- 48 - 1.2 พัฒนาบริการท่ีอานวยความสะดวกต่อประชาชน ภาคธุรกิจ และนักท่องเท่ียว ตามวงจรชีวิตของแต่ละกลุ่ม สาหรับบริการประชาชนจะเน้นบริการที่เป็นการอานวยความสะดวกตลอดช่วงชีวิต เช่นบริการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิต ส่งเสริมและดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และบริการเกี่ยวกับอาชีพ (ในระยะแรกเน้นกลุ่มเกษตรกร) โดยรัฐจัดให้มีบริการท่ีขับเคล่ือนโดยความต้องการของประชาชน ภาคธุรกิจ หรือผู้ใช้บริการ ให้มีความเป็นอยู่ท่ีดี และเพ่ือเป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รองรับการเชอ่ื มโยงเศรษฐกจิ และสงั คมในประชาคมอาเซียน และประชาคมโลก 1.3 พัฒนาระบบสนับสนุนการอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการท่ีมีมาตรฐานเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต่างๆ ในการพิจารณาอนุญาต ตลอดจนพัฒนาระบบสนับสนุนกรณีการยกเลิกการอนุญาต หรือกรณีการจัดให้มีมาตรการอื่นแทนการอนุญาต (ตามแนวทางของพ.ร.บ. การอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558) เพื่อเป็นการลดการใช้ดุลพนิ จิ โดยเจา้ หนา้ ทรี่ ัฐ 1.4 สร้างความม่ันคงปลอดภัยของการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเช่อื มั่นในการใช้บริการ 1.5 เตรียมความพรอ้ มสาหรับการใหป้ ระชาชนและเอกชนปรบั เปลี่ยนไปเปน็ ผูใ้ ห้บรกิ ารระหว่างกัน(peer to peer) โดยมภี าครัฐเป็นผู้อานวยความสะดวก หรือดูแลใหเ้ กิดความเป็นธรรม 2. ปรบั เปล่ียนการทางานภาครัฐดว้ ยเทคโนโลยีดิจิทัล ให้มีประสิทธิภาพและธรรมาภบิ าล 2.1 ใช้ทรัพยากรดิจิทัลร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความซ้าซ้อนในการลงทุน ด้วยการลงทุนตามกรอบของแบบสถาปตั ยกรรมองคก์ ร บรู ณาการขอ้ มลู และทรัพยากรรว่ มกนั 2.2 เชื่อมโยงการทางานของหน่วยงานภาครัฐ บูรณาการการทางานและข้อมูล ท้ังภายในและข้ามหน่วยงาน จนเสมือนเป็นองค์กรเดียว (one government) สาหรับการพัฒนากระบวนการบริหารจัดการและการบรกิ ารท่ีขบั เคล่ือนโดยความต้องการของประชาชนหรือผใู้ ชบ้ ริการ (citizen driven) ซง่ึ สามารถเข้าถึงบรกิ ารไดโ้ ดยไมม่ ขี อ้ จากัดทางกายภาพ พ้ืนท่ี และภาษา 2.3 พัฒนาแพลตฟอร์มการบริหารจัดการภายในองค์กร (back office platform) เพ่ือรองรับการปรับเปลี่ยนกระบวนการบริหารจัดการทุกอย่างของรัฐให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล (digital by default) อย่างเป็นระบบ รวมถึงนาเอกสารอิเล็กทรอนิกส์มาใช้แทนกระดาษ เพ่ือลดขั้นตอน และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทางานของรัฐท้ังในส่วนการให้บริการประชาชนและการบริหารจัดการ ท้ังนี้ระบบ back officeของส่วนราชการต้องรองรับการแลกเปล่ยี นขอ้ มลู อเิ ล็กทรอนิกส์ไดโ้ ดยสมบูรณ์ 2.4 เตรียมความพร้อมสาหรับการเพิ่มข้ึนของข้อมูลจานวนมหาศาลในระบบ ทั้งด้านการจัดเก็บและการวิเคราะห์ข้อมูล โดยส่งเสริมให้นาเทคโนโลยีมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพ่ือเพ่ิมมูลค่าของข้อมูลตลอดจนจดั ให้มีมาตรการจดั การความปลอดภัยไซเบอร์และความมั่นคงปลอดภยั ของข้อมลู 2.5 ยกระดับความรู้และทักษะบุคลากรภาครัฐ เพ่ือสอดรับกับการทางานในรูปแบบรัฐบาลดิจิทัลโดยบุคลากรภาครัฐสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการทางาน จนสามารถปรับเปลี่ยนตนเองจากผู้ใช้(user) เป็นผู้ที่มีความสามารถในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อปรับเปลี่ยนตนเองไปทางานที่มีคุณค่าสูงข้ึน (highvalue job) หรือเปน็ ผู้ประกอบการทีพ่ ัฒนาหรือใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลในการสรา้ งธรุ กจิ ได้
- 49 - 3. สนับสนุนให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ (open data) และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการทางานของรัฐ (open government) เพือ่ นาไปสูก่ ารเปน็ ดจิ ทิ ัลไทยแลนด์ 3.1 ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เปิดเผย จัดเก็บ แลกเปล่ียน และบูรณาการข้อมูล ตามมาตรฐาน open data เพื่อนามาซึ่งการพัฒนาสินค้าและบริการรูปแบบใหม่เชิงนวัตกรรมสรา้ งมูลคา่ ทางเศรษฐกิจและคุณคา่ ใหก้ ับสังคมจากข้อมูลเปิดภาครัฐ 3.2 พัฒนาฐานข้อมูล รวมถึงชุดข้อมูลด้านต่างๆ ซ่ึงเช่ือมโยงข้อมูลจากทุกหน่วยงานภาครัฐโดยไม่ยึดติดความเป็นเจา้ ของ และเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมบรกิ าร และสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น ทะเบียนข้อมูลประชาชน ที่เก็บรวบรวมข้อมูลบุคคลต้ังแต่เกิดจนตายสาหรับการวางแผนพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต ข้อมูลทะเบียนประวัติการศึกษา ข้อมูลสุขภาพที่จะพัฒนาสู่บริการสุขภาพดีถ้วนหนา้ (universal healthcare) รวมไปถงึ ทะเบยี นขอ้ มลู เกษตร ขอ้ มลู คดี เปน็ ตน้ 3.3 เชอ่ื มโยงการบรหิ ารจดั การ กระบวนการพฒั นาและให้บริการของภาครฐั ใหเ้ กดิ การมสี ว่ นร่วมของประชาชนและภาคธุรกิจท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือกาหนดนโยบายและเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการการตัดสินใจท่ีเกิดจากการหลอมรวมทางสังคม รวมท้ังเกิดการตรวจสอบการทางานของภาครัฐ นาไปสู่ความโปร่งใสและลดปัญหาการทุจรติ (corruption) 4. พัฒนาแพลตฟอร์มบริการพ้ืนฐานภาครัฐ (government service platform) เพ่ือรองรับการพัฒนาแอปพลเิ คชัน่ หรือบรกิ ารรูปแบบใหมท่ เ่ี ปน็ บริการพ้นื ฐานของทุกหนว่ ยงานภาครัฐ 4.1 สง่ เสรมิ ใหบ้ ูรณาการขอ้ มูลและบริการระหวา่ งหน่วยงานของรัฐ เชน่ แบบฟอรม์ กลาง (singleform) เพ่ือให้เกิดความสะดวกในการติดต่อ หรือทาธุรกรรม และสนับสนุนให้ใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยในการบูรณาการข้อมูลไม่จาเป็นต้องยึดติดกับกระบวนการทางานรูปแบบเดิมหรือไม่จาเป็นต้องบูรณาการข้อมูลภายใต้รูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน แต่สามารถสร้างนวัตกรรมเพ่ือให้เกดิการบูรณาการขอ้ มูลได้ 4.2 ส่งเสริมให้เกิดแพลตฟอร์มบริการพื้นฐาน (common platform) เพ่ือสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาต่อยอดบริการ การเชื่อมโยงระบบงานและการใช้งานในวงกว้าง นาไปสู่ความร่วมมือและการแบ่งปันในรูปแบบใหม่ รวมท้ังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาแพลตฟอร์มบริการพ้ืนฐาน ซ่ึงเป็นบริการร่วมพ้ืนฐานเพ่ืออานวยความสะดวกสาหรับทุกหน่วยงานภาครัฐ และภาคธุรกิจในการปรับเปล่ียนรูปแบบการทาธุรกรรมและการใหบ้ รกิ าร ท่ีเป็นบริการพ้ืนฐานของทุกหนว่ ยงานภาครัฐ เช่น การบริหารจดั การพลังงานของพนื้ ท่ีอย่างชาญฉลาด การตรวจวดั ส่งิ แวดล้อมเพ่อื การเฝ้าระวังภัย บริการต๋วั รว่ ม บริการใบรบั รองอิเล็กทรอนิกส์ บรกิ ารยืนยันตัวตน บริการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ บริการโลจิสติกส์ และบริการแปลภาษาให้สะดวก รวดเร็วและมคี วามปลอดภยั ในการใชง้ านและให้บริการ
- 50 -ยุทธศาสตรท์ ่ี 5พฒั นากาลงั คนให้พร้อมเขา้ สู่ยุคเศรษฐกจิ และสังคมดจิ ิทลั การพัฒนากาลังคนดิจิทัล หมายถึง การสร้างและพัฒนาบุคลากรผู้ทางานให้มีความสามารถในการสร้างสรรค์และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างชาญฉลาดในการประกอบอาชีพ รวมถึงการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในบุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน ท้ังที่ประกอบอาชีพในสาขาเทคโนโลยีดิจิทัลโดยตรงและทุกสาขาอาชีพ ให้มีความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญตามระดับมาตรฐานสากล เพื่อสร้างให้เกิดการจ้างงานที่มีคุณค่าสูงรองรับการพัฒนาประเทศในยุคเศรษฐกิจและสังคมท่ีใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นปัจจัยหลักในการขบั เคลอื่ น ยุทธศาสตร์ที่ 5 น้ี มุ่งเน้นการพัฒนากาลังคนดิจิทัล (digital workforce) ขึ้นมารองรับการทางานในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเน้นท้ังกลุ่มคนทางานท่ีจะเป็นกาลังสาคัญในการสร้างผลิตภาพการผลิต(productivity) ในระบบเศรษฐกิจ และกลุ่มคนท่ีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การเตรียมความพรอ้ มให้ประชาชนทว่ั ไป ก็เปน็ อกี เรื่องทีส่ าคัญไมแ่ พ้กนั
เปา้ หมายยทุ ธศาสตร์ - 51 - บคุ ลากรในวชิ าชีพด้านดจิ ิทลั มี คณุ ภาพและปริมาณเพยี งพอ 1 โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในสาขา ท่ีขาดแคลน หรอื มคี วามสาคัญตอ่ การสร้างนวตั กรรมดจิ ิทัล 2 บุคลากรผู้ท้างาน เกดิ การจ้างงานแบบใหม่ 3 ทุกสาขามีความรแู้ ละ อาชพี ใหม่ ธรุ กจิ ใหม่ ทกั ษะด้านดิจิทัล จากการพฒั นาเทคโนโลยีดิจิทัล จานวน 20,000 งาน ภายในปี พ.ศ. 2563แผนงาน 1. พัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่บุคลากรในตลาดแรงงาน ทั้งบุคลากรภาครัฐและเอกชนทุกสาขาอาชีพ ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรวัยทางาน และวัยเกษียณให้มีความสามารถสร้างสรรค์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างชาญฉลาดในการประกอบอาชีพหรือสร้างรายได้รูปแบบใหม่ นาไปสู่การสร้างคุณค่าสินค้าและบรกิ ารไดเ้ ท่าทนั ความตอ้ งการของผู้รบั ประโยชน์ 1.1 พัฒนาความรู้ ทักษะ และองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมหรือระบบเศรษฐกิจ ด้วยการส่งเสริมให้มีการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านการเรียนรู้ในระบบเปิดสาหรับมหาชน (MOOCs) ตามความต้องการท่ีหลากหลายทัง้ บคุ ลากรวัยทางาน สถานประกอบการ หรอื ผทู้ ี่สนใจทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ 1.2 พัฒนาทักษะในลักษณะของสหวิทยาการ (interdisciplinary) เช่น ทักษะทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ทักษะด้านการคิดคานวณอย่างเป็นระบบ (computational thinking) ทักษะด้านการออกแบบกระบวนการทางธุรกิจ (design process thinking) ทักษะทางด้านนวัตกรรมบริการ และทักษะการเป็นผู้ประกอบการเทคโนโลยีดิจิทัล (digital entrepreneurship) นาไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่บนพื้นฐานของการใช้เทคโนโลยีดจิ ิทัลและสร้างการจา้ งงานทม่ี ีคุณค่าสูง 1.3 จัดให้มีศูนย์ถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล เน้นการเรียนรู้และปฏิบัติเพื่อเพ่ิมทักษะรูปแบบใหม่ในลักษณะบูรณาการการเรียนการสอนร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา อาทิ การส่งเสริมให้มีการฝึกงาน (on-the-job training) ท่ีเป็นการปฏิบตั ิงานจรงิ กับภาคธุรกจิเอกชนในหลักสูตรการศึกษาทเี่ ปน็ ทีต่ ้องการในการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยดี ิจทิ ลั แห่งอนาคต 1.4 พัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการบัญญัติและบังคับใช้กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆใหม้ ีความรอบรู้ และเท่าทนั ต่อเทคโนโลยีดิจิทลั สมัยใหม่ เชน่ บุคลากรวิชาชีพดา้ นนิติศาสตร์มีความเข้าใจและเชย่ี วชาญทางด้านเทคโนโลยดี จิ ิทัลในกระบวนการยตุ ิธรรม
- 52 - 1.5 พัฒนาทักษะและทัศนคติของบุคลากรภาครัฐให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างรอบรู้ เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เพ่ือนาไปสู่การเป็นองค์กรที่ทันสมัย สามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง 2. ส่งเสริมการพัฒนาทักษะ ความเช่ียวชาญเฉพาะด้านท่ีรองรับเทคโนโลยีใหม่ในอนาคต ให้กับบคุ ลากรในสายวิชาชพี ด้านเทคโนโลยดี ิจิทลั ท่ีปฏิบัตงิ านในภาครฐั และเอกชน 2.1 อานวยความสะดวกในการเข้ามาทางานของบุคลากรจากต่างประเทศท่ีมีทักษะเป็นท่ีต้องการตลอดจนสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและผ่อนปรนกฎระเบียบเรื่องการอนุญาตทางานให้กับบุคลากรต่างชาติท่ีต้องการเข้ามาทางานในประเทศไทย และใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้าการเคลื่อนย้ายบุคลากรด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญระดับสูงจากประเทศในกลุ่มอาเซียนและกลุ่มประเทศพันธมิตรทัว่ โลก 2.2 เพ่ิมปริมาณและคุณภาพของบุคลากรที่มีความเช่ียวชาญทางด้านดิจิทัล (digital specialists)ในสาขาที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้มข้น (high-tech sector) ให้มีความรู้และทักษะในระดับมาตรฐานสากลโดยสนับสนุนสถาบันการศึกษาทั้งในและนอกระบบให้เพ่ิมหลักสูตรในสาขาที่ขาดแคลน เช่น ด้านการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ด้านระบบอัตโนมัติ ด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ขั้นสูงและวิทยาการบริการ ด้านความม่ันคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ ตลอดจนปรับปรุงระบบการเรียนการสอนดา้ นเทคโนโลยีดิจทิ ัลในทุกระดับการศกึ ษา ใหม้ ุ่งเนน้ ทกั ษะการปฏิบัตงิ านจริงควบคูก่ ับทฤษฎี 2.3 สร้างเครือข่ายความเช่ียวชาญเฉพาะด้านท้ังในประเทศและภูมิภาคอาเซียน โดยเน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรทู้ างวชิ าการและทักษะใหม่ๆ ระหวา่ งองค์กรและบุคลากรทงั้ ภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยให้มีความร่วมมือในการแลกเปล่ียนผู้เช่ียวชาญ กระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้รวมถงึ การทาวจิ ยั และพฒั นานวตั กรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลร่วมกัน 2.4 จัดทาแผนพัฒนากาลังคนทางด้านดิจิทัลที่รองรับการปรับโครงสร้างการพัฒนากาลังคนทางด้านดิจิทัลของประเทศในทุกระดับท้ังภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคธุรกิจ ท่ีเหมาะสมและสอดคล้องต่อทศิ ทางการเปลยี่ นแปลงความต้องการการจ้างงาน ลกั ษณะการจ้างงาน อัตรากาลัง และค่านิยมของการทางานทางด้านดิจิทัลในอนาคต โดยเฉพาะอย่างย่ิง ในภาคการศึกษา ให้ครอบคลุมถึงแนวคิดการให้การศึกษาด้านทักษะด้านการคิดคานวณอย่างเป็นระบบ (computational thinking) การเขียนโปรแกรม (coding)ในระดับประถมศกึ ษาและมธั ยมศึกษา เพ่ือเตรียมความพรอ้ มของเดก็ ไทยในระยะยาวไปสู่อนาคต 3. พฒั นาผูบ้ รหิ ารเทคโนโลยีสารสนเทศ 3.1 พัฒนาผู้บริหารระดับสูงของรัฐ (CEO) ให้มีความเข้าใจและสามารถวางแผนยุทธศาสตร์การนาเทคโนโลยีดิจิทัลไปพัฒนาภารกิจขององค์กร ที่สอดคล้องกับสถาปัตยกรรมองค์กรของหน่วยงานตลอดจนสามารถสร้างคุณค่าจากข้อมูลขององค์กรและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพ่ือให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ 3.2 สร้างเครือข่ายผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและผู้บริหารด้านข้อมูลดิจิทัลระดับสูงของรัฐเพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู้กระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์ และติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆที่ส่งผลต่อการพัฒนาองค์กร รวมถึงแนวคิดในการบริหารจัดการสารสนเทศยุคใหม่ เพ่ือนาไปสู่การบูรณาการการทางานระหว่างหน่วยงาน พัฒนาองค์กรให้ทันสมัย สร้างสรรค์บริการตอบสนองความต้องการของผู้รับประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว ถกู ตอ้ ง และประหยดั งบประมาณ
- 53 -ยุทธศาสตร์ที่ 6สร้างความเช่ือมนั่ ในการใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทลั การสร้างความเช่ือมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หมายถึง มาตรฐาน กฎหมาย กฎ ระเบียบ และกติกาท่ีมีประสิทธิภาพทันสมัยและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์สากลที่มาเป็นพลังในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ ตลอดจนการสร้างความม่ันคงปลอดภัยการสร้างความเช่ือมั่น และการคุ้มครองสิทธิให้แก่ผู้ใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกภาคส่วน เพ่ือก่อให้เกิดการอานวยความสะดวก ลดอุปสรรค เพ่ิมประสิทธิภาพในการประกอบกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องต่างๆ พร้อมกับสร้างแนวทางขับเคลื่อนอย่างบูรณาการเพ่ือรองรับการเติบโตของเทคโนโลยดี จิ ิทัลในอนาคต ยุทธศาสตร์ท่ี 6 น้ี มุ่งเน้นการสร้างความม่ันคงปลอดภัย และความเช่ือม่ันในการทาธุรกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการ ผู้ทางาน และผู้ใช้บริการ ซ่ึงถือได้ว่าเป็นปัจจัยพ้ืนฐานที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และเป็นบทบาทหน้าท่ีหลักของภาครัฐในการอานวยความสะดวกให้กับทุกภาคส่วน โดยภารกจิ สาคัญยง่ิ ยวดของยุทธศาสตร์นี้ จะครอบคลุมเรื่องมาตรฐาน (standard) การคุม้ ครองความเปน็ ส่วนตัวและขอ้ มูลส่วนบุคคล (privacy) การรกั ษาความมนั่ คงปลอดภยั (cyber secserity)
เป้าหมายยุทธศาสตร์ - 54 - มชี ุดกฎหมาย กฎระเบียบท่ี 2 ประชาชนและภาคธรุ กิจทันสมัย เพอื่ รองรับการพัฒนา 1 มคี วามเช่ือมั่น ในการทา เศรษฐกิจและสังคมดจิ ิทัล ธรุ กรรมออนไลน์ อยา่ งเตม็ รปู แบบ ผลกั ดนั Data Protection Law และปรับแกไ้ ข มผี ูใ้ ชอ้ ินเทอรเ์ น็ตทท่ี าธุรกรรมเพมิ่ สงู ขนึ้ Computer Crime Law ต่อเนื่องและมลู คา่ e-Commerce เพ่มิ ขึ้น ใหบ้ ังคบั ใช้ได้ภายใน 3 ปี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 ต่อปี มีมาตรฐานขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ 3 สากล เพื่อรองรับการ เชอื่ มโยงและใช้ประโยชน์ ในการทาธุรกรรม ภาคธุรกิจดาเนินธุรกิจภายในและระหว่างประเทศ ได้สะดวก รวดเร็ว และต้นทุนทาธุรกรรมผ่าน สอื่ ดจิ ทิ ลั ลดลง กระบวนการขอใบอนุญาต มีระยะเวลาที่สั้นลงตาม เกณฑ์ของกลุม่ ผนู้ าในดชั นี Ease of Doing Business ภายใน 2 ปี มีมาตรฐานด้านข้อมูล และมาตรฐานเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนและ เชื่อมโยงข้อมูลภายในหน่วยงานภาครัฐ และระหว่าง หนว่ ยงานภาครฐั และเอกชน อันดับการประเมินวัดดัชนี World Bank’s Ease of Doing Business ของไทยดีข้ึนไม่น้อยกว่า 5 อันดับ ภายใน 3 ปีแผนงาน 1. จัดให้มีระบบนิเวศท่ีเหมาะสมต่อการดาเนินธุรกิจและการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยสร้างความม่ันคงปลอดภัยในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลด้วยการกาหนดมาตรฐาน กฎ ระเบียบ และกติกาให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพ่ืออานวยความสะดวกด้านการค้า และการใช้ประโยชน์ในภาคเศรษฐกจิ และสงั คม ซึง่ ภาครฐั จะเปน็ ผู้เริม่ ตน้ ในการลดอปุ สรรคในการดาเนินการต่างๆ 1.1 จัดให้มีสิ่งอานวยความสะดวกในการดาเนินธุรกิจดิจิทัลที่เหมาะสม ท่ีทาให้ผู้ใช้งานมีความมั่นใจ ซึ่งประกอบด้วย ระบบเชื่อมโยงมาตรฐานสินค้าท่ีเป็นสากล การจัดเก็บฐานข้อมูลกลางสินค้า (trustedsource data pool) ระบบการชาระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-payment) การสาธารณสุขอิเล็กทรอนิกส์(e-health) การค้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (e-trade) ที่เชื่อมโยงกันได้ การดาเนินการมาตรฐานข้อความที่เก่ยี วกบั การคา้ เชน่ e-invoice ของภาคธรุ กิจทสี่ ามารถใชเ้ ปน็ หลกั ฐานทางกฎหมายได้ การกาหนดกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์และนา Internet of Things (IoT) มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมและการผลิต
- 55 -(industrial internet)16 เป็นต้น เพ่ือสนับสนุนการทาธุรกิจท่ีเช่ือมโยงกันท้ังในประเทศและต่างประเทศให้มีมาตรฐานใช้งานร่วมกนั ท่ีได้รับการยอมรับจากผเู้ กีย่ วขอ้ ง 1.2 ปรับแก้กฎหมาย ให้ภาครัฐและเอกชน ยอมรับการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ต้องยื่นแบบฟอรม์ กระดาษในการทาธุรกรรมต่างๆ ตลอดจนสามารถใชเ้ ป็นหลักฐานทางกฎหมายได้ 1.3 ลดขั้นตอน ลดจานวนใบอนุญาต ลดจานวนเอกสาร และลดระยะเวลาในการดาเนินงานทางธรุ กรรมทัง้ ภาครฐั และเอกชน 1.4 สร้างกลไกและแรงจูงใจในการกากับดูแลตนเองในกลุ่มผู้ประกอบการ และการมีกระบวนการติดตามและประเมินระดับความสามารถในการดาเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง 1.5 กาหนดมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเทคนิคเพ่ือการปฏบิ ัติงานร่วมกนั (interoperabilitystandard) ในการเชื่อมโยง วิเคราะห์ สังเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากข้อมูล เช่น การกาหนดรายการข้อมูลและโครงสร้างข้อมูลเพื่อการแลกเปลี่ยน กฎกติกาการตั้งช่ือรายการข้อมูล กฎกติกาการออกแบบโครงสร้างเอกสาร มาตรฐานกลางเช่อื มโยงข้อมูลการคา้ การชาระเงิน ภาษี เป็นตน้ 2. ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและสังคมดจิ ิทัลให้มีความทันสมัย สอดคล้องต่อพลวัตของเทคโนโลยดี ิจิทัลและบริบทของสังคม 2.1 มีกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องที่ทันต่อความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลซ่ึงสามารถสนับสนุนการใช้งานและใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น กฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศและข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายเก่ียวกับทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อส่งเสริมและสร้างแรงจงู ใจในการทานวัตกรรม เปน็ ตน้ 2.2 เร่งปรับปรงุ กลไกการคุ้มครองทรัพยส์ ินทางปัญญาทร่ี องรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ แนวปฏิบัติสากล และสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาท่สี ร้างสรรคโ์ ดยคนไทย รวมถึงการใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์ที่ถูกกฎหมาย 2.3 ให้ประชาชน และหน่วยงานที่เก่ียวข้อง สามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการยกร่าง พัฒนาตรวจสอบ และทบทวนกฎหมายต่างๆ ที่เก่ียวข้องกบั เทคโนโลยีดิจิทัลซึ่งเป็นการเร่ิมต้นของการติดต่อส่ือสารระหว่างประชาชนกับรัฐบาลในเร่ืองการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะที่มีผลกระทบต่อประชาชน(e-participation) 2.4 ให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องดาเนินการ และนาแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแปลงสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการวัดผล ตรวจสอบ ติดตามและประเมินความเหมาะสมเป็นระยะอย่างต่อเนือ่ ง รวมถงึ จัดสรรทรัพยากรสนบั สนนุ เพื่อให้เกดิ ผลสัมฤทธ์ิ16 จากผลการสารวจความนยิ มในการประยุกต์ใช้ IoT ในปี ค.ศ.2015 พบว่า smart home และ Industrial internet อยู่ในอนั ดับ 1 และอันดบั 5ตามลาดับ โดย Gartner และ Cisco คาดการณ์ว่า industrial internet มีแนวโน้มและความเป็นไปได้มากที่สุดในบรรดาการประยุกต์ใช้ IoTนอกจากน้ี smart supply chain ท่ีเป็นโซลูชน่ั ท่ีเขา้ มาชว่ ยติดตามสนิ ค้าทีก่ าลังขนส่งไปตามทอ้ งถนน และ smart agriculture ท่ีเปน็ ระบบในการตดิ ตามดแู ลการปฏิบตั งิ านทางการเกษตร จะเป็นประโยชนม์ ากสาหรบั การทาการเกษตรในพ้นื ทหี่ ่างไกล
- 56 - 3. สร้างความเช่อื ม่ันในการใช้เทคโนโลยดี ิจทิ ัลและการทาธรุ กรรมออนไลน์ 3.1 สร้างความม่ันคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อสร้างความเชื่อม่ันให้กับภาคธุรกิจและประชาชนในการส่ือสาร และการทาธุรกรรมออนไลน์ เช่น จัดให้มีระบบการชาระเงินที่ตรงตามความตอ้ งการมปี ระสิทธภิ าพและความม่ันคงปลอดภัย เป็นตน้ 3.2 กาหนดมาตรการและแนวปฏิบัติสาหรับผู้ให้บริการท้ังภาครัฐและภาคเอกชนในการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับบริการ เช่น แนวปฏิบัติในการใช้งาน mobilecommerce หรือ smart phone แนวปฏิบัติในการใช้งาน social media เป็นต้น เพ่ือรองรับการเติบโตของการใชง้ านเทคโนโลยีดจิ ิทลั ในอนาคต 3.3 การกาหนดมาตรการการเฝ้าระวังและรับมือภยั คุกคามไซเบอร์ที่เหมาะสมและสอดคล้องตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการปกป้องโครงสรา้ งพ้ืนฐานที่มคี วามจาเป็นอย่างยิง่ ยวด (critical infrastructure)เชน่ โครงสร้างพน้ื ฐานทางไฟฟ้า โครงสรา้ งพ้ืนฐานทางการเงนิ เพ่ือใหม้ ีความมน่ั คงปลอดภยั เพียงพอต่อการค้าและการลงทุน การสร้างเครอื ขา่ ยแลกเปลี่ยนข้อมลู ภยั คุกคามไซเบอร์ พรอ้ มกาหนดหน่วยงานรับแจ้งเหตุ และสร้างกลไกการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามการกระทาความผิดที่มีผลต่อระบบความม่ันคงปลอดภัยดิจิทัลท้ังน้ี การส่งเสริมให้เกิดความตระหนักและรู้เท่าทันภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นส่งิ สาคัญทตี่ อ้ งดาเนินการอย่างตอ่ เนอื่ ง 3.4 สร้างระบบและกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคท่ีใช้ธุรกรรมออนไลน์ เช่น ส่งเสริมและผลักดันให้หน่วยงานหลักทเ่ี ก่ยี วข้องมีความพร้อมและความเขม้ แขง็ สามารถทางานรว่ มกับหนว่ ยงานทีเ่ ก่ยี วขอ้ งไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกระบวนการในการระงับข้อพิพาทออนไลน์และการเน้นให้ภาคธุรกิจสามารถดูแลและกากับกันเองได้อย่างมีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้รับการรับรองโดยภาครัฐ(self-regulation) ทั้งน้ี ในบางสถานการณ์ ภาครัฐอาจร่วมกากับดูแล (co-regulation) ตามความเหมาะสมเพื่อให้ระบบการควบคมุ กากับดูแลมีประสทิ ธภิ าพ
- 57 -4. กลไกการขบั เคลือ่ น เพื่อเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจและสังคมไทยให้พร้อมรับการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดจากการนาเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั มาประยกุ ต์ใช้ภายใตน้ โยบายการขับเคลอื่ นประเทศไทย ด้วยดจิ ทิ ลั เพื่อเศรษฐกิจและสงั คมนั้นสง่ิ ทีต่ อ้ งเรง่ ดาเนินการคือการขับเคล่ือนให้เหน็ ผลอย่างเป็นรูปธรรมในระยะส้นั การเตรียมความพร้อมประเทศโดยเฉพาะการปรบั เปล่ียนโครงสรา้ งเชิงสถาบัน การบูรณาการและการจดั สรรทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง และการมีกลไกในการทางานและติดตามผลการดาเนนิ งานอยา่ งเปน็ ระบบ ดงั รายละเอยี ดดงั นี้4.1 การขับเคลื่อนด้วยกิจกรรม/โครงการทเี่ ป็นรปู ธรรมในระยะเร่งด่วน (1 ปี 6 เดือน) เพ่อื วางรากฐานเศรษฐกจิ และสงั คมไทยให้พร้อมรบั การเปล่ียนแปลงทีเ่ กิดจากการนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจึงได้จัดให้มีกิจกรรมเพื่อขับเคล่ือนการดาเนนิ งานในระยะเร่งดว่ น (1 ปี 6 เดือน) ทมี่ งุ่ เน้นการลงทนุ ด้านโครงสรา้ งพนื้ ฐานดจิ ิทลั และสรา้ งรากฐานการพฒั นาดจิ ทิ ลั (digital foundation) ดังสามารถสรุปโดยสงั เขป ดงั นี้ ด้านโครงสรา้ งพื้นฐานดิจิทัล • การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมหมู่บ้านท่ัวประเทศ ที่ประชาชนสามารถใช้บริการและสื่อสารผ่านบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างท่ัวถึงและเท่าเทียมกัน ซ่ึงการมีโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีข้ึน สามารถเข้าถึงบริการด้านการศึกษาสาธารณสุขและการบริการอ่ืนๆ ของภาครัฐผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมท้ังช่วยเพ่ิมความสามารถในการแข่งขันใหก้ บั ภาคเอกชนซงึ่ จะสง่ ผลต่อการพัฒนาประเทศไทยอยา่ งย่งั ยืนในอนาคต ผดู้ าเนินการหลกั : กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร • ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ให้มีโครงข่ายเช่ือมต่อโดยตรงกับศูนย์กลางการแลกเปล่ียนข้อมูลอินเทอร์เน็ตของโลก ให้มีเสถียรภาพ และมีความจุเพียงพอรองรับความต้องการของประเทศ ลดต้นทุนการเชื่อมตอ่ อนิ เทอร์เนต็ ตา่ งประเทศของผู้ใหบ้ ริการอนิ เทอรเ์ น็ตในประเทศไทยให้สามารถแข่งขันได้กับประเทศเพ่ือนบ้าน ทาให้ค่าบริการอินเทอร์เน็ตสาหรับประชาชนถูกลง รวมท้ังยกระดับประเทศไทยใหเ้ ป็นศนู ยก์ ลางการแลกเปล่ียนขอ้ มูลอนิ เทอรเ์ นต็ หรือศูนยก์ ลางดจิ ิทัลของภมู ภิ าคอาเซียนในอนาคต ผู้ดาเนินการหลัก: กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร
- 58 - ดา้ นเศรษฐกจิ ดจิ ทิ ลั • สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ให้กับชุมชน ยกระดับการประกอบอาชีพ พัฒนาธุรกิจชุมชนจากการค้าขายสินค้าชุมชนไปสู่การพัฒนาสินค้าและบริการท่ีมีคุณภาพพร้อมทั้งขยายตลาดจากตลาดชุมชนสู่ตลาดเมือง ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนในชุมชนมีโอกาสเรียนรู้วิธีการคา้ ขายผ่านพาณชิ ย์อิเลก็ ทรอนิกส์ ผดู้ าเนินการหลกั : กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร กระทรวงมหาดไทย และองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด/ตาบล • เพ่มิ ขดี ความสามารถในการแข่งขันให้กบั ภาคธรุ กิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ให้มีการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยดี ิจทิ ัล โดย - พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการดาเนินธุรกิจในระดับองค์กร ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพและลดต้นทุนการทาธุรกิจ เช่น ระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กร (ERP) ระบบบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (SCM) ระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และสนับสนุนให้ธุรกิจไทยเปล่ียนรูปแบบการทาธุรกิจแบบเดิมสู่ระบบการค้าออนไลน์เต็มรูปแบบ (e-Business) รวมถึงเตรียมความพร้อมในการปรับเปล่ียนกระบวนการผลิตและการให้บริการของภาคธุรกิจให้ทันสมัยโดยใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลในขั้นตอนของการผลิตเพอื่ รองรบั การกา้ วเขา้ สู่ยุคอตุ สาหกรรม 4.0 - สร้างกลไกและยกระดับความเช่ือมั่นให้กับสินค้าของไทย ตลอดจนเตรยี มฐานข้อมลู เพื่อเชื่อมโยงระบบการค้าไทยเข้ากับระบบการค้าสากล ด้วยการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจมีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงความสาคญั ของรหสั สินคา้ และมาตรฐานสนิ คา้ ของไทย - สนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและส่ือสร้างสรรค์ ในการสร้างทรัพย์สินทางปัญญาของไทยและการขยายตลาดสูต่ า่ งประเทศ ผู้ดาเนินการหลกั : กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร กระทรวงวัฒนธรรม • ผลักดันการพัฒนาคลัสเตอร์ดิจิทัลตามนโยบายส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษและ super clusterเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่จาเป็นต้องมีการส่งเสริมภายในพื้นท่ีคลัสเตอร์ดิจิทัล เพื่อให้เป็นฐานการแลกเปล่ียนองค์ความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ตลอดจนหน่วยงานวิจยั และพฒั นาภายในประเทศและธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลท่ีสาคัญระดับโลก รวมถึงการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็น
- 59 -แหล่งรับจ้างผลิต (outsource) ทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลท่ีสาคัญของภูมิภาคโดยการขับเคล่ือนกิจกรรมSmart Thailand ผ่านวิธีการร่วมมอื กับผูน้ าอุตสาหกรรมระดบั โลก ผู้ดาเนนิ การหลัก: กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร กระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี • พฒั นากาลังคนทางดา้ นดิจิทลั ในธุรกิจเทคโนโลยดี ิจิทัล (Tech Startup) เพือ่ ให้มที กั ษะ และความเช่ียวชาญในการต่อยอดนวัตกรรมและสร้างสินค้าและบริการรปู แบบใหมร่ องรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและสงั คมดจิ ทิ ัล รวมถงึ การเพมิ่ การจา้ งงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจทิ ลั ผ้ดู าเนนิ การหลกั : กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้านสังคมดจิ ิทัล • พฒั นาเครอื ขา่ ยศูนย์ดจิ ิทลั ชุมชน ด้วยการปรับศนู ย์การเรียนรู้ ICT ชมุ ชนเดิม เปน็ ศนู ย์รปู แบบใหม่ที่ให้บริการด้านดิจิทัลและข้อมูลข่าวสารเชิงเศรษฐกิจและสังคมแก่ชุมชน วิสาหกิจชุมชน เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลข่าวสารชุมชนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนและการบริหารประเทศ มีจัดกิจกรรมเชิงเศรษฐกิจอย่างต่อเน่ือง เช่น การเปิดร้านค้าออนไลน์ การปรับปรุงสินค้า/บริการ การส่ือสาร และการประชาสัมพันธ์ผ่านส่ือดิจิทัล เป็นต้น ควบคู่กับการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ตลอดชีวิตท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ทุกท่ีทุกเวลาบนทุกอุปกรณ์ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้เท่าทันดิจิทัล และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพือ่การประกอบอาชพี และการดารงชีวิต เปน็ รากฐานของการพฒั นาท่ียงั่ ยืน ผดู้ าเนนิ การหลกั : กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงมหาดไทย องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด/ตาบล • ส่งเสริมการให้ประชาชนทุกกลุ่มมีช่องทางในการเรียนรู้ตลอดชีวิตรูปแบบใหม่ โดยผ่านระบบการเรียนรู้ในระบบเปิดสาหรับมหาชนที่เรียกว่า MOOCs (Massive Open Online Courses) นอกจากนี้ประชาชนท่ีอาศัยอยู่ในพ้ืนที่ชายขอบของประเทศซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลท่ีไม่มีไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต และสัญญาณโทรศพั ทม์ อื ถือจะได้รบั โอกาสในการเข้าถึงข้อมลู ความรู้มากยิง่ ขึน้ ผูด้ าเนินการหลกั : กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงมหาดไทย องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั / ตาบล
- 60 - • ส่งเสริมการใช้ดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบต่อสังคม รณรงค์และเสริมสร้างทักษะดิจิทัลให้แก่ประชาชน ทัง้ เดก็ เยาวชนในและนอกระบบการศึกษา ครู ผปู้ กครอง รวมถึงท้ังคนพิการผูด้ ้อยโอกาสและผู้สูงอายุ ให้สามารถเข้าถึง เรียนรู้ และได้ประโยชน์ จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างปลอดภัย สร้างสรรค์มีจริยธรรม และตระหนักถึงผลกระทบต่อสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมของประชาชนไทยสู่การเป็นพลเมืองดจิ ทิ ัลในอนาคตตอ่ ไป ผูด้ าเนนิ การหลกั : กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร • การสร้างเมืองน่าอยู่และปลอดภัย ด้วยการบูรณาการเช่ือมโยง CCTV ท่ีมีอยู่แล้วในจังหวัดภูเก็ตและการประมวลผลภาพ เพ่อื ป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก การพฒั นาระบบรายงานสภาพจราจรแบบ real timeและระบบบอกเวลารถเข้าป้าย การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการกวดขันวินัยจราจรภายในจังหวัด และการพัฒนาศนู ยส์ ง่ั การอจั ฉรยิ ะ ผู้ดาเนินการหลัก: จังหวดั ภูเก็ต กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร การบริการภาครฐั • ยกระดบั คณุ ภาพงานบริการภาครฐั - ปรับกระบวนการดาเนินการภาครัฐ โดยนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาระบบสนับสนุนงานบรกิ ารประชาชน ตาม พ.ร.บ. การอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 - บูรณาการข้อมูลและระบบงานภาครัฐ เพื่อสนับสนุนมาตรการและนโยบายของรัฐบาลผ่านอปุ กรณส์ อื่ สารแบบเคล่อื นท่ี - อานวยความสะดวกแก่ประชาชนในการใช้บริการของรัฐ ได้แก่ การอานวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการเร่ิมตน้ ธุรกิจ และการอานวยความสะดวกแก่ประชาชนในการลดสาเนา เมื่อติดต่อหรือใช้บรกิ ารของรัฐ - การผลักดนั ชุดกฎหมายที่เกี่ยวกับการสง่ เสริมและพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมดจิ ิทัล ผดู้ าเนินการหลกั : กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)
- 61 - • ลดขั้นตอนและกระบวนการในการอนุญาต รับแจ้ง อนุมัติ ของหน่วยงานราชการ เพ่ือลดอุปสรรคเพมิ่ ประสิทธภิ าพในการให้บริการ โดยลดกระบวนการและการใช้เอกสารทีซ่ ับซ้อน เพอ่ื เพมิ่ ความรวดเร็ว และโปร่งใสในทุกขนั้ ตอน ผ้ดู าเนินการหลัก: หน่วยงานภาครฐั ที่ทาหนา้ ที่เกย่ี วกบั การใหบ้ รกิ ารสาธารณะในรูปแบบตา่ งๆสานกั งานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และการบูรณาการงานบรกิ ารภาครัฐที่เกีย่ วข้องกับ การดาเนินการ 63 บริการหลัก (ตาม พ.ร.บ.การอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนญุ าตของ ทางราชการ พ.ศ.2558) • ผลักดันกลุ่มกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการวางรากฐานในปรับเปล่ียนโครงสร้างเชิงสถาบันทัง้ การจดั ต้งั หน่วยงาน การมีกฎเกณฑ์กตกิ า เพือ่ สร้างความเชอ่ื ม่นั ในการใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลในการทาธรุ กรรม ผูด้ าเนินการหลกั : กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคมแหง่ ชาติ4.2 กลไกการขบั เคลอ่ื นภายใตก้ ารเปล่ยี นแปลงโครงสรา้ งเชิงสถาบนั การนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้นั้น มีส่วนช่วยในการบริหารราชการแผ่นดินและการให้บริการสาธารณะ ซ่ึงส่งผลต่อบทบาทภาครัฐท่ีมีการเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบเดิมที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ ยึดกฎระเบียบ ลาดับชั้นการบงั คบั บญั ชา มีข้ันตอนการควบคุมทม่ี ีความชดั เจน ผกู ขาดการใหบ้ ริการสาธารณะ สู่การยกระดับประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการจัดบริการสาธารณะให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส ท่ัวถึงมีคุณภาพ ในช่องทางท่ีหลากหลาย ไม่ถูกจากัดด้วยสถานที่และเวลาในการให้บริการอีกต่อไป และเพ่ือให้นโยบายการพัฒนาดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคมเกิดผลอย่างจริงจังและต่อเน่ือง จะต้องอาศัยกลไกการขับเคล่ือนที่ทุกภาคส่วนต้องปรับรูปแบบการทางานให้มีลักษณะเชิงบูรณาการข้ามหน่วยงาน ท้ังในระดับภาครัฐและภาคเอกชน รวมท้ังเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบและติดตามผล ดังนั้นการปรับปรุงรูปแบบและวิธีการทางานของภาครัฐ จะบูรณาการการทางานในลักษณะข้ามกระทรวงเพ่ิมประสิทธิภาพระบบราชการ ลดบทบาทภาครัฐ กระจายและมอบอานาจการปฏิบัติราชการ เพ่ือลดกระบวนการ ข้นั ตอน ระยะเวลาดาเนินการ และการใช้ดุลยพินิจของเจา้ หนา้ ที่ การทางานเชิงบูรณาการเพื่อขับเคล่ือนการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะต้องมีหน่วยงานกลางเพ่ือทาหน้าที่กาหนดนโยบาย ประสาน และขับเคลื่อนให้การพัฒนาดิจิทัลของประเทศเป็นไปอย่างมีเอกภาพ โดยหน่วยงานที่จาเป็นต้องจัดต้ังขึ้นใหม่นั้น ควรมีจานวนเท่าที่จาเป็นต่อภารกิจของหน่วยงานท่ีมีอยู่ณ ปัจจุบนั ไม่สามารถดาเนินการไดต้ ามกรอบกฎหมายท่ีมีอยู่ เพื่อลดภารกจิ ทซ่ี ้าซ้อน และ/หรือทับซ้อน และเพ่ือตอบสนองต่ออุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลที่มีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว หน่วยงานที่เกิดข้ึนใหม่ควรมีขนาดกระชับ มีโครงสร้างองค์กรท่ียืดหยุ่น เน้นเป้าหมายมากกว่ากระบวนการ มีระบบการบริหารงานคล่องตัว เป็นอิสระ ไม่ผูกพันกับกฎระเบียบ การปฏิบัติ และข้อบังคับของราชการหรือรัฐวิสาหกิจ กระจายอานาจ เปิดโอกาสให้บุคลากรแสดงศักยภาพในการทางานได้เต็มท่ี มีอิสระและอานาจตัดสินใจภายใต้กรอบการดูแลและตรวจสอบ เพื่อให้ส่งมอบงานที่มีประสิทธิภาพ คุณภาพ และรวดเร็ว มีกลไกกาหนดค่าตอบแทนและสวัสดกิ ารทเ่ี หมาะสมและสร้างแรงจงู ใจแกผ่ ูป้ ฏบิ ตั งิ านท่ีเป็นผเู้ ช่ยี วชาญเฉพาะด้าน
- 62 -4.3 กลไกการบรู ณาการและการจัดสรรงบประมาณและทรพั ยากรอื่นๆ ในการดาเนนิ งาน การทางานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างย่ิงหน่วยงานภาครัฐต้องบูรณาการการทางานร่วมกนั ในลักษณะท่ีเปน็ องค์รวมแทนการทางานแบบแยกส่วนดังทีเ่ คยปฏิบัตใิ นช่วงทผี่ ่านมา เพอื่ ให้กลไกต่างๆสามารถทางานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ กาหนดเจ้าภาพรับผิดชอบในแต่ละภารกิจ มีการทางานร่วมกันหรือเช่ือมโยงกัน เพื่อใช้ทรัพยากรภาครัฐร่วมกันอย่างคุ้มค่า เมื่อบุคลากรในแต่ละหน่วยงานท้ังภาครัฐและภาคเอกชนมีการทางานเช่ือมโยงกัน ลดภารกิจท่ีทับซ้อน/ซ้าซ้อน และนาข้อมูลท่ีแต่ละฝ่ายมีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ จะช่วยให้บริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัดให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด ลดต้นทุนการดาเนินงาน อานวยความสะดวก เพม่ิ ความรวดเรว็ นอกจากน้ี เครื่องมือสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการการให้บริการสาธารณะท่ีมีประสิทธิภาพและคุณภาพย่ิงขึ้น คือการแก้ไขกฎระเบียบและระบบงบประมาณท่ีเอ้ืออานวยให้ส่วนราชการทางานร่วมกันมีระบบประสานงานระหว่างส่วนราชการในการให้บริการประชาชน เช่น พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอานาจ พ.ศ. 2550 และ พ.ร.บ.การอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558รวมถึงการนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการเช่ือมโยง/แลกเปลี่ยนข้อมูลท่ีรวบรวมและครอบครองโดยหน่วยงานรฐั มาวเิ คราะห์ เชือ่ มโยง และใช้ประโยชน์ในการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน เพ่อื ใหบ้ ริการข้ามกระทรวง การขับเคลื่อนโครงการต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรมซ่ึงต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับพลวัตของเทคโนโลยีดิจิทัลนั้น จาเป็นต้องมีความคล่องตัว ทาให้รัฐต้องมีกลไกทางเลือกในการสนับสนุนทางการเงินกับโครงการเหลา่ นั้น ดังน้ัน นอกจากการสนับสนุนด้วยงบประมาณรายจ่าย รัฐควรจัดต้ังกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพ่อืเศรษฐกิจและสังคมมาสนับสนุนการดาเนินงานดังกล่าว แต่ต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ รัดกุม และโปร่งใสพร้อมตอ่ การตรวจสอบของผูท้ ่ีเก่ยี วขอ้ งและประชาชน4.4 กลไกติดตามความก้าวหน้าของนโยบาย แผนงาน เพ่ือให้การขับเคลื่อนแผนพัฒนาดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคมเกิดประสิทธิภาพตามเป้าหมายท่ีกาหนด ขยายผลไปสู่ภาคเศรษฐกิจและสังคมที่ตรงต่อความต้องการ ความจาเป็น และความเหมาะสมก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใต้งบประมาณท่ีจากัด จึงต้องมีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลความเป็นไปได้อย่างต่อเน่ืองเป็นระยะ เม่ือพบปัญหา และอุปสรรคในการนานโยบายสกู่ ารปฏิบัติ ต้องจัดให้มีกลไกช่วยเหลอืหรือจัดสรรทรัพยากรเพิ่มเติมตามความจาเป็นและเหมาะสมอย่างเพียงพอและทันท่วงที นาผลที่ได้จากการติดตามมาทบทวนเพือ่ ปรบั ปรุงให้สามารถดาเนินการได้อย่างเปน็ รูปธรรม นอกจากน้ี ตอ้ งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมต้ังแต่กระบวนการปรึกษาหารือ การสารวจ และการรับฟังความเห็นของประชาชน มีกระบวนการตรวจสอบ ติดตามความคืบหน้าการดาเนินงาน เพ่ือนาไปสู่การบริหารจัดการภาครัฐท่ีมุ่งผลสัมฤทธ์ิของการปฏิบัติงานเป็นหลัก ให้ความสาคัญกับการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและการเพ่ิมประสิทธิภาพ การใชจ้ า่ ยงบประมาณต้องเป็นไปอย่างคุ้มคา่ และเหมาะสม มกี ารยดื หยุน่ การใช้เงินงบประมาณนอกกรอบที่ขออนุมัติไว้ล่วงหน้าตามภารกิจท่ีต้องดาเนินการเพิ่มเติมระหว่างปีงบประมาณได้เพื่อลดการเร่งใช้เงินงบประมาณเมื่อใกล้ระยะเวลาสิ้นสุด ดังนั้น การอบรมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกจิ และสงั คมดจิ ิทลั และสรา้ งทักษะแก่ประชาชนจงึ ต้องดาเนนิ การเพ่ือให้ทาการนี้ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ผ15. ภาคผนวก อภิธานศัพท์Corruption ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศต่างๆ ทั่วโลก จัดทาโดยองค์กรPerception เพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระIndex (CPI) นานาชาติที่ก่อต้ังข้ึน เพื่อรณรงค์แก้ไขปัญหาคอร์รัปชันและมีเครือข่าย ใน 120 ประเทศทั่วโลก และได้จัดทาดัชนีช้ีวัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันของ ประเทศต่างๆ เป็นประจาทุกปีมาตง้ั แต่ พ.ศ. 2538Networked ดัชนีบ่งชี้ระดับความพร้อมของการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารReadiness Index และโอกาสในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการพัฒนา ประเทศ ท่ีครอบคลุมทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ ซ่ึงจัดทาขึ้นโดย World economic forum และมีการรายงานใน Global information technology report เป็นประจาทุกปีดัชนี NRI ประกอบด้วยดัชนีย่อย (sub-index) 3 กลุ่ม กลา่ วคอื 1) สภาพแวดล้อม/ปัจจยั พน้ื ฐานท่สี ง่ ผลตอ่ การพัฒนาไอซที ี ประกอบดว้ ย 1.1) สภาพแวดล้อมทางด้านการทาธุรกิจ/ตลาดของ เช่น การมี นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่เพียงพอ กฎระเบียบของภาครัฐ และผลของมาตรการ ทางภาษตี ่างๆ เปน็ ต้น 1.2) สภาพแวดล้อมทางด้านการเมืองการปกครอง และกฎเกณฑ์การกากับ ดูแลต่างๆ อาทิ การมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับไอซีที ประสิทธิภาพของการบังคับใช้ กฎหมาย การคุ้มครองทรัพยส์ นิ ทางปัญญา และ 1.3) สภาพแวดล้อมทางดา้ นโครงสร้างพ้นื ฐาน เช่น ไฟฟ้า โทรศพั ท์ เปน็ ตน้ 2) ความพร้อมทางด้านเครือข่ายซ่ึงรวมถึงความพร้อมของบุคลากรที่จะเป็นผู้ใช้ ประโยชน์จากเครือข่าย โดยในการวัดยังแบ่งเป็นความพร้อมของประชาชนทั่วไป (individual) ภาคธุรกิจ (business) และ ภาครัฐ(government) โดยตัวอย่าง ตัวชว้ี ดั (indicators) ท่นี ามาพิจารณาคอื 2.1) การเชื่อมต่อและการลงทนุ ในเครือข่าย เชน่ การเขา้ ถงึ อนิ เทอร์เน็ตของ โรงเรียน การเช่ือมต่อคู่สายโทรศัพท์ของครัวเรือน/สถานประกอบการ การจัดซื้อ จัดหาเทคโนโลยขี องภาครฐั (2.2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น คุณภาพของระบบ การศึกษาในประเทศ การลงทุนด้านการฝึกอบรมของบุคลากรในสถานประกอบการ และการให้ความสาคัญกับการสร้างและพัฒนาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี
ผ2 2.3) การใชด้ ัชนีย่อยอ่นื ๆ มาประเมนิ วัด เช่น e-Government readiness 3) ความสามารถในการใช้ประโยชน์จากไอซีทีของภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ โดยอาจจดั กลุม่ ชี้วัดทสี่ าคัญไดด้ ังน้ี คอื 3.1) การแพรก่ ระจายโครงสรา้ งพ้ืนฐานเพ่ือใหค้ น/องค์กรกลุ่มตา่ งๆ สามารถ ใช้ประโยชน์ เช่น การแพร่กระจายของคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ (ประจาท่ีและ เคล่ือนที่) และอนิ เทอร์เนต็ ระดบั การมีการใชไ้ อซีทีของภาครัฐ 3.2) ความสามารถในการใช้ประโยชน์จากไอซีที เช่น ความสามารถในการ ดดู ซบั เทคโนโลยขี องภาคธรุ กจิ ประสทิ ธผิ ลของการใชไ้ อซที ี ในภาครัฐ 3.3) ระดบั ของการใช้ประโยชนจ์ ากไอซีที เช่น จานวนบริการภาครฐั ออนไลน์ การใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตของภาคธุรกิจ และจานวนข้อมูลที่ไหลเวียนบน อินเทอร์เน็ต (internet traffic) เป็นตน้การกระทาความผดิ การกระทาด้วยประการใดๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทางานตามคาสั่งท่ีเกีย่ วกับ กาหนดหรือทางานผิดพลาดจากคาสั่งท่ีกาหนดไว้ หรือใช้วิธีการใดๆ เพ่ือให้ล่วงรู้คอมพิวเตอร์ ข้อมูล แก้ไข หรือทาลายข้อมูลของบุคคลอ่ืนในระบบคอมพิวเตอรโ์ ดยมิชอบ หรือใช้(computer crime) ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือมีลักษณะลามกอนาจาร ทาให้ เกิดความเสียหาย (พรบ.ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550)การเกษตรอัจฉริยะ การนาเทคโนโลยดี ิจทิ ัล และวทิ ยาศาสตรใ์ นสาขาที่เกยี่ วข้อง (เชน่ เทคโนโลยีชวี ภาพ(smart farm) และเทคโนโลยีนาโน) มาใช้เพื่อพัฒนาการเกษตร ที่ในเบื้องต้นครอบคลุมถึง การ จัดทาทะเบียนเกษตรกรรายแปลง การทาระบบจัดการและแลกเปล่ียนความรู้ ท า ง ก า ร เ ก ษ ต ร ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร พ้ื น ท่ี เ พ า ะ ป ลู ก แ ล ะ ฟ า ร์ ม การบริการจัดการระบบน้าและการใช้น้า การวางแผนการผลิต การทาระบบบัญชี การปรับปรุงประสิทธิภาพระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ได้มาตรฐาน และการทาการตลาด การตลาด และการตรวจสอบย้อนกลับของ ผลิตภัณฑ์เกษตร เป็นต้นการเขา้ ถึงโครงข่าย เป็นรูปแบบการเข้าถึงและเชื่อมต่อโครงข่ายท่ีมีการวางรูปแบบสถาปัตยกรรมเช่ือมต่อแบบเปดิ โครงข่ายให้สามารถเชื่อมต่อเข้าถงึ กันได้แบบเทา่ เทียมและเป็นกลางระหวา่ งโครงข่าย(open access/ ท่ีเป็นของผู้ให้บริการมากกว่าหนึ่งรายให้เสมือนเป็นโครงข่ายเดียวในการให้บริการopen network) อยา่ งมคี ณุ ภาพการคุม้ ครองข้อมูล มาตรการที่กาหนดให้ผู้ครอบครอง ควบคุม หรือดูแลข้อมูลส่วนบุคคลต้องปฏิบัติส่วนบคุ คล โดยต้องได้รับความยินยอมในการใช้ เปิดเผย หรือเผยแพร่ข้อมูลของบุคคลอื่น(data protection) เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นบางประการ ตัวอย่างเช่น ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลการเงิน ข้อมูล เกยี่ วกับความเชื่อทางศาสนา เป็นต้น ใหม้ ีการนาไปใช้อย่างเหมาะสมโดยได้รบั ความ
ผ3 ยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เพ่ือหลีกเลี่ยงการละเมิดสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของผูอ้ ื่น ทตี่ นเองครอบครองหรือดูแลอยอู่ ันจะทาใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกเ่ จ้าของข้อมูลการคุ้มครองสทิ ธิ เป็นหน่ึงในสิทธิข้ันพ้ืนฐานที่ประชาชนพึงมีและได้รับ โดยภาครัฐมิสามารถส่วนบุคคล กา้ วลว่ งหากไมมีเหตุผลจาเปน็ การบริหารจดั การภาวะวกิ ฤติการเชือ่ มโยงการ แนวทางที่จะทาให้ข้อมูลในระบบ หรือเน้ือหา องค์ประกอบต่างๆ ของแต่ละทางานเขา้ ดว้ ยกัน หน่วยงาน สามารถทางานร่วมกันได้ โดยมีมาตรฐานกลาง เพ่ือกาหนดรูปแบบและ(Interoperability) การบันทึกจัดเก็บ ดังน้ัน ระบบจึงไม่จาเป็นต้องมาจากที่เดียวกันหรือหน่วยงาน เดียวกนั แตส่ ามารถตดิ ตอ่ สื่อสารและแลกเปลี่ยนขอ้ มลู กนั ได้การบรกิ าร การที่หน่วยงานที่มีอานาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซ่ึงอาจจะเป็นของรัฐหรือเอกชนสาธารณะ ดาเนินการส่งต่อบริการให้แก่ประชาชน โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือตอบสนองต่อ(public service) ความต้องการของประชาชนโดยส่วนรวมการบรหิ ารจัดการ การบริหารจัดการและการกากับดูแลการใช้ความถ่ีวิทยุซ่ึงเป็นทรัพยากรท่ีมีจากัดคลืน่ ความถ่ี เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ โดยต้องให้มีความสมดุลของการกากับดูแล(spectrum การแขง่ ขนั โดยเสรี และการแปรรปู จากกจิ การของรัฐไปเป็นเอกชนmanagement)การเปิดเผยข้อมลู ข้อมูลท่ีสามารถนามาใช้ได้โดยอิสระ สามารถนากลับมาใช้ใหม่ได้และแจกจ่ายได้ท่ีเปน็ ประโยชน์ โดยใครก็ตาม แต่ต้องระบุแหล่งที่มาหรือเจ้าของงานและต้องใช้สัญญา หรือเง่ือนไข(open data) เดียวกันกับที่มาหรือตามเจ้าของงานกาหนด ความหมายที่สมบูรณ์ของการเปิดเผย ข้อมลู สรปุ สาระสาคัญไดด้ ังนี้ 1) availability and access ขอ้ มลู ทง้ั หมดตอ้ งมคี วามพร้อมใชง้ านและค่าใช้จ่าย ต้องไม่มากกว่าค่าใช้จ่ายในการทาสาเนา โดยเฉพาะการดาวน์โหลดผ่านอินเทอร์เน็ต ขอ้ มูลจะตอ้ งมอี ยใู่ นรูปแบบท่สี ะดวกต่อการใชง้ าน และสามารถปรบั ปรงุ แก้ไขได้ 2) Re-use and redistribution ข้อมูลต้องถูกจัดเตรียมให้ภายใต้เงื่อนไขที่ อนุญาตใหน้ ามาใช้ใหม่และแจกจ่ายได้ รวมทง้ั การผสมผสานระหวา่ งชุดขอ้ มูลอืน่ ๆ ได้ 3) universal participation ทุกคนต้องสามารถท่ีจะใช้ นามาใช้ และแจกจ่ายได้ ไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลหรือกลุ่มคน ตัวอย่างเช่น ข้อจากัดของ ‘non-commercial’ ท่ีป้องกันการใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือข้อจากัดในการใช้เพื่อ วัตถุประสงค์เฉพาะบางอย่าง (เช่น ในการศึกษาเท่านั้น) ก็จะไม่ถือว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นแบบ open dataการมีส่วนรว่ มทาง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการของพลเมืองอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ที่ปรารถนาจะเข้าร่วมกระบวนการกาหนดนโยบายสาธารณะผ่านระบบ(e-Participation) อิเล็กทรอนิกส์ และใช้ช่องทางใหม่ๆ ในการเข้าถึงบริการสาธารณะ หรือขอ
ผ4 คาปรึกษาต่างๆ จากภาครัฐผ่านโลกดิจิทลั ซง่ึ บริหารจดั การบนฐานของความโปร่งใส ตรวจสอบได้กระจายอานาจสู่ชุมชน และรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมการยนื ยันตัวตน เป็นขั้นตอนการยืนยันว่าเป็นบุคคลที่แท้จริงในการทาธุรกรรมออนไลน์ เช่น การ(authentication) ตรวจสอบข้อมูลวัน เดือน ปี เกิด เลขท่ีบัตรประชาชน เลขที่บัตรเครดิต วันท่ีบัตร เครดิตหมดอายุ รหสั ดา้ นหลังบตั รเครดติ หรอื เบอร์โทรศัพท์ เพอื่ ใหม้ ัน่ ใจว่าไม่มีผู้ใด มาแอบอา้ งตนเปน็ บคุ คลอื่นการรเู้ ทา่ ทันสื่อ ความสามารถของแต่ละบุคคลในการเขา้ ถึง เขา้ ใจ ตีความ ประเมิน และสร้างข้อมลู(media and และสื่อในรูปแบบท่ีหลากหลายด้วยความตระหนักถึงผลกระทบของข้อมูลและสื่อinformation ต่างๆ ดังกล่าว โดยไม่ถูกครอบงา และสามารถใช้ส่ือเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้literacy) และการดารงชีวิตของท้ังตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม โดยแนวคิด Media and Information Literacy โดยองค์กร UNESCO จะรวมถึงท้ังมิติของสารสนเทศ (information) และสื่อสารมวลชน (media) ดว้ ยการเรยี นรูใ้ นระบบ บริการการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ที่ผู้เรียนจานวนมากสามารถเรียนได้แบบทุกท่ีเปิดสาหรับมหาชน ทุกเวลา (และส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่าย) โดยมีท้ังสื่อวิดิโอ หนังสือ แบบฝึกหัด พื้นที่(Massive Open แลกเปล่ียนเรียนรู้ ถือเป็นการปฏิวัติการศึกษาของโลก โดยต่อยอดจากระบบOnline Course : e-Learning ท่ีมักเป็นการเรียนแบบกลุ่มจากัดไปสู่การเรียนรู้ของมหาชนไม่จากัดMOOC) อายุ หรือขอบเขตทางกายภาพ หลักสูตรของ MOOC นี้ อาจเน้นการเรียนในระบบ หรอื นอกระบบ หรอื ตามความสนใจของผเู้ รียนได้ท้ังส้นิการเรียนรู้ การเรียนรู้ตั้งแต่เกิดจนตายโดยคนทุกกลุ่มในสังคม เพ่ือให้เกิดการพัฒนาตนเองตลอดชีวติ ไม่ว่าจะเป็นเด็กก่อนวัยเรียน เด็กและเยาวชนวัยเรียนที่อยู่ท้ังในและนอกระบบ(life long การศกึ ษาสามัญ ผใู้ หญ่ในวยั ทางาน ผ้สู งู อายุและผู้ด้อยโอกาสทุกประเภทlearning)การหลอมรวม การหลอมรวมกันของข้อมูล สื่อ อุปกรณ์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมท้ังเทคโนโลยี บริการท่ีมีอยู่เดิม พัฒนาไปเป็นเทคโนโลยีและบริการรูปแบบใหม่ ตามความก้าวหน้า(convergence) ทางเทคโนโลยีที่เกิดข้ึน เช่น การดูหนัง ฟังเพลง และติดต่อสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ท้ังกับคน และส่ิงของ ทุกสรรพสิ่ง สามารถทาได้ด้วยอุปกรณ์โทรศัพท์เคล่ือนที่ ผ่านเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ตการให้บรกิ าร เป็นแนวคดิ ทต่ี อ้ งการอานวยความสะดวกแก่ผู้มาติดต่อให้สามารถรบั บริการตา่ งๆ ได้เบ็ดเสรจ็ ณ จดุ ณ ท่ีแห่งเดียว แทนที่การติดต่อหลายแห่ง ทาให้ได้รับความสะดวกสบายเดยี ว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย ทั้งยังลดภาระค่าใช้จ่ายของหน่วยงาน สามารถใช้(one stop ร่วมกันทั้งสถานท่ี บุคลากร ตลอดจนเคร่ืองมือเครื่องใช้ต่างๆ นอกจากน้ี การservice) ให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ One-Stop Service ยังอาจหมายถึง การนางานท่ี ใหบ้ ริการท้ังหมดที่เกย่ี วข้อง มารวมใหบ้ รกิ ารอยู่ในท่ีเดียวกัน ในลกั ษณะที่สง่ ต่องาน
ผ5 ระหว่างกันทันทีหรือเสร็จในขั้นตอนหรือเสรจ็ ในจดุ ให้บริการเดยี ว โดยมีจุดประสงค์ เพื่อให้การให้บริการมีความรวดเร็วข้ึน รูปแบบของการให้บริการแบบจุดเดียว เบ็ดเสร็จ มีได้หลายรปู แบบทส่ี าคัญ คือ 1) การนาหลายหนว่ ยงานมารวมให้บริการอยู่ในสถานท่ีเดยี วกัน เป็นการนางาน หลายขัน้ ตอนทต่ี อ้ งผา่ นหลายหน่วยงานมารวมกนั ไว้ใหบ้ รกิ ารอยใู่ นสถานท่ีเดียวกนั 2) กระจายอานาจมาให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งทาหน้าที่ให้บริการแบบ เบ็ดเสร็จ เป็นการกระจายอานาจไปใหเ้ จ้าหน้าท่ีของหน่วยงานใดหน่วยงานหน่ึงเปน็ ผู้ที่ทาหน้าที่ให้บริการแทนท้ังหมด โดยมีเจ้าหน้าท่ีเพียงคนเดียวทาหน้าที่ให้บริการ เบด็ เสรจ็ ทง้ั หมด 3) การปรับปรุงและออกแบบใหม่ในการให้บริการ รูปแบบน้ีอาจใช้วิธีการปรับ ลดหรือยุบรวมขั้นตอน (reprocess) หรอื การสรา้ งใหม่ (redesign) และ 4) การให้บริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้เสร็จทันที การให้บริการผ่านทาง อินเทอร์เน็ตได้เสรจ็ ทันทีขอ้ มูลขนาดใหญ่ ปริมาณข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มาก (ระดับ tera byte หรือ peta byte) เกินกว่า(big data) ขีดความสามารถในการประมวลผลของระบบฐานข้อมูลธรรมดาจะรองรับได้ (volumn) และข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (velocity) เช่น ข้อมูลจาก social media ข้อมูลการซื้อขาย ข้อมูล transaction การเงินหรือการใช้โทรศัพท์ หรือขอ้ มูลจาก sensor จึงทาใหข้ อ้ มูลมีหลากหลายรูปแบบ (variety) ทง้ั ทม่ี ีรปู แบบ และไม่มีรูปแบบ ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปทั้ง RDBMS, text, XML, JSON หรือ image สาหรับ big data technology คือ เทคโนโลยีในการนาข้อมูลจานวนมหาศาลมา วิเคราะห์ ประมวลผล และแสดงผลดว้ ยวธิ ที ่เี หมาะสม ส่วนการวเิ คราะห์ขอ้ มูลขนาด ใหญ่ เพ่ือให้สามารถนาข้อมูลมาใช้ได้ง่ายข้ึน เพื่อประโยชน์ในการวางแผน หรือการ ตดั สนิ ใจ เรียกว่า big data analyticsคนไรท้ พ่ี ่งึ บุคคลท่ีไร้ท่ีอยู่อาศัยและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ และให้รวมถึงบุคคลที่อยู่ ในสภาวะยากลาบากและไม่อาจพึ่งพาบุคคลอื่นได้ ท้ังนี้ ตามท่ีคณะกรรมการ ค้มุ ครองคนไรท้ พ่ี ง่ึ กาหนดคลงั ข้อมูล/ ความรู้ การแปลงข้อมูลประเภทต่างๆ เพื่อจัดเข้าคลังข้อมูล/ ความรู้ และทยอยแปลงข้อมูลดจิ ิทัล เข้าระบบ เช่น แปลงข้อมูลองค์ความรู้ด้านวัฒนธรรมเป็นดิจิทัลเพ่ืออนุรักษ์และ ส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทย หรือข้อมูลเก่าของหน่วยงานภาครัฐให้อยู่ในรูป ดิจิทัลเพ่ือประโยชน์ในการจัดเก็บ ป้องกันข้อมูลสูญหาย ความสะดวกในการใช้งาน และการเชอ่ื มโยงขอ้ มูลระหว่างหน่วยงานความเชื่อม่ัน การสร้างความเช่ือม่ันในการใช้งานดิจิทัล ที่สืบเนื่องจากการวางรากฐานโครงสร้าง(trust) พ้ืนฐานและระบบรองรับการดาเนินการต่างๆ ให้มีความเสถียรและเกิดความมั่นคง ปลอดภยั สาหรับผู้ใช้งานเทคโนโลยีดิจิทลั
ผ6ความม่ันคง ความมนั่ คงปลอดภยั ท่ีเก่ียวข้องกับการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถงึ การรักษาปลอดภยั ไซเบอร์ ความม่ันคงปลอดภัยทางโลกดิจิทัล ซ่ึงมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อ(cyber security) การสื่อสาร การรักษาความลับของข้อมูล ท่ีต้องคานึงถึงการป้องกันภัย และควบคุม การทารายการผ่านระบบออนไลน์ การปอ้ งกนั การละเมิดขอ้ มูล มาตรฐานท่ีเก่ยี วข้อง และวิธีการจัดการความปลอดภัย ความเชอื่ มนั่ ของผใู้ ช้ความรว่ มมือ แนวคิดท่ีส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศระหว่างภาครฐั และ โดยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ-เอกชน ในรูปแบบต่างๆ เช่น การระดมทุนเอกชน ในการพฒั นาโครงสร้างพน้ื ฐานทางเศรษฐกิจและสงั คมของภาครฐั โดยใหเ้ อกชนร่วม(Public Private ดาเนินการบริหารจัดการโครงการและจัดหาแหล่งเงินลงทุนเองทั้งหมด ปัจจุบันPartnership: PPP) หลายประเทศได้ให้ความสาคัญกับการนาหลักการดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนา ประเทศ ส่วนประเทศไทยได้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการนโยบายความร่วมมือในการ ลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ( PPP : Public Private Partnership committee) เพื่อทาหน้าที่สาคัญในการ 1) พิจารณาคัดกรองโครงการสาคัญภาครัฐท่ีมีศักยภาพและมีความเหมาะสมที่ จะดาเนนิ โครงการในลกั ษณะความรว่ มมือระหวา่ งภาครัฐและภาคเอกชน 2) พิจารณาความพร้อมในการระดมทุนของโครงการลงทุนสาคัญในภาครัฐ โดยให้มีความสอดคล้องกบั นโยบายของรัฐบาลอยา่ งต่อเน่ือง 3) ขับเคล่ือนการจัดทาความร่วมมือในการลงทุนในโครงการสาคัญระหว่าง ภาครฐั และภาคเอกชน (PPP) 4) กากับและติดตามความก้าวหน้าในการดาเนินโครงการลงทุนท่ีสาคัญใน ภาครัฐ ท้ังน้ี รวมทั้งยังมีการจัดต้ัง สานักงานว่าด้วยความร่วมมือในการร่วมลงทุน ระหว่างภาครฐั และภาคเอกชน ภายใต้สานกั งบประมาณความสะดวกในการ การลดขัน้ ตอนกระบวนการทางาน ขจัดอปุ สรรค เพ่ือเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ อานวยความทางาน สะดวก และตอบสนองความตอ้ งการของผู้เกย่ี วข้อง(frictionless)ความเหล่ือมลา ความเหล่ือมล้าของสังคมท่ีเกิดจากโอกาสท่ีไม่เท่าเทียมกัน ในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ไอซีที ที่หมายรวมถึงข้อมูลข่าวสารที่อยู่บนระบบดิจิทัล ซึ่งความเหล่ือมล้าอาจเกิด(digital divide) จากความยากจน การอาศัยอยู่ในพ้ืนท่ีห่างไกล การขาดการศึกษา การขาดทักษะ ด้านดิจิทลั ข้อจากัดความพิการทางร่างกาย ฯลฯโครงสรา้ งพืนฐานท่ี โครงสร้างพ้ืนฐานท่ีมีความสาคัญและจาเป็นต่อประเทศ ในเรื่องที่เก่ียวกับเศรษฐกิจสาคญั ยงิ่ ยวด ความมั่นคง ชีวิต และทรัพย์สิน หากเกิดความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้อาจ(critical กระทบกับความม่ันคงของประเทศ ท้ังนี้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานinfrastructure) ดังกลา่ วสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็นหลายกลุ่ม เช่น ไฟฟ้าและพลังงาน การเงนิ การธนาคาร และการประกันภยั ส่อื สารโทรคมนาคมและขนสง่ หรอื ความสงบสขุ ของสงั คม
ผ7เชอื่ มโยงการทางาน แนวคิดการพัฒนาในอนาคต ที่รัฐบาลมีกระบวนการทางาน และการให้บริการเป็นภาครัฐเสมอื นเปน็ ระบบดิจิทัลโดยสมบูรณ์ เช่ือมโยง และบูรณาการการทางานและข้อมูลระหว่างองค์กรเดยี ว หน่วยงานภาครัฐอย่างไร้รอยต่อ จนผู้รับบริการรู้สึกเสมือนเป็นการรับบริการจาก(one องคก์ รเดยี วกนัgovernment)ซเู ปอรค์ ลสั เตอร์ คลัสเตอร์สาหรับกิจการท่ีใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต(super cluster) ตัวอยา่ งเชน่ คลสั เตอร์ยานยนต์และช้ินสว่ น คลสั เตอรเ์ คร่อื งใชไ้ ฟฟา้ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และอุปกรณ์โทรคมนาคม คลัสเตอร์ปิโตรเคมีและเคมีภณั ฑ์ที่เปน็ มิตรต่อสิ่งแวดลอ้ ม คลัสเตอรด์ ิจิทัล Food Innopolis และ Medical Hub ส่วนคลสั เตอร์ คอื การรวมกลุม่ ของธุรกจิ และสถาบันท่ีเกี่ยวข้องที่ดาเนินกิจกรรมอยู่ ในพ้ืนท่ีใกล้เคียงกัน โดยมีความร่วมมือ เก้ือหนุน เช่ือมโยงซ่ึงกันและกันอย่างครบ วงจร ท้ังในแนวตั้งและแนวนอน เพื่อพัฒนาความเข้มแข็งของห่วงโซ่มูลค่า (value chain) เสริมสร้างศักยภาพด้านการลงทุนของประเทศไทย และช่วยกระจาย ความเจริญไปส่ภู มู ภิ าคและทอ้ งถิน่ดชั นีการประเมนิ วัด เป็นดัชนีการประเมินวัดสถานะการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐทั่วโลก ที่จัดทาโดยมูลนิธิสถานะการเปดิ เผย Open Knowledge โดยประเมินการเปิดเผยข้อมูลของรัฐ ในชุดข้อมูล (data set)ข้อมูลภาครัฐทวั่ โลก สาคัญที่ภาครัฐเปิดเผย ในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการจัดซื้อจัดจ้าง ด้านกฎหมาย(Global Open ด้านการถอื ครองที่ดนิ ด้านงบประมาณภาครฐั ดา้ นคณุ ภาพนา้ ดา้ นการจดทะเบียนData Index) บริษัท เป็นต้น โดยใช้วิธีการสารวจในลักษณะที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการประเมนิ ทง้ั น้ีเพอื่ เปน็ การตรวจสอบจากภาคประชาสงั คมดชั นีบ่งชขี ีด ดัชนีบ่งช้ีขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศท่ีเป็นท่ียอมรับกันท่ัวไปความสามารถใน ซ่ึงจัดทาข้ึนโดย International Institute for Management Development และการแข่งขัน มีการเผยแพร่เป็นประจาทุกปี ดัชนีนี้เน้นวัดและเปรียบเทียบความสามารถของ(World ประเทศต่างๆ ในการการสร้างสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่อานวยต่อการดาเนินธุรกิจCompetitiveness ของภาคเอกชนและส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจของประเ ทศScoreboard) โดยพิจารณาจากปัจจัยหลักอันประกอบด้วย ปัจจัยทางด้านสมรรถนะทางเศรษฐกจิ (economic performance) ด้านประสทิ ธิภาพภาครฐั (government proficiency) ด้านประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ (business proficiency) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ทั้งน้ีการพัฒนาทางด้านไอซีทีเป็นปัจจัยย่อยของการพัฒนา ทางด้านโครงสรา้ งพื้นฐานดัชนีวัดการมสี ่วน จัดทาข้ึนโดยองค์การสหประชาชาติ โดยเป็นการประเมินการมีส่วนร่วมท่ีมีคุณภาพรว่ มทาง และเป็นข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ในการให้บริการแก่ประชาชน โดยแบ่งระดับของการอิเลก็ ทรอนกิ ส์ มี ส่ ว น ร่ ว ม ท า ง อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ( e-Participation Index) ออกเปน็ 3 ระดับ ได้แก่
ผ8(e-Participation 1) ความสะดวกในการแบง่ ปนั ข้อมลู (e-Information sharing)Index) 2) การให้คาปรึกษาและสร้างปฏิสัมพันธ์แก่ภาคประชาชน (e-Consultation) 3) การมสี ว่ นร่วมในกระบวนการตัดสินใจของรฐั (e-Decision making)ทรัพยส์ ินทาง ผลงานท่ีเกิดจากการคิดค้น ประดิษฐ์ สร้างสรรค์ และได้รับการคุ้มครองปัญญา ตามกฎหมายในรปู แบบตา่ งๆ เมื่อมคี ณุ ลกั ษณะทค่ี รบถว้ นตามเง่ือนไข(Intellectualproperty)ทางานท่มี ีคุณค่าสงู งานที่อาศัยองค์ความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีท่ีสามารถสร้างคุณค่าให้กับ(high value job) ระบบเศรษฐกิจและสงั คมโดยรวมของประเทศ ซึง่ สว่ นใหญ่แล้ว high value job จะ มุ่งเน้นการนาทักษะทางด้านดิจิทัล (digital skills) มาประยุกต์ใช้กับการทางาน ประเภทต่างๆ เพื่อกอ่ ให้เกิดมูลค่าเพ่ิม (value-added) กบั ผลลพั ธ์ของงานต่อระบบ เศรษฐกจิ ของประเทศ โดยสหภาพยุโรปไดใ้ หค้ าจากัดความของคาว่า การจา้ งงานท่ีมี คุณคา่ สูง (high value job) ประกอบดว้ ย 1) งานท่ีสร้างมูลค่าเพิ่มสูงให้กับประเทศ (high value-added contributed to economy) 2) งานท่มี คี า่ จา้ งสงู (well-paid employment)ทุนมนษุ ย์ คุณค่าของทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรหรือประเทศโดยพิจารณาใน ส่วนของความรู้ ความสามารถตลอดจนทักษะหรือความชานาญรวมถึงประสบการณ์ ของแต่ละบุคคล ซ่ึงสั่งสมอยู่ในตัวบุคคลและสามารถนาทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้ ประโยชนใ์ ห้เกดิ ศักยภาพแก่องค์กรและประเทศเทคโนโลยีการ Internet of Things หรอื IoT คือ สภาพแวดล้อมอนั ประกอบดว้ ยสรรพสิ่งที่สามารถเช่อื มต่อของ ส่ือสารและเชื่อมต่อกันได้ผ่านโพรโทคอลการสื่อสารท้ังแบบใช้สายและไร้สายสรรพสิง่ โดยสรรพสิ่งต่างๆ มีวิธีการระบุตัวตนได้ รับรู้บริบทของสภาพแวดล้อมได้ และมี(Internet of ปฏสิ ัมพนั ธ์โต้ตอบและทางานร่วมกนั ได้ IoT จะเปลี่ยนรปู แบบและกระบวนการผลิตThings) ในภาคอตุ สาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ หรอื ท่ีเรียกว่า Industry 4.0 ที่จะอาศยั การเชื่อมต่อ ส่ือสารและทางานร่วมกันระหว่างเครื่องจักร มนุษย์ และข้อมูล เพ่ือเพ่ิมอานาจใน การตัดสินใจที่รวดเร็วและมีความถูกต้องแม่นยาสูง โดยเทคโนโลยีท่ีทาให้ IoT เกิดข้ึนได้จริงและสร้างผลกระทบในวงกว้างได้ แบ่งออกเป็นสามกลุ่มได้แก่ 1) เทคโนโลยีที่ช่วยให้สรรพส่ิงรับรู้ข้อมูลในบริบทท่ีเกี่ยวข้อง เช่น เซ็นเซอร์ 2) เทคโนโลยีที่ช่วยให้สรรพ่สิ่งมีความสามารถในการสื่อสาร เช่น ระบบสมองกล ฝังตัว รวมถึงการสื่อสารแบบไร้สายที่ใช้พลังงานต่า อาทิ Zigbee, 6LowPAN, Low-power Bluetooth และ 3) เทคโนโลยีท่ีช่วยให้สรรพสิ่งประมวลผลข้อมูล ในบริบทของตน เช่น เทคโนโลยีการประมวลผลแบบคลาวด์ และเทคโนโลยีการ วเิ คราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรอื Big Data Analytics
ผ9เทคโนโลยีการ การให้บริการประมวลผลแบบคลาวด์ เกิดจากแนวคิดการให้บริการโดยใช้ประโยชน์ประมวลผลแบบ จากโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ทางานเช่ือมโยงกัน โดยมีเซิร์ฟเวอร์มากมายทางานคลาวด์ สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อให้บริการแอพพลิเคชั่นต่างๆ มีข้อดีคือลดความ(cloud ซับซ้อนยุ่งยากของผู้ต้องการใช้บริการ อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานและcomputing) ลดค่าใช้จ่าย เพราะคลาวด์ คอมพวิ ติง้ ทางานผ่านเทคโนโลยีเสมือน (virtualization) ระบบจึงไม่ได้ถูกจากัดในเร่ืองของสมรรถนะและขีดความสามารถของการใช้ระบบ ประมวลผลจากระบบต่างๆ ทาให้เกิดการบริการหลายๆ อย่าง เช่น การประชุม ผ่านอินเทอร์เน็ต web conferencing, online meetings ผู้ใช้งานอาจอยู่ในห้อง เดียวกัน หรือห่างไกลกันคนละซีกโลกก็ได้ การประมวลผลแบบคลาวด์ สามารถ แบ่งออกเป็น ๒ แบบใหญ่ๆ คือ private cloud computing เป็นการใช้งานภายใน องค์กร โดยเป็นการใช้สมรรถนะของดาต้าเซ็นเตอร์ภายในองค์กรนั้นๆ และ public cloud computing เป็นรูปแบบท่ีมีผู้ให้บริการสาธารณะจัดสรรการให้บริการ การเข้าถึงข้อมูลรูปแบบต่างๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนมาก โดยผู้ใช้บริการ ไม่จาเป็นต้องรับทราบว่ามีเซิร์ฟเวอร์ติดตั้งอยู่ที่ไหนและมากเท่าใด สนใจเพียงแต่ บรกิ ารท่ไี ด้รับเทา่ น้ันเทคโนโลยกี ารพิมพ์ เป็นการสร้างโมเดลเสมือนจริงหรือการข้ึนรูปช้ินงาน ด้วยการเติมเนื้อวัสดุแบบสามมติ ิ (เช่น โพลีเมอร์พลาสติก เหล็กและไทเทเนียม เซรามิก กระดาษ ซิลิโคน ซีเมนต์(3D printing) หมึกชีวภาพ เป็นต้น) เป็นกระบวนการผลิตวัตถุแบบสามมิติในระบบการพิมพ์ ดิจิตอล โดยพิมพ์เนื้อวัสดุทีละช้ัน โดยแต่ละชั้นของวัสดุซ้อนกันจนกว่าจะสาเร็จ ออกมาเป็นชิ้นงานวัตถุสามมิติ โดยจะสามารถมองเห็นแต่ละชั้นเป็นแนวนอนบางๆ ตลอดชนิ้ ของวัตถุเทคโนโลยีสง่ิ เทคโนโลยีส่ิงอานวยความสะดวกเป็นเทคโนโลยีที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการอานวยความ ใหพ้ น้ จากอปุ สรรคท่ีทาให้คนพกิ ารมสี มรรถนะด้อยกว่าคนปกติ ทั้งในดา้ นการดาเนินสะดวก ชวี ติ ประจาวนั การศกึ ษา การประกอบอาชีพ ฯลฯ(assistivetechnology)ธรุ กรรม ธุรกรรมท่ีกระทาขึ้นโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ท้ังหมดหรือแต่บางส่วนอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (พรบ.ว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544) การทาธุรกรรมผ่าน(e-Commerce) สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต และระบบ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ครอบคลุมการทาธุรกรรมต้ังแต่การชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) การซ้ือขายสินค้าและบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Trading and service) การรับรองสิทธิทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate) การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารท่ีเกี่ยวข้องกับสุขภาพ (e-Health) การยื่นคาร้องคาขอ หนังสือ/เอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดทารายงานและเผยแพร่ในรูปแบบ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Filing and e-Reporting)
ผ 10ธุรกจิ เทคโนโลยี ธุรกิจท่ีมีการสร้างสรรค์สินค้าหรือบริการใหม่ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและดจิ ิทลั นวัตกรรมดิจิทัล ก่อให้เกิดคุณค่าและรูปแบบการทาธุรกิจใหม่ที่แตกต่างจากการทา ธุรกิจแบบเดิม (disruptive business) โดยธุรกจิ เทคโนโลยีดิจทิ ลั ครอบคลุมทัง้ ธุรกิจ ใหม่และธุรกิจเดิมท่ีมีการคิดค้นนวัตกรรมหรอื มีการปรับเปล่ยี นรูปแบบการทาธุรกจิ (business model) และกระบวนการทางธุรกิจแบบใหม่ ซ่ึงอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นพ้ืนฐานสาคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าหรือบริการและตอบสนองความ ต้องการของผู้ใช้งานทัง้ ในระดับการใชง้ านในอุตสาหกรรมและผู้ใชง้ านท่วั ไปนวตั กรรมดิจิทลั ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ท่ีเกิดจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ที่ตอบสนอง ความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่ปรับเปลี่ยนไปตามบริบทของเทคโนโลยี ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ท่ีไม่เคยมี มาก่อนบนพ้ืนฐานของการหลอมรวมเทคโนโลยี digital supply chainนวตั กรรมบริการ การคิดค้นบริการใหม่ๆ ที่ผ่านกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบในการสร้างข้อเสนอ (offering) ท่ีมีคุณค่าเพ่ือมุ่งตอบสนองผู้รับบริการและการสร้างประโยชน์ให้กับผู้รับ บริการใหไ้ ด้รับความพึงพอใจสูงสุด ผา่ นแนวทางการให้บริการรปู แบบใหม่ทเี่ ปน็ การ แก้ไขปัญหา และ/หรือ สร้างคุณค่าให้กับผู้รับบริการ นวัตกรรมบริการไม่จากัดเพียง สินค้าและบริการ แต่ยังรวมถึงนวัตกรรมท่ีเก่ียวกับกระบวนการให้บริการ (service process) รูปแบบการทาธุรกิจ (business model) โครงสร้างพ้ืนฐานที่เกี่ยวกับการ ให้บริการ (service infrastructure) รวมทั้งนวัตกรรมอื่น ๆ ที่เก่ียวกับการทาธุรกิจ เช่น แนวทางการขายและการจัดจาหน่าย การตลาด การส่งมอบ และการบริการ หลังการขายเนือหาดิจทิ ลั สารสนเทศทีม่ ีรปู แบบดจิ ิทัล โดยอาศยั การส่ือ หรอื การแสดงเนื้อหาผา่ นทางอปุ กรณ์(digital content) ดิจิทัลต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน โทรทัศน์ดิจิทัล รวมถึงป้ายโฆษณาระบบ ดจิ ิทลั และโรงภาพยนตร์ระบบดจิ ิทัลบรกิ ารดิจทิ ลั ที่ ระบบบริการดิจิทัลของภาครัฐที่พัฒนาขึ้น โดยประชาชนหรือผู้ใช้บริการเป็นขบั เคลอ่ื นโดย ผู้ขับเคล่ือนหรือทาให้เกิดบริการดังกล่าวเพ่ือตอบสนองความต้องการของตนประชาชน โดยภาครัฐเปน็ ผ้อู านวยความสะดวก ซึ่งต่างจาก citizen-centric service ที่ภาครฐั(citizen driven เปน็ ผู้จดั ทาบริการดจิ ทิ ลั ท่คี าดวา่ จะตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนservice)บริการปลายทาง การเข้าถึงโครงข่ายในช่วงปลายท่ีเป็นระยะสุดท้าย หรือ ช่วง “หนึ่งไมล์สุดท้าย”(last mile access) เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายหลักกับผู้ใช้ปลายทาง ซึ่งสามารถใช้เทคโนโลยีส่ือสารหลาย ประเภทท้ังท่ีเป็นส่ือแบบใช้สาย หรือสื่อไร้สาย การเช่ือมต่อโครงข่ายหลักกับผู้ใช้ ปลายทางถอื เป็นสว่ นท่ียากท่สี ุด โดยเฉพาะในเร่ืองความคุม้ ค่าในการลงทุนโครงข่าย เนอ่ื งจากตอ้ งกระจายออกจากโครงข่ายหลักไปสู่ผู้ใชจ้ านวนมาก
ผ 11บริการอจั ฉรยิ ะ บริการดิจทิ ลั ในลกั ษณะอัตโนมตั ิ ทผ่ี ู้รับบรกิ ารสามารถได้รับบริการดจิ ิทลั ท่ีเก่ียวข้อง(smart service) กับการอานวยความสะดวกในชีวิตประจาวันได้โดยไม่ต้องร้องขอหรือยื่นเรื่องต่อรัฐ ผ่านอปุ กรณด์ จิ ทิ ัลทหี่ ลากหลายบริการ การนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการให้บริการภาครัฐกับประชาชนแบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เบ็ดเสร็จที่เดียว สาหรับให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐจากหลายภาครัฐแบบ หนว่ ยงานได้จากเว็บท่าเว็บเดยี ว โดยแนวทางการจัดทาเว็บไซต์ตั้งอยบู่ นพนื้ ฐานของเบ็ดเสรจ็ จาก ความต้องการในการทาธรุ กรรมกับภาครัฐของประชาชน (citizen centric) มากกว่าช่องทางเดยี ว จดั ทาเวบ็ ไซต์ตามโครงสรา้ งองค์กรของภาครัฐ(single window)บคุ ลากรท่มี ีความ บุคลากรท่ีอยู่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล (digital industry) ที่ใช้เทคโนโลยีเข้มข้นเชยี่ วชาญทางดา้ น (high-tech sector) และบุคลากรท่ีใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเปล่ียนแปลงดจิ ทิ ัล รูปแบบและกระบวนการทาธุรกิจ (disruptive business) นอกเหนือจาก(digital specialist) อตุ สาหกรรมดิจทิ ัลแลว้ ธนาคารโลกยังได้ให้ความสาคัญกับ high-tech sector และ disruptive business ในฐานะของการเป็นพื้นฐานของการพัฒนาบุคลากรให้ สามารถแข่งขันได้ในเศรษฐกิจของโลกทมี่ ีการเชอื่ มต่อระหว่างกัน (interconnected world) ขณะท่ีสหภาพยุโรปได้ให้คาจากัดความของ high-tech sector ว่าเป็น อุตสาหกรรมหลักที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ สร้างผลิตภาพให้กับ ประเทศ และเป็นฐานของการจ้างงานทมี่ คี ุณค่าสูงบุคลากรทีม่ ีความ บุคลากรท่ีประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพ่ือก่อให้เกิดมูลค่าเพ่ิมต่อระบบเศรษฐกิจเชยี่ วชาญในการ และสังคมของประเทศ ซึ่งภายใต้บริบทของเศรษฐกิจดิจิทัล บุคลากรในกลุ่มนี้ประยกุ ต์ใช้ จะหมายถึงบคุ ลากรท่ีมีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพอ่ืนทุกสาขา ที่มีความสามารถเทคโนโลยีดจิ ิทัล ในการใช้เทคโนโลยดี ิจทิ ัล เพื่อสร้างคุณค่าให้กับงาน หรือสร้างสินค้าและบริการใหม่(digital ท่ีสง่ ผลตอ่ การพฒั นาประเทศในภาพรวมcompetence)ผลิตภัณฑม์ วลรวม ผลรวมของมูลค่าสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายท่ีผลิตได้ภายในประเทศในรอบในประเทศ ระยะเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปจะวัดในรอบ 1 ปี หรือ 1 ไตรมาส ท่ีเรียกว่า QGDP(Gross Domestic (Quarterly Gross Domestic Product) หรือผลิตภัณฑ์มว ลรว มในประเ ท ศProduct: GDP) รายไตรมาสผ้บู รโิ ภค ผู้ซ้ือหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้ซึ่งได้รับการเสนอหรือได้รับ ก า ร ชั ก ช ว น จ า ก ผู้ ป ร ะ ก อ บ ธุ ร กิ จ เ พื่ อ ใ ห้ ซื้ อ สิ น ค้ า ห รื อ รั บ บ ริ ก า ร และหมายความรวมถึงผู้ใช้สินค้าหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจโดยชอบ แมม้ ิไดเ้ ปน็ ผู้เสยี คา่ ตอบแทนก็ตาม
ผ 12ผบู้ ริหารระดับสูง ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง ( Chief Information Officer : CIO)ของรัฐ เป็นตาแหน่งท่ีมีอานาจหน้าที่ดูแลรับผิดชอบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและ(CIO/CEO) การสื่อสารในองค์กร ซึ่งหมายรวมถึงการดูแลเก่ียวกับมาตรฐาน กฎเกณฑ์ โครงสร้าง งบประมาณ กระบวนการให้ความรู้ บุคลากรของหน่วยงานสารสนเทศ โดย CIO เป็นผใู้ หค้ าแนะนาแก่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กร (Chief Executive Officer : CEO) เกี่ยวกับการพัฒนาและนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ให้การบริหาร องคก์ รประสบความสาเร็จตามวสิ ัยทัศน์ และเปา้ หมายรวมของหน่วยงานท่ีกาหนดไว้ผูป้ ระกอบการ เจ้าของธุรกิจท่ีมีการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเข้มข้นเพ่ือพัฒนาทักษะดจิ ิทลั และศักยภาพในการบริหารจัดการ การวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ ตลอดจนการสร้าง(digital ขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางเทคโนโลยีมาentrepreneurship) ปรบั ปรงุ กระบวนการทางธุรกิจแบบเดิมผู้สงู อายุ บคุ คลทีม่ ีอายุเกินหกสบิ ปบี รบิ รู ณ์ข้นึ ไปและมีสัญชาติไทยพาณชิ ย์ การประกอบธรุ กจิ ดังต่อไปนี้อิเล็กทรอนิกส์ 1) การเสนอซ้ือหรือขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่าน ระบบเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ 2) การบรกิ ารอินเทอรเ์ น็ต 3) การใหเ้ ชา่ พื้นท่ีของเครอื่ งคอมพวิ เตอรแ์ ม่ข่าย 4) การบริการเป็นตลาดกลางในการซ้ือขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีใช้ส่ือ อิเลก็ ทรอนิกสผ์ ่านระบบเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ 5) การทาธุรกรรมโดยวิธีใช้ส่ืออิเล็กทรอนิกส์อื่น ตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประกาศกาหนดพืนท่หี ่างไกล สาหรับพ้ืนที่ห่างไกลชายขอบ นิยามจากโดยลักษณะต่างๆ เช่น (1) ในเชิงกายภาพชายขอบ จะอยู่พื้นที่ห่างไกล เช่น ตามตะเข็บชายแดน เดินทางเข้าถึงยากลาบากโดยเฉพาะ(marginalized หน้าฝน (2) ในเรื่องไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเข้าไม่ถึง หรือ มีระบบไฟฟ้าแต่ไม่communities) เสถียร หรือ ใช้ระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (3) ในเร่ืองเทคโนโลยี จะขาดแคลน อินเทอร์เน็ตและระบบไอซีที และไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ หรือมีเพียงบาง บริเวณเท่านั้น (4) ในด้านการศึกษา จะขาดแคลนครู ครูหน่ึงคนสอนหลายวิชา ส่วนนกั เรียนเป็นชาวเขา ชนกลุ่มนอ้ ย หรือคนไทยทีอ่ ยใู่ นพืน้ ท่ีหา่ งไกล เป็นต้นแพลตฟอร์ม ร ะ บ บ โ ป ร แ ก ร ม ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ ที่ ส า ม า ร ถ ข ย า ย ขี ด ค ว า ม ส า ม า ร ถ อ ย่ า ง ไ ม่ จ า กั ด(platform) มีการพัฒนาฟังก์ช่ันหรือโมดูลใหม่ๆ มาต่อยอดอยู่ตลอดเวลา เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เสมอ และสามารถนาไปต่อเชื่อมกับระบบอื่นได้ แพลตฟอร์มไม่ได้จากัดอยู่แค่ ซอฟต์แวร์แต่ยังรวมไปถึงเว็บไซต์ หรือบริการท่ีคนอื่นสามารถเขียนโปรแกรมมา ต่อเชื่อมหรือดงึ ขอ้ มูลได้โดยอตั โนมตั ิ
ผ 13แพลตฟอรม์ การ แพลตฟอร์มการบริหารจัดการภายในองค์กร เพ่ือสนับสนุนงานตามภารกิจของบริหารจดั การ หน่วยงาน เช่น ระบบบัญชี ระบบบริหารงานบุคคล ระบบงบประมาณ ระบบภายในองคก์ ร ยุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการ เป็นต้น ปัจจุบัน สานักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ได้(back office พัฒนาและเปิดให้บริการแพลตฟอร์มกลางสาหรับภาครัฐ เช่น ระบบติดต่อส่ือสารplatform) แบบออนไลน์สาหรับหน่วยงานภาครัฐผ่านอุปกรณ์ส่ือสารแบบเคล่ือนท่ี (G-chat) และระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพื่อการส่ือสารของหน่วยงานภาครัฐ (MailGoThai) เปน็ ต้นแพลตฟอร์มบริการ ระบบบริการท่ีสร้างขึ้นจากซอฟต์แวร์และแอปพลิเคช่ันที่ใช้เป็นพื้นฐานสาหรับพนื ฐาน การให้บริการอื่นๆ ไปยังผู้รับปลายทาง หรือ เช่ือมโยงบริการระหว่างหน่วยงาน/(service platform) องค์กร ท่ีต้องอาศัยความสามารถหรือฟังก์ชั่นการทางานที่อยู่ในระบบบริการฐาน เช่น บริการระบบซอฟต์แวร์ฐานสาหรับเน้ือหาดิจิทัล (content delivery platform) หรอื ระบบซอฟต์แวรฐ์ านสาหรับเชอื่ มโยงอุปกรณ์อจั ฉรยิ ะ เป็นตน้มาตรฐาน ข้อกาหนดอย่างใดอย่างหนึง่ หรือหลายอย่างซง่ึ เกย่ี วกับสงิ่ ต่างๆ ดงั ต่อไปนี้ 1) ผลิตภัณฑ์ วิธีการ กระบวนการผลิต ส่วนประกอบ โครงสร้าง มิติ ขนาด แบบ รูปร่าง น้าหนัก ประสิทธิภาพ สมรรถนะ ความทนทาน หรือความบริสุทธิ์ ของผลิตภณั ฑ์ 2) หีบหอ่ การบรรจหุ บี หอ่ การทาเคร่ืองหมาย หรือฉลาก 3) วธิ กี าร กระบวนการ คุณลักษณะ ประสทิ ธิภาพ หรือสมรรถนะ ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การบริการ 4) ร ะ บ บ ก า ร บ ริ ห า ร ห รื อ ก า ร จั ด ก า ร เ ก่ี ย ว กั บ คุ ณ ภ า พ สุ ข อ น า มั ย อาชีวอนามยั ส่งิ แวดลอ้ ม ความปลอดภัย หรอื ระบบอน่ื ใด 5) นิยาม แนวทาง ข้อแนะนา หน่วยวัด การทดสอบ การสอบเทียบ การทดลอง การวิเคราะห์ การวิจัย การตรวจ การรับรอง การตรวจประเมิน ท่ีเกี่ยวข้องกับ 1), 2), 3) และ 4) หรืออน่ื ๆ ทเ่ี กยี่ วกับการมาตรฐานมูลค่าเพิม่ มูลค่าของสินค้าและบริการที่เพ่ิมข้ึนมาในแต่ละข้ันตอนการผลิต คานวณได้จาก(value added) ส่วนต่างระหว่างมูลค่าการผลิต และค่าใช้จ่ายข้ันกลางที่ใช้ไปในกระบวนการผลิต หรือคานวณจากผลรวมของผลตอบแทนปจั จยั การผลติ ขนั้ ปฐมระบบการใหบ้ ริการ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการให้บริการด้านการแพทย์ เป็นการให้คาปรึกษาแพทย์ทางไกล เบื้องต้นทางไกลผ่านระบบดิจิทัล เช่น การประชุมทางไกล และมีการส่งข้อมูลทาง(telemedicine) การแพทย์ เช่น ข้อมูลผู้ป่วย (ประวัติการเจ็บป่วย การแพ้ยา ฯลฯ) ภาพเอ็กซเรย์ ข้อมลู การเตน้ ของหวั ใจ ฯลฯ ไปยังบคุ ลากรทางการแพทย์ได้
ผ 14ระบบเชอ่ื มโยงการ กระบวนการทางธุรกิจท่ีเริ่มจากเม่ือได้รับการสั่งซื้อสินค้าจนถึงการส่งสินค้าทาธรุ กจิ ครบวงจร กระบวนการน้ีมีรายละเอียดแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของธุรกิจ ส่วนใหญ่จะ ประกอบด้วยระบบการจัดการสินค้าจากคลังสินค้า ระบบการบรรจุหีบห่อ ไปจนถึงระบบการจัดส่งสินค้า นอกจากน้ี ยังมีระบบการแจ้งให้ลูกค้าได้รับรู้ เก่ียวกับสถานภาพในระหว่างการขนส่งสินค้า การติดตามรับชาระเงิน การแก้ไข ปัญหา รวมถึงขั้นตอนการคืนสินค้าถ้ามีเหตุจาเป็น ระบบ end-to-end จึง ครอบคลุมกิจกรรมท้ังหมดที่ธุรกิจหนึ่งๆ กาหนดข้ึนเพื่อบริการให้ลูกค้าตามขั้นตอน ท่ีกล่าวข้างต้น ในกรณีท่ีใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือทางานตามขั้นตอนดังกล่าว จะ หมายถงึ การใชร้ ะบบออนไลน์ตลอดกระบวนการตั้งแต่การรับใบสั่งซ้ือจนถงึ ข้ันจัดส่ง สินค้า ขั้นชาระเงิน และสุดท้ายการคืนสินค้า ตลอดจนการบริการหลังการขายอ่ืน ตลอดหว่ งโซค่ ณุ ค่าของสนิ คา้ และบรกิ ารระบบนิเวศของการ พ้ื น ท่ี ท า ง ก า ย ภ า พ แ ล ะ /ห รื อ พ้ื น ที่ เ ส มื อ น ส า ห รั บ ก า ร ท า ง า น ที่ เ ชื่ อ ม โ ย ง แ ล ะทางานรูปแบบใหม่ ติดต่อสื่อสารกันด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ครอบคลุมการทางานส่วนท่อี าศยั เทคโนโลยี บุคคลและการทางานร่วมกับบุคคลอื่น รวมถึงมีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับดิจทิ ลั บุคคล (man to man) ระหว่างบุคคลกับเครื่องจักร (man to machine) และ ระหว่างเครื่องจักรกับเครื่องจักร (machine to machine) เป็นพ้ืนท่ีท่ีมีความ ยืดหยุน่ ในการทางานสงู และเขา้ ถึงได้หลากหลายช่องทางทุกท่ีทกุ เวลาระบบนิเวศดิจิทัล สิ่งแวดล้อมและบริบทแวดล้อมของการดาเนินงานทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การเชื่อมโยงกิจกรรม และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคธุรกิจ ภาคสังคม ภาครัฐ ครอบคลุมกิจกรรมต้ังแต่ต้นน้าไปจนถึงปลายน้าและผู้ใช้ปลายทางท้ังรัฐ เอกชน และผูบ้ ริโภครายบุคคลระบบบรกิ าร ร ะ บ บ ข อ ง ห น่ ว ย ง า น ภ า ค รั ฐ ซึ่ ง ใ ห้ บ ริ ก า ร อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ส า ห รั บ ป ร ะ ช า ช นอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ประกอบการ หรือชาวต่างชาติ โดยบริการดังกล่าวอาจจะเป็นในลักษณะของภาครัฐ การให้ข้อมูล (information) มีการปฏิสัมพันธ์กับประชาชน ( interaction)(e-Service) รองรับการดาเนินธุรกรรมภาครัฐ (interchange transaction) หรืออยู่ในระดับ ของการบูรณาการ (integration) ก็ได้ระบบบรหิ าร ระบบที่ใช้ในการจัดการและวางแผนการใช้ทรัพยากรต่างๆ ขององค์กร โดยเป็นระบบจัดการทรัพยากร ท่ีเชื่อมโยงระบบงานต่างๆ ขององค์กรเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ระบบงานทางด้านบัญชี และภายในองคก์ ร การเงิน ระบบงานทรัพยากรบุคคล ระบบบริหารการผลิต รวมถึงระบบการกระจาย(Enterprise สินค้า เพื่อช่วยให้การวางแผนและบริหารทรัพยากรขององค์กรเป็นไปอย่างมีResource ประสิทธภิ าพ ทงั้ ยงั ช่วยลดเวลาและขั้นตอนการทางานได้อีกด้วยPlanning: ERP)
ผ 15ระบบบริหาร กระบวนการของการบริหารทุกข้ันตอน นับตง้ั แต่การนาเข้าวัตถุดิบสู่กระบวนการผลิตจดั การหว่ งโซ่ กระบวนการส่ังซ้ือ จนกระท่ังส่งสินค้าถึงมือลูกค้าให้มีความต่อเน่ืองและมีอปุ ทาน ประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับสร้างระบบให้เกิดการไหลเวียนของข้อมูลท่ีทาให้เกิด(Supply Chain กระบวนการทางานของแต่ละหน่วยงานส่งผ่านไปทั่วทั้งองค์การ การไหลเวียนของManagement: ขอ้ มลู ยงั รวมไปถึงลูกคา้ และผู้จัดสง่ วตั ถดุ บิ ดว้ ยSCM)ระบบประวตั ิ ระบบข้อมูลด้านสุขภาพของประชาชน (ผู้ป่วย) ท่ีจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัลตามสขุ ภาพผู้ปว่ ย มาตรฐานกลางท่ีสามารถเชื่อมโยงกันทั่วประเทศ เพ่ือให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ตรวจเชค็ ข้อมลู ดา้ นสขุ ภาพของตนได้ตลอดเวลา สามารถใหบ้ ุคลากรทางการแพทย์(e-Health records ดึงออกมาใช้ประโยชน์ได้ไม่ว่าจะรับบริการสุขภาพ ณ ศูนย์บริการ/ โรงพยาบาลใดsystem) โดยเฉพาะอย่างย่ิงในกรณีฉกุ เฉนิระบบลขิ สิทธิ์ ระบบท่ีกาหนดสิทธิที่เจ้าของงานอนุญาตให้ผู้อื่นนางานของตนเองไปใช้โดยไม่ต้องแบบเปิด เสียค่าใช้จ่ายหากใช้ตามเงื่อนไขท่ีกาหนด ตัวอย่างเช่น สิทธิในการทาซ้า ส่งต่อ(creative จดั แสดง ดดั แปลง โดยไม่ตอ้ งขออนุญาตเจ้าของงานก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็อาจมีcommons) การสงวนสิทธิบางประการ เช่น สิทธิในการอ้างอิงว่าเป็นเจ้าของงานต้นฉบับ การห้ามดัดแปลงผลงาน การห้ามนาไปใช้เพ่ือการค้า หรือการกาหนดว่าผู้ท่ีนา ผลงานไปใช้ทางานต่อยอดจะต้องเผยแพร่ผลงานที่มีการต่อยอดดัดแปลงในรูปแบบ เดยี วกนั กับงานตน้ ฉบับเท่านั้นระบบโลจิสติกส์ เป็นกระบวนการทางานท่ีเกี่ยวข้องกับการวางแผน การดาเนินการ และการควบคุมหรือการบริหาร การทางานขององค์กร รวมท้ังการบริหารจัดการข้อมูลและธุรกรรมทางการเงินที่จัดการ เกีย่ วข้อง ให้เกดิ การเคลอ่ื นย้าย การจดั เกบ็ การรวบรวม การกระจายสนิ คา้ วัตถดุ ิบโลจสิ ติกส์ ช้ินส่วนประกอบ และการบริการ ให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด(logistics โดยคานึงถึงความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสาคัญ และระบบ& e-Logistics) โลจิสติกส์ก็เป็นกระบวนการหนึ่งของการจัดการสินค้าและบริการตลอดห่วงโซ่ อุปทาน ดังน้ัน e-Logistics มักจะหมายถึงการนาไอซีทีเข้ามาช่วยในกระบวนการ ดังกล่าว เช่น นาไอซีทีเข้ามาช่วยในกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่าง หน่วยงานระบบโลจิสติกส์ ระบบดิจิทัลที่เก่ียวกับกระบวนการ และการวางแผน การดาเนินงาน การบริหารสู่ชุมชน จัดการข้อมลู และธุรกรรมทางการเงนิ ให้เกิดการจดั เกบ็ รวมรวม เคลอ่ื นย้าย กระจาย(village logistics ของวัตถดุ บิ สินค้าและบรกิ ารของชุมชนให้มปี ระสทิ ธิภาพประสทิ ธผิ ลสงู สดุsystem)
รฐั บาลดิจทิ ัล ผ 16(digitalgovernment) การนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการทางาน และ การให้บริการสาธารณะ โดยลกั ษณะของบรกิ ารภาครัฐหรือบริการสาธารณะจะอยู่ในรฐั บาลเปิด รูปแบบดิจิทัลท่ีขับเคลื่อนโดยความต้องการของประชาชนหรือผู้ใช้บริการ (citizen(open driven) ซ่ึงประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการได้โดยไม่มีข้อจากัดทางกายภาพgovernment) พื้นท่ี และภาษา บริการรัฐบาลดจิ ทิ ลั มีลักษณะสาคญั 3 ประการได้แก่ 1) reintegration: การบูรณาการการทางานของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เขา้ ดว้ ยกนั เพ่ือให้เกิดการกากับควบคุมการบรหิ ารภาครฐั ท่มี ีประสทิ ธิภาพ 2) needs-based holism: การปรับปรุงองค์กรภาครัฐเพื่อให้เกิดการให้ บริการสาธารณะท่ีให้ความสาคัญต่อการนาความต้องการของพลเมือง มาเป็นศูนยก์ ลาง 3) digitalization: การใช้ศักยภาพอย่างเต็มท่ีในการนาระบบบริหาร สารสนเทศมาใช้ รวมถึงการให้ความสาคัญต่อการสื่อสารผ่านทาง อินเทอรเ์ นต็ ซงึ่ จะเขา้ มาแทนที่วธิ กี ารทางานแบบเดิม รัฐบาลที่มีการบริหารงานอย่างเปิดเผย หรือเรียกส้ันๆ ว่ารัฐบาลเปิด มีนัยของการ บริหารราชการที่เน้นความโปร่งใส เปิดเผย และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม และสร้างความรว่ มมือกับทกุ ภาคสว่ น ซ่ึงรฐั บาลเปดิ มจี ดุ เนน้ 3 ประการ คือ 1) รัฐบาลต้องโปร่งใส เพื่อเสริมสร้างความน่าเช่ือถือ และช่วยให้ประชาชน ได้รับทราบว่ารัฐบาลกาลังทาอะไร ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลกลางถือเป็นทรัพย์สิน ของชาติคณะรัฐบาลจะเปิดเผยข้อมูลอย่างรวดเร็วในรูปแบบที่ประชาชนจะเข้าถึง และนาไปใช้ได้ง่าย ท้ังน้ีต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและนโยบายของประเทศ ภาครัฐจะต้องจัดหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพ่ือนาเสนอข้อมูลเก่ียวกับการดาเนินงาน และ การตัดสินใจผ่านระบบออนไลน์ ให้สาธารณชนเข้าถึงได้อย่างทันท่วงที พร้อมกันน้ี ต้องจัดหาข้อมูลย้อนกลับจากประชาชน เพ่ือระบุข้อมูลท่ีจะเป็นประโยชน์ต่อ ประชาชนอยา่ งแทจ้ รงิ 2) รัฐบาลจะต้องเปิดให้มีส่วนร่วม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ภาครัฐ และเพิ่มคุณภาพการตัดสินใจ เน่ืองจากองค์ความรู้ใหม่ๆ เกิดข้ึนตลอดเวลา และกระจายอยู่ท่ัวไปในสังคม หากเจ้าหน้าท่ีของรัฐเข้าถึงองค์ความรู้ที่มีอยู่ก็จะเกิด ประโยชนม์ าก ดงั น้นั หน่วยงานภาครัฐจะต้องเพ่มิ โอกาส และแนวทางให้ประชาชนมี ส่วนร่วมในการกาหนดนโยบาย การออกกฎหมาย กฎกระทรวง และกฎระเบยี บอน่ื ๆ ท่ีมีผลต่อประชาชนโดยตรง รัฐบาลต้องหามาตรการชักชวนให้ประชาชนออกความ คิดเห็นเกี่ยวกบั ความมีสว่ นร่วมเพ่ือบงั เกดิ ผลอยา่ งเปน็ รปู ธรรม 3) รัฐบาลต้องร่วมมือทางานกับทุกภาคสว่ น ท้ังภายในหนว่ ยงานของภาครฐั เอง และร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เช่น องค์กรอิสระ และธุรกิจ ความร่วมมือร่วมใจ จะทาให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจการของรัฐ รัฐบาลต้องรู้จักใช้ประโยชน์จาก เทคโนโลยีเพ่อื ให้เกดิ ความร่วมมือกับภาคประชาชนอย่างจริงจงั และฟงั เสียงสะท้อน จากประชาชนเกีย่ วกบั การรว่ มมือทางานอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
รัฐบาลแห่งการ ผ 17เชื่อมโยง(connected การท่ีประเทศมีหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่สามารถเช่ือมโยงการทางานและข้อมูลgovernment) ข้ามหน่วยงาน ไม่ยึดติดกับขอบเขตของหน้าที่ความรับผิดชอบตามพันธกิจของวิสาหกิจขนาด หน่วยงาน แต่คานึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นท่ีต้ัง และมีเป้าหมายในการกลางและขนาด สง่ มอบบรกิ ารท่ีมีคุณภาพแกป่ ระชาชนยอ่ ม(SMEs) วิสาหกิจขนาดย่อม ได้แก่ กจิ การทีม่ ลี ักษณะดังต่อไปนี้ กิจการผลิตสินคา้ ทีม่ ีจานวนการจ้างงานไม่เกนิ 50 คน หรอื มมี ูลค่าสนิ ทรัพย์วสิ าหกิจชุมชน ถาวรไมเ่ กิน 50 ลา้ นบาท กิจการให้บริการท่ีมีจานวนการจ้างงานไม่เกิน 50 คน หรือมีมูลค่าสินทรัพย์ศูนย์กลางด้าน ถาวรไม่เกนิ 50 ล้านบาทดจิ ิทัล กิจการค้าสง่ ท่ีมจี านวนการจ้างงานไม่เกนิ 25 คน หรอื มมี ูลค่าสนิ ทรัพย์ถาวร(digital hub) ไม่เกนิ 50 ลา้ นบาท กิจการค้าปลีกที่มีจานวนการจ้างงานไม่เกิน 15 คน หรือมีมูลค่าสินทรัพย์ ถาวรไมเ่ กิน 30 ลา้ นบาท วิสาหกิจขนาดกลาง ไดแ้ ก่ กจิ การท่ีมลี ักษณะดังต่อไปน้ี กิจการผลิตสินค้า ที่มีจานวนการจ้างงานเกินกวา่ 50 คน แต่ไม่เกิน 200 คน หรือมมี ลู คา่ สนิ ทรัพย์ถาวรเกนิ กวา่ 50 ลา้ นบาท แต่ไมเ่ กนิ 200 ลา้ นบาท กิจการให้บริการ ท่ีมีจานวนการจ้างงานเกินกว่า 50 คน แต่ไม่เกิน 200 คน หรือมมี ลู ค่าสนิ ทรัพยถ์ าวรเกินกวา่ 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 200 ล้านบาท กจิ การคา้ ส่ง ท่ีมีจานวนการจ้างงานเกินกว่า 25 คน แต่ไมเ่ กนิ 50 คน หรือมี มูลค่าสินทรพั ย์ถาวรเกนิ กว่า 50 ลา้ นบาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท กิจการคา้ ปลีก ทม่ี ีจานวนการจา้ งงานเกนิ กว่า 15 คน แตไ่ ม่เกิน 30 คน หรือ มมี ลู คา่ สนิ ทรัพยถ์ าวรเกนิ กว่า 30 ล้านบาท แตไ่ ม่เกิน 60 ล้านบาท กิจการของชุมชนเกี่ยวกับการผลิตสินค้า การให้บริการหรือการอ่ืนๆ ที่ดาเนินการ โดยคณะบุคคลท่ีมีความผูกผัน มีวิถีชีวิตร่วมกันและรวมตัวกันประกอบกิจการ ดงั กล่าว ไม่วา่ จะเป็นนิตบิ ุคคลในรปู แบบใดหรือไม่เปน็ นิติบคุ คล เพ่อื สรา้ งรายได้และ เพ่ือการพ่ึงพาตัวเองของครอบครัว ชุมชนและระหว่างชุมชน โดยใช้ทรัพยากร ผลผลิต ความรู้ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม วิถีตนเอง ยึดโยงเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจฐาน รากเพ่ือให้ชุมชนเข้มแข็ง เพื่อท่ีเป็นส่วนต่อยอดให้ระบบเศรษฐกิจข้างบนแข็งแรง เพราะมีรากฐานทแี่ ขง็ แรง การเป็นศูนย์รวมในการติดต่อสื่อสาร แลกเปล่ียนข้อมูลสารสนเทศ การดาเนินธรุ กจิ รวมถึงการดาเนินกิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยง ถึงกนั ที่สะดวก รวดเร็ว และมปี ระสิทธภิ าพ
ผ 18ศูนย์ข้อมูล ศูนย์ข้อมูลท่ีมีพื้นที่สาหรับใช้จัดวางระบบประมวลผลกลาง ระบบเครือข่าย(data center) คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การส่ือสารต่างๆ การออกแบบศูนย์ข้อมูลต้องคานึงถึง ปัจจัยสาคัญต่างๆ เช่น ความมีเสถียรภาพ ความพร้อมใช้งาน การบารุงรักษา ความ เหมาะสมในการลงทุน ความปลอดภัย การรองรับการขยายในอนาคต ศูนย์ข้อมูลจึง เป็นสิ่งท่ตี ้องออกแบบและกอ่ สรา้ งอยา่ งถูกต้องและใหไ้ ด้มาตรฐานเพ่ือให้บริการที่มี คณุ ภาพได้อย่างตอ่ เน่ืองรวมทัง้ ในสถานการณ์ฉกุ เฉนิศูนยด์ ิจิทัลชุมชน ศูนย์บริการของชุมชนท่ีมีการบูรณาการการทางานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐทั้ง(digital ส่วนกลางและพ้ืนท่ีสามารถให้บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ เป็นจุดให้บริการcommunity อุปกรณ์ (ในกรณียังไม่มีใช้) และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เป็นจุดรับบริการภาครัฐ ให้center) ความรู้ด้านการทาธุรกิจและประกอบอาชีพผ่านระบบออนไลน์ของชุมชน และพื้นท่ี ของชุมชนในการทากิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมโดยเน้นบริการด้านการศึกษา การเกษตร การดูแลสุขภาพ การค้าขาย การบริการท่องเท่ียว และสิทธิและ สวัสดิการสงั คมศนู ย์ให้บรกิ ารระบบ เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เพื่อให้เห็นสถานภาพปัจจุบัน อาจทาโดยนักสถิติวิเคราะหเ์ ชิงธรุ กิจ ในการวิเคราะหข์ ้อมูล จัดทากราฟในมติ ิตา่ งๆ เพื่อทาใหเ้ ขา้ ใจขอ้ มลู ไดง้ า่ ยข้นึ(business insight)เศรษฐกจิ ฐาน ระบบเศรษฐกิจและสังคม ท่ีอยู่บนพ้ืนฐานการใช้ความรู้ ทักษะการบริหารจัดการนวตั กรรม และประสบการณ์ทางด้านวิทยาศาสตร์และด้านเทคโนโลยี เพื่อการคิดค้น การ(Innovation ประดิษฐ์ การพัฒนา การผลิตสินค้า การบริการกระบวนการผลิต และการจัดการeconomy) องค์กรในรปู แบบใหม่เศรษฐกิจและสังคม เศรษฐกิจและสังคมที่ใช้เทคโนโลยีไอซีที (หรือเรียกว่าเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือให้ทันยุคดิจทิ ลั สมัย) เป็นกลไกสาคัญในการขับเคลอ่ื นการปฏิรปู กระบวนการผลติ การดาเนินธรุ กิจ(digital economy) การค้า การบริการ การศึกษา การสาธารณสุข การบริหารราชการแผ่นดิน รวมท้ัง กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมอื่นๆ ทสี่ ่งผลต่อการพฒั นาทางเศรษฐกิจ การพัฒนา คณุ ภาพชีวิตของคนในสังคม และการจา้ งงานท่ีเพ่มิ ขึน้ เศรษฐกิจและสังคมที่รูปแบบ และกระบวนการดาเนินกิจกรรมใดๆ ถูกขับเคลื่อนและเปล่ียนแปลงด้วยเทคโนโลยี ดิจทิ ลั กล่าวคอื เทคโนโลยดี ิจิทัลเปน็ กลไกหลักท่ีปฏิรปู กระบวนการผลติ การดาเนิน ธุรกิจ การค้า การบริการ รวมท้ังการดาเนินชีวิตประจาวันของประชาชน ทาให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับและปรับตัวต่อการเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนอยู่ ตลอดเวลา สง่ ผลต่อการพฒั นาทางเศรษฐกจิ การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของคนในสังคม การจ้างงานท่ีดีขึ้น การดาเนินกิจกรรมทางสังคมของปัจเจกชน องค์กร และชุมชน การให้บริการของภาครัฐ ตลอดจนการเรียนรู้ เข้าถึง และการใช้ประโยชน์จาก “ข้อมูล/สารสนเทศ” ของทุกภาคส่วน
ผ 19เศรษฐกิจและสังคม เศรษฐกิจและสังคมแห่งการแบ่งปัน หมายถึง ระบบเศรษฐกิจและสังคมที่เอ้ืออาทรแหง่ การแบ่งปนั ท่ีใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นแพลตฟอร์มกลางในการแบ่งปันทรัพยากร ข้อมูลข่าวสาร(sharing และองค์ความรู้ในสังคม โดยเน้นการเชื่อมโยงแลกเปล่ียนระหว่างชุมชนสู่ชุมชนeconomy) และระหวา่ งร่นุ สูร่ ุน่สถาปัตยกรรม เป็นแนวความคิดใหม่ที่บูรณาการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ากับธุรกิจอย่างองค์กร เป็นระบบ ต้ังแต่การกาหนดโจทย์ธุรกิจ การมองสถาปัตยกรรมธุรกิจ (business(Enterprise architecture) ให้แตกฉาน เพ่ือออกแบบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้Architecture :EA) เ ชื่ อม โ ย ง กั บ ก า ร ด า เ นิ น ง า น ได้ อย่ า ง ส อด ค ล้ อง แ ล ะมี ป ร ะ สิ ท ธิภ า พท้ั ง ใ นระดับ architecture ไปจนถึง roadmap ขององค์กร เพื่อผลักดันให้องค์กรสามารถ ดาเนินการตามนโยบาย และวิสยั ทศั น์ขององคก์ รทีก่ าหนดไว้สหวิทยาการ การบูรณาการศาสตร์หลายสาขาเข้าด้วยกัน เป็นการเชื่อมโยงศาสตร์ต่างๆ(Interdisciplinary) เข้าหากันจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ที่มีลักษณะ ของการผสมผสานศาสตร์หลากหลายสาขาวิชาเข้าด้วยกัน เช่น เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อกั ษรศาสตร์ รัฐศาสตร์ ฯลฯสังคมสูงวัย การเปล่ียนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์(ageing society) ส่งผลทาให้ประชากรทั่วโลกมีอายุยืนข้ึน โดยสังคมที่มีผู้สูงอายุเป็นจานวนมาก ซ่ึงจะทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแรงงานคร้ังใหญ่ของระบบเศรษฐกิจและ สังคม และองค์การสหประชาชาติได้แบ่งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเป็น 3 ระดับคือ ระดับทห่ี นึ่ง การก้าวสู่สงั คมสูงอายุ (มปี ระชากรอายุ 60 ปีข้นึ ไป มากกวา่ ร้อยละ 10 และ 65 ปีข้ึนไป มากกว่าร้อยละ 7) ระดับที่สอง สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ (มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 และ 65 ปีข้ึนไป มากกว่า ร้อยละ 14) และระดับท่ีสาม สังคมสูงอายุอย่างรุนแรง (มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ซึ่งสาหรับประเทศไทย สานักงานสถิติแห่งชาติ รายงานว่า ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2548 และคาดว่าจะเข้าสู่สังคม ผสู้ งู อายรุ ะดบั ที่สอง ในชว่ งปี พ.ศ. 2568สังคมออนไลน์ สังคมออนไลน์ท่ีมีผู้ใช้เป็นผู้สื่อสาร หรือเขียนเล่าเน้ือหา เรื่องราว ประสบการณ์(social media) บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ท่ีผู้ใช้เขียนข้ึนเอง ทาข้ึนเอง หรือพบเจอจากส่ืออ่ืนๆ แล้วนามาแบ่งปันให้กับผู้อื่นท่ีอยู่ในเครือข่ายของตน ผ่านทางเว็บไซต์ social network ทใ่ี หบ้ รกิ ารบนอนิ เทอรเ์ นต็สาขา/อตุ สาหกรรมที่ ครอบคลุมสาขา/อุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (high-techมกี ารใช้เทคโนโลยี manufacturing sector) สาขา/อุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีข้ันกลางเข้มขน้ (medium high-tech manufacturing sector), และสาขา/อตุ สาหกรรมการบรกิ าร(High–Tech sector) ท่ีใชอ้ งค์ความรู้เข้มข้นในการให้บริการ (knowledge-intensive service sector)
ผ 20สิทธิแหง่ ทาง สทิ ธิในการขอใชท้ างบนพ้นื ที่หรอื ทรัพยส์ นิ ของผู้อืน่ อย่างถูกตอ้ งตามกฎหมาย เพื่อใช้(right of way) ในการวางโครงขา่ ยส่ือสารโทรคมนาคมสาหรับให้บริการแกป่ ระชาชนสอ่ื สิ่งท่ีทาให้ปรากฏด้วยตัวอักษร เครื่องหมาย ภาพ หรือเสียง ไม่ว่าจะได้จัดทาในรูป ของเอกสาร ส่ิงพิมพ์ ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ วีดิทัศน์ การแสดง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ในระบบ คอมพวิ เตอร์ หรอื ได้จัดทาในรปู แบบอื่นใดตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวงสอื่ ปลอดภัยและ ส่ือที่มีเน้ือหาส่งเสริมศีลธรรมจริยธรรม วัฒนธรรม ความมั่นคง ความคิดสร้างสรรค์สรา้ งสรรค์ การเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน และส่งเสริม ความสัมพันธ์ท่ีดีในครอบครัวและสังคม รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนมีความ สามคั คแี ละสามารถใช้ชวี ิตในสังคมทมี่ ีความหลากหลายได้อย่างเป็นสขุหลกั การออกแบบ การออกแบบด้านส่ิงแวดล้อม สถานท่ี ส่ิงของเครื่องใช้ รวมถึงระบบดิจิทัลที่เป็นสากล (เช่น อุปกรณ์ เว็บไซต์ แอพพลิเคช่ัน เน้ือหา ฯลฯ) ท่ีเป็นสากล และใช้ได้เท่าเทียม(universal design) กันสาหรับทุกคนในสังคม รวมถึงผู้สูงอายุ และคนพิการประเภทต่างๆ โดยไม่ต้องมี การออกแบบดัดแปลงพิเศษ หรือเฉพาะเจาะจงเพ่ือบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหน่ึง โดยมี หลักการเบื้องต้น เช่น การใช้งานได้กับทุกกลุ่มอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน มีความ ยืดหยุ่นสูง มีความเรียบง่ายเข้าใจได้ง่าย มีข้อมูลประกอบการใช้งานที่พอเพียง ทนทานต่อการใช้งานผิดพลาด สะดวกไม่ต้องออกแรงมาก และมีขนาดและสถานที่ เหมาะสมกบั การใชง้ านจรงิหว่ งโซ่คณุ ค่าโลก กิจกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งหมดท่ีเกิดข้ึนกับผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งกระจายอยู่(global value ในหลายประเทศ/หลายภูมิภาค เชื่อมโยงกับกระบวนการผลิตบนระบบการผลิตบนchain) ห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน (single supply chain) นับแต่ข้ันตอนการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ จนกระทั่งสินค้านั้นถึงมือผู้บริโภคขั้นสุดท้าย รวมท้ังบริการหลังจากน้ัน (after-sales services) อาทิ เร่ิมตั้งแต่ขั้นตอนการวิจัย (R&D) การออกแบบ การผลิต การขนส่ง การโฆษณา การขาย และการบริการหลังการขาย โดยแต่ละ กิจกรรมจะสรา้ งมูลคา่ เพ่ิมให้กบั สนิ คา้หอ้ งสมุดดิจิทัล สถานที่รวบรวมความรู้ทุกประเภทและทาการเชื่อมโยงห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ กบั หอ้ งสมุดแบบเดิมของทัง้ ภาครัฐ สถานศึกษา และเอกชนแหล่งความรดู้ ิจิทลั พ้ืนที่ในการแลกเปล่ียนเรียนรู้ของสังคมไทยผ่านรูปแบบดิจิทัล ซ่ึงรวมถึง(digital แพลตฟอร์มและคลังความรู้ดิจิทัลประเภทต่างๆ เช่น ระบบวิกิสาหรับความรู้ไทยknowledge (wiki) คลังข้อมูลและสื่อ (digital archives) ห้องสมุดดิจิทัล (digital library) หรือplatform) พพิ ธิ ภัณฑ์ดิจทิ ัล (digital museum) เปน็ ตน้
อนิ เทอรเ์ น็ต ผ 21แบนด์วิดท์(internet ความสามารถของการเชื่อมต่อเครือข่าย โดย Bandwidth จะบ่งบอกถึงจานวนของbandwidth) ข้อมูลที่สามารถส่งไปตามเครือข่ายได้ ยิ่งมีจานวน Bandwidth มากเท่าไหร่อนิ เทอรเ์ น็ต หมายถึงว่าจะสามารถดาวนโ์ หลดข้อมลู (ผา่ นเครือขา่ ย) ไดเ้ รว็ ขึน้ เทา่ นนั้ โดยมากจะความเร็วสงู ใช้กล่าวถึงในการเชอ่ื มต่ออินเตอร์เน็ต การเชื่อมต่อในเครอื ข่ายของมือถือ เป็นตน้(broadbandInternet) การสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สามารถรับส่งข้อมูล จานวนมากด้วยเทคโนโลยีการส่ือสารท่ีไม่จากัดรูปแบบทั้งท่ีเป็นส่ือใช้สาย หรืออตุ สาหกรรม ส่ือไร้สาย โดยความเร็วของการรับส่งข้อมูล ซ่ึงความเร็วของการรับส่งข้อมูลตามที่ในยุคท่ี 4 Federal Communications Commission (FCC) แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา(industry 4.0) ได้กาหนดให้ (ปี ค.ศ. 2010) มีความเร็วสูงอย่างน้อย 4 Mbps ในการรับข้อมูล และ ความเรว็ 1 Mbps ในการสง่ ขอ้ มลู ในปี ค.ศ. 2015 FCC ได้กาหนดความเร็วในการอุตสาหกรรม เข้าถึงอินเทอร์เน็ตใหม่ ให้มีความเร็วสูง อย่างน้อย 25 Mbps ในการรับข้อมูล และเทคโนโลยดี ิจทิ ัล ความเร็ว 3 Mbps ในการสง่ ข้อมลู สาหรบั ความเรว็ ของการเข้าถึงบริการอนิ เทอร์เน็ต ในที่นี้กาหนดให้มีความเร็วอย่างน้อย 4 Mbps ในระยะแรก (2 ปี) และตั้งเป้าหมาย ใหม้ ีความเรว็ อยา่ งนอ้ ย 25 Mbps ในระยะต่อไป ก า ร ป รั บ เ ป ลี่ ย น ก ร ะ บ ว น ก า ร ผ ลิ ต แ ล ะ ก า ร บ ริ ก า ร ใ ห้ มี ค ว า ม ทั น ส มั ย (modernization) เ พิ่ ม ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ (optimization) แ ล ะ ล ด ต้ น ทุ น (cost reduction) ให้กับระบบการผลิตและการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีข้ันตอน การดาเนินงานดว้ ยระบบอัตโนมตั ิ เพอื่ เปลี่ยนกระบวนการผลิตแบบเดมิ จากการผลิต สินค้าและบริการจากการผลิตจานวนมาก (mass production) เป็นการผลิตได้ หลากหลายในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว (mass customization) โดยใช้ กระบวนการผลิตทปี่ ระหยดั และมีประสทิ ธภิ าพดว้ ยเทคโนโลยดี จิ ิทัล อุ ต ส า ห ก ร ร ม เ ท ค โ น โ ล ยี ดิ จิ ทั ล ท่ี มี ก า ร ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี ดิ จิ ทั ล เ ข้ ม ข้ น (digital technology intensive industry) และเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่เป็นพื้นฐานท่ีจาเป็นของการพัฒนาภาคการผลิตและบริการอ่ืนๆ ด้วยการ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ประกอบด้วย 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรม ซ อ ฟ ต์ แ ว ร์ (autonomous agent software แ ล ะ service architecture) อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ (embedded system และ smart device) อุตสาหกรรม บ ริ ก า ร ท า ง ด้ า น ดิ จิ ทั ล (data center, cloud service, data analytics) อุตสาหกรรมบริการส่ือสารโ ทรคมนาคม (over the top, security) และ อตุ สาหกรรมดิจิทลั คอนเทนต์ (digital content, multimedia & broadcast)
ผ 22มตคิ ณะรฐั มนตรี และความเหน็ หน่วยงานที่เก่ยี วขอ้ ง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148