วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั By Sophia Ellise Smith
คํานาํ หนงั สอื อิเล็กทรอนกิ สเ์ ล่มนเี ปนสว่ น หนึงของรายวชิ า การออกแบบและ เทคโนโลยี ว22103โดยเนือหาภายใน เล่มนวี า่ ดว้ ยวสั ดทุ ีมใี ชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั อาทิเชน่ ไม้ โลหะ พลาสติก และ อืนๆ ผจู้ ดั ทําหวงั เปนอยา่ งยงิ วา่ รายงาน ฉบบั นจี ะเปนประโยชน์ต่อผตู้ ้องการ ศึกษาไมไ่ ดม้ ากก้น้อย หากมขี อ้ ผดิ พลาดประการใด จดั ทํา ต้องขออภัย ณ ทีนีดว้ ย
สารบญั เกรนิ นาํ 3 ไม้ 4 โลหะ 6 พลาสติก 9 ยาง 13
วสั ดตุ ่างๆ ทีใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั มที ังวสั ดธุ รรมชาติและ วสั ดสุ งั เคราะห์ อาจนาํ มาใช้ โดยตรงหรอื แปรรปู เพอื ให้ เหมาะกับการใชง้ านวสั ดุ รอบๆ ตัวเราทีใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั มที ังวสั ดุ ธรรมชาติและวสั ดุ สงั เคราะห์
ไม ้ เปนวสั ดแุ ขง็ ทีทําจากแก่น ลําต้นของต้นไม ้ สว่ นใหญ่เปนไม้ ยนื ต้น โดยแบง่ เปนไมเ้ นือแขง็ เชน่ ไมเ้ ต็ง ไมแ้ ดง และไมเ้ นือ อ่อน เชน่ ไมส้ กั ไมย้ างพารา ไม้ โอ๊ก โดยนยิ ามแล้วไม้ จะหมายถึง เนือเยอื ไซเล็มชนั ที สอง (Xylem) ของต้นไม้ แต่ใน ความเขา้ ใจไม้ อาจหมายรวมไป ถึงวสั ดใุ ดๆ ทีมสี ว่ นประกอบทํา มาจากไมด้ ว้ ย มดี ้วย กัน2ประเภท คือ
1.1 ไมจ้ รงิ หรอื ไม้ ธรรมชาติ ......คือ ไมท้ ีไดม้ าจาก ลําต้นของต้นไม้ โดยตรงแบง่ ได้ เปน2ประเภทคือ ไม้ เนอื แขง็ และ ไมเ้ นอื อ่อน
ไมป้ ระกอบ..หมายถึง ผลิตภัณฑ์จากไมท้ ียอ่ ยเปนชนิ ไสเปนฝอย หรอื แยกเปนเสน้ ใย แล้วนาํ มาอัดรวมกันเขา้ เปนชนิ เปนแผน่ ทังนี โดยจะมวี ตั ถุ เชอื มประสานดว้ ยหรอื ไมก่ ็ได้ จดั เปนอุตสาหกรรมทีใชไ้ ม้ ขนาดเล็ก ตลอดจนเศษไม้ ปลายไมใ้ หเ้ ปนประโยชนอ์ ยา่ ง สาํ คัญ ไมป้ ระกอบอาจแบง่ ออก ไดเ้ ปน ๓ พวก คือ แผน่ ชนิ ไมอ้ ัด แผน่ ใบไมอ้ ัด และแผน่ ฝอย ไมอ้ ัด
โลหะ คือ วสั ดทุ ีประกอบ ดว้ ยธาตโุ ลหะทีมี อิเล็กตรอนอิสระอยู่ มากมาย นนั คือ อิเล็กตรอนเหล่านไี มไ่ ด้ เปนของอะตอมใด อะตอมหนงึ โดยเฉพาะ ทําใหม้ คี ณุ สมบตั ิพเิ ศษ หลายประการ เชน่
ประเภทของวสั ดโุ ลหะ สามารถแบง่ ออกได้เปน 2 ประเภท ดังนี 1. วสั ดโุ ลหะประเภทเหล็กเปนโลหะทีมเี หล็ก เปนฐาน โดยจะนยิ มใชก้ ันมากในวงการ อุตสาหกรรม ตัวอยา่ งวสั ดโุ ลหะประเภทนี ก็ คือ เหล็กกล้า เหล็กเหนยี วและเหล็กหล่อ เปนต้น ทีสาํ คัญวสั ดปุ ระเภทนี ก็สามารถนาํ มาปรบั ปรงุ คณุ ภาพ ใหม้ คี วามแขง็ ทนยงิ ขนึ และสามารถเปลียนแปลงรปู ทรงได้ หลายวธิ อี ีกดว้ ย โดยวธิ ที ีนยิ มใชเ้ พอื การ เปลียนแปลงรปู ทรงสว่ นใหญน่ นั ก็คือการ กลึง การหล่อและการอัดรดี ขนึ รปู เปนต้น
2. วสั ดโุ ลหะประเภทไมใ่ ชเ่ หล็กเปน วสั ดโุ ลหะทีไมม่ เี หล็กเปนสว่ นผสมเลย แถมโลหะบางชนิดก็มรี าคาสงู กวา่ เหล็กอีกด้วย ซงึ โลหะประเภทนีก็ได้ แก่ ดีบุก สงั กะสี ทองแดง ทองคํา เงิน แมกนีเซยี ม ตะกัว เปนต้น โดยโลหะ ประเภทนกี ็สามารถนํามาใชใ้ นงาน อุตสาหกรรมบางประเภท อยา่ งเชน่ ดีบุกกับงานทีต้องการความทนต่อ การกัดกรอ่ น ทองแดงกับงานไฟฟา และอลมู เิ นียมกับงานทีต้องใชน้ ําหนกั เบาอีกด้วย
พลาสติก ...เปน สารประกอบอินทรยี ท์ ี สงั เคราะหข์ นึ ใชแ้ ทนวสั ดุ ธรรมชาติบางชนดิ เมอื เยน็ ก็แขง็ ตัว เมอื ถกู ความรอ้ น ก็อ่อนตัว บางชนดิ แขง็ ตัว ถาวร มหี ลายชนดิ เชน่ ไนลอน ยางเทียม ใชท้ ํา สงิ ต่าง ๆ เชน่ เสอื ผา้ ฟล์ม ภาชนะ สว่ นประกอบของยานพาหนะ
เทอรโ์ มพลาสติก (Thermoplastic) หรอื เรซนิ เปนพลาสติกทีใชก้ ันแพร่ หลายทีสดุ ในโลก ไดร้ บั ความรอ้ นจะ อ่อนตัว และเมอื เยน็ ลงจะแขง็ ตัว สามารถเปลียนรปู ได้ พลาสติกประเภท นโี ครงสรา้ งโมเลกลุ เปนโซต่ รงยาว มี การเชอื มต่อระหวา่ งโซพ่ อลิเมอรน์ อ้ ย มาก จงึ สามารถหลอมเหลว หรอื เมอื ผา่ นการอัดแรงมากจะไมท่ ําลาย โครงสรา้ งเดมิ ตัวอยา่ ง พอลิเอทิลีน พอลิโพรพลิ ีน พอลิสไตรนี มสี มบตั ิ พเิ ศษคือ เมอื หลอมแล้วสามารถนาํ มา ขนึ รปู กลับมาใชใ้ หมไ่ ด้ ชนดิ ของ พลาสติกใน ตระกลู เทอรโ์ มพลาสติก
เทอรโ์ มเซตติงพลาสติก (Thermosetting plastic) เปนพลาสติกทีมสี มบตั ิพเิ ศษ คือ ทนทานต่อการเปลียนแปลงอุณหภมู แิ ละทน ปฏิกิรยิ าเคมไี ดด้ ี เกิดคราบและรอยเปอนไดย้ าก คงรปู หลังการผา่ นความรอ้ นหรอื แรงดนั เพยี ง ครงั เดยี ว เมอื เยน็ ลงจะแขง็ มาก ทนความรอ้ น และความดนั ไมอ่ ่อนตัวและเปลียนรปู รา่ งไมไ่ ด้ แต่ถ้าอุณหภมู สิ งู ก็จะแตกและไหมเ้ ปนขเี ถ้าสดี าํ พลาสติกประเภทนโี มเลกลุ จะเชอื มโยงกันเปน รา่ งแหจบั กันแนน่ แรงยดึ เหนยี วระหวา่ งโมเลกลุ แขง็ แรงมาก จงึ ไมส่ ามารถนาํ มาหลอมเหลวได้ กล่าวคือ เกิดการเชอื มต่อขา้ มไปมาระหวา่ งสายโซ่ ของโมเลกลุ ของพอลิเมอร์ (cross linking among polymer chains) เหตนุ หี ลังจาก พลาสติกเยน็ จนแขง็ ตัวแล้ว จะไมส่ ามารถทําให้ อ่อนไดอ้ ีกโดยใชค้ วามรอ้ น หากแต่จะสลายตัว ทันทีทีอุณหภมู สิ งู ถึงระดบั การทําพลาสติกชนดิ นี ใหเ้ ปนรปู ลักษณะต่าง ๆ ต้องใชค้ วามรอ้ นสงู และ โดยมากต้องการแรงอัดดว้ ย เทอรโ์ มเซตติง พลาสติก
ยาง และคณุ สมบตั ิของยาง วตั ดดุ บิ ทีใชท้ ํากระบอกลม กระบอกสบู กระบอกสบู หรอื กระบอกลม กระบอ กนวิ เมติกส,์ สายลม และอุ ปกรณน์ วิ เมติกสอ์ ืนๆ ทีใช้ กันอยูป่ จจุบนั สว่ นหนงึ ใช้ วตั ถดุ บิ มาจาก ยาง ซงึ ยาง แบง่ ออกเปน 2 ชนดิ หลัก ๆ ไดแ้ ก่ ยางธรรมชาติและยาง สงั เคราะห์
1. ยางธรรมชาติ (NR)ยางธรรมชาติ (NR) คือ ยางทีมา จากต้นยางพาราโดยตรง ไมผ่ า่ นกรรมวธิ กี ารใด ๆรปู ยางธรรมชาติการนาํ ยางธรรมชาติไปใชง้ านมอี ยู่ 2 รปู แบบคือ รปู แบบนาํ ยาง และรปู แบบยางแหง้ ในรปู แบบ นาํ ยางนนั นาํ ยางสดจะถกู นาํ มาแยกนาํ ออกเพอื เพมิ ความเขม้ ขน้ ของเนอื ยางขนั ตอนหนงึ ก่อนดว้ ยวธิ กี าร ต่าง ๆ แต่ทีนยิ มใชใ้ นอุตสาหกรรมคือการใชเ้ ครอื งเซน ตรฟิ วส์ ในขณะทีการเตรยี มยางแหง้ นนั มกั จะใชว้ ธิ กี ารใส่ กรดอะซติ ิกลงในนาํ ยางสด การใสก่ รดอะซติ ิกเจอื จางลง ในนาํ ยาง ทําใหน้ าํ ยางจบั ตัวเปนก้อน เกิดการแยกชนั ระหวา่ งเนอื ยางและนาํ สว่ นนาํ ทีปนอยูใ่ นยางจะถกู กําจดั ออกไปโดยการรดี ดว้ ยลกู กลิง 2 ลกู กลิง วธิ กี ารหลัก ๆ ที จะทําใหย้ างแหง้ สนทิ มี 2 วธิ คี ือ การรมควนั ยาง และการ ทํายางเครพ แต่เนอื งจากยางผลิตไดม้ าจากเกษตรกร จากแหล่งทีแตกต่างกัน ทําใหต้ ้องมกี ารแบง่ ชนั ของยาง ตามความบรสิ ทุ ธขิ องยางนนั ๆ ผลิตภัณฑ์จากยาง ธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ยางรถยนต์, รองเท้า, ท่อยาง, ปูพนื , ลกู ล้อ, ยางแท่นเครอื ง
2. ยางสงั เคราะหย์ างสงั เคราะห์ คือ ยางวทิ ยาศาสตร์ เปนยางทีมนษุ ยผ์ สมขนึ มาเองไดแ้ ก่ ยาง NBR, SR, EPDM, SILICONE, VITON, HYPALON, CR, NEOPRENE, THERMOPLASTIC POIYURTEHANES และ URETHANE แต่ละ ชนดิ มคี ณุ สมบตั ิดงั นยี างเทียมสงั เคราะห์ (Synthesis Rubber SR) เปนยางสงั เคราะหท์ ีใช้ งานกันมากในสหรฐั อเมรกิ า ยางมสี ว่ นผสมของบวิ ทา ไดน์ 78% กับสไตรนี 22% มนั อาจจะถกู ผสมกันที อุณหภมู ิ 40 องศาฟาเรนไฮต์ เมอื นาํ มาผสมกันที 40 องศาฟาเรนไฮต์ยางจะมคี ณุ สมบตั ิพเิ ศษกวา่ ยาง ธรรมชาติจงึ นาํ ไป ใชท้ ํายางรถยนต์ ยางสงั เคราะหม์ ี ความต้านทานต่อการขูดถลอก สภาวะของลมฟาอากาศ ทีแปรเปลียนไป ต้านทานไฟฟาไดด้ ี เมอื ทิงไวใ้ หต้ ากแดด ตากลม โอโซน แก๊สโซลีน และนาํ มนั ยางจะชาํ รดุ เสยี หายได้ ยางนยี งั ใชท้ ําท่อยาง พนื ฉนวน สายพานลําเลียง วสั ดหุ บี หอ่ พนื รองเท้า
อ้างอิง https://www.pneu- hyd.co.th/
เสนอโดย คณุ ครู ภัทรวรรณ อุทธสงิ ห์ จดั ทําโดย เดก็ ชายอมรเทพ สาํ ราญใจ ชนั ม2/2 เลขที15
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: