคิดที่ต้งั อยบู่ นรากฐานของวฒั นธรรมไทย เป็นแนวทางการพฒั นาท่ีต้งั บนพ้นื ฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท คานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุม้ กนั ในตวั เอง ตลอดจนใช้ ความรู้และคุณธรรม เป็นพ้นื ฐานในการดารงชีวติ ที่สาคญั จะตอ้ งมี “สติ ปัญญา และความเพียร” ซ่ึงจะ นาไปสู่ “ความสุข” ในการดาเนินชีวติ อยา่ งแทจ้ ริง

“...เม่ือปี ๒๕๑๗ วนั น้นั ไดพ้ ดู ถึงวา่ เราควรปฏิบตั ิใหพ้ อมีพอกิน พอมีพอกินน้ีกแ็ ปลวา่ เศรษฐกิจพอเพยี ง นน่ั เอง ถา้ แต่ละคนมีพอมีพอกิน กใ็ ชไ้ ด้ ยงิ่ ถา้ ท้งั ประเทศพอมีพอกินกย็ ง่ิ ดี และประเทศไทยเวลาน้นั กเ็ ริ่ม จะเป็นไม่พอมีพอกิน บางคนกม็ ีมาก บางคนกไ็ ม่มีเลย...” (๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑) เศรษฐกิจพอเพียง “เศรษฐกิจพอเพยี ง” เป็นปรัชญาท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานพระราชดาริช้ีแนะแนวทาง การดาเนินชีวติ แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกวา่ ๒๕ ปี ต้งั แต่ก่อนเกิดวกิ ฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเม่ือภายหลงั ไดท้ รงเนน้ ย้าแนวทางการแกไ้ ขเพอ่ื ใหร้ อดพน้ และสามารถดารงอยไู่ ดอ้ ยา่ งมน่ั คงและ ยงั่ ยนื ภายใตก้ ระแสโลกาภิวตั นแ์ ละความ เปล่ียนแปลงต่างๆ

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ต้งั แต่ระดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึงระดบั รัฐ ท้งั ในการพฒั นาและบริหารประเทศใหด้ าเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจ เพอ่ื ใหก้ า้ วทนั ต่อโลกยคุ โลกาภิวตั น์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจาเป็นท่ีจะตอ้ งมีระบบภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อนั เกิด จากการเปล่ียนแปลงท้งั ภายในภายนอก ท้งั น้ี จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อยา่ งยง่ิ ในการนาวชิ าการต่างๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดาเนินการ ทุกข้นั ตอน และขณะเดียวกนั จะตอ้ ง เสริมสร้างพ้นื ฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐ นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกิจในทุกระดบั ใหม้ ี สานึกในคุณธรรม ความซื่อสตั ยส์ ุจริต และใหม้ ีความรอบรู้ท่ีเหมาะสม ดาเนินชีวติ ดว้ ยความอดทน ความเพยี ร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อใหส้ มดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็วและ กวา้ งขวาง ท้งั ดา้ นวตั ถุ สงั คม สิ่งแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี

ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบดว้ ยคุณสมบตั ิ ดงั น้ี ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่นอ้ ยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผอู้ ่ืน เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยใู่ นระดบั พอประมาณ ๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจเก่ียวกบั ระดบั ความพอเพียงน้นั จะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมีเหตุผล โดย พิจารณาจากเหตุปัจจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนจากการกระทาน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ ๓. ภูมิคุม้ กนั หมายถึง การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงดา้ นต่างๆ ท่ีจะเกิดข้ึน โดย คานึงถึงความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนในอนาคต

พระราชดารัสท่ีเก่ียวกบั เศรษฐกิจพอเพยี ง “...เศรษฐศาสตร์เป็นวชิ าของเศรษฐกิจ การที่ตอ้ งใชร้ ถไถตอ้ งไปซ้ือ เราตอ้ งใชต้ อ้ งหาเงินมาสาหรับซ้ือน้ามนั สาหรับรถไถ เวลารถไถเก่าเราตอ้ งยงิ่ ซ่อมแซม แต่เวลาใชน้ ้นั เรากต็ อ้ งป้อนน้ามนั ใหเ้ ป็นอาหาร เสร็จแลว้ มนั คายควนั ควนั เราสูดเขา้ ไปแลว้ กป็ วดหวั ส่วนควายเวลาเราใชเ้ รากต็ อ้ งป้อนอาหาร ตอ้ งใหห้ ญา้ ใหอ้ าหารมนั กิน แต่วา่ มนั คายออกมา ที่มนั คายออกมากเ็ ป็นป๋ ุย แลว้ กใ็ ชไ้ ดส้ าหรับใหท้ ี่ดินของเราไม่เสีย...” พระราชดารัส เน่ืองในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวญั ณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ท่ี ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๙

“...เราไม่เป็นประเทศร่ารวย เรามีพอสมควร พออยไู่ ด้ แต่ไม่เป็นประเทศที่กา้ วหนา้ อยา่ งมาก เราไม่อยากจะ เป็นประเทศกา้ วหนา้ อยา่ งมาก เพราะถา้ เราเป็นประเทศกา้ วหนา้ อยา่ งมากกจ็ ะมีแต่ถอยกลบั ประเทศเหล่าน้นั ท่ี เป็นประเทศอุตสาหกรรมกา้ วหนา้ จะมีแต่ถอยหลงั และถอยหลงั อยา่ งน่ากลวั แต่ถา้ เรามีการบริหารแบบเรียกวา่ แบบคนจน แบบที่ไม่ติดกบั ตารามากเกินไป ทาอยา่ งมีสามคั คีนี่แหละคือเมตตากนั จะอยไู่ ดต้ ลอดไป...” พระราชดารัส เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๔ “...ตามปกติคนเราชอบดูสถานการณ์ในทางดี ท่ีเขาเรียกวา่ เลง็ ผลเลิศ กเ็ ห็นวา่ ประเทศไทย เรานี่กา้ วหนา้ ดี การเงินการอุตสาหกรรมการคา้ ดี มีกาไร อีกทางหน่ึงกต็ อ้ งบอกวา่ เรากาลงั เสื่อมลงไปส่วนใหญ่ ทฤษฎีวา่ ถา้ มี เงินเท่าน้นั ๆ มีการกเู้ ท่าน้นั ๆ หมายความวา่ เศรษฐกิจกา้ วหนา้ แลว้ กป็ ระเทศกเ็ จริญมีหวงั วา่ จะเป็นมหาอานาจ ขอโทษเลยตอ้ งเตือนเขาวา่ จริงตวั เลขดี แต่วา่ ถา้ เราไม่ระมดั ระวงั ในความตอ้ งการพ้นื ฐานของประชาชนน้นั ไม่ มีทาง...”

๑๗ มกราคม ๒๕๔๔ ประเทศไทยกบั เศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเนน้ ใหผ้ ผู้ ลิต หรือผบู้ ริโภค พยายามเริ่มตน้ ผลิต หรือบริโภคภายใตข้ อบเขต ขอ้ จากดั ของ รายได้ หรือทรัพยากรท่ีมีอยไู่ ปก่อน ซ่ึงกค็ ือ หลกั ในการลดการพ่ึงพา เพิม่ ขีดความสามารถในการควบคุมการ ผลิตไดด้ ว้ ยตนเอง และลดภาวะการเสี่ยงจากการไม่สามารถควบคุมระบบตลาดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจพอเพียงมิใช่หมายความถึง การกระเบียดกระเสียนจนเกินสมควร หากแต่อาจฟ่ ุมเฟื อยไดเ้ ป็นคร้ังคราว ตามอตั ภาพ แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศ มกั ใชจ้ ่ายเกินตวั เกินฐานะท่ีหามาได้

เศรษฐกิจพอเพียง สามารถนาไปสู่เป้าหมายของการสร้างความมนั่ คงในทางเศรษฐกิจได้ เช่น โดยพ้ืนฐาน แลว้ ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เศรษฐกิจของประเทศจึงควรเนน้ ท่ีเศรษฐกิจการเกษตร เนน้ ความมนั่ คงทางอาหาร เป็นการสร้างความมนั่ คงใหเ้ ป็นระบบเศรษฐกิจในระดบั หน่ึง จึงเป็นระบบเศรษฐกิจ ท่ีช่วยลดความเส่ียง หรือความไม่มน่ั คงทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้ เศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดใ้ นทุกระดบั ทุกสาขา ทุกภาคของเศรษฐกิจ ไม่จาเป็นจะตอ้ งจากดั เฉพาะแต่ภาคการเกษตร หรือภาคชนบท แมแ้ ต่ภาคการเงิน ภาคอสงั หาริมทรัพย์ และการคา้ การลงทุน ระหวา่ งประเทศ

การดาเนินชีวติ ตามแนวพระราชดาริพอเพียง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเขา้ ใจถึงสภาพสงั คมไทย ดงั น้นั เม่ือไดพ้ ระราชทานแนวพระราชดาริ หรือ พระบรมราโชวาทในดา้ นต่างๆ จะทรงคานึงถึงวถิ ีชีวติ สภาพสงั คมของประชาชนดว้ ย เพื่อไม่ใหเ้ กิดความ ขดั แยง้ ทางความคิด ท่ีอาจนาไปสู่ความขดั แยง้ ในทางปฏิบตั ิได้ แนวพระราชดาริในการดาเนินชีวติ แบบพอเพยี ง ๑. ยดึ ความประหยดั ตดั ทอนค่าใชจ้ ่ายในทุกดา้ น ลดละความฟ่ ุมเฟื อยในการใชช้ ีวติ ๒. ยดึ ถือการประกอบอาชีพดว้ ยความถูกตอ้ ง ซ่ือสตั ยส์ ุจริต ๓. ละเลิกการแก่งแยง่ ผลประโยชน์และแข่งขนั กนั ในทางการคา้ แบบต่อสู้กนั อยา่ ง รุนแรง ๔. ไม่หยดุ นิ่งท่ีจะหาทางใหช้ ีวติ หลุดพน้ จากความทุกขย์ าก ดว้ ยการขวนขวายใฝ่หาความรู้ใหม้ ีรายไดเ้ พิม่ พนู ข้ึน จนถึงข้นั พอเพียงเป็นเป้าหมายสาคญั ๕. ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ีดี ลดละสิ่งชว่ั ประพฤติตนตามหลกั ศาสนา

ทฤษฎีใหม่ ทฤษฎีใหม่ คือ ตวั อยา่ งท่ีเป็นรูปธรรมของการประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งที่เด่น ชดั ท่ีสุด ซ่ึงพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ได้ พระราชทานพระราชดาริน้ี เพ่ือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่มกั ประสบปัญหาท้งั ภยั ธรรมชาติและปัจจยั ภาย นอกท่ีมีผลกระทบต่อ การทาการเกษตร ใหส้ ามารถผา่ นพน้ ช่วงเวลาวิกฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนน้าไดโ้ ดยไม่เดือดร้อนและยากลาบากนกั ความเสี่ยงท่ีเกษตรกร มกั พบเป็นประจา ประกอบดว้ ย ๑. ความเสี่ยงดา้ นราคาสินคา้ เกษตร ๒. ความเสี่ยงในราคาและการพ่ึงพาปัจจยั การผลิตสมยั ใหม่จากต่างประเทศ ๓. ความเส่ียงดา้ นน้า ฝนทิ้งช่วง ฝนแลง้ ๔. ภยั ธรรมชาติอ่ืนๆ และโรคระบาด ๕. ความเส่ียงดา้ นแบบแผนการผลิต - ความเสี่ยงดา้ นโรคและศตั รูพืช - ความเสี่ยงดา้ นการขาดแคลนแรงงาน - ความเส่ียงดา้ นหน้ีสินและการสูญเสียที่ดิน ทฤษฎีใหม่ จึงเป็นแนวทางหรือหลกั การในการบริหารการจดั การที่ดินและน้า เพ่ือการเกษตรในท่ีดินขนาดเลก็ ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด

ทฤษฎีใหม่ ความสาคญั ของทฤษฎี ใหม่ ๑. มีการบริหารและจดั แบ่งที่ดินแปลงเลก็ ออกเป็นสดั ส่วนที่ชดั เจน เพ่อื ประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร ซ่ึง ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน ๒. มีการคานวณโดยใชห้ ลกั วชิ าการเกี่ยวกบั ปริมาณน้าที่จะกกั เกบ็ ใหพ้ อเพียงต่อ การเพาะปลูกไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมตลอดปี ๓. มีการวางแผนที่สมบูรณ์แบบสาหรับเกษตรกรรายยอ่ ย โดยมีถึง ๓ ข้นั ตอน

ทฤษฎีใหม่ข้นั ตน้ ใหแ้ บ่งพ้ืนท่ีออกเป็น ๔ ส่วน ตามอตั ราส่วน ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ ซ่ึงหมายถึง พ้นื ท่ีส่วนท่ีหน่ึง ประมาณ ๓๐% ใหข้ ดุ สระเกบ็ กกั น้าเพอื่ ใชเ้ กบ็ กกั น้าฝนในฤดูฝน และใชเ้ สริมการปลูก พชื ในฤดูแลง้ ตลอดจนการเล้ียงสตั วแ์ ละพืชน้าต่างๆ พ้นื ท่ีส่วนท่ีสอง ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลูกขา้ วในฤดูฝนเพ่อื ใชเ้ ป็นอาหารประจาวนั สาหรับครอบครัวให้ เพียงพอตลอด ปี เพอ่ื ตดั ค่าใชจ้ ่ายและสามารถพ่งึ ตนเองได้ พ้ืนที่ส่วนที่สาม ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลูกไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ พชื ผกั พืชไร่ พชื สมุนไพร ฯลฯ เพ่อื ใชเ้ ป็น อาหารประจาวนั หากเหลือบริโภคกน็ าไปจาหน่าย พ้นื ที่ส่วนที่สี่ ประมาณ ๑๐% เป็นท่ีอยอู่ าศยั เล้ียงสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรือนอื่นๆ ทฤษฎีใหม่ข้นั ที่สอง เมื่อเกษตรกรเขา้ ใจในหลกั การและไดป้ ฏิบตั ิในที่ดินของตนจนไดผ้ ลแลว้ กต็ อ้ งเร่ิมข้นั ที่สอง คือให้ เกษตรกรรวมพลงั กนั ในรูป กลุ่ม หรือ สหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจกนั ดาเนินการในดา้ น

(๑) การผลิต (พนั ธุพ์ ชื เตรียมดิน ชลประทาน ฯลฯ) - เกษตรกรจะตอ้ งร่วมมือในการผลิต โดยเร่ิม ต้งั แต่ข้นั เตรียมดิน การหาพนั ธุ์พืช ป๋ ุย การจดั หาน้า และอ่ืนๆ เพ่อื การเพาะปลูก (๒) การตลาด (ลานตากขา้ ว ยงุ้ เครื่องสีขา้ ว การจาหน่ายผลผลิต) - เมื่อมีผลผลิตแลว้ จะตอ้ งเตรียมการต่างๆ เพ่อื การขายผลผลิตใหไ้ ดป้ ระโยชน์สูงสุด เช่น การเตรียมลานตาก ขา้ วร่วมกนั การจดั หายงุ้ รวบรวมขา้ ว เตรียมหาเครื่องสีขา้ ว ตลอดจนการรวมกนั ขายผลผลิตใหไ้ ดร้ าคาดีและลด ค่าใชจ้ ่ายลงดว้ ย (๓) การเป็นอยู่ (กะปิ น้าปลา อาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ฯลฯ) - ในขณะเดียวกนั เกษตรกรตอ้ งมีความเป็นอยทู่ ่ีดีพอสมควร โดยมีปัจจยั พ้นื ฐานในการดารงชีวติ เช่น อาหาร การกินต่างๆ กะปิ น้าปลา เส้ือผา้ ที่พอเพยี ง (๔) สวสั ดิการ (สาธารณสุข เงินก)ู้ - แต่ละชุมชนควรมีสวสั ดิภาพและบริการท่ีจาเป็น เช่น มีสถานีอนามยั เมื่อยามป่ วยไข้ หรือมีกองทุนไวก้ ยู้ มื เพอ่ื ประโยชน์ในกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน

(๕) การศึกษา (โรงเรียน ทุนการศึกษา) - ชุมชนควรมีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษา เช่น มีกองทุนเพอ่ื การศึกษาเล่าเรียนใหแ้ ก่เยาวชนของชมชนเอง (๖) สงั คมและศาสนา - ชุมชนควรเป็นท่ีรวมในการพฒั นาสงั คมและจิตใจ โดยมีศาสนาเป็นท่ียดึ เหนี่ยว โดยกิจกรรมท้งั หมดดงั กล่าวขา้ งตน้ จะตอ้ งไดร้ ับความร่วมมือจากทุกฝ่ายท่ีเก่ียวขอ้ ง ไม่วา่ ส่วนราชการ องคก์ ร เอกชน ตลอดจนสมาชิกในชุมชนน้นั เป็นสาคญั

ทฤษฎีใหม่ข้นั ที่สาม เม่ือดาเนินการผา่ นพน้ ข้นั ที่สองแลว้ เกษตรกร หรือกลุ่มเกษตรกรกค็ วรพฒั นากา้ วหนา้ ไปสู่ข้นั ที่สามต่อไป คือติดต่อประสานงาน เพื่อจดั หาทุน หรือแหล่งเงิน เช่น ธนาคาร หรือบริษทั หา้ งร้านเอกชน มาช่วยในการ ลงทุนและพฒั นาคุณภาพชีวติ ท้งั น้ี ท้งั ฝ่ายเกษตรกรและฝ่ายธนาคาร หรือบริษทั เอกชนจะไดร้ ับประโยชนร์ ่วมกนั กล่าวคือ - เกษตรกรขายขา้ วไดร้ าคาสูง (ไม่ถูกกดราคา) - ธนาคารหรือบริษทั เอกชนสามารถซ้ือขา้ วบริโภคในราคาต่า (ซ้ือขา้ วเปลือกตรงจากเกษตรกรและมาสีเอง) - เกษตรกรซ้ือเคร่ืองอุปโภคบริโภคไดใ้ นราคาต่า เพราะรวมกนั ซ้ือเป็นจานวนมาก (เป็นร้านสหกรณ์ราคา ขายส่ง) - ธนาคารหรือบริษทั เอกชน จะสามารถกระจายบุคลากร เพ่ือไปดาเนินการในกิจกรรมต่างๆ ใหเ้ กิดผลดียง่ิ ข้ึน

หลกั การและแนวทางสาคญั ๑. เป็นระบบการผลิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงท่ีเกษตรกรสามารถเล้ียงตวั เองไดใ้ นระดบั ท่ีประหยดั ก่อน ท้งั น้ี ชุมชนตอ้ งมีความสามคั คี ร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ทานองเดียวกบั การ “ลงแขก” แบบด้งั เดิมเพือ่ ลดค่าใชจ้ ่ายในการจา้ งแรงงานดว้ ย ๒. เน่ืองจากขา้ วเป็นปัจจยั หลกั ท่ีทุกครัวเรือนจะตอ้ งบริโภค ดงั น้นั จึงประมาณวา่ ครอบครัวหน่ึงทานา ประมาณ ๕ ไร่ จะทาใหม้ ีขา้ วพอกินตลอดปี โดยไม่ตอ้ งซ้ือหาในราคาแพง เพอื่ ยดึ หลกั พ่ึงตนเองไดอ้ ยา่ งมี อิสรภาพ ๓. ตอ้ งมีน้าเพือ่ การเพาะปลูกสารองไวใ้ ชใ้ นฤดูแลง้ หรือระยะฝนทิ้งช่วงไดอ้ ยา่ งพอเพียง ดงั น้นั จึง จาเป็นตอ้ งกนั ท่ีดินส่วนหน่ึงไวข้ ดุ สระน้า โดยมีหลกั วา่ ตอ้ งมีน้าเพยี งพอที่จะเพาะปลูกไดต้ ลอดปี ท้งั น้ี ได้ พระราชทานพระราชดาริเป็นแนวทางวา่ ตอ้ งมีน้า ๑,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตร ต่อการเพาะปลูก ๑ ไร่ โดยประมาณ ฉะน้นั เม่ือทานา ๕ ไร่ ทาพืชไร่ หรือไมผ้ ลอีก ๕ ไร่ (รวมเป็น ๑๐ ไร่) จะตอ้ งมีน้า ๑๐,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตรต่อปี

ดงั น้นั หากต้งั สมมติฐานวา่ มีพ้ืนท่ี ๕ ไร่ กจ็ ะสามารถกาหนดสูตรคร่าวๆ วา่ แต่ละแปลง ประกอบดว้ ย - นาขา้ ว ๕ ไร่ - พชื ไร่ พชื สวน ๕ ไร่ - สระน้า ๓ ไร่ ขดุ ลึก ๔ เมตร จุน้าไดป้ ระมาณ ๑๙,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตร ซ่ึงเป็นปริมาณน้าท่ีเพียงพอที่จะ สารองไวใ้ ชย้ ามฤดูแลง้ - ที่อยอู่ าศยั และอ่ืนๆ ๒ ไร่ รวมท้งั หมด ๑๕ ไร่

๔. การจดั แบ่งแปลงที่ดินเพอื่ ใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดน้ี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงคานวณและคานึงจาก อตั ราการถือครองท่ีดินถวั เฉล่ียครัวเรือนละ ๑๕ ไร่ อยา่ งไรกต็ าม หากเกษตรกรมีพ้นื ท่ีถือครองนอ้ ยกวา่ น้ี หรือมากกวา่ น้ี กส็ ามารถใชอ้ ตั ราส่วน ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ เป็นเกณฑป์ รับใชไ้ ด้ กล่าวคือ ร้อยละ ๓๐ ส่วนแรก ขดุ สระน้า (สามารถเล้ียงปลา ปลูกพชื น้า เช่น ผกั บุง้ ผกั กะเฉด ฯลฯ ไดด้ ว้ ย) บนสระอาจ สร้างเลา้ ไก่และบนขอบสระน้าอาจปลูกไมย้ นื ตน้ ท่ีไม่ใชน้ ้ามากโดยรอบ ได้ ร้อยละ ๓๐ ส่วนท่ีสอง ทานา ร้อยละ ๓๐ ส่วนท่ีสาม ปลูกพชื ไร่ พืชสวน (ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ ไมใ้ ชส้ อย ไมเ้ พอ่ื เป็นเช้ือฟื น ไมส้ ร้างบา้ น พืชไร่ พืชผกั สมุนไพร เป็นตน้ )

๕. การดาเนินการตามทฤษฎีใหม่ มีปัจจยั ประกอบหลายประการ ข้ึนอยกู่ บั สภาพภูมิประเทศ สภาพแวดลอ้ ม ของแต่ละทอ้ งถิ่น ดงั น้นั เกษตรกรควรขอรับคาแนะนาจากเจา้ หนา้ ท่ีดว้ ย และที่สาคญั คือ ราคาการลงทุน ค่อนขา้ งสูง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การขดุ สระน้า เกษตรกรจะตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือจากส่วนราชการ มูลนิธิ และเอกชน ๖. ในระหวา่ งการขดุ สระน้า จะมีดินท่ีถูกขดุ ข้ึนมาจานวนมาก หนา้ ดินซ่ึงเป็นดินดี ควรนาไปกองไวต้ ่างหาก เพอ่ื นามาใชป้ ระโยชน์ในการปลูกพชื ต่างๆ ในภายหลงั โดยนามาเกลี่ยคลุมดินช้นั ล่างท่ีเป็นดินไม่ดี หรืออาจ นามาถมทาขอบสระน้า หรือยกร่องสาหรับปลูกไมผ้ ลกจ็ ะไดป้ ระโยชน์อีกทางหน่ึง

ประโยชนข์ องทฤษฎีใหม่ ๑. ใหป้ ระชาชนพออยพู่ อกินสมควรแก่อตั ภาพในระดบั ท่ีประหยดั ไม่อดอยาก และเล้ียงตนเองไดต้ ามหลกั ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพยี ง” ๒. ในหนา้ แลง้ มีน้านอ้ ย กส็ ามารถเอาน้าที่เกบ็ ไวใ้ นสระมาปลูกพืชผกั ต่างๆ ที่ใชน้ ้านอ้ ยได้ โดยไม่ตอ้ ง เบียดเบียนชลประทาน ๓. ในปี ที่ฝนตกตามฤดูกาลโดยมีน้าดีตลอดปี ทฤษฎีใหม่น้ีสามารถสร้างรายไดใ้ หแ้ ก่เกษตรกรไดโ้ ดยไม่ เดือดร้อนในเร่ืองค่า ใชจ้ ่ายต่างๆ ๔. ในกรณีที่เกิดอุทกภยั เกษตรกรสามารถท่ีจะฟ้ื นตวั และช่วยตวั เองไดใ้ นระดบั หน่ึง โดยทางราชการไม่ตอ้ ง ช่วยเหลือมากนกั ซ่ึงเป็นการประหยดั งบประมาณดว้ ย

ทฤษฎีใหม่ท่ีสมบูรณ์ ทฤษฎีใหม่ท่ีดาเนินการโดยอาศยั แหล่งน้า ธรรมชาติ น้าฝน จะอยใู่ นลกั ษณะ “หมิ่นเหม่” เพราะหากปี ใดฝนนอ้ ย น้าอาจจะไม่เพยี งพอ ฉะน้นั การที่จะทาใหท้ ฤษฎีใหม่สมบูรณ์ไดน้ ้นั จาเป็นตอ้ งมีสระเกบ็ กกั น้าที่มีประสิทธิภาพ และเตม็ ความสามารถ โดยการมีแหล่งน้าขนาดใหญท่ ี่สามารถเพิม่ เติมน้าในสระเกบ็ กกั น้าใหเ้ ตม็ อยู่ เสมอ ดงั เช่น กรณีของการทดลองท่ีโครงการพฒั นาพ้ืนท่ีบริเวณวดั มงคลชยั พฒั นาอนั เน่ืองมาจาก พระราชดาริ จงั หวดั สระบุรี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook