Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 04 ถอดบทเรียนงานส่งเสริมการเกษตร

04 ถอดบทเรียนงานส่งเสริมการเกษตร

Description: 04 ถอดบทเรียนงานส่งเสริมการเกษตร

Search

Read the Text Version

ถอดบทเรียนงานสง่ เสริมการเกษตร 43 ค�ำถามส�ำคญั ในการเรยี นรหู้ ลังการปฏิบตั ิการ (Retrospect) ชดุ ที่ ค�ำถาม คำ� ตอบ คำ� ถามชุดที่ 3 ❖ ในการท�ำโครงการต่อ ในการดำ� เนินงานควรปรบั กระบวนการให้มี ไปเราจะท�ำส่ิงใดท่ีดีข้นึ การเสรมิ เกร็ดความรู้ด้านการวจิ ยั ให้กับ หรือแตกตา่ งไปจาก ผู้เขา้ รว่ มโครงการมากข้ึน เพื่อให้ผู้เข้ารว่ ม เดิมบา้ งดว้ ยวิธีใด? โครงการเขา้ ใจกระบวนการ R2R ❖ ทำ� ใหเ้ ป็นทีพ่ อใจได้ ❖ ควรสรา้ งช่องทางการตดิ ต่อสอ่ื สารทง่ี ่าย อย่างไร? สะดวก รวดเรว็ เพ่อื เปน็ การแลกเปล่ยี นระหว่าง ผเู้ ข้าร่วมโครงการกับพเ่ี ล้ยี งได้เป็นอย่างดี ❖ ควรจดั กระบวนการใหง้ ่ายตอ่ การเรยี นรู้ และเสริมสร้างความเข้าใจแกผ่ ู้ท่ยี งั ไม่มี ประสบการณ์ในการทำ� วิจัยมากอ่ น ❖ ควรจดั ท�ำค่มู อื หรอื เอกสารท่ีเปน็ ตวั อยา่ ง ในการดำ� เนนิ งาน R2R ของกรมสง่ เสรมิ การเกษตรท่ปี ระสบความสำ� เร็จเพ่อื เป็น ตัวอย่างแกน่ กั ส่งเสรมิ การเกษตรท่ีสนใจ นำ� แนวคิดนไี้ ปพัฒนางาน



วธิ ที ี่ 2 การ(ถSแบอtoบดrเyบลtทeา่ lเเlรรin่อืยี gนง)

46 ถอดบทเรยี นงานสง่ เสรมิ การเกษตร วิธที ่ี 2 การถอดบทเรยี น แบบเล่าเรอ่ื ง (Storytelling) การถอดบทเรียนแบบเล่าเรื่อง (Storytelling) เป็นการปลดปลอ่ ยความรฝู้ งั ลกึ (Tacit Knowledge) ซงึ่ ยากแก่การอธิบายถ่ายทอดใหก้ ลายเปน็ ความรู้ท่ชี ดั แจง้ (Explicit Knowledge) ด้วยวิธีการเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ความส�ำเร็จใน การท�ำงานของตนเอง ใหส้ มาชิกในกลุ่มฟัง ทำ� ให้สมาชิกไดเ้ รียนรู้ จากประสบการณ์ความส�ำเร็จของผอู้ ืน่ Storytelling เปน็ เครอื่ งมืออยา่ งง่ายในการจดั การความรู้ ซ่ึงมีวิธีการไม่ยุ่งยากซับซ้อน สามารถใช้ได้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย เปน็ การเลา่ เร่ืองประสบการณใ์ นการทำ� งานของแตล่ ะคนว่า มีวธิ ี การทำ� อยา่ งไร จงึ ประสบความสำ� เรจ็ จากนนั้ ใหส้ มาชกิ ทฟ่ี งั เรอื่ งเลา่ ชว่ ยกนั ถอดบทเรยี น หรอื สกดั ขมุ ความรจู้ ากเรอ่ื งทไี่ ดฟ้ งั วา่ มปี จั จยั อะไรบา้ ง ทชี่ ว่ ยทำ� ให้งานนั้นประสบความสำ� เรจ็ เพ่อื น�ำขุมความรู้ ท่ไี ด้ฟงั จากเร่ืองเลา่ มาใช้เป็นฐานความรู้ หรือเป็นแนวทางในการ ทำ� งานให้ประสบความสำ� เร็จต่อไป

ถอดบทเรยี นงานสง่ เสริมการเกษตร 47 โดยมเี ป้าหมายใหผ้ มู้ คี วามรจู้ ากการปฏบิ ตั ปิ ลดปลอ่ ยความรู้ ทซ่ี อ่ นในตวั ตนภายใตบ้ รบิ ททเี่ ฉพาะเจาะจงทงั้ ในเชงิ ประเดน็ เนอื้ หา และผู้เก่ียวข้องซ่ึงผลท่ีไดม้ คี วามจ�ำเพาะเจาะจงสูง ควรเป็นบทเรียน ส�ำหรับการคิดต่อมากกวา่ กระทำ� ซำ�้ ในทันที โครงสร้างของเร่อื งเล่าที่ดมี ีลักษณะอย่างไร? โครงสร้างของเรื่องเล่าท่ีดีควรมีเน้ือหาครอบคลุมประเด็น สำ� คัญ 5 ขอ้ คือ 1) ผ้เู ลา่ มปี ัญหาอะไร หรอื ตอ้ งการพัฒนาอะไร 2) ใช้วธิ ีการใดแกป้ ัญหา/พัฒนางาน 3) ผลงานทเี่ กดิ ขึ้นเปน็ อยา่ งไร 4) ผู้เลา่ มคี วามรูส้ กึ อยา่ งไร ต่อการแก้ปญั หาน้ี 5) ผ้เู ลา่ ได้เรียนรู้อะไรบา้ ง จากการแกป้ ัญหาน้ี

48 ถอดบทเรียนงานส่งเสรมิ การเกษตร STTOELRLYING จดุ เนน้ ของการถอดบทเรยี นจากการเลา่ เร่ือง ❖ เงื่อนไขการเล่าเรื่อง ผู้เล่าเรื่องต้องมีความสุขในการ เล่าเรื่องเป็นอิสระ เร่ืองท่ีเล่าเป็นเร่ืองที่ประสบผลส�ำเร็จ จบลง อย่างมีความสุข ❖ ผู้อำ� นวยความสะดวก ในการเรยี นรู้ ซกั ถามด้วยความ ช่ืนชมสรา้ งบรรยากาศท่ดี เี ทา่ เทียมกัน ❖ สงิ่ สำ� คญั ในกระบวนการถอดบทเรยี นจากเรอ่ื งเลา่ คอื การสกัดความรจู้ ากเรือ่ งเลา่ เพ่ือการบรรลุผลสำ� เรจ็ ไว้เป็นความรู้ ขององค์กร สำ� หรบั ให้ผปู้ ฏบิ ตั ิงานเขา้ ถึง และนำ� ไปปรับใชใ้ นงาน ของตนเองหรอื ทีมงานได้

ถอดบทเรยี นงานสง่ เสริมการเกษตร 49 จุดเดน่ ของการถอดบทเรียนจากการเลา่ เรื่อง เน้นการดงึ ความร้ใู นเชงิ ประสบการณ์ในตัวผปู้ ฏิบัติงาน ใหป้ รากฏออกมาเปน็ ความรชู้ ดั แจง้ โดยเนน้ ความรทู้ อ่ี ยใู่ นตวั คน ที่เกิดจากประสบการณ์การท�ำงานมากกว่าความรู้เชิงทฤษฎี เน้นปฏิสัมพันธ์การถ่ายทอดความรู้เชิงประสบการณ์ เป็นการ ส่ือสาร 2 ทาง ในแนวราบระหว่างผู้ปฏิบัติงานกับผู้ปฏิบัติงาน เปน็ การสรา้ งความรจู้ ากการทำ� งาน ระหวา่ งคนในองคก์ รและนอก องค์กร เพ่ือสร้าง หรือค้นหา Best Practice ในการท�ำงาน เนน้ ความคดิ ในเชงิ บวก มงุ่ ถา่ ยทอดสง่ิ ทด่ี ี ซง่ึ นำ� ไปสคู่ วามสำ� เรจ็ ในการทำ� งาน และในความสำ� เรจ็ นน้ั มคี วามรซู้ อ่ นอยจู่ ะตอ้ งชว่ ยกนั สกดั ออกมาใหไ้ ด้ เพอื่ นำ� มาใชป้ ระโยชนใ์ นการทำ� งาน ความสำ� เรจ็ จากการทำ� งานในเรอ่ื งเลา่ เปน็ ความรทู้ ด่ี อี ยา่ งหนงึ่ ถา้ ไมด่ จี ะทำ� งานนนั้ ส�ำเร็จได้อย่างไร ถ้าท�ำงานได้ส�ำเร็จแสดงว่า ต้องเป็นวิธีการที่ดี และยงั เป็นการสรา้ งความภมู ิใจของผู้เลา่ ต่อการด�ำเนนิ งาน

50 ถอดบทเรยี นงานส่งเสริมการเกษตร ธรรมชาติของคนอยากเล่าเรื่องความส�ำเร็จท่ีตนเอง ภาคภูมิใจมากกว่าพูดถึงความผิดพลาดล้มเหลวในการท�ำงาน สว่ นผู้ฟงั กอ็ ยากจะฟงั แตเ่ ร่ืองทด่ี มี ปี ระโยชน์ Storytelling จึงเปน็ เทคนิคการจัดการความรู้ที่กระตุ้นให้ผู้เล่าอยากถ่ายทอดความรู้ อยา่ งไมป่ ดิ บงั อำ� พรางหรอื หวงวชิ า และยงั ชว่ ยกระตนุ้ ใหผ้ ฟู้ งั สนใจ ใคร่รู้เพราะฟังเรื่องเล่าความส�ำเร็จของผู้อื่นแล้ว ท�ำให้เกิด แรงบนั ดาลใจในการทำ� งาน อยากจะประสบความสำ� เรจ็ แบบนนั้ บา้ ง เมอื่ แตล่ ะคนไดเ้ ลา่ เรอ่ื งความสำ� เรจ็ ใหผ้ อู้ น่ื ฟงั ทำ� ใหเ้ กดิ การเปรยี บเทยี บ วา่ วธิ กี ารใดดกี ว่ากัน และจะพฒั นาวธิ กี ารทด่ี ที สี่ ดุ ไดอ้ ย่างไร ทำ� ให้ เกดิ การยกระดบั ความรดู้ า้ นการปฏบิ ตั ิ จากการทำ� งานแบบธรรมดา ให้กลายเปน็ วธิ กี ารท�ำงานทีด่ ีและดีทสี่ ดุ ดงั นน้ั ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ ความสำ� เรจ็ ในการถอดบทเรยี นแบบ เลา่ เรอื่ ง คอื ประสบการณแ์ ละปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างผเู้ ล่าและสมาชกิ ในทมี ทถี่ อดบทเรียน ดงั ในภาพท่ี 2

ถอดบทเรยี นงานส่งเสรมิ การเกษตร 51 5 เล่าการได้ 1 เล่าปญั หา/ 2 เล่าวธิ ี เรยี นรูจ้ ากปัญหา/ ความต้องการ แกป้ ัญหา/ พัฒนางาน พฒั นา พัฒนา ประสบการณ์ และ ปฏสิ ัมพันธ์ 4 เลา่ ความร้สู กึ 3 เลา่ ผลงาน ต่อการแกป้ ัญหา/ ทเ่ี กดิ ข้นึ พฒั นา ภาพท่ี 2 ความสมั พนั ธข์ องประเด็นทีเ่ ลา่ และปัจจยั ทส่ี ง่ ผลส�ำเร็จ ในการถอดบทเรียนแบบเลา่ เรอ่ื ง



วธิ ที ่ี 3 การเรยี นรจู้ ากบทเรยี นทด่ี ี หรอื วิธีปฏิบัติ ทีเ่ ป็นเลิศ Best Practice

54 ถอดบทเรียนงานสง่ เสรมิ การเกษตร วธิ ที ี่ 3 การเรียนรู้ จากบทเรยี นทด่ี ี หรอื วิธีปฏิบัติทีเ่ ปน็ เลิศ (Best Practice) ความหมายของ Best Practice นกั วชิ าการหลายทา่ นไดก้ ลา่ วถงึ ความหมายของ Best Practice วา่ เปน็ วธิ กี ารทำ� งานทดี่ ที สี่ ดุ ในเรอ่ื งนน้ั ๆ ซงึ่ อาจจะเปน็ ระบบบรหิ าร เทคนิควิธกี ารต่างๆ ที่ท�ำให้ผลงานบรรลเุ ปา้ หมายระดบั สูงสุด Best Practice ไมใ่ ชเ่ ปน็ เพยี งวิธีการทำ� งานที่ดี แต่เป็นการทำ� งานที่ดกี วา่ หรอื ดที สี่ ดุ ซงึ่ มที งั้ การทำ� งานในเชงิ ระบบบรหิ าร และเทคนคิ วธิ กี าร ต่างๆ ท�ำให้ผลงานน้ันบรรลุเป้าหมายสูงสุด มีค�ำอีกหนึ่งค�ำท่ีมี ความหมายใกล้เคียงกับ Best Practice คอื Good Practice เปน็ คำ� ทม่ี คี วามหมายคอ่ นขา้ งกวา้ ง ใชใ้ นความหมายเกยี่ วกบั การปฏบิ ตั งิ าน ทมี่ ปี ระสิทธภิ าพ แตอ่ าจจะยังไม่มหี ลกั ฐานยนื ยนั แน่ชดั หรอื แสดง ความถูกต้องอย่างชัดเจน อาจจะเป็นเพียงค�ำบอกเล่าปากต่อปาก ซ่ึงจ�ำเป็นต้องใช้ขอ้ มูลเชิงประจกั ษ์มายนื ยนั ผลงาน Best Practice เปน็ คำ� เฉพาะหรอื ศพั ทท์ ใ่ี ชใ้ นวงการวชิ าชพี ทแ่ี สดงถงึ ผลงานทมี่ มี าตรฐาน

ถอดบทเรียนงานสง่ เสรมิ การเกษตร 55 มีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง มีหลักฐานสนับสนุน หรือแสดงผลงาน หรือความสำ� เรจ็ ของงาน อกี คำ� ก็คอื Innovative Practice หมายถงึ จุดเน้นและแนวทางการท�ำงานที่น่าสนใจ แต่ยังไม่มีตัวชี้วัดใดบอก ความส�ำเร็จได้ และสามารถอธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการปฏิบัติ งานโดยท่ัวๆ ไปทีอ่ งคก์ รไดก้ �ำหนดวิธีปฏบิ ตั ไิ ว้ ซ่งึ อาจจะเป็นคู่มอื ใน การดำ� เนนิ งานทร่ี ะบวุ ธิ ปี ฏบิ ตั เิ มอ่ื มกี ารปฏบิ ตั แิ ละมกี ารประยกุ ตห์ รอื พฒั นาใหด้ ขี นึ้ จะเปน็ การยกระดบั องคค์ วามรใู้ นการปฏบิ ตั งิ านเปน็ การ ปฏบิ ตั ทิ ด่ี หี รอื การปฏบิ ตั งิ านทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ (Good Practice) และ หากมีการพัฒนาและเปรียบเทียบผลกับเป้าหมายขององค์กรและ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องก็สามารถยกระดับองค์ความรู้เป็น Best Practice และใช้เป็นต้นแบบในการปฏิบัติงานขององค์กรได้ ตามทีแ่ สดงความสัมพันธใ์ นภาพที่ 3

56 ถอดบทเรยี นงานส่งเสริมการเกษตร BPERSATCTICE การยกระดบั ความรู้ วิธีปฏบิ ัติทเ่ี ป็นเลิศ (Best Practice) เปรียบเทียบและพัฒนา วิธีปฏบิ ัตทิ ดี่ ี (Good Practice) ถอดสกดั วธิ ีปฏิบตั ิ (Practice) ภาพท่ี 3 แสดงความสัมพันธ์ยกระดบั องค์ความรู้จากวธิ ีปฏิบตั ทิ ่ัวไป ส่กู ารพฒั นาเป็น Best Practice

ถอดบทเรยี นงานส่งเสริมการเกษตร 57 Best Practice เป็นวิธีการท�ำงานที่ดีท่ีสุดในแต่ละเร่ืองซึ่งสามารถเกิดขึ้น ได้ในทกุ หนว่ ยงานจากหลายชอ่ งทาง ทัง้ ตวั ผ้นู ำ� ผ้รู ว่ มงาน ผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย หรือเกิดจากภาวะปัญหาและการริเร่ิมสร้างสรรค์ พฒั นางานอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนการจะพจิ ารณาวา่ เปน็ Best Practice หรอื ไม่ มีขอ้ ควรคำ� นึง เช่น เปน็ ภารกิจที่แทจ้ ริง สามารถลดเวลา และคา่ ใชจ้ า่ ย ไดผ้ ลผลติ เพม่ิ ขนึ้ สามารถใชเ้ ปน็ มาตรฐานการปฏบิ ตั ิ และผู้รบั บริการพงึ พอใจ ที่มาของ Best Practice เร่ิมตน้ จากวงการแพทย์ เปน็ วิธีการปฏิบตั งิ านทดี่ ี ไม่ว่าจะ นำ� ไปปฏบิ ตั ทิ ไี่ หน อยา่ งไร ซงึ่ ผลงานทปี่ ฏบิ ตั นิ น้ั ไดน้ ำ� ไปสผู่ ลสำ� เรจ็ หน่วยงานจ�ำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติงานท่ีดีกับ หน่วยงานย่อย และมีการแลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยงานต่างๆ ท้ังภายในและภายนอก ผลสดุ ทา้ ย คือ การนำ� Best Practice น้ันไปใช้จนเปน็ มาตรฐาน

58 ถอดบทเรยี นงานส่งเสรมิ การเกษตร ความสำ� คญั ของ Best Practice จากหลกั การทวี่ า่ “ถา้ ไดน้ ำ� ความรูไ้ ปใช้ ความรู้นนั้ กย็ งิ่ เพมิ่ คุณค่าเพราะท�ำให้เกิดการต่อยอดความรู้ให้แตกแขนงออกไป อย่างกว้างขวาง” ดังน้ันเป้าหมายส�ำคัญประการหนึ่งของการ จัดการความรูใ้ นองค์กร คอื เพ่ือให้คนในองคก์ รมี Best Practice ในการท�ำงานท่ีช่วยเพิ่มผลผลิต ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ ดงั ค�ำกลา่ วของ Peter Senge ท่ีวา่ ความรู้ คือ ความสามารถใน การทำ� อะไรก็ตาม อยา่ งมปี ระสิทธิผล (Knowledge is the capacity for effective actions) คณุ ลักษณะงานของ Best Practice Best Practice เป็นพลงั ที่ช่วยกันยกระดับความคดิ สามารถ มีมุมมองท่ีแตกต่าง หลากหลาย ยอมรับมุมมองท่ีแตกต่างจาก มุมมองของตนไดด้ ีข้นึ มีประเดน็ ในการพจิ ารณาเป็นสงั เขป ดงั น้ี 1 เป็นเร่อื งท่ีเกย่ี วขอ้ งกับภารกจิ โดยตรงของหนว่ ยงาน 2 สนองตอ่ นโยบายการแกป้ ญั หา การพฒั นาประสทิ ธภิ าพ ของหนว่ ยงาน 3 ลดข้นั ตอน ลดรอบระยะเวลาการท�ำงาน

ถอดบทเรียนงานส่งเสริมการเกษตร 59 4 ลดทรัพยากร ลดคา่ ใช้จา่ ย 5 การนำ� เทคโนโลยีมาใช้ประกอบการทำ� งาน 6 วธิ กี ารรเิ รมิ่ สรา้ งสรรคข์ นึ้ มาใหม่ หรอื ประยกุ ตข์ น้ึ ใหม่ 7 สามารถท�ำแผนผังเชงิ เปรียบเทยี บวิธีการเก่าและใหม่ และสง่ิ ที่เปน็ วธิ ใี หมจ่ ะใหป้ ระโยชนอ์ ะไรที่ดกี ว่าวธิ เี ก่า 8 อำ� นวยความสะดวกในการใช้ 9 วางระบบในการใหบ้ รกิ าร และมชี อ่ งทางทห่ี ลากหลาย ในการใหบ้ รกิ ารดงั กล่าว 10 สามารถเทียบเคียงวิธีการท�ำงานลักษณะเดียวกันกับ หนว่ ยงานอ่นื ได้ 11 ผลผลติ /ความสำ� เร็จเพม่ิ ขึ้น 12 ความพงึ พอใจของผู้รับบริการ 13 สามารถนำ� ไปใชเ้ ปน็ มาตรฐานการทำ� งานตอ่ ไปไดย้ งั่ ยนื พอสมควร 14 การพัฒนาปรับปรงุ ตอ่ ไป

60 ถอดบทเรียนงานส่งเสรมิ การเกษตร Best Practice กบั การจดั การความรทู้ เ่ี ปน็ Tacit Knowledge การจดั การความรจู้ ะบรรลเุ ปา้ หมายได้ ตอ้ งทำ� ให้ Best Practice ท่ีเป็น Tacit Knowledge ซึ่งอยู่ในตัวคนให้กลายเป็น Explicit Knowledge หรือความรู้ที่ปรากฏให้เห็นชัดแจ้ง เช่น เอกสาร รายงาน คมู่ อื การปฏบิ ตั งิ าน เพอื่ ใหผ้ อู้ น่ื ไดน้ ำ� ไปใชพ้ ฒั นางานแบบ ต่อยอดความรู้ และสามารถจัดเก็บ Best Practice นั้นไว้ใน คลงั ความรู้ ขององคก์ รไมใ่ หค้ วามรนู้ นั้ หายไปกบั บคุ คล เมอื่ บคุ คลนน้ั ออกจากหน่วยงานแล้ว ประพนธ์ ผาสขุ ยดื (2547 : 48) ไดก้ ลา่ ววา่ จากประสบการณ์ ท�ำงานที่ผ่านมามีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมายภายในองค์กรของเรามี ส่งิ ท่ีเรยี กวา่ Best Practice เกิดข้ึนในองค์กร แตค่ นในองคก์ รเอง กับไมร่ ผู้ ล ก็คอื เวลาจะทำ� อะไรกต็ อ้ งเริม่ ต้นกนั ใหมห่ มดทง้ั ๆ ที่ หลายเรอื่ งไมจ่ �ำเป็นตอ้ งเร่มิ จากศูนยเ์ สมอไป เพราะสามารถเรียนรู้ ได้จากสิ่งท่ีมีอยู่แล้วภายในองค์กรของเรา ซึ่งอาจจะหมายถึงจาก หน่วยงานข้างเคยี งกไ็ ด้

ถอดบทเรียนงานสง่ เสรมิ การเกษตร 61 CoPExplicit Knowledge oCf oPmramcutnicitey ผบู้ รหิ ารตอ้ งสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารพฒั นา Best Practice ใหไ้ ดว้ ธิ กี าร ที่ดีกว่าเดิมยิ่งๆ ข้ึนไป เป็นวงจรที่ก้าวหน้าอย่างไม่สิ้นสุด และน�ำ Best Practice นน้ั เขียนเปน็ เอกสาร หรอื เผยแพรใ่ น Intranet หรือ Website ของหน่วยงาน เพื่ออ�ำนวยความสะดวกให้คนใน องค์กรได้ศึกษาแลกเปล่ียนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็น CoP (Community of Practice) หรอื ชุมชนนักปฏิบัติ การถอดบทเรียน จากบทเรียนท่ดี หี รอื วธิ ีปฏิบัตทิ ีเ่ ป็นเลิศ (Best Practice) มีดว้ ยกนั 6 ขั้นตอน คือ 1) ค้นหาโจทย์ถอดบทเรียนวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ 2) ก�ำหนดประเดน็ ถอดบทเรยี น 3) จัดเก็บข้อมลู 4) เขียนผล เบอื้ งต้น 5) วิเคราะห/์ สังเคราะห์ และ 6) สรปุ ผลการถอดบทเรียน ดังในภาพที่ 4

62 ถอดบทเรยี นงานสง่ เสรมิ การเกษตร 1 คน้ หาโจทย์ ถอดบทเรยี น ความเป็นเลศิ 6 สรปุ ผลการ ความเป็นเลศิ 2 กำ� หนดประเด็น ถอดบทเรียน คอื ส�ำเรจ็ ถูกตอ้ ง ถอดบทเรยี น 5 วิเคราะห์/ ต่อเนอื่ ง และเปน็ 3 จัดเก็บขอ้ มูล สังเคราะห์ ท่ยี อมรับ 4 เขยี นผล เบือ้ งตน้ ภาพท่ี 4 แสดงขน้ั ตอนการด�ำเนินงานในการถอดบทเรยี น จากบทเรยี นท่ดี ีหรอื วธิ ปี ฏิบัตทิ เ่ี ป็นเลศิ (Best Practice)

ถอดบทเรยี นงานสง่ เสรมิ การเกษตร 63 แนวคิดหลักของวธิ ีปฏิบัติทีเ่ ป็นเลศิ (Best Practice) จากที่กล่าวมาถึงความหมาย ความสำ� คญั ลกั ษณะ และ ความสัมพันธร์ ะหว่าง Best Practice กับการจดั การความรู้ทเ่ี ป็น Tacit Knowledge สามารถสรปุ แนวคดิ หลกั ของวธิ ปี ฏบิ ตั ทิ เี่ ปน็ เลศิ (Best Practice) คือ การทำ� ส่ิงทถี่ กู ตอ้ ง และปรบั ปรุงพฒั นาให้ ดขี น้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง วธิ ปี ฏบิ ตั ทิ เี่ ปน็ เลศิ เปน็ แนวคดิ ทก่ี อ่ ตวั จากทฤษฎี การเรียนรผู้ ่านการปฏบิ ัติ (Learning by Doing) วิธปี ฏิบัตทิ เี่ ป็นเลศิ เป็นเคร่ืองมือในการบริหารจัดการเพื่อน�ำองค์กรไปสู่ความส�ำเร็จ ในกรณีศึกษาวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศของปัจเจกบุคคล เป็นการเรียนรู้ จากประสบการณข์ องผทู้ ีป่ ระสบผลส�ำเร็จ ในดา้ นน้ันๆ กระบวนการแลกเปล่ยี นเรียนรู้ (sharing) เช่น การจดั งาน วันที่แสดงวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ เพื่อให้นักปฏิบัติท่ีดีมาแลกเปลี่ยน ประสบการณร์ ะหวา่ งกนั เปน็ การแบง่ ปนั การเรยี นรู้ แบง่ ปนั บทเรยี น ที่ดี ท�ำให้เกิดการแลกเปล่ียนข่าวสารและนวัตกรรมความคิดที่ หลากหลาย มมี มุ มองขา้ มองคก์ ร และคน้ พบการแกป้ ญั หาทท่ี า้ ทาย ในอนาคต จะท�ำให้องค์กรไม่ถอยหลังและรุดหน้า เปิดโอกาสให้ ผเู้ กยี่ วขอ้ งไดช้ ว่ ยกนั ตงั้ เปา้ หมายความสำ� เรจ็ ทต่ี อ้ งการ (Benchmark) และชว่ ยใหห้ นว่ ยงานระบวุ ธิ กี ารทจ่ี ะปรบั ปรงุ กระบวนการดำ� เนนิ งาน ใหบ้ รรลุรวมท้งั หาวิธกี ารใหม่เพอื่ พฒั นางานต่อไป

64 ถอดบทเรยี นงานส่งเสริมการเกษตร นอกจากนี้วิธีปฏิบัติท่ีเป็นเลิศในโครงการวิจัยและพัฒนา หมายถงึ กลยทุ ธท์ ดี่ ที ส่ี ดุ สอดคลอ้ งกบั บรบิ ททางสงั คม และวฒั นธรรม ของมนษุ ยม์ ากทส่ี ดุ ในชว่ งเวลานนั้ เปน็ แนวทางปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหบ้ รรลุ เปา้ หมาย คอื ความสามารถในการพง่ึ พาตนเองได้ขององคก์ ร คำ� ถามในการถอดบทเรยี น ❖ ข้อ 1 โจทย์หรือคำ� ถาม (what & why) ถอดบทเรยี น อะไรและถอดเพ่อื อะไร? ข้อนส้ี �ำคัญมาก เพราะเหมอื นเป็นกรอบ แนวทางให้เราเลือกวิธีการเพ่ือให้ไดม้ าซง่ึ ข้อมูลท่ตี ้องการ ❖ ขอ้ 2 ใคร? (what) คือคนท่เี ราจะถอดบทเรียน ❖ ข้อ 3 วธิ ีการไหน? (How) ควรเลอื กให้สอดคลอ้ งกบั ขอ้ 2 ซ่งึ สามารถยดื หยุ่น ปรับเปลยี่ นให้สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ ❖ ขอ้ 4 มุ่งหา “บทเรียนทีด่ ี” (Best Practice) กรณี ทีม่ บี ทเรียนท่ีดี แตต่ า่ งบรบิ ท การหาบทเรยี นทีด่ ถี อื ว่าเป็นการได้ สุดยอดความรทู้ ่มี พี ลังหรอื ความรทู้ ี่ทรงอานุภาพ

ถอดบทเรยี นงานส่งเสรมิ การเกษตร 65 ลักษณะคำ� ถามทสี่ ร้างการเรยี นรู้ ❖ เปน็ คำ� ถามเปดิ ใหค้ ดิ มองภาพ เรา้ ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มกระบวนการ แลกเปลยี่ นเรียนรไู้ ด้ตอบ ❖ เปน็ คำ� ถามเปดิ ทกี่ ระตนุ้ ใหส้ ามารถวางเปา้ หมายระหวา่ ง การทำ� งานในระยะสั้นและระยะยาวได้ ❖ เป็นค�ำถามเปิดที่ส่งเสริมให้มองย้อนการด�ำเนินงานใน ระยะทผี่ า่ นมาสามารถเปรยี บเทยี บผลทเ่ี กดิ ขนึ้ และปรบั การดำ� เนนิ งาน ในระยะตอ่ ไปได้ ❖ เปน็ คำ� ถามทไี่ มบ่ บี คน้ั แตส่ ง่ เสรมิ ภาพลกั ษณข์ องผทู้ ต่ี อบ สรา้ งความภาคภูมิใจที่จะเลา่ และอยากเลา่ รูปแบบค�ำถามท่ใี ช้ ❖ ถามซำ�้ เพอื่ “ตกผลกึ ดา้ นความคดิ ” เปน็ ขอ้ มลู พน้ื ฐาน ที่ดีสำ� หรบั การตงั้ คำ� ถามแบบล้วงลกึ ลงไป ❖ ถามล้วงลึก ใช้เมื่อเราได้ประเด็นท่ีน่าสนใจ “ยิ่งลึก ยิง่ นา่ สนใจ ยิง่ ตอ้ งต้งั ค�ำถาม” ❖ การถามแบบท้าทาย

66 ถอดบทเรยี นงานสง่ เสรมิ การเกษตร การเรียนรกู้ ารตั้งคำ� ถาม ❖ ยดึ วตั ถปุ ระสงคข์ องงานเปน็ สำ� คญั ? วา่ มวี ตั ถปุ ระสงค์ อะไร? อยากไดค้ �ำตอบอะไร? อยากได้บทเรยี นเร่อื งอะไร? แล้ว น�ำมาออกแบบโครงสร้างค�ำถามคร่าวๆ ให้ครอบคลุมประเด็นที่ ต้องการถอดบทเรียน เปน็ การท�ำโครงสร้างค�ำถาม เปรยี บเสมอื น ทำ� ให้เราไมห่ ลดุ กรอบส่งิ ท่เี ราตอ้ งการ ❖ การตงั้ คำ� ถาม/โจทยก์ ารถอดบทเรยี น ควรเปน็ ประเดน็ ที่มนี ัยส�ำคญั ตอ่ ความสำ� เร็จของโครงการ (strategic points) ไม่ ควรถอดบทเรยี นทกุ เรอ่ื ง ❖ การตงั้ คำ� ถามทดี่ ี ตอ้ งตงั้ คำ� ถามอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอน โดย เริ่มจากสถานการณ์ที่ท�ำให้เรียนรู้ถึงสภาพที่เป็นอยู่ ต้นเหตุของ เหตุการณห์ นงึ่ ผู้เกี่ยวข้องกบั เหตกุ ารณน์ ั้นๆ ❖ สรุป คือ สร้างความเชื่อมั่นในการตั้งค�ำถามจาก คำ� ถามนนั้ ๆ งา่ ยๆ และเนน้ การแลกเปลยี่ นเรียนรทู้ ส่ี ร้างสรรค์ การท่ีจะถามให้เป็นต้องเร่ิมจากการศึกษาข้อมูลพ้ืนฐานด้วย ความสนใจ ใฝ่รู้ และการเปน็ บคุ คลเรยี นรู้

ถอดบทเรียนงานสง่ เสรมิ การเกษตร 67 ต วั แอแลกลยะผาะเจ้ทู่ากรขาง่ีสดยดิกาำ�นผกกยเลานใาผรจงรนิลทานถงนกี่ ำ�อการทไนดรปมีป่ มใบสใรนชสง่ทะป้เก่งสเสรรรเบรสยีะณมิคโรนกยตีวมิจชาาา่การนมงกาเสๆก์ตร�ำษ่อเBเเกตไรพeษป็จรsอ่ื tตไมนดPารำ�ด้กrจชaำ�มึงดุเcนาไคtยดiนิcวท้ดeงาจ่ี�ำมาะเนรนนทู้สิน�ำงไ่่ี มกดเสามา้ เรรพามิถเอื่ ผกอกยาดารแรบเพกเทรรษียเ่เตพรนรยีอื่ รนใู้ห้



กรณที ่ี 1 ถอดบทเรยี นการด�ำเนินงานพฒั นา การเกษตรของ ศบกต.ทงุ่ ตำ� เสา อำ� เภอหาดใหญ่ จงั หวัดสงขลา

70 ถอดบทเรยี นงานส่งเสรมิ การเกษตร กรณีท่ี 1 ถอดบทเรียนการด�ำเนนิ งานพัฒนา การเกษตรของ ศบกต.ทุ่งตำ� เสา อ�ำเภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา ต้ังโจทย์ โจทย์ในการถอดบทเรียนได้มาจากหลักการด�ำเนินงาน ของศบกต.ทกี่ ำ� หนดไวต้ ามหลกั การถา่ ยโอนภารกจิ ของ ศบกต. โดย ทมี งานมกี ารพดู คยุ กนั เพอื่ หาโจทยใ์ นการถอดบทเรยี นได้ 2 โจทย์ คือ ❖ โจทย์ที่ 1 การใช้ ศบกต. เปน็ กลไกในการปฏบิ ตั งิ านสง่ เสรมิ การเกษตรไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลได้อย่างไร? ❖ โจทย์ท่ี 2 การประสานและบูรณาการการท�ำงานท่ดี ี ระหวา่ ง ศบกต. และ อบต. มแี นวทางและวธิ กี ารอยา่ งไร?

ถอดบทเรียนงานสง่ เสริมการเกษตร 71 ประเดน็ วิธกี าร 1. ขอ้ มลู พนื้ ฐานต�ำบล เชน่ เศรษฐกจิ /สังคม/ ขอ้ มูลมอื 2 จาก อบต. และเจ้าหนา้ ที่ ชวี ภาพ/ขอ้ มลู พื้นฐาน อบต. ส่งเสริมการเกษตร 2. การบรหิ ารงานของ อบต. ในด้านตา่ งๆ สนทนากลุ่มที่ ศบกต. ดงู านในพ้นื ที่ เชน่ การบริหารองคก์ ร แผนการดำ� เนนิ งาน และงบประมาณ 3. การบริหารงานของ ศบกต. สนทนากลุ่มที่ ศบกต. ❖ กระบวนการทำ� งาน ❖ การบรหิ าร ศบกต. ❖ การบรหิ ารงาน 4 ด้าน ตามระบบ สง่ เสรมิ การเกษตร (ขอ้ มูล แผนพัฒนาเกษตร การบริการและการถา่ ยทอดเทคโนโลยี) แนวทางการพดู คุยในแต่ละประเดน็ มีดงั นี้ ❖ การด�ำเนนิ งาน ในเรือ่ งตอ่ ไปนี้ กระบวนการ/วธิ ีการ/ เทคนคิ การสนบั สนุนการเชอ่ื มโยงงาน และบทบาทของผู้เกีย่ วข้อง ❖ ผลที่เกิดข้ึน ปัจจัยที่ท�ำให้ส�ำเร็จ ปัญหา/อุปสรรค/ การแกไ้ ขและตัวอยา่ งทีเ่ ห็นเปน็ รปู ธรรม

72 ถอดบทเรียนงานส่งเสรมิ การเกษตร สรุปผลการถอดบทเรยี นกลไกขับเคลอื่ นงาน ศบกต.ทุง่ ต�ำเสา การบริหารจัดการขอ้ มลู ❖ เน้นการมีสว่ นร่วมของคณะกรรมการบริหารศบกต. การจดั ท�ำและบรู ณาการแผน ❖ ใชก้ ระบวนการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนโดยผ่านเวทปี ระชาคม ของหม่บู า้ น ต�ำบล และน�ำเขา้ สภาอบต. การบรกิ าร/ประชาสมั พนั ธ์ ❖ ใชว้ ธิ กี ารศบกต.สญั จรเปน็ การใหบ้ รกิ ารทเ่ี ขา้ ถงึ เกษตรกร ❖ คณะกรรมการศบกต.เต็มใจให้ความช่วยเหลือ/บริการ เกษตรกรเปน็ อย่างดี การจัดการเรยี นรู/้ การถา่ ยทอดเทคโนโลยี ❖ คณะกรรมการบริหารศบกต.สนใจเรียนรู้/ค้นหาข้อมูล ใหมๆ่ เพือ่ พัฒนางานในชมุ ชน ❖ การสร้างเครือข่ายเรียนรู้/ถ่ายทอดเทคโนโลยีโดย อาสาสมัครเกษตร

ถอดบทเรยี นงานส่งเสริมการเกษตร 73 สรปุ ผลการถอดบทเรียนกลไกขับเคล่อื นงาน ศบกต. ท่งุ ต�ำเสา บริบทชมุ ชน เคล็ดลับความสำ� เร็จ คณะกรรมการบรหิ าร ❖ คนในชุมชนเรียนรู้จากภูมิปัญญาและ ศบกต. เทคโนโลยีใหม่ๆ เพ่ือพัฒนาชุมชนของ ตนเอง ❖ กระบวนการคัดเลือกอย่างมี ❖ คนในชมุ ชนมคี วามเสยี สละทำ� งานเพอื่ สว่ นรว่ มจงึ ไดค้ นทม่ี ีจติ อาสา สว่ นรวม และมีความสัมพันธ์ทีด่ ีตอ่ กัน เสยี สละเพอื่ ส่วนรวม ❖ ผู้น�ำชุมชนให้ความส�ำคัญกับการ ❖ มีการสอื่ สารและสรา้ ง เกษตรและใหก้ ารสนบั สนนุ การดำ� เนนิ งาน ปฏิสัมพนั ธท์ ีด่ ี ทเี่ กดิ ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชน เพอ่ื ใหเ้ กษตรกร/ ❖ การเช่อื มโยงการทำ� งานกับ ชมุ ชนพึ่งพาตนเองได้ ชุมชน/รับฟังความคิดเหน็ และ ชว่ ยเหลอื แก้ปัญหาการเกษตร เจ้าหน้าท่ีส่งเสรมิ การเกษตร ในพ้นื ที่ ❖ การจดั หาเครือข่ายในการ ❖ ตงั้ ใจจริง เสยี สละ ทำ� งานเพ่อื ทำ� งานรว่ มกบั ศบกต.โดยให้ สว่ นรวม คณะกรรมการ ศบกต.เป็น ❖ ให้ความสำ� คัญกบั คณะกรรมการ เจ้าภาพด�ำเนินงานและหา ศบกต. ทมี งานท�ำงานในแต่ละภารกจิ ❖ ประสานงานกับภาคที เ่ี กีย่ วขอ้ ง ❖ การทำ� งานสอดคลอ้ งกบั วิถชี วี ติ ของชุมชน

74 ถอดบทเรียนงานส่งเสริมการเกษตร เ บอ้ื งหลงั การถอดบทเรียน ❖ การทำ� งานเปน็ ทมี ระหวา่ งกองแผนงาน สำ� นกั พฒั นาการ ถา่ ยทอดเทคโนโลยี และ กองวจิ ยั และพฒั นางานสง่ เสรมิ การเกษตร เรมิ่ จากการไดร้ บั คำ� สงั่ จาก อธส. ใหไ้ ปถอดบทเรยี นการดำ� เนนิ งาน ของศบกต.ทุ่งต�ำเสา จึงได้มีการเตรียมการก่อนลงพ้ืนที่ เพ่ือหา ประเดน็ ทจี่ ะพดู คยุ กบั ศบกต. ประมาณ 3 ครง้ั กอ่ นลงพน้ื ท่ี แบง่ งาน กันท�ำระหวา่ งทีมงาน คือ ซักถาม 2 คน จดบนั ทึกละเอียด 1 คน พรอ้ มอดั เสียง และจับประเดน็ ด้วย Mind Map 1 คน ❖ สว่ นประเดน็ ทจี่ ะเขยี นแบง่ กนั หลงั จากทอี่ อกจากพน้ื ทแ่ี ลว้ ครง้ั ตอ่ ไปน่าจะแบง่ ประเดน็ ทจ่ี ะเขียนกนั กอ่ นลงพน้ื ท่ี เพอื่ สามารถ เตรยี มการซักถามจดบันทึกไดต้ รงประเด็นมากข้ึน

ถอดบทเรียนงานส่งเสรมิ การเกษตร 75

76 ถอดบทเรยี นงานส่งเสริมการเกษตร ❖ ข้อสังเกต ในการจดบันทึก ควรโน้ตค�ำพูดท่ีส�ำคัญๆ ไว้วา่ ใครเปน็ ผ้พู ูด หรอื อัดเทปไว้ ❖ บรรยากาศในเวทกี ารถอดบทเรยี น ในวนั แรกดำ� เนนิ งานทศ่ี บกต. มคี ณะกรรมการบรหิ ารศบกต. เขา้ รว่ มเวทจี ำ� นวนมาก จงึ มกี ารพดู คยุ แลกเปลย่ี นกนั บรรยากาศคอ่ นขา้ งดไี มซ่ เี รยี สมากนกั แต่ในวันท่ี 2 เป็นเวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่างเจ้าหน้าที่ของ สำ� นกั งานเกษตรอ�ำเภอ ซึง่ มกี ารพูดคุยซกั ถาม เจ้าหนา้ ทสี่ ง่ เสริม การเกษตรระดบั ตำ� บล (นางชนญั ชดิ า หนสู คี ง) คอ่ นขา้ งมาก ทำ� ให้ บรรยากาศค่อนข้างซเี รยี ส ตอ้ งหยุดพกั บ้างแล้วค่อยมาคุยกนั ตอ่

ถอดบทเรียนงานส่งเสรมิ การเกษตร 77

78 ถอดบทเรยี นงานสง่ เสริมการเกษตร ❖ เทคนิคการเขียน หลังจากออกจากพน้ื ทีค่ วรรีบเขียน ทันที เพราะยงั จ�ำเรอ่ื งราวไดอ้ ยู่ และอยา่ คดิ วา่ การเขียนครงั้ แรก แล้วจะต้องดีท่ีสุด ถ้าคิดอย่างนี้มักจะยากท่ีจะเริ่มต้นจรดปากกา ดงั น้นั เขยี นรา่ งท่ี 1 ออกมาใหไ้ ด้ก่อนแลว้ การแกไ้ ขในครง้ั ต่อๆ ไป ก็ไม่ใช่เร่ืองยากแล้ว จากประสบการณ์ในการถอดบทเรียนครั้งน้ี

ถอดบทเรียนงานสง่ เสรมิ การเกษตร 79 ทกุ คนกก็ ลับมาเขยี นรา่ งที่ 1 กอ็ อกมา 4 คน 4 สไตล์ สุดท้าย แลว้ คงตอ้ งปรบั ใหเ้ ปน็ สไตลเ์ ลา่ เรอื่ ง เพอื่ ใหค้ นอา่ นไมเ่ ครยี ด คอื ได้ ทัง้ ความร้แู ละความรู้สกึ ด้วย (แตค่ นเขียนเครียด) ยังไม่รู้ว่างานน้ี จะตอ้ งแก้ไขกร่ี อบ



กรณีที่ 2 การถอดบทเรียน ตลาดชมุ ชนสนิ คา้ เกษตร กรณีตลาดดอนแขวน ต�ำบลสขุ ไพบูลย์ อ�ำเภอเสงิ สาง จงั หวดั นครราชสีมา

82 ถอดบทเรียนงานสง่ เสรมิ การเกษตร กรณีท่ี 2 การถอดบทเรยี นตลาดชมุ ชนสินค้าเกษตร กรณตี ลาดดอนแขวน ต�ำบลสุขไพบูลย์ อำ� เภอเสงิ สาง จงั หวัดนครราชสมี า ❖ จุดเร่ิมต้น ส่วนส่งเสริมสินค้าเกษตร ส�ำนักส่งเสริมและ จัดการสินค้าเกษตร ได้รับมอบหมายให้ด�ำเนินการถอดบทเรียน ตลาดชมุ ชนสนิ คา้ เกษตร โดยมคี ำ� ถามพนื้ ฐานตา่ งๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ตลาดชมุ ชนมากมาย เชน่ ความหมายหรอื ขอบขา่ ยของคำ� จำ� กดั ความ ของตลาดชมุ ชน รปู แบบตลาดชมุ ชนทปี่ ระสบความสำ� เรจ็ ปจั จยั ท่ี สง่ ผลใหเ้ กดิ ความสำ� เรจ็ ตวั อยา่ งตลาดชมุ ชนทปี่ ระสบความสำ� เรจ็ ฯลฯ ❖ หาเพอื่ น โดยขอความรว่ มมอื ไปยงั กองวจิ ัยและพัฒนางาน สง่ เสรมิ การเกษตรรว่ มดำ� เนนิ การ เปน็ ทป่ี รกึ ษา และรว่ มจดั เตรยี ม ประเด็นตัง้ โจทย์เพอ่ื การสอบถามผู้เกี่ยวขอ้ งทกุ ฝ่าย ทั้งผซู้ ้ือผู้ขาย พอ่ คา้ คนกลางในทอ้ งถนิ่ พอ่ คา้ แมค่ า้ ปลกี ตา่ งถน่ิ และเจา้ ของตลาด ต่อมาจงึ ชว่ ยกนั ❖ ตัง้ ประเดน็ ค�ำถาม ซง่ึ เปน็ กระบวนการดำ� เนนิ งานรว่ มกนั ระหวา่ ง สสจ.และ กวพ. เพอื่ พฒั นาโจทยใ์ นการถอดบทเรยี นรว่ มกนั 2 คร้ัง ดว้ ยการน�ำหลกั การตลาด 4P มาใช้ รวมถงึ การรวบรวม

ถอดบทเรยี นงานส่งเสรมิ การเกษตร 83 ข้อมูลจากหลักการตลาด 4P การตรวจเอกสารตา่ งๆ แล้วนำ� มา ตง้ั ประเด็นคำ� ถาม หลังจากนนั้ ❖ ด�ำเนินการถอดบทเรียนในชุมชน โดยแบ่งทีมงานออก ซกั ถามแตล่ ะกลมุ่ เปา้ หมายพรอ้ มบนั ทกึ อยา่ งละเอยี ดทงั้ การบนั ทกึ เสยี ง จดบันทกึ โดยใชป้ ระเด็นค�ำถามตาม Mind Map ที่ร่วมดำ� เนินการ และลงไปเกบ็ ขอ้ มลู ในพนื้ ทท่ี ตี่ ลาดดอนแขวน อำ� เภอเสงิ สาง จงั หวดั นครราชสีมา v การถอดบทเรียนตลาดชุมชนสินค้าเกษตร กรณีตลาด ดอนแขวนได้ก�ำหนดให้มีการสัมภาษณ์หรือสอบถามผู้เกี่ยวข้อง ทกุ ภาคส่วน ไดแ้ ก่ 1) การดำ� เนนิ งานตลาดดอนแขวน 2) เจา้ ของตลาด 3) เกษตรกร 4) ผ้บู รโิ ภค โดยใช้ Mind Map เปน็ เครอื่ งมอื หรอื เครอ่ื งชว่ ยจำ� ภายหลงั ท่ีมีการก�ำหนดประเด็นคำ� ถาม และการจดบันทึก

84 ถอดบทเรียนงานส่งเสริมการเกษตร การถอดบทเรียนคร้ังแรกได้มีการพูดคุยกับนายทวีสิทธ์ิ นามประเสรฐิ เกษตรอำ� เภอเสงิ สาง และนายจารพุ ฒั น์ ไตรพฒั นจนั ทร์ เกษตรต�ำบลสุขไพบูลย์รวมทั้งเจ้าหน้าท่ีหลายๆ ท่านที่ส�ำนักงาน เกษตรอำ� เภอเสงิ สาง เพื่อเกบ็ ขอ้ มลู ในภาพกวา้ ง ครั้งต่อมาจงึ ได้ เร่มิ ลงสำ� รวจตลาด และสัมภาษณเ์ จา้ ของตลาด พ่อค้าคนกลางอีก 2-3 ครง้ั รวมทง้ั เกษตรกรผถู้ กู ถามแตล่ ะรายยงุ่ อยกู่ บั ภารกจิ ของตน ทำ� ใหไ้ มค่ อ่ ยมสี มาธใิ นการตอบคำ� ถามมากนกั จงึ เกดิ การนดั สมั ภาษณ์ ครั้งท่ี 3 กบั ผู้ท่ีเก่ยี วข้องภายหลงั ท่ตี ลาดวายแลว้

ถอดบทเรียนงานสง่ เสริมการเกษตร 85 ❖ การวเิ คราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ มลู เมอ่ื ไดข้ อ้ มลู มาแลว้ จงึ ร่วมกันวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูล ด้วยการน�ำข้อมูลที่ตอบโจทย์ แตล่ ะขอ้ มาวเิ คราะห์ รว่ มกบั ทฤษฎสี ว่ นประสมการตลาด 4P เพอ่ื ตอบโจทยเ์ รอื่ งการดำ� เนนิ งานของตลาดชมุ ชน รวมถงึ วเิ คราะหป์ จั จยั สนบั สนุน และปจั จยั ท่ีเปน็ อปุ สรรคในการด�ำเนนิ งานตลาดชมุ ชน จนกระทงั่ ประสบความสำ� เรจ็ ประเดน็ วัตถุประสงค์ โจทย์ ❖ การดำ� เนนิ งานของตลาดดอนแขวน เพื่อศึกษาวิธีการด�ำเนินงานของ เป็นอย่างไร? ตลาดชมุ ชนแต่ละรปู แบบ ปจั จยั สนับสนุนและปัจจยั อุปสรรค การสัมภาษณ์เชิงลึก และการจัด ในการด�ำเนนิ งานตลาดชุมชน focus group จากนั้นน�ำขอ้ มลู มา แต่ละรูปแบบมีอะไรบ้าง ? วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพ่ือตอบ วัตถปุ ระสงค์การวจิ ยั บุคคลเปา้ หมาย ❖ เจ้าของตลาด สัมภาษณเ์ ชิงลกึ ❖ พ่อค้าในพ้ืนทีแ่ ละนอกพ้ืนที่ สัมภาษณ์เชิงลึก ❖ ผซู้ ้อื ทวั่ ไปและผู้ซอื้ ไปขายต่อ สมั ภาษณเ์ ชิงลึก



กรณีที่ 3 การถอดบทเรยี นการบริหารจัดการ เพอ่ื ปอ้ งกันกำ� จดั เพล้ยี แป้ง ในมันส�ำปะหลงั ของ ส�ำนกั งานเกษตรจงั หวดั นครราชสมี า

88 ถอดบทเรยี นงานสง่ เสรมิ การเกษตร กรณที ่ี 3 การถอดบทเรยี นการบริหารจัดการ เพ่ือป้องกันก�ำจัดเพลยี้ แป้งในมันสำ� ปะหลงั ของสำ� นกั งานเกษตรจงั หวดั นครราชสีมา ตง้ั แตต่ น้ ปี 2551 พบวา่ มปี ญั หาการะระบาดของแมลงศตั รูพชื ในมนั สำ� ปะหลงั โดยเฉพาะเพลย้ี แปง้ ไดท้ วคี วามรนุ แรงเพมิ่ ขน้ึ เรอ่ื ยๆ ในพ้ืนท่ี 45 จังหวัดท่ีปลูกมันส�ำปะหลัง ของประเทศไทย ซง่ึ สำ� นกั งานเกษตรจงั หวดั นครราชสมี าเปน็ จงั หวดั หนง่ึ ทดี่ ำ� เนนิ งาน ในการปอ้ งกนั กำ� จดั เพลยี้ แปง้ มนั สำ� ปะหลงั อยใู่ นระดบั ทดี่ ี สามารถ ดำ� เนนิ งานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล โดยทมี งานของ สำ� นกั งานเกษตรจงั หวดั สามารถทำ� งานร่วมกนั ได้เป็นอย่างดี และ สามารถบรู ณาการ การทำ� งานกบั หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งเพอ่ื รว่ มกนั ปอ้ งกนั กำ� จดั เพลย้ี แปง้ ดงั นนั้ กรมสง่ เสรมิ การเกษตรจงึ ไดด้ ำ� เนนิ การ ถอดบทเรยี น สรปุ และสงั เคราะหก์ ารบรหิ ารจดั การในการปอ้ งกนั กำ� จัดเพล้ียแป้งของสำ� นักงานเกษตรจังหวดั นครราชสีมา เพอื่ เปน็ แนวทางใหผ้ ้สู นใจสามารถน�ำไปปรบั ใช้ตอ่ ไป

ถอดบทเรียนงานส่งเสรมิ การเกษตร 89

90 ถอดบทเรยี นงานส่งเสรมิ การเกษตร การวางแผน เจา้ หนา้ ท่ี 3 การบริหารวัสดุอปุ กรณ์ ชมุ ชน การจดั ซ้อื เจา้ หนา้ ที่ การวางแผน 4 การจดั การ การจัดซื้อ ชมุ ชน กำ� หนดมาตรการระยะสน้ั /ยาว จดั ตัง้ ทมี งานเฉพาะกิจ เผยแพร่งานประชาสมั พนั ธ์ ประสานงานกบั เครอื ขา่ ย การจดั การความรู้ การบริหารจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน การสกดั การแพร่ระบาดของเพลย้ี แปง้ การประชาสัมพนั ธ์ 5 สรุปปัจจัยในการบรหิ ารจดั การเพ่อื ป้องกัน กำ� จัดเพลีย้ แปง้ ในมนั สำ� ปะหลังท่มี ปี ระสทิ ธิภาพ ปัจจัยท่ีสง่ ผลต่อการด�ำเนนิ งานของศนู ยจ์ ัดการศตั รูพชื ชมุ ชน บทสงั เคราะห์ และหมบู่ ้านต้นแบบ สรุปการบริหารจัดการเพื่อปอ้ งกนั กำ� จัดเพลย้ี แป้งในมันสำ� ปะหลัง ท่มี ีประสทิ ธิภาพ ผลจากการถอดบทเรียนส่กู ารน�ำไปใชป้ ระโยชนแ์ ละขอ้ เสนอแนะ

ถอดบทเรียนงานสง่ เสรมิ การเกษตร 91 1 การบริหารคน เจ้าหน้าท่ี ผู้น�ำ ชุมชน ทีมงานที่ดี การติดต่อส่อื สาร การมีส่วนรว่ ม ผนู้ �ำ สมาชกิ เสาะหาความร้/ู เทคนิค/วธิ กี าร กฎกติกา การรวมกลุ่มของเกษตร การเรยี นรู้ ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลกระทบต่อ การมสี ่วนร่วม การบริหารงานของชมุ ชน การสร้างจิตสำ� นกึ พง่ึ ตนเอง การบรหิ ารจัดการกำ� จดั เพลยี้ แป้ง เจา้ หนา้ ท่ี งบประมาณจากกรมสง่ เสรมิ การเกษตร 2 การบรหิ ารเงนิ งบประมาณจากหนว่ ยงานภายนอก แหล่งสนับสนนุ วธิ กี าร การบรหิ ารจดั การเงนิ กองทนุ ของกล่มุ ชุมชน การบริหารจัดการทรพั ย์สนิ ของกล่มุ การบรหิ ารจดั การรายรับ-รายจา่ ยของกลุ่ม

92 ถอดบทเรียนงานส่งเสรมิ การเกษตร สรุปผลการถอดบทเรยี นการบรหิ ารจัดการเพล้ียแปง้ ทม่ี ปี ระสิทธิภาพ ขนั้ ตอน การด�ำเนนิ งาน การคน้ หาโจทยใ์ น ❖ ลงพ้ืนท่ีส�ำรวจข้อมูลสถานการณ์ระบาดร่วมกับเจ้าหน้าที่ การถอดบทเรียน จงั หวัด 2 ครัง้ ❖ รวบรวมข้อมูลมือ 2 โดยเข้าร่วมประชุมโครงการจัดการ การก�ำหนดประเด็น เพล้ียแป้งมันสำ� ปะหลัง 2 ครง้ั ในการถอดบทเรียน ❖ จัดเวทีพูดคุยกับเจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบโครงการการจัดการ การจัดเก็บข้อมลู เพล้ยี แป้งมนั ส�ำปะหลงั 2 คร้ัง ❖ จัดท�ำประเด็นในการถอดบทเรียนจากโครงการการจัดการ เพล้ียแป้งมันส�ำปะหลังของส�ำนักพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร ❖ ลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลร่วมกันระหว่างทีมงานของส�ำนักงาน พัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรและกองวิจยั และพัฒนางานสง่ เสริม การเกษตร โดยในช่วงเช้าแบง่ เปน็ 2 ทีม คอื ทีมท่ี 1 จัดเวทีพูดคุยกับเจ้าหน้าท่ีส�ำนักงานเกษตรจังหวัด นครราชสีมา ทีมท่ี 2 จดั เวทพี ดู คยุ กบั คณะกรรมการหมบู่ า้ นพฒั นาการผลติ มนั สำ� ปะหลงั ครบวงจรตน้ แบบบา้ นหว้ ยดนิ ดำ� ตำ� บลธงชยั เหนอื อ�ำเภอปกั ธงชัย จงั หวัดนครราชสมี า ช่วงบ่าย รวมเปน็ ทีมเดยี ว จัดเวทีพูดคุยกับศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนบ้านเทพหัสดินทร์ ตำ� บลนิคมสร้างตนเอง อำ� เภอพิมาย จงั หวัดนครราชสมี า ❖ วิธีการจัดเก็บข้อมูล ใช้เทคนิคต้ังประเด็นค�ำถาม สนทนา/ แลกเปลย่ี น จบั ประเด็น/สรปุ ความ บันทกึ ขอ้ มลู โดยมีการแบ่ง บทบาทหน้าท่ีท่ีชัดเจน