Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore chapter3purewater

chapter3purewater

Published by [email protected], 2018-07-05 06:08:38

Description: chapter3purewater

Search

Read the Text Version

บทท่ี 3 การจดั การน้าสะอาด3.1.แนวคดิ ความหมายของนา้ สะอาด3.2.ประโยชน์และโทษของนา้3.3.วฏั จกั รของนา้3.4 สถานการณ์นา้ ในโลก3.5 แหลง่ นา้ เพ่ือการอปุ โภค-บริโภค3.6 คณุ ลกั ษณะของนา้3.7. ปริมาณการใช้นา้3.8. องค์ประกอบที่มีอิทธิพลตอ่ การใช้นา้3.9. วธิ ีการปรับปรุงคณุ ภาพนา้3.10.ระบบประปา

3.1แนวความคิด นา้ เป็นส่วนประกอบทส่ี าคญั ของผวิ โลก และมอี ยูใ่ นสง่ิ มชี วี ติ ททกก ชนิด ทงั้ มนกยยสตั ทว พชื และจลก นิ ทรยี ถอื เป็นทรพั ยากรทส่ี าคญั ของมนกยย นา้ มคี วามจาเป็นตท่อสง่ิ มชี วี ติ ททกก ชนิดโดยเฉพาะมนกยยซง่ึ จาเป็นตทอ้ งใชน้ า้ ในการอปก โภคบรโิ ภค มนกยยบรโิ ภคนา้ เขา้ ไปในร่างกายและปลอ่ ยนา้ ออกจากร่างกายมากกวา่ สารอน่ื ๆ นา้ เป็นส่วนสาคญั ของเน้อื เยอ่ืเกอื บทกก ชนดิ และยงั ทาหนา้ ทเ่ี ป็นตทวั กลางสาหรบั ลาเลยี งถ่ายเทสารอาหารและของเสยีนอกจากน้ยี งั ช่วยรกั ยาอณก หภูมขิ องร่างกายใหค้ งท่ี ร่างกายมนกยยประกอบดว้ ยนา้ประมาณ 70เปอรเซน็ ตท ของนา้ หนกั ตทวั นอกจากน้กี ารใชป้ ระโยชนของนา้ สาหรบั มนกยยนนั้ ยงั มอี กี มากมายหลายอย่างไดแ้ ก่ การใชเ้พอ่ื ชาระลา้ งร่างกายและเคร่อื งนก่งห่ม ใชใ้ นการประกอบอาหาร การเกยตทรการลา้ งทาความสะอาดถนนและสาธารณสถานอน่ื ๆ การพกั ผอ่ นหย่อนใจ การอตก ทสาหกรรม การขบั เคลอ่ื นสง่ิ สกปรก การผลติ ทกระแสไฟฟ้าพลงั นา้ การคมนาคม และการป้องกนั อคั คีภยั จงึ นบั วา่ นา้ เป็นทรพั ยากรทม่ี ปี ระโยชนมากมายตท่อมนกยยอยา่ งแทจ้ รงิ

ความหมาย นา้ สะอาด ( clean water) หมายถงึ นา้ ทม่ี คี วามสะอาด ปราศจาก สง่ิ เจอื ปนหรอื สารพยิ ตท่างๆ โดยมคี กณภาพดา้ นกายภาพ เคมี และชวี ภาพ ได้ นา้ ทส่ี ะอาดมลี กั ยณะสาคญั 3 ประการ ดงั น้ี 1. ปราศจากเช้อื ทอ่ี าจทาใหเ้กดิ โรคโดยนา้ เป็นสอ่ื 2. ไมม่ สี ารพยิ เจอื ปน 3. หากมแี ร่ธาตทหก รอื สารบางอย่างปนอยู่ ตทอ้ งไมเ่ กนิ กวา่ มาตทรฐานท่ีกาหนดไว้ สรกปไดว้ ่า นา้ สะอาดหมายถงึ นา้ ทป่ี ลอดภยั ปราศจากเช้อื โรค พยาธิ และ สารเคมที ม่ี พี ยิ ตท่างๆ ซง่ึ เป็นอนั ตทรายหรอื อาจเป็นอนั ตทรายตท่อการบรโิ ภคอปก โภค สกขภาพอนามยั และการดารงชวี ติ ทของมนกยย

3.2ประโยชน์และโทษของนา้1.เซลลใ์ นร่างกายมนุษย์ ตอ้ งการน้าไปเพื่อไปทาใหโ้ ครงสร้างของเซลลค์ งรูปอยไู่ ดแ้ ละสามารถทางานไดอ้ ยา่ งปกติ2.น้าเป็นตวั นาอาหารไปเล้ียงกลา้ มเน้ือต่าง ๆ และในเวลาเดียวกนั น้ากเ็ ป็นตวั นาของเสียออกมาจากกลา้ มเน้ือน้นั ๆ ดว้ ย และขบั ถ่ายออกมาจากร่างกายมนุษยใ์ นรูปของเหง่ือและปัสสาวะ เป็นตน้3.น้าช่วยในการเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนท่ีสึกหรอของกลา้ มเน้ือ ช่วยหล่อไขขอ้ ต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยยอ่ ยอาหาร ช่วยใหโ้ ลหิตไหลวนเวยี นทว่ั ร่างกาย4.ช่วยรักษาและควบคุมอุณหภมู ิของร่างกายใหอ้ ยใู่ นระดบั ปกติ หากร้อนเกินไปกจ็ ะระบายความร้อนออกมาในรูปของเหงื่อ เป็นตน้ถึงแมน้ ้าจะมีประโยชน์แก่มนุษยอ์ ยา่ งมหาศาล แต่กม็ ีโทษอยหู่ ลายประการดว้ ยกนั ตวั อยา่ งเช่น1.ในฤดูน้าหลาก ท่วมไร่นา ชุมชน ถนนหนทาง และบา้ นเรือนเสียหายอยบู่ ่อย ๆ2.น้ายงั เป็นพาหนะนาโรคต่าง ๆ เช่น อหิวาตกโรค (Cholera) ไขร้ ากสาด (Typhoid fever) ไข้รากสาดเทียม (Para-typhoid fever) โรคบิด (Dysentery) และโรคทอ้ งร่วง (Diarrhia) ฯลฯ มาดว้ ยซ่ึงเราเรียกโรคพวกน้ีวา่ โรคท่ีเกิดจากน้าเป็นส่ือได้

3.3 วฏั จกั รของนา้ วฏั จกั รของน้า (water cycle) หรือชื่อในทางวิทยาศาสตร์วา่ วฏั จกั รของอุทกวิทยา (hydrologic cycle) หมายถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะของน้าระหวา่ ง ของเหลว ของแขง็ และ ก๊าซ. ในวฏั จกั รของน้าน้ี น้าจะมีการเปลี่ยนแปลงสถานะไปกลบั จากสถานะหน่ึงไปยงั อีกสถานะหน่ึง อยา่ งต่อเน่ือง ไม่มีสิ้นสุด ภายในอาณาจกั รของน้า (hydrosphere) เช่น การเปล่ียนแปลงระหวา่ ง ช้นั บรรยากาศ น้าพ้ืนผวิ ดิน ผวิ น้า น้าใต้ดิน และ พืช. กระบวนการเปล่ียนแปลงน้ี สามารถแยกไดเ้ ป็น 4 ประเภทคือ การระเหยเป็นไอ (evaporation) , หยาดน้าฟ้ า (precipitation) , การซึม(infiltration) , และ การเกิดน้าท่า (runoff). การระเหยเป็นไอ (evaporation) เป็นการเปล่ียนแปลงสถานะของน้าบนพ้นื ผวิ ไปสู่บรรยากาศ ท้งั การระเหยเป็นไอ (evaporation) โดยตรงจากการคายน้าของพชื (transpiration) ซ่ึงเรียกวา่ evapotranspiration

3.3 วฏั จกั รของนา้ (ตท่อ) หยาดนา้ ฟ้า (precipitation) เป็นการตทกลงมาของนา้ ในบรรยากาศสู่พ้นื ผวิ โลก โดยละอองนา้ ในบรรยากาศจะรวมตทวั กนั เป็นกอ้ นเมฆ และในทส่ี กดกลนั่ ตทวั เป็นฝนตทกลงสูผ่ วิ โลก รวมถงึ หมิ ะ และ ลูกเหบ็ การซมึ (infiltration) จากนา้ บนพ้นื ผวิ ลงสูด่ นิ เป็นนา้ ใตทด้ นิ อตั ทราการซมึ จะข้นึ อยูก่ บั ประเภทของดนิ หนิ และ ปจั จยั ประกอบอน่ื ๆ นา้ ใตทด้ นิ นนั้ จะเคลอ่ื นตทวั ชา้และอาจไหลกลบั ข้นึ บนผวิ ดนิ หรอื อาจถกู กกั อยู่ภายใตทช้ น้ั หนิ เป็นเวลาหลายพนั ปี โดยปกตทิแลว้ นา้ ใตทด้ นิ จะกลบั เป็นนา้ ทผ่ี วิ ดนิ บนพ้นื ทท่ี อ่ี ยู่ระดบั ตทา่ กวา่ ยกเวน้ ในกรณีของบอ่ นา้บาดาล นา้ ท่า (runoff) หรอื นา้ ไหลผ่านเป็นการไหลของนา้ บนผวิ ดนิ ไปสู่มหาสมทก ร นา้ ไหลลงสูแ่ มน่ า้ และไหลไปสูม่ หาสมทก ร ซง่ึ อาจจะถกู กกั ชวั่ คราวตทาม บงึ หรอืทะเลสาบ ก่อนไหลลงสูม่ หาสมทก ร นา้ บางสว่ นกลบั กลายเป็นไอก่อนจะไหลกลบั ลงสู่มหาสมทก ร



3.4 สถานการณ์น้าในโลก • จานวนนา้ จดื ทม่ี อี ยู่ในโลก มเี พยี ง 0.007% เท่านนั้ ทม่ี นี า้ จดื ตท่อประชากร 6,500 ลา้ นคน สหประชาชาตทมิ กี ารคาดการณวา่ ในปี 2025 ประชาชนทวั่ โลกกวา่ 3,000 ลา้ นคนจะขาดแคลนนา้ ดม่ื มากกวา่ คร่งึ มคี วามลาบากในการเขา้ ถงึ แหลง่ นา้ จดื และจานวน 1,000 ลา้ นคนมชี วี ติ ทอยู่โดยไมม่ ี แหลง่ นา้ ( ขอ้ มลู จาก water.org ) • ปรากฏการณโลกรอ้ นเน่อื งจากภาวะมลพยิ และการตทดั ไมท้ าลายป่า ทาใหฝ้ น ซง่ึ เป็นตทน้ กาเนิดของนา้ จดื ไมต่ ทกในฤดูกาลและมแี นวโนม้ ทจ่ี ะเคลอ่ื นตทวั ไปตทกในทะเลมากย่งิ ข้นึ หรอื การ จดั การนา้ ทไ่ี มม่ ปี ระสทิ ธิภาพทาใหน้ า้ จดื ไหลกลบั ไปสู่ทะเล • ปรากฏการณมวลนา้ บนชนั้ บรรยากาศมคี วามหนาแน่นสูงแตท่ฝนจะไมต่ ทก เน่อื งจากความรอ้ น จากภาวะเรอื นกระจกส่งดนั ใหจ้ ดก นา้ คา้ งทเ่ี ป็นจดก ความเยน็ บนชนั้ บรรยากาศถอยสูงข้นึ ไปอกี จาก ปรมิ าณไอนา้ ทเ่ี กาะกลมก่ หนาแน่นกนั เป็นปรมิ าณมาก เมอ่ื มคี วามกดอากาศตทา่ ท่ีพดั มากระแทกทาให้ เกดิ ฝนตทกอย่างถลม่ ทลายจนกลายเป็นอทก กภยั ใหญ่

3.5.แหลง่ นา้ เพื่อการอปุ โภค-บริโภค แหลง่ น้าสะอาดสาหรบั ชมุ ชนทวั่ ไปไดแ้ ก่ น้าฝน น้าผวิ ดิน และน้าใตด้ ินมาใชใ้ นรูปแบบของการขุดเจาะบ่อ น้าต้นื และบ่อน้าใตด้ นิ ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี1.น้าขเฝปนน็ นาฝดฝนในหญเก่ขิดนึ ้ จจานกไอมนส่ ภุ าามคาขรอถงลไออยนตา้ วัขอนยาใู่ ดนตกา่้องนๆเใมนฆกไ้อดน้กเ็จมะฆตเมกล่ือมงมี า กทเออรมวยน่อร็ดมาเนู่ภุ ปนบกา็นนาัแเ้คฝมขจลทแนนฆา้วาขจนาวใม็งะหดา่วตีอต้ไนเเวัยกลอกม(หู่ิดนก็Fลาลมเาrง้กปeาจมา็เeนยะรพาzวเกชยียมiมnนลงังฆgตนพิด่ัพวัตืนnอ้เมuวมักแดเcีเลนฆันิปมlะeจ็ไจนฆดไiนะ)เอบ้นมกเหนปานัฆล้ร็างน้จืนอั่กชจเะเต็ตมนะมตวัเอ่ด็ดิ ด็้กอเเฝเปนมางทน็มะนาื่อา่้ ตขเีนมนมวนัาีอนั้้ฆบาฝนทเดนนภุกี่ทใอไิดาาหดนคใใ้ญกภุนหก็ต้าทม่ซล้อค้ง่ึอีฝน่ั งจเงนตหมะฟตวัล้ีดาเกา่ลงึ นเก็ รี ๆ้า เอฟฝม้ ณนุาื่อ(หฝมPนภีเrมeลมูสฆcะขิภiไออpามองวitจ่ องaะาาtขหiเoกอปิมnา็งนะ)ศนตหซใา้้อรนงึ่ทืองจพี่ตมละืนก้ีหกูตทลเยกห่ีงนาลมบ็นัด้งาๆมนซจาางึ่้าหใเฟกร้นยาาทลาเร้อสดกัวงมมษนฟอเ้าณ้ราไฟียป้ะอากไาตหวจ้อา่นเงหปเข็ยกนนึ ้าิดลอดจกั ยนาษกู่าก้ณบั เมะฆขอแงต่

2.น้าผิวดิน น้าผวิ ดิน หมายถึง น้าที่อยบู่ นผวิ ของเปลือกโลก ไดแ้ ก่ น้าในหว้ ยหนอง คลอง บึง แม่น้า ทะเล และมหาสมทุ ร สามารถแบ่งตามประโยชนใ์ ช้สอยไดเ้ ป็น น้าเคม็ และน้าจืด น้าเคม็ คือ น้าที่มีเกลือละลายอยเู่ ป็นจานวนมาก โดยทว่ั ไปมกั จะมีรสเคม็ เพราะมีเกลือเฮไลตล์ ะลายอยู่ แต่บางคร้ังกม็ ีเกลืออื่นๆ ละลายอยู่ประโยชนข์ องน้าเคม็ คือ เป็นท่ีอยอู่ าศยั และเพาะเล้ียงสตั วน์ ้า พชื น้า เป็นแหล่งเกลือแร่และสินแร่ น้าจืด คือ น้าที่ไม่มีเกลือละลายอยู่ หรือมีนอ้ ย เป็นน้าท่ีมีความสาคญัในการดารงชีวดิ ของพืชและสตั ว์ ตลอดจนใชใ้ นการอุปโภค บริโภคของมนุษย์

2.1บอ่ น้าต้นื เป็นบอ่ ท่ขี ุดลงไปในชน้ั ดินท่ไี ม่ลกึ นกั หรอื ชน้ั ดินต้นื ๆท่ีใชก้ นั ทวั่ ไป ไดแ้ ก่ บอ่ น้าท่มี ีลกั ษณะดงั น้ี 2.1.1บอ่ ขุด(Dug Well)เป็นบอ่ น้าท่ใี ชก้ นั ทวั่ ไปในชนบทใชแ้ รงคนขุดโดยใช้ เคร่อื งมืองา่ ยๆเช่น จอบ เสยี มฯลฯ ความลกึ ของบ่อน้าข้ึนอยูก่ บั ระดบั น้าใตด้ ินท่มี ีอยู่ในพ้นื ท่ีน้ันๆ การสรา้ งบ่อ ขุดแบบน้ีทาไดโ้ ดยการขุดบอ่ แลว้ ใสว่ งขอบลงไปเพอ่ื ป้ องกนั การพงั ทลายของดิน บรเิ วณกน้ บอ่ ควรกรุดว้ ยกรวดและบรเิ วณรอยต่อของวงขอบลา่ งควรเจาะใหน้ ้าซึม เขา้ มาในบอ่ ในขณะท่บี รเิ วณวงขอบขา้ งบน 3วงควรยารอยต่อของวงขอบใหส้ นิท ดว้ ยซเี มนตเ์ พอ่ื ป้ องกนั การซึมเขา้ มาของน้าท่สี กปรกในชนั ดิน บรเิ วณปากบอ่ จะตอ้ งทาชานบอ่ ใหม้ ีความลาดเอยี งจากตวั บอ่ มีรศั มีโดยรอบ เป็นวงกลมและท่ปี ลายของชานบ่อตอ้ งมีรางระบายน้าเพอ่ื รองรบั น้าท่สี ูบข้ึนมาแลว้ เกดิ การหกกระเด็นและมีทอ่ ระบายน้าท้งิ ลงสูท่ ่ลี มุ่ หรอื แปลงตน้ ไมท้ ่หี า่ งจากบ่อ ออกไป ซ่ึงบ่อขุดน้ีเหมาะสมกบั การใชน้ ้าในครวั เรอื นเท่าน้ัน

2.น้าผวิ ดิน(ต่อ)2.1.2บ่อตอก (Driven Well)บ่อชนิดน้ีโดยเฉลย่ี จะมีความลกึ ไม่เกนิ 15 เมตร ทง้ั น้ีข้ึนอยู่กบั สภาพทางธรณีวยิ าคอื ดินบรเิ วณน้นั เป็นสาคญั ว่าเป็นดิน แข็ง ดินดานหรอื ดินเหนียวซ่งึ ตอกยากกวา่ ดินทรายหรอื ดนิ รว่ นซยุ ปรมิ าณ น้าจากบอ่ ตอกสามารถใชไ้ ดก้ บั ครวั เรอื นทวั่ ๆไปคลา้ ยกบั บอ่ ขุด2.1.3บอ่ เจาะ (Bored Well)บ่อชนิดน้ีอาจใชว้ ธิ ีเจาะดว้ ยสวา่ นเจาะมือ วธิ ีน้ี จะใชม้ ือหมนุ สวา่ นเจาะลงไปในดินจนถงึ ระดบั น้าท่ตี อ้ งการนอกจากน้ียงั ใช้ การเจาะอกี แบบหน่ึงท่เี รยี กวา่ เครอ่ื งเจาะท่ใี ชเ้ คร่อื งจกั ร(Machine auger)

3.น้าใตด้ ิน น้าใตด้ ิน หมายถึง น้าทุกสถานะที่อยภู่ ายในช่องวา่ งของหินหรือดินใตผ้ วิ โลกไป ปัจจุบนั เป็นท่ียอมรับกนั วา่ น้าฝนเป็นแหล่งกาเนิดของน้าใตด้ ินแทบท้งั หมด เป็นการนาน้าจากชน้ั ดินท่อี ยูล่ กึ ลงไปกว่าบอ่ น้าต่นื ซ่ึงจะมีความลกึ อยูใ่ นช่วง 20-30เมตรข้ึนไปดงั น้นั น้าท่ไี ดน้ ้ีจะสะอาดปลอดภยั กว่าบอ่ น้าต่นื ทง้ั น้ีน้าในระดบั ลกึ จะถกู กรองโดย ชน้ั ดิน ชน้ั หนิ ต่างๆทาใหป้ รมิ าณ จุลนิ ทรยี ล์ ดลงหรอื ไม่มีเลยแต่อาจมีสารเคมี ในชน้ั หนิ ชน้ั ทรายเหลา่ น้นั ปนมากบั น้าในชน้ั น้ีได้ ปกติน้าใตด้ ินปรากฏลึกไม่เกิน 750 เมตร จากผวิ ดิน โดยทวั่ ไปน้าใตด้ ินไหลชา้ กวา่ น้าผวิ ดิน เช่น แม่น้าลาคลองมาก แต่กไ็ หลจากท่ี สูงลงสู่ที่ต่าเหมือนกนั (ประมาณ 4 เซนติเมตรต่อวนั ) การไหลของน้าใตด้ ินมีความสมั พนั ธ์กบั ความพรุน (porosity) และ ความซึม ผ่าน (permeability)

3.น้าใตด้ ินบ่อน้าใตด้ นิ ท่ใี ชก้ นั ทวั่ ไปมีดงั น้ี3.1บอ่ เป่ าหรอื บ่อพน่ (Jetting Well)บ่อชนิดน้ีทาโดยพน่ น้าท่มี แี รงดนั สูงหรอื เป่าโดยเคร่อื งสูบน้าท่มี ีแรงดนั สูงผ่านหวัเจาะท่ดี นั หรอื ฝงั ลงไปในดนิ ดินรอบๆหวั เจาะน้นั จะถกู ดูดและดนัข้ึนขา้ งบนทาใหเ้ กดิ ช่องวา่ ง และหวั เจาะกจ็ ะเจาะลงไปในดนิ เร่อื ยๆจนถงึ ระดบั น้าใตด้ นิ ท่คี วามลกึ เท่าท่ตี อ้ งการ

3.น้าใตด้ ิน3.2 บ่อบาดาล เป็นบอ่ น้าท่ขี ุดข้ึนเพอ่ื นาน้าในชน้ั อม่ิ ตวั ดว้ ยน้า(Zone Of Saturation)มาใชป้ ระโยชนซ์ ่ึงโดยทวั่ ไปดินชน้ั น้ีจะอยูใ่ นบรเิ วณท่ลี กึ ลงไปใตด้ ิน คอื อยู่ในบรเิ วณชน้ั น้าใตด้ ิน (WaterTable Level)นนั่ เองดงั น้นั บรเิ วณน้ีจงึ มีน้าอยูต่ ลอดเวลา ความลกึของบ่อจงึ ข้ึนอยู่กบั สภาพทางธรณีวทิ ยาของท่ดี ินน้นั ๆอาจลกึ 30-100เมตรหรอื มากกวา่ กเ็ ป็นได้ สาหรบั การเจาะบ่อจะใชเ้ คร่อื งมือกลท่เี ป็นเครอ่ื งเจาะแบบกระทงุ้ หรอืกระแทกและเครอ่ื งมือเจาะแบบหวั สว่านหมนุ หรอื อาจเป็นแบบผสมกนั กไ็ ด้คอื มีทง้ั 2หวั เจาะอยูใ่ นรถเจาะคนั เดียวกนั ขนาดของบอ่ ท่เี จาะโดยเคร่อื งมือกลน้ี เจาะขนาดเสน้ ผ่าศูนยก์ ลางตง้ั แต่3น้ิวข้ึนไป ตามปรกตจิ ะใชข้ นาดเสน้ผ่าศูนยก์ ลาง4น้ิว พรอ้ มตดิ ตง้ั สูบน้ามือโยกแบบน้าลกึ หรอื ใชส้ ูบเครอ่ื งยนต์กไ็ ด้



3.น้าใตด้ ิน บริเวณหรือโซนท่ีช่องวา่ งในดินหรือในหินถูกบรรจุดว้ ยท้งั น้าและอากาศ เรียกบริเวณน้ีวา่ บริเวณไม่อม่ิ ตวั (unsaturated zone) หรือบริเวณสัมผสั อากาศ (zone of aeration) บริเวณที่ช่องวา่ งในดินหรือหินถกู บรรจุดว้ ยน้าท้งั หมด เรียกวา่ บริเวณ อม่ิ ตวั (saturated zone) ระดบั ท่ีสูงที่สุดที่น้าบรรจุอยใู่ นช่องวา่ งระหวา่ งเมด็ ดิน เรียกวา่ ระดบั นา้ ใต้ ดิน (water table) บริเวณที่สูงหรือลาดชนั มาก การไหลของน้าใตด้ ินจะเร็วกวา่ ในที่ราบหรือ ลาดชนั นอ้ ย และถา้ หากระดบั น้าใตด้ ินตดั กบั สภาพภมู ิประเทศท่ีมีความ ลาดชนั เช่น บริเวณไหล่เขา จะเกิดนา้ ซับ (spring)

4.ภาชนะรองรบั น้า นา้ จากแหลง่ นา้ ตท่างๆในชนบท สามารถนามาใชใ้ นการอปก โภคได้ สาหรบั นา้ บรโิ ภคนน้ั จาเป็นตทอ้ งมกี ารปรบั ปรงก คณก ภาพนา้ ใหเ้หมาะสมทง้ั ทางดา้ นกายภาพ เคมแี ละชวี ภาพ ใน การนานา้ จากแหลง่ นา้ เหลา่ นน้ั มาใชจ้ าเป็นตทอ้ งมภี าชนะรองรบั นา้ จากแมน่ า้ ลาคลอง หว้ ย เป็นตทน้ ภาชนะรองรบั นา้ ทใ่ี ช้ กนั โดยทวั่ ไป ไดแ้ ก่ 4.1 ภาชนะรองรบั น้าสาหรบั ครวั เรอื นทวั่ ไปไดแ้ ก่โอ่ง ตทมก้ ดนิ เผาหรอื โอ่ง ตท่มก เคลอื บ ทผ่ี ลติ ทข้นึ ในประเทศ สามารถหาซ้อื ไดง้ า่ ย ราคาไมแ่ พง นอกจากนนั้ อาจทาเป็นโอ่ง คอนกรตี ทหรอื ตท่มก คอนกรตี ท ภาชนะเหลา่ น้ีมคี วามจตก ทง้ั แตท่ 10ปีบ จนถงึ 50ปีบหรอื 1 ลูกบาศกเมตทร

4ภาชนะรองรับนา้ 4.1.1ถงั เหลก็ ขนาด 400 แกลลอน โดยทวั่ ไปเรยี กวา่ ถงั 400 แกลลอน มคี วามจปก ระมาณ 80 ปีบ หรอื1.6 ลูกบาศกเมตทรราคาแพงกวา่ โอง่ หรอื ตท่มก เก็บนา้ และตทอ้ งวางไวบ้ นแทง่ คอนกรตี ทหรอื แทน่ ไม้ เพอ่ื ป้องกนั การเกดิ สนมิ ดงั นน้ั จงึ ตทอ้ งเพม่ิ ค่าใชจ้ ่ายสาหรบั อปก กรณเหลา่ น้ี ทาใหม้ รี าคาแพงกวา่ ตท่มก หรอื โอ่งเก็บนา้ โดยทวั่ ไปจะเป็นถงั เหลก็ อาบสงั กะสเี พอ่ื ป้องกนั สนิม หรอื อาจเป็นถงั ทรงกลมสเตทนเลสทป่ี ้องกนั สนมิ ขนาด 750 ลติ ทรหรอืมากกวา่ ข้นึ ไป

2.5ภาชนะรองรับนา้ 4.1.2ถงั คอนกรตี ขนาด 150 ลกู บาศก์เมตรหรอื เลก็ กวา่ อาจเป็นถงั สเ่ี หลย่ี มขนาดใหญ่สรา้ งเพอ่ื เกบ็ น้าฝนสาหรบั บา้ นหรอื วดั โรงเรยี นสานกั งาน โรงงานหรอื กลมุ่ ครวั เรอื นกไ็ ด้ ดงั น้นั ราคากอ่ สรา้ งจงึ สูงเพม่ิ ข้ึน ปจั จุบนั ในชนบทนิยมสรา้ งถงัคอนกรตี ทรงกระบอกขนาด 10 ลกู บาศกเ์ มตร โดยใชว้ งขอบบ่อน้าคอนกรตี เสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง 2 เมตรมาต่อซอ้ นกนั แลว้ ยาดว้ ยสูงประมาณ 3 เมตร ซ่ึงสามารถใชเ้ กบ็ กกั น้าฝน เพอ่ื ใชใ้ นการอปุ โภคบรโิ ภคได้

นอกจากภาชนะเกบ็ น้าท่ใี ชก้ นั ทวั่ ไปดงั กลา่ วแลว้ ยงั มีการขุดสระสเ่ี หล่ยี มขนาดมาตรฐาน 10,000 ลบ.ม.หรอื นอ้ ยกวา่ และอา่ งเกบ็ น้า เพอ่ื กกั เกบ็ น้าฝนสาหรบัประชาชนในภมู ิภาคไดใ้ ชส้ าหรบั อปุ โภคบรโิ ภคตลอดปี

3.6คณุ ลกั ษณะของน้า ประกอบไปดว้ ยโมเลกลก ของไฮโดรเจนและออกซเิ จนอยู่ในรูปของเหลว (H2O) มคี วามใส โปร่งแสงไมม่ รี สชาตทิ ไมม่ กี ลน่ิ แขง็ ตทวั ท่ี 0 องศาเซลเซยี สและมจี ดก เดอื ดท่ี 100 องศาเซลเซยี ส มคี วามหนาแน่นทส่ี กดท่ี4 องศาเซลเซยี ส

3.6.1คุณลกั ษณะดา้ นกายภาพ คอื ลกั ยณะของนา้ ทส่ี ามารถวเิ คราะหไดโ้ ดยทางกายสมั ผสั ไดแ้ ก่ ความขน่ก สีกลน่ิ รสชาตทิ อณก หภมู ิ

ความขุ่น ( Turbidity ) หมายถงึ การทน่ี า้ มสี ารพวกแขวนลอยอยูใ่ นนา้ ทาใหบ้ ดบงั แสงทาใหไ้ มส่ ามารถมองลงไปในระดบั นา้ ทล่ี กึ ไดส้ ะดวก

สี ( Colour ) เกดิ จากการหมกั หมมทบั ถมกนั ของพชืใบไม้ เศยวสั ดอก นิ ทรยี ตท่างๆ ซง่ึ มลี กิ นนิเป็นองคประกอบ การเกดิ สยี งั อาจเกดิ จากการปนเป้ือนจากกจิ กรรมของมนกยยเช่น นา้ ท้งิ จากบา้ นเรอื นหรอื โรงงานอตก ทฯ

กลน่ิ ( Odor ) เกดิ จากการทน่ี ้จี ลก นิ ทรยี บางชนดิ เช่นสาหร่าย ฯลฯ หรอื เกดิ จากการยอ่ ยอนิ ทรยีสารในนา้ ในสภาวะขาดออกซเิ จนทาใหเ้กดิแกส๊ ไขเ่ น่า (H2S) และยงั เกดิ จากกจิ กรรมตท่างๆของมนกยย

รสชาติ ( Taste ) เกดิ จากการละลายนา้ ของพวกเกลอื อนนิ ทรยีเช่น เกลอื ทองแดง เกลอื โพแทสเซยี มเกลอื เหลก็ หรอื เกลอื สงั กะสี ฯลฯ รสชาตทนิ น้ัสมั ผสั ไดด้ ว้ ยป่มก รส 4 รส คอื เปร้ยี ว หวานขม เค็ม

อณุ หภมู ิ ( Temperature ) อณก หภมู นิ า้ เปลย่ี นแปลงอาจเกดิ จากธรรมชาตทอิ นั เน่อื งมาจากดนิ ฟ้าอากาศ หรอืเกดิ จากนา้ ทป่ี นเป้ือนจากกจิ กรรมตท่างๆของมนกยยหรอื โรงงานอตก ทฯ หรอื โรงงานผลติ ทไฟฟ้า ซง่ึ ทาให้นา้ มอี ณก หภมู สิ ูงหรอื ตทา่ กวา่ ปกตทิ

ปรมิ าณของแข็งท่ลี ะลายน้าทง้ั หมด ( TDS ) สว่ นใหญ่เป็นพวกเกลอื อนินทรยี ไดแ้ ก่เกลอื ไอออนบวก เช่น แคลเซยี ม แมกนีเซยี ม โซเดยี มรวมทง้ั ไอออนลบของคารบอเนตท ไนเตทรตท เป็นตทน้อาจเกดิ จากธรรมชาตทหิ รอื กจิ กรรมตท่างๆของมนกยย เช่นนา้ เสยี จากชมก ชน จากการเกยตทร จากอตก ทสาหกรรม

3.6.2คุณลกั ษณะทางเคมี คอื คณก สมบตั ทขิ องนา้ ทม่ี อี งคประกอบทางเคมแี ละอาศยั หลกั การหาโดยปฏกิ ริ ยิ าเคมี ไดแ้ ก่ค่าความเป็นกรด-ดา่ ง ความกระดา้ ง คลอไรดฟลูออไรดหรอื พวกโลหะหนกั ตท่างๆ เป็นตทน้

คา่ ความเป็นกรด-ด่างของน้า ( pH ) คอื ค่าความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเจนไอออนซง่ึ วดั ความสามารถของกรดหรอื ดา่ งทม่ี ปี ฏกิ ริ ยิ ากบั นา้ แลว้ แตทกตทวั ใหไ้ ฮโดนเจนไอออนนา้ ทบ่ี รสิ กทธ์มิ คี ่าพเี อชเป็น 7 แตท่นา้ ตทามธรรมชาตทิมพี เี อชประมาณ 6.0 – 8.5

ความกระดา้ งของน้า หมายถงึ นา้ ทเ่ี มอ่ื ทาปฏกิ ริ ยิ ากบั สบูแ่ ลว้ทาใหส้ บูเ่ กดิ ฟองไดย้ าก เน่อื งจากมเี กลอื ซลั เฟตทและเกลอื ไบคารบอเนตทเป็นส่วนใหญ่ แบง่ ออกเป็น 2 พวก คอื กระดา้ งชวั่ คราว กบั กระดา้ งถาวร

ความกระดา้ งชวั่ คราว หมายถงึ นา้ กระดา้ งทเ่ี กดิ จากเกลอื ของพวกไบคารบอเนตท และคารบอเนตทรวมกบั แคลเซยี มหรอื แมกนเี ซยี ม สามารถแกไ้ ขหรอื กาจดั ไดโ้ ดย“ การตทม้ นา้ ” นนั่ เอง

ความกระดา้ งถาวร หมายถงึ ความกระดา้ งของนา้ ทเ่ี กดิ จากเกลอื ซลั เฟตทหรอื เกลอื ของคลอไรดรวมกบัแคลเซยี มหรอื แมกนีเซยี ม ซง่ึ บางครงั้ อาจเรยี กวา่ “ความกระดา้ งทไ่ี มใ่ ช่คารบอเนตท”

3.6.3คณุ ลกั ษณะทางดา้ นชีวภาพ หมายถงึ การทน่ี ้สี ง่ิ มชี วี ติ ทตท่างๆอาศยั อยู่โดยเฉพาะพวกจลก นิ ทรยี ซง่ึ มที งั้ ประโยชนและโทยตท่อมนกยย แบง่ เป็น 2 พวก ไดแ้ ก่จลก นิ ทรยี ทไ่ี มท่ าใหเ้กดิ โรค และ จลก นิ ทรยี ทท่ี าให้เกดิ โรค

จุลนิ ทรยี ท์ ่ไี ม่ทาใหเ้ กดิ โรค ไดแ้ ก่ พวกบคั เตทรี โปรโตทซวั สาหร่ายหรอื ราบางชนดิ ซง่ึ นอกจากไมท่ าใหเ้กดิ โรคแลว้ยงั มสี ่วนช่วยในการยอ่ ยสลายสง่ิ สกปรกในนา้

จุลนิ ทรยี ท์ ่ที าใหเ้ กดิ โรค อาจก่อใหเ้กดิ อาการของโรคทร่ี กนแรงถงึ ตทายจนถงึ แค่มอี าการเพยี งเลก็ นอ้ ไดแ้ ก่ ไวรสับคั เตทรี โปรโตทซวั และหนอนพยาธิ ซง่ึ ถา้ มนัอยู่ในสง่ิ แวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมก็จะทาใหม้ ชี วี ติ ทไดน้ านและเพม่ิ จานวนมากจนเป็นอนั ตทรายได้

3.7ปรมิ าณการใชน้ ้า 3.7.1การคานวณปริมาณของนา้ ประปาทต่ี ้องผลิต 1. กาหนดอายกุ ารใชง้ านของระบบประปา (10ปี ?, 20ปี ?)2. กาหนดพ้ืนที่บริการ กาหนดพ้ืนที่รับผดิ ชอบตามอายกุ ารใชง้ าน, แบ่งยา่ นต่างๆตามความ วฒั นธรรมการใชน้ ้า เช่นยา่ นร้านคา้ , ยา่ นอุตสาหกรรม3. ประเมินจานวนประชากร คาดคะเนจานวนประชากรภายในยา่ นต่างๆ ในปี ที่สอดคลอ้ งกบั ปี ท่ี ออกแบบอายกุ ารใชง้ าน



ตวั อยา่ งวิธีประเมินจานวนประชากรทานายระยะ ้สัน ก. ทางเลขคณิต dP = Ka Pn = P0 + n(P0-Pm ) P m P0 dt P (n, m : จานวนปี ท่ี) P0 t t ข. ทางเรขาคณิต dP = KgP Pn = P0 P0 n/m t Pm dtทานายระยะยาว P ค. แบบ logistic Pn = K 1 + eb-an

3.7.2. เลือกอตั ราการใชน้ ้า ประมาณอตั ราการใชน้ ้าในอนาคต โดยอาศยั การวิเคราะห์ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปริมาณน้าใชแ้ ละจานวนประชากรในอดีต, ความ เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ, ชนิดของยา่ น วตั ถุประสงค์ ตวั อยา่ งอตั ราการใชน้ ้าของชุมชนหน่ึงในUSAอปุ โภค-บริโภค ในครัวเรือน 300 L/capita/day 160 L/capita/day อุตสาหกรรม 100 L/capita/day การคา้ 60 L/capita/day 50 L/capita/dayสาธารณะ (ลา้ งถนน, ดบั เพลิง) สูญเสียท่ีมา ศุภฤกษ์ สินสุพรรณ การออกแบบวศิ วกรรมสุขาภิบาล วิศวกรรมการประปา 2533

3.8องค์ประกอบทม่ี ีอทิ ธิพลต่อการใช้นา้ลิตร/คน/วนั800 690600 469 368 334 265 247400200 128- กรุงเบอร์ลีน กรุงมอสโคว กรุงเทพฯ กรุงปารีส กรุงโตเกยี ว กรุงโซล กรงุ นิวยอร์ค ขอ้ มลู จาก http://agrolink.moa.my/did/hydro/h_waterfacts.htmlและอ่ืนๆ

อาบน้าฝักบวั ใชน้ ้าเฉล่ียประมาณ 7 ลิตรต่อนาที อาบวนั ละกี่คร้ัง คร้ังละก่ีนาทีชกั โครกกดคร้ังหน่ึง ใชน้ ้าเฉล่ียประมาณ 5ลิตร วนั หน่ึงกดชกั โครกกี่คร้ังลา้ งมือ ลา้ งหนา้ แปรงฟัน ลา้ งถว้ ยลา้ งจาน ซกัผา้ ฯลฯ 1 ยนู ิตน้าคือ 1 ลูกบาศกเ์ มตร = 1000ลิตร

5. คานวณปริมาณของน้าประปาท่ีระบบตอ้ งรองรับ คานวณโดยใชอ้ ตั ราการใชน้ ้าที่สอดคลอ้ งกบั จานวนประชากร, ความ เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ, ชนิดของยา่ นในอนาคตที่คาดคะเนไว้ (อตั ราการใชน้ ้า  จานวนประชากร) สูงสุด เฉลี่ย ในรอบวนั ในรอบชวั่ โมง ในรอบวนั ในรอบชว่ั โมง 1.5 เท่า 2.5 เท่าของคา่ เฉลี่ย ของค่าเฉลี่ย จะใชอ้ ตั ราไหนกข็ ้ึนกบั แต่ละส่วนประกอบในระบบที่มา ศุภฤกษ์ สินสุพรรณ การออกแบบวศิ วกรรมสุขาภิบาล วศิ วกรรมการประปา 2533 14

ส่วนประกอบระบบ อตั ราการใชน้ ้าที่ใชใ้ นการคานวณขนาด แหล่งน้า อตั ราการใชน้ ้าสูงสุดในรอบวนัท่อลาเลียง แหล่งน้า  ถงั พกั น้า อตั ราการใชน้ ้าสูงสุดในรอบวนั ถงั พกั น้า โรงกรองน้า อตั ราการใชน้ ้าสูงสุดในรอบวนัเคร่ืองสูบน้าแรงต่า (แหล่งน้า  โรงกรอง ) อตั ราการใชน้ ้าสูงสุดในรอบวนั + สารอง เคร่ืองสูบน้าแรงสูง อตั ราการใชน้ ้าสูงสุด (โรงกรองน้า ชุมชน) ในรอบวนั หรือในรอบชวั่ โมง + อตั ราน้าใชด้ บั เพลิง โรงกรองน้า (โรงทาน้าประปา) อตั ราการใชน้ ้าสูงสุดในรอบวนั + สารอง ท่อจ่ายน้าประปา อตั ราการใชน้ ้าสูงสุด ในรอบวนั หรือในรอบชว่ั โมง + อตั ราน้าใชด้ บั เพลิง ที่มา ศุภฤกษ์ สินสุพรรณ การออกแบบวศิ วกรรมสุขาภิบาล วิศวกรรมการประปา 2533 15

ดงั นนั้ การจดั หานา้ สะอาดตทามแหลง่ นา้ ธรรมชาตทิเหลา่ นน้ั ทม่ี กี ารปนเป้ือนนอ้ ยทส่ี กด หรอื ไม่มเี ลย หรอื อกีแหลง่ หน่งึ คือแหลง่ นา้ ใตทด้ นิ แลว้ นามาดาเนินการปรบั ปรงกคณก ภาพ ซง่ึ วธิ ใี ชก้ ค็ ือ การประปา หรอื การทาใหน้ า้สะอาดข้นึ นนั่ เอง



 ในการปรบั ปรุงคณุ ภาพน้าใหส้ ะอาดเพอ่ื ความ ปลอดภยั ในการใชอ้ ปุ โภคบรโิ ภคน้นั วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั กเ็ พอ่ื สขุ ภาพอนามยั ของมนุษย์ ในการท่จี ะนาน้ามาใชใ้ นดา้ นต่าง ๆ น้นั ก็ หมายถงึ น้าท่ผี ลติ หรอื จดั ทาข้ึนมาเพ่อื ใชจ้ ะตอ้ ง ปราศจากตวั การท่ที าใหเ้ กดิ โรคอนั ไดแ้ ก่เช้ือโรค และสารเคมี ท่เี ป็นพษิ และเป็นอนั ตรายตา่ ง ๆ

การกาจดั เช้ือโรคท่ดี คี วรมลี กั ษณะดงั น้ี 3.9.1การตม้เป็นวธิ ปี รบั ปรุงคณุ ภาพน้าท่งี า่ ยท่สี ดุ กรรมวธิ คี อื ตม้ น้าใขหณเ้ ดะทือ่ดเี ดนอื าดนจปะรมะอี มณุ าณหภ1มู 5ิ -ป3ร0ะนมาาณที ค9ว0า-ม1ร0อ0้ นอขงอศงานเ้าป็นความรอ้ นท่พี อจะ ทาลายเช้ือจุลนิ ทรยี ไ์ ด้ แต่อาจลดปรมิ าณความขุ่น กล่นิ และสามารถลดความ กระดา้ งของน้าไดด้ ว้ ย ซ่งึ วธิ นี ้ีเสยี ค่าใชจ้ า่ ยนอ้ ยเหมาะท่จี ะใช้ภายในครวั เรอื น

3.9.2กลนั่เป็ นวธิ ีปรบั ปรุงคณุ ภาพน้าท่ที าใหค้ ณุ ภาพน้าดีท่สี ดุ แต่กรรมวธิ คี ่อนขา้ งทาไดย้ ากและเสยีคา่ ใชจ้ า่ ยมาก มาก สว่ นใหญ่วธิ ีน้ีจะทาในวงจากดั เช่น ในวงการวทิ ยาศาสตร์ และวงการแพทย์ เป็ นตน้ เพราะในสองวงการดงั กลา่ วตอ้ งใชน้ ้าท่มี ีคณุ ภาพดีท่สี ดุ อาทิ การนาน้ากลนั่ เพอ่ืผสมยา รกั ษาโรค


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook