Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เนื้อหาหน่วยที่5

เนื้อหาหน่วยที่5

Published by phatthawan.kk, 2018-05-29 05:12:27

Description: B1.5

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 5หลกั การออกแบบภมู ทิ ศั น์1 คณุ ครพู ทั ธวรรณ ขาศริ ิ

1.องคป์ ระกอบศิลปะพ้นื ฐานในงานภมู ทิ ศั น์องคป์ ระกอบศิลป์ ( Composition ) คือ?การนาส่ิงตา่ งๆ มาประยกุ ต์ ดดั แปลง สรา้ งสรรค์ จัดรว่ มเขา้ดว้ ยกนั ตามสดั สว่ นรปู รา่ ง รปู ทรงตรงตามคณุ สมบตั ขิ องสิ่งนน้ั ๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ ผลงานท่ีมี ความเหมาะสมส่วนจะเกิดความงดงาม นา่ สนใจหรอื ไมน่ นั้ ยอ่ มขน้ึ อยกู่ บั การนาเสนอภาพรวมของงาน วา่ มีการสื่อถงึ เรอื่ งราว วตั ถปุ ระสงค์ ในงานการออกแบบของเรา คณุ ครพู ัทธวรรณ ขาศริ ิ

จดุคือ ส่วนประกอบทเ่ี ล็กทีส่ ดุ เป็ นส่วนเรมิ่ ตน้ ไปส่สู ่วนอนื่ ๆ เชน่ การนาจดุ มาเรยี งตอ่ กนั ตามตาแหนง่ ท่เี หมาะสม และซา้ ๆ กนั จะทาใหเ้ รามองเห็นเป็ น เสน้ รปู รา่ งรปู ทรง ลักษณะผิว และการออกแบบทีน่ ่าตื่นเตน้ ได้ จากจดุ หน่ึง ถึงจดุ หนง่ึ มีเสน้ ท่ีมองไมเ่ ห็นดว้ ยตา แต่เห็นไดด้ ว้ ยจนิ ตนาการ เราเรยี กวา่ เสน้ โครงสรา้ งนอกจากจดุ ท่ีเรานามาจัดวางเพอื่ การออกแบบ เราสามารถพบเห็นลกั ษณะการจัดวางจดุ จากสิ่งเป็ นธรรมชาติ ทอี่ ยรู่ อบๆ ตวั เราได้ เชน่ ขา้ วโพด รวงขา้ วเมล็ดถัว่ กอ้ นหิน เปลอื กหอย ใบไม้ ลายของสัตวน์ านาชนดิ ไดแ้ ก่ เสือ ไก่ นกสนุ ขั งู มา้ ลาย และแมว เป็ นตน้ สิง่ เหลา่ นี้ธรรมชาตไิ ดอ้ อกแบบไวอ้ ยา่ งสวยงามมีระเบียบ มกี ารซา้ กนั อยา่ ง มจี งั หวะและมอี ิทธพิ ลต่อความคิดของมนษุ ยเ์ ราเป็ นอย่างมาก เชน่ การออกแบบลกู คดิ ลกู บิดประตู การรอ้ ยลกู ปัด สรอ้ ยคอ และเคร่ืองประดบั ต่างๆ สงิ่ เหล่าน้ลี ว้ นแลว้ แต่เกดิ มาจากจดุ ทง้ั สนิ้ คณุ ครพู ทั ธวรรณ ขาศิริ

เสน้เกดิ จากจดุ ท่ีเรียงต่อกนั หรอื เกดิ จากการลากเสน้ ไปยงั ทศิ ทางต่างๆ มหี ลายลักษณะ เชน่ ต้งั นอน เฉยี ง โคง้ ฯลฯ เสน้ เกดิ จากเคลื่อนทข่ี องจดุ หรือถา้ นาจดุมาวางเรียงต่อๆ กนั ก็จะเกดิ เป็ นเสน้ ขนึ้ เสน้ มีมติ ิเดยี ว คอื ความยาว ไม่มคี วามกวา้ ง ทาหนา้ ที่เป็ นขอบเขตของที่วา่ ง รปู รา่ ง รปู ทรง สี นา้ หนัก รวมทั้งเป็ นแกนหลักโครงสรา้ งของรปู ร่างรปู ทรงตา่ งๆ เสน้ เป็ นพื้นฐานท่ีสาคัญของงานศิลปะทกุ ชนดิ เสน้ สามารถใหค้ วามหมายแสดงความรสู้ ึกและอารมณด์ ว้ ย การสรา้ งเป็ นรปู ทรงตา่ งๆ ขน้ึ เสน้ มี 2 ลักษณะคอื เสน้ ตรง (Straight Line) และ เสน้ โคง้ (Curve Line) เสน้ ทง้ั สองชนิดนีเ้ มื่อนามาจัดวางในลักษณะตา่ งๆ กนั และใหค้ วามหมาย ความรสู้ ึก ทแ่ี ตกต่างกนั ออกไปดว้ ยลักษณะของเสน้ คณุ ครพู ทั ธวรรณ ขาศริ ิ

เสน้ มจี ดุ เด่นท่ีนามาใชไ้ ดห้ ลากหลายรปู แบบ ทาใหเ้ กิดรปู ร่างรปู ทรงตา่ งๆ มากมาย เพื่อตอ้ งการส่อื ใหเ้ กิดความรสู้ ึกทางดา้ นอารมณ์ จากการสรา้ งสรรคข์ องงาน1. เสน้ ตง้ั หรอื เสน้ ด่ิง ใหค้ วามรสู้ กึ ทางความสงู สงา่ มนั่ คง แข็งแรงหนกั แนน่ เป็ นสญั ลกั ษณ์ของความซื่อตรง2. เสน้ นอน ใหค้ วามรสู้ กึ ทางความกวา้ ง สงบ ราบเรยี บ นง่ิ ผอ่ นคลาย3. เสน้ เฉยี ง หรือ เสน้ ทะแยงมมุ ใหค้ วามรสู้ ึก เคล่ือนไหว รวดเร็ว ไม่มนั่ คง4. เสน้ หยกั หรอื เสน้ ซกิ แซก แบบฟันปลา ใหค้ วามรสู้ กึ คลอื่ นไหวอย่างเป็ นจงั หวะมรี ะเบยี บ ไม่ราบเรยี บ นา่ กลวั อนั ตราย ขดั แยง้ ความรนุ แรง คณุ ครพู ทั ธวรรณ ขาศิริ

5. เสน้ โคง้ แบบคลนื่ ใหค้ วามรสู้ กึ เคล่ือนไหวอยา่ งชา้ ๆ ลื่นไหล ต่อเน่ืองสภุ าพอ่อนโยน น่มุ นวล6. เสน้ โคง้ แบบกน้ หอย ใหค้ วามรสู้ ึกเคลื่อนไหว คลค่ี ลาย หรือเติบโตในทิศทางทีห่ มนุ วน ถา้ มองเขา้ ไปจะเห็นพลงั ความเคลื่อนไหวท่ไี ม่สน้ิ สดุ7. เสน้ โคง้ วงแคบ ใหค้ วามรสู้ ึกถึงพลังความเคลอ่ื นไหวทร่ี นุ แรง การเปล่ียนทิศทางทรี่ วดเร็ว ไม่หยดุ นงิ่8. เสน้ ประ ใหค้ วามรสู้ ึกทไี่ มต่ อ่ เนอื่ ง ขาด หาย ไม่ชดั เจน ทาใหเ้ กดิความเครียดคุณครูพทั ธวรรณ ขำศิริ คณุ ครพู ทั ธวรรณ ขาศริ ิ

ความสาคญั ของเสน้ - ใชใ้ นการแบง่ ท่วี ่างออกเป็ นสว่ นๆ - กาหนดขอบเขตของทีว่ ่าง หมายถึง ทาใหเ้ กดิ เป็ นรปู รา่ ง (Shape) ขน้ึ มา - กาหนดเสน้ รอบนอกของรปู ทรง ทาใหม้ องเห็นรปู ทรง (Form) ชดั ขน้ึ - ทาหนา้ ท่ีเป็ นนา้ หนักออ่ นแก่ ของแสดงและเงา หมายถึง การแรเงาดว้ ยเสน้ - ใหค้ วามรสู้ กึ ดว้ ยการเป็ นแกนหรือโครงสรา้ งของรปู และโครงสรา้ งของภาพคณุ ครูพทั ธวรรณ ขำศริ ิ คณุ ครพู ัทธวรรณ ขาศิริ

รปู ทรงรปู รา่ ง คอื พืน้ ท่ๆี ลอ้ มรอบดว้ ยเสน้ ท่แี สดงความกวา้ ง และความยาว รปู รา่ งจงึมสี องมิตริ ปู ทรง คอื ภาพสามมติ ิที่ต่อเนือ่ งจากรปู รา่ ง โดยมีความหนา หรอืความลึก ทาใหภ้ าพที่เห็นมี ความชดั เจน และสมบรู ณ์รปู ร่างและรปู ทรงแบง่ ออกเป็ น 3 ลักษณะใหญ่ คอื รปู เรขาคณิต (Geometric Form) มีรปู รา่ งรปู ทรงทแ่ี นน่ อน มาตรฐานสามารถวัดหรอื คานวณได มีกฎเกณฑ์ เชน่ รปู สี่เหลยี่ ม รปู วงกลม รปู วงรี หา้เหลยี่ ม หกเหลย่ี ม พีระมิด เป็ นตน้ รปู เรขาคณติ เป็ นโครงสรา้ งพื้นฐานของรปู ทรงตา่ งๆ ดังนนั้ การสรา้ งสรรคร์ ปู อื่นๆ ควรศกึ ษารปู เรขาคณิตใหเ้ ขา้ ใจถ่องแทเ้ สียกอ่ นคณุ ครูพทั ธวรรณ ขำศิริ คณุ ครพู ัทธวรรณ ขาศริ ิ

รปู ทรงธรรมชาติ (Nature Form)เป็ นการเลียนแบบธรรมชาติ นารปู ทรงที่มอี ยู่ตามธรรมชาตริ อบตัวเรา เชน่ ดอกไม,้ ใบไม,้ สตั วต์ า่ งๆ , สัตวนา้้ , แมลง,มนษุ ย์ เป็ นตน้ มาใชเ้ ป็ นแม่แบบในการออกแบบและสรา้ งสรรค์ โดยยงั คงให้ความรสู้ กึ และรปู ทรงท่เี ป็ นธรรมชาตอิ ย่สู ว่ นผลงานบางชนิ้ ทล่ี อ้ เลียนธรรมชาติ โดยใชร้ ปู ทรงเชน่ ตกุ๊ ตาหมี, การต์ นู , อวยั วะของร่างกายเรา เป็ นตน้ยงั คงเป็ นรปู ทรงตามธรรมชาติ ใหเ้ ห็นอยู่ บางคร้ังไดม้ ีการนาวัสดทุ ่ีมอี ยู่ ตามธรรมชาติ เชน่ เปลอื กหอย, กง่ิ ไม,้ ขนนก ฯลฯ นามาออกแบบ ดัดแปลงสรา้ งสรรคผ์ ลงาน รปู ทรงกไ็ ม่ไดเ้ ปลี่ยนแปลงมากนัก รปู ทรงอสิ ระ (Free Form) เป็ นรปู แบบโครงสรา้ งที่ไมแ่ น่นอน ใหค้ วามรสู้ ึกเคลอ่ื นไหว เลือ่ นไหล ใหค้ วามอิสระ และไดอ้ ารมณ์ ความเคลือ่ นไหวเป็ นอยา่ งดีรปู อิสระอาจเกดิ จากรปู เรขาคณติ หรอื รปู ธรรมชาติ ท่ถี กู กระทาจนมีรปู ลักษณะเปลีย่ นไปจากเดิมจนไมเ่ หลือสภาพเดมิคณุ ครูพทั ธวรรณ ขำศริ ิ คณุ ครพู ทั ธวรรณ ขาศิริ

ส่วนสดัหมายถึงส่วนสัดของส่งิ ต่างๆ เชน่ ส่วนสดั ของอาคาร ส่วนสดั ของตน้ ไม้ สว่ นสัดของหิน หรือกลา่ วงา่ ยๆกค็ อื ความสมั พันธข์ องความกวา้ ง ความสงู ความยาว ของส่ิงหน่ึงกบั อีสง่ิ หน่ึง เชน่ เปรยี บเทยี บระหวา่ งตน้ ไม้ 2 ตน้ ว่ามีสัดส่วนแตกต่างกนั หรอื เทา่ กนั อย่างไรคณุ ครูพทั ธวรรณ ขำศิริ คณุ ครพู ัอทวรรณ ขาศิรแิ

สีสี คอื การรบั รคู้ วามถ่ี (หรือความยาวคล่ืน) ของแสง ในทานองเดยี วกนั กบั ที่ระดับเสียง (หรอื โนต้ ดนตรี) คอื การรับรคู้ วามถ่ีหรอื ความยาวคลน่ื ของเสยี งมนษุ ยส์ ามารถรับรสู้ ไี ดเ้ นอ่ื งจากโครงสรา้ งอนั ละเอียดออ่ นของดวงตา ซง่ึ มีความสามารถในการรับรแู้ สงในชว่ งความถ่ีทีต่ า่ งกนั การรบั รสู้ ีนน้ั ขนึ้ กบัปัจจัยทางชวี ภาพ (คนบางคนตาบอดสี ซง่ึ หมายถึงคนคนนนั้ เห็นสบี างคา่ ตา่ งจากคนอื่นหรอื ไม่สามารถแยกแยะสที ี่มคี ่าความอ่ิมตวั ใกลเ้ คียงกนั ได้ หรอืแมก้ ระทงั่ ไมส่ ามารถเห็นสีไดเ้ ลยมาแต่กาเนดิ ), ความทรงจาระยะยาวของบคุ คลผนู้ นั้ , และผลกระทบระยะสนั้ เชน่ สที อี่ ย่ขู า้ งเคยี งบางครั้งเราเรยี กแขนงของวชิ าที่ศึกษาเร่ืองของสีว่า รงคศาสตร์ วชิ านจ้ี ะครอบคลมุ เร่อื งของการรับรขู้ องสีโดยดวงตาของมนษุ ย์, แหล่งท่ีมาของสใี นวัตถ,ุ ทฤษฎสี ีในวิชาศิลปะ, และฟิ สิกสข์ องสีในสเปกตรัมแมเ่ หล็กไฟฟ้ าคุณครูพทั ธวรรณ ขำศริ ิ คคณุ ณุ คครพรู พูทั อัธทววรรรรณณขขาาศศิริริ แิ

สี คอื ลกั ษณะของแสงทปี่ รากฏแกส่ ายตาใหเ้ ห็นเป็ นสี(พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน)ในทางวทิ ยาศาสตรใ์ หค้ าจากดั ความของสีว่า เป็ นคลนื่ แสงหรอื ความเขม้ ของแสงท่ีสายตาสามารถมองเห็นในทางศลิ ปะ สีคือ ทศั นธาตอุ ย่างหนงึ่ ที่เป็ นองคป์ ระกอบสาคญั ของงานศิลปะและใชใ้ นการสรา้ งงานศลิ ปะโดยจะทาใหผ้ ลงานมีความสวยงาม ชว่ ยสรา้ งบรรยากาศ มีความสมจริงเดน่ ชดั และนา่ สนใจมากขนึ้ สีเป็ นองคป์ ระกอบสาคัญอย่างหน่ึงของงานศิลปะ และเป็ นองคป์ ระกอบที่มีอทิ ธิพลตอ่ ความรสู้ ึกอารมณ์ และจติ ใจ ไดม้ ากกว่าองคป์ ระกอบอนื่ ๆ ในชวี ติ ของมนษุ ยม์ ีความเกย่ี วขอ้ งสัมพนั ธก์ บั สตี ่าง ๆอย่างแยกไม่ออก โดยท่สี ีจะใหป้ ระโยชนใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ เชน่คณุ ครูพทั ธวรรณ ขำศิริ คณุ ครพู อั ทวรรณ ขาศิรแิ

1 ใชใ้ นการจาแนกสง่ิ ตา่ ง ๆ เพื่อใหเ้ ห็นชดั เจน 2 ใชใ้ นการจดั องคป์ ระกอบของสงิ่ ตา่ ง ๆ เพ่ือใหเ้ กิดความสวยงาม กลมกลนื เชน่ การแตง่ กาย การจดั ตกแตง่ บา้ น 3 ใชใ้ นการจดั กลมุ่ พวก คณะ ดว้ ยการใชส้ ตี า่ ง ๆ เชน่ คณะสี เครอื่ งแบบตา่ ง ๆ 4 ใชใ้ นการสือ่ ความหมาย เป็ นสญั ลกั ษณ์ หรอื ใชบ้ อกเลา่เรอ่ื งราว 5 ใชใ้ นการสรา้ งสรรคง์ านศิลปะ เพื่อใหเ้ กดิ ความสวยงามสรา้ งบรรยากาศ สมจรงิ นา่ สนใจ 6 เป็ นองคป์ ระกอบในการมองเห็นส่งิ ตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์คณุ ครูพทั ธวรรณ ขำศริ ิ คณุ ครพู ัอทวรรณ ขาศิรแิ

พ้นื ผวิพื้นผิว หมายถงึ ลกั ษณะของบริเวณผิวหนา้ ของสงิ่ ตา่ ง ๆ ที่เมอ่ื สมั ผสั แลว้สามารถรบั รไู้ ด้ ว่ามีลกั ษณะอย่างไร คอื รวู้ ่า หยาบ ขรขุ ระ เรียบ มนั ดา้ นเนยี น สาก เป็ นตน้ ลกั ษณะที่สมั ผสั ไดข้ องพื้นผวิ มี 2 ประเภท คือ 1. พ้ืนผิวที่สมั ผสั ไดด้ ว้ ยมอื หรือกายสมั ผสั เป็ นลกั ษณะพื้นผวิ ท่ีเป็ นอย่จู ริง ๆ ของผวิ หนา้ ของวสั ดนุ น้ั ซึง่ สามารถสมั ผสั ไดจ้ ากงานประตมิ ากรรม งานสถาปัตกรรมและสงิ่ ประดิษฐอ์ ่นื ๆ 2. พ้ืนผิวที่สมั ผสั ไดด้ ว้ ยสายตา จากการมองเห็นแตไ่ ม่ใชล่ กั ษณะท่ีแทจ้ ริงของผวิ วสั ดนุ น้ั ๆ เชน่ การวาดภาพกอ้ นหินบนกระดาษ จะให้ความรสู้ ึกเป็ นกอ้ นหินแต่ มอื สมั ผสั เป็ นกระดาษ หรอื ใชก้ ระดาษพิมพ์ลายไม้ หรอื ลายหินอ่อน เพื่อปะ ทบั บนผวิ หนา้ ของสงิ่ ตา่ ง ๆ เป็ นตน้ ลกั ษณะเชน่ นถ้ี ือว่า เป็ นการสรา้ งพื้นผิวลวงตาใหส้ มั ผสั ไดด้ ว้ ยการมองเห็นเท่านน้ั คณุ ครูพทั ธวรรณ ขำศิริ คณุ ครพู อั ทวรรณ ขาศิรแิ

พื้นผิวลกั ษณะตา่ ง ๆ จะใหค้ วามรสู้ กึ ตอ่ งานศลิ ปะท่ีแตกตา่ งกนั พื้นผิวหยาบจะใหค้ วามรสู้ กึ กระตนุ้ ประสาท หนกั แนน่ มนั่ คง แข็งแรง ถาวรในขณะท่ีผิวเรยี บจะใหค้ วามรสู้ ึกเบา สบาย การใชล้ กั ษณะของพ้ืนผิวที่แตกตา่ งกนั เห็นไดช้ ดั เจนจากงานประตมิ ากรรม และมากที่สดุ ในงานสถาปัตยกรรมซึง่ มีการรวมเอาลกั ษณะตา่ ง ๆ กนั ของพ้ืนผิววสั ดุหลาย ๆ อย่าง เชน่ อิฐ ไม้ โลหะ กระจก คอนกรีต หินซึ่งมคี วามขดั แยง้ กนั แตส่ ถาปนกิ ไดน้ ามาผสมกลมกลืนไดอ้ ย่างเหมาะสม ลงตวัจนเกดิ ความสวยงามคณุ ครูพทั ธวรรณ ขำศริ ิ คณุ ครพู อั ทวรรณ ขาศิริแ

แนวคิดและวตั ถปุ ระสงคก์ ารออกแบบ แนวคิดในการออกแบบคือการกาหนดรปู แบบเพ่อื สรา้ งสรรคผ์ ลงานและแกไ้ ขปัญหา ใหส้ นองตอบความตอ้ งการของเจา้ ของพ้นื ที่ โดยอาศยั หลักองคป์ ระกอบศิลป์ และความเป็ นเอกลักษณเ์ ฉพาะบคุ คลของนกั ภมู ิทศั น์คุณครูพทั ธวรรณ ขำศริ ิ คณุ ครพู ัอทวรรณ ขาศิริแ

หลกั การจัดองคป์ ระกอบภมู ทิ ัศน์1 เอกภาพ เอกภาพ หมายถึง ความเป็ นอันหนึง่ อนั เดียวกนั ความสอดคลอ้ งกลมกลืน เป็ นหนว่ ยเดยี วกนั ดว้ ยการจัดองคป์ ระกอบใหม้ ีความสัมพนั ธเ์ กยี่ วขอ้ งกนั เป็ นกลมุ่ กอ้ นไมก่ ระจัดกระจาย โดยการจดัระเบยี บของรปู ทรง จงั หวะ เน้ือหาใหเ้ กดิ ดลุ ยภาพจะไดส้ อื่อารมณ์ ความรสู้ กึ ความหมายไดง้ า่ ยและรวดเร็ว2 ความกลมกลนื หมายถึง การจัดวัสดหุ รอื ตน้ ไมใ้ หเ้ กดิ ความกลมกลนื ของท่ีเหมอื นกนั หรอื คลา้ ยคลงึ กนั ทางดา้ นขนาด รปู รา่ ง สี ผิว และทศิ ทาง เราเรียกว่าสิง่ นั้นกลมกลืนกนั ถา้ ของท่ไี ม่เหมอื นกนั หรอื ขดั กนัคณุ ครูพทั ธวรรณ ขำศิริ คณุ ครพู ัอทวรรณ ขาศิรแิ

3 ความน่าสนใจหรือจดุ เด่น หมายถึงสว่ นสาคัญท่ปี รากฏชดั สะดดุ ตาทส่ี ดุ ในงานศลิ ปะจดุ เดน่ จะชว่ ยสรา้ งความนา่ สนใจในผลงานใหภ้ าพเขยี นมคี วามสวยงาม มีชวี ิตชวี ายิ่งขนึ้ จดุ เดน่ เกดิ จากการจดั วางท่เี หมาะสม และรจู้ กั การเนน้ ภาพท่ีดี จดุ เด่น มี 2 แบบ คอื 1.จดุ เด่นหลัก เป็ นภาพที่มคี วามสาคญั มากทส่ี ดุ ในเรอ่ื งที่จะเขยี นแสดงออกถึงเร่ืองราวที่ชดั เจน เดน่ ชดั ทสี่ ดุ ในภาพ 2.จดุ เด่นรอง เป็ นภาพประกอบของจดุ เดน่ หลกั ทาหนา้ ที่สนบั สนนุจดุ เด่นหลัก ใหภ้ าพมคี วามสวยงามยง่ิ ขนึ้คุณครูพทั ธวรรณ ขำศริ ิ คณุ ครพู อั ทวรรณ ขาศิริแ

4 การเนน้ หมายถึง การกระทาใหเ้ ดน่ เป็ นพิเศษกวา่ ธรรมดา ในงานศิลปะจะตอ้ งมี สว่ นใดส่วนหนงึ่ หรอื จดุ ใดจดุ หนึ่ง ท่ีมีความสาคัญกว่าสว่ นอื่น ๆ เป็ นประธานอยู่ ถา้ สว่ นน้นั ๆ อยปู่ ะปนกบั ส่วนอืน่ ๆ และมีลกั ษณะเหมือน ๆ กนั ก็อาจถกู กลนื หรือ ถกู สว่ นอืน่ ๆทีม่ คี วามสาคญั นอ้ ยกวา่ บดบัง หรือแยง่ความสาคญั ความน่าสนใจไปเสีย งานที่ไมม่ ีจดุ สนใจ หรือประธาน จะทาใหด้ นู ่าเบื่อ เหมอื นกบั ลวดลายทถ่ี กู จดั วางซา้ กนั โดยปราศจากความหมาย หรือเร่ืองราวทีน่ า่ สนใจดังน้ัน ส่วนนัน้ จงึ ตอ้ งถกู เนน้ ใหเ้ ห็นเด่นชดั ขนึ้ มา เป็ นพเิ ศษกว่าส่วนอน่ื ๆ ซ่ึงจะทาใหผ้ ลงานมีความงาม สมบรู ณ์ ลงตวั และน่าสนใจมากขนึ้คุณครูพทั ธวรรณ ขำศริ ิ คณุ ครพู อั ทวรรณ ขาศิรแิ

5 ความสมดลุ คอื การจดั วสั ดตุ า่ งๆ ใหเ้ กดิ ความสมดลุ กนั ในการจัดสวนตอ้ งพยายามจัดใหเ้ กดิ การสมดลุ กนั โดยเตมิ สว่ นประกอบตา่ งๆ ลงไปให้พอเหมาะ เท่าๆกนั6 จงั หวะ คอื การวางวสั ดตุ ่างๆ เป็ นชว่ ง ๆ ติดตอ่ กนั เชน่ การวางหินหรอืแผน่ กระเบ้อื งทางเทา้ การปลกู ตน้ ไมใ้ หเ้ ป็ นพ่มุ ติดต่อกนั หรอื เป็ นชว่ งๆการวางหินหรือปลกู ตน้ ไมใ้ หเ้ ป็ นจงั หวะน้ี อาจวางใหเ้ ป็ นจังหวะโดยมีขนาดเทา่ กนั หรือคอ่ ยๆเพิม่ ใหใ้ หญข่ นึ้ กไ็ ด้คุณครูพทั ธวรรณ ขำศริ ิ คณุ ครพู อั ทวรรณ ขาศิริแ

4. หลักการสนุ ทรียภาพในการจดั ภมู ทิ ศั น์ 4.1 การรบั รโู้ ดยการมองเห็น 4.2 การรบั รโู้ ดยการสมั ผสั 4.3 การรบั รโู้ ดยการไดย้ ิน 4.4 การรบั รโู้ ดยการไดก้ ลิ่น 4.5 การรบั รโู้ ดยการไดย้ นิ เสียงคุณครูพทั ธวรรณ ขำศิริ คณุ ครพู อั ทวรรณ ขาศิรแิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook