หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี 8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 วัสดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี 2) ใบงานที่ 2.1.1 เรอื่ ง นักออกแบบผลิตภัณฑ์ 3) ใบงานที่ 2.2.1 เรอ่ื ง เครื่องมือชา่ ง 4) ใบงานท่ี 2.4.1 เรอ่ื ง ช่างไฟฟ้า 5) เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ 6) อุปกรณ์ต่อวงจรไฟฟา้ 7) สลากเรือ่ งอุปกรณ์น่ารู้ 8) หลอดไฟฟา้ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) อินเทอรเ์ น็ต เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 36
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้ดใดจดั อยู่ในวัสดุประเภทโลหะ 6. เสียงเกิดจากอะไร ก. ไม้ ก. การถ่ายเทพลงั งาน ข. ยาง ข. การส่นั ของแหล่งกำเนิด ค. เหล็ก ค. การเคลื่อนที่ของอากาศ ง. พลาสติก ง. การเปลี่ยนแปลงพลงั งาน 2. ข้อใดจัดอยู่ในวสั ดปุ ระเภทอโลหะ 7. อุปกรณ์ท่ที ำใหเ้ กดิ เสยี งในข้อใดชว่ ยทำใหเ้ สียงดังข้นึ ก. แก้ว ก. หูฟงั ข. ลำโพง ข. เงนิ ค. บซั เซอร์ ง. ไมโครโฟน ค. ดบี กุ 8. อุปกรณ์ใดที่เปลี่ยนแปลงพลังงานไฟฟา้ เป็นแสงสวา่ ง ง. อลูมิเนยี ม ก. หลอดไฟฟา้ 3. วัสดุในขอ้ ใดท่มี ีสมบตั เิ ดน่ เรอื่ งความแข็ง และ ข. พดั ลม สามารถแกะสลักลวดลายได้ ค. เตารดี ก. ไม้ ง. หมอ้ หงุ ข้าว ข. ยาง 9. ข้อใด ไมใ่ ช่ ส่วนประกอบในวงจรไฟฟ้า ค. ทองแดง ก. แหล่งกำเนิดไฟฟ้า ง. เซรามิก ข. ตวั นำไฟฟา้ 4. ขอ้ ใดจดั เป็นเครื่องกลทชี่ ว่ ยผ่อนแรง ค. อปุ กรณ์ไฟฟา้ ก. รอก ง. เสาไฟฟ้า ข. ไมบ้ รรทดั 10. การตอ่ หลอดไฟฟ้าในอาคารควรเลือกตอ่ วงจรไฟฟา้ ค. คัตเตอร์ แบบใด ง. ปืนกาว ก. วงจรปดิ 5. ขอ้ ใดจัดเปน็ อปุ กรณท์ ช่ี ว่ ยเจาะรูประเภทไม้ ข. วงจรเปดิ ก. กรรไกร ค. วงจรขนาน ข. ไขควง ง. วงจรอนุกรม ค. สวา่ นไฟฟ้า ง. สกรู เฉลย 1. ค 2. ก 3. ก 4. ก 5. ค 6. ข 7. ข 8. ก 9. ง 10. ค เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 37
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. วสั ดใุ นขอ้ ใดท่มี คี ุณสมบัติการนำไฟฟา้ และ 7. ตัวกลางใดทเี่ สยี งเคล่ือนที่ไดเ้ รว็ ทสี่ ดุ มนี ้ำหนักเบา ก. นำ้ ข. ไม้ ก. ไม้ ข. ยาง ค. อากาศ ง. สุญญากาศ ค. ทองแดง ง. เซรามิก 8. ถ้าอากาศมอี ุณหภูมิสงู ขึน้ มผี ลตอ่ การเคลื่อนที่ 2. วสั ดใุ นข้อใดท่ีสรา้ งขึ้นใหมจ่ ากวัสดุต้งั แต่ 2 ชนิด ของเสยี งอย่างไร และมีคุณสมบัติที่แตกต่างไปจากเดิม ก. เสยี งหยดุ เคลื่อนที่ ก. ไม้ ข. ผา้ ข. เสยี งเคล่อื นท่ีได้เรว็ ขนึ้ ค. ยาง ง. พลาสตกิ ค. เสยี งเคลื่อนท่ีไดช้ า้ ลง 3. เครอ่ื งสขุ ภณั ฑน์ ิยมสรา้ งจากวัสดุใด ง. เสียงยงั คงเคล่ือนทด่ี ้วยความเร็วเท่าเดมิ ก. เซรามกิ ข. พลาสตกิ 9. ตัวต้านทานเป็นวงจรการทำงานของอุปกรณใ์ ด ค. เหล็กกลา้ ง. อลมู ิเนียม ก. ถ่ายไฟฉาย 4. เครอื่ งกลที่ช่วยยกของที่มีนำ้ หนักมาก ๆ เพือ่ ขนึ้ ที่สงู ข. แบตเตอร่ี หรือลงท่ตี ่ำ มักใชใ้ นงานก่อสร้างคอื เคร่ืองมืออะไร ค. สายไฟฟ้า ก. รอก ข. คาน ง. หลอดไฟฟา้ ค. พนื้ เอยี ง ง. ล่มิ 10. จากภาพกลา่ วถงึ วงจรไฟฟา้ แบบใด 5. เครอื่ งมือใดใช้หลกั การของคานช่วยให้สะดวก ในการทำงาน ก. ตะเกยี บ ข. ลกู บดิ ประตู ค. พวงมาลยั รถ ง. กวา้ นยกถังน้ำ 6. ขอ้ ใดจดั เป็นเครื่องมือวัดทชี่ ว่ ยให้ไดช้ น้ิ งานที่มีขนาด ก. วงจรไฟฟ้าแบบปิด ไมม่ ีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน ตรงกบั ทต่ี ้องการ ข. วงจรไฟฟ้าแบบปิด มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ก. ไขควง ค. วงจรไฟฟ้าแบบเปิด ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ข. สวา่ นมอื ง. วงจรไฟฟ้าแบบเปดิ มีกระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น ค. คตั เตอร์ ง. ไม้บรรทัด เฉลย 1. ค 2. ง 3. ก 4. ก 5. ก 6. ง 7. ค 8. ข 9. ง 10. ค เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 38
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 ความรเู้ กยี่ วกบั วสั ดุ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 ความรเู้ กี่ยวกับวัสดุ เวลา 2 ช่วั โมง 1. มาตรฐาน/ตัวชี้วดั ใชค้ วามรู้ และทักษะเก่ยี วกับวสั ดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟา้ และ อิเลก็ ทรอนิกส์เพ่ือแก้ปญั หาหรือพฒั นางานได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม และ 1.1 ตัวชีว้ ัด ปลอดภยั ว 4.1 ม.2/5 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกสมบัติของวัสดแุ ตล่ ะประเภทได้ถูกต้อง (K) 2. เลอื กวสั ดุทีใ่ ช้ในการสรา้ งชน้ิ งานแตล่ ะประเภทไดอ้ ย่างเหมาะสม (K) 3. บอกความแตกต่างของวสั ดศุ าสตร์และวสั ดุวิศวกรรมได้ (K) 4. วางแผนพัฒนาผลติ ภณั ฑไ์ ดอ้ ยา่ งถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั (P) 5. เลง็ เหน็ ถงึ ความสำคัญของการเลือกวัสดแุ ต่ละประเภทในการพัฒนาชน้ิ งาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรูท้ ้องถิน่ พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา สาระการเรยี นรู้แกนกลาง - วัสดแุ ต่ละประเภทมสี มบัติแตกต่างกัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสตกิ จึงตอ้ งมกี ารวิเคราะห์สมบตั ิ เพ่อื เลอื กใช้ให้เหมาะสมกับลกั ษณะของงาน - การสร้างชิ้นงานอาจใชค้ วามรู้ เรอื่ งกลไก ไฟฟา้ อิเลก็ ทรอนิกส์ เช่น LED มอเตอร์ บซั เซอร์ เฟือง รอก ล้อ เพลา - อปุ กรณแ์ ละเครื่องมือในการสร้างช้ินงาน หรือ พัฒนาวิธกี ารมหี ลายประเภท ตอ้ งเลือกใชใ้ ห้ ถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวมท้ังรู้จัก เกบ็ รกั ษา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 39
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 ความรเู้ กยี่ วกับวสั ดุ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด มนษุ ยน์ ำวัสดจุ ากธรรมชาติและวัสดุที่สรา้ งขึน้ และปรบั ปรุงจากความรดู้ ้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยใี หม่ ๆ ทำให้มวี สั ดุหลากหลายประเภทท่ีมคี ณุ สมบตั ิที่ดีมากขึ้นเร่ือย ๆ ดังนน้ั การเลือกใช้วัสดุ จากสมบัตขิ องวัสดุแต่ละประเภท จงึ เปน็ เรอ่ื งสำคัญที่จะสง่ ผลให้ชนิ้ งานนั้นตรงกบั ความตอ้ งการ และ มีความปลอดภัย สามารถใชท้ รพั ยากรไดอ้ ยา่ งคุม้ คา่ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. ซื่อสัตย์ สจุ รติ - ทกั ษะการสื่อสาร 2. มีวินยั รบั ผิดชอบ - ทักษะการแลกเปลี่ยนข้อมูล 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 2. ความสามารถในการคดิ - ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทกั ษะการสังเกต 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทกั ษะการทำงานร่วมกัน 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทักษะการสบื ค้นขอ้ มลู 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ วธิ กี ารสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 40
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 ความรเู้ กยี่ วกบั วสั ดุ ชั่วโมงท่ี 1 ขั้นนำ ขน้ั ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement) 1. นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี 2. นกั เรียนสังเกตภาพผลิตภณั ฑ์จากวสั ดุประเภทต่าง ๆ ในหนังสือเรียนรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี และเปิดโอกาสให้นักเรยี นอภิปรายรว่ มกนั ภายในชนั้ เรยี นว่า ภาพดังกล่าวประกอบดว้ ยวสั ดุประเภทใดบา้ ง 3. จากนัน้ ครถู ามคำถามเพื่อกระต้นุ ความสนใจของนกั เรียนว่า“การเลอื กใช้วสั ดุทเ่ี หมาะสม มีผลต่อการสรา้ งได้อย่างไร” (แนวตอบ : นักเรียนตอบตามความคิดเหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขน้ึ อยกู่ ับดุลยพนิ จิ ของ ครผู สู้ อน เช่น การเลือกใช้วัสดุตา่ ง ๆ มีผลตอ่ การสร้างนวตั กรรม ถ้าเลือกใช้ไมเ่ หมาะสม อาจจะส่งผลถึงปัญหาการใช้งานตา่ ง ๆ ได้ เปน็ ตน้ ) 4. ครอู ธิบายกบั นักเรียนเพอ่ื เชือ่ มโยงเข้าสบู่ ทเรยี นว่า“วัสดุมีหลากหลายประเภท ดังน้ัน การใชง้ านจึงจำเปน็ ต้องศกึ ษาหรือพจิ ารณาจากคุณสมบัติใหต้ รงกบั ลักษณะการใช้งาน เพื่อความปลอดภยั และใชท้ รัพยากรได้อย่างคุ้มค่า” ขั้นสอน ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน หรือตามความเหมาะสม โดยใหแ้ ตล่ ะกลุม่ สืบคน้ ข้อมลู เรือ่ ง ประเภทของวัสดุ จากหนังสือเรียน หรือสืบค้นเพม่ิ เติมจากอินเทอรเ์ น็ตที่ เคร่อื งคอมพิวเตอร์ของตนเอง ซ่งึ โดยทวั่ ไปประเภทของวัสดุสามารถแบ่งออกได้ ดังน้ี 1) โลหะ 1.1) โลหะประเภทเหลก็ 1.2) โลหะนอกกลุ่มเหล็ก 2) อโลหะ 2.1) วัสดุจากธรรมชาติ 2.2) วสั ดสุ งั เคราะห์ ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 2. ครอู ธบิ ายกบั นักเรียนวา่ “นอกจากวสั ดุประเภทโลหะและอโลหะยังมีวสั ดุประเภทตา่ ง ๆ ท่ีนักเรยี นควรรูจ้ กั เช่น วสั ดฉุ ลาด วสั ดุชวี ภาพ วสั ดุนาโน เปน็ ตน้ ” เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 41
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 ความรเู้ กย่ี วกบั วสั ดุ 3. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความร้แู ละอภปิ รายร่วมกันภายในกลุ่มเก่ยี วกบั วสั ดุต่าง ๆ ท่ีกล่าวมา 4. ครสู ่มุ นักเรยี น 3-4 คน ออกมาอภิปรายเกร็ดเสรมิ ความร้ทู เ่ี กีย่ วขอ้ งกับเนื้อหา (Design Focus) ดงั น้ี “วัสดุฉลาด คอื วสั ดุที่มีความสามารถในการตอบสนองต่อส่ิงเร้าภายนอก เชน่ มรี ูปร่างเปล่ียนแปลงตามอุณหภูมหิ รอื มแี รงเคลือ่ นไฟฟ้า เช่น เลนสข์ องแวน่ ตากันแดดสามารถ ปรบั สีไดเ้ องตามความเข้มของแสงทเี่ ปลี่ยนแปลงไป ลวดนำทาง (Guide Wire) ในการผ่าตดั สายสวน (Catheter) ผา่ นทางเสน้ เลือด ถ้าหากวัสดฉุ ลาดเหล่านส้ี ามารถซอ่ มแซมตวั เองหรือ พัฒนาตวั เองให้ดยี ง่ิ ขน้ึ จะเรียกวัสดุเหลา่ นี้ว่า วัสดุอัจฉริยะ (Intelligent Materials) เชน่ เส้นใยแก้วนำแสงท่ีมขี ้อเสีย เรื่อง ความเปราะบางและแตกหักง่าย ดงั นนั้ เม่ือนำมาผสมกบั วสั ดุในกลมุ่ พอลเิ มอร์จำรปู จนเกิดเปน็ เสน้ ใยแกว้ นำแสงอัจฉริยะชนิดใหม่ทีส่ ามารถซ่อมแซม ตัวเองได้เม่อื เกิดการแตกหักเสียหาย” “วัสดุชีวภาพ คอื วัสดุท่ีสามารถเปน็ ส่วนประกอบหรอื ฝงั อยภู่ ายในรา่ งกายมนุษย์ เพอื่ ใช้เป็นวสั ดุทดแทนสว่ นต่าง ๆ ในรา่ งกายท่เี สียหายจากโรคหรือสาเหตุอน่ื ๆ เชน่ ขาเทียม หรอื กระดูกเทียมท่ีทำจากโลหะผสมที่เป็นมติ รต่อรา่ งกาย ไดแ้ ก่ โลหะไทเทเนยี มผสม และ โลหะผสมระหว่างโคบอลต์-โครเมียม” “วสั ดนุ าโน คือ วัสดทุ ี่มีขนาดอย่างน้อยหน่ึงมติ เิ ปน็ ขนาดนาโน (มีขนาดระหวา่ ง 1 ถงึ 100 นาโนเมตร) โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ วสั ดุนาโนจากธรรมชาติ เชน่ พ้ืนผวิ ใบบวั ใย แมงมมุ เสน้ ขนตนี ตุก๊ แกและวัสดนุ าโนจากการผลติ เปน็ วัสดุนาโนท่ีผลิตขน้ึ เพ่อื ใหม้ สี มบัติ หรือองค์ประกอบท่จี ำเพาะ เช่น อนุภาคนาโนของธาตุเงินมฤี ทธใ์ิ นการฆ่าเชอื้ โรค สามารถ นำมาใช้ประโยชนท์ างการแพทย์ หรอื อปุ กรณ์ฟอกอากาศ และสารเฟอร์โรอเิ ล็กทรกิ สามารถ นำไปใช้งานทางด้านการเก็บข้อมลู ของอปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์” 5. นักเรยี นสแกนคิวอาร์โค้ด เรอ่ื ง วัสดุสงั เคราะห์ จากหนงั สือเรยี นและอภิปรายความรเู้ พ่ือสรปุ ประเด็นสำคัญทไี่ ดจ้ ากการดูคลิปวีดิโอ ดงั นี้ “วสั ดสุ งั เคราะห์ คือ วัสดุทสี่ รา้ งจากการผสมกนั ของวสั ดหุ รือกระบวนการทางเคมี เพอื่ ให้เกดิ วสั ดุทีม่ คี ณุ ภาพท่แี ตกต่างและดีขึ้น วัสดุสังเคราะห์ ไดแ้ ก่ 1) ไม้สังเคราะห์ - นิยมนำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ พ้นื ไม้ และระแนงกนั แดด 2) พลาสติก - นิยมนำมาผลิตภาชนะ ถงุ พลาสติก และเครื่องใชไ้ ฟฟ้า 3) เซรามิก - นยิ มนำมาผลิตภาชนะ เครอื่ งสุขภณั ฑ์ แจกนั 4) แกว้ - นยิ มนำมาผลิตภาชนะ อปุ กรณ์วิทยาศาสตร์ กระจก 5) กระดาษ - นยิ มนำมาผลิตกระดาษวาด กลอ่ ง ผลงานศิลปะ 6) เสน้ ใยสงั เคราะห์ - นยิ มนำมาผลิตเชือก พรม เส้อื ผา้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 42
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 วัสดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 ความรเู้ กยี่ วกับวสั ดุ 7) ยางสงั เคราะห์ - นยิ มนำมาผลติ ยางรถยนต์ สายพานลำเลียง ฉนวนห้มุ สายไฟ” ชัว่ โมงท่ี 2 ข้นั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 6. นักเรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 4 กลมุ่ ใหเ้ ลน่ เกม วัสดอุ ะไรเอ่ย โดยมีกตกิ า ดังน้ี “ครเู ขยี นช่อื วสั ดุบนกระดาน ได้แก่ เหล็ก อะลูมิเนียม ไม้ ยาง ผ้า ไม้สงั เคราะห์ พลาสติก เซรามิก แก้ว กระดาษ เสน้ ใยสังเคราะห์ ยางสังเคราะห์ และให้สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ สลบั กนั ออกมาบอกช่ือผลติ ภณั ฑ์ และบอกว่าทำมาจากวสั ดใุ ด ซึง่ คำตอบของแต่ละกล่มุ จะตอ้ งไม่ซ้ำ กนั และกำหนดเวลาให้แตล่ ะกลุม่ กล่มุ ละ 5 วินาที โดยกล่มุ ใดทที่ ำผดิ กติกาจะต้องยตุ ิการเล่น เกม กล่มุ ท่ชี นะจะเปน็ กลมุ่ สุดท้ายที่เหลืออยู่” 7. นกั เรยี นวเิ คราะห์ความสมั พนั ธ์ของวสั ดุศาสตร์และวสั ดุวศิ วกรรมจากผงั ความคิดวัสดศุ าสตร์ และวสั ดวุ ิศวกรรมจากหนงั สือเรยี น โดยครูอธบิ ายเพ่ิมเติมวา่ “คณุ สมบตั ิตา่ งๆ ของวสั ดุ เรยี กว่า วสั ดุศาสตร์ จงึ เปน็ ความรู้หลักการพ้ืนฐานสำหรบั การประยุกต์ใช้งาน โดยการปรับปรุง คุณสมบัติของวสั ดตุ ่าง ๆ แลว้ นำมาผลิตเปน็ ผลติ ภณั ฑท์ ตี่ ้องการจะเรียกวา่ “วสั ดวุ ิศวกรรม” 8. ครถู ามนักเรยี นว่า“นกั เรยี นรู้จกั เส้นใยแกว้ นำแสงหรือไม่” จากนน้ั ครูอธบิ ายเกร็ดเสริมความรู้ ทเ่ี กีย่ วข้องกับเนื้อหา (Design Focus) เรอ่ื ง เส้นใยแก้วนำแสงว่า“เส้นใยแก้วนำแสง หรือ ไฟเบอร์ออปติก เป็นตัวกลางของสัญญาณแสงชนดิ หนง่ึ ทีท่ ำมาจากแก้วซึง่ มีความบรสิ ุทธ์ิ สูงมาก เส้นใยแก้วนำแสงมีลักษณะเป็นเส้นยาวขนาดเล็ก มีขนาดประมาณเสน้ ผมของมนุษย์ เส้นใยแกว้ นำแสงทด่ี ีตอ้ งสามารถนำสัญญาณแสงจากจดุ หน่ึงไปยงั อีกจุดหน่ึงได้ โดยมี การสูญเสยี ของสัญญาณแสงนอ้ ยมาก เส้นใยแกว้ นำแสงสามารถแบง่ ตามความสามารถ ในการนำแสงออกไดเ้ ป็น 2 ชนิด คอื เสน้ ใยแกว้ นำแสงชนดิ โหมดเด่ียว (Singlemode Optical Fibers) และเสน้ ใยแก้วนำแสงชนิดหลายโหมด (Multimode Optical Fibers)” 9. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม(กลุ่มเดมิ ) เพ่ือรว่ มกนั ทำใบงานท่ี 2.1.1 เร่อื ง นักออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยใหน้ ักเรียนวางแผนพฒั นาผลิตภัณฑโ์ ดยวิเคราะหค์ ุณสมบัติของผลติ ภณั ฑ์แตล่ ะชนิด เลือกใชว้ ัสดุให้เหมาะสม และบอกขอ้ จำกดั ของผลติ ภณั ฑ์ 10. ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ สง่ ตัวแทนออกมานำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 43
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 วัสดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 ความรเู้ กย่ี วกับวสั ดุ Note วัตถุประสงค์ของกิจกรรมเพอื่ ใหน้ ักเรียน - มที ักษะการทำงานร่วมกันโดยใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทำงานหรือการทำ กจิ กรรมเพ่ือใหเ้ กิดการส่ือสารและแลกเปลีย่ นข้อมลู ร่วมกันภายในกลมุ่ - มที กั ษะการสืบค้นข้อมลู โดยใหน้ ักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูลจากอินเทอรเ์ น็ต เพอื่ สืบเสาะหาความร้ตู ามหัวขอ้ ท่ีได้รบั มอบหมาย - มที กั ษะการสงั เกต โดยให้นักเรยี นสงั เกตภาพผลิตภัณฑจ์ ากวสั ดุประเภทต่าง ๆ และผงั ความคดิ วัสดศุ าสตร์และวสั ดุวิศวกรรมจากหนังสือเรียนเพอ่ื นำไปปรบั ใช้ในการเรียน ไดอ้ ย่างเหมาะสม - มที กั ษะการคิดวิเคราะห์ โดยใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาเนื้อหาจากการสบื ค้นหรือศึกษา ขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ เช่น หนงั สอื เรยี น อินเทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้ ข้ันสรุป ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมนิ ผลจากการนำเสนอผลงานของนักเรยี น 2. ครตู รวจสอบความถูกต้องจากใบงานท่ี 2.1.1 เรื่อง นักออกแบบผลิตภณั ฑ์ 3. ครถู ามคำถามเพ่ือตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจของนักเรยี นว่า“วสั ดแุ ตล่ ะประเภทมสี มบตั ิ ทีแ่ ตกตา่ งกันหรือไม่ แต่ละประเภทมีสมบตั ิเด่นอย่างไร” (แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามความคิดเหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขึน้ อยู่กับดลุ ยพินิจของ ครูผูส้ อน เช่น วสั ดุแต่ละประเภทมคี ณุ สมบตั ิทแี่ ตกต่างกนั เช่น โลหะมคี วามแข็ง ผวิ มันวาว และเป็นตัวนำความร้อน แต่ไมม้ คี วามแขง็ ดูดซบั เสยี งดี นำความรอ้ นต่ำ ดงั นนั้ ก่อนลงมือ ใช้งานควรศกึ ษาและพิจารณาใหต้ รงกับงานทีอ่ อกแบบเพ่ือความปลอดภัยและความคุ้มค่า ของการใช้ทรัพยากร เป็นตน้ ) 4. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุปเก่ียวกับความรเู้ กย่ี วกับวัสดุวา่ “วัสดแุ ตล่ ะประเภทมีสมบตั ิ ทแี่ ตกต่างกัน เหมาะกบั งานหรือผลติ ภณั ฑท์ ่แี ตกตา่ งกนั ส่ิงทสี่ ำคัญคือผูอ้ กแบบผลิตภณั ฑ์ ควรระบุคุณสมบตั ิของผลิตภณั ฑ์ทตี่ ้องการใหช้ ัดเจน จงึ สามารเลือกวสั ดุท่ีเหมาะสม และ ไมเ่ กิดปญั หาเม่ือใชผ้ ลติ ภณั ฑ์น้ัน” เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 44
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 วัสดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 ความรเู้ กยี่ วกบั วสั ดุ 7. การวดั และประเมินผล วธิ วี ดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน รายการวัด - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อน ประเมินตามสภาพจริง 7.1 การประเมินก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน ก่อนเรยี น เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง วัสดุ อปุ กรณท์ าง - ใบงานที่ 2.1.1 - ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ เทคโนโลยี - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 7.2 การประเมินระหว่างการจดั กจิ กรรม ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ 1) นกั ออกแบบผลติ ภณั ฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม 5) คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - สงั เกตความซ่ือสตั ย์ - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 สุจรติ ความมีวินยั คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ อันพึงประสงค์ และมงุ่ มั่นในการ ทำงาน 8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี 2) ใบงานที่ 2.1.1 เรอื่ ง นักออกแบบผลิตภัณฑ์ 3) เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) อินเทอรเ์ นต็ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 45
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 ความรเู้ กย่ี วกับวสั ดุ ใบงานท่ี 2.1.1 เรือ่ ง นักออกแบบผลติ ภณั ฑ์ คำชีแ้ จง : ให้นักเรียนวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ โดยวิเคราะห์คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด และเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสม และบอกข้อจำกดั ของผลิตภณั ฑ์ ผลิตภัณฑ์ สมบตั ิ วสั ดุท่ีเลือกใช้ ข้อจำกดั ของผลติ ภณั ฑ์ ขวดน้ำผลไม้ - ใส - ขวดแกว้ - เปราะ แตกหักงา่ ย - ทนตอ่ การกดั กร่อน - ตน้ ทนุ สงู กว่าการใช้ จากกรดผลไม้ ขวดพลาสตกิ - เหมาะกับใส่ เครื่องด่มื - ผลิตภณั ฑท์ ีไ่ ม่ ทำลายธรรมชาติ จานใชค้ รงั้ เดียว เส้ือกันฝน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 46
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 วัสดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 ความรเู้ กยี่ วกับวสั ดุ ใบงานที่ 2.1.1 เฉลย เรือ่ ง นกั ออกแบบผลิตภณั ฑ์ คำชแี้ จง : ให้นักเรียนวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปน้ี โดยวิเคราะห์คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด และเลอื กใช้วสั ดใุ หเ้ หมาะสม และบอกข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์ ผลติ ภัณฑ์ สมบัติ วสั ดทุ ่ีเลือกใช้ ข้อจำกดั ของ ขวดนำ้ ผลไม้ - ขวดแกว้ ผลิตภณั ฑ์ - ใส - เปราะ แตกหกั ง่าย จานใช้ครั้งเดยี ว - ทนตอ่ การกัดกร่อน - ต้นทนุ สงู กวา่ การใช้ จากกรดผลไม้ ขวดพลาสติก - เหมาะกบั ใส่ เครอื่ งดืม่ - วัสดจุ ากธรรมชาติ - คุณภาพของวสั ดจุ าก - ผลิตภณั ฑท์ ี่ไม่ เชน่ กระดาษ ใบไม้ ธรรมชาตบิ างครั้งยัง ทำลายธรรมชาติ กาบหมากกาบกล้วย ไม่ดพี อ - ใสอ่ าหาร - ไม่ร่ัวซมึ - บรรจอุ าหารร้อน ได้ ไมล่ ะลาย - ย่อยสลายได้ เสอื้ กนั ฝน - เส้อื ทีส่ ามารถ - พลาสตกิ - ถา้ ทิ้งเป็นขยะ จะไม่ กันฝนหรือน้ำได้ สามารถยอ่ ยสลายใน ธรรมชาติได้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 47
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 วสั ดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 ความรเู้ กย่ี วกับวสั ดุ 9 ความเห็นของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ลงชอื่ ................................. ข้อเสนอแนะ ( ................................ ) 10. บันทึกผลหลังการสอน ตำแหนง่ ....... ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วิทยาการคำนวณ) ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทม่ี ีปญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี ) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแกไ้ ข เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 48
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่อื ง วัสดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 เรื่อง เคร่ืองกลและเครอื่ งมอื ในการสรา้ งชนิ้ งาน แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 เครอื่ งกลและเครอ่ื งมือในการสร้างชิ้นงาน เวลา 2 ชว่ั โมง 1. มาตรฐาน/ตัวช้วี ัด 1.1 ตวั ช้วี ดั ว 4.1 ม.2/5 ใช้ความรู้ และทักษะเกยี่ วกับวสั ดุ อปุ กรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟา้ และ อิเล็กทรอนิกสเ์ พื่อแกป้ ญั หาหรอื พฒั นางานได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และ ปลอดภัย 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความสามารถของเคร่ืองกลแต่ละประเภทได้ (K) 2. เลอื กใช้เคร่ืองกลและเครอ่ื งมือทใี่ ช้ในการสรา้ งชิน้ งานได้อย่างเหมาะสม (K) 3. บอกวิธีการดแู ลรักษาเครื่องมอื ได้ถูกต้อง (K) 4. สบื ค้นขอ้ มลู เกยี่ วกบั เครื่องกลในการสร้างช้นิ งานได้ถูกต้อง (P) 5. ตระหนกั ถึงความปลอดภัยในการใชเ้ ครื่องมือ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง - วัสดุแตล่ ะประเภทมีสมบตั ิแตกตา่ งกัน เชน่ ไม้ โลหะ พลาสติก จงึ ต้องมีการวเิ คราะห์สมบัติ เพอ่ื เลือกใช้ให้เหมาะสมกับลกั ษณะของงาน - การสรา้ งชน้ิ งานอาจใช้ความรู้ เรอ่ื งกลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เชน่ LED มอเตอร์ บัซเซอร์ เฟือง รอก ล้อ เพลา - อุปกรณแ์ ละเครื่องมือในการสร้างชนิ้ งาน หรือ พฒั นาวธิ ีการมีหลายประเภท ตอ้ งเลือกใช้ให้ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทั้งรู้จกั เก็บรกั ษา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 49
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 เรือ่ ง เคร่ืองกลและเครอื่ งมอื ในการสรา้ งช้นิ งาน 4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด เครื่องกลและกลไกเป็นสิ่งท่ีช่วยให้การสร้างชิ้นงานมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามที่ผู้ใช้ต้องการ รวมถึงการเลือกอุปกรณ์และเคร่ืองมือในการพฒั นาช้ินงานต้องเลอื กใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย รวมทง้ั รจู้ ักเก็บรกั ษาให้ใช้งานไดเ้ ป็นอยา่ งดี 5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียนและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. ซ่ือสัตย์ สจุ ริต 2. มวี นิ ยั รับผดิ ชอบ - ทักษะการส่ือสาร 3. ใฝเ่ รยี นรู้ - ทกั ษะการแลกเปลีย่ นข้อมลู 4. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 2. ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต - ทักษะการทำงานรว่ มกนั 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทักษะการสืบคน้ ขอ้ มูล 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ วธิ ีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่ัวโมงท่ี 1 ข้ันนำ ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 1. ครถู ามคำถามกระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี นวา่ “นักเรยี นเคยขบั รถจักรยานหรอื ไม่ และ นกั เรียนคดิ ว่ารถจักรยานมลี ักษณะการทำงานอย่างไร” (แนวตอบ: นักเรียนตอบตามความคิดเหน็ สว่ นตัว โดยคำตอบขน้ึ อยู่กับดุลยพินิจของครูผสู้ อน เชน่ จักรยานเปน็ ยานพาหนะประเภทรถมี 2 ล้อ มีโครงเหลก็ เชอ่ื มลอ้ หนา้ กับลอ้ หลังในทิศทาง เดียวกนั มีคนั บังคับด้วยมอื ติดตงั้ อยบู่ นล้อหน้า มีเบาะน่งั ขี่ ขบั เคลื่อนด้วยแรงถบี จากคนขีโ่ ดย กดบันไดทั้งสองข้าง ทำใหล้ ้อเคล่ือนท่ีไปขา้ งหน้าด้วยความเร็ว จกั รยานจึงเป็นเคร่อื งกลที่ใชล้ ้อ โดยเปลยี่ นพลังงานของคนขี่ให้เปน็ พลังงานจลนข์ องทั้งรถจักรยาน เป็นตน้ ) เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 50
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เร่อื ง วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง เคร่ืองกลและเครอ่ื งมอื ในการสร้างช้นิ งาน 2. ครถู ามคำถามกระต้นุ ความคิด โดยใช้คำถามประจำหวั ข้อเพื่อใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเหน็ วา่ “เครือ่ งกลมีส่วนชว่ ยในการ สร้างชนิ้ งานอยา่ งไร” (แนวตอบ: นกั เรียนตอบตามความคิดเห็นส่วนตวั โดยคำตอบข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น การมีความรู้เร่ืองเครื่องกลจะชว่ ยให้สร้างเครอ่ื งมอื ที่อำนวยความสะดวกในการทำงาน เป็นตน้ ) 3. ครูอธิบายกับนักเรียนเพ่ือเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า“เคร่ืองกลเป็นเครื่องมือท่ีสร้างขึ้นมา เพ่ือชว่ ยผอ่ นแรงหรืออำนวยความสะดวกในการทำงานโดยอาศัยเครื่องกลประเภทต่าง ๆ” ขัน้ สอน ขั้นท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Exploration) 1. นกั เรียนแต่ละคนสบื คน้ ข้อมลู เกย่ี วกบั เร่อื งเคร่ืองกลในการสรา้ งชิ้นงาน ซึ่งเคร่ืองกลอย่างงา่ ย ทชี่ ว่ ยอำนวยความสะดวกในการทำงาน มี 6 ประเภท ดังน้ี 1) รอก 1.1) รอกเด่ียวตายตัว 1.2) รอกเดี่ยวเคลื่อนท่ี 2) คาน 2.1) คานอันดบั ที่ 1 2.2) คานอนั ดบั ที่ 2 2.3) คานอนั ดบั ที่ 3 3) ลอ้ และเพลา 4) พืน้ เอียง 5) ล่ิม 6) สกรู 2. ครูส่มุ นกั เรียน 3-4 คน ออกมานำเสนอข้อมูลที่ได้สืบคน้ หน้าช้นั เรยี น ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 3. ครอู ธบิ ายเกร็ดเสริมความรู้ท่เี กี่ยวข้องกับเนื้อหา (Design Focus) เร่ือง การไดเ้ ปรยี บเทียบ เชิงกลว่า“การไดเ้ ปรียบเทยี บเชงิ กล คอื อัตราสว่ นระหว่างแรงต้าน (W) กบั แรงพยายาม (E) ผลหรือตัวเลขจะสามารถบอกได้ว่า เครอื่ งกลชนดิ น้นั ผอ่ นแรงไดห้ รอื ไม่ ดงั น้ี - ถ้า M.A. = 1 แสดงว่า ไม่ผอ่ นแรง เพราะ W=E (งานที่ได้จากเครอ่ื งกลเทา่ กบั แรงกระทำ) - ถ้า M.A. > 1 แสดงวา่ ได้เปรียบเชงิ กล เพราะ W>E (งานท่ีไดจ้ ากเครือ่ งกลมากกว่าแรงกระทำ) เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 51
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เร่อื ง วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง เครือ่ งกลและเครอ่ื งมอื ในการสรา้ งชน้ิ งาน - ถ้า M.A. < 1 แสดงว่า เสียเปรยี บเชิงกล เพราะ W<E (งานท่ีได้จากเคร่อื งกลน้อยกว่าแรงกระทำ)” 4. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี น 3-4 คน อภปิ รายร่วมกนั ภายใต้คำถาม“อปุ กรณ์ใดบา้ งท่ีเป็นเครื่องกล ประเภทลอ้ และมกี ารทำงานอย่างไร” 5. ครสู ุ่มนักเรยี น 3-4 คน ออกมาตอบคำถามหนา้ ชน้ั เรยี น (แนวตอบ : เครอ่ื งกลประเภทล้อ ได้แก่ ลกู บดิ ประตู สเก็ตบอร์ด หรือรถวลี แชร์ เปน็ ตน้ โดยมี หน้าท่ีการทำงานดังนี้ - ลกู บดิ ประตู มีหน้าท่ีการทำงานคอื เมื่อบิดลูกบดิ ซึง่ มลี ักษณะเป็นล้อ จะไป ทำให้แกนเพลาและดงึ สลดั ประตู ทำให้ประตเู ปดิ - สเกต็ บอรด์ มหี น้าทีก่ ารทำงานคอื แผน่ กระดานที่มีล้อติด ใช้เปน็ เท้าวางบน แผ่นกระดาน 1 ข้างและใช้เท้าท่แี ตะพื้นไถให้เกดิ ความเร็วในการเคลอ่ื นท่ี - รถวีลแชร์ มหี นา้ ทกี่ ารทำงานคอื อปุ กรณ์ที่ช่วยใหผ้ พู้ กิ ารหรอื ผปู้ ว่ ยทมี่ ปี ัญหา ในการเคล่ือนไหว โดยตวั ผ้ใู ช้งานโดยใชม้ อื และแขนเข็นไป เหมาะกบั ผ้ทู ี่มี กลา้ มเนอ้ื ลำตวั ส่วนบนแข็งแรงมากพอ ชว่ ยให้ผปู้ ่วยเคล่ือนไหวได้) 6. ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เก่ียวกับเคร่ืองกลประเภทสกรูว่า “สกรู เปน็ เคร่อื งกลท่ชี ่วยผ่อนแรงมีรูปรา่ ง คลา้ ยบันไดเวียนวนรอบแกนอันหนง่ึ สกรู ใช้สำหรับยกวตั ถุหนกั ๆ ขนึ้ สงู ๆ โดยแรงความ พยายามเคล่ือนท่ีเปน็ วงกลมขณะท่ีแรงความต้านเคลอื่ นท่ขี ้ึนลงในแนวดง่ิ เชน่ สว่าน แม่แรง ตะปูเกลียว เปน็ ต้น” 7. นกั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเป็น 6 กลุ่ม โดยให้แตล่ ะกล่มุ ส่งตัวแทนออกมาจบั สลากเรื่องอปุ กรณ์ น่ารู้ เพื่อเลอื กอปุ กรณ์ 1 ชนิด จากนนั้ ใหน้ กั เรียนสบื คน้ และอภปิ รายรว่ มกันว่าอุปกรณ์ ดังกล่าวใช้หลกั การเคร่ืองกลประเภทใด โดยมีอปุ กรณ์ดังน้ี 1) อุปกรณ์ชว่ ยขนยา้ ยอุปกรณ์กอ่ สรา้ ง 2) เครอื่ งตัดกระดาษ 3) พดั ลม 4) การขนยา้ ยของข้ึนรถ 5) ส่วิ 6) ตะปูเกลยี ว 8. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ส่งตวั แทนออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น โดยครูร่วมอภิปรายและให้ ข้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ ดังนี้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 52
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรื่อง วัสดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี หลกั การของเคร่ืองกล แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง เคร่ืองกลและเครอ่ื งมอื ในการสรา้ งชนิ้ งาน ใชห้ ลกั การของรอก เคร่ืองกลทม่ี ีลกั ษณะเป็นล้อ หมนุ ไดค้ ล่องรอบ แกน ท่ีขอบของล้อมเี ชอื กหรอื อุปกรณ์ สายเคเบิลพาดล้อเพื่อใช้ยกของหนกั ขน้ึ ทสี่ ูง หรือ อุปกรณช์ ่วยขนยา้ ยอุปกรณ์ก่อสร้าง หย่อนลงทต่ี ่ำ ใช้หลกั การของคานอันดับ 2 ในการใชแ้ รงกด เครอ่ื งตดั กระดาษ ให้กระดาษตัดขาด พดั ลม ใชห้ ลักการของล้อและเพลา แกนเพลาจะหมนุ ทำให้ลอ้ ที่ติดใบพดั หมุนตาม ใช้หลักการดดู อากาศ การขนย้ายของข้นึ รถ จากบริเวณรอบ ๆ ทางดา้ นหลงั ของตวั ใบพัด สว่ิ แลว้ ปลอ่ ยออกสู่ด้านหนา้ เกิดเปน็ ลมพดั ใช้หลกั การของพื้นเอยี ง ใช้ในการขนย้ายวัตถุข้นึ ตะปูเกลยี ว ทีส่ งู ด้วยการผลกั ใชห้ ลักการของส่ิว โดยเป็นเครือ่ งมือทีใ่ ชต้ ัดไม้ หิน หรอื โลหะ โดยใชแ้ รงตอก ให้ส่วนคมทป่ี ลายสิว่ เข้า ไปในเนื้อวัตถุ ทำให้ส่วนท่ีไม่ต้องการหลุดแตก ออกมาจนได้รปู ทรงที่ตอ้ งการ ใช้หลกั การของสกรู เกลยี วคล้ายบนั ไดเวียนวนรอบ แกนอันหนง่ึ ใช้แรงหมนุ เพอ่ื ใหเ้ กลียวเคล่ือนเจาะ ทะลเุ ข้าไปในเน้ือไม้ เพ่ือยึดยึดวตั ถสุ องช้นิ ใหต้ ิดกัน ช่ัวโมงที่ 2 ขั้นท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 9. ครูวาดผังมโนทศั นเ์ รื่องเครื่องมอื ในการสรา้ งช้ินงานทแี่ บง่ ออกเป็น เครื่องมือวัด เครื่องมือตัด เคร่อื งมอื สำหรับยดึ ตดิ และเคร่ืองมือสำหรบั เจาะ ลงบนกระดานหนา้ ชัน้ เรยี น จากนั้น ใหน้ กั เรียนร่วมกันบอกเครื่องมือตา่ ง ๆ ทน่ี ักเรียนใช้ในชวี ติ ประจำวนั ตามประเภทขา้ งต้น โดยครพู จิ ารณาคำตอบและบันทกึ ลงบนกระดานหน้าชน้ั เรียน 10. ครใู ห้ความรู้เพิม่ เติมเก่ียวกบั วิธีการดูแลรักษาเคร่ืองมือต่าง ๆ ดงั นี้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 53
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอื่ ง วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 เร่ือง เครื่องกลและเครอื่ งมอื ในการสร้างช้นิ งาน เคร่ืองมือ วธิ ีการดูแลรักษาเคร่อื งมือ ไม้บรรทดั เหล็ก เครอ่ื งมอื วดั ตลับเมตร ทำความสะอาดไมบ้ รรทดั หลังเลิกใช้งาน และใส่ซองพลาสตกิ เพื่อกันไมค่ ม บาดหรือเกีย่ วมือ เวอรเ์ นยี คาลิปเปอร์ - ในการใชง้ านตอ้ งค่อยๆ ดึงจากตลบั และเม่อื ใช้เสรจ็ ให้ค่อย ๆ ผอ่ นใหเ้ สน้ เทปกลบั เข้าตลบั ถ้าปล่อยใหก้ ลบั เร็วเกินไปปลายของเก่ียวอาจชำรุจ คัตเตอร์ เสียหายได้ กรรไกร - ทำความสะอาดหลังเลกิ ใช้งานแลว้ เกบ็ ให้เปน็ ระเบยี บ เล่ือยมือ ทำความสะอาดและทาน้ำมันกนั สนิมหลังจากเลกิ ใชง้ าน โดยใหว้ าง คมี ตัด เวอร์เนียคาลิปเปอรบ์ นผา้ หรอื แผน่ ไม้ เครอ่ื งมือตัด กาว เล่ือนใบมีดเขา้ ด้ามให้มดิ ชดิ แลว้ จงึ เกบ็ แล้วใสซ่ องหรือปลอกใหเ้ รยี บร้อย ปนื กาว เกบ็ ไม่ใหข้ ากรรไรงา้ งออก แล้วจงึ ใส่ปลอกหรือซองใหเ้ รียบร้อย หากไม่มี สกรู ปลอก ให้เก็บไว้ใสกล่องหรือเกบ็ ไว้ในลน้ิ ชักที่มิดชดิ ไขควง ใช้แปรงปดั ทำความสะอาดแลว้ จึงทาด้วยน้ำมนั เก็บไว้ในทีเ่ ก็บใสก่ ล่อง สว่านไฟฟ้า อปุ กรณห์ รือทีเ่ กบ็ ใหม้ ิดชดิ สวา่ นมอื เชด็ ทำความสะอาด จากนนั้ หยดนำ้ มนั ที่จุดหมนุ แลว้ ชโลมน้ำมันหลงั การใช้ สวา่ นกระแทก งาน ท่ีเจาะกระดาษ เคร่อื งมอื สำหรบั ยดึ ติด ปดิ ฝาหลังการใช้งานใหส้ นทิ เพื่อป้องกนั ไม่ให้กาวแห้งและอุดตัน ทำความสะอาดหวั ปนื กาวไม่ใหม้ กี ารอุดตันของกาว และมว้ นสายไฟเก็บให้ เรียบรอ้ ยหลังใชง้ าน เกบ็ ไวใ้ นทแี่ ห้ง ทำความสะอาดแล้วเก็บไวใ้ นทแ่ี ห้ง เครือ่ งมอื สำหรับเจาะ - ทำความสะอาดหลังจากใชง้ านเสรจ็ และใช้น้ำมนั เชด็ ในส่วนที่เป็นเหลก็ เพื่อ ปอ้ งกนั สนิมตรวจ - เชค็ สายของสว่านไฟฟ้าไม่ให้มีส่วนขาดหรอื ถลอกก่อนใชง้ านและหลังจากใช้ งาน เพือ่ ความปลอดภยั จากไฟรัว่ - ไมค่ วรเจาะวัสดุที่มคี วามแข็ง ทำความสะอาดและนำเศษกระดาษออกจาก ตวั เคร่อื ง - เก็บในทแ่ี ห้งปราศจากความชนื้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 54
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรือ่ ง วสั ดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง เครื่องกลและเครอ่ื งมอื ในการสร้างช้ินงาน 11. นักเรยี นทำใบงานที่ 2.2.1 เร่อื ง เคร่อื งมือชา่ ง โดยใหน้ ักเรยี นสืบคน้ และศึกษาเพ่ือ ทำความเข้าใจพร้อมวางแผนการเลอื กเครือ่ งมือในการผลิตชิน้ งานได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ Note วัตถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรมเพื่อให้นกั เรียน - มีทักษะการทำงานรว่ มกนั โดยใช้กระบวนการกลมุ่ ในการทำงานหรอื การทำ กจิ กรรมเพอ่ื ใหเ้ กดิ การสื่อสารและแลกเปลย่ี นข้อมูลร่วมกันภายในกลุ่ม - มีทกั ษะการสืบค้นข้อมลู โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนสบื ค้นข้อมลู จากอนิ เทอร์เนต็ เพ่อื สบื เสาะหาความรตู้ ามหัวขอ้ ท่ีไดร้ บั มอบหมาย - มีทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ โดยให้นกั เรียนพิจารณาเน้ือหาจากการสืบค้นหรือศึกษา ข้อมูลจากแหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ เชน่ หนงั สือเรยี น อนิ เทอรเ์ น็ต เป็นตน้ ขน้ั สรุป ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมินผลการนำเสนอผลงานของนักเรยี น 2. ครตู รวจสอบความถูกต้องจากใบงานที่ 2.2.1 เรือ่ ง เครื่องมือช่าง 3. นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ เกี่ยวกบั นวตั กรรมและเทคโนโลยีว่า“เคร่อื งกลมีสว่ นช่วย ในการสร้างช้ินงานให้ช่วยผ่อนแรงหรืออำนวยความสะดวกนารสรา้ งช้ินงาน เพ่ือให้ออกแรง เพยี งเล็กน้อย และเครื่องมือเปน็ อปุ กรณ์ท่ีมีความสำคญั ในการสรา้ งช้ินงานไดล้ ะเอียด แมน่ ยำ ปรับแตง่ ชิ้นงานให้มีรูปรา่ งตามทตี่ ้องการและทำงานไดเ้ รว็ ข้นึ โดยตอ้ งร้จู ักเลือกใชเ้ ครอื่ งมอื ให้ เหมาะสมกับชนิ้ งาน รวมถงึ รู้จักการดูแลรักษาอุปกรณ์ใหเ้ พ่อื รักษาประสทิ ธภิ าพของอปุ กรณ์ และช่วยใหม้ ่ันใจอปุ กรณ์อยใู่ นสภาพท่ใี ชง้ านได้อีกนาน” 7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวดั วิธีวดั เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน - ตรวจใบงานท่ี 2.2.1 7.1 ประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ การเรยี นรู้ - ใบงานท่ี 2.2.1 ระดับคุณภาพ 2 1) เครอื่ งมือชา่ ง ผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์ ผลงาน การนำเสนอผลงาน 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 55
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง วัสดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 เร่อื ง เคร่อื งกลและเครอ่ื งมอื ในการสรา้ งช้ินงาน รายการวัด วิธวี ดั เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน 4) พฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานกลุม่ ผา่ นเกณฑ์ การทำงานกลมุ่ - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 5) คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ - สงั เกตความซ่ือสตั ย์ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ สุจรติ ความมีวินยั อันพึงประสงค์ ความรับผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน 8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.5 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรอื่ ง วัสดอุ ุปกรณ์ทางเทคโนโลยี 2) ใบงานท่ี 2.2.1 เร่อื ง เคร่อื งมือชา่ ง 3) เคร่อื งคอมพิวเตอร์ 4) สลากเร่อื งอุปกรณ์นา่ รู้ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งคอมพวิ เตอร์ 2) อนิ เทอร์เนต็ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 56
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เร่ือง เคร่อื งกลและเครอ่ื งมอื ในการสรา้ งช้นิ งาน ใบงานที่ 2.2.1 เรอ่ื ง เครอ่ื งมือชา่ ง คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนสบื ค้นและศึกษาเพอ่ื ทำความเข้าใจพร้อมวางแผนการเลอื กเครอื่ งมือในการผลิตชน้ิ งาน ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ผลติ ภณั ฑ์ : เสอื้ กันฝน เครื่องมือสร้างชิ้นงาน วัสดุ : เครอ่ื งมอื ประเภทของเคร่อื งมือ เคร่ืองมอื วัด เคร่อื งมือตดั เคร่อื งมือสำหรบั ยดึ ตดิ เครอ่ื งมอื สำหรับเจาะ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 57
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เร่ือง วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี เฉลย แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 เรื่อง เครื่องกลและเครอ่ื งมอื ในการสร้างช้ินงาน ใบงานท่ี 2.2.1 เรอื่ ง เครอ่ื งมือชา่ ง คำชี้แจง : ให้นักเรยี นสบื คน้ และศึกษาเพือ่ ทำความเข้าใจพร้อมวางแผนการเลอื กเคร่อื งมือในการผลติ ชน้ิ งาน ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ผลติ ภัณฑ์ : เสอื้ กันฝน เครอื่ งมือสรา้ งชิ้นงาน วสั ดุ : พลาสตกิ ใส พลาสติกสีขาว เครือ่ งมอื ประเภทของเครื่องมือ สายวดั ไมบ้ รรทดั เคร่อื งมอื วัด กรรไกร คัตเตอร์ เคร่ืองมือตัด ดา้ ย เครอื่ งมือสำหรับยึดติด เข็ม เครือ่ งมอื สำหรับเจาะ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 58
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่ือง วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี . แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง เครือ่ งกลและเครอ่ื งมอื ในการสรา้ งชนิ้ งาน ) ....... 9. ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ( ตำแหน่ง 10. บันทกึ ผลหลงั การสอน ด้านความรู้ ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ด้านอนื่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่มี ีปญั หาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 59
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 วัสดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 เสยี งและอุปกรณ์ท่ที ำใหเ้ กิดเสยี ง แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 เสยี งและอปุ กรณ์ที่ทำใหเ้ กิดเสียง เวลา 2 ชั่วโมง 1. มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด ใช้ความรู้ และทักษะเกยี่ วกบั วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า และ 1.1 ตวั ชี้วดั อเิ ล็กทรอนกิ ส์เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม และ ว 4.1 ม.2/5 ปลอดภัย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายการกำเนิดของเสยี งได้ถูกต้อง (K) 2. เลือกใช้อุปกรณท์ ่ีทำให้เกิดเสียงไดเ้ หมาะสมกับงาน (K) 3. คำนวณหาอตั ราความเร็วของเสียงได้ (P) 4. เหน็ ความสำคัญของเสยี งและอปุ กรณ์ท่ีทำให้เกิดเสยี ง (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถ่ิน สาระการเรยี นรู้แกนกลาง พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา - วสั ดแุ ตล่ ะประเภทมสี มบตั แิ ตกต่างกัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก จึงต้องมกี ารวิเคราะหส์ มบัติ เพ่ือเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกับลักษณะของงาน - การสรา้ งชน้ิ งานอาจใช้ความรู้เรอ่ื งกลไก ไฟฟา้ อเิ ล็กทรอนิกสเ์ ชน่ LED มอเตอร์บซั เซอร์เฟือง รอก ลอ้ เพลา - อปุ กรณ์และเครอ่ื งมอื ในการสรา้ งชิน้ งาน หรือ พฒั นาวิธีการมหี ลายประเภท ตอ้ งเลือกใชใ้ ห้ ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทั้งรู้จกั เกบ็ รักษา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 60
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 เสียงและอปุ กรณ์ที่ทำใหเ้ กดิ เสียง 4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด เสียงเกดิ จากการส่นั ของวัตถุ ทำให้เกิดพลังงานท่ีวัตถุถา่ ยเทไปยงั ตัวกลางแลว้ เดินทางไปจนถึงผรู้ บั เสียง เสียงเดนิ ทางไปถึงผู้รบั ได้ตอ้ งอาศัยตัวกลางได้ท้ังของแข็ง ของเหลว และแกส๊ โดยอตั ราเรว็ ของเสียง ในตัวกลางทีม่ สี ถานะเป็นของแข็งจะมอี ตั ราเรว็ ท่ีสดุ และเมื่ออุณหภมู ิเพ่ิมขนึ้ อัตราเรว็ ของเสยี งเพ่ิมขนึ้ ตาม และจะไม่ไดย้ นิ เสยี งหากไม่มีตวั กลาง ปัจจบุ ันอุปกรณ์ทท่ี ำใหเ้ กิดเสยี งมีอยู่มากมาย 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. ซอ่ื สัตย์ สจุ รติ - ทักษะการส่ือสาร 2. มีวินัย รบั ผิดชอบ - ทักษะการแลกเปลีย่ นข้อมูล 3. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ความสามารถในการคิด 4. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน - ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทกั ษะการสังเกต 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต - ทักษะการทำงานร่วมกัน 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทักษะการสืบคน้ ข้อมลู 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชวั่ โมงที่ 1 ขนั้ นำ ขัน้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 1. ครใู หน้ ักเรยี นใชม้ ือแตะที่ลำคอเม่ือไม่มีการเปล่งเสยี ง และเม่อื มีการเปลง่ เสยี งวา่ แตกตา่ งกนั อย่างไร และอภปิ รายรว่ มกนั ว่า“เสียงพดู เกดิ จากลมท่ีเปล่งออกมาจากปอดผ่านอวยั วะตา่ ง ๆ ซึง่ อวัยวะที่ทำใหเ้ กิดเสยี ง คือ กลอ่ งเสียง ดังนั้นเมอ่ื ลมจากปอดถูกส่งมายงั หลอดคอ และผ่าน กล่องเสียงซ่ึงภายในกล่องเสียงมีสายเสยี งขึงอยูต่ รงกลางกล่องเสยี ง จึงทำใหส้ ายเสยี ง สน่ั สะเทือนเกดิ เป็นเสยี งสูงหรอื เสียงตำ่ แล้วก็กระทบลำคอ เพดาน ปาก ฟัน หรือรมิ ฝีปาก ทำใหอ้ อกมาเปน็ เสยี งพดู ในท่ีสดุ ” เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 61
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 วัสดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 เสียงและอุปกรณ์ทที่ ำให้เกดิ เสียง 2. ครยู กตัวอยา่ งการทดลองของโรเบริ ต์ บอยล์วา่ “โรบิรต์ บอยล์ ไดท้ ดลองนำกระดิ่งไฟฟา้ (Electric bell) ใส่ในภาชนะแก้วปิด (Bell Jar) แล้วต่อสายกระดงิ่ ไฟฟ้ากับแบตเตอรี เมอ่ื กระด่งิ ไฟฟ้าทำงาน ก็สูบอากาศออกโดยใชม้ อเตอร์ (Motor) ปรากฎวา่ จะได้ยินเสยี ง กระดง่ิ ไฟฟา้ เบาลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งสูบอากาศออกหมดทำใหภ้ ายในครอบแกว้ เปน็ สุญญากาศ” ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนคดิ ค้นสถานการณ์ต่อไปว่าจะเกิดอะไรข้นึ (แนวตอบ : นักเรียนตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคำตอบข้ึนอยูก่ ับดุลยพินิจของ ครูผู้สอน เช่น ไมไ่ ดย้ ินเสยี งกระดง่ิ เลย เพราะ เสยี งต้องมีตัวกลาง เชน่ อากาศ ทำใหป้ ลายทาง ไดย้ นิ เสียง แตถ่ ้าไม่มีอากาศหรืออยู่ในอวกาศท่เี ปน็ สญุ ญากาศ จะทำให้ไม่ได้ยินเสียง เปน็ ตน้ ) 3. ครูถามคำถามประจำหวั ข้อวา่ “เสียงเกดิ จากการส่ันและมลี ักษณะเปน็ คลื่น ดงั นนั้ ลำโพงทำไม ถึงเกดิ เสยี งได้” (แนวตอบ : นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคำตอบขน้ึ อยูก่ บั ดลุ ยพนิ ิจของ ครผู ู้สอน เชน่ มีสัญญาณไฟฟ้ากระแสสลับเข้าไปในคอยสเ์ สียง จึงทำใหแ้ ผ่นลำโพงสนั่ ลักษณะ เคลือ่ นที่ขึ้นและลง ส่งผลใหเ้ กิดการอัดอากาศดา้ นหนา้ ดงั นนั้ จงึ ทำใหเ้ กิดคลื่นเสียงขึ้น เปน็ ต้น) ขัน้ สอน ข้นั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Exploration) 1. นกั เรยี นสังเกตการส่นั ของเสยี งจากแหลง่ กำเนดิ เสียงที่เป็นส่วนอัดและสว่ นขยายตัวจาก หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 วัสดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี โดยครอู ธิบายกบั นกั เรยี นวา่ “เสียงเปน็ คลื่นกลตามยาวทเ่ี กดิ จากการสนั่ ของแหล่งกำเนดิ เสยี ง พลังงานของการสัน่ จะถูกถ่ายโอนให้ แกโ่ มเลกุลของตวั กลางทีอ่ ยู่ รอบ ๆ ส่งผลให้โมเลกุลของตัวกลางเกิดการอดั ตัวและขยายตวั ทำให้เกิดการถ่ายทอดพลังงานไป โดยท่อี นภุ าคตวั กลางสนั่ ไปมาอยู่ที่เดิม” 2. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 4-5 คน หรือตามความเหมาะสม และรว่ มกนั สืบคน้ ขอ้ มูลจาก อินเทอรเ์ น็ตที่เครื่องคอมพวิ เตอร์ของตนเอง ภายใต้คำถามวา่ “ตัวกลางท่เี สียงเดนิ ทางได้มี อะไรบ้าง” 3. ครูสุ่มนกั เรยี น 3-4 กลุ่ม ออกมาอภปิ รายว่าร่วมกนั ว่ามีตัวกลางของเสียงมอี ะไรบ้าง จากนั้นให้ แต่ละกลุม่ เรยี งลำดับตัวกลางท่ีเสยี งเดนิ ทางผา่ น จากความเร็วสูงท่ีสุดไปหาความเร็วนอ้ ยทีส่ ุด (แนวตอบ : ตัวกลางของเสยี ง คือ สารท่มี ีสถานะของสาร 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และกา๊ ซ ซึ่งเรยี งลำดับตวั กลางทเี่ สียงเดนิ ทางผ่านจากความเรว็ สงู ทส่ี ดุ ไปหาความเร็วน้อยที่สุด ดังนี้ ของแข็ง > อากาศ > ของเหลว) เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 62
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 วัสดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 เสียงและอุปกรณ์ทที่ ำให้เกิดเสยี ง ชั่วโมงท่ี 2 ข้ันที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration) 4. นกั เรยี นสงั เกตอัตราความเรว็ ของเสียงในตวั กลางตา่ ง ๆ จากหนังสือเรยี น โดยครูอธิบายกบั นกั เรียนว่า“เสียงอาศยั ตวั กลาง เมื่อเปลีย่ นตัวกลางจากอากาศเปน็ ของแขง็ หรือของเหลว จะทำให้มีอตั ราเรว็ ของเสียงท่ีเดินทางไปตามตัวกลางทีอ่ ุณหภมู เิ ดียวกนั ซ่ึงอตั ราเร็วของเสยี ง ทม่ี ีสถานะเป็นของแข็งจะมอี ัตราเร็วที่สดุ รองลงมือของเหลว และแก๊สตามลำดับ ซ่ึงใน อากาศปกตสิ ามารถหาอตั ราเร็วของเสยี งท่ีอุณหภูมิตา่ ง ๆ ได้จากสมการ v = 331 + 0.6t” ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 5. ครูสุ่มนกั เรยี นออกมาอภปิ รายเกร็ดเสริมความรู้ที่เก่ยี วข้องกับเนื้อหา (Design Focus) เร่ือง อตั ราเรว็ ของเสียงวา่ “อัตราเร็วของเสียงคอื ระยะทางทเ่ี สียงเดนิ ทางไปในตัวกลางใด ๆ ไดใ้ นหนึ่งหนว่ ยเวลา โดยทั่วไปเสยี งเดินทางในอากาศที่มีอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ได้ ประมาณ 346 เมตรต่อวนิ าที และในอากาศทีอ่ ุณหภูมิ 20 องศาสเซลเซยี ส ไดป้ ระมาณ 343 เมตรต่อวินาที อัตราเร็วทเี่ สียงเดินทางในอากาศนั้นอาจมคี า่ มากข้นึ หรือน้อยลงข้นึ อยู่ กบั อุณหภูมขิ องตวั กลางเปน็ หลัก และอาจไดร้ ับอิทธพิ ลจากความช้ืนบ้างเลก็ น้อย” ขนั้ ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 6. นักเรียนแบง่ กลุ่ม (กลุม่ เดิม) เพ่อื สืบคน้ อปุ กรณท์ ่ีทำให้เกิดเสียงต่าง ๆ จากหนังสือเรียนหรอื อินเทอรเ์ น็ต จากน้นั บนั ทึกคำตอบลงในสมดุ ประจำตวั โดยควรศกึ ษาเก่ยี วกบั แหลง่ กำเนิด เสียงวา่ มกี ารทำงานอย่างไรจึงทำใหเ้ กิดเสียงขนึ้ มาได้ จากนัน้ ให้แตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอ หน้าช้ันเรียน Note วัตถปุ ระสงค์ของกจิ กรรมเพือ่ ให้นักเรียน - มที ักษะการทำงานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกลมุ่ ในการทำงานหรอื การทำ กิจกรรมเพือ่ ใหเ้ กดิ การสอื่ สารและแลกเปลี่ยนข้อมลู ร่วมกันภายในกลมุ่ - มที กั ษะการสืบค้นข้อมลู โดยให้นกั เรียนแตล่ ะคนสืบคน้ ข้อมลู จากอนิ เทอรเ์ นต็ เพื่อสืบเสาะหาความรตู้ ามหัวข้อที่ไดร้ ับมอบหมาย - มีทักษะการสังเกต โดยให้นักเรยี นสังเกตภาพการสั่นของเสียงจากแหล่งกำเนิดเสยี ง และอตั ราเรว็ ของเสยี งจากตัวกลางตา่ ง ๆ จากหนังสอื เรยี น เพ่ือนำไปปรบั ใช้ในการเรียนได้ อย่างเหมาะสม - มที กั ษะการคิดวเิ คราะห์ โดยให้นกั เรยี นพิจารณาเน้ือหาจากการสบื คน้ หรือศึกษา ขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูลตา่ เทงคๆโนเโชลน่ ยี (หกนารังอสอือกเแรบียบนแอละนิ เเททคอโนร์เโนลย็ต)ี เป็นตน้ 63
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3 เสียงและอุปกรณ์ทที่ ำใหเ้ กดิ เสียง ข้ันสรุป ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมนิ ผลจากการนำเสนอผลงานของนกั เรียน 2. นกั เรียนและครรู ่วมกันสรุปความรูเ้ ก่ียวกับเสยี งและอุปกรณ์ท่ีทำให้เกิดเสยี งวา่ “เสยี งเกิดจาก การส่นั ของวตั ถุ อาจเกิดเนื่องจากการดีด สี ดี เป่า เคาะ ทำใหเ้ กิดพลังงานทวี่ ัตถุถ่ายเทไปยงั ตัวกลางแลว้ เดนิ ทางไปจนถงึ ผู้รบั เสยี งได้ต้องอาศัยตวั กลางไดท้ ้ังของแขง็ ของเหลว และแก๊ส โดยอัตราเรว็ ของเสียงในตัวกลางทีม่ สี ถานะเปน็ ของแข็งจะมีอัตราเรว็ ทีส่ ดุ และเม่ืออุณหภูมิ เพิ่มขนึ้ อัตราเร็วของเสียงเพ่ิมขนึ้ ตาม และจะไม่ได้ยินเสียงหากไม่มตี ัวกลาง ปัจจุบันอุปกรณท์ ี่ ทำให้เกิดเสยี ง ไดแ้ ก่ ลำโพง จะเปล่ยี นสญั ญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณเสียงทดี่ ังข้นึ และบัตเซอร์ จะเปลีย่ นแรงดันไฟฟา้ และกำเหนิดเสยี งสว่ นใหญจ่ ะใชส้ ำหรบั แจ้งเตอื นอปุ รณต์ า่ ง ๆ เม่อื มี ปญั หา” 7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวัด วิธีวัด เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ 7.1 ประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การเรียนรู้ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 1) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุม่ การทำงานกล่มุ 3) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ ผลงาน การนำเสนอผลงาน 4) คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - สังเกตความซื่อสตั ย์ - แบบประเมนิ ความสุจรติ มวี ินัย คุณลักษณะ ความรับผิดชอบ อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรแู้ ละและ มุ่งมน่ั ในการทำงาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 64
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 วัสดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 เสยี งและอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียง 8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1) หนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี 2) เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) อินเทอรเ์ น็ต เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 65
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 เสยี งและอุปกรณ์ท่ีทำใหเ้ กิดเสียง 9 ความเห็นของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผูท้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ลงชอ่ื ................................. ขอ้ เสนอแนะ ( ................................ ) 10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน ตำแหนง่ ....... ดา้ นความรู้ ด้านสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นความสามารถทางเทคโนยี (วทิ ยาการคำนวณ) ด้านอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทมี่ ีปญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี ) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 66
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 ไฟฟา้ และอุปกรณท์ ี่ทำใหเ้ กิดแสง แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณท์ ที่ ำให้เกิดแสง เวลา 2 ช่ัวโมง 1. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั ใช้ความรู้ และทักษะเกย่ี วกบั วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้า และ อเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ พื่อแกป้ ัญหาหรอื พฒั นางานได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม และ 1.1 ตวั ชว้ี ัด ปลอดภัย ว 4.1 ม.2/5 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายกระบวนการเกดิ แสงไดถ้ ูกตอ้ ง (K) 2. เลือกใชว้ งจรไฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบขนานไดเ้ หมาะสมกบั งาน (K) 3. ร่างแบบวงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนานได้ถูกต้อง (P) 4. ตระหนกั ถึงความปลอดภัยขณะทำงานท่เี ก่ยี วข้องกับวงจรไฟฟ้า (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรูท้ ้องถน่ิ พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง - วสั ดแุ ต่ละประเภทมสี มบตั แิ ตกต่างกนั เชน่ ไม้ โลหะ พลาสตกิ จึงตอ้ งมีการวเิ คราะห์สมบัติ เพอ่ื เลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน - การสรา้ งชนิ้ งานอาจใช้ความรู้เรื่องกลไก ไฟฟ้า อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ ชน่ LED มอเตอร์บซั เซอรเ์ ฟือง รอก ล้อ เพลา - อปุ กรณ์และเครื่องมอื ในการสรา้ งชิ้นงาน หรอื พฒั นาวธิ ีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ ถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทงั้ ร้จู ัก เกบ็ รักษา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 67
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอุปกรณ์ที่ทำใหเ้ กดิ แสง 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด ไฟฟา้ เป็นสง่ิ ท่จี ำเปน็ ในปัจจบุ ัน เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดจะเปลยี่ นพลงั งานไฟฟา้ เป็นพลังงาน รปู แบบอืน่ ๆ ตามทถ่ี ูกออกแบบมาเพื่อประโยชน์ในการใช้งานในด้านตา่ ง ๆ เช่น พลงั งานแสงสว่าง พลงั งานความร้อน พลงั งานกล พลังงานเสียง เป็นต้น 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต - ทักษะการสื่อสาร 2. มีวนิ ยั รับผิดชอบ - ทักษะการแลกเปลย่ี นข้อมลู 3. ใฝเ่ รียนรู้ 2. ความสามารถในการคดิ 4. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน - ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทกั ษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต - ทักษะการทำงานรว่ มกนั 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทกั ษะการสบื ค้นขอ้ มลู 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธกี ารสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชั่วโมงท่ี 1 ขน้ั นำ ข้นั ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement) 1. ครทู ดลองเปดิ -ปิดสวิตซข์ องหลอดไฟหน้าช้นั เรียน จากน้นั ครถู ามคำถามประจำหวั ข้อกับ นกั เรียนว่า“แสงเกิดจากอะไร และวงจรไฟฟา้ ทำให้เกดิ แสงไดอ้ ยา่ งไร” (แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคำตอบข้นึ อยูก่ บั ดลุ ยพินิจของ ครผู ู้สอน เช่น แสงจากหลอดไฟฟา้ เกิดจากเมื่อมกี ระแวไฟฟ้าจากวงจรไฟฟ้าไหลผ่านหลอด ไฟฟ้าด้านในจนเปล่งแสงออกมา เป็นต้น) เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 68
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 ไฟฟ้าและอปุ กรณ์ท่ีทำใหเ้ กิดแสง 2. ครอู ธบิ ายกบั นักเรียนเพอื่ เช่ือมโยงเข้าสูบ่ ทเรยี นวา่ “ไฟฟ้าเป็นส่ิงท่ขี าดไม่ได้เลยในสังคม ปัจจุบนั เพราะอุปกรณท์ ุกชิ้น จำเป็นตอ้ งมีไฟฟ้าเป็นแหลง่ พลงั งานไมว่ ่าจะเปน็ เตารีด ตู้เย็น พดั ลม เคร่ืองซักผ้า เครือ่ งดดู ฝุ่น วทิ ยุ เปน็ ต้น แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดสามารถเปล่ยี น พลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานอ่ืน ๆ ได้อย่างหลากหลาย ดงั น้ี” เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ พลังงานทใี่ ห้ เตารีด หม้อหุงขา้ ว กระทะไฟฟ้า กาต้มนำ้ พลังงานความร้อน เคร่อื งต้มกาแฟ เครอื่ งปรับอากาศ ตู้เย็น เคร่ืองดดู ฝุ่น พดั ลม เครื่อง พลังงานกล หรือพลังงานที่ ซักผ้า เครื่องปน่ั นำ้ ผลไม้ เกีย่ วขอ้ งกับการเคล่ือนทข่ี องวตั ถุ วทิ ยุ เคร่อื งขยายเสยี ง เคร่อื งบันทกึ เสียง พลังงานเสยี ง ) ขน้ั สอน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน หรอื ตามความเหมาะสม จากน้ันใหน้ ักเรียนศึกษาขอ้ มูลเกี่ยวกับ วงจรไฟฟ้าและการต่อตัวต้านทานท้งั แบบอนุกรมและแบบขนาน จากหนงั สือเรียน รายวชิ า พืน้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 วสั ดุ อุปกรณ์ ทางเทคโนโลยี หรอื สืบคน้ ข้อมูลเพม่ิ เติมจากอนิ เทอรเ์ น็ตที่เคร่ืองคอมพิวเตอร์ของตนเอง เพ่อื หาคำตอบว่าการท่หี ลอดไฟฟ้าสวา่ งขนึ้ จะต้องมีการต่อวงจรไฟฟ้า ซ่ึงส่วนประกอบทส่ี ำคัญ ของวงจรไฟฟา้ มีอะไรบา้ ง 2. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอวา่ สว่ นประกอบท่สี ำคัญของวงจรไฟฟ้ามี อะไรบ้าง และอภปิ รายเกี่ยวกับกระบวนการต่าง ๆ ท่ีทำให้หลอดไฟฟา้ มแี สงสวา่ ง 3. ครอู ภปิ รายรว่ มกับนักเรยี นวา่ “วงจรวงจรไฟฟา้ เปน็ เส้นทางทก่ี ระแสไฟฟ้าไหลผา่ น ซงึ่ มี ส่วนประกอบทีส่ ำคัญ 3 ส่วน คือ 1) แหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า (Power Source ) คือ แหลง่ จ่ายแรงดนั ไฟฟา้ ไปทั้งวงจร เชน่ ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ 2) ตวั นำไฟฟ้า (Conductor) คือ วสั ดุท่ียอมใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน เช่น สายไฟ ทองแดง เงนิ เหลก็ 3) เคร่อื งใช้ไฟฟ้าหรือโหลด (Electric Appliances or Load) คือ เครื่องใชไ้ ฟฟ้าท่ี เปลย่ี นแรงดันไฟฟ้า ที่ได้รับใหเ้ ป็นพลงั งานรปู แบบอื่น” เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 69
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 วัสดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอุปกรณ์ทท่ี ำให้เกดิ แสง 4. ครดู ำเนินการสาธติ ใหน้ ักเรยี นดูเก่ียวกับการต่อวงจรไฟฟ้าของหลอดไฟฟ้า พร้อมทัง้ ให้ ข้อแนะนำถึงสง่ิ ท่ีควรระวังในขณะทำงานทเ่ี กย่ี วข้องกับวงจรไฟฟา้ ว่า“ขณะทำงานทีเ่ กย่ี วขอ้ ง กับไฟฟ้าผู้ใช้ควรตรวจสอบอุปกรณไ์ ฟฟา้ เคร่ืองมือ ฉนวนหมุ้ สายไฟฟ้า ซ่ึงต้องไมช่ ำรุด เพราะหากชำรดุ จะส่งผลให้ไฟฟา้ รวั่ ไหล ก่อนปฏิบัตงิ านควรเขยี นผงั วงจร และตรวจสอบ รว่ มกนั ก่อนลงมือปฏิบตั ิเพื่อความไมป่ ระมาท รวมถงึ ขณะทำงานมอื และเทา้ ต้องแห้ง หรือ สวมรองเท้าเพ่อื ความปลอดภัย” 5. จากน้นั ครูต่อวงจรไฟฟ้าท้งั 2 แบบใหน้ ักเรยี นดูเปน็ ตัวอย่าง คอื 1) การต่อวงจรไฟฟา้ แบบเปดิ 2) การต่อวงจรไฟฟา้ แบบปดิ 6. ครอู ธบิ ายกับนักเรียนว่า“การต่อวงจรไฟฟา้ แบบเปิดจะทำให้ผลลัพธค์ ือหลอดไฟฟา้ ไม่ติด แตก่ ารต่อวงจรไฟฟา้ แบบปดิ จะส่งผลลพั ธ์คือหลอดไฟฟ้าสว่าง” 7. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนปฏิบัติการต่อวงจรไฟฟา้ ตามความเข้าใจ โดยครูแจกอปุ กรณก์ ารตอ่ วงจรไฟฟา้ และคอยใหค้ ำแนะนำอย่างใกลช้ ดิ 8. จากนั้นครสุ่มตวั แทนกลมุ่ ออกมานำเสนอวิธีการตอ่ วงจรไฟฟ้าพอสังเขป ชว่ั โมงท่ี 2 ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 9. ครอู ธิบายความรู้เร่ืองวงจรไฟฟ้าและตวั ต้านทานเพ่ือทบทวนความรู้วา่ “สว่ นประกอบของ วงจรไฟฟ้าสามารถตอ่ ตัวต้านทาน ซึง่ ตดิ ตัง้ อย่ใู นวงจรการทำงานทุกอปุ กรณ์ไฟฟ้า โดยตัว ตา้ นทานเปน็ ตวั ทที่ ําหนา้ ท่ีจํากดั กระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรตามที่อปุ กรณ์ไฟฟา้ ได้กําหนดเอาไว้ ดงั นน้ั การต่อตัวต้านทานจึงมีความสำคญั มากต่อการใชง้ านเคร่อื งใช้ไฟฟ้า วิธีการต่อตัว ตา้ นทานได้ 2 แบบ คือ แบบอนกุ รมและแบบขนาน” 10. นกั เรียนศกึ ษาเกร็ดเสริมความรทู้ ี่เกย่ี วกับเนื้อหา (Design Focus) เร่อื ง แหล่งกำเนิดไฟฟา้ 11. นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดมิ ) จากช่ัวโมงที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันทำใบงาน 2.4.1 เร่ือง ชา่ งไฟฟา้ โดยใหน้ กั เรียนนำความรู้ เรอื่ ง วธิ กี ารต่อตัวต้านทานทงั้ 2 แบบมาประยุกต์ใช้ในการทำใบงาน แตก่ อ่ นลงมอื ทดลองให้แตล่ ะกลุ่มนำแบบร่างการต่อผังวงจรมาใหค้ รูตรวจสอบก่อนลงมือ ปฏบิ ตั ิ และในระหวา่ งการปฏิบตั ิให้ครูเดินตรวจสอบพรอ้ มให้คำแนะนำ และตั้งคำถามเพื่อให้ นักเรียนไดท้ ดสอบและสงั เกตการทดลอง 12. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งใบงาน จากนน้ั ครสู มุ่ นักเรยี น 1 กลุม่ ออกมาอภิปรายนำผลการทำใบงาน โดยครูคอยชีแ้ นะคำตอบใหต้ ามความเหมาะสม ดังน้ี เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 70
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 วัสดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 ไฟฟ้าและอปุ กรณท์ ่ที ำให้เกิดแสง ผลการทดลองการตอ่ วงจรแบบอนุกรม รปู แบบการต่อวงจร ผลการทดลอง แบบที่ 1 หลอดไฟฟ้าสวา่ ง แบบที่ 2 หลอดไฟฟ้าสวา่ งน้อยลง แบบที่ 3 หลอดไฟฟ้าดี ไม่สวา่ ง ผลการทดลองการตอ่ วงจรแบบขนาน รูปแบบการตอ่ วงจร ผลการทดลอง แบบที่ 1 หลอดไฟฟา้ สวา่ ง แบบที่ 2 หลอดไฟฟ้าสวา่ งเทา่ กนั แบบที่ 3 หลอดไฟฟ้าอกี ดวงยังคงสว่างอยู่ 13. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้จากการทำกจิ กรรมวา่ “การต่อวงจรไฟฟา้ สำหรบั หลอด ไฟฟ้าในห้องหรืออาคาร จงึ ควรต่อวงจรแบบขนาน เพราะการตอ่ ดังกล่าวเม่ือมหี ลอดไฟฟ้า ที่เพมิ่ มาในระบบมากขนึ้ หลอดไฟยังคงใหค้ วามสว่างเท่าเดิม และหากมหี ลอดไฟฟา้ เสีย อกี หลอดก็ยงั คงใชไ้ ด้” Note วตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรมเพอ่ื ใหน้ ักเรียน - มที กั ษะการทำงานรว่ มกนั โดยใชก้ ระบวนการกล่มุ ในการทำงานหรือการทำ กิจกรรมเพื่อใหเ้ กิดการส่อื สารและแลกเปล่ียนข้อมลู ร่วมกันภายในกลุ่ม - มีทักษะการสบื ค้นข้อมูล โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละคนสบื ค้นข้อมูลจากอนิ เทอร์เนต็ เพื่อสบื เสาะหาความรตู้ ามหวั ขอ้ ท่ีไดร้ ับมอบหมาย - มที กั ษะการสงั เกต โดยใหน้ ักเรยี นสงั เกตการต่อวงจรไฟฟ้าแบบปดิ และการต่อ วงจรไฟฟ้าแบบเปิด จากหนังสอื เรยี นเพื่อนำไปปรบั ใช้ในการเรยี นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม - มที ักษะการคิดวเิ คราะห์ โดยใหน้ กั เรียนพิจารณาเนื้อหาจากการสบื คน้ หรือศึกษา ขอ้ มลู จากแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ เชน่ หนงั สือเรียน อินเทอร์เน็ต เปน็ ตน้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 71
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณ์ท่ที ำใหเ้ กิดแสง ขัน้ สรปุ ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมินผลการนำเสนอของนักเรยี นและตรวจสอบความถูกต้องจากการทำใบงานท่ี 2.4.1 เร่ือง ช่างไฟฟา้ 2. ครตู งั้ คำถามเพื่อใหน้ กั เรยี นคาดเดาวา่ “หากเพ่ิมถา่ นไฟฉายในวงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม จะเกิด อะไรข้นึ ในวงจรไฟฟา้ ” (แนวตอบ : นักเรียนตอบตามความคิดเหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขนึ้ อยูก่ บั ดลุ ยพินจิ ของ ครผู สู้ อน โดยคำตอบทถี่ ูกตอ้ ง คือ หลอดไฟฟา้ จะสวา่ งมากข้นึ ) 3. นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปความรู้เกีย่ วกบั ความสมั พันธ์ของวิทยาศาสตร์และวศิ วกรรมศาสตร์ วา่ “วงจรท่ีประกอบด้วยแหลง่ กำเนิดไฟฟา้ ตวั นำไฟฟา้ และเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าหรือโหลด เมื่อเปิด สวติ ชก์ ระแสไฟฟา้ จะออกจากแหล่งกำเนิดไฟฟา้ เช่น ถ่านไฟฉาย จากข้วั บวกผา่ นตัวนำไฟฟา้ เช่น สายไฟ ไปยงั อุปกรณ์ไฟฟา้ ในวงจร จากน้ันกระแสไฟฟา้ จะไหลออกไปยงั ข้ัวลบของ แหล่งกำเนิดไฟฟ้า เป็นการเคล่อื นทีค่ รบวงจรของกระแสไฟฟา้ เรยี กวงจรไฟฟ้านว้ี ่ “วงจรไฟฟา้ ปดิ ” และการตอ่ งวงจรไฟฟา้ มี 2 แบบ คือ แบบอนกุ รมและแบบขนาน โดยการตอ่ แบบอนุกรมจะเป็นการต่ออปุ กรณไ์ ฟฟ้าต่อกนั หากมอี ุปกรณต์ ัวใดตัวหนึง่ เสยี อุปกรณอ์ ่ืน ๆ ในวงจรจะใช้งานไม่ได้ ในขณะท่ีการตอ่ แบบขนานเปน็ การตอ่ คร่อมกับแหลง่ กำเนิดไฟฟ้า ทำ ให้เปน็ การแยกวงจร หากมีอุปกรณ์ตัวใดตัวหนง่ึ เสยี อุปกรณอ์ ื่น ๆ ในวงจรจะยังคงใชง้ านได้” 4. นักเรยี นทำกจิ กรรมทส่ี อดคล้องกบั เน้ือหาโดยให้ผูเ้ รียนฝึกปฏิบตั ิเพือ่ พัฒนาความรู้และทักษะ (Design Activity) และทำแบบฝกึ หดั ทบทวนความรู้ ความเขา้ ใจ และพัฒนาทักษะการคิดของ ผู้เรยี น (Unit Activity) โดยใหน้ ักเรยี นตอบคำถามใหถ้ ูกต้องลงในสมุดประจำตัว 5. นักเรียนตรวจสอบระดบั ความสามารถของตนเอง (Self-Check) โดนพจิ ารณาข้อความวา่ ถูก หรอื ผิด หากนกั เรยี นพจิ ารณาขอ้ ความไม่ถกู ตอ้ ง ให้นักเรียนกลบั ไปทบทวนเนื้อหาตามหัวขอ้ ทกี่ ำหนดให้ 6. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 เรือ่ ง วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี เพอื่ วัดความร้ทู ี่นักเรยี นไดร้ บั หลังผ่านการเรยี นรู้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 72
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 ไฟฟ้าและอปุ กรณท์ ท่ี ำใหเ้ กดิ แสง 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวัด วิธวี ดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ 7.1 การประเมนิ ระหว่างการ - ตรวจใบงานท่ี 2.4.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ จัดกจิ กรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์ 1) ไฟฟา้ และอุปกรณ์ - ใบงานท่ี 2.4.1 - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 การทำงานกล่มุ ผ่านเกณฑ์ ท่ีทำให้เกดิ แสง - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 2) พฤติกรรมการทำงาน การทำงานรายบุคคล การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 รายบคุ คล - สังเกตพฤติกรรม คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทำงาน การทำงานกลุ่ม อันพงึ ประสงค์ ประเมินตามสภาพจรงิ กลมุ่ - ประเมินการนำเสนอ - แบบทดสอบหลงั เรยี น 4) การนำเสนอผลงาน ผลงาน 5) คุณลกั ษณะอนั พึง - สงั เกตความซ่ือสัตย์ ประสงค์ สุจริต ความมีวนิ ัย ความรบั ผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้และและ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 7.2 การประเมินหลงั เรยี น - แบบทดสอบหลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 หลังเรยี น เร่ือง วสั ดุ อปุ กรณ์ ทางเทคโนโลยี เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 73
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 ไฟฟ้าและอุปกรณ์ท่ที ำให้เกดิ แสง 8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียนวิชา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี 2) ใบงานท่ี 2.4.1 เร่อื ง ช่างไฟฟ้า 3) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 4) อปุ กรณ์ตอ่ วงจรไฟฟา้ 5) หลอดไฟฟ้า 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) ห้องคอมพิวเตอร์ 2) อินเทอร์เน็ต เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 74
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอุปกรณท์ ีท่ ำใหเ้ กิดแสง ใบงานท่ี 2.4.1 เรื่อง ชา่ งไฟฟ้า คำชแี้ จง : ให้นกั เรียนออกแบบวงจรไฟฟ้าสำหรับหลอดไฟฟา้ ในหอ้ ง 2 หอ้ ง โดยมีเงือ่ นไข ดงั น้ี เงอ่ื นไข : หลอดไฟฟ้าทงั้ สองหลอดตอ้ งมคี วามสว่างเท่ากัน และหากหลอดไฟฟา้ ห้องใดห้องหน่งึ เสีย หลอดไฟฟ้าของอีกหอ้ งจะยังคงใช้ได้อยู่ อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ : 1. หลอดไฟฟ้าสำหรับทดสอบจำนวน 4 หลอด เป็นหลอดท่ีใช้งานได้ 3 หลอด และหลอดเสีย 1 หลอด 2. รางถ่านไฟฉายคู่ 1 ราง 3. ถา่ นไฟฉาย 2 กอ้ น 4. สายไฟสแี ดง 2 เส้น สายไฟสีดำ 2 เส้น แบบที่ 1 ตอ่ หลอดไฟฟา้ จำนวน 1 หลอด ร่างแบบการตอ่ วงจรแบบอนุกรม แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดท่ีเสียจำนวน 1 หลอด และหลอดไฟฟ้าที่ใช้งานได้จำนวน แบบที่ 2 ต่อหลอดไฟฟ้าท่ีใช้งานไดจ้ ำนวน 2 1 หลอด หลอด รูปแบบการตอ่ วงจร ผลการทดลองการต่อวงจรแบบอนุกรม แบบท่ี 1 ผลการทดลอง แบบท่ี 2 แบบท่ี 3 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 75
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 ไฟฟ้าและอปุ กรณ์ทีท่ ำใหเ้ กิดแสง แบบท่ี 1 ตอ่ หลอดไฟฟ้าจำนวน 1 หลอด รา่ งแบบการต่อวงจรแบบขนาน แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดที่เสียจำนวน 1 หลอด และหลอดไฟฟ้าที่ใช้งานได้จำนวน แบบที่ 2 ต่อหลอดไฟฟ้าที่ใช้งานไดจ้ ำนวน 2 1 หลอด หลอด รปู แบบการตอ่ วงจร ผลการทดลองการตอ่ วงจรแบบขนาน แบบที่ 1 ผลการทดลอง แบบที่ 2 แบบท่ี 3 มติของกลมุ่ สำหรบั การเลอื กการต่อวงจรไฟฟา้ ภายในห้องหรืออาคารตามเงื่อนไขท่กี ำหนดให้ การตอ่ วงจรแบบอนุกรม เพราะ ............................................................................................................... .......................................................................................................................................... .................................... การตอ่ วงจรแบบขนาน เพราะ .................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 76
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี เฉลย แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณท์ ่ีทำให้เกิดแสง ใบงานท่ี 2.4.1 เรอื่ ง ชา่ งไฟฟ้า คำช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นออกแบบวงจรไฟฟ้าสำหรบั หลอดไฟฟ้าในห้อง 2 หอ้ ง โดยมีเงือ่ นไข ดังนี้ เงอ่ื นไข : หลอดไฟฟ้าทง้ั สองหลอดตอ้ งมีความสว่างเท่ากัน และหากหลอดไฟฟ้าห้องใดห้องหน่ึงเสยี หลอดไฟฟ้าของอีกหอ้ งจะยงั คงใช้ได้อยู่ อปุ กรณ์ที่ใช้ : 1. หลอดไฟฟ้าสำหรับทดสอบจำนวน 4 หลอด เป็นหลอดท่ีใช้งานได้ 3 หลอด และหลอดเสีย 1 หลอด 2. รางถ่านไฟฉายคู่ 1 ราง 3. ถ่านไฟฉาย 2 ก้อน 4. สายไฟสแี ดง 2 เสน้ สายไฟสีดำ 2 เสน้ แบบที่ 1 ตอ่ หลอดไฟฟ้าจำนวน 1 หลอด รา่ งแบบการต่อวงจรแบบอนุกรม แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดที่เสียจำนวน 1 หลอด และหลอดไฟฟ้าที่ใช้งานได้จำนวน แบบที่ 2 ต่อหลอดไฟฟ้าท่ีใช้งานไดจ้ ำนวน 2 1 หลอด หลอด รปู แบบการต่อวงจร ผลการทดลองการต่อวงจรแบบอนกุ รม แบบท่ี 1 ผลการทดลอง แบบที่ 2 แบบที่ 3 หลอดไฟฟ้าสว่าง หลอดไฟฟา้ สวา่ งนอ้ ยลง หลอดไฟฟา้ ดี ไม่สว่าง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 77
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 วัสดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณ์ท่ีทำใหเ้ กิดแสง แบบที่ 1 ตอ่ หลอดไฟฟา้ จำนวน 1 หลอด รา่ งแบบการต่อวงจรแบบขนาน แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดท่ีเสียจำนวน 1 หลอด และหลอดไฟฟ้าท่ีใช้งานได้จำนวน แบบท่ี 2 ต่อหลอดไฟฟ้าท่ีใช้งานไดจ้ ำนวน 2 1 หลอด หลอด รูปแบบการต่อวงจร ผลการทดลองการต่อวงจรแบบขนาน แบบท่ี 1 ผลการทดลอง แบบท่ี 2 แบบที่ 3 หลอดไฟฟา้ สวา่ ง หลอดไฟฟา้ สวา่ งเท่ากัน หลอดไฟฟา้ อีกดวงยงั คงสวา่ งอยู่ มติของกลุ่มสำหรบั การเลอื กการตอ่ วงจรไฟฟ้าภายในห้องหรืออาคารตามเงอ่ื นไขท่กี ำหนดให้ การตอ่ วงจรแบบอนุกรม เพราะ ............................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. การตอ่ วงจรแบบขนาน เพราะการตอ่ ดังกลา่ วเมื่อมหี ลอดไฟฟ้าทเ่ี พ่ิมมาในระบบมากขน้ึ หลอดไฟฟา้ ยังคงใหค้ วามสว่างเท่าเดิม และหากมหี ลอดไฟฟา้ เสีย อกี หลอดยังคงใช้ได้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 78
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 วัสดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 ไฟฟา้ และอุปกรณ์ที่ทำใหเ้ กดิ แสง แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่อง ท่ตี รงกับระดบั คะแนน ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคิดเหน็ 2 การยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื 3 การทำงานตามหนา้ ที่ทไี่ ด้รบั มอบหมาย 4 ความมนี ้ำใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 79
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอุปกรณ์ทีท่ ำให้เกดิ แสง แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คำช้แี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน การมี ลำดับท่ี ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม ของนกั เรียน ความ ฟังคนอนื่ ตามท่ีไดร้ บั น้ำใจ การ 15 คิดเหน็ มอบหมาย คะแนน ปรับปรงุ ผลงานกลุม่ 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 13 2 1 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../............... ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 80
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณ์ท่ที ำใหเ้ กดิ แสง แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอื้ หา 2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 3 วิธีการนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชือ่ ................................................... ผูป้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรุง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 81
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณ์ทท่ี ำใหเ้ กดิ แสง แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ คำชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงคด์ ้าน 32 1 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ กษตั รยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมที่สรา้ งความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏบิ ตั ิตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมทเี่ กี่ยวกับสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามท่ีโรงเรยี นจดั ขน้ึ 2. ซ่ือสตั ย์ สุจรติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทีถ่ กู ต้องและเปน็ จรงิ 2.2 ปฏิบตั ใิ นส่ิงท่ีถูกตอ้ ง 3. มวี ินยั รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครัว มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมต่างๆ ในชวี ิตประจำวนั 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รูจ้ กั ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัติได้ 4.2 รจู้ กั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เช่อื ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แยง้ 4.4 ตง้ั ใจเรียน 5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ยส์ ินและสง่ิ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คณุ คา่ 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงนิ 6. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 6.1 มคี วามตัง้ ใจและพยายามในการทำงานท่ีได้รับมอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือใหง้ านสำเร็จ 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจติ สาธารณะ 8.1 รจู้ ักช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู ำงาน 8.2 รูจ้ ักการดูแลรกั ษาทรพั ยส์ มบัติและสิ่งแวดล้อมของหอ้ งเรียนและ โรงเรียน ลงช่อื ..................................................ผู้ประเมนิ ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 51–60 ดีมาก พฤตกิ รรมท่ีปฏิบตั ชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน 41–50 ดี 30–40 พอใช้ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัตบิ างคร้ัง ให้ 1 คะแนน ตำ่ กวา่ 30 ปรบั ปรงุ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 82
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 ไฟฟา้ และอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดแสง 9. ความเห็นของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย ................................. ................................ ) ข้อเสนอแนะ ....... ลงชอ่ื ( ตำแหนง่ 10. บันทกึ ผลหลงั การสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดา้ นความสามารถทางเทคโนยี (วิทยาการคำนวณ) ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี)) ปญั หา/อปุ สรรค แนวทางการแกไ้ ข เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 83
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เวลา 6 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ัด ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พอ่ื การดำรงชวี ิตในสงั คมทมี่ กี ารเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว ใชค้ วามรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ น่ื ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรอื พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใช้ เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และส่งิ แวดล้อม ว 4.1 ม.2/2 ระบุปัญหาหรือความต้องการในชุมชน หรอื ท้องถิน่ สรปุ กรอบของ ปัญหารวบรวม วิเคราะห์ ข้อมลู และแนวคิดทเี่ กี่ยวข้องกับปญั หา ว 4.1 ม.2/3 ออกแบบวธิ กี ารแก้ปญั หา โดยวเิ คราะห์เปรียบเทียบ และตัดสนิ ใจ เลือกข้อมลู ท่ีจำเปน็ ภายใต้เง่ือนไขและทรพั ยากรทมี่ ีอยู่ นำเสนอ แนวทางการแกป้ ญั หาใหผ้ ู้อนื่ เขา้ ใจ วางแผนขน้ั ตอนการทำงานและ ดำเนนิ การแก้ปญั หาอยา่ งเป็นข้นั ตอน ว 4.1 ม.2/4 ทดสอบ ประเมินผล และอธิบายปญั หาหรือข้อบกพร่องทเ่ี กิดข้นึ ภายใตก้ รอบเงอื่ นไข พร้อมทั้งหาแนวทางปรบั ปรงุ แกไ้ ข และนำเสนอ ผลการแกป้ ัญหา 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) ปญั หาหรือความต้องการในชุมชนหรือท้องถน่ิ มหี ลายอย่าง ขึ้นกับบรบิ ทหรือสถานการณ์ ทีป่ ระสบ เช่น ด้านพลงั งาน ส่ิงแวดล้อม การเกษตร การอาหาร 2) การระบุปัญหาจำเป็นต้องมีการวิเคราะหส์ ถานการณ์ของปัญหาเพื่อสรปุ กรอบของปญั หาแล้ว ดำเนนิ การสืบคน้ รวบรวมข้อมูล ความรู้จากศาสตร์ตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง เพ่ือนำไปส่กู ารออกแบบ แนวทางการแก้ปญั หา 3) การวเิ คราะห์ เปรยี บเทียบ และตัดสนิ ใจเลือกข้อมลู ที่จำเป็น โดยคำนึงถึงเงื่อนไขและทรัพยากร เชน่ งบประมาณ เวลา ข้อมูล และสารสนเทศ วัสดุ เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ ช่วยใหไ้ ด้แนวทาง การแก้ปัญหาทเี่ หมาะสม 4) การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำไดห้ ลากหลายวธิ ี เช่น การรา่ งภาพ การเขยี นแผนภาพ การเขียนผังงาน 5) การกำหนดข้นั ตอนระยะเวลาในการทำงานก่อนดำเนินการแก้ปญั หาจะชว่ ยใหก้ ารทำงานสำเร็จได้ ตามเป้าหมายและลดข้อผิดพลาดของการทำงานท่ีอาจเกดิ ข้ึน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 84
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 6) การทดสอบและประเมินผลเปน็ การตรวจสอบช้ินงาน หรอื วธิ ีการว่าสามารถแก้ปญั หาได้ตาม วัตถปุ ระสงค์ภายใต้กรอบของปญั หา เพ่อื หาข้อบกพร่อง และดำเนินการปรบั ปรุงให้สามารถแก้ไข ปัญหาได้ 7) การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคดิ เพ่ือใหผ้ ูอ้ ืน่ เข้าใจเก่ยี วกับกระบวนการทำงานและ ชน้ิ งานหรือวธิ ีการทไ่ี ด้ ซึ่งสามารถทำไดห้ ลายวธิ ี เช่น การเขียนรายงาน การทำแผ่นนำเสนอ ผลงาน การจดั นทิ รรศการ 2.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น (พิจารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เปน็ กระบวนการท่สี ามารถนำมาแกป้ ัญหาหรือสรา้ งสรรค์ ส่งิ ใหม่ ๆ ซึ่งกระบวนการออกแบบวศิ วกรรมจะเริ่มจากการระบปุ ัญหาหรอื สิง่ ที่ต้องการท่ีจะสรา้ งขน้ึ จากนั้นรวบรวม องค์ความรู้ ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ัญหา วางแผนดำเนินการ ประเมนิ ผล และนำเสนอ การแกป้ ัญหาหรอื ผลงานของช้ินงาน ซึ่งกระบวนการเหลา่ น้ีเรยี กว่า STEM ทเ่ี ป็นการรวบรวมศาสตร์ต่าง ๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ มาประยุกต์ใชค้ วามรู้ในการแก้ปัญหา หรือสรา้ งสรรค์สง่ิ ใหม่ ๆ 4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย รบั ผิดชอบ - ทักษะการสื่อสาร 2. ใฝ่เรยี นรู้ - ทกั ษะการแลกเปล่ยี นข้อมูล 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 2. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา - ทักษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต - ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทกั ษะการสืบคน้ ขอ้ มลู เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 85
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167