แมว (ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Felis catus) เป็นสตั ว์เลีย้ งลกู ด้วยนม อยใู่ นตระกลู Felidae ต้นตระกลู มาจากเสอื ไซบเี รีย (Felis tigrisaltaica) ซ่งึ มชี ว่ งลําตวั ตงั ้ แตจ่ มกู ถงึ ปลายหางยาวประมาณ 4 เมตร แมวทเ่ี ลีย้ งตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเลก็ ขนาดลําตวั ยาว ชว่ งขาสนั ้ และจดั อยใู่ นกล่มุของประเภทสตั ว์กนิ เนือ้ มีเขีย้ วและเล็บแหลมคมสามารถหดซอ่ นเล็บได้เช่นเดียวกบั เสอื สืบสายเลือดมาจากแมวป่าท่ีมีขนาดใหญ่กว่า ซงึ่ ลกั ษณะบางอยา่ งของแมวยงั คงพบเหน็ ได้ในแมวบ้านปัจจบุ นั แมวเริ่มเข้ามาเก่ียวข้องกบั วถิ ีชวี ติ ของมนษุ ยต์ งั ้ แตเ่ มอื่ ประมาณ 9,500 ปีกอ่ น [5] ซง่ึ จากหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ท่ีเกา่ แกท่ ี่สดุ ของแมวคือการทํามมั มแ่ี มวทพี่ บในสมยั อียปิ ต์โบราณ หรือในพิพธิ ภณั ฑ์องั กฤษในลอนดอน มีการแสดงสมบตั ิที่นาํ ออกมาจากพีระมดิ โบราณแห่งอียปิ ต์ ซง่ึ รวมถึงมมั มแี่ มวหลายตวั ซง่ึ เมอื่ นําเอาผ้าพนั มมั มีอ่ อกกพ็ บว่า แมวในสมยั โบราณทกุ ตวั มีลกั ษณะใกล้เคียงกนั คือเป็นแมวที่มรี ูปร่างเล็ก ขนสนั ้ มีแต้มสีนาํ ้ ตาล มคี วามคล้ายคลึงกบัพนั ธ์ใุ นปัจจบุ นั ที่เรียกวา่ แมวอะบสิ ซิเนียมแี มวหลายชนดิ เชน่ สกอ็ ตติสโฟร์ เปอร์เซีย เป็นต้น เนือ้ หา • 1การจดั จําแนก • 2สรีรวทิ ยา • 3ในเชิงสิง่ แวดล้อม • 4อ้างอิง • 5แหลง่ ข้อมลู อื่นการจดั จําแนก[แก้]ดูเพ่ิมเติมที่: รายชื่อสายพนั ธ์ุแมว โดยทว่ั ไปมกี ารแบง่ พนั ธ์ุแมวออกเป็น 2 ลกั ษณะใหญ่ ๆ คือ แมวขนยาว (longhaired cat) และ แมวขนสัน้ (shorthaired cats)การแบง่ พนั ธ์ุด้วยวธิ ีนที ้ าํ ให้จําแนกแมวออกได้ตามลกั ษณะพนั ธ์ทุ จี่ าํ เพาะตา่ ง ๆ กนั การจดั จําแนกแมวในยโุ รปและสหรัฐอเมริกามกี ารกําหนดมาตรฐานของพนั ธ์ุแมวทเี่ ป็นท่ียอมรับกนั ทงั ้ นลี ้ กั ษณะมาตรฐานของพนั ธ์กุ ็มีการเปล่ียนแปลงอยบู่ อ่ ย ๆ การใช้ชอ่ื เรียกพนั ธ์ุแมวทีแ่ สดงถงึ ลกั ษณะของพนั ธ์ทุ ี่จําเพาะมคี วามแตกตา่ งกนั ระหวา่ งในยโุ รปและสหรัฐอเมริกา และมบี างพนั ธ์มุ กี ารจดั จาํ แนกเฉพาะตา่ งหากในสหรัฐอเมริกาเทา่ นนั ้ แมวในโลกนีม้ ีมากมายหลายพนั ธ์ุ โดยเฉพาะแมวที่เป็นสตั ว์เลีย้ งไมน่ บั รวมสตั วต์ ระกลู แมว พวกเสอื แมวดาว แมวป่า หรือสงิ โต แมวเลีย้ งหรือที่เราเรียกวา่ Domestic cat นนั ้ มวี วิ ฒั นาการมาจากแมวป่าในธรรมชาตจิ ากหลายภมู ภิ าคของโลก ชอื่ เรียกพนั ธ์ุแมวที่แตกตา่ งกนั ท่ีเรียกกนั ทกุ วนั นี ้เช่น เปอร์เซีย แมวสยาม แมวบาหลี แมวอะบสิ ซิเนีย และแมวโซมาลี นนั ้ แสดงถงึ ถนิ่ กําเนดิ ทแี่ สดงถงึ ภมู ศิ าสตร์ที่เขาถือกาํ เนิดมา ในการจดั นทิ รรศการท่ี
ยง่ิ ใหญ่ทส่ี ดุ ในประเทศองั กฤษเมื่อปีคริสศกั ราช 1871 ถือเป็นการเริ่มต้นในการนาํ เสนอพนั ธ์ุแมวในระดบั นานาชาติ ทําให้ผ้สู นใจในแมวมคี วามต่ืนตวั แต่การแสดงในครงั ้ นนั ้ สว่ นใหญเ่ ป็นแมวเปอร์เซียและแมวขนสนั ้ เป็นหลกัสรีรวทิ ยา[แก้] แมวมคี วามค้นุ เคยและเลีย้ งได้ง่าย สรีรวทิ ยาของแมวได้รับการศึกษาโดยเฉพาะ โดยทวั่ ไปจะมลี กั ษณะคล้ายกบั สตั ว์ เลีย้ งลกู ด้วยนมท่ีกินเนือ้ อน่ื ๆแต่จากลกั ษณะท่ีผดิ แปลกออกไปหลายอยา่ ง อาจจะทําให้เชอื่ วา่ เชือ้ สายแมว มาจากสายพนั ธ์ทุ ่ีอาศยั อยใู่ นทะเลทราย[6] ตวั อยา่ งเช่นแมวทีส่ ามารถทนตอ่อณุ หภมู สิ งู มาก มนษุ ย์โดยทวั่ ไปเร่ิมที่จะรู้สกึ อดึ อดั ผวิ เม่อื มอี ณุ หภมู ปิ ระมาณ 38 ° C (100 ° F) แตแ่ มวแสดงความรู้สกึ ไมส่ บายผวิ ของพวกมนั เมื่ออณุ หภมู ถิ งึ ราว ๆ 52 ° C (126 ° F)[7]และสามารถทนตอ่ อณุ หภมู สิ งู ถงึ 56 ° C (133 ° F ) ถ้าพวกมนั มีการเข้าถงึ นํา้ ได้[8] แมวเกบ็ รักษาความร้อนโดยการลดการไหลเวียนของเลอื ดไปยงั ผวิ และระบายความร้อนโดยการระเหยผา่ นปากของพวกมนั แมวมคี วามสามารถท่ีจะขบั เหงื่อโดยมตี อ่ มอยใู่ นอ้งุ เท้า[9] และจะหอบเพื่อบรรเทาความร้อนที่อณุ หภมู สิ งู มากเทา่ นนั ้ [10] (แต่อาจหอบเมอื่ เครียด) อณุ หภมู ริ ่างกายของแมวไมไ่ ด้แตกตา่ งกนั ตลอดทงั ้ วนั อาจสะท้อนให้เหน็ ถงึ แนวโน้มทจี่ ะมคี วามกระตือรือร้น ทงั ้ ในเวลากลางวนั และกลางคนื [11] มลู แมวจะแห้งและปัสสาวะจะมีความเข้มข้นสงู ซง่ึ ทงั ้สองอยา่ งคือการปรับตวั ที่จะช่วยให้แมวเก็บนํา้ ได้มากท่ีสดุ เทา่ ทีจ่ ะเป็นไปได้[6] ไตของแมวมปี ระสทิ ธิภาพเพ่ือให้แมวสามารถอยรู่ อดได้ในอาหารท่ีมีเฉพาะเนือ้ สตั ว์โดยท่ีไมต่ ้องกินนํา้ เพ่มิ เติม[12] และยงั สามารถได้รับนํา้ โดยด่ืมนํา้ ทะเล[11][13] แมวเป็นสตั ว์กนิ เนือ้ สรีรวทิ ยาของพวกมนั มกี ารพฒั นาในการยอ่ ยเนือ้ ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพและในทางตรงกนั ข้ามพวกมนั มีปัญหาในการยอ่ ยพืช[6] ในขณะท่ีสตั ว์ท่ีกินทงั ้ พชื และสตั ว์ เชน่ หนซู งึ่ ต้องการโปรตีนในอาหารประมาณ 4% แตแ่ มวจะต้องการโปรตีนประมาณ 20% ในอาหารของมนั [6] แมวจะผดิ ปกตถิ ้าขาดอาร์จินนี และการรับประทานอาหารท่ีขาดอาร์จนิ นี เป็นสาเหตขุ องอาการนํา้ หนกั ลดและอาจถงึ แกช่ วี ติ ได้อยา่ งรวดเร็ว[14] อีกคณุ สมบตั ทิ ผี่ ิดปกติคือการท่ีแมวไมส่ ามารถผลติ ทอรีน การขาดทอรีนก่อให้เกดิ การเส่ือมสภาพในจอประสาทตาของแมวทําให้ตาบอดถาวร[6] แมวจะกนิ เหยื่อของพวกมนั ทงั ้ หมดเพราะจะได้รับแร่ธาตโุ ดยการยอ่ ยกระดกู สตั ว์ ดงั นนั ้ อาหารที่มเี นอื ้ สตั ว์โดยเฉพาะอาจก่อให้เกิดการขาดแคลเซียม[6] ระบบทางเดนิ อาหารของแมวถกู ปรับให้เข้ากบั การรับประทานเนือ้ สตั ว์ ดงั นนั ้ ระบบทางเดนิ อาหารของแมวสนั ้ กวา่ ของสตั วท์ ่ีกนิ ทงั ้ พืชและสตั ว์ และแมวมรี ะดบั เอนไซมท์ ่ีจาํ เป็นในการยอ่ ยสลายคาร์โบไฮเดรตอยใู่ นระดบั ตํา่ [15] นี่จงึ จาํ กดั ความสามารถของแมวทีจ่ ะยอ่ ยสารอาหารจากพืชอยา่ งมาก เชน่ เดียวกบั กรดไขมนั บางอยา่ งที่แมวมคี วามสามารถในการยอ่ ยจาํ กดั [15] แม้สรีรวทิ ยาของแมวจะมงุ่ เน้นไปทางอาหารที่เป็นเนอื ้ แต่กม็ อี าหารแมวมงั สวริ ัติทาํ การตลาดมีการเสริมสงั เคราะห์สารเคมที อรีนและสารอาหารอื่น ๆ ในความพยายามทจ่ี ะผลิตอาหารที่สมบรู ณ์แบบ แต่บางสว่ นของผลิตภณั ฑ์เหล่านีย้ งั คงล้มเหลวในการให้สารอาหารทีจ่ ําเป็นทงั ้ หมดตอ่ แมว[16] และผลติ ภณั ฑ์อาหารที่มีไมม่ สี ว่ นประกอบจากสตั ว์กอ่ ให้เกดิ การขาดสารอาหารอยา่ งรุนแรง[17] แมวจะกนิ หญ้าเป็นครัง้ คราวคําอธิบายหนงึ่ ก็คือแมวใช้หญ้าเป็นแหล่งของกรดโฟลกิ อกี คําอธิบายหน่ึงกค็ ือมนั จะใช้ในการเป็นแหลง่ ใยอาหาร[18]ในเชงิ สงิ่ แวดล้อม[แก้] จากการศกึ ษาของนกั วทิ ยาศาสตร์แหง่ สถาบนั สมธิ โซเนียนพบวา่ แมวเป็นสตั ว์ท่ีเป็นภยั คกุ คามตอ่ สตั ว์หรือส่ิงมชี ีวติ เล็ก ๆ อยา่ งยงิ่ โดยในสหรัฐอเมริกาแมวได้ฆา่ นกไปถงึ ปีละ 2,000–4,000 ล้านตวั ตอ่ ปี ทงั ้ แมวที่มเี จ้าของ หรือแมวจร สว่ นในออสเตรเลียปีละ 70 ล้านตวั ตอ่ ปี และองั กฤษ27 ล้านตวั ต่อปี รวมแล้วทวั่ โลกประมาณ 7,000–20,000 ล้านตวั ตอ่ ปี โดยในรอบ 500 ปีท่ีผ่านมา แมวได้ทําให้สตั วช์ นดิ ตา่ ง ๆ ทงั ้ นก, สตั ว์ปีก,สตั ว์เลีย้ งลกู ด้วยนมขนาดเลก็ , สตั วฟ์ ันแทะ, สตั ว์เลือ้ ยคลานหรือสตั ว์สะเทนิ นํา้ สะเทนิ บกสญู พนั ธ์ุไปแล้วถงึ 430 ชนดิ เนือ่ งจากแมวเป็นสตั ว์ที่มีสญั ชาตญาณนกั ลา่ บางทลี ่าหรือฆา่ เพราะความอยากรู้อยากเหน็ ไมไ่ ด้นาํ มากินหรือเป็นอาหาร [19]
Search
Read the Text Version
- 1 - 2
Pages: