รปู แบบการบริหารจัดการวถิ ีทางสรา้ งสุภาพชนคนคุณภาพพนุ ้อย (DSCUPP model to co 5 steps) รูปแบบการบริหารจัดการวิถีทางสร้า ง โครงการพฒั นาบคุ ลากรวถิ ีทางสรา้ งสภุ าพชนคนคุณภาพพุน้อย (ด้านการจดั การเรียนรูก้ ระบวนการเรยี นรู้ 5 ขน้ั ชมุ ชนพฒั นา สุภาพชนคนคณุ ภาพพนุ อ้ ย วชิ าชพี PLCและ โรงเรียนคณุ ธรรม สพฐ. ยุวสถิรคุณ) (DSCUPP model to co 5 steps) P(plan) D : การพัฒนา ( Development ) วางแผนการจดั ทาโครงการ จัดทาปฏทิ นิ ดาเนนิ โครงการ S : การบริหารตามสถานการณ์ อบรมครดู ้านกระบวนการเรยี นรู้ 5 ขนั้ (Situational Management) ธรรมประจาวนั จันทร์ C : การเขา้ ถึง (Connecting) คา่ ยคณุ ธรรมทาดตี ามรอยพอ่ อบรมแกนนานักเรยี นคณุ ธรรม U : ความเข้าใจ (Understanding) ศึกษาดงู านโรงเรียนต้นแบบคุณธรรม P : การบรหิ ารแบบวิถีทาง – เปา้ หมาย นวัตกรรมสร้างคนด/ี โครงงานคณุ ธรรม (Path – Goal Management) นวตั กรรมการจัดการเรยี นรู้ นวัตกรรมการบริหาร P : ความภาคภูมิใจ (Proudly) D(Do) ใชร้ ปู แบบการบริหารจัดการวิถีทางสร้างสุภาพชนคน คณุ ภาพพุนอ้ ย(DSCUPP model to co 5 steps) ในการทา กิจกรรมท้งั 3กิจกรรม ดงั น้ี D การจดั การเรยี นร้กู ระบวนการเรยี นรู้ 5 ขนั้ S C ชุมชนพฒั นาวิชาชพี PLC U P โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. ยุวสถริ คุณ P C(Check) นิเทศด้วย DSCUPP model to co 5 steps A(Act) สรุป รายงานและนาผลการดาเนนิ โครงการไปพฒั นา จดั ทาโครงการในปตี อ่ ไปเพ่ือให้มคี ณุ ภาพ ระบบการบรหิ ารจดั การคุณภาพและคุณธรรมมุ่งพฒั นาสภุ าพชนคนคุณภาพพุนอ้ ย ครมู ีศักยภาพสรา้ งสภุ าพชนคนคณุ ภาพพุนอ้ ย นักเรยี นสุภาพชนคนคณุ ภาพพนุ อ้ ย ภาพท่ี รูปแบบการบรหิ ารจดั การวถิ ที างสรา้ งสภุ าพชนคนคุณภาพพนุ อ้ ย (DSCUPP model to co 5 steps)
จากรูปแบบการบริหารจัดการวถิ ที างสรา้ งสุภาพชนคนคุณภาพพุน้อย (DSCUPP model to co 5 steps) ในแผนภาพที่ จะเห็นได้ว่า เป็นการบริหารจัดการรูปแบบหนึ่งท่ีมีความเหมาะสมกับบริบทของ โรงเรยี นวัดพนุ อ้ ย การบริหารโรงเรียนวัดพุนอ้ ยโดยใช้ DSCUPP model นั้นเป็นรูปแบบการบริหารโรงเรียน คณุ ภาพทม่ี ุ่งสู่การพัฒนาคุณภาพของโรงเรียนอย่างสมดุลรอบด้าน เพ่อื ให้นกั เรียนที่เป็นผลผลิต เป็นมนุษย์ที่ สมบูรณ์ เปน็ คนดี มคี วามสามารถ และมีความสุข เป็นรูปแบบการบริหารท่ีมีความสอดคล้องกับบริบทของ โรงเรียนและเหมาะสมตามห้วงเวลานั้นๆ จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และประสบการณ์ในการบริหาร โรงเรยี น ทาให้ได้นวตั กรรมรูปแบบการบริหารโรงเรียนที่สอดคล้องกับการพัฒนาคุณภาพของโรงเรียนวัดพุ น้อย โดยใช้กระบวนการวงจรคณุ ภาพ P-D-C-A ในการดาเนนิ งาน รวมถึงแนวโนม้ การจัดการศึกษา ทักษะใน ศตวรรษที่ 21 คุณลักษณะของคนในแต่ละช่วงวัย เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย การบริหารตามสถานการณ์ (Situational Management) ศาสตร์พระราชา การจัดการแบบวิถีทาง – เป้าหมาย (Path – Goal Management) และความภาคภมู ิใจ (Proudly) ทาใหก้ ารดาเนนิ การบรหิ ารจดั การศึกษาบรรลุตามเปา้ หมาย มีรายละเอียดของการพัฒนานวัตกรรมการบรหิ ารโรงเรยี นวดั พนุ อ้ ย ดังนี้ ขนั้ ตอนที่ 1 สารวจและวเิ คราะหส์ ภาพปัจจบุ นั ปญั หา ความตอ้ งการเก่ียวกับการบริหารจดั การด้านต่างๆ ของ โรงเรียนโดยใช้เทคนิค SWOT Analysisจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายทาให้ทราบถึงบริบทของโรงเรียนว่า ขณะน้ีอยู่ ณ จุดใด (Where are we now?) เพื่อจัดลาดับความสาคัญและกาหนดกรอบในการพัฒนา นวตั กรรม ข้ันตอนท่ี 2 ขนั้ การวางแผน (Plan) เปน็ การออกแบบนวตั กรรมรปู แบบการบรหิ ารโรงเรียน คณุ ภาพโดยใช้ DSCUPP model ที่สอดคล้องกบั บรบิ ทของโรงเรียนวัดพุน้อย จากผลสรุปของการวิเคราะห์ จดุ แขง็ จุดออ่ น โอกาส และอุปสรรคการพัฒนาโรงเรียนในขน้ั ตอนท่ี 1 โรงเรียนคุณภาพจะต้องมีการกาหนด เปา้ หมายและแนวทางการดาเนินงานในอนาคตท่ีชัดเจนจึงต้องมีการกาหนดวิสัยทัศน์ ให้มองเห็นภาพแห่ง ความสาเร็จที่ก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงไปสู่ส่ิงใหม่ๆ ท่ีมีความท้าทายต่อโรงเรียนด้วยปัจจัยท่ีมีอิทธิพลทั้ง ภายในและภายนอกเพือ่ การพฒั นาเปน็ โรงเรียนคุณภาพ (Quality School) ว่าเราจะไปสู่จุดหมายที่ต้องการ ได้อย่างไร (How do we get there?) ขัน้ ตอนท่ี 3 ข้นั ปฏิบตั ติ ามแผน (Do) เปน็ การสร้างความรู้ ความเข้าใจกับบุคลากรทุกฝ่าย เพ่ือนานวัตกรรม รูปแบบการบรหิ ารโรงเรียนคณุ ภาพ โดยใช้ DSCUPP model ไปใช้ดาเนินงานในทกุ ภาคสว่ นโรงเรียนคุณภาพ ต้องมีการกาหนดแนววิธีดาเนินการ เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายในอนาคต เน้นการพัฒนาศักยภาพของคนให้ สามารถพัฒนานวัตกรรมมีการทางานเป็นทีม เพ่ือสร้างคุณค่าให้กับโรงเรียนผ่านกระบวนการการจัดการ ความรูใ้ นโรงเรยี นอยา่ งเปน็ ระบบ ในประเด็นจะต้องทาหรอื เปลีย่ นแปลงอะไรบา้ ง เพ่ือไปถึงจุดน้นั (What do we have to do or change?) การนานวัตกรรมการบริหารโรงเรียนคุณภาพโดยใช้ DSCUPP model ไปใช้ ในโรงเรยี นวัดพุนอ้ ยนนั้ เปน็ การดาเนนิ งานตามแผนปฏบิ ัติการประจาปที ม่ี ีโครงการ/กจิ กรรม ระบขุ ั้นตอนการ ดาเนินงานแบบ P-D-C-A อยา่ งตอ่ เนอื่ ง สอดคลอ้ งกบั รปู แบบของนวัตกรรมการบริหารท่ีกาหนดไว้ โดยมีกล ยุทธ์ในการดาเนนิ งานเพอ่ื บรรลุวัตถุประสงค์ ดังน้ี
D : การพฒั นา ( Development ) การพัฒนาทีเ่ กิดจากการมองเห็นปญั หาหรอื ข้อจากดั ของโรงเรยี นวัดพุน้อยเร่มิ ดว้ ยตนเอง (Self- initiated)คดิ วธิ กี ารทจ่ี ะพฒั นาโดยพง่ึ พาตนเอง (Self-reliance) และพัฒนาไปสู่การเป็นตน้ แบบทสี่ ามารถเผย แพรความรูได(้ Prototype and role model) S : การบริหารตามสถานการณ์ (Situational Management) การบรหิ ารจดั การทีส่ อดคล้องกับบริบทความเปน็ โรงเรียนวัดพุน้อยรวมถึงแนวโน้ม ทิศทางของ การจดั การศกึ ษาทุกระดบั ทรพั ยากรท่ีมีที่สาคัญคือบุคลากรครูท่ีมีความแตกต่างกัน ท้ัง อายุ ประสบการณ์ และแนวคิด การขับเคล่ือนโรงเรียนวัดพุน้อยไปสู่คุณภาพน้ันทาให้มีภาระงานเกิดข้ึนดังน้ันต้อง บริหาร ทรพั ยากรบคุ คลทมี่ ีใหม้ ปี ระสิทธิภาพประสิทธิผลสูงสุดโดยใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันไปในการดาเนินงาน การ ติดตามงานเพื่อใหเ้ กดิ การขับเคลื่อนงานอย่างมคี ุณภาพ C : การเขา้ ถึง (Connecting) การบริหารจัดการโรงเรียนไปสู่คุณภาพนั้นต้องทาให้คนในโรงเรียนวัดพุน้อยมองเห็นความ ต้องการท่ีแท้จริงในการพัฒนาหรือระเบิดจากข้างใน (Inside-out blasting) เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย (Understand target)ท้งั ของโรงเรยี นวดั พนุ ้อย บคุ ลากรครู นักเรียน ชุมชนและสงั คม ให้ทุกฝา่ ยมีส่วนรว่ มใน การนาไปส่กู ารสร้างนวัตกรรมทางการบริหารหรอื การสรา้ งปญั ญา (Educate) U : ความเข้าใจ (Understanding) การบรหิ ารจัดการทีด่ ตี ้องมีสารสนเทศที่ดีดว้ ยดงั น้นั ข้อมลู สารสนเทศท่ีมตี อ้ งเปน็ ข้อเทจ็ จริงทีเ่ ปน็ ปจั จบุ ันและเป็นการใช้ข้อมูลที่มีอยู่จริงอยา่ งคุ้มคา่ (Existing data) และการใชข้ อ้ มลู เชิงประจักษ์ (Empirical data) ข้อมูลนั้นผ่านการวิเคราะห์และวิจัย (Analytics and Research) จนกระท้ังได้รูปแบบการบริหาร จดั การท่ีมคี ุณภาพใช้งานไดจ้ ริงโดยผา่ นการทดลองจนไดผลจริง (Experiment till actionable results)แล้ว นามาใช้ P : การบรหิ ารแบบวถิ ีทาง – เป้าหมาย (Path – Goal Management) การบรหิ ารจัดการโรงเรียนทดี่ ีนาไปสกู่ ารผลิตคนดีคนเกง่ ใหส้ งั คมนั้นผ้บู ริหารต้องเป็นแบบอย่าง ดังนน้ั พฤติกรรมผู้นา (Leader behaviors)เป็นส่ิงสาคัญอย่างย่ิง ผู้บริหารต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของคนท่ีมี คุณลักษณะส่วนบุคคลที่แตกต่างกันดังนั้นต้องมอบหมายงานให้เหมาะสมกับคุณลักษณะของงาน (Task characteristics) ต้องมีเทคนิคในการการจูงใจ (Motivation)เพื่อให้การพัฒนานั้นเกิดกับบุคลากรครูและ นักเรียน P : ความภาคภมู ิใจ (Proudly) การบริหารจัดการที่เปิดโอกาสให้บุคลากรทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วม (Participative Management) ในการดาเนนิ งานรู้สกึ เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน จะทาให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันรวมถึง ความภาคภมู ใิ จในความสาเรจ็ ของโรงเรียนด้วย
โรงเรียนวดั พนุ ้อยบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School Base Management) เพ่ือให้ เกิดการพัฒนาในทุกๆ ดา้ นการทางานโดยผบู้ รหิ ารโรงเรยี นกระจายอานาจให้ครู บุคลากรทางการศึกษาได้มี โอกาสเป็นผู้นาและผู้ตามในการทางาน มีบรรยากาศในการท างานท่ีเป็นแบบเปิดสร้างทีมงานท่ีมีความ เข้มแข็งทางวิชาการ มีคุณภาพและสมรรถนะสูง ส่งเสริมการเรียนรู้ของทีมงานเพื่อขับเคล่ือนสู่โรงเรียน คุณภาพเพอื่ ใหบ้ รรลุเปา้ หมายทก่ี าหนดไว้ ข้ันตอนท่ี 4 ข้ันตรวจสอบ (Check)เป็นการประเมินผลและตรวจสอบการบริหารโรงเรียน จากการใช้ นวตั กรรมการบรหิ ารโรงเรียนคุณภาพโดยใช้ DSCUPP model โดยยดึ วัตถุประสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธข์ องโรงเรยี นวดั พุน้อยทีก่ าหนดผลสาเร็จอยา่ งสมดลุ รอบด้าน ข้ันตอนที่ 5 ขั้นปรับปรุงแก้ไข (Action) เป็นการสะท้อนผลการดาเนินงานตามสภาพจริง(Reflection) โรงเรียนวัดพุนอ้ ยตอ้ งมีการพัฒนานวตั กรรมการบริหารการศึกษา นวัตกรรมการจัดการศึกษาและนวัตกรรม ของนกั เรยี น ใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพประสทิ ธิผลอย่างต่อเน่ือง ด้วยการนาผลการประเมินการเป็นโรงเรียนวัดพุ นอ้ ยท่ีมีนักเรยี นเก่งนักเรยี นดี โดยยดึ วัตถปุ ระสงค์ทงั้ 6 ดา้ น จากการใช้นวตั กรรมรปู แบบการบริหารโรงเรียน วัดพุน้อยโดยใช้ DSCUPP model มาวิเคราะห์และสะท้อนผลการดาเนินงานตามสภาพจริง (Reflection) เพ่ือวเิ คราะหว์ ่ามีปญั หา อุปสรรคท่คี วรแก้ไขและพัฒนาหรอื ไม่ ถา้ หาก “ใช่”ก็จะนาปัญหา อุปสรรคที่พบมา เปน็ สง่ิ ที่จะต้องแสวงหาวิธีการแกไ้ ข ปรบั ปรุงในขั้นตอนของการวางแผนเพอื่ นาไปสกู่ ารปฏิบัติอีกคร้ัง ถ้าหาก “ไม่ใช่” แสดงว่า รูปแบบนวัตกรรมการบริหารโรงเรียนวัดพุน้อย โดยใช้ DSCUPP model บรรลุผลตาม เปา้ หมายท่กี าหนดไว้ สามารถประชาสัมพันธ์เพ่ือเผยแพร่และขยายผลการดาเนนิ งานสโู่ รงเรียนและหน่วยงาน อน่ื ๆ เพือ่ พฒั นาสคู่ วามมีคณุ ภาพที่ย่งั ยืนต่อไป การใชน้ วัตกรรม ศกึ ษาแนวโน้มเก่ียวกับการพัฒนาด้านการศึกษา ศึกษาสภาพปัญหา จัดกิจกรรมชุมชนวิชาชีพ PLC นาปัญหาท่แี ต่ละห้องมาพดู คยุ เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ ถึงปัญหากับอาการปัญหารวมถึงลาดับปัญหาตาม ความสาคญั ของแต่ละปัญหา แลว้ นาปัญหาดงั กลา่ วมาแก้ไขโดยการสง่ ตอ่ ขอ้ มูลสารสนเทศทค่ี รแู ตล่ ะคนมไี ปสู่ ครูประจาชั้นคนใหม่ แก้ปัญหาโดยศึกษางานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สร้างนวัตกรรมการสอน นักเรียนสร้าง นวัตกรรมท่ีสนใจในรูปโครงงาน ผู้บริหารก็ศึกษาสภาพปัญหาของระบบการบริหารจัดการเพื่อขับเคล่ือน พฒั นาคุณภาพวิชาการและพฒั นาด้านคุณธรรมโดยทกุ ห้องเรยี นขบั เคลอ่ื นพฒั นาคณุ ธรรมของตนเอง ผู้บรหิ าร คิดและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการทมี่ คี ุณภาพ สรา้ งตัวแบบแล้วนานวัตกรรมไปทดลองใช้ในโรงเรียนปี การศึกษา 2561 นาผลการทดลองใช้นวัตกรรมไปพัฒนาปรับปรุงนวัตกรรมให้มีคุณภาพมากขึ้น แล้วนา นวัตกรรมรูปแบบการบริหารจัดการวิถีทางสร้างสุภาพชนคนคุณภาพพุน้อย (DSCUPP model to co 5 steps) มาใช้อีกครั้งในปีการศึกษา 2562 ในการบริหารจัดการโครงการทุกกิจกรรมและทุกข้ันตอน เช่น สื่อสารด้วยการประชมุ ทาให้ทกุ คนเหน็ ว่าวตั ถปุ ระสงคข์ องแตล่ ะกิจกรรมมคี วามสาคญั จาเป็น และครูคือส่วน สาคัญในการขับเคลื่อนใหท้ ุกคนมีสว่ นร่วมในการกาหนดเวลา วัน สถานที่ รูปแบบกิจกรรม จานวนกิจกรรม ทั้งนี้ต้องมีความเหมาะสมกับวัยของนักเรียน เร่ืองที่นักเรียนควรเรียนรู้ เวลาเหมาะสมกับกิจกรรมและ
ระยะเวลาในการเรียนรู้ ความปลอดภัยในการทากิจกรรมท้ังด้านร่างกายและจิตใจกิจกรรมที่ให้โอกาส นักเรยี นทุกคนสามารถร่วมทากิจกรรมได้ รวมถึงจานวนบุคลากรท่ีจะร่วมดาเนินกิจกรรม จัดทาคาสั่ง โดย คานึงถึงหลักการของ วิถีทาง – เป้าหมาย (Path – Goal Management) ซ่ึงประกอบด้วยพฤติกรรมผู้นา (Leader behaviors) คุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้ใต้บังคับบัญชา (Subordinate characteristics) คุณลักษณะของงาน (Task characteristics) และการจูงใจ (Motivation) ซ่ึงบรรยากาศของโรงเรียนวัดพุ นอ้ ยมีความเฉ่ือยชาไม่กระตือรือร้น ต้องมีการสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรให้กาไรใจ ทาให้ครูรู้ว่าได้รับความ ม่นั ใจไวว้ างใจใหท้ าแต่ละหน้าท่ีซึ่งมีความสาคญั ในขณะเดียวกันก็ต้องจัดงานให้ตรงกับความต้องการของแต่ ละบุคคล ใหโ้ อกาสครูทกุ คนได้แสดงความสามารถ เชน่ แต่งต้ังครูให้เปน็ วทิ ยากรแสดงถึงความสามารถความรู้ และทักษะกับคนท่ีต้องการการยอมรับ มีการหมุนเวียนหน้าที่ เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้ทุกบทบาทหน้าที่ใน โครงการกิจกรรม แต่งตง้ั กรรมการและเลขานุการให้กับครูที่มีความสารถในการประสานงาน รวบรวมข้อมูล ตา่ งๆ แต่งตง้ั กรรมการฝ่ายประเมินผลกับครูที่มีความสามารถด้านการออกแบบเคร่ืองมือวัดผลประเมินผล แต่งต้ังพิธีกรกับครูท่ีมีความสามารถในการนากิจกรรม ที่มีความสนุกสนานสามารถควบคุมให้นักเรียนทา กจิ กรรมได้บรรลุวัตถปุ ระสงคข์ องกิจกรรมโครงการ แต่งต้ังให้ครูท่ีมีประสบการณ์เป็นหัวหน้านั้นแสดงถึงครู ต้องการการยอมรบั เป็นต้น เม่อื จดั คนและงานรวมถงึ ออกคาสง่ั เรียบรอ้ ยแล้ว ติดตามงานเป็นระยะๆ สาหรับ ครทู ่ีมปี ระการณ์น้อย ไมม่ ีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ ไม่รู้ว่าควรทาอะไรอย่างไรควรบอกสิ่งที่ต้องทา ดูผลการ ดาเนินการทุกกิจกรรมอย่างใกล้ชิด ครูท่ีมีประสบการณ์และแนวคิดท่ีจะทากิจกรรมควรเปิดโอกาสให้ได้ นาเสนอความคดิ และมีโอกาสดาเนินกิจกรรมโดยมอบหมายและใช้การนิเทศการดาเนินงานเป็นระยะๆตาม ความเหมาะสมหรอื ตามทีค่ รูต้องการความคิดเหน็ ซ่งึ การสั่งการและการดาเนินงานเป็นไปตามการวิถีทาง – เป้าหมาย (Path – Goal Management)และการบริหารตามสถานการณ์ ที่สาคัญการนาหลักการบริหารโดย นาหลักการศาสตร์พระราชา ประกอบด้วยเข้าใจ (Understanding) เข้าถึง (Connecting)และพัฒนา ( Development ) ซง่ึ เขา้ ใจ (Understanding)ประกอบดว้ ย การใชข้ อ้ มูลท่ีมอี ยู่ (Existing data) การใชข้ อ้ มูล เชิงประจกั ษ์ (Empirical data) การวิเคราะห์และวจิ ยั (Analytics and Research) และการทดลองจนไดผล จริง (Experiment till actionable results) เข้าถึง (Connecting) ประกอบด้วยระเบิดจากข้างใน (Inside- out blasting) เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย (Understand target)และสร้างปัญญา (Educate) พัฒนา ( Development )ประกอบด้วยเร่มิ ด้วยตนเอง (Self-initiated) พึ่งพาตนเองได Self-reliance)และต้นแบบ เผยแพรความรู Prototype and role model) ซง่ึ รายละเอยี ดแต่ละประเดน็ มีความสาคัญสามารถนามาใช้ได้ จรงิ เหมาะสมกับการบริหารจัดการของคนไทยอีกท้ังเป็นกระบวนการที่สอนคล้องกับทางวิทยาศาสตร์และ กระบวนการวิจัย ส่วนประเด็นสุดท้ายคือเม่ือส้ินสุดกิจกรรมควรมีการประเมินผลโครงการ ดูการบรรลุ วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ ความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ มีการประชุมเพ่ือขอบคุณ ช่ืนชมพฤติกรรมท่ีดี และเห็นชัดเจนช่วยกนั เสนอแนะ แลกเปลี่ยน เรยี นรู้เตมิ เต็มในกิจกรรมท่ดี าเนนิ การเพอื่ ประโยชน์การดาเนิน โครงการปตี ่อไป ทาใหค้ รูผดู้ าเนนิ กจิ กรรมโครงการมีความภาคภมู ใิ จกับความสาเร็จของกิจกรรมหรือโครงการ สง่ เสริมให้ครูเรยี นรู้ตลอดเวลาทกุ ที่ทกุ เวลา เปดิ กวา้ งทางความคิดเหน็ ยอมรับกับแนวคิดของทกุ คน
เคร่ืองมอื แบบทดสอบครคู วามรู้เรือ่ งกระบวนการเรียนรู้ 5 ข้ัน แบบนิเทศการสอนคร(ู ทักษะการสอนครูด้วยเทคนิคกระบวนการเรยี นรู้ 5 ข้ัน ) แบบประเมนิ คุณภาพแผนการจดั การเรยี นรู แบบสอบถามสภาพการจัดการเรยี นรู แบบสงั เกตชนั้ เรียนและวิเคราะหก์ ารจดั การเรียนรู แบบประเมนิ คุณภาพนักเรียน แบบประเมินความพึงพอใจรปู แบบการบริหารจดั การวิถีทางสรา้ งสุภาพชนคนคุณภาพพนุ อ้ ย (DSCUPP model to co 5 steps) แบบประเมินผลนิทรรศการโครงการ(ความรู้ ทกั ษะและเจตคติของนกั เรียน) แบบประเมนิ ความสอดคล้องของรปู แบบการบรหิ ารจดั การวถิ ีทางสร้างสภุ าพชนคนคุณภาพพุ น้อย (DSCUPP model to co 5 steps) โดยผเู้ ชยี่ วชาญ แบบประเมินโครงงาน แบบประเมนิ รปู แบบการบรหิ ารจัดการวิถีทางสร้างสุภาพชนคนคณุ ภาพพนุ อ้ ย (DSCUPP model to co 5 steps) โดยการระดมสมอง สถติ ิที่ใช้ในการวจิ ยั รอ้ ยละและคา่ เฉล่ีย
แบบทดสอบครูความรู้เรอื่ งกระบวนการเรียนรู้ 5 ขัน้ คาชแี้ จง ใหค้ รูเลอื กคาตอบท่ีถกู ต้องและสมบรู ณ์ 1.ขอ้ ใดไม่ใชข่ ้ันตอนการเรียนรู้แบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้น 1.การเรียนรู้ตัง้ คาถาม หรอื ข้ันตงั้ คาถาม 2.ในการเรียนรสู้ ืบคน้ ขอ้ มลู 3.การเรยี นรเู้ พ่ือสรา้ งองคค์ วามรู้ 4.การเรยี นรเู้ พอื่ การสือ่ สาร 2.ขั้นตอนใดท่ีนกั เรียนฝึกสงั เกตสถานการณ์ ปรากฏการณ์ตา่ งๆ จนเกดิ ความสงสัย จากนัน้ ฝึกใหน้ กั เรียนตง้ั คาถามสาคญั 1.ขั้นตอนท่ี 1 2.ขั้นตอนท่ี 2 3.ขั้นตอนที่ 3 4.ขั้นตอนที่ 4 3. นักเรียนต้องใชห้ ลักการใดในการการออกแบบข้อมลู 1.นริ นัย (Deduction) 2.ปรนัย (choices) 3.อปุ นยั (induction) 4.อตั นัย (subjective) 4. ขั้นตอนใดทนี่ ักเรยี นมกี ารคิดวิเคราะหข์ ้อมลู เชงิ ปริมาณและเชงิ คุณภาพ 1.ขั้นตอนท่ี 2 2.ขน้ั ตอนที่ 3 3.ขั้นตอนที่ 4 4.ขั้นตอนท่ี 5 5. นกั เรียนใช้ส่อื ความหมายขอ้ มลู ดว้ ยแบบต่างๆ ได้อยา่ งไร 1.ผงั กราฟิก 2.การแปรผล 3.การสรปุ ผล 4.ถกู ทกุ ขอ้ ที่กลา่ วมา 6. การเรียนรูเ้ พอ่ื การสอ่ื สารในขั้นตอนที่ 4ทาได้อยา่ งไร 1.การนาเสนอดว้ ยทา่ ทาง 2.การทาวีดีทศั น์ 3.การพูดประกอบโปรแกรมนาเสนอ 4.ถูกทุกข้อ 7.ข้ันตอนใดของกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้น ที่สามารถสร้างคณุ ลักษณะจติ อาสาได้ 1.ขน้ั ตอนที่ 2 2.ขน้ั ตอนท่ี 3 3.ขั้นตอนที่ 4
4. ขนั้ ตอนท่ี 5 8.ตอนใดของกระบวนการเรียนรู้ 5 ขน้ั ท่สี ามารถสรา้ งคุณลักษณะท่ีดี 1.ข้ันตอนท่ี 2 2.ขน้ั ตอนท่ี 3 3.ขั้นตอนที่ 4 4. ข้นั ตอนที่ 5 9.ข้ันตอนใดสามารถเกดิ ขน้ึ ไดข้ ณะดกู ารต์ นู 1.ขน้ั ตอนที่ 1 2.ขัน้ ตอนท่ี 2 3.ขั้นตอนท่ี 3 4.ขั้นตอนที่ 4 10.การเรยี นรู้ในข้นั ตอนใดท่ีตอ้ งใชภ้ าษาเป็นเครอ่ื งมอื ทสี่ าคญั ในการเรียนรู้ 1.ขน้ั ตอนที่ 1 2.ขน้ั ตอนท่ี 2 3.ขน้ั ตอนท่ี 3 4.ขน้ั ตอนที่ 4 ให้ครูเขยี นขั้นตอนการเรยี นรทู้ ั้ง 5 ข้นั โดยยกตัวอย่างใหช้ ัดเจน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบนิเทศการสอนคร(ู ทกั ษะการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการเรยี นรู้ 5 ข้นั ) แบบประเมนิ คุณภาพแผนการจัดการเรยี นรู สานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษากาญจนบรุ ี เขต 1 ................................................................................... ตอนที่ 2 ข้อมลู พื้นฐาน 1. ชือ่ โรงเรยี น.....................................................................เขาโครงการรุน่ ท.่ี ................ 2. เพศ ชาย หญิง 3. วฒุ กิ ารศกึ ษาวิชาเอกการศกึ ษา มวี ุฒิ ไมมวี ุฒิ 4. ประสบการณการสอน 1-10 ป 11-20 ป 21 ป ข้ึนไป 5. จานวนนักเรียน ชนั้ อนบุ าล 1-3 จานวน..........................คน ชัน้ ป. 1 จานวน..........................คน ช้ัน ป. 2 จานวน..........................คน ชนั้ ป. 3 จานวน..........................คน ชน้ั ป.4 จานวน..........................คน ชน้ั ป.5 จานวน..........................คน ชั้น ป.6 จานวน..........................คน 6. ครูผสู้ อน เป็นข้าราชการครู เป็นนักงานราชการ ครูอัตราจา้ งหรือพี่เลีย้ งนกั เรยี น 7. การอบรม ไมเคยรับการอบรม เคยรบั การอบรม 1-2 คร้งั เคยรบั การอบรมมากกวา่ 2 ครั้ง
ตอนที่ 2 การวิเคราะหค์ วามสอดคลองภายในของแผนการจดั การเรยี นรู ชน้ั ....................ภาคเรยี นท.ี่ ..............ปการศึกษา................................ หนว่ ยที่....................เรอ่ื ง.......................................................................... คาชแี้ จงใหว้ ิเคราะหค์ วามสอดคลองภายในของแผนการจดั การเรียนรตู ามรายการต่อไปน้ี ที่ รายการ ผลการวิเคราะห์ หมายเหตุ ใช่ ไม่ใช่ 1 ความสอดคลองระหว่างสาระการเรียนรแู ละมาตรฐาน คณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ 2 จุดประสงค์การเรยี นรสู อดคลองกับมาตรฐานคุณลกั ษณะทพี่ ึง ประสงค์ 3 สาระการเรียนรสู อดคลองกับประสบการณสาคัญและสาระท่ี ควรรู 4 กระบวนการจดั ประสบการณการเรียนรสู อดคลองกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู 5 กระบวนการจดั การเรียนรสู อดคลองกับคณุ ลกั ษณะตามวยั และ เปน็ ไปตามลาดับข้ันตอนก่อนหลงั 6 จัดกิจกรรมครบถว้ นทุกขั้นตอนและ ส่งเสรมิ ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ในทกุ กจิ กรรม 7 กจิ กรรมเน้นทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ ให้นกั เรยี นลงมือปฏบิ ตั ิ แสวงหาคาตอบและสรปุ องคค์ วามรูด้วยตัวเอง 8 สือ่ การเรียนรแู ละแหลง่ เรยี นรู้ความหลากหลายและมคี วาม ปลอดภัย 9 การวดั และประเมินผลสอดคลองกบั วัตถปุ ระสงคแ์ ละ กระบวนการจัดการเรยี นรู 10 เครอ่ื งมือสามารถวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์สอดคลองกบั วธิ ีการวดั และใช้เกณฑ์การวัดทเี่ หมาะสม ขอ้ คดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะอื่น ๆ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................... ................. ................................................................................................................. ...............................................
แบบสอบถามสภาพการจดั การเรียนรู สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษากาญจนบรุ ี เขต 1 ........................................................................................................................... คาช้ีแจง แบบสอบถามฉบบั น้ี มี 3 ตอน ประกอบดว้ ย ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู พื้นฐาน ตอนท่ี 2 การจัดการเรียนรตู ามโครงการ ตอนท่ี 3 ขอเสนอแนะ แสดงความคดิ เห็น ตอนที่ 1 ขอ้ มลู พื้นฐาน ช่ือโรงเรียน.....................................................................เขาโครงการรุน่ ท.ี่ ................ 8. เพศ ชาย หญิง 9. วุฒกิ ารศกึ ษาวชิ าเอกการศึกษา มีวุฒิ ไมมวี ฒุ ิ 10. ประสบการณการสอน 1-10 ป -20 ป ป ขึน้ ไป 11. จานวนนกั เรยี น ชั้นอนบุ าล 1-3 จานวน..........................คน ชนั้ ป. 1 จานวน..........................คน ช้ัน ป. 2 จานวน..........................คน ชั้น ป. 3 จานวน..........................คน ชน้ั ป.4 จานวน..........................คน ชั้น ป.5 จานวน..........................คน ช้นั ป.6 จานวน..........................คน 12. ครูผสู้ อน เป็นขา้ ราชการครู เปน็ พนักงานราชการ ครูอัตราจา้ งหรือพเี่ ลย้ี งนกั เรยี น 13. การอบรม ไมเคยรบั การอบรม เคยรบั การอบรม 1-2 คร้งั เคยรบั การอบรมมากกวา่ 2 คร้งั 14. ไดจัดกจิ กรรมการทดลอง ตามโครงการ จานวน 20 กิจกรรม มากกว่า 20 กจิ กรรม
ตอนท่ี 2 การจัดการเรยี นรู ทาเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งระดับคุณภาพตามเกณฑ์ ดงั นี้ คา่ คะแนน 4 ระดับ ดมี าก หมายถงึ มีการปฏิบัติตงั้ แตร่ ้อยละ 90 ขึ้นไป คา่ คะแนน 3 ระดบั ดี หมายถงึ มกี ารปฏิบัติร้อยละ 75-89 คา่ คะแนน 2 ระดับพอใช้ หมายถึงมกี ารปฏิบัตริ อ้ ยละ 70-74 คา่ คะแนน 1 ระดับ ปรบั ปรุง หมายถึงมกี ารปฏบิ ตั นิ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 ที่ รายการ ระดบั คุณภาพ 123 4 1 มีแผนการจดั กจิ กรรมการทดลองครบถ้วน และมคี ณุ ภาพ 2 มกี ารจดั เตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์ในการทดลอง 3 มกี ารแนะนาส่ือ อุปกรณส์ าหรบั ใช้ในการทดลอง 4 มีการตัง้ คาถามเชื่อมโยงจากประสบการณของนกั เรยี น 5 ครูมีการส่งเสริมสนบั สนุนการตง้ั สมมตฐิ านกอ่ นการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 6 เปิดโอกาสให้นกั เรยี นไดทดลองและสงั เกตด้วยตนเอง 7 ใช้คาถามกระตนุ้ ให้นักเรยี นคิดขณะปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการทดลอง 8 นกั เรียนไดต้งั คาถามทอี่ ยากรู 9 เปิดโอกาสใหน้ กั เรียนไดแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ กนั ภายในกลมุ่ 10 มีการจดั กิจกรรมใหน้ ักเรียนบันทกึ ผลการทดลอง 11 จัดให้นกั เรยี นไดปฏบิ ัติกจิ กรรมร่วมกัน 12 มีการสรปุ ทบทวนผลการทดลอง 13 มีการประเมินพฒั นาการนกั เรยี นทคี่ รอบคลมุ ความสามารถพน้ื ฐานตาม โครงการ 14 เปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนมสี ่วนร่วมในการจดั ทาโครงงาน 15 นกั เรยี นไดมีการสารวจ ตรวจสอบ และรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง 16 นักเรยี นไดส้ รา้ งคาอธบิ ายจากขอ้ ค้นพบอย่างมเี หตผุ ล 17 เปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนไดสรุปผลการจัดกจิ กรรมโครงงานด้วยตนเอง 18 นกั เรยี นไดสอื่ สารและนาเสนอผลการจัดกจิ กรรมสาธารณชน 19 การทาโครงงานครบตามกระบวนการเรียนรู้ 5 ขัน้ 20 ขัน้ ตอนการจัดทาโครงงานเป็นไปตามกระบวนการเรียนรู้ 5 ข้นั ตอนที่ 3 ขอเสนอแนะ แสดงความคดิ เหน็ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................
แบบสงั เกตชัน้ เรียนและวิเคราะหก์ ารจดั การเรียนรู สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากาญจนบรุ ี เขต 1 ............................................................... โรงเรยี น................................................อาเภอ.......................................ชั้นเรียนทส่ี งั เกต................................ ช่อื ครูผู้สอน..............................................................ช่ือกจิ กรรมทจ่ี ัดการเรยี นรู้.............................................. วนั /เดือน/ป ทสี่ งั เกต.................................เริม่ เวลา...................เสรจ็ สนิ้ เวลา.................................................. ผสู้ ังเกต ศึกษานเิ ทศก ครูโรงเรียน............................................................ปฏบิ ัติหน้าที่พเ่ี ลี้ยงวิชาการ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลเบอ้ื งตน้ เกีย่ วกับชนั้ เรียน จานวนนักเรยี นในหอ้ ง ชาย..............คน หญิง..............คน รวม............คน จานวนผู้ขาดเรียน................คน ลกั ษณะทางกายภาพของหอ้ งเรียน(บรรยายและวาดภาพประกอบหรือถ่ายภาพประกอบ เช่น สภาพและการ ตกแต่งหอ้ งเรยี น การจัดกลมุ่ นกั เรยี นการจัดพนื้ ทแ่ี ละอุปกรณ์เครอื่ งใชต้ า่ ง ๆ ) บรรยาย ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ภาพแผนผังหอ้ งเรียนและการจัดทีน่ ั่ง / กลมุ่ นักเรียน บันทึกการจดั การเรยี นรู พฤติกรรมของครู พฤติกรรมของนกั เรียน ข้อสังเกต ข้นั นา ขน้ั สอน ขั้นสรุป
วิเคราะห์กระบวนการเรยี นรแู บบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขัน้ สาหรบั นกั เรยี น กระบวนการเรยี นรู สิง่ ท่นี กั เรยี นทา สิ่งท่คี รทู า แบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ข้นั สาหรับนักเรียน 1. ตัง้ คาถาม 2. สารวจตรวจสอบรวบรวมข้อมลู 3. สร้างคาอธบิ ายอยา่ งมเี หตผุ ล 4. สอ่ื สารและให้เหตุผล
ประเดน็ การวเิ คราะห์การจัดการเรียนรู โปรดทาเครือ่ งหมาย ในช่องท่ตี รงกบั ความคิดเห็นของทา่ น 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรมกบั นกั เรียน กิจกรรมนีเ้ หมาะสมกบั นักเรียน กิจกรรมนไ้ี มเหมาะสมกบั นักเรยี น * เหตผุ ลหรอื หลักฐานสนบั สนนุ การวิเคราะห์ (เชน่ พฤติกรรมของนกั เรยี น บทสนทนาระหวา่ งครู และนกั เรียนหรือพฤติกรรมอ่นื ๆ ) ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ขอเสนอแนะเพอ่ื การปรบั ปรงุ พฒั นากจิ กรรม ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................................... 2. ความเหมาะสมของสอื่ และอุปกรณ์การเรียนรู ส่ือและอปุ อุปกรณ์การเรยี นรใู นกจิ กรรมน้ีเหมาะสมกบั นักเรียน ส่ือและอปุ อปุ กรณก์ ารเรียนรใู นกจิ กรรมนไ้ี มเหมาะสมกบั นักเรียน * เหตผุ ลหรือหลักฐานสนบั สนนุ การวิเคราะห์ (เชน่ พฤติกรรมของนกั เรยี น บทสนทนาระหวา่ งครู และนกั เรียนหรือพฤติกรรมอนื่ ๆ ) ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ขอเสนอแนะเพอื่ การปรบั ปรงุ พฒั นาสื่อและอปุ กรณ์ ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................................... 3. การใชค้ าถามของครู ครูใช้คาถามกระตุ้นใหน้ กั เรยี นสงสยั และต้งั คาถาม ครูใชค้ าถามกบั นักเรียนทกุ อย่างท่ัวถงึ ครูใช้คาถามตลอดการเรียนรเู พื่อวดั ผลการเรียนรูของนักเรยี น ครูใช้คาถามบางครั้ง * เหตผุ ลหรอื หลกั ฐานสนบั สนนุ การวิเคราะห์ เชน่ พฤตกิ รรมของนักเรียนบทสนทนาระหว่างครู และนกั เรยี นหรอื พฤตกิ รรมอนื่ ๆ ) ............................................................................................................................. ................................... ..................................................................................................................................................................
ขอเสนอแนะเพ่อื การปรับปรงุ ............................................................................................................ .................................................... ............................................................................................................................. ..................................... .................................................................................................................................................................. 4. การกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนทกุ คนมสี ว่ นรว่ มในการทากจิ กรรม/โครงงาน กระตนุ้ ให้นกั เรยี นทกุ คนมีส่วนร่วมในการจัดกจิ กรรม/โครงงาน ไมกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนทุกคนมสี ว่ นรว่ มในการจัดกจิ กรรม /โครงงาน * เหตุผลหรือหลกั ฐานสนบั สนุนการวิเคราะห์ (เช่น พฤติกรรมของนกั เรยี น บทสนทนาระหว่างครู และนักเรยี นหรอื พฤติกรรมอน่ื ๆ ) ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................................... ขอเสนอแนะเพอ่ื การปรบั ปรงุ ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................................... 5. การให้ความสนใจนักเรยี นอย่างทว่ั ถึง ใหค้ วามสนใจนกั เรยี นทกุ คนอย่างทว่ั ถึง ให้ความสนใจนักเรียนเปน็ บางคน * เหตุผลหรือหลักฐานสนบั สนนุ การวเิ คราะห์ เช่น พฤติกรรมของนกั เรียน บทสนทนาระหว่างครู และนักเรียนหรอื พฤตกิ รรมอนื่ ๆ) .......................................................................................................................................................... ...... ............................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................................................. ..................................... ขอเสนอแนะเพื่อการปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................................ ........ .......................................................................................................................... ........................................ ............................................................................................................................. ...................................
6. การสรา้ งบรรยากาศช้ันเรียน บรรยากาศในชั้นเรียนสง่ เสรมิ ให้อยากเรยี นรู บรรยากาศในชนั้ เรียนไมสง่ เสรมิ ให้นกั เรียนอยากเรียนรู * เหตผุ ลหรือหลกั ฐานสนบั สนุนการวเิ คราะห์ (เชน่ พฤตกิ รรมของนกั เรยี นบทสนทนาระหว่างครู และนักเรียนหรือพฤตกิ รรมอนื่ ๆ ) ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ..................................... ขอเสนอแนะเพื่อการปรบั ปรงุ การสร้างบรรยากาศชั้นเรียน ............................................................................................................................................................... . ............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ...................................
แบบประเมนิ คณุ ภาพนกั เรียน สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษากาญจนบรุ ี เขต 1 ........................................................................................................................... คาชี้แจง แบบสอบถามฉบบั นี้ มี 2 ตอน ประกอบด้วย ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู พ้ืนฐาน ตอนที่ 2 คณุ ภาพนกั เรยี นในโครงการ 2.1 ทกั ษะ ความสามารถและพฤติกรรมของนักเรยี นทาเครอ่ื งหมาย ใน สามารถตอบไดมากกว่า 1 ขอ 2.2 ความสามารถพืน้ ฐานของนักเรยี น ใหค้ รูผสู้ อนพจิ ารณาในภาพรวมของหอ้ งเรียนทเี่ ข้ารว่ มโครงการว่า นักเรียนมีความสามารถพน้ื ฐานในแต่ละเรอื่ งตามเกณฑด์ ังน้ี คา่ คะแนน 4 ระดับดมี าก หมายถึง นกั เรยี นมคี วามสามารถพนื้ ฐาน ผา่ นเกณฑ์ คิดเปน็ ตง้ั แตร่ อ้ ยละ 90 ขน้ึ ไป ค่าคะแนน 3 ระดับดี หมายถงึ นกั เรยี นมีความสามารถพ้นื ฐาน ผา่ นเกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 75-89 ค่าคะแนน 2 ระดับพอใช้ หมายถงึ นักเรยี นมีความสามารถพนื้ ฐาน ผา่ นเกณฑ์ คดิ เปน็ ร้อยละ 70-74 ค่าคะแนน 1 ระดบั ปรบั ปรงุ หมายถงึ นกั เรียนมีความสามารถพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์ คดิ เปน็ ตง้ั แต่รอ้ ยละ 70 ตอนที่ ขอ้ มลู พ้นื ฐาน 15. โรงเรยี น............................................................................ 16. จานวนนักเรยี น ชั้นอนบุ าล 1-3 จานวน..........................คน ชั้น ป. 1 จานวน..........................คน ชัน้ ป. 2 จานวน..........................คน ชั้น ป. 3 จานวน..........................คน ชนั้ ป.4 จานวน..........................คน ชัน้ ป.5 จานวน..........................คน ชั้น ป.6 จานวน..........................คน 17. จานวนนกั เรียนตามโครงการ ชน้ั อนบุ าล 1-3 จานวน..........................คน ชั้น ป. 1 จานวน..........................คน ชน้ั ป. 2 จานวน..........................คน ชั้น ป. 3 จานวน..........................คน
ชัน้ ป.4 จานวน..........................คน ชน้ั ป.5 จานวน..........................คน ช้ัน ป.6 จานวน..........................คน ตอนท่ี 2 คุณภาพของนกั เรียนตามโครงการ 2.1 ทกั ษะ ความสามารถและพฤตกิ รรมของนกั เรียนมกี ารพฒั นาดขี ้นึ จากการเรยี นรผู ่าน โครงงานในเรื่องใดบ้าง วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คอมพวิ เตอร์ สังคมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ศลิ ปะ การงานอาชพี สุขศึกษา พละศึกษา ปฐมวัย 2.2 ความสามารถพ้นื ฐานของนกั เรียน ใหท้ าเครอื่ งหมาย ลงในช่องระดับคุณภาพตามเกณฑข์ า้ งตน้ ที่ รายการประเมนิ ระดับคุณภาพ 432 1 1. ความสามารถดา้ นการเรยี นรู 1.1 รูจกั การสงั เกตและการค้นคว้าหาคาตอบดว้ ยตนเอง 1.2 รูจักคิดหาเหตผุ ลดว้ ยตนเอง 1.3 มกี ารต้ังคาถามในสงิ่ ท่ตี นเองสงสยั 1.4 สามารถนาความรมู าเชื่อมโยงกบั ส่ิงรอบตัวได 1.5 สามารถนาความรทู ี่มอี ยู่เดมิ มารวมกบั ความร้ใู หม่ 2. ความสามารถดา้ นทกั ษะกระบวนการ 2.1 มที ักษะการคิด 2.2 มีทกั ษะการแกป้ ญั หา 2.3 มีทกั ษะกระบวนการในสาระวชิ าที่เรียน
ที่ รายการประเมิน ระดับคุณภาพ 432 1 2.4 มีทักษะดา้ นเทคโนโลยี 2.5 มที ักษะการสือ่ สาร หรอื การนาเสนอ 3. ความสามารถด้านเจตคติ 3.1 มปี ฏิสัมพนั ธ์และแลกเปลีย่ นความรคู วามคดิ เห็นซงึ่ กันและกนั 3.2 การแสดงความคิดเห็นภายในกล่มุ ท่ีมคี วามเห็นแตกต่างจาก ตน 3.3 มีความรับผิดชอบกบั สิ่งทไี่ ด้รับมอบหมาย 3.4 มีหลกั คดิ ความพอเพยี งจากการทางาน 3.5 มจี ติ อาสาในการทางานกลมุ่ ตอนที่ 4 ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะการดาเนนิ งานโครงการ 4.1 ภาพรวมของดาเนินโครงการ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... 4.2 ด้านครูผูส้ อน ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... 4.3 ดา้ นผเู้ รยี น ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................
แบบประเมินความพงึ พอใจรูปแบบการบรหิ ารจดั การวิถีทางสร้างสภุ าพชนคนคุณภาพพนุ ้อย (DSCUPP model to co 5 steps) สานักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษากาญจนบรุ ี เขต 1 ........................................................................................................................... คาชแี้ จง แบบสอบถามฉบบั น้ี มี 3 ตอน ประกอบดว้ ย ตอนที่ 1 ข้อมูลพ้นื ฐาน ตอนที่ 2 ความพึงพอใจต่อการนเิ ทศแบบ Co – 5 Step สู่ความสาเรจ็ ในการจัดการเรียนรู ตอนที่ 3 ขอเสนอแนะ ความคิดเหน็ อนื่ ๆ ตอนที่ 1 ข้อมลู พนื้ ฐาน 18. ชือ่ โรงเรยี น.....................................................................เขาโครงการรนุ่ ท่ี................. 19. เพศ ชาย หญิง 20. วุฒิการศึกษาวิชาเอกทางการศึกษา มีวฒุ ิ ไมมวี ุฒิ 21. ประสบการณการสอน -10 ป -20 ป ป ขนึ้ ไป 22. ครูผู้สอน เปน็ ขา้ ราชการครู เปน็ พนกั งานราชการ ครูอตั ราจ้างหรือพเี่ ลย้ี งนกั เรียน ตอนที่ 2 ความพงึ พอใจต่อการนิเทศแบบ Co – 5 Step ส่คู วามสาเรจ็ ในการจัดการเรียนรู้ คาช้ีแจงโปรดทาเครอื่ งหมาย ในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั ความพึงพอใจ ดังน้ี 5 หมายถึง มีความพงึ พอใจ ในระดับมากทส่ี ดุ 4 หมายถงึ มีความพงึ พอใจ ในระดบั มาก 3 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจ ในระดับปานกลาง 2 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจ ในระดบั นอ้ ย 1 หมายถงึ มีความพงึ พอใจ ในระดับน้อยท่สี ดุ
ที่ รายการ ระดับความพงึ พอใจ 54321 1. การพฒั นา ( Development ) 1.1 เร่มิ ด้วยตนเอง (Self-initiated) ศึกษาสภาพการ แนวโนม้ ทศิ ทาง นโยบายของภาครฐั การบริหาร จัดการการเรียนการสอน ระบบการบริหารจดั การ ทง้ั ดา้ น คุณธรรมและดา้ นคุณภาพผเู้ รยี น วเิ คราะห์ความตอ้ งการจาเปน็ ท่แี ทจ้ รงิ ของโรงเรยี นวดั พนุ ้อย ครอบคลมุ ทงั้ วิชาการ งบประมาณ บคุ คลและสภาพแวดลอ้ ม ทว่ั ไป ศึกษาทศิ ทางการพฒั นาทง้ั ด้านคณุ ธรรม คณุ ภาพผ้เู รียนด้วยการ จัดการเรยี นการสอนและระบบการบรหิ ารจัดการของโรงเรยี น 1.2 พึง่ พาตนเองได Self-reliance) ศกึ ษาวิเคราะห์ สงั เคราะหว์ ิธีการ แนวทางในการพฒั นาการ จัดการเรียนรทู้ สี่ อดคลอ้ งเหมาะสมกับนักเรยี นและระบบการ บรหิ ารจดั การในการสรา้ งสุภาพชนคนคุณภาพพนุ ้อย สมั ฤทธผิ ล คณุ ธรรม (ความรบั ผดิ ชอบ พอเพยี ง จิตอาสา) ทักษะสาคญั จาเปน็ อนาคต การสรา้ งความเขา้ ใจกบั ครผู สู้ อน สัมฤทธิผล คณุ ธรรม (ความ รบั ผิดชอบ พอเพียง จติ อาสา) และทกั ษะสาคญั จาเป็นอนาคต ด้วยกระบวนการจดั การเรยี นรู้ 5 ขั้น (co 5 step) 2. การบรหิ ารตามสถานการณ์ (Situational Management) ศกึ ษาขอ้ มลู สารสนเทศของครู ตามแผนพฒั นาตนเองของครู ข้อมูลผลสัมฤทธจ์ิ ากการจัดการเรยี นรู้ คณุ ลกั ษณะผเู้ รยี น สมรรถนะผูเ้ รยี นรว่ มกบั ครผู สู้ อนแล้วเลอื กเทคนิคการจดั การ เรยี นรทู้ ่สี อนคล้องกบั สภาพการจัดการเรยี นรู้ การให้ครผู สู้ อนตระหนกั ถงึ ความสาคัญเรื่องการจดั การเรียนรู้ กระบวนการ 5 ขั้น (co 5 step) โครงงานคณุ ธรรม และทกั ษะ สาคญั จาเป็นอนาคต 3. การบรหิ ารจัดการวถิ ที าง – เป้าหมาย (Path – Goal Management) 3.1 พฤติกรรมผูน้ า (Leader behaviors) บทบาทผบู้ รหิ ารขึน้ อยู่กบั สภาพการณแ์ ละทมี งานเพื่อการเตมิ เต็ม ดว้ ยหลักการความตอ้ งการของโครงการ แตง่ ตัง้ คณะกรรมการให้ดาเนินโครงการบรหิ ารจัดการวถิ ีการสร้าง สภุ าพชนคนคุณภาพพนุ อ้ ย 3.2 คณุ ลักษณะของงาน (Task characteristics)
ที่ รายการ ระดบั ความพงึ พอใจ 54321 แตง่ ตัง้ บุคลากรใหต้ รงกบั ลกั ษณะของงาน ออกแบบรปู แบบการบรหิ ารจัดการวิถกี ารสรา้ งสุภาพชนคน คุณภาพพุนอ้ ย (DSCUPP model to co 5 steps) 3.3 คุณลกั ษณะส่วนบุคคลของผูใ้ ต้บงั คับบญั ชา (Subordinate characteristics) แต่งต้ังครผู ู้มีประสบการณก์ ารจดั การเรยี นรเู้ ป็นหัวหนา้ งาน โครงการมบี ทบาทเป็นท่ปี รกึ ษา ใหค้ าแนะนา ครูที่มศี ักยภาพ ความชอบหรือคณุ ลักษณะด้านเทคโนโลยีและภาษาเปน็ กรรมการ และเลขานกุ าร ครทู ี่มศี กั ยภาพดา้ นการวดั ผลและการคานวณเปน็ ฝ่ายวัดผลประเมินผล ครูที่มีศลิ ปะและความคดิ สรา้ งสรรค์เป็น ฝ่ายอาคารสถานที่ กิจกรรมและการดาเนินกจิ กรรมรวมทั้ง 3.4 การจงู ใจ (Motivation) สรา้ งกาลงั ใจดว้ ยการยอมรับความคดิ เหน็ และยกยอ่ งชมเชย 4. การเข้าใจ (Understanding) 4.1 การใชข้ อ้ มลู ที่มอี ยู่ (Existing data) อบรมครเู รอ่ื งการจัดการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ขั้น (co 5 steps) โครงงานคุณธรรม ทักษะอาชีพ 4.2 การใชข้ ้อมลู เชิงประจกั ษ์ (Empirical data) จดั ทากจิ กรรมชุมชนวชิ าชพี (PLC)เพือ่ แก้ปญั หาและพฒั นา นักเรียนในชั้นเรยี นทรี่ บั ผิดชอบด้วยกระบวนการวจิ ัย 4.3 การวเิ คราะห์และวจิ ัย (Analytics and Research) จดั ทาแผนการจัดการเรียนรู้โดยนาเทคนิคการสอนด้วย กระบวนการเรยี นรู้ 5 ขนั้ (co 5 steps) 4.4 การทดลองจนไดผลจรงิ (Experiment till actionable results) การสาธติ การจดั การเรียนรดู ้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขัน้ (co 5 steps) จัดการเรียนรู้โดยนาเทคนคิ การสอนดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้น (co 5 steps)ในช้นั เรยี นท่ีตนรบั ผิดชอบ นเิ ทศการจดั การเรียนรู้โดยนาเทคนิคการสอนดว้ ยกระบวนการ เรยี นรู้ 5 ข้ัน (co 5 steps)ในชั้นเรยี นท่ตี นรบั ผิดชอบ 5. การเขา้ ถงึ (Connecting) 5.1 ระเบดิ จากขา้ งใน (Inside-out blasting)
ที่ รายการ ระดับความพงึ พอใจ 5432 1 การให้ความชว่ ยเหลือครโู ดยการฝังตวั ของพ่ีเลย้ี งวชิ าการ รปู แบบการนเิ ทศ Coaching and Mentoring 5.2 เขา้ ใจกลุม่ เป้าหมาย (Understand target) การกาหนดเป้าหมายการพฒั นา การศึกษาดูงานโรงเรยี นต้นแบบด้านคณุ ธรรม การจดั การเรยี นรู้ กระบวนการ 5 ขัน้ (co 5 step) และทกั ษะอาชีพ การจดั กลมุ่ ผนู้ เิ ทศกับผรู้ บั การนิเทศ ( พ่เี ลีย้ งวชิ าการ ) 5.3 สร้างปัญญา (Educate) การทา PLC ในกลมุ่ ย่อยโดยมผี ้เู ชยี่ วชาญจากภายนอก 6. ความภาคภูมใิ จ ( Co –Proudly ) 6.1 การดาเนินกิจกรรมการถอดบทเรยี น 6.2 การดาเนินการสรา้ งขวญั และกาลงั ใจ - การยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรตใิ นการประชุม พัฒนาประสิทธิภาพผบู้ ริหารสถานศึกษาและ บคุ ลากรทางการศึกษา - มอบเกยี รตบิ ตั รเพ่ือเป็นขวญั และกาลงั ใจ - สนับสนุน งบประมาณ 6.3 ต้นแบบเผยแพรความรู Prototype and role model) - เผยแพรผลงานโดยจดั นทิ รรศการในงานวชิ าการโครงงาน ตอนท่ี 3 ขอเสนอแนะ ความคดิ เห็นอืน่ ๆ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. .................................
แบบประเมนิ ความสอดคล้องของรปู แบบการบรหิ ารจัดการวถิ ีทางสร้างสภุ าพชนคนคุณภาพพุน้อย (DSCUPP model to co 5 steps) โดยผเู้ ช่ียวชาญ โปรดทาเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งว่างท่ตี รงกับความคดิ เห็นของท่าน +1 หมายถึง มคี วามสอดคล้อง 0 หมายถงึ ไม่แนใ่ จ - 1 หมายถึง ไม่มคี วามสอดคล้อง ที่ รายการ ค่าความสอดคล้อง หมาย +1 0 -1 เหตุ 1. การพฒั นา ( Development ) 1.1 เรม่ิ ด้วยตนเอง (Self-initiated) ศึกษาสภาพการ แนวโนม้ ทิศทาง นโยบายการบรหิ ารจัดการ การเรียนการสอน ระบบการบรหิ ารจดั การ ทงั้ ดา้ นคณุ ธรรม และด้านคุณภาพผเู้ รียน วิเคราะหค์ วามตอ้ งการจาเป็นท่แี ทจ้ รงิ ของโรงเรยี นวัดพุน้อย ครอบคลมุ ทงั้ วชิ าการ งบประมาณ บุคคลและสภาพแวดล้อม ทั่วไป ทศิ ทางการพฒั นาทัง้ ด้านคณุ ธรรม คุณภาพผูเ้ รยี นด้วยการ จัดการเรยี นการสอนและระบบการบรหิ ารจัดการของโรงเรยี น 1.2 พงึ่ พาตนเองได Self-reliance) ศึกษาวเิ คราะห์ สงั เคราะห์วิธกี าร แนวทางในการพัฒนาการ จัดการเรียนรู้ทสี่ อดคลอ้ งเหมาะสมกบั นกั เรยี นและระบบการ บรหิ ารจัดการในการสรา้ งสภุ าพชนคนคุณภาพพนุ ้อย สัมฤทธผิ ล คณุ ธรรม (ความรบั ผดิ ชอบ พอเพียง จิตอาสา) ทกั ษะสาคญั จาเปน็ อนาคต การสรา้ งความเขา้ ใจกับครูผสู้ อน สมั ฤทธผิ ล คณุ ธรรม (ความ รับผิดชอบ พอเพยี ง จิตอาสา) และทกั ษะสาคัญจาเป็นอนาคต ด้วยกระบวนการจดั การเรยี นรู้ 5 ขน้ั (co 5 step) 2. การบรหิ ารตามสถานการณ์ (Situational Management) ศึกษาขอ้ มูลสารสนเทศของครู ตามแผนพฒั นาตนเองของครู ขอ้ มูลผลสัมฤทธ์จิ ากการจัดการเรยี นรู้ คณุ ลักษณะผเู้ รยี น สมรรถนะผ้เู รยี นร่วมกบั ครผู ู้สอนแล้วเลือกเทคนิคการจดั การ เรยี นรูท้ ส่ี อนคลอ้ งกับสภาพการจัดการเรยี นรู้ การให้ครผู สู้ อนตระหนักถงึ ความสาคญั เร่อื งการจัดการเรียนรู้ กระบวนการ 5 ขั้น (co 5 step) โครงงานคุณธรรม และทกั ษะ สาคญั จาเปน็ อนาคต
แบบประเมนิ ความสอดคล้องของรปู แบบการบรหิ ารจดั การวิถีทางสร้างสุภาพชนคนคณุ ภาพพุน้อย (DSCUPP model to co 5 steps) โดยผเู้ ช่ยี วชาญ ท่ี รายการ คา่ ความสอดคลอ้ ง หมาย +1 0 -1 เหตุ 3. การบรหิ ารจดั การวถิ ที าง – เปา้ หมาย (Path – Goal Management) 3.1 พฤตกิ รรมผู้นา (Leader behaviors) แต่งตงั้ คณะกรรมการใหด้ าเนนิ โครงการบรหิ ารจดั การวิถีการ สร้างสภุ าพชนคนคุณภาพพนุ อ้ ย (DSCUPP model to co 5 steps) บทบาทผบู้ รหิ ารข้ึนอยกู่ บั สภาพการณแ์ ละทมี งานเพอื่ การเตมิ เตม็ ด้วยหลกั การความต้องการของโครงการ 3.2 คุณลกั ษณะของงาน (Task characteristics) วางตัวบคุ คลให้ตรงกับลักษณะของงาน 3.3 คุณลกั ษณะส่วนบคุ คลของผูใ้ ต้บงั คบั บญั ชา (Subordinate characteristics) แต่งตงั้ ครผู ู้มีประสบการณ์การจดั การเรยี นรเู้ ปน็ หวั หนา้ งาน โครงการมบี ทบาทเปน็ ท่ปี รกึ ษา ให้คาแนะนา ครทู ม่ี ศี กั ยภาพ ความชอบหรอื คุณลักษณะดา้ นเทคโนโลยีและภาษาเปน็ กรรมการและเลขานกุ าร ครทู มี่ ศี ักยภาพด้านการวดั ผลและการ คานวณเปน็ ฝา่ ยวัดผลประเมินผล ครูทมี่ ศี ลิ ปะและความคิด สร้างสรรค์เปน็ ฝา่ ยอาคารสถานที่ กจิ กรรมและการดาเนนิ กิจกรรมรวมทงั้ 3.4 การจูงใจ (Motivation) สรา้ งกาลงั ใจดว้ ยการยอมรบั ความคิดเหน็ และยกยอ่ งชมเชย 4. การเข้าใจ (Understanding) 4.1 การใช้ขอ้ มลู ท่ีมอี ยู่ (Existing data) อบรมครูเร่ืองการจัดการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 ข้ัน (co 5 steps) โครงงานคุณธรรม ทกั ษะอาชีพ 4.2 การใชข้ ้อมูลเชิงประจักษ์ (Empirical data) จดั ทากจิ กรรมชมุ ชนวิชาชีพ(PLC)เพ่อื แก้ปญั หาและพฒั นา นกั เรียนในชัน้ เรยี นทรี่ บั ผิดชอบด้วยกระบวนการวิจัย 4.3 การวิเคราะห์และวิจัย (Analytics and Research) จัดทาแผนการจัดการเรยี นรูโ้ ดยนาเทคนคิ การสอนดว้ ย กระบวนการเรียนรู้ 5 ข้นั (co 5 steps) 4.4 การทดลองจนไดผลจรงิ (Experiment till actionable results)
แบบประเมนิ ความสอดคล้องของรปู แบบการบรหิ ารจดั การวถิ ีทางสรา้ งสภุ าพชนคนคณุ ภาพพนุ อ้ ย (DSCUPP model to co 5 steps) โดยผู้เชี่ยวชาญ ที่ รายการ ค่าความสอดคลอ้ ง หมาย +1 0 -1 เหตุ การสาธติ การจดั การเรียนรดู ้วยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ข้ัน (co 5 steps) จัดการเรียนรโู้ ดยนาเทคนคิ การสอนด้วยกระบวนการ เรียนรู้ 5 ขั้น (co 5 steps)ในชนั้ เรียนที่ตนรบั ผดิ ชอบ นิเทศการจดั การเรยี นร้โู ดยนาเทคนคิ การสอนดว้ ย กระบวนการเรียนรู้ 5 ข้นั (co 5 steps)ในชนั้ เรียนทต่ี น รับผิดชอบ 5. การเขา้ ถึง (Connecting) การนเิ ทศ 5.1 ระเบดิ จากข้างใน (Inside-out blasting) การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ครโู ดยการฝังตัวของพเ่ี ลยี้ งวิชาการ รูปแบบการนิเทศ Coaching and Mentoring 5.2 เขา้ ใจกล่มุ เปา้ หมาย (Understand target) การกาหนดเป้าหมายการพฒั นา การศึกษาดูงานโรงเรยี นตน้ แบบด้านคุณธรรม การจัดการ เรียนรกู้ ระบวนการ 5 ขัน้ (co 5 step) และทกั ษะอาชีพ การจัดกลุม่ ผนู้ ิเทศกบั ผรู้ ับการนเิ ทศ ( พ่เี ล้ียงวิชาการ ) 5.3 สร้างปญั ญา (Educate) การทา PLC ในกลมุ่ ย่อยโดยมผี ู้เชยี่ วชาญจากภายนอก 6. ความภาคภมู ใิ จ ( Co –Proudly ) 6.1 การดาเนนิ กิจกรรมการถอดบทเรียน 6.2 การดาเนินการสรา้ งขวัญและกาลงั ใจ - การยกยอ่ งเชิดชเู กยี รติในการประชุม พฒั นาประสทิ ธภิ าพผบู้ ริหารสถานศึกษาและ บคุ ลากรทางการศกึ ษา - มอบเกยี รตบิ ตั รเพื่อเปน็ ขวัญและกาลงั ใจ - สนบั สนนุ งบประมาณ 6.3ต้นแบบเผยแพรความรู Prototype and role model) - เผยแพรผลงานโดยจดั นิทรรศการในงานวชิ าการโครงงาน ขอเสนอแนะ ความคดิ เห็นอืน่ ๆ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................
แบบประเมนิ โครงงาน 1.ชือ่ โครงงาน..................................................................................... 2.กลุ่มท.่ี .................... ช่ือ....................................................................................................... ..................... การประเมนิ โครงงาน มีหลกั เกณฑ์การประเมินดงั น้ี รายการประเมนิ คะแนนเตม็ คะแนนทไ่ี ด้ หมายเหตุ 1. รายงานโครงงาน (5) 1.1 รปู เล่มรายงานมสี ่วนประกอบ ครบถว้ น 3 1.2 เสรจ็ ตามเวลาทกี่ าหนด 2 2. ความสาคญั ของโครงงาน (5) 2.1 ความน่าสนใจ 2 2.2 ประโยชน์ การนาไปใช้ 3 3. การดาเนนิ การ (10) 3.1 การวางแผน/เตรยี มการ 2 3.2 สอดคล้องกับเร่อื งทเ่ี รยี น 2 3.3 เหมาะสมกบั วัยของนักเรียน 2 3.4 สอดคล้องกบั จดุ ประสงคโ์ ครงงาน 2 3.5 ความร่วมมือของสมาชิกในกลุ่ม 2 4. เนื้อหา (10) 4.1 การรวบรวมข้อมลู 5 4.2 การสรุปขอ้ มลู เปน็ องคค์ วามรู้ 5 5. การนาเสนอ (5) 5.1 การใชภ้ าษาในการนาเสนอ 5 5.2 การสอ่ื ความหมายใหเ้ ขา้ ใจ 5 รวม 40 ลงชอ่ื ................................................ผปู้ ระเมิน (............................................................................) วนั ท่ี.............เดอื น...........................พ.ศ........................
แบบประเมนิ รปู แบบการบรหิ ารจดั การวถิ ีทางสร้างสุภาพชนคนคุณภาพพุน้อย (DSCUPP model to co 5 steps) โดยการระดมสมองผเู้ กี่ยวขอ้ งกบั โรงเรยี นวัดพุนอ้ ย ประกอบดว้ ยครู ศษิ ย์เกา่ คณะกรรมการ สภานักเรยี น คณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน
บทท่ี 4 ผลการใช้นวตั กรรม การศึกษารปู แบบการบรหิ ารจัดการวิถีทางสร้างสุภาพชนคนคุณภาพพุน้อย (DSCUPP model to co 5 steps) เปน็ หนงึ่ วธิ ีการพฒั นาทง้ั บคุ ลากรครูและนกั เรยี นให้มีความสามารถ ความรู้ ทักษะและเจต คตทิ ่ีสามารถมีคณุ ภาพชีวิตท่ีดีในอนาคต การศึกษารปู แบบการบรหิ ารจัดการวถิ ีทางสรา้ งสุภาพชนคนคุณภาพ พุน้อย (DSCUPP model to co 5 steps) มีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาสาย งานการสอนให้มีความรู้ เรื่องกระบวนการเรียนรู้ 5 ข้ันตอน (co 5 steps) 2.เพ่ือพัฒนาครูและบุคลากร ทางการศกึ ษาสายงานการสอนใหม้ ีทกั ษะการสอนดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ 5 ข้ันตอน (co 5 steps) 3.เพ่ือให้ นกั เรียนมีความรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (co 5 steps) 4.เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการเรียนรู้ด้วย กระบวนการเรยี นรู้ 5 ขัน้ ตอน (co 5 steps) b5.เพ่ือใหน้ กั เรียนมีเจตคติตอ่ การเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (co 5 steps) 6.เพ่ือให้มีระบบบริหารจัดการขับเคลื่อนคุณธรรมโรงเรียนวัดพุน้อย การวิจัยปี การศึกษา 2562 โดยมขี อบข่ายคอื ครูผ้สู อน 4 คน นกั เรยี นระดบั ช้ันอนุบาลปีที่ 1-3 และระดับประถมศึกษา ปีที่ 1-6 จานวน 74 คน ซึ่งการศึกษาครั้งนผี้ ลการวจิ ยั ดังน้ี ตารางที่ 1เปรียบเทียบความรู้ก่อน-หลังการอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษาสายงานการสอนเรื่อง กระบวนการเรียนรู้ 5 ขน้ั ตอน (co 5 steps) ท่ี ผูร้ ับการอบรม คะแนน (10) หมายเหตุ กอ่ น หลงั พฒั นาการ 1 นางสาวทพิ วรรณ ล้วนปสทิ ธิส์ กลุ 6 9 +3 2 นางณัฐศิมา ปโิ ย 6 10 +4 3 นางสาวนชุ นารถ ทองมี 6 9 +3 4 นางสาวณภัสสร มงคลกาญจนคุณ 5 9 +4 5 นางรงุ่ เรือง เครอื อนันต์ 6 9 +3 รวม 29 46 เฉลย่ี 5.8 9.2 จากตารางที่ 1 ทุกคน (100%) มีพัฒนาการด้านความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้น หลัง การอบรมระดับความรอู้ ยู่ทรี่ ้อยละ90(90%) ข้ึนไป ระดบั ทกั ษะการสอนครูและบุคลากรทางการศกึ ษาสายงานการสอนใหม้ ีดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ 5 ข้ันตอน (co 5 steps) ทักษะการสอนครูดว้ ยเทคนิคกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้น 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรมกบั นักเรียน
กจิ กรรมนเี้ หมาะสมกบั นักเรียน กิจกรรมมคี วามหลากหลาย ระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการจดั กจิ กรรมมี ความเหมาะสม นกั เรยี นสนุกสนานกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ไม่เกิดความเบ่อื 2. ความเหมาะสมของส่อื และอปุ กรณก์ ารเรียนรู มสี ื่อและอปุ กรณ์การเรียนรใู นกจิ กรรมนเี้ หมาะสมกบั นักเรียน มสี ื่อทหี่ ลากหลาย กระตนุ้ ความ สนใจได้ดี เนน้ ใหน้ ักเรยี นไดป้ ฏบิ ตั จิ รงิ การมีส่วนรว่ มในการทากิจกรรมไดใ้ ช้สือ่ และอปุ กรณ์ มกี ารพัฒนาสอื่ และอปุ กรณ์โดยครเู ป็นผพู้ ฒั นาทาใหต้ รงกบั ลกั ษณะผูใ้ ช้สอ่ื เพ่อื การเรียนรู้ 3. การใชค้ าถามของครู ครูใช้คาถามกระต้นุ ใหน้ ักเรียนสงสัยและตงั้ คาถามตลอดการเรยี นรู้ของนักเรยี น เพอื่ วดั ผลการ เรยี นรู้นักเรยี นทกุ อยา่ งทั่วถงึ ทาให้ทกุ คนได้รบั การพัฒนาตนเองตลอดเวลา 4. การกระตุน้ ใหน้ กั เรยี นทกุ คนมีสว่ นร่วมในการทากจิ กรรม/โครงงาน ครผู สู้ อนกระตุน้ ใหน้ กั เรยี นทุกคนมสี ่วนร่วมในการจัดกจิ กรรม/โครงงาน ใชค้ าถามปลายเปิด 5. การให้ความสนใจนกั เรยี นอยา่ งทัว่ ถงึ ครูผสู้ อนใหค้ วามสนใจนกั เรยี นทุกคนอยา่ งท่ัวถึง 6. การสร้างบรรยากาศชั้นเรยี น บรรยากาศในชัน้ เรียนส่งเสริมใหอ้ ยากเรยี นรู้ รว่ มกนั สร้างบรรยากาศชนั้ เรียนใหเ้ กิดความคิด สร้างสรรค์ ตารางที่ 2 คุณภาพแผนการจดั การเรยี นรูและสภาพการจดั การเรียนรู ที่ รายการ คะแนน เฉลีย่ 1 มีแผนการจดั กจิ กรรมการทดลองครบถว้ น และมคี ุณภาพ 16 4 2 มีการจดั เตรียมวสั ดอุ ปุ กรณ์ในการทดลอง 16 4 3 มีการแนะนาสอ่ื อุปกรณส์ าหรบั ใช้ในการทดลอง 16 4 4 มกี ารต้ังคาถามเชอ่ื มโยงจากประสบการณของนักเรียน 16 4 5 ครมู ีการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ การตั้งสมมตฐิ านกอ่ นการปฏิบัตกิ จิ กรรม 16 4 6 เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นไดทดลองและสงั เกตดว้ ยตนเอง 16 4 7 ใช้คาถามกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นคดิ ขณะปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการทดลอง 16 4 8 นกั เรยี นไดตงั้ คาถามท่ีอยากรู 16 4 9 เปิดโอกาสให้นกั เรยี นไดแลกเปลยี่ นความคิดเห็นกนั ภายในกลมุ่ 16 4 10 มกี ารจัดกจิ กรรมใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ ผลการทดลอง 16 4 11 จัดใหน้ ักเรยี นไดปฏบิ ัติกจิ กรรมร่วมกัน 16 4 12 มีการสรปุ ทบทวนผลการทดลอง 16 4 13 มกี ารประเมนิ พฒั นาการนกั เรยี นที่ครอบคลุมความสามารถพนื้ ฐานตาม 16 4 โครงการ 14 เปดิ โอกาสให้นักเรยี นมสี ว่ นร่วมในการจัดทาโครงงาน 16 4 15 นักเรียนไดมกี ารสารวจ ตรวจสอบ และรวบรวมข้อมลู ดว้ ยตนเอง 16 4
ที่ รายการ คะแนน เฉลย่ี 16 นักเรียนไดส้ รา้ งคาอธบิ ายจากขอ้ คน้ พบอย่างมีเหตุผล 16 4 17 เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนไดสรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงงานด้วยตนเอง 16 4 18 นกั เรยี นไดสื่อสารและนาเสนอผลการจัดกจิ กรรมสาธารณชน 16 4 19 การทาโครงงานครบตามกระบวนการเรียนรู้ 5 ข้นั 16 4 20 ขน้ั ตอนการจดั ทาโครงงานเปน็ ไปตามกระบวนการเรียนรู้ 5 ข้ัน 16 4 จากตารางท่ี 2 สภาพการจัดการเรียนรู ทุกคน(100%)จัดทาทุกประเด็น(100%)ได้อย่างดี มี แผนการจัดกิจกรรมการทดลองครบถ้วน และมีคุณภาพ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการทดลอง แนะนาสื่อ อุปกรณ์สาหรับใช้ในการทดลอง การต้งั คาถามเช่ือมโยงจากประสบการณของนักเรียน ครูส่งเสริมสนับสนุน การต้ังสมมติฐานก่อนการปฏิบัติกิจกรรม เปิดโอกาสให้นักเรียนไดทดลองและสังเกตด้วยตนเองใช้คาถาม กระตุ้นให้นักเรียนคิดขณะปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง นักเรียนไดตั้งคาถามท่ีอยากรู เปิดโอกาสให้ได แลกเปล่ียนความคดิ เห็นกนั ภายในกลุ่ม จดั กิจกรรมให้นักเรียนบันทกึ ผลการทดลองไดปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน มกี ารสรุป ทบทวนผลการทดลอง ประเมินพัฒนาการนกั เรียนที่ครอบคลุมความสามารถพ้ืนฐานตามโครงการ นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดทาโครงงาน มีการสารวจ ตรวจสอบ และรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง สร้าง คาอธิบายจากข้อค้นพบอย่างมเี หตุผล สรุปผลการจัดกิจกรรมโครงงานด้วยตนเอง ส่ือสารและนาเสนอผล การจัดกิจกรรมสาธารณชนโดยการทาโครงงานครบตามกระบวนการเรียนรู้ 5 ขนั้ ขนั้ ตอนการจัดทาโครงงานเปน็ ไปตามกระบวนการเรยี นรู้ 5 ขนั้ กระบวนการเรยี นรูแบบกระบวนการเรยี นรู้ 5 ขั้น ของนักเรยี น กระบวนการเรียนรู้แบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขน้ั ของนักเรยี น การตั้งคาถามยงั มนี ักเรยี นทุกคนมี คาถามท่ีต้องการถาม นักเรียนส่วนใหญ่สามารถต้ังคาถามได้ตามประเด็นท่ีครูผู้สอนถาม มีบางส่วนท่ียังไม่ สามารถตั้งประโยคคาถามท่ีมีคุณภาพและตรงประเด็น ครูทุกคนมีความสารถในการกระตุ้นให้นักเรียนเกิด คาถามทงั้ การใชส้ อ่ื ทีห่ ลากหลาย นักเรียนทกุ คนมคี วามสขุ กับกจิ กรรมตัง้ คาถาม การสารวจตรวจสอบรวบรวมข้อมูล นักเรียนแต่ละระดับใช้การสืบค้น การรวบรวมข้อมูลจาก แหล่งท่ีหลากหลายทั้งจากการอ่านหนังสือในห้องสมุด การถามผู้รู้ การสืบค้นผ่านระบบออนไลน์เครือข่าย คอมพวิ เตอร์หรอื อินเตอร์เน็ต ครูทุกแนะนาช่องทางในการสืบค้นให้กับนักเรียนอย่างดีส่งผลให้ข้อมูลท่ีได้มี จานวนมาก ครูมีกระบวนการสอนทีท่ าให้นักเรียนเกดิ ทกั ษะการจดั การกบั ขอ้ มลู ไดด้ ี เช่น การจาแนกประเด็น การจัดลาดับ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู การคดั เลือกข้อมลู การสรา้ งคาอธิบายอยา่ งมีเหตุผล ครูทุกคน(100%) มีศกั ยภาพดา้ นการใชภ้ าษาเพอื่ การอธิบายได้ อยา่ งมเี หตุผลโดยใช้ภาษาและกิจกรรมสมกับวัย ส่งผลให้การอธิบายของนักเรียนเป็นไปด้วยความสนุกและ เด็กๆ มีความสามารถในการใชเ้ หตผุ ลอธิบายปรากฏการณ์หรือสิ่งต่างๆไดอ้ ยา่ งดีและเหมาะสมของแตล่ ะวัย
สื่อสารและใหเ้ หตผุ ล ครูทกุ คน(100%) มีทักษะการจัดกระบวนการเรียนรู้ ด้านการส่ือสารและ การใหเ้ หตุผลดมี าก บางคนมคี วามสามารถส่ือสารด้วยการพูดภาษาถ่ินซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหน่ึง รวมถึงทักษะ การเขียนงานเล่มโครงงานยังไม่ดีเท่าที่ควรขาดความสมบูรณ์ของประโยคส่งผลให้นักเรียนจัดทาเล่ม เอกสารรายงานยงั ไม่ดเี ท่าทคี่ วรดว้ ย ตารางที่ 3 คะแนนด้านความรู้ของนกั เรียนดว้ ยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ขั้น (co 5 steps) ความสามารถดา้ นการเรยี นรู ที่ รายการ คะแนน เฉลย่ี 1 รจู ักการสังเกตและการค้นคว้าหาคาตอบดว้ ยตนเอง 87 2 รจู กั คดิ หาเหตผุ ลด้วยตนเอง 95 3 มีการต้ังคาถามในสิ่งทีต่ นเองสงสยั 100 4 สามารถนาความรมู าเชือ่ มโยงกบั สง่ิ รอบตัวได 93 5 สามารถนาความรทู ่ีมีอยเู่ ดิมมารวมกบั ความรใู้ หม่ 82 จากตารางท่ี 3 นกั เรยี นทกุ คน (100 %)สามารถตง้ั คาถามในสง่ิ ที่ตนเองสงสัย นักเรียนสว่ นใหญ่ (95%) รจู ักคิดหาเหตุผลด้วยตนเอง รอ้ ยละ 93 สามารถนาความรูมาเชอ่ื มโยงกบั สงิ่ รอบตวั ได้ ร้อยละ 87 รจู กั การสงั เกตและการค้นควา้ หาคาตอบด้วยตนเอง และรอ้ ยละ 82 สามารถนาความรทู ม่ี ีอยเู่ ดิมมารวมกบั ความรู้ ใหม่ ตารางที่ 4 คะแนนดา้ นทักษะของนักเรียนด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขัน้ (co 5 steps) ความสามารถดา้ นทักษะกระบวนการ ที่ รายการ คะแนน เฉลี่ย 1 มที ักษะการคดิ 88 2 มที ักษะการแก้ปญั หา 88 3 มที กั ษะกระบวนการในสาระวชิ าทเ่ี รียน 83 4 มีทักษะด้านเทคโนโลยี 87 5 มีทักษะการสอื่ สาร หรือการนาเสนอ 80 จากตารางที่ 4 นกั เรียนมที กั ษะการคิดมที กั ษะการแกป้ ัญหาสงู สุดรอ้ ยละ 88 รองลงมาคือทักษะ ด้านเทคโนโลยีรอ้ ยละ 87 มที กั ษะกระบวนการในสาระวชิ าท่ีเรียนร้อยละ 83และนอ้ ยทสี่ ุดคอื ทกั ษะการ สือ่ สาร หรอื การนาเสนอรอ้ ยละ 80 ตารางท่ี 5 คะแนนด้านเจตคติของนกั เรียนดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขน้ั (co 5 steps) ความสามารถด้านเจตคติ ท่ี รายการ คะแนน เฉล่ีย 1 มีปฏิสัมพันธ์และแลกเปลย่ี นความรคู วามคิดเห็นซ่ึงกนั และกนั 95 2 การแสดงความคิดเหน็ ภายในกลมุ่ ที่มคี วามเห็นแตกต่างจากตน 80 3 มีความรับผดิ ชอบกบั สงิ่ ท่ีได้รบั มอบหมาย 96 4 มีหลกั คิดความพอเพยี งจากการทางาน 90
5 มีจติ อาสาในการทางานกลมุ่ 97 จากตารางท่ี 5 นกั เรียนมจี ิตอาสาในการทางานกล่มุ มากทสี่ ดุ รอ้ ยละ 97 รองลงมาคอื มีความ รบั ผดิ ชอบกบั สงิ่ ท่ีได้รบั มอบหมายร้อยละ 96 มปี ฏิสมั พนั ธแ์ ละแลกเปลย่ี นความรคู วามคิดเหน็ ซง่ึ กันและกัน รอ้ ยละ 95 มหี ลักคิดความพอเพยี งจากการทางานรอ้ ยละ90 และน้อยทส่ี ดุ คือการแสดงความคดิ เหน็ ภายใน กลุ่มท่ีมีความเห็นแตกต่างจากตนร้อยละ80 ตารางที่ 6 การจดั นิทรรศการโครงงาน รายการประเมิน คะแนน คะแนน เฉลย่ี หมายเหตุ เตม็ 1. รายงานโครงงาน (5) 1.1 รูปเลม่ รายงานมสี ่วนประกอบ ครบถ้วน 3 1.2 เสรจ็ ตามเวลาที่กาหนด 2 2. ความสาคัญของโครงงาน (5) 2.1 ความน่าสนใจ 2 2.2 ประโยชน์ การนาไปใช้ 3 3. การดาเนินการ (10) 3.1 การวางแผน/เตรยี มการ 2 3.2 สอดคลอ้ งกับเรอื่ งที่เรียน 2 3.3 เหมาะสมกบั วัยของนักเรยี น 2 3.4 สอดคล้องกับจุดประสงค์โครงงาน 2 3.5 ความรว่ มมือของสมาชิกในกลมุ่ 2 4. เนือ้ หา (10) 4.1 การรวบรวมขอ้ มลู 5 4.2 การสรปุ ข้อมลู เป็นองคค์ วามรู้ 5 5. การนาเสนอ (5) 5.1 การใชภ้ าษาในการนาเสนอ 5 5.2 การสือ่ ความหมายใหเ้ ขา้ ใจ 5 รวม 40 มรี ะบบบริหารจดั การขบั เคล่อื นคณุ ธรรมโรงเรยี นวัดพนุ ้อย ตารางท่ี 7 ความสอดคลอ้ งของรูปแบบการบรหิ ารจัดการวถิ ีทางสร้างสภุ าพชนคนคุณภาพพนุ ้อย (DSCUPP model to co 5 steps) ท่ี องค์ประกอบรปู แบบ ค่าความ หมาย สอดคลอ้ ง เหตุ 1. การพัฒนา ( Development ) 1.1 เรม่ิ ดว้ ยตนเอง (Self-initiated)
ท่ี องคป์ ระกอบรปู แบบ คา่ ความ หมาย สอดคลอ้ ง เหตุ ศึกษาสภาพการ แนวโนม้ ทิศทาง นโยบายการบรหิ ารจัดการ +1 การเรียนการสอน ระบบการบรหิ ารจัดการ ทัง้ ด้านคณุ ธรรมและดา้ นคุณภาพผเู้ รียน วิเคราะห์ความตอ้ งการจาเปน็ ท่แี ทจ้ รงิ ของโรงเรยี นวดั พนุ ้อยครอบคลมุ ทง้ั วิชาการ งบประมาณ +1 บคุ คลและสภาพแวดล้อมทวั่ ไป ทิศทางการพฒั นาทง้ั ด้านคุณธรรม คณุ ภาพผูเ้ รยี นด้วยการจดั การเรยี นการสอนและระบบการ +1 บรหิ ารจดั การของโรงเรยี น 1.2 พึง่ พาตนเองได Self-reliance) ศึกษาวเิ คราะห์ สงั เคราะหว์ ธิ กี าร แนวทางในการพฒั นาการจัดการเรยี นรทู้ สี่ อดคล้องเหมาะสม +1 กบั นกั เรียนและระบบการบรหิ ารจัดการในการสรา้ งสุภาพชนคนคุณภาพพุน้อย สมั ฤทธผิ ล คณุ ธรรม (ความรบั ผดิ ชอบ พอเพยี ง จติ อาสา) ทกั ษะสาคญั จาเปน็ อนาคต การสร้างความเข้าใจกับครูผู้สอน สัมฤทธิผล คุณธรรม (ความรับผิดชอบ พอเพียง จิตอาสา) +1 และทักษะสาคัญจาเป็นอนาคต ด้วยกระบวนการจดั การเรียนรู้ 5 ขั้น (co 5 step) 2. การบรหิ ารตามสถานการณ์ (Situational Management) ศกึ ษาขอ้ มลู สารสนเทศของครู ตามแผนพฒั นาตนเองของครู ข้อมูลผลสัมฤทธจ์ิ ากการจดั การ +1 เรียนรู้ คณุ ลักษณะผเู้ รียน สมรรถนะผเู้ รียนร่วมกบั ครผู ู้สอนแลว้ เลือกเทคนิคการจดั การเรียนรู้ท่ี สอนคล้องกบั สภาพการจัดการเรียนรู้ การให้ครผู สู้ อนตระหนกั ถงึ ความสาคญั เร่ืองการจัดการเรียนรกู้ ระบวนการ 5 ขน้ั (co 5 step) +1 โครงงานคุณธรรม และทักษะสาคญั จาเป็นอนาคต 3. การบรหิ ารจดั การวถิ ีทาง – เป้าหมาย (Path – Goal Management) 3.1 พฤตกิ รรมผนู้ า (Leader behaviors) แตง่ ต้งั คณะกรรมการใหด้ าเนนิ โครงการบรหิ ารจัดการวิถีการสรา้ งสุภาพชนคนคณุ ภาพพนุ ้อย +1 (DSCUPP model to co 5 steps) บทบาทผบู้ รหิ ารข้ึนอยกู่ บั สภาพการณ์และทีมงานเพ่ือการเติมเตม็ ด้วยหลักการความตอ้ งการ +1 ของโครงการ 3.2 คณุ ลกั ษณะของงาน (Task characteristics) วางตัวบุคคลใหต้ รงกับลกั ษณะของงาน +1 3.3 คณุ ลกั ษณะสว่ นบคุ คลของผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชา (Subordinate characteristics) แต่งต้งั ครผู ูม้ ีประสบการณก์ ารจัดการเรียนรเู้ ปน็ หวั หน้างานโครงการมบี ทบาทเป็นทีป่ รกึ ษา ให้ +1 คาแนะนา ครูที่มศี ักยภาพความชอบหรอื คุณลกั ษณะดา้ นเทคโนโลยีและภาษาเปน็ กรรมการ และเลขานุการ ครทู มี่ ีศักยภาพดา้ นการวัดผลและการคานวณเป็นฝา่ ยวัดผลประเมินผล ครทู ม่ี ี ศลิ ปะและความคิดสร้างสรรคเ์ ปน็ ฝา่ ยอาคารสถานที่ กจิ กรรมและการดาเนินกจิ กรรมรวมท้ัง 3.4 การจงู ใจ (Motivation) สร้างกาลงั ใจด้วยการยอมรับความคดิ เห็นและยกยอ่ งชมเชย +1
ท่ี องค์ประกอบรปู แบบ คา่ ความ หมาย สอดคล้อง เหตุ 4. การเข้าใจ (Understanding) 4.1 การใชข้ ้อมูลที่มอี ยู่ (Existing data) อบรมครูเร่อื งการจดั การเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ขั้น (co 5 steps) โครงงานคุณธรรม +1 ทกั ษะอาชพี 4.2 การใชข้ ้อมลู เชงิ ประจกั ษ์ (Empirical data) จดั ทากจิ กรรมชุมชนวิชาชพี (PLC)เพ่ือแกป้ ญั หาและพฒั นานักเรียนในชัน้ เรียนทร่ี บั ผิดชอบดว้ ย +1 กระบวนการวจิ ยั 4.3 การวเิ คราะห์และวจิ ัย (Analytics and Research) จัดทาแผนการจัดการเรยี นรู้โดยนาเทคนิคการสอนด้วยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ขน้ั (co 5 steps) +1 4.4 การทดลองจนไดผลจรงิ (Experiment till actionable results) การสาธติ การจดั การเรยี นรดู ว้ ยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้น (co 5 steps) +1 จดั การเรียนรู้โดยนาเทคนิคการสอนดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขัน้ (co 5 steps)ในชั้นเรยี นท่ี +1 ตนรับผิดชอบ นิเทศการจัดการเรียนรูโ้ ดยนาเทคนคิ การสอนด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขนั้ (co 5 steps)ในช้นั +1 เรยี นท่ตี นรับผดิ ชอบ 5. การเขา้ ถึง (Connecting) การนเิ ทศ 5.1 ระเบิดจากขา้ งใน (Inside-out blasting) การให้ความชว่ ยเหลอื ครโู ดยการฝงั ตวั ของพี่เลี้ยงวชิ าการ +1 รปู แบบการนิเทศ Coaching and Mentoring +1 5.2 เข้าใจกลมุ่ เป้าหมาย (Understand target) การกาหนดเปา้ หมายการพฒั นา +1 การศึกษาดงู านโรงเรียนตน้ แบบดา้ นคุณธรรม การจดั การเรยี นรู้กระบวนการ 5 ขน้ั (co 5 +1 step) และทักษะอาชีพ การจัดกลมุ่ ผนู้ ิเทศกบั ผรู้ บั การนิเทศ ( พี่เล้ยี งวชิ าการ ) +1 5.3 สรา้ งปญั ญา (Educate) การทา PLC ในกลมุ่ ยอ่ ยโดยมผี ้เู ชี่ยวชาญจากภายนอก +1 6. ความภาคภมู ใิ จ ( Co –Proudly ) การดาเนินกจิ กรรมการถอดบทเรยี น +1 การดาเนินการสร้างขวัญและกาลังใจ +1 - การยกย่องเชดิ ชูเกยี รติในการประชมุ พัฒนาประสิทธภิ าพผบู้ ริหารสถานศึกษาและ บุคลากรทางการศึกษา - มอบเกยี รติบตั รเพื่อเป็นขวัญและกาลงั ใจ +1
ท่ี องคป์ ระกอบรปู แบบ คา่ ความ หมาย สอดคลอ้ ง เหตุ - สนบั สนุน งบประมาณ 6.1 ตน้ แบบเผยแพรความรู Prototype and role model) +1 - เผยแพรผลงานโดยจัดนิทรรศการในงานวชิ าการโครงงาน +1
ตารางท่ี 8 ความพึงพอใจรูปแบบการบริหารจดั การวิถีทางสรา้ งสภุ าพชนคนคุณภาพพนุ อ้ ย (DSCUPP model to co 5 steps) ท่ี องค์ประกอบรปู แบบ ความพึงพอใจ หมายเหตุ 1. การพัฒนา ( Development ) 1.1 เริ่มด้วยตนเอง (Self-initiated) ศึกษาสภาพการ แนวโน้ม ทศิ ทาง นโยบายการบรหิ ารจัดการ 93 การเรียนการสอน ระบบการบริหารจัดการ ทั้งด้านคุณธรรมและ ดา้ นคุณภาพผูเ้ รยี น วิเคราะห์ความตอ้ งการจาเป็นท่แี ทจ้ รงิ ของโรงเรยี นวดั พุนอ้ ย ครอบคลมุ ทงั้ วชิ าการ งบประมาณ บุคคลและสภาพแวดล้อมท่ัวไป ทิศทางการพฒั นาทงั้ ด้านคณุ ธรรม คณุ ภาพผเู้ รียนด้วยการจดั การ เรียนการสอนและระบบการบริหารจดั การของโรงเรยี น 1.2 พ่ึงพาตนเองได Self-reliance) ศกึ ษาวิเคราะห์ สงั เคราะห์วิธีการ แนวทางในการพัฒนาการจดั การ เรียนรูท้ ่สี อดคล้องเหมาะสมกบั นักเรยี นและระบบการบรหิ าร จดั การในการสร้างสุภาพชนคนคุณภาพพนุ ้อย สัมฤทธิผล คุณธรรม (ความรบั ผิดชอบ พอเพยี ง จติ อาสา) ทกั ษะสาคัญจาเปน็ อนาคต การสร้างความเข้าใจกับครูผู้สอน สัมฤทธิผล คุณธรรม (ความ รบั ผดิ ชอบ พอเพียง จิตอาสา) และทักษะสาคญั จาเปน็ อนาคต ด้วย กระบวนการจดั การเรยี นรู้ 5 ขนั้ (co 5 step) 2. การบรหิ ารตามสถานการณ์ (Situational Management) ศึกษาข้อมูลสารสนเทศของครู ตามแผนพฒั นาตนเองของครู ข้อมลู ผลสัมฤทธจ์ิ ากการจดั การเรียนรู้ คุณลกั ษณะผ้เู รียน สมรรถนะ ผเู้ รียนรว่ มกบั ครผู ู้สอนแลว้ เลือกเทคนิคการจดั การเรยี นรทู้ สี่ อน คล้องกบั สภาพการจัดการเรียนรู้ การใหค้ รผู สู้ อนตระหนกั ถงึ ความสาคัญเร่อื งการจดั การเรยี นรู้ กระบวนการ 5 ข้ัน (co 5 step) โครงงานคณุ ธรรม และทกั ษะ สาคญั จาเปน็ อนาคต 3. การบริหารจดั การวิถีทาง – เปา้ หมาย (Path – Goal Management) 3.1 พฤตกิ รรมผู้นา (Leader behaviors) แตง่ ต้งั คณะกรรมการใหด้ าเนินโครงการบรหิ ารจดั การวถิ ีการสร้าง สุภาพชนคนคุณภาพพนุ อ้ ย (DSCUPP model to co 5 steps) บทบาทผบู้ รหิ ารขน้ึ อยูก่ บั สภาพการณแ์ ละทมี งานเพื่อการเติมเต็ม ด้วยหลกั การความต้องการของโครงการ 3.2 คณุ ลกั ษณะของงาน (Task characteristics)
ที่ องคป์ ระกอบรปู แบบ ความพึงพอใจ หมายเหตุ วางตัวบุคคลให้ตรงกบั ลักษณะของงาน 3.3 คุณลกั ษณะสว่ นบคุ คลของผู้ใตบ้ งั คับบญั ชา (Subordinate characteristics) แต่งตง้ั ครผู ้มู ีประสบการณก์ ารจัดการเรียนรเู้ ปน็ หัวหน้างาน โครงการมบี ทบาทเปน็ ทป่ี รกึ ษา ให้คาแนะนา ครทู ีม่ ีศักยภาพ ความชอบหรอื คณุ ลกั ษณะด้านเทคโนโลยีและภาษาเปน็ กรรมการ และเลขานกุ าร ครทู ่ีมศี กั ยภาพด้านการวดั ผลและการคานวณเป็น ฝ่ายวดั ผลประเมินผล ครูที่มีศลิ ปะและความคดิ สร้างสรรคเ์ ปน็ ฝา่ ย อาคารสถานท่ี กจิ กรรมและการดาเนินกจิ กรรมรวมทงั้ 3.4 การจงู ใจ (Motivation) สร้างกาลงั ใจด้วยการยอมรับความคดิ เหน็ และยกยอ่ งชมเชย 4. การเขา้ ใจ (Understanding) 4.1 การใชข้ อ้ มูลที่มอี ยู่ (Existing data) อบรมครูเร่ืองการจดั การเรียนรดู้ ้วยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ข้ัน (co 5 steps) โครงงานคณุ ธรรม ทกั ษะอาชพี 4.2 การใชข้ อ้ มลู เชิงประจกั ษ์ (Empirical data) จดั ทากจิ กรรมชุมชนวชิ าชีพ(PLC)เพือ่ แกป้ ญั หาและพฒั นานักเรยี น ในชนั้ เรยี นที่รบั ผดิ ชอบดว้ ยกระบวนการวจิ ัย 4.3 การวิเคราะห์และวจิ ยั (Analytics and Research) จัดทาแผนการจดั การเรียนรโู้ ดยนาเทคนคิ การสอนด้วยกระบวนการ เรยี นรู้ 5 ขั้น (co 5 steps) 4.4 การทดลองจนไดผลจรงิ (Experiment till actionable results) การสาธติ การจดั การเรียนรดู ้วยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ขัน้ (co 5 steps) จัดการเรียนร้โู ดยนาเทคนคิ การสอนดว้ ยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ข้นั (co 5 steps)ในชนั้ เรียนทตี่ นรบั ผิดชอบ นเิ ทศการจัดการเรยี นรู้โดยนาเทคนิคการสอนด้วยกระบวนการ เรยี นรู้ 5 ขนั้ (co 5 steps)ในชนั้ เรียนที่ตนรบั ผดิ ชอบ 5. การเขา้ ถึง (Connecting) การนิเทศ 5.1 ระเบดิ จากข้างใน (Inside-out blasting) การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ครโู ดยการฝังตวั ของพ่ีเลี้ยงวิชาการ รปู แบบการนิเทศ Coaching and Mentoring 5.2 เข้าใจกลมุ่ เปา้ หมาย (Understand target)
ท่ี องคป์ ระกอบรปู แบบ ความพึงพอใจ หมายเหตุ การกาหนดเป้าหมายการพฒั นา การศกึ ษาดงู านโรงเรียนตน้ แบบดา้ นคุณธรรม การจดั การเรยี นรู้ กระบวนการ 5 ขนั้ (co 5 step) และทกั ษะอาชพี การจดั กลมุ่ ผนู้ ิเทศกบั ผรู้ ับการนเิ ทศ ( พ่ีเล้ียงวชิ าการ ) 5.3 สรา้ งปัญญา (Educate) การทา PLC ในกลมุ่ ยอ่ ยโดยมผี ้เู ช่ยี วชาญจากภายนอก 6. ความภาคภมู ใิ จ ( Co –Proudly ) การดาเนนิ กจิ กรรมการถอดบทเรยี น การดาเนินการสรา้ งขวญั และกาลังใจ - การยกย่องเชดิ ชเู กยี รตใิ นการประชมุ พฒั นาประสทิ ธิภาพผบู้ รหิ ารสถานศึกษาและ บคุ ลากรทางการศกึ ษา - มอบเกยี รตบิ ัตรเพื่อเป็นขวัญและกาลังใจ - สนับสนุน งบประมาณ 6.1 ตน้ แบบเผยแพรความรู Prototype and role model) - เผยแพรผลงานโดยจัดนทิ รรศการในงานวชิ าการโครงงาน
บทที่ 5 ปจั จยั ความสาเร็จ ข้อเสนอแนะ และการเผยแพร่ การศกึ ษารปู แบบการบรหิ ารจดั การวถิ ที างสรา้ งสุภาพชนคนคณุ ภาพพุน้อย (DSCUPP model to co 5 steps) เปน็ นวตั กรรมทางการบรหิ ารท่ีเกิดจากการศึกษาพฒั นารูปแบบการบรหิ ารทีม่ ปี ัญหาเปน็ ฐาน ใชห้ ลักการ แนวคดิ ทฤษฎีทั้งดา้ นจิตวทิ ยาการบริหารและการบรหิ ารจัดการมาพฒั นาโดยสรา้ งรปู แบบทดลอง ใช้ และใชจ้ ริงอยา่ งเป็นระบบในระยะเวลาหน่งึ ปัจจยั ความสาเรจ็ ศึกษาสภาพแท้จริงท่ีรอบด้าน เปิดใจยอมรับความจริง ใช้การเก็บข้อมูลเชิงลึกในระยะเวลาที่ เพียงพอทจี่ ะทาใหไ้ ดข้ ้อมูลท่เี ป็นข้อเท็จจริง ศึกษาเอกสาร งานวิจัย แนวคดิ ทฤษฎที ี่หลากหลายในการนามา แก้ปัญหาใหต้ รงประเดน็ อกี ทง้ั ครอบคลมุ ทุกมุมมอง การเตรียมการรอบด้านเพือ่ การขบั เคลอ่ื นที่ไปพร้อมเพียงกนั ซึ่งจะมีพลังในการเคล่ือนเพียงพอ เหมาะสม ลดข้อบกพร่องในการขบั เคลอ่ื น เชน่ พัฒนาศกั ยภาพผสู้ อนในเรอื่ งทข่ี ับเคลอ่ื น พรอ้ มปรับเปลยี่ นวิธี สอนหรอื เทคนิคการจดั การเรียนรู้ สรา้ งนวตั กรรมทางการบรหิ ารมาขบั เคลอ่ื นอย่างมีประสทิ ธิภาพประสิทธิผล เตรยี มงบประมาณ อปุ กรณ์ สือ่ นวตั กรรมสอนคล้องกบั ความตอ้ งการในการใช้งานจริงของครแู ละนักเรียน ถา้ การเตรียมความพร้อมเปน็ ไปอย่างรอบดา้ นครอบคลุมจะทาให้ระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการขับเคล่อื นนอ้ ยลง 2.2) ขอ้ มูลเก่ยี วกับนวัตกรรมนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพอื่ การเรยี นการสอน ระบบการติดตามด้วยการนิเทศการสอน การวัดผลและประเมินผลระหว่างการดาเนินการมี ความสาคัญอย่างย่งิ เพราะจะทาใหเ้ ห็นความก้าวหน้าของการขับเคลือ่ น เห็นสภาพแทจ้ รงิ ซง่ึ อาจมีปัจจยั แทรก ซอ้ นในการดาเนินการเชน่ นโยบายเรง่ ด่วน การปิดเรียนตามมติคณะรฐั มนตรี สถานการณ์แพร่ระบาดของโรค โควดิ 19 และอน่ื ๆ ซง่ึ สง่ ผลกระทบกับการขบั เคลื่อนสมั พนั ธ์กับปจั จัยทสี่ ง่ ผลต่อความสาเร็จ ความคิดทเ่ี ปิดกว้าง (mind set) ของบุคลากรของโรงเรยี น สาคัญอย่างยิ่งในกระบวนการท่ีต้อง ใชใ้ นการขบั เคลื่อน ถ้าบุคลากรมีความคิดทีเ่ ปดิ กว้าง (mind set) ทกุ อย่างจะสามารถดาเนนิ ไปไดโ้ ดยงา่ ย ขอ้ เสนอแนะ การบรหิ ารจดั การโรงเรียนแตล่ ะแห่งจะมคี วามเฉพาะเจาะจง เน่ืองจากบริบทเป็นส่วนสาคัญใน การกาหนดรูปแบบการบรหิ ารจัดการ ไม่มีการบรจิ ัดการใดดีที่สุดดังน้ัน ในฐานะผู้บริหารสถานศึกษาต้องนา หลกั การ แนวคิด ทฤษฎที างการบรหิ ารการศึกษามาพัฒนาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับบริบทของเราเพื่อให้ การบริหารจดั การนัน้ ประสบความสาเรจ็ ตามทโี่ รงเรียนต้องการขับเคลื่อน รูปแบบการ บริหารจัดก ารที่ทุกคนในโรงเรียนต้องมีความ เข้าใจ ชัดเ จนท่ีตรงกัน โดยเฉพาะ เป้าหมายของการขับเคล่อื นดว้ ยรปู แบบการบริหารทพ่ี ัฒนาขน้ึ บุคลากรในโรงเรยี นยอมรบั ส่งผลตอ่ ระยะเวลา
ในการขับเคลอื่ นดงั นนั้ ควรสรา้ งความเข้าใจตรงกันโดยเฉพาะคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานในฐานะผู้มี สว่ นเกยี่ วข้องกบั การบรหิ ารจดั การโรงเรยี นโดยตรง การเผยแพร่ การศกึ ษารูปแบบการบริหารจัดการวิถีทางสร้างสุภาพชนคนคุณภาพพุน้อย (DSCUPP model to co 5 steps) เปน็ นวตั กรรมทางการบริหารทเ่ี กิดจากการศึกษาพัฒนารปู แบบการบรหิ ารทมี่ ปี ัญหาเป็นฐาน ใชห้ ลักการ แนวคิด ทฤษฎที ้ังด้านจิตวิทยาการบรหิ ารและการบรหิ ารจัดการมาพฒั นาโดยสรา้ งรปู แบบทดลอง ใช้ และใช้จรงิ อยา่ งเปน็ ระบบ เป็นรปู แบบทข่ี บั เคลอื่ นการบรหิ ารจดั การได้อยา่ งมคี ณุ ภาพ และหวังเป็นอย่าง ย่งิ ว่าการพฒั นาครงั้ นี้จะเปน็ ตัวอยา่ งหน่ึงในการพัฒนานวตั กรรมทางการบริหารที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับ สายงานบริหารการศึกษาทีส่ นใจไม่มากกน็ ้อย ดังนั้นจึงมีการเผยแพร่ โดยการนาเสนอผลงานวิชาการระดับ เครือขา่ ย แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ เผยแพรไ่ ปยังโรงเรียนข้างเคียง และเผยแพร่ในระบบออนไลน์ อินเทอร์เนต็
โรงเรยี นวดั พนุ ้อย สำนกั งำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศึกษำประถมศึกษำกำญจนบุรี เขต 1 สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พื้นฐำน กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร
Search