บทท่ี เทคโนโลยีการส่ือสารและโทรคมนาคม อาจารย์ ดร.จฬุ าวดี มีวนั คา
- 74 - แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 3 หวั ขอ้ เนื้อหา บทที่ 2 เทคโนโลยีการส่ือสารและโทรคมนาคม 6 ชวั่ โมง การสอ่ื สารขอ้ มลู สญั ญาณขอ้ มลู สอ่ื กลางในการสอ่ื สารขอ้ มลู ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั การสอ่ื สารโทรคมนาคม มาตรฐานของโทรคมนาคม แผนแมบ่ ทเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2557 – 2561) วตั ถุประสงคข์ องการนาการสอ่ื สารขอ้ มลู มาใชใ้ นองคก์ ร การใชร้ ะบบสอ่ื สารโทรคมนาคมขององคก์ ร เทคโนโลยโี ทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทไ่ี รส้ าย วตั ถปุ ระสงค์ หลงั จากเรยี นบทน้ีจบแลว้ ผเู้ รยี นควรมคี วามสามารถดงั ต่อไปน้ี 1. อธบิ ายความหมายของโทรคมนาคมได้ 2. อธบิ ายองคป์ ระกอบพน้ื ฐานของโทรคมนาคมได้ 3. อธบิ ายมาตรฐานของโทรคมนาคมได้ 4. อธบิ ายความหมายของโทรคมนาคมได้ 5. อธบิ ายองคป์ ระกอบพน้ื ฐานของโทรคมนาคมได้ 6. อธบิ ายมาตรฐานของโทรคมนาคมได้ 7. อธบิ ายความหมายของโทรคมนาคมได้ 8. อธบิ ายองคป์ ระกอบพน้ื ฐานของโทรคมนาคมได้ 9. อธบิ ายมาตรฐานของโทรคมนาคมได้ 10. ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยโี ทรคมนาคมได้ วิธีการสอนและกิจกรรมการเรียนการสอน 1. ทาแบบประเมนิ ผลตนเองกอ่ นเรยี น 2. ศกึ ษาเอกสารตอนท่ี 3. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 4. ทาแบบประเมนิ ผลตนเองหลงั เรยี น
- 75 - สื่อการเรียนการสอน 1. แผนบรหิ ารการสอนประจาบทเรยี น 2. เอกสารประกอบการสอนวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การเรยี นรู้ 3. โปรแกรมระบบและโปรแกรมประยกุ ต์ 4. เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ และโปรแกรมเพาเวอรพ์ อยต์ 5. วดิ ที ศั น์ 6. คาถามทบทวนประจาบทเรยี น พรอ้ มเฉลย การวดั ผล 1. ตรวจใบงานทม่ี อบหมาย 2. ตรวจแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรยี น 3. การตอบคาถามในชนั้ เรยี น 4. การนาเสนอชน้ิ งานหน้าชนั้ เรยี น การประเมินผล 1. พฤตกิ รรมจากการมสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ 2. ความสนใจ และกระตอื รอื รน้ ของการเขา้ รว่ มปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและการตอบคาถามตา่ งๆ 3. ความถกู ตอ้ งของการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ตามใบงาน ไม่น้อยกวา่ 90%
- 76 - บทที่ 3 เทคโนโลยีการส่ือสารและโทรคมนาคม การตดิ ตอ่ สอ่ื สารของมนุษย์ มพี ฒั นาการเรอ่ื ยมาตงั้ แต่เรมิ่ แรกทม่ี กี ารสอ่ื สารระยะใกลด้ ว้ ย ภาษาท่าทาง ภาษาพดู และภาษาเขยี น ต่อมาจงึ มกี ารตดิ ต่อสอ่ื สารระยะไกลขน้ึ ไม่ว่าจะดว้ ย การส่ง จดหมาย โทรเลข โทรศพั ท์ จนกระทงั่ ปัจจุบนั ได้มกี ารติดต่อส่อื สารด้วยเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ท่ี กอ่ ใหเ้ กดิ รปู แบบการตดิ ต่อสอ่ื สารใหม่ๆ และมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ ซ่งึ นับวนั ยงิ่ เขา้ มามบี ทบาทกบั หน่วยงานหรอื องคก์ รตา่ ง ๆ มากขน้ึ รวมทงั้ ในชวี ติ ประจาวนั ของเรา ในระยะแรกการสอ่ื สารขอ้ มลู หมายถงึ การส่อื สารขอ้ มลู ทางไกลทผ่ี า่ นโครงขา่ ยโทรศพั ทเ์ ป็น หลกั เพราะโครงข่ายโทรศพั ท์เป็นโครงข่ายทแ่ี พร่หลาย แต่ในปัจจุบนั ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยี คอมพวิ เตอรแ์ ละโทรคมนาคม ทาใหก้ ารสอ่ื สารพฒั นาไปมากทงั้ ดา้ นความเรว็ และการใชง้ าน จงึ ไม่ได้ จากดั อยทู่ โ่ี ครงขา่ ยโทรศพั ท์ แต่ยงั รวมไปถงึ ขอ้ มลู ทเ่ี ป็นรปู ภาพและเสยี ง ความหมายของการส่ือสารข้อมลู การสื่อสารข้อมูล หมายถงึ การโอนถ่าย(Transmission)ขอ้ มูลหรอื การแลกเปล่ยี นขอ้ มูล ระหว่างตน้ ทางกบั ปลายทาง โดยใชอ้ ุปกรณ์ทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์หรอื เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ซง่ึ มตี วั กลาง เชน่ ซอฟตแ์ วรค์ อมพวิ เตอรส์ าหรบั ควบคมุ การสง่ และการไหลของขอ้ มลู จากตน้ ทางไปยงั ปลายทาง องคป์ ระกอบพืน้ ฐานของระบบสื่อสารขอ้ มลู องค์ประกอบของการส่อื สารขอ้ มลู ประกอบดว้ ย หน่วยส่งขอ้ มลู ช่องทางการสอ่ื สารขอ้ มูล และหน่วยรบั ข้อมูล เป็ นองค์ประกอบหลักท่ีสาคัญ องค์ประกอบพ้ืนฐานของการส่ือสารข้อมูล ทางอเิ ลก็ ทรอนิกสน์ นั้ สามารถจาแนกออกเป็นสว่ นประกอบตา่ งๆดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ผู้ส่ง (Sender) เป็ นอุปกรณ์ท่ีใช้ในการส่งข่าวสาร (Message) เป็ นต้นทางของการ สอ่ื สารขอ้ มลู มหี น้าทเ่ี ตรยี มสรา้ งขอ้ มลู เชน่ ผพู้ ดู โทรทศั น์ กลอ้ งวดิ โี อ เป็นตน้ 2. ผรู้ บั (Receiver) เป็นปลายทางการสอ่ื สาร มหี น้าทร่ี บั ขอ้ มลู ทส่ี ง่ มาให้ เชน่ ผฟู้ ัง เครอ่ื งรบั โทรทศั น์ เครอ่ื งพมิ พ์ เป็นตน้ 3. ส่ือกลาง (Medium) หรอื ตวั กลาง เป็นเสน้ ทางการสอ่ื สารเพอ่ื นาขอ้ มลู จากตน้ ทางไป ยงั ปลายทาง สอ่ื สง่ ขอ้ มลู อาจเป็นสายคบู่ ดิ เกลยี ว สายโคแอกเชยี ล สายใยแกว้ นาแสง หรอื คล่นื ท่ี สง่ ผา่ นทางอากาศ เชน่ เลเซอร์ คล่นื ไมโครเวฟ คล่นื วทิ ยภุ าคพน้ื ดนิ หรอื คลน่ื วทิ ยผุ า่ นดาวเทยี ม 4. ข้อมลู ข่าวสาร (Message) คอื สญั ญาณอเิ ลก็ ทรอนิกสท์ ส่ี ง่ ผา่ นไปในระบบสอ่ื สาร ซง่ึ อาจถกู เรยี กว่า สารสนเทศ (Information) โดยแบ่งเป็น 5 รปู แบบ ดงั น้ี 4.1 ขอ้ ความ (Text) ซง่ึ จะแทนดว้ ยรหสั ตา่ ง ๆ เชน่ รหสั แอสกี (ASCII) เป็นตน้ 4.2 ตวั เลข (Number) ใชแ้ ทนตวั เลขต่าง ๆ ซง่ึ ตวั เลขเป็นเลขฐานสองโดยตรง
- 77 - 4.3 รปู ภาพ (Images) ขอ้ มลู ของรปู ภาพจะแทนดว้ ยจดุ สเี รยี งกนั ไปตามขนาดของ รปู ภาพ 4.4 เสยี ง (Audio) ขอ้ มลู เสยี งจะแตกต่างจากขอ้ ความ ตวั เลข และรปู ภาพเพราะ ขอ้ มลู เสยี งจะเป็นสญั ญาณตอ่ เน่ืองกนั ไป 4.5 วดิ โี อ (Video) ใชแ้ สดงภาพเคลอ่ื นไหว ซง่ึ เกดิ จากการรวมกนั ของรปู ภาพ หลาย ๆ รปู 5. โปรโตคอล (Protocol) คอื วธิ กี ารหรอื กฎระเบยี บทใ่ี ชใ้ นการสอ่ื สารขอ้ มลู เพอ่ื ใหผ้ รู้ บั และผสู้ ง่ สามารถเขา้ ใจกนั หรอื คยุ กนั รเู้ รอ่ื ง โดยทงั้ สองฝัง่ ทงั้ ผรู้ บั และผสู้ ง่ ไดต้ กลงกนั ไวก้ อ่ นลว่ งหน้า แลว้ ในคอมพวิ เตอรโ์ ปรโตคอลอยใู่ นสว่ นของซอฟตแ์ วรท์ ม่ี หี น้าทท่ี าใหก้ ารดาเนินงาน ในการสอ่ื สาร ขอ้ มลู เป็นไปตามโปรแกรมทก่ี าหนดไว้ ตวั อยา่ งเชน่ X.25, SDLC, HDLC, และ TCP/IP เป็นตน้ Hello. How are 5.Protocal y4o.uM?essage 3.Media 1.Sender 2.Receiver รปู ท่ี 3.1 องคป์ ระกอบพน้ื ฐานของระบบสอ่ื สารขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ ทิศทางของการส่ือสารข้อมูล ทศิ ทางของการสอ่ื สารขอ้ มลู จาแนกได้ 3 แบบ คอื 3.1 แบบทางเดียว (Simplex หรือ One-Way) ขอ้ มูลจะถูกส่งจากทศิ ทางหน่ึงไปยงั อกี ทศิ ทางหน่ึง โดยไมส่ ามารถสง่ ยอ้ นกบั มาได้ เชน่ ระบบวทิ ยหุ รอื โทรทศั น์ Simplex รปู ท่ี 3.2 การสอ่ื สารขอ้ มลู แบบทางเดยี ว
- 78 - 3.2 แบบกึ่งสองทาง (Half Duplex) ขอ้ มูลสามารถส่งสลบั กนั ได้ทงั้ 2 ทศิ ทางโดยต้อง ผลดั กนั สง่ ครงั้ ละทศิ ทางเทา่ นนั้ ตวั อยา่ งเชน่ วทิ ยสุ อ่ื สาร แบบผลดั กนั พดู Haft Duplex เครอ่ื งวิทยสุ ื่อสาร เครอ่ื งวิทยสุ ่ือสาร รปู ท่ี 3.3 การสอ่ื สารขอ้ มลู แบบกง่ึ สองทาง 3.3 แบบสองทาง (Full Duplex หรอื Both-Way) ขอ้ มลู สามารถส่งพรอ้ ม ๆ กนั ไดท้ งั้ 2 ทศิ ทางอย่างอสิ ระ ตวั อย่างเชน่ ระบบโทรศพั ท์ บางครงั้ เราเรยี กการสอ่ื สารแบบสองทศิ ทางว่า Four- Wire-Line Full Duplex โทรศพั ท์ โทรศพั ท์ รปู ท่ี 3.4 การสอ่ื สารขอ้ มลู แบบสองทาง ชนิดของสญั ญาณข้อมลู สามารถแบ่งออกเป็น 2 ลกั ษณะคอื 1.1 สญั ญาณแอนะลอ็ ก (Analog Signal) เป็นสญั ญาณแบบตอ่ เน่ืองมลี กั ษณะเป็นคลน่ื ไซน์ (sine wave) โดยแตล่ ะคลน่ื จะมี ความถ่ีและความเข้มของสญั ญาณท่ีต่างกนั ทุก ๆ ค่าท่เี ปล่ียนแปลงไป ของระดบั สญั ญาณจะมี ความหมายการส่งสญั ญาณแบบแอนะล็อกจะถูกรบกวนให้มกี ารแปลความหมายผดิ พลาดได้ง่าย เน่ืองจากคา่ ทกุ คา่ ถกู นามาใชง้ าน เชน่ สญั ญาณเสยี งในสายโทรศพั ท์ เป็นตน้
- 79 - รปู ท่ี 3.5 สญั ญาณแอนะลอ็ ก 1.2 สญั ญาณดิจิทลั (Digital Signal) เป็นสญั ญาณทม่ี ขี นาดเปล่ยี นแปลงเป็นค่าของตวั เลขทแ่ี สดงสถานะเป็น \"0\" และ \"1\" เป็นการสง่ สญั ญาณขอ้ มลู ทม่ี แี ต่ เปิด/ปิด หรอื เป็นเลขไบนารี (Binary) เมอ่ื ระยะทางเพม่ิ มากขน้ึ จะทา ให้สัญญาณดิจิทัลลดหายไปได้ จึงต้องใช้อุปกรณ์ทบทวนสัญญาณท่ีเรียกว่ารีพีตเตอร์ เพ่ือกู้ (Recover) รปู แบบของสญั ญาณทม่ี ลี กั ษณะเป็น 1 และ 0 เสยี กอ่ น แลว้ จงึ สง่ สญั ญาณทต่ี อ่ ไป รปู ท่ี 3.6 สญั ญาณดจิ ทิ ลั การส่งสญั ญาณขอ้ มลู การส่งสญั ญาณขอ้ มลู เป็นการส่งขา่ วสาร หรอื ส่งขอ้ มูลจากเครอ่ื งผสู้ ่งหรอื ผสู้ ง่ ผ่านทางส่อื หรอื ตวั กลางไปยงั เคร่อื งผู้รบั หรอื ผู้รบั ขอ้ มูลหรอื ข่าวสารท่สี ่งไปอาจจะอย่ใู นรปู ของสญั ญาณเสยี ง สญั ญาณคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า หรอื แสงกไ็ ด้ การสง่ ขอ้ มลู แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ประเภทคอื การสง่ แบบอนุกรมและการสง่ แบบขนาน 2.1 การส่งขอ้ มลู แบบอนุกรม (Serial Transmission) เป็นการสง่ ขอ้ มลู ครงั้ ละ 1 บติ ไปบนสายสญั ญาณจนครบจานวนขอ้ มลู รปู ท่ี 3.7 การสง่ ขอ้ มลู แบบอนุกรม ทม่ี า https://wiki.stjohn.ac.th/groups/poly_electronics/wiki/d0d58/11.html
- 80 - การสง่ ขอ้ มลู แบบอนุกรม แบ่งเป็น 2 ประเภท คอื 2.1.1 การสง่ ขอ้ มลู แบบอะซงิ โครนสั (Asynchronous Data Transmission) เป็นวธิ กี ารสง่ ขอ้ มลู ไปบนสอ่ื นาขอ้ มลู โดยสง่ เป็นชดุ ๆ ไมม่ จี งั หวะการสง่ 2.1.2 การสง่ ขอ้ มลู แบบซงิ โครนสั (Synchronous Data Transmission) เป็นการสง่ ขอ้ มลู ไปบนสอ่ื นาขอ้ มลู ทม่ี ลี กั ษณะเป็นกลมุ่ ของขอ้ มลู ท่ี ต่อเน่ืองกนั อยา่ งเป็นจงั หวะ 2.2 การส่งขอ้ มลู แบบขนาน (Parallel Transmission) จะทาการสง่ ขอ้ มลู ทลี ะหลาย ๆ บติ เชน่ สง่ 10011110 ทงั้ 8 บติ ออกไป พรอ้ มกนั โดยผา่ นสายสง่ ขอ้ มลู ทม่ี ี 8 เสน้ รปู ท่ี 3.8 การสง่ ขอ้ มลู แบบขนาน สื่อกลางท่ีใช้ในการส่ือสารข้อมลู ส่อื สญั ญาณ เป็นอุปกรณ์ทท่ี าหน้าท่เี ป็นตวั นาสญั ญาณจากอุปกรณ์ต้นทางไปถงึ อุปกรณ์ ปลายทาง ตวั นาแตล่ ะชนิดใหค้ วามเรว็ ของขอ้ มลู ไมเ่ ทา่ กนั ขน้ึ อยกู่ บั คณุ สมบตั แิ ละเทคโนโลยที ใ่ี ช้ การ เลอื กใชเ้ ทคโนโลยสี อ่ื สญั ญาณขน้ึ อยกู่ บั ลกั ษณะของสารสนเทศและความตอ้ งการของผใู้ ช้ สอ่ื สญั ญาณแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคอื 1. สอ่ื สญั ญาณทางสาย 2. สอ่ื สญั ญาณไรส้ าย 1. ส่ือสญั ญาณทางสาย มี 3 แบบ ไดแ้ ก่ 1.1 สายค่บู ิดเกลียว (Twisted Pair Cable) เป็นสายทองแดงทม่ี ฉี นวนหมุ้ 2 เสน้ นามาพนั กนั เป็นเกลยี ว ใชก้ นั แพรห่ ลายในระบบโทรศพั ท์ มคี วามเรว็ ในการสง่ ขอ้ มลู 10 Mbps และสง่ ไดใ้ นระยะทาง 1 mile สายคบู่ ดิ เกลยี ว มี 2 ประเภท คอื
- 81 - - สายคบู่ ดิ เกลยี วแบบไมม่ ชี ลิ ด์ (Unshielded Twisted Pair; UTP) รปู ท่ี 3.9 สายคบู่ ดิ เกลยี วแบบไมม่ ชี ลิ ด์ ทม่ี า https://www.slideshare.net/leeneshaa/osi-29145448 - สายคบู่ ดิ เกลยี วแบบมชี ลิ ด์ (Shielded Twisted Pair; STP) รปู ท่ี 3.10 สายคบู่ ดิ เกลยี วแบบมชี ลิ ด์ ทม่ี า https://www.slideshare.net/Aashu613/cables-27442301 ขอ้ ดีข้อเสียของสายค่บู ิดเกลียว ขอ้ ดี 1. มรี าคาถกู 2. ใชง้ านงา่ ยมคี วามยดื หยนุ่ ในการใชง้ าน 3. ตดิ ตงั้ งา่ ยและมนี ้าหนกั เบา ข้อเสีย 1. ถกู รบกวนจากสญั ญาณภายนอกไดง้ า่ ย 2. ระยะทางจากดั 1.2. สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) ประกอบดว้ ยลวดทองแดงอย่ตู รงกลางหุม้ ดว้ ย ฉนวนพลาสตกิ 1 ชนั้ แลว้ จงึ หมุ้ ดว้ ยทองแดงทถ่ี กั เป็นแผน่ แลว้ หมุ้ ภายนอกอกี ชน้ิ หน่ึงดว้ ยฉนวนใชใ้ น ระบบโทรทศั น์ และวทิ ยุ ความเรว็ ในการสง่ ขอ้ มลู 350 Mbps สง่ ไดใ้ นระยะทาง 2-3 ไมล์
- 82 - รปู ท่ี 3.11 สายโคแอกเชยี ล ทม่ี า https://en.wikipedia.org/wiki/Coaxial_cable ข้อดีข้อเสียของสายโคแอกเชียล ขอ้ ดี 1. มปี ระสทิ ธภิ าพ และความตา้ นทานตอ่ การรบกวนสงู 2. สามารถสง่ ขอ้ มลู ไดไ้ กลกวา่ สายสง่ ขอ้ มลู แบบ Twisted Pair 3. สามารถสง่ ไดท้ งั้ เสยี ง สญั ญาณวดิ โี อ และขอ้ มลู ขอ้ เสีย 1. ราคาแพงกวา่ สายสง่ ขอ้ มลู แบบ Twisted Pair 2. คา่ ใชจ้ า่ ยในการตดิ ตงั้ มรี าคาสงู กวา่ สายสง่ ขอ้ มลู แบบ Twisted Pair 3. จากดั จานวนของการเชอ่ื มต่อ 4. ระยะทางจากดั 1.3. สายใยแก้วนาแสง (Optical Fiber)ประกอบดว้ ยเสน้ ใยทท่ี ามาจากใยแกว้ 2 ชนิด ชนดิ หน่ึงจะอยทู่ แ่ี กนกลาง ส่วนอกี ชนิดหน่ึงอยทู่ ด่ี า้ นนอก ซง่ึ ใยแกว้ ทงั้ สองน้ีจะมดี ชั นกี ารสะทอ้ นแสง ต่างกนั ทาใหแ้ สงซง่ึ ถูกส่งออกมาจากปลายด้านหน่ึงสามารถส่งผา่ นไปยงั อกี ดา้ นหน่ึง โดยทไ่ี ม่ผา่ น ออกไปยงั ผวิ ด้านนอกของเส้นใยได้ ใชส้ าหรบั ส่งขอ้ มูลท่ตี ้องการความเรว็ สูง มขี อ้ มูลท่ตี ้องการส่ง จานวนมาก และในสภาพแวดล้อมท่มี สี ญั ญาณไฟฟ้ารบกวนมาก ความเรว็ ในการส่งขอ้ มลู 1 Gbps ระยะทางในการสง่ ขอ้ มลู 20-30 ไมล์
- 83 - รปู ท่ี 3.12 สายใยแกว้ นาแสง ทม่ี า https://www.fiberoptics4sale.com/blogs/archive-posts/95148166-fiber-optic-cable-tutorial- covers-everything-about-fiber-optic-cable. ขอ้ ดีข้อเสียของสายใยแก้นาแสง ขอ้ ดี 1. สง่ ขอ้ มลู ดว้ ยความเรว็ สงู 2. ไมม่ กี ารรบกวนทางแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า เหมาะกบั สภาพแวดลอ้ ม เชน่ โรงพยาบาล สถานโี ทรทศั น์ ฯลฯ 3. สง่ ขอ้ มลู ไดใ้ นปรมิ าณมาก ขอ้ เสีย 1. มรี าคาแพงกวา่ สายสง่ ขอ้ มลู 2 แบบแรก 2. ตอ้ งใชค้ วามชานาญในการตดิ ตงั้ มากกว่าสายสง่ ขอ้ มลู แบบอน่ื ๆ 3. มคี า่ ใชจ้ ่ายในการตดิ ตงั้ สงู กว่า 2 แบบแรก 2. ส่ือสญั ญาณไร้สาย 2.1 ระบบไมโครเวฟ (Microwave System) การสง่ สญั ญาณขอ้ มลู ไปกลบั คลน่ื ไมโครเวฟเป็นการสง่ สญั ญาณขอ้ มลู แบบรบั ชว่ ง ต่อๆ กนั จากหอ (สถานี) ส่ง-รบั สญั ญาณหน่ึงไปยงั อกี หอหน่ึง แต่ละแห่งจะครอบคลุมพ้ืนท่ีรบั สญั ญาณประมาณ 30-50 กม. การส่งสญั ญาณขอ้ มูลไมโครเวฟมกั ใช้กนั ในกรณีท่กี ารติดตงั้ สาย เคเบลิ ทาได้ไม่สะดวก เช่น ในเขตเมอื งใหญ่ ๆ หรอื ในเขตทป่ี ่ าเขา แต่ละสถานีไมโครเวฟจะตดิ ตงั้ จานสง่ -รบั สญั ญาณขอ้ มลู ซง่ึ มเี สน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 10 ฟุต สญั ญาณไมโครเวฟเป็นคล่นื ยา่ น ความถ่สี งู (2-10 GHz) เพ่อื ป้องกนั การแทรกหรอื รบกวนจากสญั ญาณอ่นื ๆ แต่สญั ญาณอาจจะ ออ่ นลง หรอื หกั เหไดใ้ นทม่ี อี ากาศรอ้ นจดั พายหุ รอื ฝน ดงั นนั้ การตดิ ตงั้ จานสง่ -รบั สญั ญาณจงึ ตอ้ งให้ หนั หน้าของจานตรงกนั และหอยง่ิ สงู ยงิ่ สง่ สญั ญาณไดไ้ กล
- 84 - รปู ท่ี 3.13 การสง่ สญั ญาณดว้ ยระบบไมโครเวฟ ทม่ี า http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/computer/network/net_media3.htm ปัจจุบนั มกี ารใชก้ ารส่งสญั ญาณขอ้ มลู ทางไมโครเวฟกนั อย่างแพรห่ ลาย สาหรบั การส่อื สาร ขอ้ มูลในระยะทางไกลหรอื ระหว่างอาคารโดยเฉพาะกรณีท่ไี ม่สะดวกท่ีจะใช้สายไฟเบอร์ออปติก หรอื การส่อื สารดาวเทยี ม อกี ทงั้ ไมโครเวฟยงั มรี าคาถูกกว่าและตดิ ตงั้ ได้งา่ ยกว่า และสามารถส่ง ขอ้ มลู ไดค้ ราวละมาก ๆ ดว้ ย อยา่ งไรกต็ ามปัจจยั สาคญั ทท่ี าใหส้ อ่ื กลางไมโครเวฟเป็นทน่ี ิยม คอื ราคา ทถ่ี กู กวา่ 2.2. การส่ือสารด้วยดาวเทียม (Satellite Transmission) ท่จี รงิ ดาวเทยี มก็คือสถานีไมโครเวฟลอยฟ้านัน่ เอง ซ่ึงทาหน้าท่ีขยายและทบทวน สญั ญาณขอ้ มลู รบั และสง่ สญั ญาณขอ้ มลู กบั สถานีดาวเทยี มทอ่ี ยบู่ นพน้ื โลก สถานีดาวเทยี มภาคพน้ื จะทาการส่งสญั ญาณขอ้ มลู ไปยงั ดาวเทยี มซ่งึ จะหมุนไปตามการหมุนของโลกซ่งึ มตี าแหน่งคงทเ่ี ม่อื เทยี บกบั ตาแหน่งบนพน้ื โลก ดาวเทยี มจะถกู สง่ ขน้ึ ไปใหล้ อยอยสู่ งู จากพน้ื โลกประมาณ 22,300 กม. เคร่อื งทบทวนสญั ญาณของดาวเทยี ม (Transponder) จะรบั สญั ญาณขอ้ มูลจากสถานีภาคพ้นื ซ่งึ มี กาลงั ออ่ นลงมากแลว้ มาขยาย จากนนั้ จะทาการทบทวนสญั ญาณ และตรวจสอบตาแหน่งของสถานี ปลายทาง แลว้ จงึ ส่งสญั ญาณขอ้ มลู ไปดว้ ยความถใ่ี นอกี ความถห่ี น่ึงลงไปยงั สถานีปลายทาง การสง่ สญั ญาณขอ้ มลู ขน้ึ ไปยงั ดาวเทยี มเรยี กว่า \"สญั ญาณอปั ลงิ ก\"์ (Up-link) และการสง่ สญั ญาณขอ้ มลู กลบั ลงมายงั พน้ื โลกเรยี กวา่ \"สญั ญาณ ดาวน์-ลงิ ก”์ (Down-link) ลกั ษณะของการรบั ส่งสญั ญาณขอ้ มูลอาจจะเป็นแบบจุดต่อจุด (Point-to-Point) หรอื แบบแพรส่ ญั ญาณ (Broadcast) สถานีดาวเทยี ม 1 ดวง สามารถมเี ครอ่ื งทบทวนสญั ญาณดาวเทยี ม ไดถ้ งึ 25 เคร่อื ง และสามารถครอบคลุมพน้ื ทก่ี ารส่งสญั ญาณไดถ้ งึ 1 ใน 3 ของพน้ื ผวิ โลก ดงั นนั้ ถ้า จ ะ ส่ ง ส ัญ ญ า ณ ข้อ มู ล ให้ไ ด้ ร อ บ โ ล ก ส า ม า ร ถ ท า ไ ด้ โด ย ก า ร ส่ ง ส ัญ ญ า ณ ผ่ า น ส ถ า นี ด า ว เทีย ม เพยี ง 3 ดวงเทา่ นนั้
- 85 - รปู ท่ี 3.14 การสง่ สญั ญาณของดาวเทยี ม ทม่ี า http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/computer/network/net_media3.htm ลกั ษณะการใช้งานดาวเทียมส่ือสาร มีดงั นี้ การแพร่ภาพโทรทศั น์ (Television Distribution) ดาวเทยี มสอ่ื สารเหมาะสาหรบั การแพร่ ภาพโทรทศั น์ เน่อื งจากดาวเทยี มสอ่ื สารมธี รรมชาติ ของ Broadcasting อยแู่ ลว้ โทรศัพท์ทางไกล (Long - Distance Telephone Transmission) ใช้เช่ือมโยงระหว่าง ชมุ สายโทรศพั ทแ์ ทนสายผา่ นแบบจดุ ถงึ จุด โครงขา่ ยธุรกจิ ส่วนบุคคล (Private Business Networks) ระบบสถานีภาคพ้นื ดนิ ขนาด เลก็ VSAT (Very Small Aperture Terminal) แต่ละจุดแบ่งกนั ใชช้ อ่ งสญั ญาณของดาวเทยี มในการส่ง ขอ้ มูลไปยงั สถานีภาคพ้นื ดินกลาง (Hub Station) เพ่อื แลกเปล่ยี นข่าวสารขอ้ มูลกนั ทน่ี ัน่ ก่อนท่จี ะ สง่ กลบั ไปยงั ผใู้ ชแ้ ตล่ ะจุด 2.3 ระบบท่ีใช้คล่ืนวิทยเุ ป็นพาหะ (Radio Carrier) คลน่ื วทิ ยเุ ป็นคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ขนั้ ตอนการสง่ สญั ญาณคอื มกี ารแพรก่ ระจาย พลงั งาน คล่นื จากสายอากาศดา้ นผสู้ ง่ ซง่ึ สามารถเดนิ ทางด้วยความเรว็ เทา่ กบั ความเรว็ ของแสง คอื 3 x108 เมตร/วนิ าที เม่อื คล่นื เดนิ ทางมาถงึ สายอากาศด้านผรู้ บั จะเกดิ คา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าจานวนน้อยๆ คา่ หน่ึง ซง่ึ ถา้ หากมกี ารขยายและแปลงสญั ญาณทม่ี กี ารสง่ มากจ็ ะไดส้ ญั ญาณเดมิ กลบั มา ขอ้ มลู เสยี ง นนั้ สามารถพดู รวมไปกบั สญั ญาณคล่นื วทิ ยทุ เ่ี ป็นสอ่ื ได้ จากการทต่ี อ้ งการส่อื สารในระยะไกลๆ สญั ญาณเสยี งของมนุษย์ ซง่ึ อย่ใู นช่วงความถต่ี ่า และมคี วามยาวคล่นื มาก หากต้องการส่งเสยี งพูดออกไปในอากาศ จาเป็นทต่ี อ้ งใช้ เสาอากาศท่สี ูง มาก ซ่ึงเกิดความไม่สะดวก และอาจมสี ญั ญาณรบกวนได้งา่ ย จึงมกี ารคิดค้นเทคนิค ท่จี ะทาให้ เปล่ยี นความถ่ขี องเสยี งพูดใหอ้ ย่ใู นอกี ช่วงความถห่ี น่ึงซง่ึ เหมาะสาหรบั การส่งออกอากาศ เราเรยี ก วิธีการน้ีว่า การมอดูเลต (Modulation) ก็คือการเปล่ียนรูปแบบของสญั ญาณหน่ึงให้เป็ นไปตาม รปู แบบของสญั ญาณอกี ชดุ หน่งึ และทาการสง่ ออกไปตามสอ่ื กลางทต่ี อ้ งการ
- 86 - ส่วนประกอบทวั่ ๆไปของระบบท่ีใช้คล่ืนวิทยุ 1. เครอื่ งสง่ สญั ญาณคลนื่ วทิ ยุ (Radio Transmitters) จดุ เรมิ่ ตน้ ของการสง่ คลน่ื วทิ ยุ ประกอบดว้ ยการสรา้ งสญั ญาณทเ่ี ป็นสอ่ื หรอื พาหะ (Carrier Generation) จากนนั้ นาสญั ญาณทเ่ี ป็นสอ่ื มาทาการมอดเู ลตกบั สญั ญาณขอ้ มลู หรอื เสยี ง แลว้ จงึ ทาการขยายสญั ญาณเพอ่ื สง่ ออกไปยงั สายอากาศ โดยมวี งจรสรา้ งสญั ญาณ พาหะซง่ึ เชอ่ื มเขา้ กบั วงจรขยายเพอ่ื เพม่ิ กาลงั การสง่ ออก ไปกบั สายอากาศ 2. เครอื่ งรบั สญั ญาณ (Communication Receiver)เครอ่ื งรบั สญั ญาณทาหน้าทใ่ี น การเลอื กชอ่ งสญั ญาณทต่ี อ้ งการออกมาจากสญั ญาณอน่ื ๆทถ่ี กู สง่ ออกมาใน อากาศ และขยายสญั ญาณกลบั ไปเป็นสญั ญาณขอ้ มลู ทส่ี ง่ มาได้ 3. สายสง่ และสายอากาศ (Transmission and Antenna)กอ่ นทจ่ี ะมกี ารสง่ สญั ญาณ ออกไปจะตอ้ งมกี ารสง่ ผา่ นสญั ญาณทางสายกอ่ น มสี ว่ นประกอบ 2 สว่ นคอื สาย สง่ สญั ญาณ (Transmission Line) และสายอากาศ (Antenna) ทงั้ สองสว่ นน้ีจะ เป็นตวั เชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งเครอ่ื งสง่ สญั ญาณ(Transmitter)และ เครอ่ื งรบั สญั ญาณ (Receiver) กบั ตวั กลางหรอื ชอ่ งสญั ญาณ ซง่ึ ในทน่ี ้ีคอื อากาศ ซง่ึ จะทาหน้าท่ี แปลงสญั ญาณทางไฟฟ้าของคล่นื วทิ ยอุ อกไปเป็นสญั ญาณคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าท่ี สามารถสอ่ื สารไปไดใ้ นระยะทางไกลๆและสายอากาศจะทาหน้าทด่ี กั รบั สญั ญาณ คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าในบรรยากาศเขา้ มาและถ่ายทอดผา่ นสายสง่ สญั ญาณไปให้ เครอ่ื งรบั ได้ คลน่ื วทิ ยเุ ป็นคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าในแถบความถต่ี งั้ แต่ 30 MHz จนถงึ 1 GHz การใช้ งานคล่นื วทิ ยสุ าหรบั การสอ่ื สารขอ้ มลู Digital ทร่ี จู้ กั กนั ดี คอื วทิ ยแุ พก็ เกต (Packet) แตกต่างทส่ี าคญั ระหว่างคล่นื วทิ ยุกบั สญั ญาณไมโครเวฟคอื คล่นื วทิ ยุเดนิ ทางไปรอบทศิ ทางสว่ นไมโครเวฟสามารถ โฟกสั ใหเ้ ดนิ ทางในทศิ ทางเดยี วได้ คลน่ื วทิ ยไุ มไ่ ดใ้ ชส้ าหรบั วทิ ยเุ ทา่ นนั้ แตย่ งั ใชส้ าหรบั โทรศพั ท์มอื ถอื โทรศพั ทไ์ รส้ าย วทิ ยุ ทหาร ระบบควบคุมดาวเทยี ม ดาวเทยี มพยากรณ์อากาศ แสงเรดาร์หรอื เครอ่ื งนาทางทต่ี ดิ อยู่กบั เครอ่ื งบนิ เรอื เดนิ ทะเล คน สตั วต์ า่ งอาศยั คลน่ื วทิ ยเุ หมอื นกนั 2.4 ระบบที่ใช้คลื่นแสงเป็นพาหะ (Light Carrier) ระบบการส่ือสารข้อมูลโดยใช้แสงเป็ นพาหะส่วนมากใช้แสงอินฟราเรด (Infra-red waves) เป็นตวั กลางในการสอ่ื สาร ทเ่ี หน็ กนั ชดั เจน คอื ระบบ LAN แบบไรส้ าย (Wireless LAN) ขอ้ ดี ของการใชแ้ สงอนิ ฟราเรด คอื สามารถทจ่ี ะเคลอ่ื นทไ่ี ดง้ า่ ย ตดิ ตงั้ งา่ ย ไมต่ อ้ งมกี ารขอใชค้ วามถแ่ี ละขอ อนุญาต แตก่ ม็ ขี อ้ เสยี คอื ไมส่ ามารถส่อื สารไปในระยะทางไกลๆ ได้ มชี ว่ งสญั ญาณทแ่ี คบและถา้ เกดิ ฝนตกจะทาใหก้ ารสง่ สญั ญาณออ่ นลงดว้ ย ระบบอนิ ฟราเรด (Infra-red) เป็นระบบทใ่ี ชเ้ ทคโนโลยเี ชน่ เดยี วกบั Remote Control ของเครอ่ื งโทรทศั น์ อยา่ งไรกด็ ี ระบบน้ีจะมขี อ้ จากดั ทต่ี อ้ งใชง้ านเป็นเสน้ ตรง ตอ้ งไมม่ สี ง่ิ กดี ขวาง หรอื ระบบสเปกตรัมแถบกว้าง (Spread Spectrum) เป็ นระบบคล่ืนวิทยุท่ีถูกพัฒนาโดยกองทัพ สหรฐั อเมรกิ าระหวา่ งสงครามโลกครงั้ ทส่ี อง เพอ่ื ป้องกนั สญั ญาณรบกวน และดกั สญั ญาณ
- 87 - ความหมายของการส่ือสารโทรคมนาคม เทคโนโลยโี ทรคมนาคมถูกพฒั นาขน้ึ เพ่อื ตอบสนองความตอ้ งการของมนุษยด์ า้ นการสอ่ื สาร ในระยะทางไกล จากแรกเรม่ิ มนุษยใ์ ชว้ ธิ กี ารรบั สง่ ขอ้ มลู ขา่ วสารระยะทางไกลด้วยวธิ กี ารใชส้ ญั ญาณ ควนั สญั ญาณไฟ สญั ญาณท่าทาง หรอื สญั ญาณวตั ถุ เป็นต้น โทรเลขเป็นเทคโนโลยที ่มี นุษย์ ประดษิ ฐข์ น้ึ และเรม่ิ มาใชก้ นั ในการสอ่ื สารเป็นครงั้ แรก ทาใหม้ นุษยส์ ามารถสง่ ขอ้ ความไดใ้ นระยะไกล ต่อมามนุษย์มกี ารพัฒนาเทคโนโลยที ่มี ีความสามารถท่เี หนือกว่าโทรเลขนัน่ คอื โทรศพั ท์ ซ่ึงเป็ น เทคโนโลยที ค่ี นุ้ เคยและใชก้ นั อยใู่ นปัจจุบนั โทรศพั ทเ์ ป็นเทคโนโลยที ท่ี าใหม้ นุษยส์ ามารถส่อื สารดว้ ย วธิ กี ารสนทนากนั ไดโ้ ดยไมจ่ ากดั ระยะทาง “Tele” เป็นรากศพั ทท์ ม่ี าจากภาษากรกี โบราณ แปลว่า “ระยะทางทไ่ี กล” หรอื “อยไู่ กล ออกไป” “Telecommunications” การส่อื สารโทรคมนาคม สามารถใหค้ วามหมายอย่างกว้าง ๆ ตามรปู ศพั ทไ์ ดว้ ่า หมายถงึ “การตดิ ตอ่ สอ่ื สารไปยงั ผรู้ บั ปลายทางทอ่ี ยรู่ ะยะทางไกลออกไป” ความรเู้ พ่ิมเติม โทรศพั ท์ (Tele + Phone) แปลว่า การพดู ทร่ี ะยะทางไกล โทรเลข (Tele + Graph) แปลวา่ การเขยี นทร่ี ะยะทางไกล โทรทศั น์ (Tele + Vision) แปลวา่ การดทู ร่ี ะยะทางไกล สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunications Union: ITU) ได้ใหค้ าจากดั ความว่า “Telecommunications” หมายถงึ “การส่งข่าวสารทุกรปู แบบไม่ว่าจะเป็น เสยี งพูด, ตวั อกั ษร, สญั ลกั ษณ์, ภาพถ่าย, กราฟิก, ภาพเคล่อื นไหว (Video) ฯลฯ ไปยงั ปลายทาง โดยอาศยั สญั ญาณไฟฟ้าหรอื สญั ญาณแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าไมว่ ่ารปู แบบใดและไมจ่ ากดั ว่าจะไปใชส้ อ่ื ชนดิ ใด (เช่น ระบบวทิ ยุ, คู่สายทองแดง หรอื สายใยแกว้ นาแสง ฯลฯ)” เทคโนโลยโี ทรคมนาคม ใชเ้ พ่อื ตดิ ต่อส่อื สารรบั /สง่ ขอ้ มลู จากทท่ี ไ่ี กลออกไป เป็นการส่งของขอ้ มลู ระหว่างคอมพวิ เตอร์ หรอื อปุ กรณ์ ต่าง ๆ ท่อี ยู่ห่างไกลกนั ซ่งึ จะช่วยใหก้ ารเผยแพร่ขอ้ มูล หรอื สารสนเทศไปยงั ผูใ้ ชใ้ นแหล่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเรว็ ถูกต้อง ครบถ้วน และทนั เหตุการณ์ (Up-to-Date) ซ่ึงรูปแบบของ ขอ้ มูลทร่ี บั /ส่ง อาจเป็น ตวั เลข (Numeric Data), ตวั อกั ษร(Text), ภาพ (Image) และเสยี ง (Voice) ตวั อย่าง เช่น การส่งขอ้ มูลต่าง ๆ ของยานอวกาศท่อี ยู่นอกโลกมายงั เคร่อื งคอมพิวเตอร์บน โลก เพอ่ื ทาการคานวณ และประมวลผล ทาใหท้ ราบปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ โทรคมนาคม (Telecommunication) คอื การตดิ ต่อเพ่อื การส่อื ความหมายระหว่างผู้ส่ง ขา่ วสารและผูร้ บั ข่าวสาร แต่ผู้ส่งข่าวสารและผู้รบั ขา่ วสารอาจจะอยู่ในสถานท่เี ดยี วกนั หรอื อยู่ต่าง สถานทก่ี นั กไ็ ดห้ ากอยตู่ ่างสถานทก่ี นั อาจจะตอ้ งใชร้ ะบบการส่อื สาร เชน่ โทรเลข โทรศพั ท์ หรอื โทรสาร เพอ่ื การตดิ ต่อ สอ่ื สารระหว่างผสู้ ง่ ขา่ วสารและผรู้ บั ขา่ วสาร
- 88 - กล่าวโดยสรุป “โทรคมนาคม” เป็ นการส่ือสารทัง้ ระยะใกล้และไกล โดยการรบั ส่ง สญั ญาณเสยี ง ขอ้ ความ และภาพ ผ่านสอ่ื สญั ญาณทางสายหรอื ไรส้ ายดว้ ยระบบแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าซง่ึ อาจ เป็นไฟฟ้า แสง หรอื วธิ อี น่ื ใดทท่ี างานรว่ มกนั องคป์ ระกอบพื้นฐานของระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบโทรคมนาคมใด ๆ ทใ่ี หบ้ รกิ ารสารสนเทศ เชน่ ระบบโทรศพั ท์ ระบบวทิ ยกุ ระจายเสยี ง และโทรทัศน์ นัน้ จะมีองค์ประกอบพ้ืนฐานท่ีเหมือนกันแต่อาจมีองค์ประกอบย่อยท่ีแตกต่างกัน องคป์ ระกอบพน้ื ฐานของระบบโทรคมนาคมประกอบดว้ ย 6 องคป์ ระกอบ คอื ผสู้ ง่ ขา่ วสาร การเขา้ รหสั ชอ่ งสญั ญาณ การถอดรหสั ผรู้ บั ขา่ วสาร (Source) (Encoding) (Channel) (Decoding) (Sink) สญั ญาณรบกวน (Noise) รปู ท่ี 3.15 องคป์ ระกอบพน้ื ฐานของระบบสอ่ื สารโทรคมนาคม ทม่ี า ประสทิ ธิ ์ ทฆี พฒุ ,ิ 2547 1. ผ้สู ่งข่าวสารหรอื แหล่งกาเนิดข่าวสาร (Source) เป็นตน้ ทางของการส่อื สารขอ้ มลู อาจจะเป็น คน หรอื วตั ถุ มหี น้าทส่ี ง่ ขอ้ มลู สญั ญาณหรอื ขอ้ มลู ขา่ วสาร (Message) ไดแ้ ก่ ขอ้ ความ (Text), ตัวเลข (Number), รูปภาพ (Images), เสยี ง (Audio), หรอื วดิ โี อ (Video) กไ็ ด้ เช่น ผู้พูด โทรทศั น์ กลอ้ งวดิ โี อ เป็นตน้ สมยั อดตี อาจจะใชแ้ สงไฟ ควนั ไฟ หรอื ทา่ ทางต่างๆ 2. ผู้รบั ข่าวสารหรือปลายทางของข่าวสาร (Sink) เป็นปลายทางของการส่อื สาร ขอ้ มลู เช่น ผฟู้ ัง เครอ่ื งรบั โทรทศั น์ เครอ่ื งพมิ พ์ เป็นตน้ ซง่ึ จะรบั รขู้ อ้ มลู จากสง่ิ ทผ่ี สู้ ่งขา่ วสารหรอื แหล่งกาเนิดสง่ ผา่ นมาให้ 3. ช่องสัญญาณ (Channel) หรือ ส่ือกลางเป็ นตัวกลางท่ีข่าวสารเดินทางผ่าน คือ กระบวนการ ชอ่ งทาง หรอื สอ่ื ใด ๆ ทท่ี าใหข้ อ้ มลู สามารถสง่ ไปถงึ หน่วยรบั ขอ้ มลู ปลายทางไดอ้ ยา่ งไม่ ผดิ พลาด เช่น ส่อื สญั ญาณทางสาย ไดแ้ ก่ สายค่บู ดิ เกลยี ว สายโคแอกเชยี ล สายใยแก้วนาแสง หรอื ส่อื สญั ญาณไร้สายท่ีเป็ นคล่ืนส่งผ่านทางอากาศ เช่น เลเซอร์ คล่ืนไมโครเวฟ คล่ืนวิทยุ ภาคพน้ื ดนิ หรอื คลน่ื วทิ ยผุ า่ นดาวเทยี ม เป็นตน้ 4. การเข้ารหสั (Encoding) เป็นการช่วยใหผ้ สู้ ่งขา่ วสารและผรู้ บั ขา่ วสารมคี วามเขา้ ใจ ตรงกนั ในการส่อื ความหมาย การเขา้ รหสั จงึ หมายถงึ การแปลงขา่ วสารใหอ้ ย่ใู นรปู ขา่ วสารทส่ี ามารถ เขา้ ใจได้
- 89 - 5. การถอดรหสั (Decoding) หมายถงึ การทผ่ี รู้ บั ขา่ วสารแปลงพลงั งานจากสอ่ื กลางให้ กลบั ไปอยใู่ นรปู ขา่ วสารทส่ี ง่ มาจากผสู้ ง่ ขา่ วสารโดยมคี วามเขา้ ใจหรอื รหสั ตรงกนั 6. สญั ญาณรบกวน (Noise) คอื สญั ญาณรบกวน เป็นสงิ่ ทม่ี อี ยใู่ นธรรมชาตทิ ม่ี กั จะ ลดทอนสญั ญาณใหเ้ กดิ ขอ้ ผดิ พลาดในการรบั -สง่ ขา่ วสาร เชน่ ลมพายุ คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า เป็นตน้ มาตรฐานของโทรคมนาคม ปัจจุบนั เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารมคี วามสาคญั อย่างยงิ่ ต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ รวมไปถงึ การพฒั นาศกั ยภาพของประชากรใหส้ ามารถแขง่ ขนั กบั นานาประเทศ ได้ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารจงึ เป็นอกี หน่ึงกญุ แจสาคญั ในการผลกั ดนั ความเจรญิ กา้ วหน้า ใหเ้ กดิ ขน้ึ นอกจากการขวนขวายใฝ่หาความรโู้ ดยปัจเจกบคุ คลเองแลว้ รฐั ยอ่ มเป็นอกี หน่งึ กลไกสาคญั ในการผลกั ดนั ใหป้ ระชาชนไดเ้ ขา้ ถงึ เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งเทา่ เทยี มหน่วยงานราชการทส่ี าคญั ใน การทาหน้าทผ่ี ลกั ดนั ประชาชนไทยใหเ้ ขา้ ถงึ เทคโนโลยดี า้ นไอที องคก์ ารทท่ี าหน้าทก่ี าหนดมาตรฐาน โทรคมนาคมระหวา่ งประเทศ คอื สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ สาหรบั ประเทศไทยไดม้ กี าร กาหนดใหม้ อี งคก์ ารกากบั ดแู ลอสิ ระ คอื คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. (National Broadcasting and Telecommunication Commission : NBTC) บทบาทหน้าทใี่ นการบรหิ ารความถวี่ ทิ ยุเพอื่ กจิ การโทรคมนาคม และกากบั ดูแลการประกอบกจิ การโทรคมนาคมใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและเกดิ การแข่งขนั อย่างเสรี เพอื่ ประโยชน์ สูงสุดของประชาชน นอกจากน้ี กสทช.ยงั มหี น้าทหี่ ลกั ในการออกใบอนุญาตจัดสรรคลืน่ ความถี่ กาหนดอตั ราค่าบรกิ าร เชอื่ มต่อโครงข่าย ใหบ้ รกิ ารอย่างทวั่ ถงึ รวมทงั้ การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคอกี ด้วย สานักงาน กสทช. มฐี านะเป็นหน่วยงานของรฐั ทไ่ี ม่เป็นส่วนราชการ อย่ภู ายใตก้ ารกากบั ดูแลของ ประธาน กสทช. มหี น้าทเ่ี ป็นหน่วยงานธุรการของ กสทช. และเป็นผขู้ บั เคลอ่ื นและปฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด ไม่ว่าจะเป็นงานด้านงบประมาณ งานดา้ นบรหิ ารงานทวั่ ไป งานด้านการรบั เรอ่ื งรอ้ งเรยี น งานดา้ น ตรวจสอบและตดิ ตามการใชค้ ลน่ื ความถ่ี เป็นตน้ อานาจหน้าที่ของ กสทช. มีดงั ต่อไปนี้ 1. จดั ทาแผนแมบ่ ทการบรหิ ารคล่นื ความถ่ี ตารางกาหนดคลน่ื ความถแ่ี หง่ ชาติ แผน แมบ่ ทกจิ การกระจายเสยี งและกจิ การโทรทศั น์ แผนแม่บทกจิ การโทรคมนาคม แผนความถ่วี ทิ ยุและ แผนเลขหมายโทรคมนาคม 2. กาหนดการจดั สรรคลน่ื ความถร่ี ะหว่างคลน่ื ความถท่ี ใ่ี ชใ้ นกจิ การกระจายเสยี ง กจิ การโทรทศั น์ กจิ การวทิ ยคุ มนาคม และกจิ การโทรคมนาคม 3. กาหนดลกั ษณะและประเภทของกจิ การกระจายเสยี ง กจิ การโทรทศั น์ และกจิ การ โทรคมนาคม
- 90 - 4. พจิ ารณาอนุญาตและกากบั ดแู ลการใชค้ ลน่ื ความถแ่ี ละเครอ่ื งวทิ ยคุ มนาคมในการ ประกอบกจิ การกระจายเสยี ง กจิ การโทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม หรอื ในกจิ การวทิ ยุ คมนาคมและกาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารเกย่ี วกบั การอนุญาต เงอ่ื นไข หรอื คา่ ธรรมเนยี ม การอนุญาตดงั กลา่ ว 5. กาหนดหลกั เกณฑก์ ารใชค้ ล่นื ความถใ่ี หเ้ ป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและปราศจาก การรบกวนซง่ึ กนั และกนั ทงั้ ในกจิ การประเภทเดยี วกนั และระหว่างกจิ การแต่ละประเภท 6. พจิ ารณาอนุญาตและกากบั ดแู ลการประกอบกจิ การกระจายเสยี ง กจิ การโทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม เพอ่ื ใหผ้ ใู้ ชบ้ รกิ ารไดร้ บั บรกิ ารทม่ี คี ณุ ภาพ ประสทิ ธภิ าพ รวดเรว็ ถกู ตอ้ ง และเป็นธรรมและกาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารเกย่ี วกบั การอนุญาต เงอ่ื นไข หรอื คา่ ธรรมเนียมการอนุญาตดงั กลา่ ว 7. พิจารณาอนุญาตและกากับดูแลการใช้เลขหมายโทรคมนาคม และกาหนด หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารเกย่ี วกบั การอนุญาต เงอ่ื นไข หรอื คา่ ธรรมเนียมการอนุญาตดงั กลา่ ว 8. กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารในการใชห้ รอื เชอ่ื มต่อ และหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารใน การกาหนดอตั ราค่าใชห้ รอื ค่าเช่อื มต่อโครงขา่ ยในการประกอบกจิ การกระจายเสยี ง กจิ การ โทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม ทงั้ ในกจิ การประเภทเดียวกนั และระหว่างกจิ การแต่ละ ประเภท ใหเ้ ป็นธรรมต่อผใู้ ชบ้ รกิ าร ผใู้ หบ้ รกิ ารและผลู้ งทุน หรอื ระหว่างผใู้ หบ้ รกิ ารโทรคม นาคโดยคานงึ ถงึ ประโยชน์สาธารณะเป็นสาคญั 9. กาหนดโครงสร้างอตั ราค่าธรรมเนียมและโครงสร้างอตั ราค่าบรกิ ารในกจิ การ กระจายเสียงกิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม ให้เป็ นธรรมต่อผู้ใช้บรกิ ารและผู้ ใหบ้ รกิ ารโดยคานงึ ถงึ ประโยชน์สาธารณะเป็นสาคญั 10. กาหนดมาตรฐานและลกั ษณะพงึ ประสงคท์ างดา้ นเทคนิคในการประกอบกจิ การ กระจายเสยี งกจิ การโทรทศั น์ กจิ การโทรคมนาคม และในกจิ การวทิ ยคุ มนาคม 11. กาหนดมาตรการเพ่อื ป้องกนั มใิ หม้ กี ารกระทาอนั เป็นการผกู ขาดหรอื ก่อใหเ้ กดิ ความไม่เป็ นธรรมในการแข่งขันในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคม 12. กาหนดมาตรการใหม้ กี ารกระจายบรกิ ารดา้ นโทรคมนาคมใหท้ วั่ ถงึ และเท่าเทยี ม กนั ตามมาตรา ๕๐ 13. คมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพของประชาชนมใิ หถ้ กู เอาเปรยี บจากผปู้ ระกอบกจิ การ และคุ้มครองสทิ ธใิ นความเป็นส่วนตัวและเสรภี าพของบุคคลในการส่อื สารถงึ กนั โดยทาง โทรคมนาคมและสง่ เสรมิ สทิ ธเิ สรภี าพและความเสมอภาคของประชาชนในการเขา้ ถงึ และใช้ ประโยชน์คล่นื ความถท่ี ใ่ี ชใ้ นกจิ การกระจายเสยี ง กจิ การโทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม 14. ประสานงานเกย่ี วกบั การบรหิ ารคล่นื ความถ่ที งั้ ในประเทศและระหว่างประเทศ 15. วินิจฉัยและแก้ไขปั ญหาการใช้คล่ืนความถ่ีท่ีมีการรบกวนซ่ึงกันและกัน 16. ติดตามตรวจสอบและให้คาปรกึ ษาแนะนาการประกอบกิจการกระจายเสียง กจิ การโทรทศั น์และกจิ การโทรคมนาคม
- 91 - 17. กาหนดลกั ษณะการควบรวม การครองสทิ ธขิ า้ มสอ่ื หรอื การครอบงากจิ การ กระจายเสยี งและกจิ การโทรทศั น์ทใ่ี ชค้ ล่นื ความถ่ี ระหว่างส่อื มวลชนดว้ ยกนั เองหรอื โดยบุคคลอน่ื ใด ซ่งึ จะมผี ลเป็นการขดั ขวางเสรภี าพในการรบั รู้ขอ้ มูลข่าวสารหรอื ปิดกนั้ การได้รบั ขอ้ มูลข่าวสารท่ี หลากหลายของประชาชน 18. สง่ เสรมิ การรวมกลุม่ ของผรู้ บั ใบอนุญาต ผผู้ ลติ รายการ และผปู้ ระกอบวชิ าชพี ส่อื สารมวลชนทเ่ี กย่ี วกบั กจิ การกระจายเสยี งและกจิ การโทรทศั น์เป็นองคก์ รในรปู แบบต่าง ๆ เพ่อื ทา หน้าทจ่ี ดั ทามาตรฐานทางจรยิ ธรรมของการประกอบอาชพี หรอื วชิ าชพี และการควบคุมการประกอบ อาชพี หรอื วชิ าชพี กนั เองภายใตม้ าตรฐานทางจรยิ ธรรม 19. ออกระเบยี บหรอื ประกาศตามมาตรา ๕๘ 20. อนุมตั งิ บประมาณรายจา่ ยของสานกั งาน กสทช. รวมทงั้ เงนิ ทจ่ี ะจดั สรรเขา้ กองทนุ ตามมาตรา ๕๒ 21. พจิ ารณาและใหค้ วามเหน็ ชอบเกย่ี วกบั การจดั สรรเงนิ กองทนุ ตามทค่ี ณะ กรรมการบรหิ ารกองทนุ เสนอตามมาตรา ๕๕ 22. ใหข้ อ้ มลู และรว่ มดา เนนิ การในการเจรจาหรอื ทา ความตกลงระหว่างรฐั บาลแหง่ ราชอาณาจกั รไทยกบั รฐั บาลต่างประเทศหรอื องคก์ ารระหว่างประเทศ ในเร่อื งทเ่ี กย่ี วกบั การบรหิ าร คล่นื ความถ่ี กจิ การกระจายเสยี ง กจิ การโทรทศั น์ กจิ การโทรคมนาคม หรอื กจิ การอน่ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 23. เสนอแนะตอ่ คณะรฐั มนตรเี พอ่ื ใหม้ กี ฎหมายหรอื แกไ้ ขปรบั ปรงุ หรอื ยกเลกิ กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั สรรคล่นื ความถ่แี ละการดาเนินการอ่นื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั คล่นื ความถ่ี กจิ การกระจายเสยี งกจิ การโทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม 24. ออกระเบยี บ ประกาศ หรอื คาสงั่ อนั เกย่ี วกบั อานาจหน้าทข่ี อง กสทช. 25. ปฏบิ ตั กิ ารอน่ื ใดตามทก่ี าหนดไวใ้ นพระราชบญั ญตั นิ ้ีหรอื กฎหมายอน่ื การ กาหนดลกั ษณะการควบรวม การครองสทิ ธขิ า้ มส่อื หรอื การครอบงาตาม (๑๗) ให้ กสทช.รบั ฟังความ คดิ เหน็ จากประชาชนและผเู้ กย่ี วขอ้ งประกอบดว้ ย การใชอ้ านาจหน้าทต่ี ามวรรคหน่งึ ตอ้ งไมข่ ดั หรอื แยง้ กบั กฎหมายว่าดว้ ยการ ประกอบกจิ การกระจายเสยี งและกจิ การโทรทศั น์ กฎหมายว่าด้วยการประกอบกจิ การโทรคมนาคม และกฎหมายว่าดว้ ยวทิ ยุคมนาคม บรรดาระเบยี บ ประกาศ หรอื คาสงั่ ใด ๆ ทใ่ี ชบ้ งั คบั เป็นการทวั่ ไป เมอ่ื ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้ แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2557 – 2561) ปัจจบุ นั กระทรวงไอซที ไี ดจ้ ดั ทาแผนแมบ่ ทเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร ฉบบั ท่ี 3 ขน้ึ เพอ่ื ใหม้ ผี ลใชบ้ งั คบั ต่อไปในชว่ งระหวา่ งปี พ.ศ. 2557 – 2561 เป็นการดาเนินการตามกรอบนโยบาย เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารของประเทศไทย ระยะปี พ.ศ. 2554 – 2563 หรอื ICT 2020 ซง่ึ เป็นกรอบใหญ่กาหนดทศิ ทางการพฒั นาประเทศไทยมงุ่ สู่ Smart Thailand ในปี พ.ศ.2563 เพอ่ื เป็น กลไกสาคญั ในการขบั เคล่อื นยทุ ธศาสตรไ์ ปสกู่ ารปฏบิ ตั ใิ หบ้ รรลเุ ป้าหมายการพฒั นาทว่ี างไว้
- 92 - แผนแมบ่ ท ICT ฉบบั ท่ี 3 ตอ่ ยอดการพฒั นาจากแผนแมบ่ ท ICT ฉบบั ท่ี 2 เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความ ต่อเน่ืองในการพฒั นาดา้ น ICT ของประเทศไทย โดยยดึ หลกั การพฒั นาแบบยงั่ ยนื (Sustainability) ประกอบไปดว้ ยปัจจยั สาคญั ไดแ้ ก่ หลกั ธรรมาภบิ าล (Governance) หลกั ความมนั่ คงปลอดภยั ทาง โลกไซเบอร์ (Cyber Security) หลกั การอนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและลดภาวะโลกรอ้ น (Green ICT) หลกั การพฒั นาทส่ี อดคลอ้ งกบั หลกั กฎหมาย มาตรฐาน ระเบยี บและวธิ กี ารดา้ น ICT (Laws & Regulations Development) หลกั การพฒั นาตามหลกั เกณฑว์ ฒุ ภิ าวะดา้ น ICT ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง (Maturity Model) และหลกั การพฒั นาทล่ี งถงึ ระดบั ชมุ ชนและทอ้ งถน่ิ (Community & Region Based Development) ยทุ ธศาสตรห์ ลกั ในแผนแมบ่ ท ICT ฉบบั ท่ี 3 ประกอบดว้ ยการพฒั นาใน 4 ยทุ ธศาสตร์ คอื ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 1 การพฒั นาทนุ มนุษยใ์ หเ้ ขา้ ถงึ และรเู้ ทา่ ทนั ICT เพอ่ื การดารงชวี ติ และ การประกอบอาชพี อยา่ งพอเพยี ง ดว้ ยแนวคดิ สรา้ งสรรคเ์ ชงิ นวตั กรรม มสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาและใช้ ประโยชน์จากบรกิ าร ICT (Participatory People) แผนงานหลกั คอื การศกึ ษามาตรฐานในการกาหนด วชิ าชพี ดา้ น ICT เพอ่ื รองรบั การเคล่อื นยา้ ยบุคลากร ICT ระหวา่ งประเทศ ภายใต้ AEC/ASEAN และ APEC กบั มงุ่ สง่ เสรมิ และยกระดบั ศนู ยก์ ารเรยี นรู้ ICT ชมุ ชนและศนู ยอ์ น่ื ๆ ทม่ี ลี กั ษณะคลา้ ยกนั ให้ เป็นชอ่ งทางและกลไกในการสง่ เสรมิ ทกั ษะแนวคดิ สรา้ งสรรค์ รวมถงึ การพฒั นาฝีมอื แรงงานดา้ น ICT การจดั ตงั้ ศนู ยแ์ หง่ ความเป็นเลศิ ในการพฒั นาบคุ ลากรสาหรบั ภาคบรกิ ารอเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ นภมู ภิ าค อาเซยี น ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร ทพ่ี อเพยี ง (Sufficient) และคมุ้ คา่ (Optimal Infrastructure) มแี ผนงานหลกั คอื การพฒั นาโครงขา่ ย หลกั ระหวา่ งประเทศ เพอ่ื สรา้ งแนวทางในการเป็นศนู ยก์ ลางดา้ น Logistics ของภมู ภิ าค ASEAN และ ASEAN บวกพนั ธมติ ร รวมถงึ การขยายจุดใหบ้ รกิ ารและปรบั ปรงุ คณุ ภาพ Free Wi-Fi ในทส่ี าธารณะ โดยไมค่ ดิ คา่ บรกิ าร ในพน้ื ทบ่ี รกิ ารนกั ทอ่ งเทย่ี ว สวนสาธารณะ สนามบนิ สถานรี ถไฟ สถานีรถไฟฟ้า สถานขี นสง่ และสถานทอ่ี น่ื ๆ ตามความเหมาะสม จดั ทาชดุ เครอ่ื งมอื มาตรฐานความมนั่ คงปลอดภยั ขนั้ พน้ื ฐาน (Standard Security Toolkit) สาหรบั หน่วยงานภาครฐั และเอกชน โดยเฉพาะอตุ สาหกรรม ขนาดกลางและขนาดยอ่ มใหส้ ามารถนาไปใชใ้ นการตรวจสอบและเสรมิ สรา้ งความมนั่ คงปลอดภยั ของ ระบบสารสนเทศในหน่วยงานได้ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 การยกระดบั บรกิ ารทางอเิ ลก็ ทรอนกิ สข์ องภาครฐั โดยการมสี ว่ นรว่ ม ของชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ใหม้ คี วามมนั่ คงปลอดภยั ทงั้ ในระดบั ประเทศและระดบั ภมู ภิ าคสากล (Smart Government) แผนงานหลกั คอื การประเมนิ ระดบั วุฒภิ าวะ (Maturity) ของ e-Service ในดา้ นตา่ งๆ ทงั้ ในระดบั ประเทศและหน่วยงานระดบั กรมในทกุ กระทรวง การจดั ตงั้ หรอื ปรบั ปรงุ เวบ็ ไซตก์ ลางของ ภาครฐั ตามแนวทาง Open Government เชน่ ภายใตช้ อ่ื Government Knowledge Center (www.g4share.go.th) หรอื www.data.go.th สาหรบั ใชเ้ ป็นชอ่ งทางในการเปิดเผยและแบง่ ปันขอ้ มลู ขา่ วสาร รวมทงั้ บรกิ ารในลกั ษณะ App Store ใหอ้ ยใู่ นรปู แบบทเ่ี หมาะสม พรอ้ มดว้ ยเครอ่ื งมอื ท่ี สามารถนาขอ้ มลู และบรกิ ารไปใชป้ ระโยชน์ไดส้ าหรบั ประชาชนและเอกชน
- 93 - ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 การพฒั นาขดี ความสามารถของธุรกจิ สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารประยกุ ตใ์ ช้ ICT เพอ่ื ใหม้ ศี กั ยภาพในการแขง่ ขนั ในตลาดในระดบั ภมู ภิ าคและระดบั สากล รวมทงั้ สง่ เสรมิ การพฒั นา ธุรกจิ และอตุ สาหกรรม ICT เชงิ สรา้ งสรรค์ และการใช้ ICT ในธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (Vibrant Industry & Business) แผนงานหลกั คอื จดั ตงั้ One Stop Service ในการใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู ขา่ วสารรวมทงั้ การจดทะเบยี นเพอ่ื อานวยความสะดวกในการจดั ตงั้ และประกอบธุรกจิ ICT ในประเทศ ไทย (Facilitation Desk for ICT Business Start-up Program) รวมตลอดจนการจดั ตงั้ กองทนุ ICT เพอ่ื การพฒั นา ICT ในภาคธุรกจิ และการสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรม ICT โดยเฉพาะในภาคสว่ นธุรกจิ และ อตุ สาหกรรมขนาดกลางและขนาดยอ่ ม นอกจากน้ยี งั มโี ครงการ National Agriculture Platform เพอ่ื เป็นศนู ยก์ ลางในการแลกเปลย่ี นและการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ทจ่ี าเป็นในภาคการเกษตรในรปู แบบทเ่ี หมาะสม กบั ผใู้ ชง้ านทกุ กลุ่มดว้ ย การประยกุ ตใ์ ช้ระบบส่ือสารโทรคมนาคม วตั ถปุ ระสงคข์ องการนาการสอ่ื สารขอ้ มลู มาใชใ้ นองคก์ ร มดี งั ตอ่ ไปน้ี 1. เพอ่ื รบั ขอ้ มลู และสารสนเทศจากแหล่งขอ้ มลู 2. เพอ่ื สง่ และกระจายขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ 3. เพอ่ื ลดเวลาในการทางาน 4. เพอ่ื ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการสง่ ขา่ วสาร 5. เพอ่ื ชว่ ยขยายการดาเนินงานขององคก์ รใหด้ ขี น้ึ 6. เพอ่ื ชว่ ยปรบั ปรงุ การบรหิ ารขององคก์ รใหส้ ะดวกมากขน้ึ การใช้ระบบส่ือสารโทรคมนาคมในองคก์ ร การใชร้ ะบบส่อื สารโทรคมนาคม เป็นบรกิ ารส่อื สารโทรคมนาคมท่มี อี ยู่ใกล้ตวั และมใี ชใ้ น ชวี ติ ประจาวนั ตวั อยา่ งเชน่ 1. การตดิ ต่อสอ่ื สารแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ผา่ นคอมพวิ เตอร์ หรอื เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ เป็นการใชค้ อมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ในการส่งขอ้ มูลและต่อกบั โมเด็ม (MODEM) ซ่ึงเป็นตวั แปลง สญั ญาณจากเครอ่ื งคอมพวิ เตอรไ์ ปส่สู ญั ญาณไฟฟ้าส่งไปตามสายโทรศพั ท์ และแปลงสญั ญาณจาก สายโทรศพั ทเ์ ขา้ สเู่ ครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 2. การใชโ้ ทรศพั ท์ โทรศพั ทเ์ ป็นสงิ่ จาเป็นในชวี ติ ประจาวนั ทข่ี าดไมไ่ ดแ้ ละเป็นสง่ิ ทม่ี ใี ช้ กนั ทวั่ ไป กล่าวคอื ผทู้ ต่ี อ้ งการตดิ ต่อกย็ กหโู ทรศพั ท์กดหมายเลขทต่ี อ้ งการตดิ ต่อไปหาเพ่อื พูดสาย สญั ญาณเสยี งในโทรศพั ทจ์ ะถกู เปลย่ี นเป็นสญั ญาณไฟฟ้าสง่ จากหโู ทรศพั ทไ์ ปตามสายโทรศพั ท์ เขา้ สู่ ชุมสายโทรศพั ท์ ณ ชุมสายโทรศพั ทก์ จ็ ะสลบั สายไปยงั หมายเลขปลายทาง เม่อื เคร่อื งโทรศพั ท์ท่ี ปลายทางมีสัญญาณดังข้นึ สัญญาณไฟฟ้ าก็จะเปล่ียนเป็ นสัญญาณเสียง การใช้โทรศพั ท์เพ่ือ ตดิ ตอ่ สอ่ื สารกนั ถอื เป็นวธิ กี ารทเ่ี รว็ และสะดวก ลดภาระคา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทางไปตดิ ตอ่ งาน และดว้ ย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยใี นปัจจุบนั โทรศพั ท์ไม่เพยี งแต่ใช้พูดคุย หรอื ได้ยนิ แค่เสยี งเท่านัน้ ยงั สามารถพดู คยุ พรอ้ มเหน็ หน้า (Video call) ผทู้ โ่ี ทรศพั ทต์ ดิ ต่อหากนั ไดพ้ รอ้ มกนั ดว้ ย
- 94 - 3. ระบบ ATM (Automatic Teller Machine) ตู้ ATM เป็นเครอ่ื งคอมพวิ เตอรช์ นดิ หน่งึ ซ่ึงสามารถโปรแกรมการใช้งานสาหรับผู้ใช้บริการให้ทาตามคาสัง่ ท่ีกาหนดไว้ ระบบตู้ ATM จะเชอ่ื มตอ่ กบั ระบบคอมพวิ เตอรข์ องธนาคารผา่ นสายโทรศพั ท์ การตดิ ตอ่ จะเป็นแบบออนไลน์ 4. ระบบบตั รเครดติ ลกั ษณะการทางานของระบบบตั รเครดติ จะคลา้ ยกบั ระบบ ATM เป็น การตดิ ต่อเขา้ ไปทศ่ี นู ยข์ องบตั รเครดติ ซง่ึ เป็นคอมพวิ เตอรท์ ม่ี ฐี านขอ้ มลู ของเครดติ ต่าง ๆ โดยตดิ ต่อ ผา่ นระบบโทรศพั ทเ์ พอ่ื ขออนุมตั เิ ครดติ 5. ระบบการจองตวั ๋ เครอ่ื งบนิ เป็นรปู แบบหน่งึ ของการสอ่ื สารขอ้ มลู ทวั่ ๆ ไป โดยท่ี คอมพวิ เตอรด์ า้ นหน่ึงตดิ ต่อกบั ลูกคา้ และคอมพวิ เตอรอ์ กี ดา้ นหน่ึงเช่อื มต่อกบั ฐานขอ้ มลู ของสายการ บนิ โดยทส่ี ายการบนิ จะทาการปรบั ปรุงขอ้ มลู (Update) เกย่ี วกบั เทย่ี วบนิ เวลาขน้ึ ลง ทน่ี ัง่ จานวน ผโู้ ดยสาร ราคาตวั ๋ เครอ่ื งบนิ อยตู่ ลอดเวลาเพอ่ื ใหท้ นั ตอ่ เหตกุ ารณ์เสมอ 6. ระบบการสอ่ื สารแบบ ISDN (Integrated Services Digital Network) คอื โครงขา่ ยการ สอ่ื สารแบบใหมท่ ม่ี กี ารรวบรวมการสอ่ื สารหลายอย่างไวด้ ว้ ยกนั ซง่ึ การสอ่ื สารแบบน้ีสามารถสง่ ขอ้ มลู ไดท้ งั้ เสยี ง ขอ้ มลู และภาพไปยงั ผรู้ บั ปลายทางไดใ้ นทนั ทดี ว้ ยการส่งเพยี งครงั้ เดยี ว การสง่ ขอ้ มลู ไปยงั ปลายทางของระบบการสอ่ื สาร ISDN นนั้ จะสง่ สญั ญาณแบบดจิ ติ อลซง่ึ จะไมม่ กี ารบบี อดั ขอ้ มลู กอ่ นส่ง ทาใหห้ มดปัญหาเร่อื งสญั ญาณรบกวนไปได้เลย ระบบ ISDN เป็นเหมอื นระบบทม่ี าเปลย่ี นโฉมหน้า ใหมข่ องการสอ่ื สารในระบบดจิ ติ อลเลยทเี ดยี ว กล่าวคอื เราสามารถต่อโทรศพั ท์ คอมพวิ เตอร์ กลอ้ ง วดิ โี อ ลาโพง และเครอ่ื งโทรสารเขา้ กบั สายไอเอสดเี อน็ สายเดยี ว และใชท้ งั้ หมดในเวลาเดยี วกนั เทคโนโลยีโทรศพั ท์เคล่ือนที่ไร้สาย นับตัง้ แต่มีการพัฒนาในด้านวงการโทรศัพท์มือถือมาอย่างต่อเน่ือง จนเข้ามาสู่ยุคของ โทรศพั ท์มอื ถอื ท่เี รยี กว่าสมาร์ทโฟนน้ี การพฒั นาด้านเทคโนโลยโี ทรศพั ท์เคล่อื นท่ไี รส้ ายสามารถ แบ่งยอ่ ยๆ ไดเ้ ป็น 4 ยคุ (กองบรรณาธกิ ารเชค๊ ราคา.คอม. 2557) ดงั ต่อไปน้ี ยคุ ท่ี 1 (1G : First Generation) โดยในรุน่ แรกๆ น้ี หลายคนอาจจะเคยผ่านตามาบา้ งกบั โทรศพั ทม์ อื ถอื ร่างยกั ษ์ทม่ี ี ปุ่มกดนูนๆกบั เสาอากาศใหญ่โตทท่ี าไดเ้ พยี งโทรเขา้ -ออก รบั สาย ซง่ึ เป็นการใชเ้ ทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร แบบ Analog ไดร้ บั การพฒั นาเป็นครงั้ แรกในเครอื ขา่ ยโทรศพั ท์ NTT ของประเทศญป่ี ุ่นและมกี ารใช้ ครงั้ แรกทโ่ี ตเกยี ว ประเทศญป่ี ุ่นในปี ค.ศ. 1979 ก่อนจะเรมิ่ แพรห่ ลายใชท้ วั่ ทงั้ ประเทศญป่ี ุ่น และเขา้ มาสู่ประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย (ยุโรปตอนเหนือ) ในปี 1981 สาหรับประเทศไทยในยุคน้ีมี ผูใ้ ช้บรกิ ารน้อยมาก เน่ืองจากเทคโนโลยเี พิ่งเรม่ิ เข้ามา ทาให้ค่าบรกิ าร (Air Time) และตวั เคร่อื ง โทรศพั ทม์ รี าคาสงู มาก จงึ ไมเ่ ป็นทน่ี ยิ มหรอื ไดร้ บั ความสนใจจากผใู้ ชง้ าน สาหรบั เทคโนโลยกี ารส่อื สารแบบ Analog น้ี จะใช้ระบบพ้นื ฐานการส่งสญั ญาณแบบ FDMA (Frequency Division Multiple Access) หลกั ในการทางานคอื การแบ่งช่องความถ่อี อกเป็น ความถ่ีย่อยหลายๆ ช่อง บนความถ่ที ่ี 824-894 MHz แลว้ ใชส้ ญั ญาณวทิ ยุในการส่งคล่นื เสยี งไปยงั สถานีรบั ส่งสญั ญาณ หน่ึงคล่นื ความถเ่ี ท่ากบั หน่ึงช่องสญั ญาณ ผใู้ ชโ้ ทรศพั ท์เคล่อื นทใ่ี นเวลานัน้ จะ สามารถใชก้ ารบรกิ ารโทรศพั ทไ์ ดเ้ ฉพาะในชอ่ งความถท่ี ว่ี า่ งอยู่ และหลงั จากทม่ี ผี ใู้ ชง้ านมากขน้ึ ระบบ
- 95 - กไ็ มส่ ามารถรองรบั สญั ญาณได้ จงึ ทาใหก้ ารสง่ สญั ญาณแบบ FDMA ไม่เป็นทน่ี ิยมและเกดิ การพฒั นา เขา้ สยู่ คุ ต่อไป ในยคุ 1G น้ี ทข่ี บั เคล่อื นดว้ ยระบบ Analog น้ี ทาใหโ้ ทรศพั ทม์ อื ถอื ในยุคนนั้ ไม่สามารถ ทาอะไรได้มากนัก ความสามารถหลกั ๆ คอื การใชง้ านในเร่อื งของเสยี ง (Voice) เท่านัน้ คอื รองรบั เพยี งการโทรเขา้ และรบั สาย ยงั ไมร่ องรบั การสง่ หรอื รบั Data ใดๆ แมแ้ ต่จะส่ง SMS กย็ งั ไมส่ ามารถ ทาได้ ซง่ึ ในยุคนนั้ ผคู้ นกย็ งั ไม่มคี วามจาเป็นในการใชง้ านอ่นื ๆ นอกจากการโทรเขา้ ออกอยแู่ ลว้ และ กลุม่ คนสว่ นใหญท่ ส่ี ามารถใชง้ านโทรศพั ทเ์ คล่อื นทไ่ี ดใ้ นเวลานนั้ เป็นผมู้ ฐี านะหรอื นกั ธุรกจิ ทใ่ี ชต้ ดิ ต่อ งาน เน่ืองจากโทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทใ่ี นเวลานนั้ มรี าคาสงู มาก การใช้งานโทรศพั ท์เคล่ือนท่ีในยคุ 1G โทรออก / รบั สาย ไมร่ องรบั ผใู้ ชง้ านในจานวนมาก เกดิ การดกั ฟังโทรศพั ทไ์ ดง้ า่ ยและไมป่ ลอดภยั รปู ท่ี 3.16 โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทย่ี ุค 1G ทม่ี า http://www.checkraka.com/mobilephone/knowledge/1627099 ยคุ ท่ี 2 (2G : Second Generation) ยคุ 2G ใชค้ รงั้ แรกทป่ี ระเทศฟินแลนด์ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2533 เรมิ่ มกี ารพฒั นารปู แบบการสง่ คล่นื เสยี งแบบ Analog มาเป็น Digital โดยการเขา้ รหสั โดยส่งคล่นื เสยี งมาทางคล่นื ไมโครเวฟ โดย การเขา้ รหสั เป็นแบบดจิ ติ อลน้ี จะชว่ ยในเร่อื งของความปลอดภยั ในการใชง้ านมากยง่ิ ขน้ึ และช่วยใน เร่อื งของสญั ญาณเสยี งท่ใี ช้ตดิ ต่อส่อื สารให้มีความคมชดั มากข้นึ ด้วย โดยมเี ทคโนโลยกี ารเข้าถึง ช่องสัญญาณของผู้ใช้เป็ นลักษณะเชิงผสมระหว่าง FDMA และ TDMA (Time Division Multiple Access) เป็นการเพมิ่ ชอ่ งทางการสอ่ื สารทาใหร้ องรบั ปรมิ าณผใู้ ชง้ านทม่ี มี ากขน้ึ ได้ ในยุค 2G น้ี เกดิ การเปล่ยี นแปลงในวงการโทรศพั ทเ์ คล่อื นทแ่ี บบชดั เจน ผูค้ นหนั มาใชโ้ ทรศพั ท์เคล่อื นทก่ี นั มากขน้ึ เน่ืองจากเกดิ การพฒั นาโทรศพั ทก์ นั อย่างกวา้ งขวาง ทาให้มกี ารแขง่ ขนั ในวงการโทรศพั ท์เคล่อื นท่ี สงู ขน้ึ และทาใหร้ าคาเครอ่ื งถกู ลงนนั่ เอง ในยคุ น้ี ถอื เป็นยุคทเ่ี ฟ่ืองฟูของวงการโทรศพั ทเ์ คล่อื นทเ่ี ป็น อย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงตอนปลาย จงึ ทาใหส้ ามารถแบ่งยุค 2G ออกไดอ้ กี 2 ช่วงคอื 2.5G และ 2.75G
- 96 - 2.5G ในยุคน้ีได้ถือกาเนิดเทคโนโลยีท่ีเรียกว่า GPRS (General Packet Radio Service) ซ่งึ พฒั นาในเร่อื งของการรบั ส่งขอ้ มูลท่มี ากขน้ึ ด้วยความเรว็ สูงสุดถึง 115 Kbps (แต่ถูก จากัดการใช้งานจริงอยู่ท่ี 40 kbps) ส่ิงท่ีเราจะเห็นได้ชัดถึงการเปล่ียนแปลงในยุคน้ีก็คือ โทรศพั ท์เคล่อื นทไ่ี ดเ้ พมิ่ ฟังกช์ นั่ การรบั สง่ ขอ้ มลู ในสว่ นของ MMS (Multimedia Messaging Service) หน้าจอโทรศพั ท์เรม่ิ เข้าสู่ยุคหน้าจอสี และเสียงเรยี กเขา้ ก็ถูกพฒั นาให้เป็นเสยี งแบบ Polyphonic จากของเดมิ ทเ่ี ป็น Monotone และเขา้ มาสยู่ คุ ทเ่ี สยี งเรยี กเขา้ เป็นแบบ MP3 ทเ่ี ราใชก้ นั อยทู่ กุ วนั น้ี 2.75G เป็ นยุคท่ีกาลังจะก้าวเข้าสู่ 3G แล้ว ซ่ึงยุคน้ีเป็ นยุคของ EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution) ทพ่ี ฒั นาต่อยอดมาจาก GPRS นัน่ เอง และในปัจจุบนั น้ีเรากย็ งั คง ไดย้ นิ และมกี ารใชเ้ ทคโนโลยนี ้ีกนั อยู่ ซง่ึ ไดพ้ ฒั นาในเรอ่ื งของความเรว็ ในการรบั สง่ ขอ้ มลู ไรส้ ายนนั่ เอง การใช้งานโทรศพั ท์เคลื่อนท่ีในยคุ 2G โทรออก รบั สาย สง่ SMS การใช้งานโทรศพั ทเ์ คล่ือนที่ในยคุ 2.5G โทรออก รบั สาย สง่ SMS สง่ MMS เสยี งเรยี กเขา้ แบบ Polyphonic เลน่ อนิ เทอรเ์ น็ตบนมอื ถอื ไดด้ ว้ ยความเรว็ 115 kbps การใช้งานโทรศพั ท์เคลื่อนที่ในยคุ 2.75G โทรออก รบั สาย สง่ SMS สง่ MMS รองรบั เสยี งเรยี กเขา้ แบบไฟล์ MP3 เลน่ อนิ เทอรเ์ น็ตบนมอื ถอื ไดด้ ว้ ยความเรว็ 70 - 180 kbps รปู ท่ี 3.17 โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทย่ี คุ 2G ทม่ี า http://www.checkraka.com/mobilephone/knowledge/1627099/
- 97 - ยคุ ท่ี 3 (3G : Third Generation) ยุค 3G ถือว่าเป็ นยุคแรกท่ีเริ่มมีการแบ่งเป็ นช่วงยุคของโทรศัพท์มือถือ โดย เทคโนโลยขี องยคุ น้ีถกู ใชใ้ นครงั้ แรกทโ่ี ตเกยี ว ประเทศญป่ี ุ่น ในปี พ.ศ. 2544 ยคุ 3G มคี วามสามารถ ในการออนไลน์ตลอดเวลา (Always On) ซ่ึงก็จะเท่ากบั โทรศพั ท์ของคุณจะเหมือนมี High Speed Internet แบบบ้านอยู่บนมอื ถือของคุณอยู่ตลอดเวลา หากเป็น 2G นัน้ เวลาจะออนไลน์แต่ละทนี ัน้ จะตอ้ งมกี าร Log-On เพ่อื เขา้ เครอื ข่าย ในขณะท่ี 3G นนั้ จะมกี ารเช่อื มต่อกบั เครอื ขา่ ยอย่ตู ลอดเวลา ซ่งึ การเสยี ค่าบรกิ ารแบบน้ี จะเกดิ ขน้ึ เม่อื มกี ารเรยี กใช้ขอ้ มูลผ่านเครอื ข่ายเท่านัน้ โดยจะต่ างจาก ระบบทวั่ ไป ทจ่ี ะเสยี คา่ บรกิ ารตงั้ แต่เราลอ็ กอนิ เขา้ ในระบบเครอื ขา่ ยเลย ขอ้ ดขี องระบบ Always On คอื จะมกี ารเตอื น (Alert) ขน้ึ มาทนั ที หากมอี เี มลเ์ ขา้ มา หรอื มกี ารสง่ ขอ้ ความต่างๆ จากโปรแกรมทาง อินเทอร์เน็ตของเรา นอกจากนั้นการเช่ือมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละครงั้ ก็จะเร็วกว่ามาก (Initial Connection) เพราะไมต่ อ้ งมกี าร Log-On เขา้ กบั ระบบอกี ต่อไป (การ Log-On เขา้ ระบบใหน้ ึกถงึ ตอน สมยั ทเ่ี ราใช้ Modem แบบ Dial Up รว่ มกบั สายโทรศพั ท)์ เราจะสามารถเช่อื มต่อเขา้ กบั อนิ เทอรเ์ น็ต ไดต้ ลอดเวลา แลว้ คดิ คา่ บรกิ ารตามการรบั สง่ ขอ้ มลู ของเราแทน รปู ท่ี 3.18 โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทย่ี คุ 3G ทม่ี า http://www.checkraka.com/mobilephone/knowledge/1627099 ในยุคน้ีจะเน้นการส่อื สารทงั้ การพูดคยุ แบบเสยี งตามปกติ (Voice) และแบบรบั สง่ ขอ้ มลู (Data) ซง่ึ ในส่วนของการรบั ส่งขอ้ มลู น้ีเอง ทท่ี าให้ 3G นัน้ ต่างจากระบบเก่า 2G ทม่ี พี ้นื ฐานในการ พดู คยุ แบบเสยี งตามปกตอิ ยมู่ าก เน่ืองจากเป็นระบบทท่ี าขน้ึ มาใหม่เพ่อื ใหร้ องรบั กบั การรบั สง่ ขอ้ มูล โดยตรง มชี ่องความถ่แี ละความจุในการรบั ส่งสญั ญาณทม่ี ากกว่า สง่ ผลใหก้ ารรบั ส่งขอ้ มลู หรอื การใช้ อนิ เทอรเ์ น็ตผ่านมอื ถอื นนั้ เรว็ มากขน้ึ แบบกา้ วกระโดด ประสทิ ธภิ าพในการใชง้ านดา้ นมลั ตมิ เี ดยี ดขี น้ึ และยงั มคี วามเสถยี รกว่า 2G ผลจากความเรว็ ทเ่ี พมิ่ ขน้ึ น้ี ทาใหเ้ ราสามารถทจ่ี ะทาอะไรบนมอื ถอื ได้ มากขน้ึ จากแต่กอ่ น เชน่ โทรศพั ทท์ างไกลผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ต (Voice Over IP) คยุ แบบเหน็ หน้า (Video Call) ประชมุ ทางไกล (Video Conference)
- 98 - ดทู วี แี ละดวู ดี โี อออนไลน์ (Streaming) เลน่ เกมออนไลน์ (Online Gaming) ดาวน์โหลดเพลงหรอื โปรแกรมต่างๆ ไดเ้ รว็ กว่าใน ยคุ 2G มาก คณุ สมบตั ใิ นการเชอ่ื มตอ่ อนิ เทอรเ์ น็ตตลอดเวลา (Always On) ความสามารถทเ่ี พม่ิ มาจะมารองรบั กบั สมาร์ทโฟนท่ีเป็นในปัจจุบนั ทงั้ ส้นิ ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Android ลว้ นแลว้ แตอ่ อกแบบมาใหร้ องรบั กบั ความเรว็ ในระดบั 3G ทงั้ นนั้ ซง่ึ หากเรามี สมารท์ โฟน พวกน้ี แต่ไม่มคี วามเรว็ ในระดบั 3G กจ็ ะเทา่ กบั วา่ จะดงึ ความสามารถของสมารท์ โฟนมา ไดไ้ มค่ มุ้ ยคุ ที่ 4 (4G : Forth Generation) ยุค 4G ได้รบั การพฒั นามาจากประเทศสวเี ดนและนอรเ์ วย์ เม่อื ปี พ.ศ. 2552 ก่อนจะ นามาใชจ้ รงิ ทส่ี หรฐั อเมรกิ า เป็นการพฒั นาต่อยอดมาจากระบบไรส้ ายในอดตี ทงั้ หมด ทงั้ 1G, 2G และ 3G มารวมกนั เป็นระบบทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพขน้ึ อยา่ งเชน่ การพฒั นาในเร่อื งความเรว็ ในการรับส่งขอ้ มลู ท่ีทาได้เร็วข้ึนถึง 100 Mpbs เลยทีเดียว สาหรับความเร็วขนาดน้ีนั้น ทาให้สามารถใช้งาน โทรศพั ท์มอื ถอื หรอื Tablet ของคุณไดห้ ลากหลายยงิ่ ขน้ึ ไม่ว่าจะเป็น การดูไฟล์วดี โิ อออนไลน์ด้วย ความคมชดั และไมม่ กี ารกระตุก, การสอ่ื สารขา้ มประเทศ อย่างโทรศพั ทแ์ บบเหน็ หน้ากนั แบบโตต้ อบ ทนั ที (Video Call) หรอื จะเป็นการประชมุ ผา่ นโทรศพั ท์ (Mobile teleconferencing) กเ็ ป็นเรอ่ื งงา่ ยขน้ึ แถมยงั มคี า่ ใชจ้ ่ายน้อยลงอกี ดว้ ย รปู ท่ี 3.19 ความเรว็ ในการรบั สง่ ขอ้ มลู ของโทรศพั ทเ์ คล่อื นทใ่ี นแตล่ ะยคุ ทม่ี า http://www.checkraka.com/mobilephone/knowledge/1627099/ สาหรบั เทคโนโลยที ่ใี ชใ้ นยุค 4G น้ีสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระบบด้วยกนั คอื WiMAX (Worldwide Interoperability of Microwave Access) และ LTE (Long Term Evolution) ซ่ึงทัง้ สอง
- 99 - ระบบน้ี เป็นเทคโนโลยไี รส้ ายทม่ี าช่วยในเรอ่ื งของการรบั ส่งขอ้ มูลใหเ้ รว็ ขน้ึ กว่าในยุคก่อนๆ นัน่ เอง โดยในสว่ นของ WiMax นนั้ นิยมใชแ้ คใ่ นบางประเทศเชน่ ญป่ี ุ่น, ไตห้ วนั , บงั คลาเทศ ซง่ึ LTE นนั้ เป็น ทน่ี ิยมใชม้ ากกว่ารวมถงึ บา้ นเราดว้ ยเชน่ กนั ส่วนคาว่า 5G นัน้ เกิดขน้ึ ครงั้ แรกท่ปี ระเทศเกาหลี และขณะน้ีกาลงั มกี ารวจิ ยั กนั อยู่ คาดว่าอกี ไมน่ านกค็ งจะเขา้ สยู่ คุ 5G กนั แลว้
- 100 - บทสรปุ ในบทน้ีได้กล่าวถึงเทคโนโลยีการส่ือสารและโทรคมนาคม ซ่ึงจะมีเน้ือหาโดยรวมแยก ออกเป็นหวั ขอ้ ยอ่ ย ดงั น้ี การส่อื สารขอ้ มูลเป็นการตดิ ต่อรบั ส่งขอ้ มูลซ่ึงกนั และกนั ระหว่างผู้ส่งขอ้ มูลกบั ผู้รบั ขอ้ มลู โดยผา่ นชอ่ งทางการสอ่ื สารในลกั ษณะต่างๆ สญั ญาณขอ้ มลู ทใ่ี ชใ้ นการสอ่ื สารขอ้ มลู มี 2 ชนิด คอื สญั ญาณแอนะล็อกและสญั ญาณดิจิทลั การแปลงสญั ญาณดิจิทัลเป็ นแอนะล็อก หรือแปลง สญั ญาณแอนะลอ็ กเป็นดจิ ทิ ลั จะทาโดยใชอ้ ุปกรณ์ทเ่ี รยี กว่า Modem รปู แบบการส่อื สารขอ้ มลู มี 3 รูปแบบ ได้แก่ การส่อื สารแบบทางเดียว การส่อื สารแบบก่งึ สองทาง และการส่อื สารแบบสองทาง ส่อื สญั ญาณหรอื ส่อื กลางสาหรบั การส่อื สารขอ้ มูล เป็นอุปกรณ์ท่ที าหน้าท่เี ป็นตวั นาสญั ญาณจาก อปุ กรณ์ตน้ ทางไปถงึ อุปกรณ์ปลายทาง ซง่ึ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคอื ส่อื สญั ญาณทางสาย และส่อื สญั ญาณไรส้ าย โทรคมนาคม เป็นการสอ่ื สารทงั้ ระยะใกลแ้ ละไกล โดยการรบั สง่ สญั ญาณเสยี ง ขอ้ ความ และภาพ ผ่านส่ือสัญญาณทางสายหรือไร้สาย องค์ประกอบพ้ืนฐานของระบบโทรคมนาคม ประกอบด้วย 6 องคป์ ระกอบ คอื ผู้ส่งข่าวสารหรอื แหล่งกาเนิดขา่ วสาร (Source) ผรู้ บั ขา่ วสารหรอื ปลายทางของข่าวสาร (Sink) ช่องสัญญาณ (Channel) การเข้ารหัส (Encoding) การถอดรหัส (Decoding) และ สญั ญาณรบกวน (Noise) คณะกรรมการกจิ การกระจายเสยี ง กจิ การโทรทศั น์และกจิ การโทรคมนาคมแห่งชาติ ห รือ ก ส ท ช . (National Broadcasting and Telecommunication Commission : NBTC) เป็ น หน่วยงานอสิ ระของรฐั บทบาทหน้าทใ่ี นการบรหิ ารความถว่ี ทิ ยเุ พอ่ื กจิ การโทรคมนาคม และกากบั ดแู ล การประกอบกจิ การโทรคมนาคมใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและเกดิ การแขง่ ขนั อย่างเสรี เพ่อื ประโยชน์สูงสุด ของประชาชน นอกจากน้ี กสทช.ยงั มหี น้าท่หี ลกั ในการออกใบอนุญาตจดั สรรคล่นื ความถ่ี กาหนด อตั ราคา่ บรกิ าร เชอ่ื มตอ่ โครงขา่ ย ใหบ้ รกิ ารอยา่ งทวั่ ถงึ รวมทงั้ การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคอกี ดว้ ย ปัจจุบนั กระทรวงไอซที ไี ดจ้ ดั ทาแผนแม่บทเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร ฉบบั ท่ี 3 ขน้ึ เพ่อื ใหม้ ผี ลใชบ้ งั คบั ต่อไปในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2557 – 2561 เป็นการดาเนินการตามกรอบ นโยบายเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารของประเทศไทย ระยะปี พ.ศ. 2554 – 2563 หรอื ICT 2020 ซง่ึ เป็นกรอบใหญก่ าหนดทศิ ทางการพฒั นาประเทศไทยมงุ่ สู่ Smart Thailand ในปี พ.ศ.2563 วตั ถุประสงค์ของการนาการส่ือสารข้อมูลมาใช้ในองค์กร ได้แก่ เพ่ือรับข้อมูลและ สารสนเทศจากแหล่งขอ้ มลู เพอ่ื ส่งและกระจายขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เพอ่ื ลดเวลาในการทางาน เพ่อื ประหยดั คา่ ใชจ้ ่ายในการส่งขา่ วสาร เพอ่ื ชว่ ยขยายการดาเนินงานขององคก์ รใหด้ ขี น้ึ เพอ่ื ชว่ ยปรบั ปรุง การบรหิ ารขององคก์ รใหส้ ะดวกมากขน้ึ ตวั อย่าการใชร้ ะบบส่อื สารโทรคมนาคม เป็นบรกิ ารส่อื สาร โทรคมนาคมทม่ี ีอยู่ใกล้ตวั และมใี ชใ้ นชวี ิตประจาวนั เช่น การตดิ ต่อส่อื สารแลกเปล่ยี นขอ้ มูลผ่าน คอมพวิ เตอร์ การใชโ้ ทรศพั ท์ ระบบ ATM ระบบบตั รเครดติ การจองตวั ๋ เครอ่ื งบนิ เป็นตน้
- 101 - การพฒั นาดา้ นเทคโนโลยโี ทรศพั ทเ์ คล่อื นทไ่ี รส้ ายสามารถแบ่งยอ่ ยๆ ไดเ้ ป็น 4 ยุค ดงั น้ี ยุค 1G เป็นยุคของโทรศพั ท์มอื ถอื แบบแอนะลอ็ ก โทรศพั ท์มขี นาดใหญ่มาก ใชก้ าลงั ไฟมากและมี ราคาแพงมากๆ หน้าจอมแี ต่ตวั เลข เน้นการโทรออก-รบั สายเท่านัน้ ยุค 2G เป็นยุคแรกของมอื ถือ แบบดจิ ทิ ลั โทรศพั ทม์ ขี นาดเลก็ ลง มจี อสามารถแสดงภาพและตวั หนังสอื ทย่ี งั เป็นขาวดาอยู่ สามารถ ส่งขอ้ ความ (SMS) และมี SIM Card ไว้บนั ทกึ ขอ้ มูล แบ่งเป็น 2 ยุค คอื ยุค 2.5G ใช้ระบบ GPRS เชอ่ื มต่ออนิ เทอรเ์ น็ต และ ยคุ 2.75G ใชร้ ะบบ EDGEเชอ่ื มต่ออนิ เทอรเ์ น็ต ในยุคน้ีโทรศพั ทเ์ รม่ิ มจี อสี ถา่ ยรปู ฟังเพลงได้ สามารถสง่ ขอ้ ความแบบภาพและเสยี งได้ (MMS) สามารถเขา้ อนิ เทอรเ์ น็ตไดเ้ ลย จากมอื ถอื แต่ความเรว็ ยงั ไม่มากนัก ยุค 3G เน้นการรบั ส่งขอ้ มูลผ่านทางเครอื ขา่ ยโทรศพั ท์มอื ถอื สามารถโทรศพั ท์แบบเหน็ หน้าได้ ดูทวี อี อนไลน์ได้ เล่มเกมออนไลน์ได้ สามารถเล่นอนิ เทอรเ์ น็ตใน ความเรว็ ทส่ี งู มากและมกี ารเช่อื มต่ออนิ เทอรเ์ น็ตตลอดเวลา (Always On Connection) และ ยุค 4G ยุคของการรบั ส่งขอ้ มูลผ่านทางเครอื ข่ายโทรศพั ท์ในอนาคต ความเร็วอินเทอร์เน็ตท่ีสูงมากกว่า อนิ เทอรเ์ น็ตบา้ นในปัจจุบนั สามารถดวู ดิ โี อแบบ HD ไดท้ นั ที รบั สง่ ไฟลแ์ บบ HD ได้
- 102 - เอกสารอ้างอิง คณะกรรมการกลุ่มวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเบอ้ื งตน้ . (2546). เอกสารประกอบการสอนชดุ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเบอื้ งต้น. โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมมาธริ าช. นัฏฐยิ า ฐติ เิ จรญิ ธรรม. (2553). หน่วยท่ี 1 เทคโนโลยีสารสนเทศ เอกสารประกอบการสอน รายวิชา GE40004 เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการเรียนรู้ สานักวิชาศึกษาทัว่ ไป. มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี. ประสิทธิ ์ ทีฆ พุ ฒิ. (2547). ก ารจัด ก ารเท ค โน โล ยี โท รค ม น าค ม Telecommunication Technology Management. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 5. กรงุ เทพฯ : ซเี อด็ ยเู คชนั่ . ปารเ์ คอร์ สตฟี ว.์ (2545). การส่ือสารปัจจบุ นั และอนาคต. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั พฒั นาคณุ ภาพ วชิ าการ (พว.) จากดั . ไพโรจน์ ไววานิชกจิ . (2555). 3.5G สู่ 4G จากเทคโนโลยีส่โู ลกธรุ กิจ. กรงุ เทพฯ : ซเี อด็ ยเู คชนั่ . ยนื ภ่วู รวรรณ. (2532). การส่ือสารข้อมลู และและคอมพิวเตอรเ์ นตเวอรค์ . รายงานการประชมุ คณะทางานโครงการพฒั นาระบบหอ้ งสมดุ มหาวทิ ยาลยั ครงั้ ท่ี 2/2536 วนั องั คารท่ี 30 พฤศจกิ ายน 2536 ณ หอ้ งประชมุ ชนั้ 4 อาคารบรรณาสารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. กรงุ เทพมหานคร : เอช – เอนการพมิ พ.์ วิศรุต เพชรจรสั และ วรนิตย์ ทองอยู่. (2553). หน่วยที่ 3 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย คอมพิวเตอร์ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา GE40004 เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือ การเรียนรู้ สานักวิชาศึกษาทวั่ ไป. มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธาน.ี สรุ ยิ นั ศรสี วสั ดกิ ์ ลุ . (2540). ระบบสื่อสารข้อมลู คอมพิวเตอร.์ พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2, กรงุ เทพฯ : สกายบุ๊ค. สวุ มิ ล สทิ ธชิ วี ภาค. (2538). พืน้ ฐานการสื่อสารข้อมลู กรงุ เทพฯ: ด่านสทุ ธาการพมิ พ.์ เสาวคนธ์ อนุ่ ยนต.์ (2537). คอมพิวเตอรเ์ บอื้ งต้น. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั สานกั พมิ พ์ เอมพนั ธ์ จากดั . อนุช มหฤทยั นนท.์ (2541). ระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การ. กรงุ เทพฯ: สานกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั รามคาแหง. August E. Grant & Jennifer Harman Meadows. (2000). Communication Technology Update 7th Edition. Butterworth-Heineman. Pooch, Udo W., Denis Machuel and John McCahn. (1991). Telecommunications and Networking. Boca Raton, FL: CRC Press. [Online]. Available: http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/computer/network/net_media3.html. [Online]. Available: http://www.checkraka.com/mobilephone/knowledge/1627099/. [Online]. Available: http://lawyer-thailand.com/แผนแมบ่ ท-ICT-ฉบบั ท-่ี 3/.
- 103 - [Online]. Available: http://www.nbtc.go.th/About/Committee/PowerNBTC.aspx. [Online]. Available: https://wiki.stjohn.ac.th/groups/poly_electronics/wiki/d0d58/11.html. [Online]. Available: https://www.fiberoptics4sale.com/blogs/archive-posts/95148166-fiber-optic- cable-tutorial-covers-everything-about-fiber-optic-cable. [Online]. Available: https://www.slideshare.net/Aashu613/cables-27442301. [Online]. Available: https://en.wikipedia.org/wiki/Coaxial_cable. [Online]. Available: https://www.slideshare.net/leeneshaa/osi-29145448.
- 104 - คาถามทบทวนประจาบทท่ี 3 ตอนท่ี 1 จงตอบคาถามต่อไปนี้ 1. วตั ถุประสงคข์ องการนาการสอ่ื สารขอ้ มลู มาใชใ้ นองคก์ รมอี ะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 2. การใชร้ ะบบสอ่ื สารโทรคมนาคมในองคก์ ร มอี ะไรบา้ ง จงอธบิ ายมาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 3. จงอธบิ ายอานาจหน้าทข่ี อง กสทช. มาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 4. จงสรปุ แผนแมบ่ ทเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร ฉ.3 มาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 5. อธบิ ายเทคโนโลยี 1G 2G 3G และ 4G มาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………
- 105 - ตอนท่ี 2 ให้ทาเครอ่ื งหมาย บนตวั เลือกที่เหน็ ว่าถกู ต้องท่ีสดุ 1. ระบบการสง่ E-mail เป็นทศิ ทางการสอ่ื สารขอ้ มลู แบบใด ก. Simplex ข. Half Duplex ค. Full Duplex ง. Both – Way จ.Two - Way 2. ขอ้ ใดคอื ลกั ษณะของสญั ญาณ Digital ก.เป็นสญั ญาณไฟฟ้าในลกั ษณะคล่นื ตอ่ เน่อื ง ข. เป็นสญั ญาณไฟฟ้าในลกั ษณะคล่นื ไมต่ อ่ เน่ือง ค. สญั ญาณไฟฟ้าทใ่ี ชจ้ ะเป็นรปู ภาพ ง. สญั ญาณไฟฟ้าทใ่ี ชจ้ ะเป็นเสยี ง จ. สญั ญาณโทรศพั ท์ 3. ขอ้ ใดคอื การสง่ ขอ้ มลู แบบ Asynchronous Data Transmission ก. การสง่ ขอ้ มลู ไปบนสอ่ื นาขอ้ มลู ทม่ี ลี กั ษณะเป็นกลมุ่ ของขอ้ มลู ทต่ี ่อเน่ืองกนั อยา่ งเป็นจงั หวะ ข. การสง่ ขอ้ มลู ไปบนสอ่ื นาขอ้ มลู โดยสง่ เป็นชดุ ๆ ไมม่ จี งั หวะการสง่ ค. การสง่ ขอ้ มลู ครงั้ ละ 1 บติ ไปบนสายสญั ญาณจนครบจานวนขอ้ มลู ง. การสง่ ขอ้ มลู ทลี ะหลาย ๆ บติ ออกไปพรอ้ มกนั จ. การสง่ ขอ้ มลู ทลี ะ 1 บติ โดยผา่ นสายสง่ ขอ้ มลู ทม่ี ี 8 เสน้ 4. สอ่ื สญั ญาณทางสายชนิดใด ไมม่ กี ารรบกวนทางแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ก. UTP ข. STP ค. Twisted Pair Cable ง. Optical Fiber จ. Coaxial Cable 5. ขอ้ ใดคอื หน่วยวดั ความถข่ี องคล่นื ก. Hz ข. MHz ค. GHz ง. AM จ. FM ตอนที่ 3 ให้จบั ค่คู าถามด้านซ้ายมือกบั คาตอบทางด้านขวามอื ให้ถกู ต้อง ……….. 1.คณะกรรมการกจิ การกระจายเสยี ง กจิ การโทรทศั น์ และ ก. Telecommunication กจิ การโทรคมนาคมแหง่ ชาติ ข. NBTC ……….. 2.การสง่ ขอ้ มลู ครงั้ ละ 1 บติ ไปบนสายสญั ญาณจนครบ ค. Parallel Transmission จานวนขอ้ มลู ง.Transponder ……….. 3.การตดิ ตอ่ สอ่ื สารไปยงั ผรู้ บั ปลายทางทอ่ี ยรู่ ะยะไกล จ. Serial Transmission ……….. 4.อปุ กรณ์ทท่ี าหน้าทท่ี บทวนสญั ญาณของดาวเทยี ม ……….. 5. การสง่ ขอ้ มลู ทลี ะหลายๆ บติ ออกไปพรอ้ มกนั โดยผา่ น สายสง่ ขอ้ มลู ทม่ี ี 8 เสน้
- 106 - MEMO ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................ ................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ..................................................................................................................................... ................... ................................................................................................................ ........................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................................. ........... ........................................................................................................................ ................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ..................................................................................................................................................... ... ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................
- 107 - MEMO ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ....................................................................................................... ................................................. ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... .................................................................................................................................... .................... ............................................................................................................... ......................................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................................ ............ ....................................................................................................................... ................................. ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... .................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...........................
- 108 - MEMO ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ................................................................................................................................... ..................... .............................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................... ............. ...................................................................................................................... .................................. ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: