เล่ม 1 ความหมายและการเปรียบเทียบจำนวนเต็ม

บทเรยี นสาเรจ็ รปู หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง จ้ำนวนเตม็ ระดับชนั ม.1 เล่มท่ี 1 ความรเู้ บอ้ื งตน้ ของจานวนเต็ม นำงสำวสุนษิ ำ ค้ำแหน ตำ้ แหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย โรงเรียนนำ้ ปลกี ศกึ ษำ กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร

ก คำนำ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรือ่ ง ระบบจานวนเตม็ เล่มที่ 1 เรือ่ ง ความรเู้ บ้ืองตน้ ของจานวน เต็ม จดั ทาข้ึนเพื่อประกอบการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ รายวิชา คณิตศาสตรพ์ น้ื น ค21101 สาหรบั นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซ่งึ แบบฝึกทักษะคณติ ศาสตรเ์ ล่มน้ี เปน็ การพัฒนานกั เรียนทางด้านสตปิ ญั ญา และ ด้านสงั คม โดยใหน้ ักเรยี นได้มสี ว่ นร่วมในการเรยี น หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรอื่ ง ระบบจานวนเต็ม เพือ่ แกป้ ัญหานกั เรียนท่ีขาดทกั ษะทางคณิตศาสตร์ นักเรียนสามารถฝึกฝนเพมิ่ เตมิ ทาให้นักเรยี นมคี วามเขา้ ใจ ในเร่ืองระบบจานวนเตม็ มากข้ึน เกิดทกั ษะในการคานวณ เพื่อช่วยในการตัดสินใจและแก้ปัญหา ฝึกการ ทางานอยา่ งเป็นระบบ มีระเบยี บวินยั รอบคอบ มีความรบั ผิดชอบ รวมทั้งเพ่ือตอบสนองความแตกต่าง ระหว่างบุคคล กระตุ้นให้นักเรยี นมีเจตคตทิ ดี่ ีตอ่ วิชาคณิตศาสตร์ ตระหนักและเหน็ คณุ ค่าของการเรยี น อัน จะนาไปสู่การบรรลุผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั ของหลักสตู รคณติ ศาสตร์ ซึง่ ไดจ้ ัดทาแบบฝกึ ทักษะคณิตศาสตร์ จานวน 5 เล่ม คือ เล่มท่ี 1 ความรูเ้ บ้ืองตน้ ของจานวนเตม็ เล่มที่ 2 การบวกจานวนเตม็ เลม่ ที่ 3 การลบจานวนเต็ม เล่มท่ี 4 การคูณจานวนเต็ม เลม่ ที่ 5 การหารจานวนเตม็ แบบฝกึ ทกั ษะเล่มน้ี เปน็ เล่มที่ 1 เร่ือง ความรเู้ บื้องตน้ ของจานวนเตม็ ซง่ึ มรี ายละเอียด เกี่ยวกบั การจาแนกจานวนเตม็ จานวนเตม็ บวก ศนู ย์ จานวนเตม็ ลบ แบบรปู ของของจานวนเตม็ การ เปรียบเทยี บจานวนเตม็ และการเรยี งลาดับจานวนเตม็ โดยเนือ้ หาในเลม่ จะประกอบดว้ ย คาแนะนา สาหรบั ครู คาแนะนาสาหรับนักเรียน มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ัด ผลการเรยี นร้ทู ่ีคาดหวงั สาระการ เรียนรู้ เน้ือหา พรอ้ มตัวอยา่ ง สาหรับนักเรยี นไดศ้ กึ ษาเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง มแี บบฝึกทกั ษะให้นักเรยี น ไดฝ้ ึกทักษะทางคณิตศาสตร์ ทาให้นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั จานวนเตม็ มากขน้ึ ผจู้ ัดทาหวังเป็นอย่างยง่ิ ว่าแบบฝึกทกั ษะ เลม่ ท่ี 1 เรอื่ ง ความรเู้ บอ้ื งต้นของจานวนเตม็ จะทาใหน้ ักเรียนเกดิ การเรียนรไู้ ดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ และเหน็ ความกา้ วหนา้ ของตนเองไดอ้ ย่างมี ระบบเกิดประโยชน์กบั นกั เรยี น สุนษิ า คาแหน 2

ข สำรบญั หนา้ 1 เร่อื ง 2 คาแนะนาในการใช้บทเรยี นสาเร็จรูปคณติ ศาสตร์ 3 คาแนะนาในการใช้บทเรยี นสาเรจ็ รปู คณติ ศาสตร์สาหรบั ครู 4 คาแนะนาในการใชบ้ ทเรยี นสาเร็จรปู คณิตศาสตร์สาหรบั นกั เรียน 6 สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ัด และจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 9 แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่ือง ความรเู้ บือ้ งตน้ ของจานวนเตม็ 12 ใบความรู้ท่ี 1.1 เร่ือง การจาแนกจานวนเตม็ 13 แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.1 เร่ือง การจาแนกจานวนเต็ม 16 ใบความร้ทู ี่ 1.2 เรอื่ ง การเปรยี บเทียบจานวนเต็ม 18 แบบฝึกทกั ษะท1ี่ .2 เร่ือง การเปรยี บเทยี บจานวนเตม็ 20 แบบทดสอบหลงั เรยี น เรอ่ื ง ความรู้เบอ้ื งตน้ ของจานวนเตม็ 21 บรรณานกุ รม ภาคผนวก 3

คำแนะนำในกำรใช้บทเรียนสำเร็จรูปคณติ ศำสตร์ 1 1. เอกสารฉบับนี้เปน็ บทเรียนสาเร็จรูปคณิตศาสตร์ เรอื่ ง ระบบจานวนเต็ม เล่มท่ี 1 เรอื่ ง ความร้เู บ้อื งต้นของจไนวนเต็ม จดั ทาข้นึ เพ่ือประกอบการจัดการเรียนการสอน รายวชิ า คณติ ศาสตรพ์ ื้นฐาน ค21101 สาหรับนกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 2. บทเรยี นสาเร็จรูปคณติ ศาสตรฉ์ บบั นี้เป็นเลม่ ที่ 1 เรอื่ ง ความรู้เบือ้ งต้นของจานวนเตม็ ประกอบด้วย 2.1 คาแนะนาในการใชบ้ ทเรยี นสาเร็จรูปคณิตศาสตร์ 2.2 คาแนะนาในการใช้บทเรียนสาเร็จรปู คณติ ศาสตรส์ าหรบั ครู 2.3 คาแนะนาในการใช้บทเรียนสาเรจ็ รูปคณติ ศาสตรส์ าหรับนักเรียน 2.4 แบบทดสอบก่อนเรยี น 2.5 ใบความรู้ 2.6 แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ 2.7 แบบทดสอบหลังเรยี น 2.8 บรรณานกุ รม 2.9 ภาคผนวก 3. บทเรียนสาเร็จรูปคณิตศาสตรเ์ ลม่ นี้ ใช้เวลาเรยี น จานวน 3 คาบเรียนตามลาดบั ดังน้ี ชัว่ โมงท่ี 1 : ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่อื ง ความรเู้ บอื้ งต้นของจานวนเตม็ ชั่วโมงท่ี 2 : ศึกษาใบความรทู้ ี่ 1.1 เรื่อง การจาแนกจานวนเต็ม ทาแบบฝกึ ทักษะท่ี 1.1 เรือ่ ง การจาแนกจานวนเตม็ ชั่วโมงท่ี 3 : ศึกษาใบความรูท้ ี่ 1.2 เรอ่ื ง การเปรยี บเทยี บจานวนเต็ม ทาแบบฝกึ ทักษะที่ 1.2 เร่ือง การเปรยี บเทยี บจานวนเตม็ ทาแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง ความรู้ เบือ้ งต้นของจานวนเตม็ 4

2 บทเรยี นสาเรจ็ รูปคณิตศาสตร์ รายวชิ าคณติ ศาสตรพ์ ื้นฐาน รหัสวิชา ค21101 หน่วย การเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง ระบบจานวนเต็ม ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ครูผสู้ อนเป็นผูท้ มี่ บี ทบาทสาคัญที่จะ ชว่ ยใหก้ ารดาเนนิ กิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์ ครูผสู้ อนจงึ ควรศึกษา รายละเอียดเก่ียวกับการ ปฏบิ ตั ติ นกอ่ นทีจ่ ะใช้แบบฝกึ ดังนี้ 1. ศึกษาบทเรียนสาเรจ็ รปู และอา่ นเน้ือหาสาระอยา่ งละเอยี ดรอบคอบพร้อมท้ังทา ความเขา้ ใจกับเนอ้ื หาทุกเล่มก่อนการใชส้ อน 2. ควรใชบ้ ทเรียนสาเร็จรูปคณิตศาสตรใ์ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนเรยี ง ตามลาดบั ของแต่ละเลม่ 3. เตรยี มบทเรียนสาเรจ็ รปู ใหค้ รบถว้ นและเพียงพอกับจานวนนกั เรียน เตรียม เครือ่ งมือวัดผลและประเมินผล เพ่อื ให้ทราบความก้าวหน้าของนกั เรียน 4. ชแ้ี จงให้นักเรยี นทราบลาดับขนั้ ตอนและวิธีสอนโดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะอยา่ งชดั เจน และประโยชน์ทีไ่ ดร้ บั จากการสอนโดยใช้บทเรียนสาเร็จรูป 5. ชีแ้ จงใหน้ กั เรียนทราบเกยี่ วกบั บทบาทของนกั เรียน ในการเรียนโดยใชบ้ ทเรยี น สาเรจ็ รูปให้เข้าใจ 6. ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี นเพ่อื ประเมนิ ความรเู้ ดมิ ของนกั เรียน 7. ดาเนินการสอนตามกจิ กรรมทกี่ าหนดไวใ้ นแผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 ถงึ 3 8. ให้นักเรยี นศึกษาเนือ้ หา และทาบทเรียนสาเร็จรปู คณติ ศาสตร์ เล่มที่ 1 แล้วเปล่ยี น กันตรวจตามเฉลย 9. สังเกตความต้ังใจของนกั เรียน ความสนใจในการเรยี น รวมถงึ คอยให้คาแนะนา นักเรียนเม่อื พบปัญหา 10. เวลาในการจัดกิจกรรมการเรยี นโดยใชบ้ ทเรยี นสาเร็จรูปของนักเรียนแตล่ ะคน อาจจะไม่เท่ากนั ครคู วรยืดหยุน่ ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ 11. ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน เพอื่ ประเมนิ ความกา้ วหน้าของนักเรยี น 5

3 บทเรยี นสาเรจ็ รูปคณิตศาสตร์ รายวชิ าคณิตศาสตร์พนื้ ฐาน รหัสวิชา ค21101 หน่วย การเรียนร้ทู ี่ 1 เร่อื ง ระบบจานวนเต็ม ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 นกั เรยี นควรปฏบิ ัติตามคาแนะนา ดังน้ี 1. อา่ นคาแนะนาในการใชบ้ ทเรียนสาเร็จรูปคณติ ศาสตรใ์ หเ้ ขา้ ใจ 2. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพ่ือประเมนิ ความรู้เดมิ 3. ศึกษาเนื้อหาและทาแบบฝึกทกั ษะคณติ ศาสตรเ์ ลม่ ที่ 1 ถา้ ทาแบบฝกึ ทักษะไมไ่ ด้ ให้ ศกึ ษาเนอ้ื หาใหม่อีกครัง้ หรอื ปรึกษาครผู สู้ อน 4. หลังจากทาแบบฝึกทกั ษะเสรจ็ แลว้ ใหส้ ่งครูเพอื่ ตรวจและบันทกึ คะแนนไว้ จากน้ัน รว่ มกนั สรุปองคค์ วามรู้ โดยครคู อยชแ้ี นะแนวทางและอธบิ ายเพ่ิมเติม 5. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน เพอื่ ประเมนิ ความกา้ วหนา้ ของตนเองจากการศกึ ษา แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เล่มท่ี 1 จบแล้ว 6. ในการทาแบบฝึกทักษะ แบบทดสอบหลังเรียน ใหน้ ักเรียนพยายามทาด้วยความ ตงั้ ใจและมีความซอ่ื สตั ยต์ อ่ ตนเองใหม้ ากที่สดุ 6

4 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ชี้วัด สาระท่ี1 จานวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวนผลทเ่ี กิดข้ึนจากการดาเนินการ สมบตั ขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้ ตวั ช้ีวดั : ค 1.1 ม.1/1 เขา้ ใจจานวนตรรกยะและความสัมพนั ธข์ องจานวนตรรก ยะและใชส้ มบตั ิของจานวนตรรกยะในการแก้ปญั หาคณิตศาสตรแ์ ละ ปญั หาในชวี ติ จรงิ สำระสำคญั จำนวนตรรกยะ จำนวนเตม็ เศษสว่ นและ ทศนิยม จำนวนเตม็ ลบ จำนวนเตม็ ศนู ย์ จำนวนเต็มบวก หรือจำนวนนบั 7

5 จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) - จาแนกจานวนเต็มบวก เต็มลบ และศนู ย์ได้ - เปรยี บเทยี บจานวนเตม็ ทก่ี าหนดใหไ้ ด้ - มคี วามรเู้ บ้อื งต้นของจานวนเตม็ ด้านทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ (P) - ให้เหตผุ ลประกอบการจาแนกจานวนเตม็ ได้ - ใช้สัญลักษณ์ทางคณติ ศาสตรใ์ นการสอื่ ความหมายถงึ การเปรียบเทียบจานวนเตม็ ได้ - ใช้ความรูเ้ บื้องตน้ ของจานวนเต็มในการทาแบบทดสอบได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - มคี วามใฝร่ ้ใู ฝ่เรยี น - มคี วามมุง่ มั่นในการทางาน - มวี นิ ยั ในการทาแบบทดสอบ 8

6 9

7 10

8 ไม่อยำกเลย ใช่ไหมล่ะ

9 12

10 13

11 14

12 จ้ำนวนเต็ม แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.1 เข้ำใจจ้ำนวนเตม็ สำระท่ี 1 จ้ำนวนและพีชคณิต มำตรฐำน ค 1.1 ม.1/1 จ้ำนวนเตม็ แบ่งได้ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ จ้ำนวนเตม็ จำ้ นวนเต็มลบ จ้ำนวนเตม็ ศูนย์ จ้ำนวนเตม็ บวก คำ้ ชีแจง 1. ให้นกั เรยี นพจิ ำรณำขอ้ ควำมตอ่ ไปนี แลว้ ทำ้ เครอื่ งหมำย √ หน้ำขอ้ ควำมทถี่ กู ตอ้ ง หรือ X หน้ำข้อควำมทผี่ ดิ ลงใน 1) จ้ำนวนเต็มบวกท่นี อ้ ยทีส่ ดุ คือ 1 2) จำ้ นวนเต็มลบท่ีนอ้ ยที่สุดคือ -1 3) ศนู ยเ์ ปน็ จ้ำนวนเต็มทีไ่ มเ่ ป็นจำ้ นวนเต็มบวกและไม่เป็นจำ้ นวนเตม็ ลบ 4) 0 เปน็ จ้ำนวนนับ 5) จำ้ นวนทอี่ ย่ทู ำงขวำจะมำกกวำ่ จ้ำนวนทีอ่ ยทู่ ำงซ้ำยเสมอ ค้ำชแี จง 2. ใหน้ ักเรยี นนำ้ จำ้ นวนทกี่ ำ้ หนดให้ตอ่ ไปนี ไปเตมิ ลงในดอกไมจ้ ำ้ นวนแตล่ ะประเภทใหถ้ กู ตอ้ ง 4 1.5 -3 21.8 1 50 17 11 2 2 -23 95 5.0 -13 0 2 5 168 -186 0.3 จำ้ นวน จำ้ นวน เต็มบวก เตม็ ลบ จ้ำนวน เต็ม

13 16

14 17

15 18

16 จ้ำนวนเตม็ แบบฝกึ ทกั ษะที่ 1.2 เปรยี บเทยี บจำ้ นวนเตม็ (1) สำระที่ 1 จ้ำนวนและพีชคณติ มำตรฐำน ค 1.1 ม.1/1 คำ้ ชแี จง 1. ใหน้ ักเรยี นใชเ้ ส้นจำ้ นวนเปรยี บเทยี บจำ้ นวนเตม็ สองจำ้ นวนตอ่ ไปนี ขอ้ ท่ี จ้ำนวนเตม็ ลงจดุ บนเส้นจำ้ นวน เปรียบเทยี บจำ้ นวนเตม็ 1) -6 และ -3 -6 อย่ทู ำงซำ้ ยของ -3 แสดงว่ำ -6 น้อยกวำ่ -3 2) 0 และ 4 0 อย่ทู ำงซ้ำยของ 4 3) 0 และ -4 แสดงว่ำ 0 น้อยกว่ำ 4 4) -7 และ -3 0 อยูท่ ำงขวำของ -4 แสดงว่ำ 0 มำกกว่ำ 4 5) 6 และ -1 -7 อย่ทู ำงซ้ำยของ -3 แสดงว่ำ -7 นอ้ ยกวำ่ -3 6 อยู่ทำงขวำของ -1 แสดงว่ำ 6 มำกกวำ่ -1 คำ้ ชีแจง 2. ให้นักเรยี นเรยี งลำ้ ดบั จำ้ นวนเตม็ ตอ่ ไปนี เรยี งลำ้ ดบั จ้ำนวนเตม็ อยำ่ ลืมสงั เกตเครอ่ื งหมำย เรยี งจำกน้อยไปหำมำก 1) -11, -8, 13, 9, 10, -4 นะคะนกั เรยี น -11, -10, -8, 4, 9, 13 2) -12, 14, 8, -13, 0, -1 -13, -12, -1, 0, 8, 14 3) 56, 85, 41, 16, 48, 55 16, 41, 48, 55, 56, 85 เรียงจำกมำกไปหำนอ้ ย 4) -41, -18, -31, -21, -50, 0 0, -18, -21, -31, -41, -50 5) 85, 16, 4, 58, -12, 35 85, 58, 35, 16, 4, -12 6) -25, -45, 20, 15, -60, 5 20, 15, 5, -25, -45, -60

17 จำ้ นวนเตม็ แบบฝกึ ทกั ษะที่ 1.2 เปรยี บเทยี บจำ้ นวนเต็ม(2) สำระท่ี 1 จ้ำนวนและพีชคณติ มำตรฐำน ค 1.1 ม.1/1 ค้ำชแี จง ใหน้ ักเรยี นเตมิ เครอ่ื งหมำย > หรอื < ลงใน เพ่ือใหป้ ระโยคตอ่ ไปนเี ปน็ จรงิ 1) 0 > -1 2) -1250 < -1205 3) -89 > -99 4) 75 > -100 5) -20 < 20 6) 25 < 52 7) 43 < 48 8) 14 > -41 9) -43 > -48 10) -10,001 > -10,100 11) 100 > -100 12) -31 > -32 13) 908 < 980 14) -2 < -1 15) -123 > -132 16) 76 > 67 17) -459 < -269 18) -356 < -355 19) 88 > -88 21) -6 < -1 20) 436 > 435 22) 56 > -1 23) 68 > -8 24) 900 > -1000 25) -1 < 0 26) 10 > -10 27) 59 > -59 28) -14,563 > -14,567 29) 888 > 0 30) -976 < -900

18 21

19 22

20 บรรณำนุกรม คณิตศาสตร์ เลม่ 1. ม.1 :สถานบันคณุ ภาพวิชาการ พว. นางสธุ ารัตน์ จุลญาติ. แบบฝกึ ทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องระบบจานวนเต็ม รายวชิ า คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน รหสั วชิ า ค21101 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 23

21 ภำคผนวก 24

16 22 25

23 สำระท่ี จำ้ นวนเต็ม เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.1 เขำ้ ใจจำ้ นวนเตม็ 1 จำ้ นวนและพชี คณิต มำตรฐำน ค 1.1 ม.1/1 จ้ำนวนเตม็ แบ่งได้ 3 ประเภท ได้แก่ จำ้ นวนเตม็ จ้ำนวนเตม็ ลบ จ้ำนวนเต็มศูนย์ จำ้ นวนเตม็ บวก ค้ำชีแจง 1. ให้นกั เรยี นพจิ ำรณำข้อควำมตอ่ ไปนี แลว้ ทำ้ เครอื่ งหมำย √ หน้ำข้อควำมทถี่ กู ตอ้ ง หรอื X หนำ้ ข้อควำมทผ่ี ดิ ลงใน √ 1) จำ้ นวนเต็มบวกที่น้อยทส่ี ดุ คือ 1 X 2) จ้ำนวนเต็มลบทนี่ อ้ ยท่สี ดุ คือ -1 (-1 คือจำ้ นวนเตม็ ลบที่มำกท่ีสดุ ) √ 3) ศนู ยเ์ ป็นจำ้ นวนเต็มที่ไม่เปน็ จ้ำนวนเต็มบวกและไมเ่ ป็นจ้ำนวนเตม็ ลบ (0 เป็นจ้ำนวนเต็มศนู ย์) X 4) 0 เปน็ จำ้ นวนนับ (ทบทวนควำมรู้: 0 ไม่ใชจ่ ้ำนวนนบั ) √ 5) จำ้ นวนทอ่ี ยู่ทำงขวำจะมำกกวำ่ จำ้ นวนทอี่ ยูท่ ำงซ้ำยเสมอ ค้ำชีแจง 2. ใหน้ ักเรยี นนำ้ จำ้ นวนท่กี ำ้ หนดใหต้ อ่ ไปนี ไปเตมิ ลงในดอกไมจ้ ำ้ นวนแตล่ ะประเภทใหถ้ กู ตอ้ ง 4 1.5 -3 21.8 1 50 17 11 2 2 -23 95 5.0 -13 0 2 5 168 -186 0.3 4 95 50 จำ้ นวน 17 -3 จ้ำนวน -13 4 95 11 2 เต็มบวก 11 เตม็ ลบ 50 17 168 5.0 -186 -23 2 จ้ำนวน 5.0 168 เตม็ -13 -3 0-186 -23

24 จำ้ นวนเตม็ เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.2 เปรยี บเทยี บจำ้ นวนเตม็ (1) สำระที่ 1 จ้ำนวนและพชี คณติ มำตรฐำน ค 1.1 ม.1/1 คำ้ ชแี จง 1. ใหน้ กั เรยี นใชเ้ สน้ จำ้ นวนเปรยี บเทยี บจำ้ นวนเตม็ สองจำ้ นวนตอ่ ไปนี ข้อที่ จ้ำนวนเตม็ ลงจดุ บนเส้นจำ้ นวน เปรียบเทยี บจำ้ นวนเตม็ 1) -6 และ -3 -6 อยู่ทำงซำ้ ยของ -3 แสดงวำ่ -6 นอ้ ยกวำ่ -3 -7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7 0 อยู่ทำงซ้ำยของ 4 2) 0 และ 4 แสดงวำ่ 0 นอ้ ยกวำ่ 4 -7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7 0 อยทู่ ำงขวำของ -4 แสดงวำ่ 0 มำกกวำ่ 4 3) 0 และ -4 -7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7 4) -7 และ -3 -7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7 -7 อยู่ทำงซำ้ ยของ -3 แสดงว่ำ -7 นอ้ ยกว่ำ -3 5) 6 และ -1 6 อยทู่ ำงขวำของ -1 -7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7 แสดงวำ่ 6 มำกกว่ำ -1 คำ้ ชีแจง 2. ใหน้ กั เรยี นเรยี งลำ้ ดบั จำ้ นวนเตม็ ตอ่ ไปนี เรียงล้ำดบั จำ้ นวนเตม็ อยำ่ ลืมสงั เกตเครอื่ งหมำย เรียงจำกนอ้ ยไปหำมำก 1) -11, -8, 13, 9, 10, -4 นะคะนักเรยี น -11, -8, -4, 9, 10, 13 2) -12, 14, 8, -13, 0, -1 -13, -12, -1, 0, 8, 14 3) 56, 85, 41, 16, 48, 55 16, 41, 48, 55, 56, 85 เรยี งจำกมำกไปหำน้อย 4) -41, -18, -31, -21, -50, 0 0, -18, -21, -31, -41, -50 5) 85, 16, 4, 58, -12, 35 85, 58, 35, 16, 4, -12 6) -25, -45, 20, 15, -60, 5 20, 15, 5, -25, -45, -60

25 จำ้ นวนเต็ม เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.2 เปรยี บเทยี บจำ้ นวนเตม็ (2) สำระท่ี 1 จ้ำนวนและพีชคณิต มำตรฐำน ค 1.1 ม.1/1 ค้ำชีแจง ให้นักเรยี นเตมิ เครอื่ งหมำย > หรือ < ลงใน เพื่อใหป้ ระโยคตอ่ ไปนเี ปน็ จรงิ 1) 0 > -1 2) -1250 < -1205 3) -89 > -99 4) 75 > -100 5) -20 < 20 6) 25 < 52 7) 43 < 48 8) 14 > -41 9) -43 > -48 10) -10,001 > -10,100 11) 100 > -100 12) -31 > -32 13) 908 < 980 14) -2 < -1 15) -123 > -132 16) 76 > 67 17) -459 < -269 18) -356 < -355 19) 88 > -88 20) 436 > 435 21) -6 < -1 22) 56 > -1 24) 900 23) 68 > -8 > -1000 25) -1 < 0 26) 10 > -10 27) 59 > -59 28) -14,563 > -14,567 29) 888 > 0 30) -976 < -900

26 29

30