Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนหลักการถ่ายภาพดิจิตอล 3308-2003

แผนการสอนหลักการถ่ายภาพดิจิตอล 3308-2003

Published by wunchai007, 2017-06-18 02:26:06

Description: จัดทำโดย ครูวันชัย พวงลัดดาวัลย์

Search

Read the Text Version

ฤฟผผแผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ า หลกั การถ่ายภาพดิจิตอล รหสั วชิ า 3308-2003 หลกั สูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง พุทธศักราช 2546 จดั ทาโดย นายวนั ชัย พวงลดั ดาวลั ย์แผนกวชิ าศิลปกรรม/สาขาคอมพวิ เตอร์กราฟิ ก สาขางานคอมพวิ เตอร์กราฟิ กอาร์ต วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาอุตรดติ ถ์ สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

การพจิ ารณาแผนการจดั การเรียนรู้ ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2556 ความเห็นหวั หน้าแผนก……………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................... (นายวนั ชยั พวงลดั ดาวลั ย)์ ................../....................../................ ผลการพจิ ารณา……………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.......................................................................... (นางวไิ ลรัตน์ แสงวณิช) รองผู้อานวยการฝ่ ายวิชาการ ................../....................../................ อนุมตั ิ ................................................................................... ................................................................................. ลงช่ือ ................................................................ (นางสาวสุกัญญา ไทยมานะ) ผู้อานวยการวิทยาลยั อาชีวศึกษาอุตรดติ ถ์

คานา แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาหลักการถ่ายภาพดิจิตอล รหัสวิชา 3308-2003 มีเน้ือหาตรงตามจุดประสงคแ์ ละคาอธิบายรายวชิ า หลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้ันสูง (ปวส.) พุทธศกั ราช 2546 ของสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงจดั เป็ นวิชาชีพสาขางานโดยจดั ให้ผเู้ รียนศกึ ษาในสาขางานคอมพวิ เตอร์กราฟิกอาร์ต แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ า หลกั การถ่ายภาพดิจิตอล รหสั วชิ า 3308-2003 แบ่งออกเป็น 6 หน่วยดงั น้ี1. ส่วนประกอบและการทางานของกลอ้ งถ่ายภาพ การบารุงรกั ษาเคร่ืองมืออุปกรณ์การถ่ายภาพ2. หลกั การถ่ายภาพ3. แสงเพอ่ื การถ่ายภาพ4. เทคนิคการจดั องคป์ ระกอบของภาพถ่าย5. เทคนิคการถ่ายภาพประเภทตา่ งๆ6. การตกแต่งภาพถ่าย และการพมิ พภ์ าพ ผเู้ รียนสามารถนาความรู้ไปประกอบอาชีพการถ่ายภาพ การนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไปไดป้ ลูกจิตสานึกและจรรยาบรรณของการเป็นช่างภาพ กิจกรรมการเรียนการสอนเป็ นการจดั กิจกรรมการสอนแบบฐานสมรรถนะอาชีพ และบูรณาการกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ครูผูส้ อนพยายามอยา่ งย่งิ ท่ีจะให้แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าการถ่ายภาพ เป็ นแผนการจดั การเรียนรู้ที่มีความสมบรู ณ์ท่ีสุด เอ้ืออานวยประโยชน์ตอ่ การเรียนการสอน ......................................................... (นายวนั ชยั พวงลดั ดาวลั ย)์ ตาแหน่งครูวทิ ยฐานะชานาญการพเิ ศษ

รายละเอยี ดรายวิชา หลกั สูตร ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง พทุ ธศกั ราช 2546 ประเภทวชิ า ศลิ ปกรรม สาขางานคอมพวิ เตอร์กราฟิกอาร์ต รหัสวิชา 3308-2003 ชื่อวิชา หลกั การถ่ายภาพดิจติ อล จานวน 3 หน่วยกติ 3 ช่ัวโมง/สัปดาห์จดุ ประสงค์รายวชิ า1. เพอ่ื ให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจกระบวนการถ่ายภาพระบบดิจิตอล2. เพอื่ ใหเ้ กิดทกั ษะการถ่ายภาพระบบดิจิตอล3. เพอื่ ให้เกิดความ ความรู้ใหม่อยเู่ สมอมาตรฐานรายวชิ า มีความรูค้ วามเขา้ ใจ ปฏิบตั ไิ ดจ้ ริง(Solid Knowledge &Practical)ในการใชค้ อมพวิ เตอร์ เคร่ืองมืออุปกรณ์กลอ้ งดิจติ อล ถ่ายภาพประเภทตา่ ง ๆ มีความเช่ียวชาญ (High Performance Standard) ในการถ่ายภาพ สามารถนาไปใชไ้ ดจ้ ริงในชีวติ มีความขยนั อดทน ตรงต่อเวลา และรับผดิ ชอบคาอธบิ ายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบตั กิ ารถ่ายภาพ การจดั แสง การใชก้ ลอ้ ง การใชเ้ ครื่องมือในการพมิ พภ์ าพ การแกไ้ ขปัญหาขอ้ บกพร่อง การบารุงรกั ษาเครื่องมืออุปกรณ์ตา่ ง ๆ ของระบบการถ่ายภาพแบบดิจติ อล

ตารางวเิ คราะห์หลกั สูตร รหัสวชิ า 2301-3104 ชื่อวิชา หลักการถ่ายภาพดจิ ติ อล 3(3) ช้ัน ปวส. ปี ท่ี 1 สาขาวชิ า/กล่มุ วชิ า คอมพิวเตอร์กราฟิ ก แผนกวชิ าศิลปกรรม พทุ ธิพสิ ยั ความ ู้รพฤตกิ รรม ความเข้าใจ การนาไปใช้ วิเคราะ ์ห ัสงเคราะ ์ห ประเ ิมน ่คา จิตพิ ัสย ทักษะพิ ัสย (.......%) รวม ลาดับความสาคัญ จานวนคาบช่ือหน่วย1. ส่วนประกอบและการทางานของ 8 9 8 0 0 0 3 8 36 6กลอ้ งถา่ ยภาพ การบารุงรกั ษาเคร่ืองมืออุปกรณ์การถ่ายภาพ2. หลกั การถ่ายภาพ 8 8 8 5 0 3 3 9 44 53. แสงเพอ่ื การถ่ายภาพ 8 9 8 5 0 3 3 9 45 44. เทคนิคการจดั องคป์ ระกอบของ 7 8 9 7 0 5 3 9 48 3ภาพถ่าย5. เทคนิคการถ่ายภาพประเภทตา่ งๆ 7 9 9 7 7 6 3 9 57 16. การตกแตง่ ภาพถ่าย และการพมิ พ์ 7 8 9 6 5 5 3 9 52 2ภาพรวม 45 51 51 30 12 22 36 53 282 ลาดับความสาคญั 42368 7 5 1

การวเิ คราะห์หน่วยการเรียนรู้และสมรรถนะรายวชิ า รหัสวิชา 3302-2003 ช่ือวชิ า เทคโนโลยีการถ่ายภาพ จานวน 3 หน่วยกิต3 ช่ัวโมง/สัปดาห์หน่วยที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ สมรรถนะรายวชิ า ส่วนประกอบและการทางานของกลอ้ ง 1.1 ถ่ายภาพ การบารุงรกั ษาเครื่องมืออุปกรณ์ 2. 3. การถ่ายภาพ 4. 5.2 หลกั การถ่ายภาพ 6.3 แสงเพอ่ื การถ่ายภาพ4 เทคนิคการจดั องคป์ ระกอบของภาพถ่าย5 เทคนิคการถ่ายภาพประเภทต่างๆ6 การตกแตง่ ภาพถ่าย และการพมิ พภ์ าพ

ตารางที่ 2 วิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ หัวข้อการเรียนรู้และเวลาจัดการเรียนรู้รหัสวิชา3302-2003ช่ือวชิ าเทคโนโลยีการถ่ายภาพจานวน3หน่วยกติ 3ชั่วโมง/สัปดาห์ เวลาจดั การเรียนรู้คร้ังท่ี หน่วยที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้/หัวข้อการเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏิบตั ิ รวม (ชม.)11 ประวัติ ความหมาย ประโยชน์การถ่ายภาพ 3-3 1. ประวตั คิ วามเป็นมาของการถ่ายภาพ 2. การเรียนรูว้ ธิ ีการทาภาพ (ประวตั ิ) 3. ความหมายของวชิ าการถ่ายภาพ 4. ประโยชนข์ องวชิ าถ่ายภาพ 5. การถ่ายภาพ กบั การสื่อความหมาย22 เรื่อง ส่ วนประกอบและการทางานของกล้อง 3 - 3 ถ่ายภาพ 1. ดวงตากบั กลอ้ งถ่ายภาพ 2. ส่วนประกอบของกลอ้ งถ่ายภาพ - ตวั กลอ้ ง - เลนส์ - ไดอะแฟรม - ชตั เตอร์ - ช่องมองภาพ - ส่วนประกอบอื่นๆ 3. อุปกรณ์ท่ใี ชก้ บั กลอ้ งถ่ายภาพ

เวลาจดั การเรียนรู้คร้ังที่ หน่วยท่ี ช่ือหน่วยการเรียนรู้/หัวข้อการเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏิบัติ รวม 33 (ชม.) 44 เร่ือง กล้องถ่ายภาพแบบต่างๆ 3-3 1. กลอ้ งบอ๊ กซ์ 2. กลอ้ งคอมแพค 3. กลอ้ งแบบมีเครื่องหาระยะ 4. กลอ้ งสะทอ้ นภาพเลนสเ์ ด่ียว 3.5 มม. 5. กลอ้ งสะทอ้ นภาพเลนส์เด่ียว 120 มม. 6. กลอ้ งหนงั สือพมิ พ์ 7. กลอ้ งใหญ่ 8. กลอ้ งถ่ายภาพเพอ่ื ผลพเิ ศษบางอยา่ ง - กลอ้ งโพลาลอยส์ - กลอ้ งพาโนรามา - กลอ้ งถ่ายภาพใตน้ ้า - กลอ้ งถ่ายภาพจากกลอ้ งจลุ ทรรศน์ 9. ตารางสรุปลักษณะที่สาคญั ของกล้องถ่ายรูป ชนิดตา่ งๆ 10. การเก็บรกั ษากลอ้ งถ่ายภาพ เรื่อง เลนส์ถ่ายภาพ 3-3 1. ลกั ษณะการทางานของเลนส์ 2. คุณสมบตั ิของเลนส์ - ความยาวโฟกสั ของเลนส์ - ความเร็วของเลนส์ 3. ประเภทของเลนสถ์ ่ายภาพ - เลนส์ปกติ - เลนสม์ ุมกวา้ ง - เลนสเ์ ทเลโฟโต้ - เลนสซ์ ูม - เลนสท์ ่ีมีลกั ษณะพเิ ศษตามการใชง้ าน 4. ระบบการติดต้งั เลนส์ 5. เลนส์กบั ความชดั ลึกของววิ (depth of field)

เวลาจดั การเรียนรู้คร้ังที่ หน่วยท่ี ช่ือหน่วยการเรียนรู้/หัวข้อการเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏิบตั ิ รวม 55 (ชม.) 66 เร่ือง ฟิ ล์มถ่ายภาพ 3-3 1. กระบวนการเกิดภาพบนฟิ ลม์ ถ่ายภาพ 2. ส่วนประกอบฟิลม์ ถ่ายรูปขาว-ดา 3. ประเภทของฟิลม์ ถ่ายภาพ 4. คุณสมบตั ิของฟิลม์ ถ่ายภาพ 5. ฟิลม์ สีและคุณสมบตั ขิ องฟิลม์ สี - ลกั ษณะโครงสรา้ งของฟิลม์ สี - ความสมดุลของสี - อุณหภูมิของฟิลม์ 6. การเลือกใชฟ้ ิลม์ ถ่ายภาพ 7. สรุปวตั ถุประสงค์ท่ีใช้ฟิ ล์มตามความเร็วของ ฟิ ลม์ 8. ตารางแส ดงรายช่ื อ ฟิ ล์ม สี Negative แล ะ Positive 9. การเก็บรกั ษาฟิ ลม์ ถ่ายภาพ เร่ือง หลกั การถ่ายภาพ 123 1. ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความเร็วชตั เตอร์กบั หน้า กลอ้ ง 2. การต้งั ความเร็วชตั เตอร์และหนา้ กลอ้ ง 3. การเปล่ียนความเร็วชตั เตอร์และหนา้ กลอ้ งเพอ่ื ชดเชยแสง 4. การฉายแสงและการเคลื่อนทีข่ องวตั ถุ 5. การวดั แสงเพอ่ื การถ่ายภาพ 6. Reciprocity failure 7. วตั ถุท่จี ะถ่าย (Subjects) 8. คาแนะนาสาหรับผถู้ ่ายภาพหดั ใหม่ 9. ลักษณ ะท่าทางและการจับถือกล้องขณ ะ ถ่ายภาพ

เวลาจดั การเรียนรู้คร้ังท่ี หน่วยที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้/หัวข้อการเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏิบัติ รวม7-8 7 (ชม.)9-10 8 เรื่อง แสงเพื่อการถ่ายภาพ 336 1. ประเภทของแสงทใ่ี ชใ้ นการถ่ายภาพ 2. อุณหภูมิกบั แหล่งกาเนิดแสง 3. ลกั ษณะของแสงธรรมชาติ 4. การจดั แสงในการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) 5. ข้นั ในการจดั แสงเพอ่ื ถ่ายภาพ 6. การถ่ายภาพดว้ ยแสงแฟลช - ส่วนประกอบของแฟลช - ชนิดของแฟลช - การต้งั หนา้ กลอ้ งหรือรูรับแสงเมื่อใชแ้ ฟลช - การใชแ้ ฟลชในระบบอตั โนมตั ิ - เทคนิคการถ่ายภาพดว้ ยแสงแฟลช - เทคนิคการถ่ายภาพดว้ ยไฟแฟลชสตดู ิโอ เรื่อง เทคนิคการจดั องค์ประกอบ 336 1. คาจากดั ความ “การจดั องคป์ ระกอบของภาพ” 2. หนา้ ทีข่ อง “การจดั องคป์ ระกอบ 3. หลกั เกณฑใ์ นการจดั องคป์ ระกอบของภาพ

เวลาจัดการเรียนรู้คร้ังท่ี หน่วยที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้/หัวข้อการเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ รวม11-14 9 (ชม.)15-17 10 เร่ือง เทคนิคการถ่ายภาพประเภทต่างๆ 4 8 12 1. เทคนิคการถ่ายภาพววิ ทวิ ทศั น์ 2. เทคนิคการถ่ายภาพสตั วเ์ ล้ียงและสตั วป์ ่ า 3. เทคนิคการถ่ายภาพดอกไม้ 4. เทคนิคการถ่ายภาพบุคคล 5. เท ค นิ ค ก า ร ถ่ า ย ภ า พ สิ่ ง ก่ อ ส ร้ า ง ห รื อ สถาปัตยกรรม 6. เทคนิคการถ่ายภาพวตั ถุนิ่ง 7. เทคนิคการถ่ายภาพในสภาพแสงนอ้ ย 8. เทคนิคการถ่ายภาพบนจอโทรทศั น์ 9. เทคนิคการถ่ายภาพพาโนรามา 10. การถ่ายภาพใกลแ้ ละภาพขยายส่วน 11. การถ่ายภาพลอกแบบและการสาเนา เรื่อง การใช้ฟิ ลเตอร์ในการถ่ายภาพ 369 1. ฟิลเตอร์ (Filter) คืออะไร 2. หลกั การทางานของฟิลเตอร์ 3. กฎของการปล่อยใหผ้ า่ นและการดูดกลืนแสง 4. ค่าแฟคเตอร์ของฟิลเตอร์ (Filter factors) 5. ฟิลเตอร์สาหรับถ่ายภาพขาว-ดา 6. ฟิลเตอร์สาหรับถ่ายภาพสี 7. ฟิลเตอร์สาหรับถ่ายภาพเพอื่ ผลพเิ ศษ18 สอบปลายภาพ 123 รวม 30 26 56

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี1 สัปดาห์ท1ี่ รหัส3302-2003วชิ า เทคโนโลยกี ารถ่ายภาพ หน่วยท่ี 1 ชื่อหน่วย ประวัติ ความหมาย ประโยชน์ของการถ่ายภาพ ช่ัวโมงรวม3ชื่อเร่ืองประวตั ิ ความหมาย ประโยชน์ของการถ่ายภาพ1. สาระสาคญัการถ่ายภาพเป็นทกั ษะท่ตี อ้ งศึกษาหาความรูจ้ ากเอกสารตารามากมายพร้อมกบั การลงมือปฏบิ ตั จิ ริงโดยการฝึกฝนการถ่ายภาพ กลอ้ งถ่ายภาพเป็ นอุปกรณ์สาหรับบนั ทึกภาพ มีรูปแบบตา่ งๆ ตามลกั ษณะการใช้งาน โดยมีววิ ฒั นาการอยา่ งต่อเน่ือง จนถึงยคุ ของเทคโนโลยสี มยั ใหม่ ที่เรียกวา่ กลอ้ งดิจิตอล ที่มีการบนั ทึกภาพ ประมวลผลภาพบนหน่วยความจา แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม การถา่ ยภาพเป็ นการส่ือความหมายแทนคาพดู ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี การเรียนรูเ้ รื่องการถ่ายภาพจึงมีความจาเป็ นตอ่ การนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดน้ านบั ประการ2. สมรรถนะประจาหน่วย สรา้ งแนวคดิ ตามหลกั ทฤษฎีของการถ่ายภาพไดถ้ ูกตอ้ ง3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 จดุ ประสงค์ทั่วไป เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจประวตั คิ วามเป็ นมาของการถ่ายภาพ ความหมาย และประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการถ่ายภาพ3.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. บอกวธิ ีการถ่ายภาพของคาร์แกโรไทพ์ และคาโลไทพไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง 2. บอกวธิ ีการถ่ายภาพดว้ ยการใชเ้ พลทเปี ยกและเพลทแหง้ ไดถ้ ูกตอ้ ง 3. อธิบายความหมายของวชิ าการถ่ายภาพได้ 4. บอกประโยชนข์ องการเรียนรู้วชิ าการถ่ายภาพได้ 5. ปฏบิ ตั กิ ารศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลของการถ่ายภาพในอดีตของประเทศไทยได้ 6. มีความรูค้ วามสามารถ มีความสนใจ มีความคิดสรา้ งสรรคแ์ ละเป็ นผทู้ ่ีมีความตรงต่อเวลา

4. สาระการเรียนรู้ /เนื้อหาสาระ / หัวข้อเรื่อง หน่วยท่ี 1 เรื่อง ประวตั ิ ความหมาย ประโยชน์ของการถ่ายภาพหัวข้อ - ประวตั ิ และความเป็ นมาของถ่ายภาพ - การเรียนรู้วธิ ีการทาภาพ - ความหมายของวชิ าการถ่ายภาพ - ประโยชนข์ องวชิ าการถ่ายภาพ - การถ่ายภาพกบั การส่ือความหมายประวัตคิ วามเป็ นมาของการถ่ายภาพ วิชาการถ่ายภาพมีววิ ฒั นาการมาเป็ นเวลานาน เริ่มพฒั นาจากกล้องรูเขม้ ซ่ึงมีช่ือเรียกว่า Cameraobscuraโดยระยะแรกกลอ้ งน้ีมีลกั ษณะเป็ นห้อง ซ่ึงฝาดา้ นหน่ึงเจาะรูปใหแ้ สงผา่ นเขา้ ไป ภาพจะไปปรากฏในผนงั หอ้ งดา้ นตรงขา้ มการเรียนรู้วธิ ีการทาภาพ ในปี ค.ศ. 1839 ไดเ้ กิดกรรมวธิ ีในการถ่ายภาพข้นั พ้ืนฐาน 2 ประการซ่ึงเป็ นท่ีแพร่หลายไดแ้ ก่ ดาร์แกโรไทพ์(Daguerreotype) และ คาโลไทพ์(Calotype) กรรมวิธีท้งั 2 แบบน้ีไดผ้ ลเป็ นที่น่าพอใจ โดยมีวธิ ีการทาภาพแบบง่ายๆ อยา่ งรวดเร็วและถูกตอ้ ง โดยไม่ตอ้ งอาศยั ทกั ษะทางศิลปะ กลอ้ ง obscuraน้ี ในระยะแรกใชฉ้ ากรบั ภาพเป็นกระจกโปร่งแสงตดิ อยทู่ ผ่ี นังดา้ นตรงขา้ มเลนส์ จึงสามารถเห็นภาพปรากฏจากภายนอก ระยะต่อมาได้ใช้กระจกสะทอ้ นภาพข้ึนสู่ด้านบนของกลอ้ งซ่ึงมีกระจกรับภาพอยดู่ า้ นบน ผู้ถ่ายภาพสามารถถ่ายทอดภาพโดยการร่างภาพข้ึนสู่ด้านบนของกล้องซ่ึงมีกระจกรับภาพอยดู่ ้านบน ผู้ถ่ายภาพสามารถถ่ายทอดภาพโดยการร่างภาพตามภาพที่ปรากฏบนฉาก ส่วนขนาดของกลอ้ งน้ัน ระยะแรกมีขนาดใหญ่ที่คนสามารถเขา้ ไปอยไู่ ด้ แต่ในระยะหลงั กล้องมีขนาดเล็กลง อยา่ งไรก็ตามการเคลื่อนยา้ ยกลอ้ งขนาดใหญ่ทาไดไ้ ม่คล่องตวั ต่อมาในปี ค.ศ. 1800 ได้มีววิ ฒั นาการกลอ้ งถ่ายภาพให้มีขนาดเล็กลงสามารถนาตดิ ตวั ไปไดง้ า่ ยและ Girolamocardanoไดต้ ิดต้งั เลนสไ์ วท้ ่รี ูรบั แสง ทาใหไ้ ดภ้ าพคมชดั เจนข้ึน Tom Wedgwood (ค.ศ. 1771-1805) ซ่ึงเป็ นบุตรของช่างป้ันหมอ้ ชาวองั กฤษท่ีมีช่ือเสียง ไดพ้ ยายามคิดคน้ วธิ ีบนั ทึกภาพดว้ ยสารเคมีเป็ นคร้งั แรก โดยใชก้ ระดาษสีขาวหรือหนงั สีขาวเคลือบไวด้ ว้ ยสารละลายของเงินไนเตรต เมื่อเกบ็ ไวใ้ นท่ีมืดจะไม่มีการเปล่ียนแปลงใดๆ แต่เม่ือถูกแสงเวลากลางวนั มนั จะเปล่ียนสีอยา่ งรวดเร็วเป็ นสีเทาและสีน้าตาล เงาของวตั ถุทีผ่ า่ นไปถึงกระดาษส่วนน้ันก็ยงั คงมีสีขาวอยู่ ส่วนอื่นๆ จะกลายเป็ นสีดา ดงั น้นั เม่ือวางวตั ถุแบนราบเช่น เหรียญ กุญแจ หรือใบไมบ้ นผวิ หนา้ ของกระดาษที่เตรียมไว้และนาไปรบั แสงอาทิตย์ ส่วนที่อยภู่ ายนอกรอบๆ วตั ถุจะกลายเป็ นสีดา และส่วนท่ียงั แสงเป็ นสีขาว ดงั น้นั

เมื่อนาวตั ถุออกก็จะไดภ้ าพโครงร่างของวตั ถุน้ันๆ ท่ีเรียกว่า “Profiles” หลงั จากน้นั เล็กน้อยส่วนของสีขาวจะเริ่มมืดดาจนกลายเป็นสีดาสนิทท้งั แผน่ ต่อมา Tom ไดต้ พี มิ พผ์ ลงานของเขาไวใ้ นหนงั สือ “Journal of theRoyal Institution” ภาพที่ 1. 1 กลอ้ งรูเขม็ สมยั แรกเร่ิม ในปี ค.ศ. 1819 นักวิทยาศาสตร์ช่ือ Sir. John Herschel พบว่า ถา้ ใชโ้ ซเดียมไทโอซัลเฟต(Sodiumtiosulphate) หรือ ไฮโป (Hypo) มาทาปฏิกิริยากบั กระดาษไวแ้ สงสามารถทาใหเ้ กิดภาพถาวรได้ ต่อมาไดม้ ีนกั ประดิษฐส์ มคั รเล่นผหู้ น่ึงช่ือเนียพซ(์ Niepce) ซ่ึงอาศยั อยทู่ ี่เมืองเล็กๆ ใกลเ้ มือง Dijon ประเทศฝร่ังเศส ได้ทดลองลกั ษณะเดียวกบั Tom Wedgwood โดยตวั เขาเองก็ไม่ทราบ ในปี ค.ศ. 1816 เนียพซ์ไดค้ น้ พบกรรมวธิ ีในการสร้างภาพและใหช้ ื่อวา่ Heliography โดยใช้ asphaltฉาบบนแผน่ ดีบุกผสมตะกวั่ (pewter plate) แลว้ นาไปฉายแสง หลงั จากน้นั จึงนาไปลา้ งในน้ามนั lavenderบริเวณใดทแี่ สงทาปฏกิ ิริยากบั จะละลายออก ทาให้เกิดภาพบน plate เขาใชเ้ ทคนิคน้ีในการทาภาพแกะสลกัในปี ค.ศ. 1826 เขาประสบผลสาเร็จในการถ่ายภาพหนา้ โรงนาของเขาดาร์แกโรไทพ์(Daguerreotype) ขณะท่ีเนียพซ์กาลงั ประสบความสาเร็จในเทคนิคใหม่ เขากไ็ ดย้ นิ เร่ืองการทดลองในทานองเดียวกนัซ่ึงทดลองโดย ดาร์แก (Louis Jacques Mande Daguerre) ในกรุงปารีส เนียพซ์ได้เดินทางไปพบกับดาร์แกและทางานทดลองร่วมกนั ในปี ค.ศ. 1828 ดาร์แกเป็ นนักแสดง ได้เปิ ดการแสดงในโรงละครแห่งหน่ึงในกรุงปารีสโดยไม่ใช้ตวั แสดง แต่จดั เป็ นฉากแบบไดโอรามา (diorama) โดยวาดรูปววิ ทิวทศั น์สองดา้ นบนม่านหลงั เวทีขนาด 72*42 ฟตุ เช่นภาพหุบเขาในสวิสเซอร์แลนด์ก่อนและหลงั หิมะตก ภาพเวลากลางวนั และกลางคืน ภาพท่าเรือ ภาพโบสถ์

ในยามสนธยาและเท่ียงคืน ภาพแสดงเหล่าน้ีพยายามวาดให้เหมือนจริงมากท่ีสุด โดยสเก็ซภาพดว้ ยกลอ้ งobscuraหลงั จากดาร์แกไดร้ ่วมงานกบั เนียพซ์ไม่นาน เนียพซเ์ สียชีวติ ดาร์แกจงึ ดาเนินงานเพยี งคนเดียว ในปี ค.ศ. 1839-1889 ดาร์แกได้ประกาศเทคนิคท่ีค้นพบใหม่ โดยใช้ชื่อว่า ดาร์แกโรไทพ์(Daguerreotype) กรรมวธิ ีดาร์แกโรท์ ใชแ้ ผ่นsilvered copper plate ขดั ดว้ ยหนงั ให้มนั วางไวด้ า้ นบนของกล่องบรรจุดว้ ยเกล็ด iodine เล็กนอ้ ย ไอระเหยจาก iodine จะทาปฏิกิริยากบั แผ่นเงิน และฟอร์มเป็ น silver iodide ซ่ึงมีความไวตอ่ แสงมาก plate จะถูกนาไปฉายแสงในกลอ้ งประมาณ 20นาที แต่ยงั มองไม่เห็นภาพ (ปัจจุบันเราเรียกภาพแฝงที่ยงั มองไม่เห็นบน plate นีว้ ่า “latent image”) เม่ือนา Plate ไปวางเหนือปรอทแล้วให้ความร้อนจนปรอทมีอุณหภมู ิถึง 75 องศาเซลเซียส ภาพจะเกิดข้นึ บน plate อยา่ งต่อเน่ืองตามสดั ส่วนปริมาณของแสงท่ีได้รับ ต่อจากน้ัน plate จะถูกนาไปลา้ งในสารละลาย Thiosulphate of sodium ซ่ึงเป็ นท่ีรู้จดั กันดีในสมยั ของ Daguerre ว่า “Hyposulfite of soda” จุดมุ่งหมายเพ่ือทาให้สาร silver salt ที่ยงั ไม่ถูกแสงหลุดไปเมื่อนาไปถูกแสงอีกคร้ังก็จะไม่ทาปฏิกิริยากบั แสงน้ัน จากน้ันนา plate ไปลา้ งในน้าและทาให้แห้ง แต่เนื่องจากผิวหน้าท่ีเกิดภาพบอบบางอาจเกิดรอยขีดข่วนได้ จงึ ตอ้ งใชก้ ระจกปิ ดดา้ นหน้าไว้ กรรมวธิ ีดาร์แกโรไทพ์ ไม่สะดวกนกั เน่ืองจากมีปัญหาเก่ียวกบั ระยะเวลาท่ีใชฉ้ ายแสงตอ้ งใชเ้ วลานานมาก โดยเฉพาะการถ่ายภาพบุคคลไม่สามารถอยนู่ ิ่งไดน้ านตามที่ตอ้ งการ แต่เทคนิคน้ีก็ยงั เป็ นท่ีนิยมกนั แพร่หลายในสมยั น้ันมาก ดาร์แกได้เขียนหนังสือความยาว 76 หน้า เพ่ืออธิบายกรรมวิธีน้ีไว้ในหนังสือ “History andDescription of the Process Called the Daguerreotype” ซ่ึงไดร้ ับการสนใจมาก และไดร้ ับเกียรติใหต้ ีพมิ พถ์ ึง5 ภาษา ภาพที่ 1. 2 กลอ้ ง Obcura

ภาพท่ี 1. 3การถ่ายภาพดว้ ยเพลทเปี ยก ตามกรรมวธิ ี Collodionประมาณปี ค.ศ. 1860คาโลไทพ์(Dalotype) ในปี ค.ศ. 1839 รัฐบาลฝรั่งเศสไดป้ ระกาศว่ามีการคน้ พบส่ิงประดิษฐ์ของดาร์แก ขณะเดียวกันWilliam Henry Fox Talbot นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษไดเ้ สนอผลการคน้ ควา้ ของเขาในประเทศองั กฤษเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1839 และตีพมิ พร์ ายละเอียดท้งั หมดในเดือนต่อมา Talbot ใชก้ ระดาษซ่ึงเคลือบด้วยสารเงินคลอไรด์(Silver Cholride) ในการบันทึกภาพด้วยกล้อง obscuraและคงภาพ (fix) น้ันไวโ้ ดยแช่กระดาษที่ฉายแสงแล้วในสารละลายเขม้ ข้นของ Common salt ซิลเวอร์คอลไรด์จะมีลักษณะคงท่ีไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อถูกแสง ต่อมา Talbot ใช้วิธีแช่กระดาษให้อิ่มตัวในน้ ายาโซเดียมคลอไรด์(SodiumChloride) ผสมกบั โปแตสเซียมโบรไมด์ ภาพที่ไดบ้ นกระดาษไวแสงจะเป็ นภาพตรงกนั ขา้ มกบั ของจริง เขาจึงนาภาพเนกาตีฟ(Negative) ท่ีไดม้ าวางบนกระดาษไวแสงแผน่ ใหม่อดั ภาพไดเ้ ป็ นจานวนมาก กรรมวธิ ีน้ีเขาให้ชื่อใหม่ว่า คาโลไทพ์(Calotype) หรือ Talbotypeในปี ค.ศ. 1844 Talbot ได้พิมพห์ นังสือท่ีมีเน้ือหาเกี่ยวกบั การถ่ายรูปเล่มแรกเรื่อง “The pencil of Nature” ในแต่ละเล่มตีพิมพภ์ าพแบบ Calotypeไวถ้ ึง 24ภาพ เป็ นการบนั ทึกภาพต่างๆ เช่น บนั ทึกภาพทางสถาปัตยกรรม ตวั อยา่ งทางชีววทิ ยา หนังสือทหี่ ายากและสถานทตี่ ่างๆ ในตา่ งประเทศ นอกจากน้ี Talbot ยงั ร่วมกบั คนอ่ืนๆ ทดลองถ่ายภาพโดยจดุ ประกายแสงไฟจากขดลวดทม่ี ี Voltageสูงเป็นยคุ เริ่มตน้ ถ่ายภาพดว้ ยแสงไฟหรือแสงแฟลชคอลโลเดียน(Collodion) ในปี 1851 Frederich Scott Archer ไดค้ น้ พบกรรมวธิ ีใหม่ในรูปของเพลทเปี ยก (wet plate) โดยใช้collodionซ่ึงเป็นสารละลายเหนียวๆ ของยางฝ้ายในแอลกอฮอล์ และ ether ผสมกบั iodine แลว้ เทใส่บนแผน่

กระจก จุ่มแผน่ กระจกน้ีลงในสารละลาย Silver nitrate นาแผ่นกระจกท่ไี ดบ้ รรจุเขา้ กลอ้ งก่อนท่ีมนั จะแหง้นาไปฉายแสงแลว้ นากระจกลา้ งในกรด pysogallic acid เทคนคน้ีต่อมาไปใชแ้ ทนกรรมวธิ ี ดาร์แกโรไทพ์และคาโลไทพ์ แตอ่ ุปสรรคในการสรา้ งภาพดว้ ยวิธีน้ีกค็ อื จะตอ้ งมีเตน้ ทเ์ พอ่ื ใชเ้ ป็นหอ้ งมืด ตอ้ งนาเครื่องมือและอุปกรณ์ตา่ งๆ ติดตวั ไปดว้ ย ทาใหไ้ ม่สะดวกแก่ช่างภาพในการออกไปถ่ายภาพภายนอกสถานที่เพลทแห้งและฟิ ล์ม (Dry plate and Films) Richard Leach Maddox นักฟิ สิกส์ชาวอังกฤษได้ค้นพบเจลาติน (galatio) นามาใช้แทนที่สารCoolodionเพลทแบบใหม่น้ีจะเคลือบดว้ ยเจลาตินโบรไมด์(gelation bromide) ซ่ึงมีความไวแสงมากกว่าเพลทเปี ยกสามารถฉายแสงภายในเวลาท่ีเป็ นเศษส่วนของวินาทีเท่าน้ัน ช่างภาพจึงง่ายข้ึนอย่างมาก มีโรงงานเริ่มทาเพลทแห้งออกจาหน่าย ช่างภาพหนั มายอมรับเพลทท่เี ตรียมดว้ ยวธิ ีใหม่ แผ่นกระจกท่ีใช้เป็ นฐาน (base) มาแต่เดิมมีขนาดใหญ่ แตกง่ายและราคาแพง Georage Eastmanพนกั งานธนาคารในเมือง Rochester, New York ไดผ้ ลิตเพลทออกมาจาหน่ายและต้งั บริษทั ในปี 1880 เขาพยามยามหาวธิ ีทาสารไวแสงใหใ้ นลกั ษณะเป็นมว้ น (roll) เพอื่ ใหป้ ระหยดั เน้ือที่ เขาปรับปรุงโดยฉาบเยอ่ื ไวแสงเลาติน(gelatin emulsion) บนมว้ นกระดาษ เขาเรียกวสั ดุน้ีว่า “American film” และไดอ้ อกแบบกลอ้ งบ๊อกซ์(Box) แบบง่าย ให้ช่ือวา่ “Kodak” ซ่ึงบรรจุฟิ ลม์ ไว้ emulsion บนวสั ดุโปร่งใสท่ีทาดว้ ย nitro-celluloseไดส้ าเร็จ นบั เป็ นกา้ วสาคญั ของการผลิตฟิ ลม์ ในสมยั ตอ่ ๆ มาความหมายของ “วิชาการถ่ายภาพ” วชิ าการถ่ายภาพ ตรงกบั ภาษาองั กฤษวา่ “Photography” ซ่ึงยอ่ มาจากภาษากรีกว่า “phos” แปลว่า“แสงสวา่ ง” และ “Graphein” แปลวา่ “เขียน” ดงั น้ันเมื่อรวมคา 2 คาน้ีเขา้ ดว้ ยกนั จึงมีความหมายว่า “เขียนดว้ ยแสงสวา่ ง” แต่ในความหมายของวชิ าถ่ายภาพในปัจจุบนั น้ีหมายถึงวิชาที่วา่ ดว้ ยการทาภาพใหเ้ กิดข้ึนโดยใช้แสงสว่างมากระทบกบั วสั ดุไวแสง การทาภาพและสร้างภาพในท่ีน้ีครอบคลุมเน้ือหาไปถึงการถ่ายรูป การลา้ งฟิลม์ และการอดั ขยายภาพ และกระบวนการอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกนั กล่าวโดยสรุป วชิ าการถ่ายรูปกค็ ือ ความรูท้ ่ีวา่ ดว้ ยกระบวนการ (process) แห่งการทารูปโดยอาศยัแสงสวา่ งเขา้ ช่วย ดงั น้นั ในการทจ่ี ะสรา้ งภาพถ่ายข้ึนมา จงึ จาเป็ นตอ้ งมีองคป์ ระกอบพ้นื ฐาน 2 ประการ คือ มกี ลอ้ งถ่ายรูป ฟิ ลม์ ถ่ายรูปหรือวสั ดุไวแสง แสงในการถ่ายภาพประโยชน์ของวชิ าการถ่ายภาพ ปัจจุบนั ภาพถ่ายได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างมากมายในชีวิตประจาวนั ของมนุษย์ ท้งั น้ีเน่ืองจากเทคโนโลยที างดา้ นการถ่ายภาพไดก้ า้ วหนา้ ไปอยา่ งมากมายในระยะไม่ก่ีสิบปี มาน้ี โดยบริษทั ผผู้ ลิตกลอ้ งได้พยายามออกแบบกลอ้ งให้มีวิธีใชง้ ่าย มีระบบอตั โนมัติหรือก่ึงอตั โนมตั ิช่วยให้ถ่ายภาพได้ดีและง่ายข้ึนประกอบกบั ววิ ฒั นาการทางดา้ นฟิ ลม์ และอุปกรณ์การถ่ายภาพกา้ วหนา้ ไปอยา่ งรวดเร็ว เราจึงเห็นภาพถ่ายมีปรากฏอยทู่ ว่ั ไป ท้งั ในบา้ นเรือน ตามทอ้ งถนน ในสถานท่ีทางาน โดยไดน้ าเอาภาพถ่ายไปใชป้ ระโยชน์ใน

วงการต่างๆ อยา่ งมากมาย เช่น ในวงการศึกษา สื่อมวลชนประเภทหนงั สือพิมพแ์ ละสิ่งพิมพต์ า่ งๆ ในวงการโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ เป็นตน้ โดยทวั่ ๆ ไป ภาพถ่ายมีประโยชน์ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ภาพถ่ายช่วยส่ือความหมาย (Communicate) และถ่ายทอดข่าวสารไปยงั ผู้ดู ได้แก่การใช้ ภาพถ่ายเป็ นสื่อกลางในการทาความเขา้ ใจเรื่องต่างๆ เช่นใชภ้ าพถ่ายในการบอกข่าวสารทาง หนา้ หนงั สือพมิ พ์ ใชภ้ าพถ่ายส่งข่าวในรูปของโปสเตอร์ เป็ นตน้ 2. ภาพถ่ายเป็ นประโยชน์ในการศึกษาและงานทางวชิ าการ หมายถึงการใช้ภาพถ่ายช่วยในการ เรียนการสอนนนั่ เอง กล่าวคือใชภ้ าพประกอบการสอน การบรรยาย แทนท่ีจะใชก้ ารบรรยาย อยา่ งเดียวเพราะคาพูดหรือตวั หนังสือมีลกั ษณะเป็ น นามธรรมมาก ทาใหผ้ ูเ้ รียนเขา้ ใจได้ช้า การใชภ้ าพถ่ายเขา้ มาช่วยจะช่วยเปล่ียนแปลงเน้ือหาใหอ้ ยใู่ นรูปของรูปธรรมซ่ึงผเู้ รียนสามารถ เขา้ ใจไดง้ า่ ยกวา่ 3. ภาพถ่ายเป็ นประโยชน์ในการศึกษา คน้ ควา้ วิจยั เช่น นักวิทยาศาสตร์ใช้ภาพถ่ายขยายส่วน (Macrophotography) และภาพถ่ายจากกลอ้ งจุลทรรศน์ (Microphotography) นามาศึกษาและ วจิ ยั ไดแ้ ก่ ส่วนประกอบของพืชและสตั วเ์ ล็กๆ ศึกษาเซลล์และเน้ือเยอ่ื ของพืชและสตั ว์ หรือ แมแ้ ต่ในวงการแพทย์ มีการถ่ายเอ็กซเรยล์ งบนฟิ ลม์ เพอ่ื ตรวจสุขภาพของผปู้ ่ วยถ่ายภาพอวยั วะ ภายในตวั มนุษยแ์ ละสตั ว์ โดยใชเ้ ลนส์ถ่ายรูปขนาดเล็กสอดเขา้ ไปทางปาก เป็ นตน้ ปัจจุบนั น้ี เทคโนโลยีการถ่ายภาพเจริญไปอย่างรวดเร็ว ในการสารวจสภาพต่างๆ บนพ้ืนผิวโลก นักวทิ ยาศาสตร์ใชฟ้ ิ ลม์ อินฟราเรด (Infrared) ถ่ายภาพพ้ืนผิวโลกเพ่ือศึกษาปริมาณและความ หนาแน่ของป่ าไม้ การถ่ายภาพทางดาราศาสตร์ช่วยศึกษาความเปล่ียนแปลงของกลุ่มดวงดาว ต่างๆ กลอ้ งถ่ายรูปถูกนาไปพร้อมกับมนุษยอ์ วกาศ ถ่ายภาพนากลบั มาศึกษาคน้ ควา้ เป็ นตน้ การถ่ายภาพเหล่าน้ีช่วยใหน้ กั วิทยาศาสตร์สามารถทาการศึกษาคน้ ควา้ วจิ ยั ไดถ้ ูกตอ้ ง แม่นยา กวา้ งขวางและประหยดั เวลาไดอ้ ยา่ งมากมาย 4. ภาพถ่ายเป็ นประโยชน์ในการประกอบอาชีพ ผูท้ ี่มีความรู้ทางดา้ นการถ่ายภาพดี พอสมควรก็ พอจะยดึ เป็ นอาชีพอิสระ หรือหารายไดพ้ ิเศษมาช่วยเหลือครอบครัวไดบ้ ้าง หรือทางานใน บริษทั หา้ งร้านท่ีมีธุรกิจเก่ียวกบั การถ่ายรูป ผทู้ ี่มีกลอ้ งถ่ายรูปและอุปกรณ์บางอยา่ งเพยี งพอ ก็ สามารถถ่ายรูปในงานต่างๆ เพอ่ื หารายไดเ้ ป็ นลาไพพ่ เิ ศษ 5. ภาพถ่ายใชเ้ ป็นหลกั ฐานในเอกสารสาคญั หลายชนิด เช่นบตั รประจาตวั บตั รประชาชน ใบสุทธิ ใบรบั รอง เป็นตน้ เนื่องจากรูปถ่ายช่วยอธิบายรูปพรรณสณั ฐานของบคุ คลไดอ้ ยา่ งดีและยากต่อ การปลอมแปลง บางประเทศในแถบยโุ รป เขาสร้างตูส้ าหรับถ่ายรูปไวใ้ นที่สาธารณะ เช่น ตาม สถานน้ีรถไฟ หรือยา่ นชุมชนรับถ่ายรูปติดบตั รใหโ้ ดยอตั โนมตั ิไม่ตอ้ งมีคนเฝ้า ตูน้ ้ีมีลกั ษณะ คลา้ ยๆ ตูโ้ ทรศพั ท์ แต่มีขนาดใหญ่กวา่ ภายในตูแ้ บ่งเป็ น 2 ส่วน ส่วนหน่ึงติดต้งั อุปกรณ์และ เครื่องมือในการถ่ายภาพ ลา้ งฟิ ลม์ อดั ขยายภาพไดเ้ องโดยใชเ้ คร่ืองจกั ทางาน อีกส่วนหน่ึงเป็ น

ทที่ ี่จดั ไวใ้ หค้ นนงั่ ได้ 1 คน พอสบายๆ ผปู้ ระสงคจ์ ะถ่ายภาพตดิ บตั ร กเ็ พยี งแต่เขา้ ไปนง่ั เกา้ อ้ีท่ี เขาจดั ไวใ้ ห้ หันหนา้ เขา้ หากลอ้ ง หยอดเหรียญรอใหไ้ ฟข้ึนพร้อมท่ีจะถ่ายได้ จงึ กดป่ ุมถ่ายภาพ ไฟแฟลชจะสวา่ งข้ึน หลงั จากน้ันรอเพียง 5-10 นาที ภาพถ่ายกจ็ ะเคลื่อนออกมาจากช่องรอรับ ภาพ นบั วา่ เป็นวธิ ีทสี่ ะดวกรวดเร็วมาก และคุณภาพพอใชไ้ ด้ ภาพท่ี 1. 4 ตูถ้ ่ายภาพดว้ ยตนเอง ซ่ึงต้งั ไวใ้ นทส่ี าธารณะในยโุ รป 6. การถ่ายภาพเป็นการแสดงออกทางศลิ ปะ เพราะการถ่ายภาพเป็ นการสร้างสรรคง์ านศลิ ปะอี รูปแบบหน่ึง โดยนาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์มาประยกุ ตใ์ หไ้ ดภ้ าพทม่ี ีศลิ ปะออกมา 7. ภาพถ่ายช่วยบนั ทกึ ภาพในอดีตทผ่ี า่ นมาไดด้ ี ทาใหค้ นรุ่นหลงั ไดเ้ ห็นสภาพชีวติ และสงั คมของ คนในสมยั ก่อน ภาพถ่ายจงึ ถือเป็ นหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ที่สาคญั ยง่ิ 8. ภาพถ่ายเป็นประโยชน์ทางดา้ นการคา้ และการโฆษณา เพอ่ื เผยแพร่สินคา้ ของบริษทั ใหเ้ ป็นท่ี แพร่หลายและโนม้ นาจิตใจผดู้ ูใหห้ นั มาซ้ือผลิตภณั ฑต์ ่างๆ 9. เพอ่ื ความเพลิดเพลิน มีผถู้ ่ายภาพเป็นงานอดิเรก เพอ่ื ความสนุกสนานเพลิดเพลิน เขาจะรู้สึก พอใจต่องานการถ่ายภาพท่ีออกมา และมีความสุขตอ่ การท่ีไดท้ อ่ งเที่ยวในทต่ี า่ งๆ พรอ้ มกบั บนั ทึกภาพสิ่งต่างๆ ทเ่ี ขาไดพ้ บเห็น เอาไวเ้ ป็ นทร่ี ะลึก หรือไวด้ ูในหมู่เพอ่ื นๆ 10. ความรู้ในการถ่ายภาพเป็ นพ้นื ฐานในการเรียนดา้ นการถ่ายภาพยนตร์ และการผลิตรายการ โทรทศั น์ การถ่ายภาพกบั การสื่อความหมาย ภาพถ่าย เป็ นภาษาสากล กล่าวคือไม่ว่าผดู้ ูภาพจะเป็ นคนชาติใด ภาษาใด อ่านหนังสืออกหรือไม่ มีประสบการณ์มากนอ้ ยเพยี งใด ก็สามารถเขา้ ใจความหมายของภาพถ่ายไดอ้ ยา่ งเดียวกนั เน่ืองจากภาพถ่ายให้

ความหมายในตวั เองโดยแจ่มแจง้ อยแู่ ลว้ ผดู้ ูภาพจึงสามารถเขา้ ใจไดท้ นั ที ดงั คาพงั เพยท่ีวา่ “ภาพหน่ึงภาพมีค่าเท่ากบั คาพดู พนั คา” ถา้ พจิ ารณาถึงการสื่อความหมายดา้ นตวั หนังสือแลว้ จะพบวา่ ตวั หนงั สือน้ันเป็ นเพยี งเคร่ืองหมายท่ีใช้แทนคาพูดเท่าน้ัน ไม่สามารถส่ือความหมายดว้ ยตวั เองได้ ผูอ้ ่ืนจะต้องใชจ้ ินตนาการเป็ นภาพหรือความหมายข้นึ ในสมองก่อน ซ่ึงการตีความน้นั อาจจะตรงหรือไม่ตรงกบั ท่ีผเู้ ขยี นต้งั ใจไวห้ รือไม่ก็ได้ แต่ในกรณีของภาพถ่ายน้ันมีความเป็ นรูปธรรมมากกว่า ผดู้ ูจะทราบความหมายจากภาพไดโ้ ดยตรง ไม่ตอ้ งใช้จินตนาการเข้าช่วย ภาพถ่ายจึงเป็ นสื่อที่ทาให้ผูด้ ูสามารถเข้าใจเรื่องราวได้อย่างรวดเร็วและง่ายกว่าตวั หนงั สือเอกสารอ้างองิ ณรงค์ สมพงษ.์ หลกั การถ่ายภาพ ศนู ยส์ ่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาลยั กาแพงแสน อาเภอกาแพงแสน จงั หวดั นครปฐม : 2539 ทวศี กั ด์ิ กิจววิ ฒั นาชยั .พ้นื ฐานการถ่ายภาพ. เพชรเกษม การพมิ พ.์ กรุงเทพฯ : 2544

5. กิจกรรมการเรียนรู้ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนข้นั ท่ี 1. ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน 1. ครูช้ีแนะแนวทางและบอกจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ หน่วยท่ี1. 2. ครูถามความรู้เดิมเกี่ยวกบั การถ่ายภาพมีบทบาทและความสาคญั ตอ่ ชีวติ ประจาวนั อยา่ งไร 3. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั บทบาทและความสาคญั ของการถ่ายภาพกบั ชีวติ ประจาวนั 4. ครูแนะนาวธิ ีการเรียนรูแ้ ละทากิจกรรมร่วมกนั โดยการศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ความรูก้ ่อนเรียนจาก หนงั สือ ตารา นิตยสาร วารสาร การถ่ายภาพและเวบ็ ไซต์ข้นั ที่ 2. ข้นั ดาเนินการสอน 5. แจกเอกสารประกอบการสอนหน่วยที่ 1 เรื่อง ประวตั ิ ความหมาย ประโยชน์ของการถ่ายภาพ พร้อมแสดงภาพถ่ายในอดีต 6. ควบคุมการเรียนการสอน และจดั ลาดบั ข้นั การปฏิบตั งิ านของนกั เรียน เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ แจกแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 1. 7. ร่วมประเมินความรู้ร่วมกนั ระหวา่ งครูกบั นกั เรียน 8. ครูมอบหมายงาน การศึกษาคน้ ควา้ เร่ือง ประวตั ิการถ่ายภาพของประเทศไทย ชนิดของกลอ้ ง ถ่ายภาพ ภาพตวั อยา่ งประกอบการบรรยายข้นั ที่ 3 สรุป 9. ประเมินผลจากการศกึ ษาคน้ ควา้ รายงาน 10. ประเมินผลนกั เรียนมีส่วนร่วม 11. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนก่อนเรียน 1. มอบหมายใหน้ กั เรียนฝึกทบทวนความรู้เดิมดว้ ยการตอบคาถามความสาคญั ของภาพถ่ายทีม่ ีบทบาท และความสาคญั ตอ่ ชีวติ ประจาวนั 2. นกั เรียนฟังคาแนะนาการเรียนรูแ้ ละร่วมแสดงความคิดเห็น 3. แนะนาใหเ้ ตรียมเคร่ืองมือ อุปกรณ์ในการเรียนรูม้ าดว้ ยทกุ คร้ัง 4. นกั เรียนซกั ถามขอ้ สงสยั ฟังคาแนะนา และร่วมแสดงความคดิ เห็น 5. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนขณะเรียน 1. ครูแจกเอกสารประกอบการสอนหน่วยที่ 1. 2. ครูอธิบายเน้ือหาสาระเก่ียวกบั ประวตั ิ ความหมาย ประโยชน์ การถ่ายภาพ

3. นกั เรียนศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนพร้อมฟังการบรรยายของครู ทาแบบฝึกหดั และปฏบิ ตั ิการ ศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลรายงาน ตามหวั ขอ้ ที่กาหนด 4. นกั เรียนตรวจสอบ ความถูกตอ้ งของการจดั ทารายงาน การส่งงาน ตรงต่อเวลาหลงั เรียน 1. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั แสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์ผลงานการจดั ทารายงานของตนเองและของเพอ่ื น 2. นกั เรียนเตรียมศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ในการเรียนรูค้ ร้งั ต่อไป 3. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการสอนหน่วยท่ี 1. เร่ือง ประวตั ิ ความหมาย ประโยชนข์ องการถ่ายภาพ 2. Power Point หน่วยที่ 1 บนแผน่ CD ช่วยสอน 3. เครื่องฉายโปรเจคเตอร์ 4. เครื่องคอมพวิ เตอร์พร้อมอุปกรณ์เชื่อมตอ่ 5. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 1 6. ใบงานการศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลจากแหล่งหอ้ งสมุด ส่ืออินเตอร์เน็ต7. กิจกรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย (ถ้าม)ีก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร ส่ือการเรียนการสอนที่ครูผสู้ อนและบทเรียนกาหนดไว้ 2. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน 3. ทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ของหน่วยท่ี 1 และการใหค้ วามร่วมมือในการทา กิจกรรมในหน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1ขณะเรียน 1. ปฏิบตั ิงานตามใบงานที่ 1 การศึกษาคน้ ควา้ การถ่ายภาพในอดีตภายในประเทศไทย 2. การรายงานหนา้ ช้นั เรียนหลงั เรียน 1. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน 2. นกั เรียนเกบ็ ทาความสะอาด โตะ๊ เกา้ อ้ี พน้ื หอ้ งเรียน กระดานดาใหส้ ะอาดเรียบรอ้ ยและปิ ดไฟฟ้า พดั ลมใหเ้ รียบรอ้ ยก่อนออกจากหอ้ งเรียน

8. การวัดประเมนิ ผลก่อนเรียน 1. ประเมินผลแบบทดสอบก่อนเรียน 2. แบบสงั เกตนกั เรียน การถามตอบและแสดงความคิดเห็นร่วมกนั 3. แบบสงั เกตนกั เรียนเขา้ ช้นั เรียน ตรงตอ่ เวลาขณะเรียน 1. แบบสงั เกตความสนใจ ความต้งั ใจเรียนหรือขณะปฏบิ ตั ิงาน 2. สงั เกตการณ์ร่วมกิจกรรม การสรุป การทาแบบฝึกหดั 3. แบบสงั เกตการณ์ตอบคาถาม หรือขอ้ ซกั ถามระหวา่ งเรียนหลงั เรียน 1. ประเมินผลแบบทดสอบหลงั เรียน 2. แบบสงั เกต การเขา้ ร่วมแสดงความคดิ เห็นร่วมกนั ของการจดั ทารายงาน 3. สงั เกต การทาความสะอาดหอ้ งเรียน หลงั เลิกเรียนเกณฑก์ ารจดั ประเมินผลภาคปฏบิ ตั ิ การเขียนรายงานประวตั กิ ารถ่ายภาพในประเทศไทย ชนิดของกลอ้ งทีใ่ ชใ้ นการถ่ายภาพ ภาพตวั อยา่ งการถ่ายภาพในแต่ละรชั กาลไทยเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน นกั เรียนจะตอ้ งทากิจกรรมตา่ งๆ ไดต้ ามเกณฑด์ งั ตอ่ ไปน้ี 1. นกั เรียนจะตอ้ งทาแบบทดสอบก่อนและหลงั เรียน ไดอ้ ยา่ งนอ้ ย 6 ขอ้ ในจานวน 10 ขอ้ 2. การเขยี นรายงาน ในหวั ขอ้ ท่กี าหนด นกั เรียนจะตอ้ งปฏิบตั กิ ารส่งรายงานไดถ้ ูกตอ้ งตามเกณฑ์ รอ้ ย ละ 80 ดงั รายละเอียดต่อไปน้ีเกณฑ์การวัดประเมนิ ผล การเขียนรายงาน คะแนน (100) 30 1. ความถูกตอ้ งในการเขยี น และการลาดบั ข้นั ตอนของการ รายงาน 25 25 2. ความละเอียด ชดั เจนของเน้ือหา ขอ้ มูลทน่ี าเสนอ 30 3. ประโยชน์และความน่าสนใจของรายงาน 4. ความถูกตอ้ งของภาษา การเรียบเรียงความสะอาด เป็น ระเบยี บเรียบรอ้ ยและการจดั ทารูปเล่ม

เกณฑ์ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์(คณุ ธรรม จริยธรรม) คะแนน (20)นกั เรียนจะตอ้ งผา่ นเกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 80 จึงจะถือวา่ ผา่ น 5 1. มีความรักสามคั คีใหค้ วามร่วมมือในการทางาน 5 2. มีความสนใจใฝ่รู้ มีความกระตอื รือร้น 5 3. มีความอดทน อดกล้นั ในการทางาน 5 4. มีความคิดสร้างสรรคพ์ ฒั นางานเสมอ

แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน รหัส 2301-3104รายวิชาการถ่ายภาพ หน่วยที่ 1เรื่อง ประวตั ิ ความหมาย ประโยชน์ ของการถ่ายภาพคาชี้แจง แบบทดสอบเป็นแบบปรนยั เลือกตอบชนิด 4 ตวั เลือกคาส่ัง จงทาเครื่องหมาย กากบาท (×) ลงบนขอ้ ที่ถูกตอ้ งท่สี ุดเพยี งคาตอบเดียวลงใน กระดาษคาตอบ ขอ้ 1. กลอ้ งถ่ายภาพรูเขม็ มีช่ือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ ก. Camera obscure ข. Camera obtical ค. Camera Scula ง. Camera obsitical ขอ้ 2. ทอมเวทวทู ไดค้ น้ พบการสรา้ งภาพไดโ้ ดยใชก้ ระดาษสีขาวเคลือบดว้ ยสารอะไร ก. คาร์บอนออกไซต์ไนโตรเจน ข. เงินไตเตรต ค. โซเดียม โบรไมค์ ขอ้ 3. เซอร์จอนทเ์ ฮอร์เชล ไดค้ น้ พบการทาภาพใหค้ งทน ถาวร บนกระดาษดว้ ยการใชส้ ารประเภทใด ก. โซเดียมคลอไรด์ ข. โซเดียมไทโอซลั เฟต ค. โซเดียมซลั เฟต ง. โซเดียมไฮดรอไซด์ ขอ้ 4. ขอ้ ใดเป็นกรรมวธิ ีของคาร์แกโรไทพ์ ในการใหเ้ กิดภาพ ก. ใชแ้ ผน่ silver Chloride ขดั ผวิ เรียบใช้ iodine ระเหยในกล่องฉายแสงผา่ นกระบวนการ ความรอ้ น 75 °C ลา้ งดว้ ยน้ายา silver salt ข. ใชก้ ระดาษเคลือบเงนิ คลอไรด์ บนั ทกึ ภาพดว้ ยกลอ้ งรูเขม็ นาไปแช่ในน้ายา โซเดียมคลอ ไรดผ์ สมโปรแตสเซียมโบรไมค์ ค. ใชก้ ระดาษสีขาวเคลือบโซเดียมคลอไรดล์ า้ งดว้ ยน้ายาไฮโปรฟิ เซอร์ ง. ใชก้ ระดาษสีขาวเทาเคลือบดว้ ยซิลเวอร์คลอไรด์ เช่นในน้ายาไฮโปรซลั เฟสจะเกิดภาพ ข้นึ มา

ขอ้ 5. ขอ้ ใดเป็นวธิ ีการใหเ้ กิดภาพของคาร์ลไทพ์ ก. ใชแ้ ผน่ silver Chloride ขดั ผวิ เรียบใช้ iodine ระเหยในกล่องฉายแสงผา่ นกระบวนการ ความร้อน 75 °C ลา้ งดว้ ยน้ายา silver salt ข. ใชก้ ระดาษเคลือบเงินคลอไรด์ บนั ทกึ ภาพดว้ ยกลอ้ งรูเขม็ นาไปแช่ในน้ายา โซเดียมคลอ ไรดผ์ สมโปรแตสเซียมโบรไมค์ ค. ใชก้ ระดาษสีขาวเคลือบโซเดียมคลอไรดล์ า้ งดว้ ยน้ายาไฮโปรฟิเซอร์ ง. ใชก้ ระดาษสีขาวเทาเคลือบดว้ ยซิลเวอร์คลอไรด์ เช่นในน้ายาไฮโปรซลั เฟสจะเกิดภาพ ข้ึนมาขอ้ 6. ภาพทไ่ี ดบ้ นกระดาษไวแสง จะตรงขา้ งกบั ของจริง เรียกวา่ ภาพเนกาตฟี คอื วธิ ีการขอ้ ใด ก. ใชแ้ ผน่ silver Chloride ขดั ผวิ เรียบใช้ iodine ระเหยในกล่องฉายแสงผา่ นกระบวนการ ความร้อน 75 °C ลา้ งดว้ ยน้ายา silver salt ข. ใชก้ ระดาษเคลือบเงินคลอไรด์ บนั ทึกภาพดว้ ยกลอ้ งรูเขม็ นาไปแช่ในน้ายา โซเดียมคลอ ไรดผ์ สมโปรแตสเซียมโบรไมค์ ค. ใชก้ ระดาษสีขาวเคลือบโซเดียมคลอไรดล์ า้ งดว้ ยน้ายาไฮโปรฟิ เซอร์ ง. ใชก้ ระดาษสีขาวเทาเคลือบดว้ ยซิลเวอร์คลอไรด์ เช่นในน้ายาไฮโปรซลั เฟสจะเกิดภาพ ข้นึ มาขอ้ 7. การผลิตมว้ นกระดาษเคลือบดว้ ยเจลาตินท่ีไวตอ่ แสงในการใหเ้ กิดภาพ มีช่ือเรียกวา่ ก. New York film ข. Africa film ค. Canada film ง. American filmขอ้ 8. กลอ้ งบอ๊ กซ(์ Box) ทบ่ี รรจุฟิลม์ มว้ นกระดาษตามขอ้ 7 คือกลอ้ งบริษทั ใด ก. ฟูจิ ข. โกดกั ค. มินอตา้ ง. มิตซูบซิ ิขอ้ 9. การสรา้ งภาพถ่ายข้ึนมาไดจ้ ะตอ้ งมีองคป์ ระกอบใดบา้ ง ก. กลอ้ งถ่ายภาพ ฟิลม์ ไวแสง แสง ข. กลอ้ งถ่ายภาพ หุ่นหรือวตั ถุ แสงในการถ่ายภาพ ค. กลอ้ งถา่ ยภาพ ฟิลม์ วตั ถุส่ิงของ ง. กลอ้ งถา่ ยภาพ ฟิลม์ น้ายาสร้างภาพขอ้ 10. ขอ้ ใดทีใ่ ชภ้ าพถ่ายเป็นหลกั ฐานในเอกสารสาคญั

ก. เอกสารทะเบยี นยานพาหนะข. เอกสารทะเบยี นบา้ นค. สาเนาเอกสารง. บตั รประชาชน

แบบเฉลยหน่วยท่ี 1 เรื่อง ประวตั ิ ความหมาย ประโยชน์ของการถ่ายภาพ ขอ้ 1. ก. ขอ้ 2. ค. ขอ้ 3. ข. ขอ้ 4. ก. ขอ้ 5. ข. ขอ้ 6. ข. ขอ้ 7. ง. ขอ้ 8. ข. ขอ้ 9. ก. ขอ้ 10. ง.

ใบมอบหมายงานงาน กาหนดใหน้ กั เรียนศกึ ษาคน้ ควา้ หาขอ้ มูลประกอบการทารายงานเรื่อง ประวตั กิ ารถ่ายภาพภายในประเทศไทยจดุ ประสงค์ 1. เพอ่ื ใหน้ กั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั กลอ้ งถ่ายภาพในอดีต 2. เพอ่ื ใหน้ กั เรียนฝึกทกั ษะการคน้ ควา้ ขอ้ มูลความรูจ้ ากแหล่งความรู้ตา่ งๆ 3. เพอ่ื ใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาคุณลกั ษณะความสนใจใฝ่รู้ ความรับผดิ ชอบวธิ ีการ 1. แบง่ กลุ่มนกั เรียน กลุ่มละไม่เกิน 3 คน 2. ศึกษาคน้ ควา้ ทารายงานตามหวั ขอ้ ทกี่ าหนด 3. กลุ่มปรึกษาการปฏิบตั ิงาน ทารายงาน แบง่ หนา้ ทงี่ านในการจดั เกบ็ ขอ้ มูล 4. ดาเนินงานหาขอ้ มูลตามขอ้ กาหนดไวค้ รบถว้ น หรือมากท่สี ุด 5. นาเสนอรายงานดว้ ย Power Point ขอ้ มูลบนแผน่ CD และรูปเล่มรายงาน กลุ่มละไม่เกิน 10 นาที

แบบประเมนิ ผลกระบวนการทางานกล่มุชื่อกลุ่ม ............................................................................................................................................................ช้ัน.............................ระดบั .......................สาขา..............................................................แผนกวิชาศิลปกรรมรายช่ือสมาชิก 1. ..............................................เลขที่ .............. 2. ..............................................เลขที่ .............. 3. ..............................................เลขที่ .............. 4. ..............................................เลขท่ี .............. 5. ..............................................ลขที่ .............. 6. ..............................................เลขที่ ..............ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ข้อคดิ เห็น 531การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั1. (สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายร่วมกนัชดั เจน)2. การแบง่ หนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม(กระจายงานไดท้ วั่ ถึงและตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มีการจดั เตรียมสถานที่ ส่ือ อุปกรณ์ ไวพ้ รอ้ มเพยี ง มีความประหยดั )3. การปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย(ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย ตามเวลาทก่ี าหนด มีความรอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั )4. การประเมินผลและปรบั ปรุงงาน(สมาชิกทกุ คนร่วมปรึกษาหารือติดตามตรวจสอบและปรับปรุงงานเป็นระยะ มีความรอบรู้ คอบคอบ และระมดั ระวงั ) ผปู้ ระเมิน........................................................................ วนั ที่..............เดือน.................................พ.ศ. .....................

แบบประเมินผลการนาเสนอชื่อกลุ่ม ............................................................................................................................................................ช้ัน.............................ระดับ.......................สาขา..............................................................แผนกวิชาศิลปกรรมรายชื่อสมาชิก 1. ........................................เลขที่ .............. 2. ..............................................เลขท่ี .............. 3. ....................................... เลขท่ี .............. 4. ..............................................เลขที่ .............. 5. ....................................... เลขท่ี .............. 6. ..............................................เลขที่ ..............ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคดิ เห็น 531เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจน1. (ความรูเ้ กี่ยวกบั เน้ือหา ความถูกตอ้ ง ปฏภิ าณในการตอบและการแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ )2. รูปแบบการนาเสนอ(ท่ีเหมาะสมใชเ้ ทคนิคท่แี ปลกใหม่ ใชส้ ื่อ เทคโนโลยีประกอบการนาเสนอทน่ี ่าสนใจและประหยดั )3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกล่มุ(มีบทบาทและส่วนร่วมกิจกรรม)4. บุคลิกลกั ษณะ กิริยา ทา่ ทางในการพดู น้าเสียง ทาใหผ้ ฟู้ ังมีความสนใจ(สนใจมากกวา่ รอ้ ยละ 90 และใหค้ วามร่วมมือ) ผปู้ ระเมิน........................................................................ วนั ที.่ .............เดือน.................................พ.ศ. .....................

9. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้9.1 ผลการใช้แผนการจดั การเรียนรู้9.2 ผลการเรียนของผู้เรียน9.3 ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ของผู้สอน 9.4 ปัญหาและอปุ สรรค แนวทางแก้ปัญหาและหรือพฒั นา (ถ้าม)ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook